ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The power of flying love ฤาหัวใจปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 อาณาจักต้องคำสาป (2)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 52



    ตอนที่ 1 ..อาณาจักรต้องคำสาป อีก 50 % นะคับ  อัพแปดรอบมันก็ไม่ขึ้นอ๊ะ
                    เหนื่อยละนะเนี่ย...<<<^^__^^  >>>

    “เมื่อกระทำการสิ่งใดลงไปไม่ควรเสียน้ำตา”

     

                    ไอ้จิ้งจอกเฒ่านั้นอีกแล้ว  เดินมาตั้งแต่เมื่อไรวะ  มาร์ตวัดนัยน์ตาเขียวขุ่นไปให้ที่ปรึกษาเจ้าเล่ห์

     

                    “ข้าไม่ได้เสียน้ำตา”

                    เสียงหัวเราะอย่างรู้ทันทุกความคิดของชายหนุ่มทำให้มาร์สูดลมหายใจอย่างอดทนแผงอกหนากระเพื่อมขึ้นลง ตามแรงโทสะ 

                    “ไม่มีใครไม่เคยเสียน้ำตา ”

                    “ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องบอกข้าซ้ำซากหรอกนาธาร์”

                    “ที่ปรึกษาเหมือนครู ..เมื่อไรที่เจ้าเก่ง   มีเหตุผล  ข้าบอกแล้วข้าจะไป”

     

                    มาร์มองจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์หนวดยาว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วร้อยนิ่งสงบ  มาร์ไม่เคยรับรู้ว่าที่ปรึกษาเฒ่ามีครอบครัวที่ไหน ตั้งแต่จำความได้เขาเห็นแต่ที่ปรึกษาจอมเจ้ากี้เจ้าการเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขาตลอด..ไอ้เรื่องจะมีลูกมีเมียที่ไหนก็สุดกำลังจะตามหา เขาไม่เคยสนใจไอ้หนวดยาวนี้มาตั้งแต่แรก และตอนนี้ก็ไม่ได้คิดจะสนใจมันด้วย  คนบ้าๆ อย่างนาธาร์ต่อให้ตายไปเขาก็ไม่เสียดาย...   

    “น่าจะไปตั้งแต่ตอนนี้”

    “แล้วก็ปล่อยให้เจ้ามาชกเสาหินระบายโทสะนี่นะรึมาร์ จำไว้อย่างวินซ์ฝากให้ข้าดูแลลูกชายของเขา หน้าที่ของข้ามีแค่นั้น ถ้าอยากให้ข้าไปเจ้าต้องทำตัวให้ดี”

    “ข้าทำตัวดีอยู่แล้ว”

    “แต่นางไม่!!!  ที่ปรึกษาหนวดยาวตอบ น้ำเสียงที่จริงจัง เข้มแข็.ของนาธาร์ ทำเอามาร์ชายตาเขียวขุ่นมอง น้อยครั้งนักที่เขาจะได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้  บุคคลที่สงบเงียบเคร่งขรึม ครูผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้เขา น้อยครั้งที่นาธาร์จะก้าวข้ามเหตุผลมาใช้อารมณ์  เขารู้จักนาธาร์ดี พอๆกับที่ตาเฒ่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์รู้จักเขา

    “ราชินีเอซน อยู่ในตำแหน่งพระมารดาของเจ้า...นางไม่มีสิทธิ์มากอดจูบกับบุตรชายของสามี และเจ้าไม่ควรจะอ่อนไหวตามแรงกระตุ้นนั้น”

    “ข้าแค่อยากทำให้นางหลาบจำ”   มาร์เถียง เสียงดังลั่น ...เขาไม่ได้รักนาง อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เขามีกับเอเซนคือรอยร้าวของหัวใจที่ต้องการเยี่ยวยา และยานั้นก็คือความเจ็บปวดของนาง ราชินีทรยศ

    “ข้าเป็นหนุ่มมาก่อนเจ้าหลายพันปี”

