คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ภารกิจที่1 ขั้นตอนที่1: ใครอยู่โรงเรียนนี้มากกว่า 30ปี
ภารกิจที่ 1ขั้นตอนที่ 1
ใครอยู่โรงเรียนนี้มากกว่า 30 ปี?
เลิกเรียน
“เฮ้! นี่พวกเรายังไม่รู้จักกันมากเท่าไรเลยนะ ฉันว่า เราน่าจะไปนั่งกินไอศกรีมที่หน้าโรงเรียนแล้วมานั่งแนะนำตัวเองกันดีกว่า” ซันพูดขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังจะลงมาจากชั้นหก
“นั่งแนะนำตัวเองเนี่ยนะ ใครจะทำแบบนั้นกัน มันน่าอายจะตายไป” แอนดริวบุรุษที่เงียบไปนานพูดขึ้น
“น่าอายตรงไหนวะไอ้ฝรั่ง จะทำงานด้วยกัน มันก็ต้องรู้จักกันมากขึ้น ไม่งั้นงานก็ล่มหมด” ซันอธิบายป่นหงุดหงิดเล็กน้อย ที่แอนดริวคัดค้านความคิดของเขา
“อือ ใช่ ฉันเห็นด้วยนะซัน เราน่าจะรู้จักกันมากกว่านี้” นัทเสริม
“นี่นายน่ะ โลกส่วนตัวสูงนักเหรอย่ะ ถามจริงๆเถอะนะในโรงเรียนเนี้ย นายรู้จักใครบ้าง” ลีพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด
“ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปรู้จักใครเลย ใช้ชีวิตอย่างนี้มันก็สงบดีอยู่แล้ว”แอนดริวพูดหน้าตาย
“นายจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะแอนดริว ฉันว่านายยังไม่เคยมีเพื่อนมากกว่า ฉันว่านายควรจะเปิดใจให้พวกเราสักหน่อยนะ ยังไงเราก็ต้องมาทำงานด้วยกัน” เอริคพูดอย่างใจเย็นที่สุด
“ใช่ๆไปกับพวกเราเถอะนะแอนดริว” มะลิช่วยพูด
“เหอะๆ พวกนายนี่ตื้อขั้นเทพเลยนะ ไปก็ได้” แอนดริวตอบตกลงพร้อมกับยิ้มมุมปากนิดๆ
ในร้านไอศกรีม
“เรามาเล่นเกม 1คำถาม 6 คำตอบกันเถอะ” ซันพูดขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานในการกิน
“ยังไงวะไอ้ซัน”
“ก็ถ้าสมมุติฉันถามว่า ชอบสีอะไร พวกนายทุกคนก็ต้องตอบฉันมา รวมทั้งฉันด้วย” ซันอธิบาย
“ฉันชอบสีชมพู^^” มะลิเริ่มตอบอย่างกระตือรือร้นมันทำให้ทุกคนหัวเราะในความซื่อ (บื่อ) ของเธอ
“ฉันเขียว^^” นัทตอบ
“ฉันชอบสีขาว” ลีที่นั่งข้างๆนัทตอบต่ออย่างรวดเร็ว
“นายล่ะแอนดริว ตอบมาดิ” ซันถามแอนดริวที่นั่งเงียบตั้งแต่เข้ามา
“ฉัน…. สีชมพู” คำตอบของแอนดริวทำให้ทุกคนอึ้งไป5วิก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนโต๊ะรอบๆหันมามองพวกเขา “ทำไมล่ะ ฉันจะชอบสีชมพูไม่ได้รึไง”
“เปล่า มันไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย แต่มันก็นะ ฮ่าๆๆๆ ” ซันยังขำต่อไม่หยุด
“ฉันสีน้ำเงินอะ” เอริคพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าซันขำมากเกินไป อาจทำให้แอนดริวไม่พอใจได้
