คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Code 05 ปะทะเคนชิน
Code05 ปะทะเคนชิน
ในที่สุดนี่ก็เข้าปลายภาคแล้วครับ ถึงจะรู้สึกว่าเวลามันผ่านเร็วเวอร์ไปหน่อยก็เถอะ อย่างน้อยการได้ใช้เวลากับเพื่อนๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่าแล้วละ ผมผูกเน็กไท เมื่อเหลือไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาจวนจะสาย เลยรีบคว้ากระเป๋าสะพายวิ่งลงไปคาบขนมปังที่ปะป๋าเตรียมเอาไว้ให้ก่อนจะวิ่งออกจากบ้านโดยมีเสียงของปะป๋าดังไล่หลังมาว่า “แหม ลูกเราเป็นหนุ่มแล้วนี่นะ”
การวิ่งไปโรงเรียนตอนจอนจะสายเป็นกิจวัตรประจำวันของผมไปซะแล้ว รวมทั้งการสไลด์เข้าเส้นชัยแบบเส้นผ่ายาแดงด้วย “แหม เร็วไปสามวินะ” อาจารย์ฟากดนาฬิกาจับเวลาในมือสงเสียงตี๊ด อ่ะ ก่อนเวลาสายสามวิเรอะ... สถิติใหม่เลยนะเนี่ย ว่าแต่... “มาทันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอคับ...”
หลังจากที่จดโน้ตกลับบ้านแล้วอ่านไม่ออกมาเป็นเดือน พอปะป๋ารู้เข้าก็เลยปูพื้นฐานทางภาษาให้ผมใหม่ ตั้งแต่ตัวอักษรยันสำนวนแปลกๆ เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ลายมือของผมก็เริ่มเข้าที่เข้าทางนะ หมายถึงพออ่านออกน่ะ
พักเที่ยง... บนดาดฟ้า
“ก็น่ะ ละครเมื่อวานดันจบได้ทุเรศมากๆ สุดท้ายพระเอกโดนจับทำโคนนิ่งละ ฉันว่ามันเหมือนตัดจบเพราะหมดมุขนะ!” อัย พูดเรื่องละครกับเวห์อย่างเมามันส์ ส่วนผมก็นั่งเอ๋อยัดไข่เจียวเข้าปาก น่าเสียดายจริงๆผมตั้งใจจะดูเรื่องนั้นอยู่หรอกนะแต่ดันเผลอหลับก่อนมันจะฉายทุกที ขนาดตั้งตารอนั่งดูรายการเกมโชว์กับปะป๋าไปพลางๆยังเผลอหลับ
“จะว่าไปตอนโฮมรูม อาจารย์เขาว่าไงนะ พอดีฉันหลับอ่ะ” เวห์ลูบหัวตัวเองพลางหัวเราะแห้งๆ เฮ้อไม่ไหวเลยหมอนี่ หลับทั้งคาบไม่สิ... ทุกคาบซะมากกว่า ผมนึกย้อนไปตอนเรียนจำได้ว่าเห็นหมอนี่หลับในห้องเรียนตลอดเลย กะจะหันไปถามก็เจอหมอนี่หลับ สุดท้ายเลยต้องเพิ่งพิงอัยตลอด
ปึ้ง! ประตูดาดฟ้าโดนกระแทกเปิดอย่างแรง ร่างของเด็กสาวผมเขียวโผล่พรวดออกมาพร้อมกับข้าวราดพแนงในมือ เท่าที่จำได้เขาห้ามเอาพาชนะออกนอกโรงอาหารไม่ใช่หรอ?
“กินข้าวกันไม่ชวนเลยนะค่ะ!” แล้วก็เป็นแบบนี้แทบจะทุกวัน ไคท์มักจะโผล่พรวดพร้อมกับส่งเสียงโครมครามตอนที่ผมกำลังกินข้าวได้ครึ่งกล่อง... อืมเป็นปริศนาที่ล้ำลึกจริงๆ ว่าแล้วผมก็ยืนช้อนไปตักพแนงมาชิมดู
“ใครให้นายกินมิทราบย่ะ!” ไคท์แหวเสียงดังแต่ก็ไม่สะเทือนโสนประสาทของผมซักนิด ตบท้ายด้วยการจกพแนงมาราดไข่เจียวเพื่อเพื่มรสชาติ ทีแรกผมก็นึกว่าอัยกับเวห์จะเข้ากันไม่ได้เห็นทะเลาะกันแทบจะตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน ช่วงหลังๆมานี้กลับคุยกันถูกคอซะงั้น...