    “จะบอกอะไรกั บข้านาธาร์ ท่านไม่ต้องมาโยกโย้กับข้า “

    “อันที่ใดมีสตรี ...ที่นั่นจะมีความวุ่นวายตามมา สงครามหลายครั้งมีต้นเหตุเพราะสตรีเพศและสงบได้ด้วยสตรีเช่นกัน ข้าอาจจะแก่เกินไปสำหรับที่จะกล่าวเรื่องหนุ่มสาว แต่ถ้าในฐานะที่ปรึกษาสมองของข้ายังใช้งานได้ดีอยู่  ราชินีเอเซนแต่งงานกับพ่อของเจ้าพระนางเลือกเอง”

    “ท่านจะบอกว่า”

    “เมื่อกระทำการสิ่งใดลงไปแล้วไม่ควรเสียน้ำตา”

    “อดีตมีไว้เพื่อจดจำ หรือทำลายอยู่ที่เจ้าเป็นคนเลือก เส้นทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เจ้าจะคาดเดาได้จากการตัดสินใจเดินของตัวเอง  ..ทหารองครักษ์คงไม่พอใจนักที่เห็นนายอันเป็นที่รักของพวกเขาต้องมาหมกมุ่นกับอิสตรีอันเป็นคู่รักเก่าและตอนนี้คือราชินีของพวกเขา  สิ่งที่ต้องทำคือรักษาอาณาจักรสุริยะ แม้เจ้าไม่ต้องการแต่มันคือหน้าที่ของผู้นำ เมื่อตัดสินใจจงทำ และทำให้ดีที่สุด”

    “ข้าไม่ต้องการ!!

    “เจ้าถูกกำหนดมาร์”

    “ทำไมต้องเป็นข้า!!

    “สายเลือดแห่งสุริยะอยู่ที่เจ้า พระเบื้องบนทรงเลือกแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน เจ้าคือสุริยะ”

    “ข้า!!...ข้าไม่!!!

    มาร์สะบัดใบหน้าไปมา คลายความสับสนปั่นป่วนที่อยู่ในหัวใจ  นานมากแล้วที่เขาต้องต่อสู้กับจิตใจของตนเอง ต่อสู้กับอำนาจมืดดำที่ฝั่งอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ  ...แต่ไม่มีสักครั้งที่หัวใจอันเจ็บปวดจะได้รับการเยี่ยวยารักษา 

    แม่...ผู้หญิงที่อ่อนโยนแสนดีคนนั้น ..จะมีอีกไหมที่เขาจะสัมผัสกับอ้อมกอดอบอุ่นของท่าน อ้อมกอดที่ทำให้มาร์รู้ว่าเขาจะไม่มีอันตราย เขาจะถูกปกป้อง  ปลอดภัยด้วยสองแขนอบอุ่นคู่นั้น...

    “ ความมืดจะอยู่กับเราเมื่อเจ้าหลับตา”

    ดวงตาสีเทาเข้ม แลมองดวงตาสีเขียวขุ่น .....เป็นครั้งแรกที่มาร์เห็นดวงตาคู่นั้นอ่อนแสงลง  นัยน์ตาจิ้กจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เปล่งแสงสีเทาเรืองรองเหมือนที่ครั้งหนึ่งวินซ์ผู้เป็นบิดาเคยมองเขา   หากเพียงเศษเสี้ยววินาทีร่างสูงของนาธาร์ก็ก้าวข้ามธรณีเข้าไปในปราสาท...

    มาร์มองตามย่างก้าวของชายร่างสูงบึกบึนที่ลับหายไปกับเงามืดด้วยความสับสน นาธาร์กำลังเล่นปรัชญาการเมืองอะไรกับเขาอีก ไม่อยากจะเชื่อน้ำหน้าคนเจ้าเล่ห์อย่างนาธาร์เท่าไรหรอก ไม่มีครั้งไหนที่ชายผู้มีดวงตาสีเทาหนวดเครายาวคนนี้จะทำอะไรโดยไม่หวังผล  ...ผู้ชายที่มีอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวงแห่งสุริยะ...ผู้ชายที่เขาไม่เคยรู้จักตัวตน

