ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Code: Secret Moon

    ลำดับตอนที่ #4 : Code 03 แบบทดสอบ!

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 54


    Code: Secret Moon

     

     

     

    Code03 แบบทดสอบ!

     

    เอ่อ...

    ผมนั่งมองข้าวกล่องในมือแบบไม่สามารถหาคำมาบรรยายได้ ก่อนจะหันไปมองหน้าคนทำ ที่กำลังโวยวายใส่เครื่องเกมในมือเสียงดังว่า ไอ้ซอมบี้! กล้าดียังไงมางาบลูกสาวฉัน ลูกสาวฉันออกจะน่ารักแบบโลลิต้า!” แน่นอนว่าลูกสาวที่อัยพูดถึงคงหนีไม่พ้นดอกทานตะวันที่ตอนนี้โดนซอมบี้กินจนหายวับไปกับจอ

     

    เมื่อวานเป็นเพราะเวห์กับพวกผมมีคดีเลยโดนลงโทษให้ดูดฝุ่นกวาดห้องเช็ดพื้นจนสะอาดวิ้งวับถึงสามารถออกมากินข้าวได้ ซึ่งก็เป็นเวลาที่นักเรียนต่างระดับชั้นลงมากินข้าวพอดี ทำให้โรงอาหารแน่นเอี๊ยดยิ่งกว่าปลากระป๋อง อัยเลยเสนอความคิดให้ขึ้นมากินข้าวบนดาดฟ้าแล้วแบ่งกันกินข้าวกล่องฝีมือเธอแทน ซึ่งอากาศดีมาก คิดไปก็ลองคีบไข่เจียวฝีมืออัยเข้าปากชิมดูอร่อย...

     

    ก็มีความเป็นผู้หญิงเหมือนชาวบ้านเขานิผมยกตะเกียบขึ้นแตะริมฝีปากพลางชื่นชมจากใจ แต่ดันถูกเข้าใจผิดเป็นไปว่าเขาแทนเฮ้อ... ตั้งใจชมเลยนะเนี่ย

     

    หมายความว่าไงย่ะ!” อัยหันมาค้อนก่อนจะก้มลงไปพบว่าลูกสาวน่ารักแบบโลลิต้าของเธอโดนเขมื่อบไปอีกรายจนต้องให้เวห์เขามาช่วยสมทบอีกแรง ไม่งั้นวันนี้อัยต้องเริ่มเล่นใหม่ไม่ยอมจบแน่ๆ แล้วผมก็นึกถึงเรื่องนึงได้จึงเงยหน้าขึ้นมาถามเวห์เวห์เมื่อเรื่องวาน...

     

    ทำไมหรอ?เขาหันมายิ้มซื่อๆ ใบหน้าของเขาที่เมื่อวานเต็มไปด้วยแผลช้ำพอวันนี้โผล่มาก็หายดีเป็นปลิทิ้งแล้วผมเลยสงสัยว่าวทิยาการสมัยนี้เขาดีจริงหรือหมอนี่เขาหายไว้กันแน่?

     

    อาจารย์เขาเรียกเราสองคนไปพบเรื่องเกี่ยวกับคาบบ่ายที่ต้องไปเรียนไม่ใช่หรอผมหรี่ตานึกถึงเรื่องเมื่อวาน ก่อนจะออกจากห้องนั้นผ.อ.บอกไว้ว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องคาบบ่ายละกัน ซึ่งมันเป็นคาบที่จะแตกย่อยไปตามอาวุธที่ได้นี่ ในเมื่อผมเอง พอทำพันธสัญญากลับได้ดาบกับคทาซึ่งไม่รู้ว่าเขาให้เลือกอันใดอันหนึ่งหรือว่าต้องทำอะไรซักอย่าง... ที่ผมไม่รู้

     

    เอ่อ ก็ใช่ เวห์ยิ้มหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะหันไปมิงที่หอนาฬิกาบอกเวลาจวนจะบ่ายอยู่แล้วผมเลยรีบกินส่วนของตัวเองแล้วส่งให้เวห์ซึ่งทีแรกเขาไม่ไว้ใจฝีมืออัยซักเท่าไหร่แต่พอไข่เจียวเข้าปากเท่านั้นละหน้าเป็นประกายวิ้งวับบอกได้ว่าปลื้มใจสุดๆอาย่อย~”

     

    ใช่ม้า~ ฝีมือฉันนี่สุดยอดไร้ใครเทียบอยู่แล้ว!” อัยทุบอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจแต่พอเห็นเวห์ผู้หิวโหยกำลังจะกินส่วนของตัวเองเข้าไปด้วยก็กรีดร้องแย่งข้าวกล่องคืนมาทันทีแถมยังยันหน้าเวห์เอาไว้ไม่ให้เข้ามาแย่งส่วนของเธอด้วยฝ่ามือพิฆาต

     

    ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันสิ เวห์นั้นมันส่วนของอัยเขานะแล้วหน้าที่ห้ามปรามก็ตกมาที่ผมเช่นเคย แต่ดูเหมือนเวห์จะไม่ค่อยเชื่อง (หมายถึงเชื่อฟัง) เท่าไหร่ ทำปากจู๋หาข้อแก้ตัวพร้อมทั้งพยายามไขว่คว้าข้าวกล่อง แหม เด็กวัยกำลังโตอ่ะ! แค่คำสองคำมันไม่พอน้า…” ผัวะ! แล้วเวห์ก็คอหักลงก้มหน้าด้วยท่อนขาของใครบางคนที่ฟาดลงมากลางหัวของเขาอย่างไร้ปราณี ซึ่งแน่นอนว่าคนๆนั้นไม่ใช่อัยที่พยายามยกข้าวกล่องให้ห่างจากมือของเวห์อย่างสุดความสามารถ

