คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ภารกิจที่1 ขั้นตอนที่3:รวบรวมหลักฐานและพยานในคดี1
ภารกิจที่1 ขั้นตอนที่3
รวบรวมหลักฐานและพยานในคดี1
มะลิ…นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างร้อนใจ เธอได้แต่คิดน้อยใจตัวเองว่า ทั้งที่เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำมาตลอด แต่กลับมาโชว์โง่ให้คนอื่นเห็นเสียได้ น่าอายจริงๆ
คืนนั้นดีนอนคิดทั้งคืน ว่าทำไมนายแดงถึงได้มีรูปผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ในห้อง และจดหมายนั่นมันคืออะไร มันจะเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดหรือเปล่า และถ้าไม่ คนอื่นก็จะมองว่าเธอแย่มากๆเลยน่ะสิ อ๊ะ! ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอเดินตรงไปที่ห้องข้างๆของเธอ
ก๊อกๆๆๆ
“พ่อคะ เปิดประตูให้หนูหน่อย” มะลิเรียกพ่อตัวเอง ซึ่งตอนนี้กำลังดูละครน้ำตาคลอเบ้าอยู่ (-_-)
“ว่าไงลูก ฮึกๆ” พ่อของเธอเปิดประตูออกมา ทำให้มะลิตกใจไม่น้อยที่เห็นพ่อของตัวเองร้องไห้
“พะ…พ่อเป็นอะไรคะ??”
“แฮะๆ พอดีพ่ออินกับละครไปหน่อยน่ะลูก ^^” เขายิ้มให้มะลิอย่างเขินๆ “แล้วหนูมีอะไรคะ? หรือจะมาให้พ่อเล่านิทานให้ฟัง” มะลิส่ายหัวเบาๆพรางทำปากจู๋อย่างที่เธอชอบทำ
“คือว่าดีอยากจะถาม ตอนที่พ่อเรียนอยู่ที่วิเชียรไฮสคลูน่ะ พ่อพอจะรู้จักสองคนนี้หรือเปล่า” ใช่แล้วล่ะ เมื่อสามสิบปีก่อน พ่อของเธอได้ เป็นนักเรียนของที่นั่น แถมยังเป็นนักเรียนดีเด่นอีกด้วย
“ไหนลูก” ดียืนภาพในมือถือให้พ่อของตัวเองดู ดร.อานันท์ ขมวดคิ้วเป็นปมอยู่พักใหญ่ แล้วก็มองหน้ามะลิด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“คนนี้ เป็นประธานนักเรียนในสมัยนั้น…..” ดร.อานันท์ชี้ไปที่คนที่อยู่ด้านซ้ายมือและเลื่อนนิ้วไปที่คนขวาต่อ “ส่วนคนนี้ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน แต่พ่อจำชื่อไม่ได้หรอกนะ พ่อจำหน้าได้อย่างเดียว”
“แล้ว….สองคนนี้เป็นใคร แล้วมีความสัมพันธ์อะไรกันเหรอคะ” มะลิถาม พ่อของเธอถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ
“สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน คนที่เป็นประธานนักเรียนน่ะ เป็นถึงลูกสาวของนายทหารยศพลเอก ส่วนอีกคน เป็นลูกเลี้ยงของ ผอ.ทินกรที่นายแดงภารโรงคนสนิทฝากเลี้ยงไว้” มะลิเริ่มพยักหน้าตามแต่ก็ยังไม่หยุดถาม