“ฉันชอบสีส้ม ^^” ซันตอบคนสุดท้ายแต่สีหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความตลกเมื่อครู่
“ฉันขอถามมั่ง พวกนายน่ะกลัวอะไรมากที่สุดในชีวิต ของฉันกลัว แมลงวัน” รอบนี้ลีเป็นคนถาม
“แมลงวันเนี่ยนะ! มันช่างไร้สาระจริงๆ” เอริคพูดกวนประสาทลี
“แล้วจะทำไมล่ะย่ะ! นั่นมันเรื่องของฉัน!” ลีตะคอกใส่หน้าเอริคซึ่งกำลังแบร่ปากใส่เธอ
“ฉันกลัวงู มันเคยฉกฉันตอนฉัน6ขวบ เธอล่ะ มะลิ ได้ข่าวว่าพ่อของเธอเลี้ยงสัตว์แปลกๆไว้เยอะ เธอคงไม่กลัวพวกสัตว์หรอกนะ ใช่ไหม” นัทตอบพร้อมหันไปถามมะลิ
“สัตว์น่ะฉันไม่กลัวหรอก ฉันกลัวคนมากกว่า ชอบมาแกล้งฉันอยู่เรื่อยV_V” มะลิพูดน่าตาเศร้า
“ฮ่าๆ ฉันน่ะกลัวลิง ตอนเด็กๆพ่อกับแม่ฉันพาไปสวนสัตว์แล้วพวกลิงมันจะแย่งขนมฉัน ฉันไม่ให้ มันเลยกัดมือฉัน เป็นแผลเป็นด้วยแหละ ดูสิ” ซันยื่นรอยแผลเป็นจากลิงกัดตอนเด็กๆให้ทุกคนดู
“ส่วนฉันเนี่ย ไม่กลัวอะไรหรอกนะ แต่ที่เกลียดเนี่ย คือพวกหลงตัวเอง!!” เอริคพูดแล้วหันไปทางลี
“นี่นาย!! ว่าฉันใช่มะ!!” ลีทำท่าจะกระโจนไปทำร้ายเอริคแต่ดีที่นัทจับไว้ก่อน
“นายล่ะแอนดริว กลัวอะไรหรือเปล่า” นัทถามแอนดริวเพื่อที่จะให้สงครามกลางโต๊ะไอศกรีมสิ้นสุดลง
“ความตาย ฉันกลัวความตาย” แอนดริวตอบหน้านิ่ง แต่สายตาของเขากลับเศร้าลง เหมือนกับว่าเขาเคยเจอความตายมาแล้วยังไงยังงั้น
“เฮ้ย เอ่อออ…ฉันว่าเลิกเล่นแล้วมาตั้งชื่อทีมเราดีไหมๆๆๆ” เอริคยุติเกมส์ลงเพราะเห็นว่าบรรยากาศเริ่มซีเรียส
“ใช่ๆๆ ฉันว่าเราต้องมืชื่อทีมนะ^^” มะลิเสริม
“ฮูลู” แอนดริวพูดออกความเห็น เป็นครั้งแรก!!
“เอ่อ มันแปลว่าอะไรเหรอแอนดริว” มะลิถามด้วยความสงสัย
“ลาก่อนในสำเนียงออสเตรเลีย” แอนดริวอธิบายอย่างนิ่งๆ
“ลาก่อนเนี่ยนะ ทำไมต้องชื่อนี้อะ …เอ๊ะ!! นายกวนเหรอย่ะ!!” ลีถึงกับโมโหทันทีที่คิดขึ้นได้
“เปล่า... ก็มันจำง่ายนี่นา อีกอย่างฉันแค่อยากแสดงความเห็น” แอนดริวอธิบายความรู้สึกจริงๆออกมา
“ฉันว่าชื่อนี้เท่ดีนะ ฟังดูแปลกๆ แต่ก็จำง่ายดี^^” นัทออกความเห็นบ้าง
“เอาเป็นว่าเราจะใช้ชื่อนี้แหละ ใครไม่เห็นด้วยบ้าง” ซันถาม ในขณะที่ทุกคนก็ยิ้มอย่างพอใจกับชื่อนี้
“งั้นฉันขอ ฮูลูก่อนนะ เย็นนี้ต้องซ้อมอะ” ลีได้โอกาสขอทุกคนกลับบ้านน่าตาเฉย
“อือ งั้นฉันว่าพวกเราก็กลับกันเถอะ” ซันพูดต่อ
และทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านอย่างปลอดภัย เว้นก็แต่ ใครบ้างคนในนี้ที่เดินกลับเข้าไปในโรงรียนอย่างลับๆล่อๆ เขาเดินขึ้นไปที่ห้องปฏิบัติการที่ชั้นหก และทำบางอย่างกับคอมพิวเตอร์ในห้องนั้น เขาจะทำอะไรของเขานะ …….