     

    อย่ารังแกผู้หญิงสิค่ะ! ผู้กล้าไคท์คนนี้ไม่ยอมแน่ค่า!” เด็กสาวผมเขียวโทนน้ำเงินยกเท้าขึ้นจากหัวของเวห์ซึ้งมีควันลอยฟู่ๆ... น๊อกเอาท์ไปแล้วครับท่าน แล้วคนที่อ้างตนว่าเป็นผู้กล้าก็ประกาศต่อด้วยน้ำเสียงใสๆ ฟังดูน่ารัก

     

    แล้วคุณ! เอ่อโทษนะค่ะชื่ออะไรค่ะประโยคหลังเธอพูดด้วยเสียงค่อยอย่างไม่มั่นใจ พลางโน้มตัวมาทางผม พลางใช้ดวงตากลมโตสีน้ำเงินจ้องใบหน้าผมเหมือนกำลังจะจำให้ขึ้นใจยังไงอย่างงั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะโดนจ้องแบบนี้ ฟูว่าผมเลยตอบไปสั้นๆ แล้วไคท์ก็ประกาศเสียงดังต่อไปว่า

     

    คุณฟูว่าช่วยดูแลน้องตัวเองดีๆอย่าให้เขาไปรังแกผู้หญิงคนอื่นเธอพูดพลางใช้เท้าเขี่ยๆเวห์ที่นอนกองกับพื้น รู้สึกเหมือนไคท์จะเข้าใจผิดบางอย่างอยู่นะ ฉันไม่ใช่พี่ของเวห์ซักหน่อย โดยเฉพาะแฟนตัวเองสิค่ะ!” แล้วเธอก็ตวัดนิ้วไปยังอัยที่พอโดนหาว่าเป็นแฟนก็หน้าแดงปฏิเสธอย่างรัวเร็ว

     

    คือว่าไคท์เข้าใจผิดแล้วนะ...ยังไม่ทันจะกล่าวต่อก็โดนแทรก อย่าเรียกอย่างสนิทสนมอย่างนั้นสิค่ะ! เรียกฉันว่า ผู้กล้าไคท์~!” เธอเท้าสะเอวเหยียบเวห์พลางยกนิ้วโป้งขึ้นมาชี้ที่อกซ้ายตัวเองอย่างภาคภูมิใจ นี่มันเหมือนท่าผู้กล้าปราบมังกรแล้วเหยียบไว้ไม่มีผิด

     

    เฮ้อ...ช่วยไม่ได้สินะงั้นผู้กล้าไคท์ช่วยทำความเข้าใจใหม่นะ ฉันกับอัยไม่ได้เป็นแฟนกันผมผมลืมตาขึ้นเต็มตาผายมือไปยังอัยที่พยักหน้าสมทบอย่างแรง ทำให้ผู้กล้าหน้าตาใสซื่ออ้าปากเหวอพลางยกมือกระดกนิ้วก้อยขึ้นมาปิดปากด้วยใบหน้าซีดๆ

     

    ส่วนที่เหยียบอยู่ไม่ใช่มังกรร้าย แต่เป็นเพื่อนของพวกเราเขาแค่แย่งข้าวกล่องกันเฉยๆผมชี้ไปยังวัตถุใต้เท้าของเธอ เมื่อมาถึงประโยคนี้ผู้กล้าไคท์ก็หน้าซีดเผือก

     

    ขอโทษค่า!” แล้วคุกเข่าขอโทษเวห์ที่น้ำตาซึมลูบหัวตัวเองปอยๆ

     

    โดนฟาดทีหายหิวเลยสินะ อัยไม่วายยกหลักมือขึ้นกระซิบกัดเวห์อย่างเจ็บแสบ ส่วนเวห์ไม่ตอบอะไรแค่ค้อนงอนๆแล้วหลบไปนั่งตรงมุมพลางพึมพัมว่า งึมงำๆๆ…”

     

    ผ่านไปซักพัก

     

    อืมเรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง... ผมพยักหน้ารับฟังเรื่องของไคท์เด็กสาวที่ฝ่ฝันอย่างเป็นผู้กล้าในตำนาน เลยมาสมัครเข้าโรงเรียนผู้กล้าแห่งนี้ซึ่งตอนนี้เองที่ผมเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนนี้คือโรงเรียนที่ไว้สำหรับเตรียมพร้อมผู้กล้ารุ่นใหม่ เรียนดี กีฬาเด่น ชำนาญศาสคราวุธเป็นเลิศ... เอ๊ะ แล้วทำไมเราต้องมานั่งฟังความฝันของสาวน้อยด้วยนะ แถมดันนั่งฟังจนจบด้วย

     

    ค่ะ เธอพยักหน้า เท่าที่ฟังๆมารู้สึกไคท์จะได้เรียนสายโจรนะ... โจรสายมีดคู่ที่อยากเป็นผู้กล้า ฟังดูแปลกๆแต่ก็น่าสนุกดีนะ ผมจินตนาการ ไคท์สวมชุดแบบจอมโจรกำลังควงมีดคู่เผชิญหน้ากับจอมมารที่หัวโล้นมีเขาสีดำงอกยาวออกมาพร้อมกับเปล่งออกร่างสีดำทมิฬ!