“อ่อ….แล้วพ่อพอจะรู้ข่าวการผูกคอตายของนักเรียนหญิงเมื่อสามสิบปีก่อนรึเปล่าคะ” ดร.อานันท์มองหน้ามะลิอย่างตกใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“รู้แล้วก็อย่าไปเล่าให้ใครฟังเชียวนะ!” ดร.อานันท์พูดเสียงเบาลง อย่างกับว่าจะมีใครมาได้ยินอย่างนั้นแหละ
“เขาเล่าว่าช่วงนั้นน่ะ สองคนในรูปเนี่ยทะเลาะกัน หลังจากนั้นคนซ้ายมือที่เป็นประธานนักเรียนก็ดูซึมๆไป การเรียนแย่ไปหมด ต่างกับคนด้านขวา ที่ช่วงนั้นน่ะฮอตมากขึ้นและก็ดูจะไม่เศร้าเลยด้วยซ้ำ ร่าเริงแจ่มใสยิ่งกว่าเดิมเสียอีก….” ดร.อานันท์หยุดพูดไปพักนึง พรางมองหน้าลูกสาวตัวเองอย่างน่ากลัว “จากนั้นมาอีกประมาณสองสามอาทิตย์ คนขวามือก็ผูกคอตาย ในห้องเรียนชั้นหก พ่อนี่เห็นมากับตา!! ตัวของเธอห้อยลงมาจากพัดลมเพดานมันเป็นภาพที่ติดตาพ่อจริงๆ ><” ดร.อานันท์ และมะลิเอามือปิดหน้าพร้อมกันและส่ายหัวไปมา สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน…..-_-
“พ่อพอจะรู้หรือเปล่า ว่าทำไมเขาถึงผูกคอตาย” มะลิถาม เธอเริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยๆ เมื่อรู้ว่าการลางสังหรณ์ของเธอมันไม่ผิดไปซะหมด
“อันนี้พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ช่วงนั้นเขาก็พูดกันว่าอาจจะเพราะทะเลาะกับคนขวามือแล้วอีกอย่างการเรียนก็ตกต่ำลงและพ่อของเธอก็เข้มงวดเรื่องนี้มากๆด้วย เธออาจจะเครียดแล้วฆ่าตัวตายก็ได้” มะลิพยักหน้า แต่ก็ยังคงถามต่อไป
“แล้วถ้าเกิดว่า เรื่องนี้เป็นฆาตกรรมล่ะคะ พ่อว่าใครเป็นคนฆ่า” ดร.อานันท์มองลูกสาวตัวเองอย่างช่างใจนิดๆ ก่อนจะลูบหัวไปมา
“นี่หนูยังไม่เลิกดูหนังแนวนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย พ่อว่ามันทำให้ลูกขี้ระแวงยังไงก็ไม่รู้นะ”
“ก็หนูชอบนิคะ มันสนุกดี แล้วที่มะลิถามไปน่ะ พ่อคิดว่าใครล่ะค่ะ”
“ถ้าในความคิดพ่อก็น่าจะเป็นคนขวามือนี่แหละ ดูน่าสงสัยที่สุดแล้ว” มะลิยิ้มออกมาทันที ที่พ่อของเธอมีความคิดเดียวกับเป๊ะๆ เธอบอกกู๊ดไนท์พ่อตัวเองพรางคิดในใจว่าเรื่องนี้น่ะง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะมากเลยทีเดียว ต่อจากนี้มันก็เหลืออีกไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น ที่จะรู้ ว่าใครคือคนร้าย!!
