คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Code 06 นับถอยหลัง...
Code06 นับถอยหลัง...
“เอ่อ... นี่จะมาเที่ยวกันจริงๆเหรอครับ” ผมถามคุณพ่อของฟูว่า ขณะมองบันไดที่ทอดยาวสูงขึ้นไปตามทางลาดชันของภูเขา จนหายลับเข้าไปในป่า
“ใช่แล้วล่ะ ถือว่ามาพักผ่อนให้ลืมเรื่องไม่ดีๆเนอะ!” คุณพ่อกระแทกไหลฟูว่าที่ดูซึมๆ จนฟูว่าสะดุ้ง เหมือนตกใจที่มีคนทักตอนกำลังเหม่อคิดอะไรอยู่
นี่เป็นวันหยุดยาวสี่วัน เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ จนถึงวันจันทร์ พ่อฟูว่า จึงออกไอเดียว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวเปิดหูเปิดตานอก อควาแบสชั่น ทีแรกนึกว่าจะไปเที่ยวเมืองอื่นหรือไม่ก็ลงทุนทุ่มตังค์พาเราไป เที่ยวเมืองนักบุญแห่งแสงซะอีกแต่พอเอาเข้าจริงๆดันนั่งเรือออกมาเที่ยวภูเขาซะงั้น
แต่ก็ดี ได้มาเปลี่ยนบรรยายกาศ~ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด สี่ วันแล้วจะได้ฟิตกลับไปตั้งใจเรียน! ผมตั้งมั่นด้วยความมั่นใจเกินร้อย
“เอาล่ะนะ พวกเธอคงรู้แล้วสินะเรื่องที่จะมีศึกชิงมงกุฏราชันที่โรงเรียนน่ะ” คุณพ่อของฟูว่า ยิ้มระรื่นพลางยกสัมภาระเกือบสัมภารกขึ้นบ่า ด้วยท่าทางสบายๆ
“คะ ครับ ก็เหมือนงานกีฬาสี สินะครับ ฟังแล้วน่าสนุกมากเลย” ผมยิ้มบางๆ ถ้าได้ร่วมทีมกับพวกไคท์ล่ะก็ คงเป็นงานกีฬาสีที่สนุกไม่เบาเลยล่ะ ผมจินตนาการถึงวันที่พวกเรายิ้มด้วยกัน ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร
ถ้ามีทุกคนอยู่ล่ะก็... จะทำให้ดีที่สุด!
“ผิดถนัดเลยลูกเอ๋ย... โดนหลอกเต็มๆ”
มะ หมายความว่ายังไง...
“ฟังนะ เวห์ โรงเรียนแห่งนี้น่ะไม่ใช่โรงเรียนธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่เป็นโรงเรียนที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นอาวุธเพื่อที่จะชนะสงคราม ควรจะสะกิดใจตั้งแต่ที่โรงรเรียนนี้ สอบคัดเลือดด้วยการให้ชิงโครกับ
ไมน์เวฟพอลเทียมได้แล้วนะ” คุณพ่อจับไหล่ผมเบาๆ เหมือนจะให้ทำใจ แต่ให้ทำใจเรื่องอะไร?
“ตะ แต่ว่า โรงเรียนนี้ฝึกพวกเราให้สู้กับปีศาจกับจอมมารที่มาจากความมืดมิดไม่ใช่เหรอ ปีศาจที่กลืนกินหัวใจคนเราให้กระทำชั่วแล้วกลายเป็นปีศาจ...”
