ลำดับตอนที่ #107
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #107 : ฮือฮา .... น้ำส้มสายชูตรวจหามะเร็งได้
หมอไทยโชว์ผลงานเจ๋งนำเครื่องปรุงรสคู่ครัวคนไทยคือน้ำส้มสายชูมาใช้ตรวจหามะเร็งปากมดลูกทราบผลภายใน 1 นาที กรมการแพทย์เผยเชียงใหม่ครองแชมป์พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด มีสาวไทยเสียชีวิตเพราะโรคนี้ถึงปีละ 3,000 ราย
กรมการแพทย�์เผยเมืองล้านนาครองแชมป์พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด ส่วนยอดรวมสาวไทยเป็นโรคนี้ปีละกว่า 5,000 คน ขณะที่หมอไทยโชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงอีก หนนี้นำเครื่องปรุงรสคู่ครัวคนไทยคือน้ำส้มสายชูมาใช้ตรวจหามะเร็งปากมดลูก สามารถทราบผลภายใน 1 นาที
วันที่ 8 ก.ย. น.พ.เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศโดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกนั้น เป็นปัญหาที่กระทบต่อผู้หญิงทั่วโลก โดยทั่วโลกพบผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 466,000 คน เสียชีวิตปีละ 231,000 คน ซึ่งประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกเกิดในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากไม่มีระบบการป้องกันที่สมบูรณ์แบบและจริงจัง ส่วนในประเทศไทยพบว่า โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุการป่วยอันดับหนึ่งของหญิงไทยที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปที่แต่งงานแล้ว พบได้มากกว่าร้อยละ 80 ส่วนหญิงที่เป็นโสดอายุมากก็พบได้เช่นกันแต่มีรายงานน้อย
อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปหญิงไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามแล้วปีละ 5,600 คน คิดเป็นอัตราป่วยแสนละประมาณ 20 คน และเสียชีวิตสูงถึงปีละ 3,000 คน เฉพาะค่ารักษาอย่างเดียวเฉลี่ยสูงถึงคนละ 1แสนบาท หากรวมค่าสูญเสียทั้งหมดต่อคนตกประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศต้องมีค่าใช้จ่ายรักษาโรคนี้สูงถึงปีละ 5,600 ล้านบาทอีกด้วย ทั้งนี้จากการเก็บข้อมูลทะเบียนโรคมะเร็งพบว่าส่วนใหญ่จะเกิดในแถบภาคเหนือ ซึ่งเดิมสถิติในปี พ.ศ.2536 รายงานไว้ว่า เชียงใหม่สูงสุดคือ 25.7 ต่อประชากร 1 แสนราย รองลงมาคือ จ.ลำปาง 23.1 ต่อประชากร 1 แสนราย ส่วนในกรุงเทพฯพบประมาณ 18.5 ต่อประชากร 1 แสนราย แต่ทางแถบภาคใต้จะพบต่ำกว่าภาคอื่น อาทิ ในสงขลาพบ 15.8 ต่อประชากร 1 แสนราย
\"ที่ภาคเหนือมีสถิติเคยระบุไว้ว่าพบมากนั้น ก็เพราะมีหลายสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกด้วยกัน ทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไปติดเชื้อไวรัส HPV และการขาดการดูแลความสะอาดอย่างถูกวิธีก็อาจทำให้ติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือพยาธิ จนทำให้เกิดโรคได้ รวมทั้งยังมีเรื่องของเซลล์ผิดปกติ และ การขาดฮอร์โมนเพศที่เป็นปัจจัยประกอบก่อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย\" น.พ.เสรี กล่าว
อย่างไรก็ดี ในรายงานการประชุมวิชาการ 50 ปีของกรมอนามัย ประจำปี 2545 ศ.พ.ญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ลิมปพยอม อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนอกระบวนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบใหม่ที่เรียกว่า วิธี VIA (Visual Inspection with Acetic Acid) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก โดยวิธีการตรวจจะใช้น้ำส้มสายชูชนิดเจือจาง 3-5 % ป้ายลงบนปากมดลูก จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที ก็สามารถที่จะทราบผลว่าปากมดลูกมีความผิดปกติหรือไม่ สำหรับในกรณีของสตรีที่ตรวจพบว่าปากมดลูกที่ผิดปกติจะปรากฎเป็นฝ้าสีขาวให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งจะสามารถทำการสังตัวไปรักษาความผิดปกติของปากมดลูกด้วยการจี้ด้วยเครื่องทำความเย็นในทันที เพื่อไม่ให้ความผิดปกตินั้นกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก อันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
น.พ.ภักดี โพธิศิริ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA นี้ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับใช้ตรวจในสถานที่มีทรัพยากรจำกัดหรือสถานที่ที่ขาดแคลนนักเซลล์วิทยาและพยาธิแพทย์ เพราะเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก ทำได้ง่ายใช่เวลาน้อยแต่สามารถรู้ผลได้ทันทีว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่และไม่เกิดการเจ็บปวด รวมถึงค่าใช้จ่ายก็ไม่สูง ที่สำคัญสามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ทั้งนี้การตวจด้วยวิธีดังกล่าวได้เริ่มในที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 5 นครราชสีมา ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 7 อุบลาชธานี และโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งใน จ.ร้อยเอ็ด