     

    อ่ะ! บ่ายแล้วฟู! รีบไปหาผ.อ.เร็ว ถ้าช้าเดี๋ยวโดนเจี๋ยน เมื่อเวห์เหลือบเห็นเวลาบนหอนาฬิกาก็ตกใจจนตาแทบทะลุออกจากเบ้ารีบลากผมไปห้องผ.อ.อย่างรวดเร็วจนเท้าของผมลอยวืดไม่ติดพื้น ใช่เวลาไม่นานก็มาหยุดอยู่ตรงจุดหมายพอดี เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบผ.อ.สาวกำลังนั่งหน้าหงิกรอการมาของพวกเรา

     

    สายไปสามวินาที” “ยังจะนับอีกเร้อ~” เวห์อุทานยกหลังมือขึ้นปิดปากกรีดร้องด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

     

    เพราะฉะนั้นช่วยชงกาแฟด้วย

     

    ก็แค่อยากกินกาแฟไม่ใช่เรอะ!” เวหาอุทานก่อนเดินดุ่มๆไปที่โต๊ะชงเครื่องดื่มซึ่งอยู่ตรงมุมห้องด้วยสีหน้า =_=

     

     

     

    ตัดเข้า Cut sense

     

    อืมอร่อยดี ก็ชงเก่งนี่หน่าแล้วทำไมหมอนั้นถึงบอกว่านายชงไม่อร่อยน้า...ผ.อ.สาวขมวดคิ้วยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากอย่างคบคิดเรื่องบางอย่าง ดวงตากลมโตสีเขียวจ้องกาแฟเหมือนคิดเรื่องบางอย่างอยู่ส่วนผมสีน้ำตาลถูกรวมมัดสูงเป็นทรงทวินเทลก็ไหวตามลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ผิวขาวเนียนใส อืมโดยรวมอย่างนี้เขาเรียกว่าน่ารักด้วยรึเปล่านะ อืม... คงไม่มั้ง?

     

    เอาเป็นว่าที่เรียกมาเป็นเป็นกรณีพิเศษ เพราะว่าพวกเธอสองคนมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ให้เข้าใจพูดจบเธอก็ยกมือไปทุบปุ่มสีแดงที่มุมโต๊ะทางด้านขวา ทำให้ด้านหลังของผมมีศิลาแห่งการทดสอบโผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นห้อง ในสภาพพร้อมใช้งาน ข้อมูลของเวห์ถูกฉายออกมาเป็นโฮโลแกรมล้อมรอบพวกเราไว้

     

    เอาละเวห์เธอยังไม่ได้ทดสอบทำพันธสัญญาเลยนะ... ถ้าเธอไม่มีคุณสมบัติพอก็เก็บของย้ายออกไปได้เลยนะผ.อ.สาวทำสีหน้าจริงจัง ทำให้เวห์ยิ้มเศร้าแล้วเดินไปที่ศิลาแห่งการทดสอบ คงคิดว่ายังไงตัวเองก็ไม่ผ่านสินะ...

     

    เขายื่นมือไปข้างหน้าเหยียดนิ้วก้างออก ขมวดคิ้วแน่นเพ่งสมาธิสุดความสามารถ แต่เท่าที่จำได้ศิลาแห่งการทดสอบมันไม่ได้ใช้งานแบบนี้นะเวห์... ผิดคาด! พอเขาเริ่งเกร็งฝ่ามืองอนิ้วลมอ่อนๆในห้องจู่ๆก็พัดแรงขึ้นจนเหมือนบ้าคลั่ง จอโฮโลแกรมส่งเสียงซ่าๆเหมือนเกิดคลื่นแทรก ศิลาแห่งการทดสอบกรีดร้องเสียงแหลมออกมาพลั้นสว่างจ้าตอบรับเวห์ วงเวทสีฟ้าลวดลายประหลาดแปลกตาแต่ดูอลังกาลสวยงามปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเขา พร้อมกับวงแหวนเปล่งแสงสีฟ้าสว่างจ้าที่ปรากฏขึ้นตรงข้อมือขวาและซ้ายของเขา

     

    เวห์กัดพัดต้านลมพายุ ยืนมืออีกข้างไปก้างรับแสงที่ค่อยๆก่อร่างจากละอองแสงสว่างแสบตา ปลายผมของเขาสะบัดไปตามลม เสียงเสียดกันของละอองแสงช่างไพเราะน่าฟังเหมือนเสียงกระดิ่งใสๆนับร้อยกำลังก้องกังวาน

     

    หรือว่าจะเป็นอาวุธของผู้กล้าในตำนานผ.อ.สาวกล่าวด้วยสีหน้าอึ้งๆ หา? ดาบของผู้กล้าในตำนาน? ผมหยี่ตาต้านลมคลั่งก่อนจะจินตนาการถึงภาพเวห์กำลังยืนอยู่บนผาริมทะเลพร้อมกับตวัดดาบคริสตัลชี้ขึ้นไปกลางอากาศพลั่นคมดาบกระทบแสงก็เกิดประกายเกิดจรัดพร้อมกับเสียงคลื่นลูกใหญ่กระทบดังซ่า...

     

    เมิ่อละอองแสงนับร้อยรวมตัวเชื่อมเข้าหากันอัดแน่นจนได้ที่มันก็เปล่งแสงสว่างวาบไปทั่วห้อง แล้วแสงนั้นก็แต่ตัวเป็นละอองคล้ายหิงห้อยสีฟ้าสวยงาม จนผมเองยังเผลออ้าปากค้างอึ้งในความงามเลย แต่ทว่า...

     

    ว้าว หา?...เวห์ที่อึ้งกับภาพตรงหน้ามือยกของในมือขึ้นมาก็ซ็อกจนกรามค้าง เฮ้ย!” ภาพที่ผมอุสาสจินตนาการมาอย่างดิบดีก็โดนคลื่นซัดพังทลายลงไปอย่างง่ายดาย เมื่อของในมือของเวห์กลับไม่ใช่ดาบของผู้กล้าในตำนานแต่เป็น!