“เรื่องนั้นก็มีความจริงอยู่ แต่ไม่ละเอียดพอ ทุกวันนี้ที่คนทั้งโลกต่างฆ่ากันเองก็เป็นเพราะความโง่เขลา ไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่มีชีวิตกับไม่มีชีวิตออกได้ มนุษย์น่ะ เหมารวมระหว่างเดรฉานกับเผ่าปีศาจ และกำจัดทั้งคู่ ปีศาจน่ะแค่ปกป้องตัวเอง... ไม่ใช่สิ่งที่ชั่วร้ายอะไรเลย เพียงแต่มนุษย์ที่แสนโง่เขลาในอดีตบิดเบียนประวัติศาสตร์ ปลูกฝังความเชื่อ เพื่อสร้างกำลังรบมหาศาลในอนาคตต่างหากล่ะ เพื่อที่ตัวเองจะได้อยู่เหนือสุดบนโลก เหนือคนอื่นๆ ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น ลองไปคิดทบทวนดีๆ ว่าสิ่งที่ฉันพูดน่ะจริงรึเปล่า...” พ่อของฟูว่าพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบผมจ้องลึกลงไปในดวงตา ในดวงตาสีเหลืออำพันนั้นไม่มีแววของคนโกหกเลยซักนิด ทั้งหมดเป็นความจริง?
เรื่องที่เล่าต่อๆกันมา ความเชื่อ สิ่งยึดเหนี่ยวของเหล่ามนุษย์ทั้งปวง เรื่องราวที่พ่อแม่เล่าให้ฟัง เรื่องราวที่อาจารย์สั่งสอน ประวัติศาสตร์ที่เราคอยเรียนรู้ จะบอกว่าทั้งหมดหลอกล่วงเราอยู่...งั้นเหรอ พอผมจะเอ่ยปากเถียงคุณพ่อของฟูว่าก็พูดขึ้นดัดคอ
“ไม่อย่างงั้นเขาจะให้เรียนวิชาที่แสนไร้สาระอย่าง วิชาประวัติศาสตร์งั้นเหรอ” เอ่อ...อันนี้ฟังดูมีเหตุผลนะ
“เรื่องที่มีคนเชื่อเยอะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นความจริงซะหน่อย เรื่องที่ไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่จริงซะหน่อย... ลองไปหาหนังสือนอกว่าเวลามาอ่านเล่นน่ะ เรื่อง Ten Year Ago กับ The Tree Of Life หนุกนะ” คุณพ่อของฟูว่า ยิ้มระรื่น ก่อนจะแบกกระเป๋าเดินขึ้นบันไปหินไป
“พวกนายคุยไรกันน่ะ ทำลับๆล่อๆ ท่าคิดไม่ซื่อละก็แกตายแน่!” อัยกระโดดลงจากเรือก่อนจะชี้หน้าผม
“ไม่แม้แต่จะคิดเฟ้ย! หลงตัวเองไปป่าว~” ผมกอดอกเถียงกลับ
“พวกนายนี่น้า~”ไคท์ส่ายหน้าอย่างเอือมละอาก่อนจะเดินไปจูงมือ ฮาร์ต ลงมาจากเรือ สรุปว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ คุณพ่อของฟูว่าเขาจ่ายให้หมดแถมยังพาพวกเรามายกก๊วนด้วยแม้แต่ ฮาร์ต ที่อยู่คนละโรงเรียน
เท่าที่ผมคิดนะ คงอยากให้ฟูว่าร่าเริงขึ้นซะมากกว่า เลยพามาทั้งหมด ก็บรรยายกาศคึกครื่นจะได้รู้สึกคึกคักยังไงล่ะ แต่เท่าที่เห็น เหมือนฟูว่าจะตีตัวออกห่างพวกเราทุกครั้งที่พยายามจะเข้าใกล้...