เช้าวันต่อมา
“เฮ้ยนัท มาเช้าจังวะ” ซันถามขึ้นเมื่อเขามาถึงบนชั้นหก
“พวกเรามาครบกันรึยัง ฉันหาข้อมูลบางอย่างที่พอจะช่วยให้การสืบมันง่ายขึ้นแล้วนะ” ใช่แล้ว ชายปริศนาเมื่อวานนี้ก็คือเขานั่นเอง เมื่อวานหลังจากทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว เขาก็กลับเข้ามาหาข้อมูลบางอย่างที่คิดว่า ควรจะรู้ไว้
“ข้อมูลอะไรวะ ขอดูหน่อยดิ” ซันหยิบกระดาษในมือของนัทมาดู มันคือรายชื่อบุคคลที่อยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่30ปีก่อน
“เออวะ! แกหามาจากไหนวะเนี้ยO_O” ซันถามอย่างแปลกใจ
“ก็เมื่อวานหลังจากที่พวกนายกลับบ้าน ฉันก็ลองมาหาดูในคอมของห้องนี้ มันมีบอกไว้หมดเลยล่ะ” นัทอธิบาย
“อ้าว มาเช้ากันจังเลยนะ^^” มะลิที่เพิ่งมาถึงทักบุรุษที่อยู่ตรงหน้าอย่างสดใส
“มะลิ เธอดูนี่สิ เธอพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับคนพวกนี้บ้างไหม” ซันยื่นกระดาษในมือให้มะลิดู
“คนพวกนี้…คือคนที่อยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่สามสิบปีที่แล้วสินะ”มะลิ อ่านไปถามไป
“ใช่ อาจารย์3 แม่บ้าน 3 ภารโรงอีก1 เธอพอจะรู้ที่มาที่ไปของพวกเขาบ้างไหม” นัทอธิบายข้อมูลที่เขาหามาพร้อมกับถามมะลิทันที
“เฮ้ย แอนดริว มาดูนี่ดิ เรามีข้อมูลสำคัญในงานแรกแล้วนะเว้ย” ซันเรียกแอนดริวให้เข้ามาดู แอนดริวเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้วก้มดูกระดาษในมือของมะลิ
“ฉันเคยได้ยินมาว่า ภารโรงคนนี้น่ะ เสียสติตั้งแต่ ผอ.คนเก่าเสียชีวิตไป เขาว่ากันว่าแต่ก่อน ภารโรงคนนี้คือคนที่สนิทที่สุดกับ ผอ.อาจจะช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครไปไล่แกออกอยู่ดี เพราะเขาอาจจะสงสารอะไรประมาณนี้” มะลิอธิบาย
“ฉันว่า…ฉันเคยคุยกับเขา” แอนดริวพูดขึ้นหลังจากที่มะลิอธิบายจบ “ตอนนั้นฉันแอบไปนอนอยู่ในป่าด้านหลังโรงเรียน แล้วเขาก็มาถามว่าทำไมฉันถึงไม่ไปเรียน ฉันไม่ได้สนใจอะไร เขาก็เลยโยนบางอย่างใส่ฉันแล้วก็วิ่งหายไป”
“แล้วมันคืออะไรอะ” ซันถาม
“ไม่รู้สิ นี่ไง ดูดิ” แอนดริวยื่นกล่องเล็กๆที่ดูคล้ายๆกับหีบให้พวกเขาดู
“นี่นายจะเบียดฉันทำไมเนี่ยห๊ะ!! อีตาบ้าเอ้ยยย!!” เสียงลีโวยวายแต่เช้า เธอเดินเข้าห้องมาพร้อมกับเอริคคู่กัดของเธอ
“เธอนั่นแหละเบียดฉัน ยัยบ้า!!”