     

    ปากกา!” แถมยังเป็นปากาหัวลูกลื่นขนาดยักษ์ยาวกว้าตัวด้วย เวห์มองปากกาสีส้มขอบโลหะเงาวับในมือด้วยสีหน้าพยายามทำใจสุดๆ

     

    นี่ฉันขนาดสแกนความสามารถยังตกแถมพอทดสอบทำพันธสัญญาดันได้ปากกาอีก ชีวิตเราทำไมมันบัดซบอย่างนี้เนี่ย!

     

    ยังดีนะที่ไม่ได้สีชมพู... พูดปลอบใจตัวเองเสร็จปากกายักษ์ในมือของเขาก็ดูละอองสีฟ้าทั้งหมดก่อนจะเปล่งแสงเปลี่ยนทั้งด้ามเป็นลำแสงสว่าง ไม่ถึงอึดใจมันก็เกิดรอยร้าวดังเปรี๊ยะๆแล้วแตกดังโผละ กลายเป็นปากกาด้ามใสเห็นหลอดหมึกข้างใน ส่วนปลอกซึ่งมีที่หนีบเป็นด้ามจับเป็นสีชมพู แถมจุกตรงส่วนปลายยังเป็นสีชมพูอีกสมใจอยากเลยนะเวห์

     

    มายจริ๊ง!” หลังจากอึ้งไปพักใหญ่เขาก็แหกปากออกมาลั่น หลังจากเรียนรู้วิธีเก็บมันกลับไปยังคลังแสงอวกาศก็โดนกำชับว่าห้ามอัญเชิญมันออกมาอีกเป็นอันขาด บางทีอาจจะเป็นความอับอายของทางโรงเรียนเลยโดนห้ามละมั้ง

     

    ฉันชื่อฟาติน่า เรียกว่าอาจารย์ฟาก็ได้ ในที่สุดผมก็รู้ชื่อผ.อ.ของโรงเรียนตัวเองซักที อาจารย์ฟายิ้มๆก่อนจะก่อนจะไปหยิบหนังสือเล่มหนาหลายนิ้วออกมาวางบนโต๊ะดังปึง!

     

    เนื่องจากเธอสองเป็นนักเรียนพิเศษกว่าชาวบ้านชาวช่องเค้าฉันจะสอนพวกเธอเอง สายของพวกเธอถูกกล่าวขานกันว่า นักดาบเวทก็ตามชื่อเป็นนักดาบที่สามารถใช้เวทมนต์ได้ด้วย อย่างเช่นพวกเวท ดิน น้ำ ลม ไฟ ศักสิทธิ์อาจารย์ฟาหันมาพูดกับผมก่อนจะก้มหน้าเปิดหนังสือเหมือนจะหาข้อความบางอย่างในนั้น แล้วเอาโพสอิทแปะไว้ก่อนจะส่งมันให้ผม

     

    ไปอ่านมา ส่วนเรื่องคาบบ่ายเธอก็ไปเรียนรวมๆกับพวกนักเวทละกันวันนี้ไม่ใช่จะสอนเองหรอกเรอะ...

     

    ส่วนเธอ รับนี่ไปอาจารย์ฟาชักดาบออกมาจากเสื้อโค้ท ส่งให้กับเวห์ มันเป็นดาบสองมือยาวประมาณเมตรครึ่งนิดๆ เดี๋ยว... เท่าที่ดูๆดาบใหญ่กว่าเสื้อตั้งเยอะเก็บลงไปได้ยังไงเนี่ย หรือว่าจะเป็นกระเป๋าสี่มิติ?

     

    พกติดตัวไว้ตลอดนะจ้ะ ในเมื่อฉันห้ามเธออัญเชิญอาวุธก็ต้องมีอะไรที่มาทดแทน ปลอกดาบนี่ลงเวทไว้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะชักออกมาไม่ได้ ยกเว้นแต่จะทำลายข่ายเวทได้น่ะนะ อาจารย์ฟาเอียงคอฉีกยิ้มร่าเริงจิ้มนิ้วลงบนลูกแก้วที่ติดอยู่บนปลอกดาบหนังสีน้ำตาลของเวห์

     

    หนักคลอด (โคตร)” เวห์พึมพำ

     

    เวห์เธอพิเศษกว่าคนอื่นมากเพราะฉะนั้น ขอแค่ให้ทำความเข้าใจกับบทเรียนก็พอเรียนรู้จากคนรอบข้างเอ๊ะเกือบลืมๆ อาจารย์ฟาพูดจบก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ รีบค้นเสื้อโค้ทตัวเองอย่างรีบร้อนก่อนจะส่งบัตรอะไรซักอย่างสามใบให้กับผม ส่วนเวห์นั้นได้เป็นกำ ทีแรกก็นึกว่าเป็นบัตรลดราคาอาหารเห็นให้ซะเยอะขนาดนี้ แต่พอดูดีๆบัตรลดราคาอาหารคงไม่ได้ทำมาจากพลาสติกอย่างดีหรอกผมยกมันขึ้นมามอง บัตร อนุญาติเข้าเรียนวิชา [นักดาบ]’ กับ บัตร อนุญาติเข้าเรียนวิชา [นักเวท]’ แล้วก็ บัตรประจำตัวนักเรียนเมื่อเห็นผมทำหน้าสงสัยอาจารย์ฟาก็รีบอธิบาย

     

    มันเป็นบัตรที่เอาไว้ใช้เข้าห้องเรียนของคาบบ่ายน่ะแสดงว่าตอนนี้ผมก็เข้าไปแจมกับพวกนักดาบแล้วก็นักเวทได้น่ะสิ ถ้างั้น... เวห์ก็คงสามารถเข้าได้ทุกวิชาเลยสิ