เช้าวันต่อมา มะลิเล่าสิ่งที่เธอรู้มาเมื่อคืนนี้ให้ทุกคนฟัง หลายๆคนในอ้าปากค้างอย่างเหลือเชื่อ เว้นก็แต่ ซันกับแอนดริว ที่ยังคงทำหน้าตาครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่เรื่องนี้มันง่ายแท้ๆ แต่พวกเขาทำเหมือนมันยากซะอย่างนั้น
“พ่อฉันไม่เห็นเคยบอกเรื่องลูกเลี้ยงของคุณปู่เลยนะ สงสัยฉันต้องไปถามดูซะแล้ว” เอริคพูด คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปม และพยายามจะดูรูปหญิงสาวที่มะลิบอกว่าเป็นลูกเลี้ยงของปู่ตัวเอง
“นายลองไปถามดูนะ ถ้าเกิดว่ารู้อะไร ก็มาบอกพวกเราด้วย” ซันพูดเคลียดๆ ราวกับว่า ทุกอย่างมันยังไม่คลี่คลายทั้งที่ พวกเขาก็รู้เยอะซะขนาดนี้
“แล้วก็เธอด้วยลี เธอน่าจะไปถามอาจารย์กมลวรรณกับอาจารย์สรชัยดูด้วยนะเพราะว่า เธอเป็นนักมวย เรื่องการคุยกับครูสุขศึกษามันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร แล้วอีกคนก็เป็นที่ปรึกษาที่ชอบเล่าเรื่องเก่าๆ เธอก็ลองไปหลอกๆถามดู แต่อย่าถามตรงๆล่ะ เพราะคนที่อยู่ใน โรงเรียนนี้เกินกว่าสามสิบปีคือผู้ต้องสงสัยทั้งหมด!” ซันพูดอย่างเคลียดจัด ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่มะลิเล่าให้ฟังเลยสักนิด ทำให้มะลิที่ยืนอยู่ข้างๆซันก้มหน้าต่ำลง เพราะว่าเธอพยายามเก็บกดน้ำตาตัวเองเอาไว้น่ะสิ
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อเธอนะมะลิ แต่นั่นมันเป็นคำพูดของพ่อเธอคนเดียว ตอนนี้เราจะเชื่อใครไม่ได้ทั้งนั้น เพราะถ้ามันง่ายขนาดนั้น พ่อไอ้เอคงจับตัวคนร้ายได้ตั้งแต่สามสิบปีก่อนแล้วแหละ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ^^” ซันพูดปลอบใจมะลิ
“ฉะ…ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” เสียงของมะลิสั่นเครือ ทุกคนหันมามองมะลิเป็นตาเดียว
“ฉันไม่เหมาะกับที่นี่ ฉันไม่สมควรจะมาเป็นสายลับเลยจริงๆนะ” มะลิร้องไห้ออกมา พร้อมกับวิ่งออกไปจากห้องทันที เธอเป็นคนที่อ่อนไหวมาก และหัวอ่อนเชื่อคนง่าย และยังคิดว่าตัวเองโง่อยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก
“มะลิ!” ทุกคนเอ่ยปากเรียกมะลิพร้อมกัน แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว
“เดี๋ยวฉันไปเอง” นัทบอกกับทุกคนและวิ่งตามมะลิออกไป
[นัท]
ผมวิ่งตามมะลิออกมา แต่…มะลิหายไปแล้ว ผมคิดว่าผมตามออกมาติดๆ แต่ทำไมถึงไม่ทันนะ
“มะลิ เธออยู่ไหนน่ะ!!” ผมตะโกนเรียกเธอไปทุกที่ จนนักเรียนหลายๆ คนหันมามองผมกันหมด จริงสิ! มะลิเป็นเด็กห้อง A นี่นา คงต้องลองไปหาเธอที่นั่นดู
และมันก็เป็นไปตามที่ผมคิด มะลิยืนร้องไห้อยู่ที่มุมหลังห้อง