“เฮ้ๆๆ เลิกทะเลาะกันแล้วมาดูนี่สิว่ามันคืออะไร” ซันเป็นคนหยุดพวกเขาอีกตามเคย
“นั่นมัน เครื่องรางประจำตระกูลฉันนิ ฉันก็มีนะ พวกนายดูดิ” เอริคพูดพร้อมกับยื่นหีบน้อยหน้าตาคล้ายกับของที่ แอนดริวได้มาจากภารโรงนั่น “พวกนายได้มันมาได้ไงอะ นั่นมันผลิตด้วยทองคำทั้งหมดเลยนะ แล้วอีกอย่างก็มีแค่คนในครอบฉันเท่านั้นที่จะได้มัน” เอริคทำท่าทีประหลาดใจ ที่เห็นเครื่องรางประจำตระกูลของตัวเองอยู่กับคนอื่น
“ภารโรงคนหนึ่งเขาให้แอนดริวมาน่ะ แล้วภารโรงคนนี้ก็เคยเป็นคนสนิทของปู่นายด้วยนะ” มะลิอธิบาย
“คนสนิทคุณปู่งั้นเหรอ… เป็นไปได้ไหม ว่าคุณปู่ให้เครื่องรางชิ้นนี้กับเขาน่ะ เขาเลยพยายามหาเจ้าของใหม่” เอริคออกความเห็น
“ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอเอริคว่ามันทำจากทองคำน่ะ แล้วเขาจะหาเจ้าของใหม่ไปเพื่ออะไร ทำไมถึงไม่เอาไปขายเอาเงินล่ะ” นัทถามอย่างสงสัย
“พ่อเคยบอกฉันว่า เครื่องรางนี้น่ะ เหมือนเป็นเทพประจำตัวเรา ถ้าเราได้เป็นเจ้าของแล้วนะ มันจะคอยคุ้มครองเรา และเราไม่สามารถทิ้งหรือขายมันได้ มันจะตามเราไปทุกที่ มีครั้งนึง ฉันเคยลืมมันไว้ที่บ้าน พอเปิดกระเป๋าดูอีกที มันดันมาอยู่ในกระเป๋าฉันแล้ว เว้นแต่ว่า คนคนนั้นทำให้เครื่องรางชิ้นนี้ไม่พอใจ จากที่มันจะช่วยคุ้มครอง มันก็จะกลายเป็นดาบสองคมที่ มาทำร้ายเราทีหลัง” เอริคอธิบายทั้งหมด ทำให้หลายๆคนในห้องนี้ขนลุกกันถ้วยหน้า
“นี่นาย อย่าเพ้อเจ้อน่า ของแบบนี้มันมีที่ไหนกันฮะ!” ลีแย้งทันที
“ก็มีอยู่ตรงหน้าเธอนี่ไงเล่า!!” เอริคตะคอกใส่หน้าลีเบาๆ
“เดี๋ยวก่อนนะ นายบอกว่าเครื่องรางนี้มันตามติดตัวเราไปทุกที่ แล้วทำไมปู่ของนายถึงได้ให้เครื่องรางนี่กับภารโรงได้ แล้วภารโรงก็ยังส่งต่อให้แอนดริวได้ ทำมันไม่ตามไปอยู่กับเจ้าของเดิมล่ะ” มะลิถามเอริคอย่างสงสัย
“อือ ก็คือว่า ถือเกิดว่าคนในตระกูลของฉันมอบเครื่องให้ใคร มันจะอยู่กับคนนั้นได้ และ….การทำให้เครื่องรางไม่พอใจ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเครื่องรางไม่อยากจะติดตามคนๆนี้แล้ว ถ้าหากว่าเขาปล่อยมันให้กับใคร เครื่องรางก็อาจจะไม่ตาม ฉันว่าภารโรงนี่ก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ” เอริคอธิบายพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