     

    เอาล่ะ พวกเธอไปเรียนกันได้แล้วฉันมีงานต้องทำอีกเยอะ!” พูดจบกองเอกสารสูงเป็นเมตรก็หล่นตุบลงมาบนโต๊ะ เหมือนจะไล่พวกผมออกจากห้อง

     

     

     

    ห้องเรียน วิชา นักเวท

     

    ผมมองไปรอบๆห้อง ห้องเรียนของนักเวท นอกจากกระดานดำขนากใหญ่บนผนังรอบๆก็เต็มไปด้วยตูหนังสือที่ฝังเข้ากับผนังสูงสี่ถึงห้าขั้น เหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับเวทมนต์ ทั้ง นิยายการผจญถัยแฟนตาซี ตำนานนักเวท แล้วก็หนังสือการ์ตูนในปก หนังสือเรียนเท่าที่ดูๆแล้วก็เหมือนให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง จำนวนนักเวทนั้นมีไม่ค่อยมากเท่าไหร่ ทำให้ห้องดูโล่งๆ ไร้คนแต่เต็มไปด้วยหนังสือที่อ่านแล้วไม่เก็บเข้าทั้สุมเป็นกองอยู่ตามมุมต่างๆ

     

    หนึ่งในมุมนั้นผมก็เห็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลหน้าตาน่ารัก กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มใหญ่อยู่บนกองหนังสือสูงเมตรกว่าๆ เท่าที่ดูๆแล้วเธอไม่ค่อยจะให้ความใส่ใจกับหนังสือที่เธอเอามาเป็นเก้าอี้ซักเท่าไหร่ แน่นอนว่าเธอคนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อัย แต่ว่าปกติดูแล้วเธอไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือนะ เมื่อเธอหันมาเห็นพวกเราก็ก็หน้าแดงทั้งตกใจทั้งเขินทำอะไรไม่ถูกหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กก่อนจะตัดสินใจโยนหนังสือไปทางด้านหลังก่อนจะเดินตรงมาหาพวกเรา

     

    นะ นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ พวกนายเป็นนักดาบไม่ใช่หรอยะมาถึงปุ้บก็เท้าสะเอวหาเรื่องทันที

     

    ฉันไปหาผ.อ.มาเขาบอกให้พวกเรามาเรียนกับนักเวทก่อน ผมอธิบายแต่ดูเหมือนอัยไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ แล้วก็จริงอย่างที่คาดไว้ เธอขอดูบัตรประจำตัวนักเรียนของผม และเมื่อส่งไปให้ดูเธอก็อ้าปากค้างก่อนจะมองหน้าผมแล้วมองบัตรในมือสลับกันไปมาก่อนจะส่งคืนให้

     

    นาย เป็น... นักดาบเวท!?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงทึ้งแล้วมองผมด้วยสีหน้าไม่เชื่อสายตาด้วยเอง แล้วเป็นนักดาบเวทนี่มันน่าตื่นเต้นตรงไหนเหรอ? ผมยกบัตรของตัวเองขึ้นมาดู

     

    แล้วนายละเวห์ถามผมเสร็จก็หันไปหาเวห์ ซึ่งเขาเองก็หยิบบัตรของตัวเองขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้วหรี่ตาเพ่งบัตรตัวเอง ขยี้ ตาแล้วเพ่งใหม่ ยืมแว่นนักเวทที่เดินสวนเขาไปมาใส่แล้วเพ่งใหม่ ส่งแว่นคืนเจ้าของขยี้ตาแล้วเพ่งอีกรอบ แล้วก็ทำหน้า =_= ส่งบัตรให้อัยดู

     

    ห๊ะ นี่มันอะไร!”

     

    มาถามฉันแล้วฉันจะถามใครเล่า!”

     

    อะไรกันหรอ?แล้วผมก็ขอยืมบัตรของเวห์มาดู

     

    ชื่อ : เวห์

    ปี : 1

    ผู้ศึกษาวิชา :

     

    ไม่มีวิชาที่จะศึกษางั้นเรอะ!? หมายความว่าเวห์ก็ไม่ใช่ทั้งนักดาบหรือนักเวท แล้วก็ไม่ใช่ นักดาบเวท หรืออย่างอื่นด้วยแล้วเขาเป็นอะไรกันละ! ผมชักสงสัยหรือว่าบางทีนี่อาจจะเป็นบัตรปลอม แล้วเมื่อผมเสนอความคิดของตัวเองออกไปเวห์ก็หน้าซีด

     

    นายหมายความว่า ผ.อ. ให้บัตรปลอมฉันมางั้นหรอ!” เวห์ขมวดคิ้วทำท่าจริงง่ะ?

     

    ไม่รู้สิไว้ค่อยไปถามผ.อ.ละกันผมหันไปพูดกับเวห์พยายามทำให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะหันไปถามอัย อัย แล้วปกติ นักเวทเขาเรียนอะไรกันหรอ?อัยตอบแบบไม่ต้องคิด เรียนด้วยตัวเอง เข้าถึงจิตแห่งเวทแล้วเธอก็ทำท่าประกอบผายมือออกหมุนตัวแล้วตีสีหน้าเป็นประกาบวิ้งๆเข้าใจลึกซึ้งถึงแสงสว่างสาดส่องลงมาสุดๆ

     

    ที่แท้ก็แผนกคนไม่มีอะไรทำนี่เองเวห์ฉีกยิ้มเห็นเขี้ยวกอดอกพยักหน้าฮึๆ ดูแล้วเหมือนปีศาจน้อยไม่มีผิด...