อ้าว ทะเลาะกันอีกแล้ว ผมมองอัยกับเวห์ที่เริ่มเถียงกันก่อนจะเปลี่ยนเป็นชกต่อย... จริงๆแล้วอัยเป็นเด็กผู้ชายรึเปล่านะถึงได้ดูห้าวๆ ผมยกช้อนขึ้นแตะริมฝีปาก มองอัยที่ปล่อยหมัดขวาตรงใส่เวห์เข้าเต็มๆหน้าจน เขาหงายหลังไปนอนแอ่งแม้ง โดยมีไคท์ยืนหัวเราะเยะเย้ยอยู่ข้างๆ
อ๊ะ... จะบ่ายแล้ว ผมรีบกินข้าวจนหมดแล้วปิดฝายัดกล่องข้าวลงในกระเป๋า
ขากลับบ้าน
ผมเดินเอื่อยๆไม่รีบร้อน หลังจากแยกทางกับพวกเวห์ ตอนนี้ก็เวลาเย็นแล้วท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มชมพูส่วนอีกฟากก็เริ่มเป็นสีม่วงยามราตรี ดูแล้วสวยจนเพลินเลย ว่าแล้วก็ควักกระเป๋าตังค์ขึ้นมาตรวจจำนวนเงินในกระเป๋า วันนี้ก็วันศุกร์แล้วแถมเงินค่าขนมยังเหลือเยอะด้วยละ งั้นวั้นนี้แวะร้านการ์ตูนละกัน วางแผนเสร็จก็เก็บกระเป๋าสตางค์นกฮูกลงกระเป๋ากางเกงไป พอเงยหน้าขึ้นมาผมก็อึ้งนิดๆ
เด็กสาวในชุดซามูไร ใบหน้าเรียวสวยยืนปล่อยผมสีแดงยาวพริ้วไหวไปกับสายลม ดวงตาเรียวโตที่หรี่เหมือนกำลังเศร้าจ้องไปยังสายน้ำที่ไหลเอื้อยๆในท่อส่งน้ำที่ฝังอยู่กับพื้น โดยรวมแล้วคนนี้สวยมากจนผมอึ้ง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคนๆนี้เป็นผู้ชายนะทั้งๆที่สวยขนาดนี้แท้ๆ แล้วผมก็เลิกสนใจเดินผ่านไปโดยมีเสียงเล็กๆไล่หลังมาว่า “สายน้ำจะไหลไปที่ไหนกันนะ” ฟังดูคุ้นๆหูแฮะคำนี้ “คงไปในที่ๆเรามองไม่เห็นมั้ง” ผมตอบเล่นๆไม่นึกว่าเธอจะได้ยิน แล้วจ้องผมเขม็ง กลัวนิดๆแฮะ
ร้านขายหนังสือ
ผมหยิบนิตยสารการ์ตูนขึ้นมาภาพเมื่อครู่ยังคงติดตาวนอยู่ในความคิดเด็กสาวที่ดูเหงาๆบางทีอาจจะเป็นเทพธิดาแห่งโชคชะตาแปลกกายมาก็ได้ อืม คงไม่มีจริงหรอมั้งเรื่องแบบนั้นน่ะ ผมคิดเล่นๆก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์ ไม่เข้าใจเลยแฮะทำไมเราติดตามหนังสือการ์ตูนเรื่องไหนทีไรเรื่องนั้นเป็นต้องเลื่อนกำหนดวันวางขายทุกที หลังจากรับถุงใส่สินค้ามาแล้วก็เดินออกจากร้าน รับสายลมเย็นๆของหนาวหน้าเต็มๆ
หนาววุ้ย...
กลับไปที่บ้าน ขณะที่ปะป๋านั่งดูทีวีรายการเกมโชว์อย่างสนุกสนาน เมื่อผมนึกเรื่องอะไรขึ้นได้เลยพลั่งปากถามออกไป “นี่ ปะป๋า คิดว่าเทพธิดาแห่งโชคชะตามีจริงไหม”
“นี่ ฟูจัง อย่างถามเรื่องแบบนี้ด้วยหน้าตายๆสิมันไม่เข้าเลยนะ” หา? ผมหน้าตายหรอ? ไอ้ใบหน้าที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรเลยนั้นนะหรอ ผมเนี่ยนะ อันที่จริงคิดมาตลอดเลยละว่าตัวเองเป็นเด็กหนุ่มน้อยขี้เศร้า ไม่ใช่เด็กหนุ่มมาดเท่หน้าตาย! “เอ๊ะ” ผมแอบช็อกนิดๆ
“ก็นะ” ปะป๋าตอบยิ้มๆก่อนจะหันไปมองพิธิกรสาวบนจอต่อ...