“ฉันว่าภารโรงคนนี้ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับปู่แกแน่ๆไอ้เอ” ซันพูดขึ้น
“งั้นเราลองไปถามเขาดูเถอะๆๆ” ลีใจร้อนเกินไปอีกแล้ว
“ไม่ได้นะลี เราไม่ควรไปตอนนี้ ฉันคิดว่า เราน่าจะหาข้อมูลของคนอื่นๆในนี้ทั้งหมดก่อน แล้วเราค่อยเริ่มติดตามคนพวกนี้โดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัว” มะลิอธิบายอย่างจริงจัง
“ใช่ๆ ฉันเห็นด้วย ขืนเข้าไปถามดื้อๆ เดี๋ยวไก่ตื่นหมด” ซันเสริม
“ไหนๆ มีใครบ้างที่เราควรจะหาข้อมูล”ลีขอดูรายชื่อของคนที่อยู่โรงเรียนนี้มา กว่าสามสิบปี
“นี่อาจารย์กมลวรรณเป็นที่ปรึกษาฉันเองแหละ ท่านชอบเล่าเรื่องราวเก่าแก่ของโรงเรียนนี้ให้พวกฉันฟัง แล้วก็อาจารย์สรชัยเป็นอาจารย์สอนสุขศึกษาให้ห้องฉัน ส่วนอาจารย์อีกท่านป็นอาจารย์สอนสังคม ชื่อว่าอาจารย์สมชายอาจารย์คนนี้ฉันค่อนข้างสนิทนะ ท่านเป็นคนธรรมมะธรรมโม แล้วก็….เรื่องเมื่อสามสิบปีก่อนน่ะ ท่านก็บอกกับฉันเหมือนกันว่ามันไม่ใช่การฆ่าตัวตายและ การเสียชีวิตของ ผอ.คนเก่าก็ไม่ใช่อุบัติเหตุ”ลีอธิบายทุกอย่างเท่าที่เธอรู้ว่า
“แล้วอาจารย์สมชายบอกอะไรเธออีกไหม” นัทถาม
“ท่านก็บอกแค่ว่า คนทำยังอยู่ คนอยู่ยังรู้ และคนรู้กำลังจะไม่มีที่อยู่”ลีอธิบายอย่างที่เคยได้ยินมาจากปากของอาจารย์สมชาย
“มันหมายความว่าอะไรอะ ถ้าให้ฉันตีความฉันคิดว่า คนที่เป็นคนฆ่า กำลังจะจัดการกับคนที่รู้เรื่องนี้อย่างงั้นเหรอ ใช่หรือเปล่า” มะลิสันนิษฐานออกมา
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะมะลิ ฉันว่าเราควรจะรีบสืบเร่องนี้ ก่อนจะมีใครตาย” นัทว่า
“วันนี้ฉันมีเรียนสังคมพอดีเลย ฉันว่าฉันจะลองถามเรื่องนี้กับอาจารย์สมชายดู” ลีพูด
“ดีเลย งั้นฉันว่าเราแยกย้ายกันก่อนเถอะเดี๋ยวช่วงสายคนเยอะพวกนั้นอาจเห็นเราอยู่บนนี้ได้” ซันบอก และทุกคนก็พากันออกจากห้องไปในที่สุด
ความคิดเห็น