กรมการแพทย�์เผยเมืองล้านนาครองแชมป์พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด ส่วนยอดรวมสาวไทยเป็นโรคนี้ปีละกว่า 5,000 คน ขณะที่หมอไทยโชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงอีก หนนี้นำเครื่องปรุงรสคู่ครัวคนไทยคือน้ำส้มสายชูมาใช้ตรวจหามะเร็งปากมดลูก สามารถทราบผลภายใน 1 นาที
วันที่ 8 ก.ย. น.พ.เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศโดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกนั้น เป็นปัญหาที่กระทบต่อผู้หญิงทั่วโลก โดยทั่วโลกพบผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 466,000 คน เสียชีวิตปีละ 231,000 คน ซึ่งประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกเกิดในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากไม่มีระบบการป้องกันที่สมบูรณ์แบบและจริงจัง ส่วนในประเทศไทยพบว่า โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุการป่วยอันดับหนึ่งของหญิงไทยที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปที่แต่งงานแล้ว พบได้มากกว่าร้อยละ 80 ส่วนหญิงที่เป็นโสดอายุมากก็พบได้เช่นกันแต่มีรายงานน้อย
อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปหญิงไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามแล้วปีละ 5,600 คน คิดเป็นอัตราป่วยแสนละประมาณ 20 คน และเสียชีวิตสูงถึงปีละ 3,000 คน เฉพาะค่ารักษาอย่างเดียวเฉลี่ยสูงถึงคนละ 1แสนบาท หากรวมค่าสูญเสียทั้งหมดต่อคนตกประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศต้องมีค่าใช้จ่ายรักษาโรคนี้สูงถึงปีละ 5,600 ล้านบาทอีกด้วย ทั้งนี้จากการเก็บข้อมูลทะเบียนโรคมะเร็งพบว่าส่วนใหญ่จะเกิดในแถบภาคเหนือ ซึ่งเดิมสถิติในปี พ.ศ.2536 รายงานไว้ว่า เชียงใหม่สูงสุดคือ 25.7 ต่อประชากร 1 แสนราย รองลงมาคือ จ.ลำปาง 23.1 ต่อประชากร 1 แสนราย ส่วนในกรุงเทพฯพบประมาณ 18.5 ต่อประชากร 1 แสนราย แต่ทางแถบภาคใต้จะพบต่ำกว่าภาคอื่น อาทิ ในสงขลาพบ 15.8 ต่อประชากร 1 แสนราย
\"ที่ภาคเหนือมีสถิติเคยระบุไว้ว่าพบมากนั้น ก็เพราะมีหลายสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกด้วยกัน ทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไปติดเชื้อไวรัส HPV และการขาดการดูแลความสะอาดอย่างถูกวิธีก็อาจทำให้ติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือพยาธิ จนทำให้เกิดโรคได้ รวมทั้งยังมีเรื่องของเซลล์ผิดปกติ และ การขาดฮอร์โมนเพศที่เป็นปัจจัยประกอบก่อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย\" น.พ.เสรี กล่าว
อย่างไรก็ดี ในรายงานการประชุมวิชาการ 50 ปีของกรมอนามัย ประจำปี 2545 ศ.พ.ญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ลิมปพยอม อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนอกระบวนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบใหม่ที่เรียกว่า วิธี VIA (Visual Inspection with Acetic Acid) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก โดยวิธีการตรวจจะใช้น้ำส้มสายชูชนิดเจือจาง 3-5 % ป้ายลงบนปากมดลูก จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที ก็สามารถที่จะทราบผลว่าปากมดลูกมีความผิดปกติหรือไม่ สำหรับในกรณีของสตรีที่ตรวจพบว่าปากมดลูกที่ผิดปกติจะปรากฎเป็นฝ้าสีขาวให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งจะสามารถทำการสังตัวไปรักษาความผิดปกติของปากมดลูกด้วยการจี้ด้วยเครื่องทำความเย็นในทันที เพื่อไม่ให้ความผิดปกตินั้นกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก อันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
น.พ.ภักดี โพธิศิริ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA นี้ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับใช้ตรวจในสถานที่มีทรัพยากรจำกัดหรือสถานที่ที่ขาดแคลนนักเซลล์วิทยาและพยาธิแพทย์ เพราะเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก ทำได้ง่ายใช่เวลาน้อยแต่สามารถรู้ผลได้ทันทีว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่และไม่เกิดการเจ็บปวด รวมถึงค่าใช้จ่ายก็ไม่สูง ที่สำคัญสามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ทั้งนี้การตวจด้วยวิธีดังกล่าวได้เริ่มในที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 5 นครราชสีมา ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 7 อุบลาชธานี และโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งใน จ.ร้อยเอ็ด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น