“มะลิ….” ผมเรียกเธอเสียงเบาและเดินไปยืนข้างๆ ทำให้เธอหันมามองที่ผม ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างนัก
“ฮือๆๆๆๆ ฉันขอโทษ ฉันมันไม่ดี ฉันมันไม่มีความรับผิดชอบ! ฮือๆๆๆ” ผมดึงตัวมะลิเขามากอดเป็นการปลอบใจ ปะ..ปลอบใจจริงๆนะ ผะ…ผมไม่คิดอะไรเกินเลยหรอกน่า V.V//
“มะลิ…เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จะร้องไห้ทำไมเล่า ถึงซันจะบอกว่าไม่ให้เชื่อใคร แต่ว่าเราก็ได้รู้เพิ่มจากเดิมไม่ใช่รึไง ฉันว่า…ที่ซันพูด คงจะหมายถึงให้เราหาหลักฐานที่มันชัดเจน ถ้าเกิดว่าเราฟังจากคนอื่นพูดอย่างเดียว แล้วจะเอาอะไรไปจับคนร้ายล่ะเนอะ^^”
“งั้นเหรอ ._.” มะลิเงยหน้าขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะปาดน้ำตาตัวเองออก
“ฉันต้องไปขอโทษทุกคนก่อน” มะลพูดจบก็วิ่งออกไปทันที
“เฮ้ยยย…มะลิ!! รอด้วย!!” ผมวิ่งตามมะลิออกไป เฮ้ออๆๆ ทำไมเธอวิ่งไวจังนะมะลิ
นัทและมะลิกลับมาที่ห้องปฏิบัติการ ทุกคนต่างก็พากันยิ้มเมื่อเห็นมะลิกลับมา
“ทุกคน คือ ฉันขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจน่ะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่งี่เง่าแบบนี้อีกฉันสัญญานะ^^”
“เฮ้อออ…นึกว่าเธอจะโกรธฉันแล้วซะอีกดีใจจังที่เธอกลับมา^^” ซันพูดทำให้มะลิยิ้มออกมา
“เอาเป็นว่าเราทุกคนต้องช่วยกันหาหลักฐานและพยานให้มากขึ้นจากเดิมสินะ” แอนดริวพูดขึ้นเบาๆ ทำให้เอริคกับลีที่ยืนอยู่ข้างๆเขาพยักหน้าตาม
“ใช่ วันนี้คาบโฮมรูมฉันจะลองไปให้อาจารย์กมลวรรณเล่าเรื่องเก่าๆของโรงเรียนนี้ให้ฟัง” ลีพูด
“อือ เดี๋ยวฉันจะลองไปถามพ่อเรื่องลูกเลี้ยงของคุณปู่ดู”เอริคพูดต่อ
“งั้นก็แยกย้ายกันไปเรียนเถอะ” ซันบอกพรางหยิบกระเป๋ามาสะพายบ่า
“อือ” ทุกคนขานรับพร้อมกันและพากันแยกย้ายไปเรียน
เย็นวันนั้น
ลีสาวสวยเดินขึ้นมาที่ห้องปฏิบัติการอย่างเซ็งๆ จนซันอดที่จะถามไม่ได้
“เป็นอะไรไปน่ะลี”
“ก็อาจารย์กมลวรรณน่ะสิ เล่าแต่เรื่องผีเจ้าที่ เรื่องผีก่อสร้างให้ฉันฟังน่ะ ชิ! อารมณ์เสียงจริงๆ!!”
“ฮ่ะๆๆๆๆ เธอนี่มันไร้ประโยชน์ดีจริงจริ๊งงงง” เอริคพูดอย่างชอบใจเมื่อรู้ว่าลีไม่สามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมมาได้
“อะไรย่ะ!!! แล้วนายล่ะ มีประโยชน์นักหรือไง!!!” ลีตอกกลับ ทำให้เอริคเผยยิ้มที่มุมปากออกมา
“แน่นอน แบร่ :P”
“แกได้อะไรมาว่าไอ้เอ” ซันถามเอริคทันที
“พ่อฉันบอกว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกเลี้ยงของคุณปู่จริงๆ แต่พ่อของฉันสืบมาหมดแล้ว ยังไงๆ เธอก็ไม่ใช่ผู้ร้ายอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า จะดูเป็นคนร้ายๆก็เถอะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานหรืออะไรที่บ่งบอกว่าคนคนนี้จะเป็นผู้ร้ายเลยสักนิด”