    ชายผู้เคยทิ้งเขาไว้ในป่าดงดิบท่ามกลางสัตว์ร้ายด้วยวัยเพียงสิบขวบ  ชายผู้ปล่อยให้เขาหิวโหยท่ามกลางทะเลทราย ร้อนระอุ  เขาร่ำร้อง  เขาหวาดกลัว  และสียน้ำตามากมายกับเงามืดดำที่ตามไล่ล่าทั้งยามและหลับยามตื่น   เด็กชายวัยสิบขวบที่เกือบโดนเสือยักษ์เขี้ยวโง้ง.ฆ่าตายเพราะความอ่อนเพลีย  กระเสือกกระสนเพราะความหิวโหย

    นาธาร์ไม่เคยสนใจ  สายตาสีเทาดำที่มองลงมาจากฟากฟ้า เงียบสงบ นิ่งดั่งผืนน้ำในทะเลทราย

    ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ไม่มีที่ซุกหัวนอน  สิ่งที่เขามีคือร่างกายที่บอบช้ำ  ค่ำคืนที่รอนแรมในป่าดงดิบเด็กชายวัยสิบขวบต้องประทะกับเหล่าสัตว์นานาชนิด ไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าจนมองไม่เห็นแสงสว่างแผ่คลุมเต็มท้องฟ้า   พืชที่สามารถกลืนกินเขาไปได้ทั้งตัวโน้มเอนลงมาหาอาหาร ...ทันทีที่สุริยะลับขอบฟ้านั้นคือช่วงเวลาที่เขาทรมานกับความหนาวเหน็บ ทรมานกับความหิวจนแทบขาดใจ บางคืนเขานอนสลบบนพื้นน้ำแข็ง บางวันเขาเดินฝ่าทะเลทรายร้อนระอุ ...แม่...คำเดียวที่เขาเรียกร้อง แต่แม่ก็ไม่สามารถห้ามปรามบุรุษผู้นี้ได้ แม้แต่พ่อเจ้าแห่งสุริยะยังต้องฟังเมื่อนาธาร์เอื้อนเอ่ย   ...

    สามสิบตะวันขึ้นลงตามที่นาธาร์สัญญา   เขาฟื้นในห้องนอนอีกครั้ง ..สภาพที่ตื่นขึ้นมาอยู่ท่ามกลางเตียงกว้างแพรพรรณลื่นสวยงามละลานตา  เด็กชายวัยสิบขวบลุกขึ้น พร้อมโหยหาอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ...อ้อมกอดที่เขาใฝ่หา....หญิงสาวร่างเล็กผมยาวสลวยถักเปียยาวจนถึงสะโพกในชุดที่ครีมบางเบา  ใบหน้างามล้ำของมารดาจุมพิตบนหน้าผากของเขา มอบความกล้าหาญและอบอุ่น กอดปลอบเขาไว้ในอ้อมแขน..

                    แม่...ผู้หญิงคนเดียวที่มีรักให้เขาด้วยความบริสุทธิ์...แม่ที่จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ  ..

                    มาร์เดินทอดขาตามแสงโคมไฟในปราสาท  ....เงามือสว่างสลับกันก่อเกิดภาพวูบวาบน่ากลัว   ตะไคร้น้ำจับอยู่ตามขอบกำแพง  ละอองเกลือเค็มติดอยู่ตามเนื้อหิน...กำแพงสูงใหญ่ทอดยาวไปตาแนวหุบเขาสูง  สุริยะท่ามกลางทะเลลึก สุริยะท่ามกลางการปกครองอาณาจักรแห่งเทพ...ท่านแม่ข้ารักษาสุริยะให้ยืนยงอย่างที่ท่าต้องการ

                    อา...ฤาเทพต้องการให้เขาปลดปล่อย....ความมืดมิดทั้งมวล เพื่อรับแสงสว่างแห่งองค์สุรืยะ...

                    “มาร์ เจ้าถูกกำหนดมาแล้ว”   ถ้อยคำของนาธาร์สะกดลึกในหัวใจ 

    “ทุกชีวิตถูกกำหนดตั้งแต่แรกเกิด”  .ข้าจะชื่อท่านสักครั้งนาธาร์   ย่างก้าวของร่างสูงใหญ่หายลับไปกับซอกมืดของปราสาทท่ามกลางดวงตาลุกโชนสีแดงเพลิงในปรากายไฟบนคบเพลิง  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×