     

    เฮ้อ... ก็ประมาณนั้นละอัยถอนหายใจก้มหน้าหมดอะไรตายอยากพร้อมเปล่งรังสีมืดมนออกมาแบบเซ็งๆ

     

    แล้วปกติเธอทำอะไรล่ะ?เมื่อผมพูดออกไปเธอก็สะดุ้งหน้าแดงแล้วเดินหนี ผมถามอะไรไม่เข้าถ้าออกไปรึเปล่าเนี่ย? กะ ก็ อ่านหนังสือไปเรื่อยอ่ะเธอตอบตะกุกตะกัก ผมเลยลองเดินไปดูที่กองหนังสือของเธอดู แล้วก็หยิบเล่มที่คาดว่าเธอเพิ่งจะโยนทิ้งไปขึ้นมาอ่านดูนี่มัน...

     

    ไหนๆ!” เวห์รีบเข้ามาแทรกขอดูต่อแล้วหัวเราะมองดูอัยที่น่าสงสารสงสัยอาการที่เขาเรียกว่าสันดานจากชาติที่แล้วจะกำเริบ นี่มันอะไรละเนี่ยไม่นึกเลยว่ายัยห้าวอย่างเธอจะอ่านของแบบนี้ด้วย [ตำนานรักฟ้าลิขิต]” ส่วนผมก็เพียงคิดแค่ว่าหนังสืออย่างนี้มาอยู่รวมกับหนังสือเรียนได้ยังไงผมเหล่ตาไปมองกองหนังสือเรียนที่ถูกเอามายำเละอย่างไม่ยัยดี เหมือนทุกคนเคยมีความแค้นกับมันมานาน

     

    ฉันอ่านแล้วทำไมย่ะ!” อัยหน้าแดงรีบขึ้นเสียงตวาดกลับด้วยความเขิน ก็อย่างที่รู้ล่ะนะ ทางที่ดีอย่าให้เธอเขินมากๆจะเป็นวิธียืดชีวิตที่ดีที่สุด... แต่ตอนนี้เมื่อเวห์ยั่วให้เธอเขินจัด ดังเธอจึงเรียกไม้คทาออกมากลางห้องพร้อมกับเสกเวทน้ำแข็งออกมา ทำให้ผมต้อง... หนี

     

    ใจเย็นๆผมกลับหลังหันวิ่งโกยเต็มทีพร้อมกับพยายามพูดกล่อมอัย แต่เธอยังยิงหอกน้ำแข็งแก้เขินออกมานับสิบ เมื่อหันกลับไปมองผมก็รู้ตัวทันทีว่าหนีไม่พ้นจากชะตากรรมเป็นลูกชิ้นเสียบแท่งน้ำแข็งแน่ ส่วนเวห์ที่ได้สติกลับมาจากการถูกน้ำแข็งพุ่งเฉียดหน้าก็รีบตะโกนขอโทษยกใหญ่แต่เมื่อรู่ว่าไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซนต์ก็โกยตามผมมาติดๆ ความผิดฉันที่ไหนล่ะ ใครใช้ให้ยัยนี่ชอบยิงน้ำแข็งแก้เขินเล่า!”

     

    แล้วนายจะไปทำให้เธอเขินทำไมเล่า!” ผมหันไปดุเวห์ที่วิ่งมาอยู่ข้างๆแล้ว

     

    แหม เวลาเขินน่ารักออกเวห์วิ่งสับเท้าพร้อมๆกับใช้นิ้วชี้จิ้มกันทำตาปริบๆ ใสซื่อสุดๆ เชื่อตายล่ะ...

     

    ดีล่ะงั้นลองท่าใหม่เลยละกันอัยแผร่รัศมีอันตรายออกมาก่อนจะร่ายเวทมนต์ยาวเยือดอย่างรวดเร็วจนฟังไม่ทัน เมื่อร่ายจบภายในสี่วิวงแหวนสีฟ้าขาวก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวพวกผมและนักเรียนผู้โชคร้ายคนอื่นๆ ทันใดนั้นเองวงเวทที่อัยร่ายออกมาก็ชะงักค้างก่อนจะแตกกระจายไม่ต่างจากกระจกบบางๆ

     

    ใครให้ทะเลาะวิวาทในห้องเรียนตอนฉันไม่อยู่มิทราบ!” อาจารย์ชายดันแว่นขึ้น เมื่อสายตาของนักเรียนทุกผู้ทุกตนเหลือบไปเห็นอาจารย์ก็ต่างโหร้องอย่างปลื้มปิติยินดี ถ้าจะทะเลาะต้องให้ฉันดูด้วยสิเฮ้ย!” แล้วอาจารย์ก็เผยธาตุแท้ออกมา ประกาศลั่นกำหมัดแน่นอย่างน้าวแน่ทำหน้าประมาณว่าต้องดูอะไรอลังกาลๆให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต ก่อนจะจับพวกเราโยนเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่โล่งโจ่งไม่มีอะไร นอกจากผนังสิขาวเพดานสีขาวพื้นสีขาว สูงประมาณสามสิบเมตรยาวสามสิบเมตรช่วงความสูงระดับกลางมีกระจกสามารถให้คนนอกมองเข้ามาได้

     

    ปึง! เมื่อประตูปิดลง เสียงประกาศก็ดังขึ้น เอาละพวกเธอสามคนลองผนึกพลังรวมกันสู้กับสัตว์ซัมมอน นี่สิ สิ้นเสียงประกาศที่ดังก้อง วงเวทสีแดงก็ปรากฏประทับอยู่บนเพดาน ทันใดนั้นวิหกเพลิงก็พุ่งลงมาจากวงเวทก่อนจะคำรามประกาศศักดาลั่น

     

    เอาละผมยกมือขวาสำหรับดาบแนบเอวข้างซ้ายก่อนจะลดมือซ้ายเพื่อคทาไปแนบที่เอวข้างขวา อัญเชิญสองศาสตรามาอยู่ในมือ ก่อนจะตวัดควงตั้งท่าพร้อมต่อสู้พาดคทาไว้บนไหลตั้งคมดาบทาบกับร่างของวิหกเพลิงในสายตาที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตร

     

    ว้าวศาสตราสองอันเลย!” อาจารย์และนักเรียนคนอื่นร้องอย่างตื่นเต้นส่วนผมนั้นรู้สึก... หนัก มาก โดยเฉพาะเจ้าคทานี่เท่าที่จำได้ครั้งล่าสุดที่เรียกมันออกมามันไม่หนักขนาดนี้นะ...