“แล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม” นัทถามขึ้น
“มีสิ พ่อฉันบอกว่าผู้หญิงคนนี้เปิดบาร์อยู่แถวๆมหาลัย J” เอริคตอบ
“เราไปหาผู้หญิงคนนี้กันเถอะ!!” มะลิพูดขึ้นมาเสียงดังทำให้คนทั้งห้องหันไปมองเธออีกครั้ง
“บาร์อะไรล่ะ คอนโดฉันอยู่แถวนั้นน่ะ” แอนดริวพูดขึ้น
“ชื่อโกมาน่าบาร์ แต่ว่าเราจะเข้าไปยังไงดีล่ะ ถ้าแค่ปลอมตัว เขาก็คงต้องตรวจบัตรประชาชนอยู่ดี” เอริคพูดพรางขมวดคิ้ว
“เรื่องนั้นน่ะ ให้ฉันจัดการเถอะ^^” ทุกคนหันไปมองที่นัทอย่างยิ้มๆ เพราะว่าทุกคนรู้ ว่านัทไม่เคยทำให้ผิดหวังน่ะสิ
ณ คอนโดของแอนดริว
“ว้าววว กว้างจังเลย *_*” มะลิที่เดินเข้ามาในห้องของแอนดริวโพรงขึ้นอย่างแปลกใจ
“นั่นสิ เป็นบ้านได้เลยนะเนี่ย” นัทพูดตาม
“ว่าแต่ อุปกรณ์ที่เตรียมมาครบนะซัน” ลีหันไปถามซันที่แบกกล่องใหญ่เท่าบ้าน
“อือ”ซันตอบแค่นั้น เพราะตอนนี้เขาอย่างจะขว้างกล่องบ้านี่ไปไกลๆ
“งั้นก็มาแต่งตัวกันเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก” ลีพูดขึ้นพรางค้นข้าวของที่อยู่ในกล่องนั้น
“นี่นัท มันจะดีเหรอที่โกหกพ่อแบบนั้นน่ะ” มะลิหันไปกระซิบกับนัทที่นั่งอยู่หน้าคอม
“โธ่ ช่วยไม่ได้นี่ เป็นสายลับน่ะ เราจะต้องรู้จักโกหกบ้างแหละ เธอต้องเรียนรู้นะมะลิ” มะลิพยักหน้างึกงั่ก ก็ก่อนที่มะลิจะมาที่นี่ นัทให้มะลิบอกพ่อไปว่าจะไปทำรายงานบ้านเพื่อนเลยจำเป็นต้องกลับดึกน่ะสิ
“นี่มะลิ เธอลองมาใส่ชุดนี้ดูซิ ดูเหมือนว่าจะมีแค่ชุดเดียวนะที่เล็กน่ะ” ลีเรียกมะลิให้ไปลองชุดเดรสสีดำสั้นจิ๋วตัวหนึ่ง ช่วยไม่ได้นี่นา ก็มะลิตัวเล็กมากๆ และชุดในกล่องใบนี้ก็มีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นน่ะ
ผ่านไป2ชั่วโมงเต็มๆ
“ต๊ายยย มะลิ!! ทำไมเธอถึงได้…!” ลีพูดอย่างตกใจเมื่อแต่งหน้าทำผมให้มะลิเสร็จ และทำให้คนในห้องทั้งหมดหันมามองมะลิเป็นตาเดียว
“มะ….มะลิ-_-//” นัทพูด หน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆอย่างไร้สาเหตุ
“จำแทบไม่ได้แน่ะ^^”ซันพูดยิ้มๆ
“อือ ดูแก่ขึ้นเป็นห้าหกปีเลยล่ะ” แอนดริวพูด ทำให้ทุกสายตาที่มองมะลิอยู่มองค้อนไปที่เขา
“นายต้องพูดว่าดูโตขึ้นย่ะ!!!” ลีท้วง
“นัท! นายจัดการเสร็จรึยังล่ะ จะได้ไปกันสักที” เอริคหันไปถามนัทที่ตอนนี้จ้องมะลิตาไม่กระพริบ
“หะ…เสร็จ…เสร็จแล้วล่ะ” นัทหันมาตอบอย่างตกใจทำให้เอริคขมวดคิ้วสงสัยเขานิดหน่อย
“อือ งั้นก็ไปกันเถอะ”
พวกเขาทุกคนออกจากคอนโดของแอนดริวพร้อมกับบัตรประชาชนปลอมที่นัททำให้แล้วเดินไปที่โกมาน่าบาร์ที่อยู่ห่างจากที่นี่เพียงแปดร้อยเมตรเท่านั้นเอง
ความคิดเห็น