พักเที่ยงวันถัดมา บนดาดฟ้าเช่นเคย
“น่าเสียดายจริงๆวันนี้เขางดเรียนคาบบ่ายอ่ะ เสียดายจริงๆเลยนิยายเล่มนั้นอ่านจะจบอยู่แล้วด้วยมันค้างคาใจ!” อัยตกลงนี่เธอไปทำอะไรที่ห้องเรียนนักเวทกันแน่เนี่ย
“ก็เห็นเขาจะเตรียมงานอะไรซักอย่างกันดัวยละ” เวห์บอก ไม่น่าเชื่อ! คนที่หลับตลอดคาบเรียนอย่างเวห์ กลับรู้เรื่องกับเขาด้วย
“ว่าแต่ทำไมพวกเราต้องมานั่งกินข้าวบนดาดฟ้าทุกวันด้วยละเนี่ย” ผมถามแต่ตายังคงจ้องไขเจียวราดพแนง (ที่เพิ่งตักจากไคท์เมื่อครู่)
“อื่ม...” อัยกอดอกนั่งคิดก่อนจะตอบออกมาอย่างมั่นใจ “ก็เพราะมันเป็นพื้นฐานของพวกนิยายกับในอนิเมไงละ!” ด้วยเหตุผลแค่นี้ทำให้ผมต้องหอบข้าวของขึ้นมานั่งบนดาดฟ้าชั้นสิบสามทกวันเนี่ยนะ...
“แถมยังลมดีด้วย!” เวห์หยักไหล่ ก่อนจะถูกไคท์แหวใส่เสียงดัง “นี่ นายกล้าดียังไงมาแย่งคำตอบฉันไปเนี่ย!” แล้วเธอก็ลงมือดึงแก้มของเวห์อย่างไม่ปราณี
“เอ๊ะ จริงด้วย” แล้วเหมือนเธอจะนึกกอะไรขึ้นได้เลยผละตัวออกจากเวห์ทิ้งให้เขานั่งกุมแก้มอย่างเจ็บปวด “นี่ คุณฟูว่า เรามาตั้งทีมกันถอะ!”
“ทีม?” ผมทวนคำ
“ใช่แล้วละเวลาจะปัฎบัติภารกิจก็ต้องมีทีม! แถมฉันได้ข่าวมาว่าจะมีการแข่งขันเกิดขึ้นด้วย อืม... ประมาณว่าศึกชิงมงกุฎ อะไรทำนองนี้อ่ะ!” เธอพูดอย่างกระตือรือล้น... ศึกชิงมงกุฏหรอ? ผมเงยหน้านึกภาพมงกุฏตั้งอยู่บนแท่นสูงลิบฟ้าแล้วสองกองทัพดำกับขาวก็เข้าปะทะกันอัศวินของทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างเต็มที่แล้วสุดท้าย...
“มันเป็นยังไงหรอ?” อัยถามอย่างสนใจ
“ก็แต่ละทีมจะต้องวิ่งวิบากมารทอนแล้วผลัดไม้น่ะ แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย ส่วนของรางวัลชนะเลิศก็เป็นมงกุฏชั้นเลิศ ที่สืบทอดกันมาในราชวงค์ แห่ง ควีนแลนด์~ ” ฝันของผมก็พังทลายลงไม่เป็นท่า เอาเถอะถ้าแค่กีฬาสีธรรมดาๆก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
“อัย กับ เวห์ สนใจเข้าร่วมป่าว” ผมหันไปถาม ซึ่ง ดูจากสายตาที่เป็นประกายแล้วคงจะแน่นอนสินะ
“เอาละงั้นทีมเรา ก็มี ฟูว่า อัย เวห์ แล้วก็ฉัน เอ่อ...” แล้วเธอก็ยกนิ้วขึ้นมานับแล้วนับอีก“ขาดไปคนนึงอ่ะ...”
“งั้นก็หาเพิ่มสิ!” อัยออกความคิดเห็น
“แล้วคิดว่าจะมีใครมาร่วมทีมกับพวกเราบ้างละค่ะ! ดูแต่ละคนสิ...” ไคท์มองไล่ตั้งแต่ตัวเอง เวห์ อัย แล้วก็หันมามองที่ผม เหมือนนึกอะไรดีๆออก “แต่ถ้าเป็นคุณฟูว่าละไม่แน่!”