     

    ละลอกแรกมาแล้ว!” เสียงอัยตะโกนบอกแต่ผมไม่เห็นเจ้าวิหกเพลิงจะขยับทำท่าจะโจมตีเลยนะด้วยความสังหรณ์ใจเลยหันไปมองคนตะโกนบอกแล้วก็เผลอร้องลั่น เฮ้ย!” ละลอกแรกมาแล้วจริงๆ เวทน้ำแข็งชุดใหญ่ของอัยพุ่งมาหาผมเป็นห่าฝน เมื่อกระโดดหลบพ้นก็ตวาดลั่นทันที

     

    นี่คิดจะฆ่ากันเลยหรอ!” ผมมองเวห์ซึ่งติดแหงกอยู่ในซอกหอกน้ำแข็งที่ปักพื้นเป็นรู เปลี่ยนพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นหนามน้ำแข็ง

     

    เปล่านะ ไม่ได้จะฆ่าแค่... แก้เขินโห... แก้เขินได้น่ากลัวมาก พอรู้ตัวอีกที่ลูกไฟร้อนละอุของวิหกเพลิงก็พุ่งตรงมาหาผมอย่างรวดเร็ว จนหลบไม่ทัน ได้แต่ตวัดผ่ามันออกเป็นสองซีก (ด้วยไม้คทา) อย่างไม่ยัยดี แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกบ้าง ผมเหวี่ยงแขนเพิ่มแรงกระโดดไปข้างหน้าหลบลูกไฟอีกลูกเมื่อเท้าแตะพื้นก็วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว อัยช่วยสนับสนุน...เอาอีกแล้วไม่น่าเอ่ยปากขอเลย เธอสนับสนุนให้ผมจริงๆด้วย สันบสนุนให้ผมไปลงนรกอะดิ หอกน้ำแข็งหลายอันปักอยู่ตรงพื้นที่ผมเพิ่งเหยียบไปแหมบๆ นี่ถ้าวิ่งช้ากว่านี้คง...

     

    ไม่ต้องแล้วก็ได้ผมพูดอย่างเกรงใจเขวี่ยงดาบออกไปแบบจานร่อนพุ่งใส่วิหกเพลิง แต่พลาดไปปักอยู่บนกำแพงด้านหลังของมัน ผมยกไม้คทาที่วิ่งพาดไหลมานานเปลี่ยนเป็นจับสองมือ แล้วกระโดดสุดเท้าจนขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับวิหกเพลิง

     

    ซึ่งมีหรือมันจะปล่อยให้ผมหวดมันสลบแต่โดนดี แน่นอนสิ นอกจากหวดผมก็ไม่รู้แล้วว่าคทาของผมมันจะทำอะไรได้อีก วิหกเพลิงตะปบเหวี่ยงผมลงที่พื้นก่อนจะพ่นไฟออกมาเป็นสายยาวๆกวาดไปทั่วห้อง ผมหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ ท่ามกลางความมืดน้ำก็หยดลงบนใบหน้าของผมเหมือนผมลืมตาขึ้นมาก็พบกำแพงน้ำแข็งบางๆอยู่ตรงหน้า พร้อมกับอัยที่ตั้งไม้คทาพลางพึมพำว่า ขอโทษ ด้วยเสียงหงอยๆ

     

    อ๊าก! อึบ! โอ็ย! เล่นฉันซะแสบ... เลยนะยัยอัย!” เวหาเมื่อดึงตัวเองออกจากร่องน้ำแข็งได้ก็โวยวายใหญ่โดยไม่คิดเลยซักนิดที่ตัวเองรอดตายได้ก็เพราะน้ำแข็งของอัยเขานะ ทีแรกเวห์ก็กัดฟันกรอดจ้องอัยด้วยความแค้นที่ลุกเป็นไฟแต่เมื่อเขาเหลือบเห็นวิหกเพลิงก็ขมวดคิ้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงๆจังแล้วชักดาบสองมือออกมาถือได้ไม่ถึงสามวิก็ทำหลุดมือโดยอ้างเหตุผลว่ามันหนักอ่ะ!” แล้วเวห์ก็พยายามงัดมันออจากพื้นสุดชีวิต...

     

    นี่ อัยเวทน้ำแข็งนี่ใช้ยังไงหรอผมหันไปถามอัยด้วยความสงสัย

     

    ห๊ะ! คิดว่ามันสอนกันง่ายๆเลยรึไงเวทมนต์เนี่ย!” แล้วผมก็โดนแหว ไม่สอนก็อย่าว่าสิ... ผมละสายตาจากอัยไปมองวิหกเพลิงที่ชาต์รไฟรอไว้ตั้งนานแล้ว แน่นอนชาร์ตไปคงไม่ได้หมายถึงเสียบปลั้ก หมายถึงมันหน่วงเวทเพลิงไว้ด้วยจงอยปากของมันนั้นละ บอลเพลิงขนาดยักษ์และยังใหญ่ได้อีกกำลังขยายขึ้นเรื่อยๆ

     

    ดาบของฉันติดอยู่บนนั้นอีกไม่นานมันคงกลับบ้านแน่ผมชี้ไปที่ดาบของผมที่เริ่มสลายตัวเองเป็นละอองสีขาวทีละเล็กละน้อย แต่ถ้าผมสำผัสมันอีกที่มันคงกำลังมาเป็นเหมือนเดิม ต้องรีบแล้ว

     

    หา กลับบ้าน?อัยหันมามองผม ทำไมหรอผมพูดผิดตรงไหนหรอ?