ผมอยากถามออกไปเหลือเกิน ว่าทำไมล่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะ... อย่าทำเหมือนพวกเราไม่รู้จักกันสิ อย่าออกห่างจากพวกเราได้ไหม ยิ่งฟูว่าทำแบบนี้ความฝันของผมก็ห่างไกลออกไป
ผมควรจะทำยังไงดีนะ คิดปุ้บก็รู้สึกมืออุ่นๆ พอลองหันไปมองก็พบฮาร์ตยืนอยู่ข้างๆกุมมือผมอยู่
“ทะ ทำอะไรน่ะ!” ผมหน้าแดงพยายามจะแกะมือออก แต่สุดท้ายก็แพ้เธออีกจนได้
“จูงมือเด็กหลงทางน่ะ” เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะลากผมเดินขึ้นบรรไดตามคนอื่นๆไป
ผมเองก็เคยสงสัยนะทั้งๆที่ตัวเองหน้าตาก็ไม่ได้ว่าหล่อแถมยังไม่มีอะไรดีเลยแต่ทำไมเธอคนนี้ยังคนยืนอยู่ข้างๆ เสมอ มันทำให้หัวใจเต้นรั่ว พยายามกดดันไม่ให้ตัวเองคิดลึกเพราะ ฮาร์ตก็คงคิดว่าผมเป็นแค่เพื่อน เพื่อนก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนสิ คำนี้คงเป็นคำตอบของข้อสงสัยทั้งหมด
นั้นสิเนอะมันเป็นสิ่งที่เราเอื้อมไม่ถึงอยู่แล้ว อย่าไปคิดถึงมันเลย ผมยิ้มก่อนจะออกแรงวิ่งให้ทันฮาร์ตจนอยู่บรรไดขั้นเดียวกัน พวกเราหัวเราะก่อนจะแข่งกันวิ่ง “ใครถึงก่อนชนะนะ!” ผมตะโกนลั่น ทำให้ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะฉีกยิ้ม แล้วออกแรงวิ่งแข่งกัน
ผลสุดท้ายทุกคนเลยนั่งหอบใกล้ตายกันกลางทาง ‘บรรไดสุดชันนี้มันมีมากกว่าพันขั้นเชียวนะ’ คุณพ่อของฟูว่าพูดยิ้มๆ ทำให้พวกเราที่ฟิตปั๋งอยากวิ่งถึงกับท้อไปทีละรายๆ ดูเหมือนเรื่องที่พูดจะจริงซะด้วยสิ ผมเงยหน้ามองบรรไดที่ทอดยาวขึ้นไปตามสันเขา มันยาวจนเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดเลยล่ะ
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงในที่สุดเราก็มาถึงข้างบนสุด สภาพ เหมือนคนเพิ่งผ่านการวิ่งมารทอนมาหมาดๆ ผมทิ้งสัมภาระทั้งผมทันที่ที่เหยียบขอบบันได... เย้ในที่สุดก็ถึงซะที!
“เอาล่ะ! ในที่สุดก็มาถึงจุดนัดพบพอดี” คุณพ่อฟูว่าตะโกนน้ำเสียงระรื่น
“หา?” ผมอุทานงงๆ
“ไง ทุกคน สี่วันนี้เราจะมาฝึกหนักต้อนรับศึกหนักกัน!” ผู้หญิงท่าทางห้าวๆท้าวสะเอวตะโกนด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผมของเธอเป็นสีน้ำตาลดูแข็งกระด้าง หน้าตาโดยรวมถือว่าสวย หรือจะมองว่าหล่อโฮกก็ได้อยู่
“อ๊ะ... ฟะ ฝึกหนัก!” ผมกุมหัว ไม่ได้มาเที่ยวกันหรอกเรอะ! สิ้นเสียงตะโกนในใจกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของผมก็กลิ้งหล่นจากขอบบันไดลงไปล่าง
เฮ้ย~! อย่าเพิ่งทิ้งกันไปสิ! น้ำตาผมไหลพรากๆ วิ่งตามลงไปเก็บแต่ดันสะดุดขาตัวเอง เวรกรรรม....
ผมกลิ้งตามสัมภาระไปติดๆแบบเจ็บๆสุดๆ คิดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่ากลิ้งลงบันไดหินพันขั้น!
โครม~! ผมสไลด์ไปกับพักขั้นถไลไปกับราวสามเมตรได้ รับรองความรู้สึกแสบๆแบบนี้แผลถลอกเต็มตัว ผมยันตัวเองขึ้นมาอ้าปากค้าง มองต้นไม้หักลงมาทับมือซ้ายตัวเองดังกร็อบ!
ผมแหกปากตะโกนลั่นในใจ ขณะสบตากับปีศาจตัวสีดำหน้าตาโฉดบริสุทธิ์ วันนี้มันวันซวยอะร้าย~~!!!
ความคิดเห็น