“ฉันเหรอ?” ผมชี้หน้าตัวเอง ไคท์รีบพยักหน้าหงึกหงัก เสนอให้ผมออกไปล่าหาคนเพิ่มภายในพักเที่ยงนี้ แล้วมันจะทันได้ยังไงเล่า... ในขณะที่กำลังคิดหนักเสียงของเด็กสาวก็ดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของดาดฟ้า
“น่าสนใจดีนิ เรื่องที่พวกนายพูดกัน” เด็กสาวชุดซามูไร คนที่เจอเมื่อวาน! เธอเลื่อนมือไปจับที่ดาบ คาตะนะ ผมรีบลุกขึ้นมาทันทีตามสัญชาติญาณ เพียงเสี้ยววินาทีดาบนั้นก็ถูกตวัดออกมาวาดเส้นแสงสีแดงเพลิง ผมกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ ส่วมคนอื่นๆนั้นก็หลบออกมาทันเว้นแต่... เวห์ที่ตอนนี้หงายลงไปกองกับพื้นพร้อมควันแดงๆที่ลอยขึ้นมาจากหน้าผาก
หลบไม่พ้นสินะ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือ... ไม่ได้หลบซะมากกว่า “ไอ้นี่นิ” ไคท์พึมพัมไม่รู้ว่าติเวห์หรือผู้มาใหม่กันแน่ ผมมองไปทางอัยดูเหมือนเธอจะเริ่มมีน้ำโหนิดๆ
“ถ้าไม่ใช่สันดาบละก็หัวขาดไปแล้ว” เธอเอาดาบเขี่ยๆเวห์
“ต้องการอะไร!?” ผมเรียกดาบกับคทาออกมาถือไว้พร้อมรบ เธอคลี่ยิ้มก่อนจะพูดว่า “ถ้านายชนะฉันได้ล่ะก็จะยินดีเข้าร่วมทีม” เมื่อได้ยินดังนี้ไคท์ก็คลี่สีหน้าพอใจออกมาทันทีรีบตะโกนเชียร์ผมทันที “ตกลง” ผมตอบแล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นทันที เธอตวัดดาบใส่ แต่ผมกว่ายกคทาขึ้นมากันพร้อมแทงดาบสวนกลับ
เธอตวัดดาบดีดคทาออกแล้วปัดวิถีดาบของผมให้ไปอีกทางในดาบเดียวน่าทึ่งมากการเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งครั้งทำได้มากขนาดนี้ “ช่องโหว่เพียบเลยนะ” คำพูดนี้มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ท้องของผม ดาบคาตะนะเสียบเข้าที่เอวเต็มๆ ผมกัดฟันถีบตัวออกมาจากดาบ ของเด็กสาวผมแดง เหมือนเธอจะรู้ว่าผมต้องการอะไรจึงชักดาบกลับไป ยิ่งสร้างความเจ็บให้บาดแผลกว่าเก่าอีก
“ฟูว่า!” อัยกรีดร้อง ก่อนจะวิ่งเข้ามาดูอาการแต่โดนผมยกคทาห้ามไว้ “อย่าเข้ามา... มันยังไม่จบ”
“แต่เลือดนาย...” “ไม่เป็นไร” ผมรีบตอบ แล้ววิ่งลากดาบตวัดเข้าไปหาสาวซามูไร เธอเอี่ยวตัวหลบพร้อมกับแนะนำตัวไปด้วย “ฉันชื่อ เคนชิน อยู่ปีสอง เป็นรุ่นพี่ของนาย ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฟูว่า...” ผมเหวี่ยงคทากะจะน็อกเคนชินให้ได้ในการโจมตีครั้งนี้จึงเล็งไททอยไว้แต่... เคนชินก้มหัวหลบได้เหมือนอ่านความคิดออก แน่นอนว่าคนอย่างรุ่นพี่เคนชินไม่เคยแค่หลบเฉยๆ เมื่อมีโอกาศเธอมักใช้มันเสมอเหมือนคราวนี้ที่รุ่นพี่เคนชินหมุนตัวกลับมาถีบ ผมกัดฟันยกดาบรับการโจมตี แต่ก็ยังกระเด็นอยู่ดี
โครม! ผมกัดฟันกรอดขณะกระแทกกับรั้วดาดฟ้าอย่างแรงจนมันยุบ
เลือดที่แผลไหลออกมาไม่ยอมหยุด ผมปักดาบลงกับพื้นยันตัวขึ้นยืนหลังจากสูดหายใจลึกๆก็ปักคทาลงกับพื้น ยันตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม สติเริ่มเลือนลางท่ามกลางเสียงร้องตกใจ ก่อนจะหายไปในที่สุด ...
ความคิดเห็น