     

    ผมวิ่งตรงไปหาวิหกเพลิง ต้องรีบก่อนที่มันจะปล่อยไฟลูกนี้ออกมา ระหว่างทางไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เพียงมันสะบัดปีกลูกไฟนับสิบก็พุ่งออกมาหาผม แต่ก็ถูกอัยยิงหอกน้ำแข็งสกัดไว้ ผมกระโดดผ่าลูกไฟหวดแซกหน้ามันสุดแรงแล้วผมก็โดนมันตะปบ แต่คราวนี้ ผมพอมันเหวี่ยงผมก็ให้ไม้คทาทุบขามันให้หักแล้วเหวี่ยงไปในทิศที่ผมต้องการมันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ผมไม่ใส่ใจคว้าดาบแล้วเหวี่ยงร่างตัวเองให้ขึ้นไปยืนบนนั้น

     

    ละอองสีขาวที่กระจากกันไปกลับมารวมกันทำให้ดาบอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้งในเวลาไม่ถึงสามวินาที ผมก้มหน้ามองพื้นอย่างหวาดเสียงก่อนจะเลือนตาขึ้นไปมองใบหน้าของวิหกเพลิงที่เพิ่งโดนผมทำลายลูกไฟไป ดูท่ามันคงจะแค้นผมน่าดูเลยนะ

    ฟูระวัง! มันไปทางนายแล้วเมื่อเวห์เห็นมันบินโฉบมาทางผมก็รีบตะโกนเตือน อือ รู้แล้วผมตอบเสียงเรียบก่อนจะย่อตัวลงง้างไม้คทาไปทางด้านหลัง

     

    คิดจะปะทะตรงๆเลยหรอ มันอันตรายมากนะ!” เสียงภากษ์จากคนที่จับผมโยนเข้ามาในห้องนี้ ดังขึ้นแต่ผมไม่ได้ใส่ใจแล้วก็ไม่ได้โกรธอะไรเลยด้วย เชื่อสิ... มันเป็นรายถัดไปแน่ เอ้ย ไม่ใช่อย่างงั้น

     

    เมื่อผมจ้องตากับมันก็รู้สึกได้ถึงกระแสสายหนึ่งเชื่อมรัหว่างผมกับวิหกเพลิง มันหรี่ตาสื่อได้ว่า ข้าจะเสยเจ้าให้กระเด็นติดเพดานคอยดู!’ ด้วยความคิดที่มันอย่างจะเสยผมให้กระเด็นติดเพดานทำให้มันบินต่ำกว่าผมเยอะในจังหวะที่ระยะห่างไม่ถึงห้าเมตรผมก็กระโดดลงไปชะกับมันตรงๆ

     

    เคร้ง! เสียงไม้คทากระทบกับจงอยของมันกังวาน ไม้คทาที่อุสาสจับไว้แน่นกลับกระเด็นหลุดลอยไปส่วนผมก็กระเด็นลอยขึ้น นั้นไงไม่ไหวจริงๆด้วยอาจารย์เหยือรายถัดไปของผมเอ่ยขึ้น วิหกเพลิงได้ใจรีบกระพือบินพุ่งเข้าหากะปิดฉาก ขณะที่ผมคว้าดาบแล้วดึงออกมาจากกำแพง

     

    สายไปแล้วนะผมบอกวิหกเพลิงที่พุ่งผมหาผมด้วยความเร็วสูงเพียงผมออกแรงหวดฟาดหน้ามัน เหตุการณ์นี้ก็เหมือนกับรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วพุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้านั้นละ แต่เปลี่ยนนิดหน่อยตรงที่ตอนรถวิ่งมาเสาไฟฟ้าก็หวดใส่รถด้วย สุดท้ายก็ บุบเละไม่มีชิ้นดี สภาพของวิหกเพลิงก็ไม่ค่อยต่างกันซักเท่าไหร่

     

    ตุบ... ผมลงมายืนที่พื้นด้วยอาการปวดแขนสุดๆ แล้วมองวิหกเพลิงที่โดนสันดาบฟาดสลบนอนดิ้นอยู่ตรงพื้น ก่อนจะสลายไปกลายเป็นละอองสีแดงพุ่งกลับเข้าวงแหวนไป

     

    เอ่อ... ฟู อันที่จริงความเร็วระดับนั้นปล่อยให้มันหัวโหม่งกำแพงก็ได้นะ

     

    ...จริงด้วยแฮะ...

     

     

     

    แล้วคาบเรียนแรกของผมก็จบลงด้วยการเข้าห้องพยาบาลเพราะแขนหัก ต้องเข้าเฝือกไปหลายเดือน... เห็นเขาว่างั้นนะ แต่พอเอาเข้าจริงแค่เดือนเดียวก็หายเป็นปริทิ้งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน บางทีครูห้องพยาบาลอาจจะขู่ให้ผมกลัวเล่นๆก็ได้ แน่นอนว่าหลังจากถอดเฝือกเสร็จ ผมก็จะได้กลับไปเขียนโน้ตย่อต่ออย่างสบายๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×