ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter #1 I Think I Know (You)
หลังจากที่ฉันที่ฉันได้สาธุขอพรไปฉันก็ได้เพื่อนใหม่มาด้วยจริงๆ แหละ ดีละ ฉันจะได้ไม่เหงาและมีเพื่อนไปกินข้าวด้วยกันด้วย ฮิ่ฮิ่ฮิ่
ฉันกับซานะ เราเข้ากันได้ค่อนข้างดีเพราะซานะเป็นคนที่เฟรนด์ลี่และเข้าหาได้ง่าย มันทำให้ฉันสบายใจและไม่กดดันที่จะอยู่ด้วย
และจากการที่เราได้ทำความรู้จัก คุยและแลกเปลี่ยนสตอรี่ของกันและกันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าซานะเป็นคนญี่ปุ่นที่ย้ายมาจากโอซาก้าตั้งแต่ตอนที่อยู่เกรด 7 อยู่เกาหลีมานานกว่าฉันอีกนะเนี่ย พ่อของซานะทำงานบริษัทส่งออกเครื่องจักรไฟฟ้าให้กับเกาหลีใต้และได้ถูกย้ายมาทำของสาขาที่เกาหลีแทน ทั้งครอบครัวจึงได้มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่กันหมด ส่วนแม่ซานะเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้าน
"อ้อ ใช่สิ ลืมถามไปเลย เธอมาจากโรงเรียนไหนอะ?" เป็นฉันเองที่เอ่ยคำถามออกไป สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักใหม่ฉันก็มีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามพวกเขาเหมือนเด็กๆ ที่เพิ่งเจอเพื่อนใหม่ยังไงยังงั้น ฉันขี้สงสัยมากเลยแหละ เพราะคนเราถ้าอยากจะรู้จักกันให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็ต้องรู้เรื่องราวของกันและกันให้มากขึ้นเรื่อยๆ สิ ใช่มะ?
"เรามาจาก Myungduk Girls' High School น่ะ รู้จักมั้ย?"
"เฮ้ยจริงดิ่?! รู้จักๆๆๆ พี่สาวฉันก็เคยเรียนที่นั่น พี่ฉันชื่อ คิม โบนา อะ รู้จักมั้ย?"
"เฮ้ อย่าบอกนะว่าเธอหมายถึงพี่โบนาที่สวยๆ ตัวเล็กๆ ห้อง 6 ตอน ม.ปลายปี 3 อะ?"
"ใช่ๆๆๆ นั่นแหละพี่สาวฉัน รู้จักได้ไงอะ?" ฉันตอบและถามกลับไปอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับยิ้มร่าให้ซานะเพราะความดีใจที่เกิดขึ้น
"ตอนแรกเราก็ไม่รู้จักหรอก แต่เพราะคนอื่นๆ พูดถึงพี่โบนากันเยอะมากก และเราก็เคยเจอพี่แกที่อาคารเรียนบ่อยๆ ด้วย เลยมารู้ทีหลังว่าพี่แกเป็นออลจัง ขนาดตอนวันวาเลนไทน์ยังมีผู้ชายจากโรงเรียนข้างๆ แอบเอาดอกไม้มาให้เลยนะทั้งๆ ที่โรงเรียนเราห้ามให้เด็กโรงเรียนอื่นเข้ามาถ้ายังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนเรา และเราว่าพี่แกก็สวยจริงๆ นะ ขนาดเราเป็นผู้หญิงด้วยกันยังคิดว่าพี่แกมีเสน่ห์เลยอะ นิสัยก็ดีด้วย เพอร์เฟกต์สุดๆ เลย ถ้าอยู่สหะนี่คงมีผู้ชายรุมจีบกันเต็มอะ" ซานะพูดออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อนึกถึงคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนา
ฮิ่ๆๆๆ พอได้ยินแบบนี้แล้วฉันก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยอะ ฉันรักพี่โบมากและก็คิดแบบซานะว่าพี่โบอะสวยจริงๆ สวยที่สุดเลยแหละสำหรับฉัน ฉันว่าฉันไม่เคยเจอผู้หญิงเกาหลีคนไหนที่สวยเท่าพี่แกซักคนเลยนะ แถมยังนิสัยดีและมีความเป็นกุลสตรีสูงอีกด้วย มีความเป็น girlfriend material สุดๆ แบบนี้แหละฉันเลยมีพี่สาวของตัวเองเป็นไอดอล อีกอย่างพี่แกยังได้เป็นดาวในคณะที่ตัวเองเรียนอยู่อีกนะ และยังไม่หมดแค่นี้ แบบที่ซานะบอก พี่แกยังเป็นออลจังอีกด้วย มีคนติดตามในเฟสบุ๊คเกือบหมื่น และยังมีผู้ชายเข้ามาจีบเยอะอีกด้วยทั้งๆ ที่พี่แกไม่ค่อยรู้จักใครเลยด้วยซ้ำเพราะเรียนหญิงล้วนมาตั้ง 3 ปี เต็ม
แต่ก็ไม่ใช่แค่พี่โบหรอกนะที่เป็นออลจัง พี่จินก็เป็นเช่นกัน แถมยังฮอทกว่าพี่โบอีก คงเพราะเป็นผู้ชายแหละเลยมี FC มากกว่าผู้หญิง แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวจริงพี่แกเป็นคนเก็บตัวแค่ไหน ไม่สังคมด้วยซ้ำ พี่น้องแต่ละคนของฉันนี่มีแต่คนที่ประวัติไม่ธรรมดากันทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่าา เพราะทั้งสองคนหน้าตาดีกันจริงๆ จึงมักมีคนจ้องมองอยู่เสมอ ไลค์ในเฟสพี่จินนี่ก็ไม่ธรรมดานะ แต่ละรูปก็มีคนไลค์ตั้งหมื่นขึ้น ที่คนรู้จักและติดตามพี่แกเยอะก็เพราะพี่แกเคยพ่วงตำแหน่งเดือนคณะสัตวแพทยศาสตร์มาก่อนไงล่ะ เกือบได้เป็นเดือนมหาลัยแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับเสียตำแหน่งให้พี่คนนึงที่ชื่อ คิม มยองซู ที่ไหวพริบในการตอบคำถามดีกว่าแทน ได้ยินข่าวว่าก็หน้าตาดีนะ แต่ไม่หล่อเท่าพี่จินหรอก (พี่จินแกกล่าวไว้)
แต่ตอนนี้พี่แกกลับซิ่วมาเรียนคณะทำขนมหวานแทน ทั้งๆ ที่พี่แกใช้ชีวิตทั้งมัธยมเพื่อทุ่มเทกับการที่จะสอบเข้าแพทย์ให้ได้ตามความต้องการของตัวเองที่มีมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าจะต้องเป็นหมอเหมือนพ่อของตัวเองให้ได้เพราะคุณลุงเป็นไอดอลของพี่แก พี่แกเคยทุ่มเทกับสิ่งนี้มากๆ จนเคยปฏิเสธการชักชวนให้ไปออดิชั่นเป็นเด็กฝึกหัดของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้มาแล้ว ฟังดูน่าอิจฉาใช่มั้ยล่าา ถ้าเป็นฉันๆ คงไม่ปฏิเสธนะ ฮ่ะๆๆ แต่ก็นั่นแหละ เพราะพี่จินไม่ใช่เด็ก วิทย์-คณิต ที่แท้จริงมันเลยยากที่จะเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียน จึงเลือกที่จะซิ่วมาเรียนในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า ดีแล้วแหละที่พี่แกเลือกแบบนี้ เพราะคณะที่พี่แกเรียนตอนนี้ก็ทำให้พี่แกมีความสุขดี ไม่เหมือนตอนเรียนแพทย์ที่ต้องทำงานหนัก อดหลับอดนอนตลอดทั้งสัปดาห์ หน้าตาไม่สดใสผุดผ่องอย่างที่ควรจะเป็น ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารพี่แกจริงๆ แต่ก็แอบเสียดายนิดหน่อย ถ้าตอนนี้พี่แกไม่ซิ่วมาเรียน Bakery Science ป่านนี้คงใกล้จบออกมาเป็นหมอหมาซอกจินนี่ไปแล้ว
"แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าพี่โบนามีน้องสาวด้วย" แน่น๊อน ก็เพราะโซเชียลของเราแต่ละคนไม่ได้เชื่อมต่อกันเลยไง โรงเรียนก็เรียนต่างที่กันหมด คนเลยไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน นอกซะจากว่าจะเป็นคนที่สนิทกับพวกเราจริงๆ เท่านั้นที่จะรู้
"คือตามจริงเราไม่ได้มีกันแค่ 2 คนหรอก เรามีพี่ชายอีกคนนึงด้วย ชื่อซอกจิน เรียนทำเบเกอรี่ที่นี่แหละ พวกพี่แกเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ฉันไม่ใช่ ป้าฉันแต่งงานกับพ่อของพี่โบกับพี่จิน ฉันเลยกลายมาเป็นส่วนนึงของครอบครัวไง"
"อ๋อออ้อ งั้นพวกเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอสินะ"
"อ่าฮะ"
พอแอบคุยกันในคลาสเพลินๆ ก็ถึงเวลาพักเที่ยงกันซะแล้ว อาจารย์ก็เก็บสัมภาระของตัวเองจนเสร็จแล้วเดินออกจากห้องไป พวกฉันเองก็เก็บข้าวของเตรียมออกไปนอกห้องเช่นกัน แต่ฉันกับซานะยังไม่รู้กันเลยว่าจะไปกินข้าวที่ไหนเพราะพวกเราทั้งสองก็ต่างยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ในมหาลัยกัน ทำไงดีวะ ถามใครดีล่ะเนี่ย
"ว่าไงไอ้วอน มึงได้ที่นั่งในโรงอาหารยัง?"
เป็นเสียงของไอ้หัวทองข้างหน้าฉันที่เสียงดังๆ นี่เองที่คงจะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนของมัน แต่มันพูดถึงเรื่องโรงอาหารนี่หว่า แสดงว่ามันต้องรู้จักที่นั่นแน่นอน งั้นถามมันเลยดีมั้ยว่าโรงอาหารที่มันหมายถึงตั้งอยู่ที่ไหน
"งั้นถามไอ้หัวทองนี่ดีมั้ยว่าจะไปกินที่ไหน?" ฉันถามซานะเบาๆ เพื่อที่จะไม่ให้มันได้ยินว่าฉันกำลังพูดถึงมัน
"ถามเลยๆ" ซานะตอบ
"เออ กูกำลังจะลงไป จองที่ให้กูด้วย" พอพูดเสร็จมันก็เก็บโทรศัพท์เข้าที่ถุงกางเกงของตัวเองพร้อมที่จะเดินออกไปจากห้อง
"โทษนะ... นาย"
"ห๊ะ พูดกับผมหรอครับ?" มันหันหลังกลับมา พอเห็นหน้าฉันแล้วมันก็ยิ้มซะเยิ้มเลย
"ใช่ นายชื่อซูนยองใช่มั้ย รู้จักโรงอาหารแถวนี้บ้างมั้ย? บอกทางไปหน่อย พวกฉัน 2 คนยังไม่รู้เลยว่าจะไปกินข้าวที่ไหนกัน" มันมองไปที่ซานะแล้วก็ยิ้มให้แบบเดียวกับที่มันยิ้มให้ฉัน
"ใช่แล้ว ผม ควอน ซูนยอง เองครับ เรียกว่าโฮชิก็ได้ แล้วคนสวยรู้จักชื่อผมได้ยังไงอ่ะครับ? เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าน๊าา? เอ๊ หรือจะเป็นที่ในใจผมน๊าา ^^ " มันพูดพร้อมกับยิ้มจนตาปิดเหมือนเดิม แม่งหน้าแฮมเตอร์ว่ะ ถ้ามีฟันหน้านี่ใช่เลย และอีกอย่าง เหอะ! ไอ้นี่ ฉันไม่ชอบให้ใครมาเรียกฉันแบบนี้เลย มันแลดูไม่จริงใจ และที่กูถามนี่มึงจะตอบกูได้ยัง?? คนแม่งหิวนะ มาหน้าม่อ ลีลาท่าเยอะอยู่นี่แหละ
"ก็แกกับเพื่อนแกคุยกันเสียงดังขนาดนี้ ไม่ได้ยินก็หูหนวกละ และจะตอบได้ยังว่ามันไปทางไหน??" มันหุบยิ้มหน้าแฮมเตอร์แล้วยิ้มแหยๆ ส่งมาให้ฉันแทนพลางพูดออกมาอย่างเบาเสียง
"อู่ยย ทำไมโหด... คือ เรากำลังจะไปที่โรงอาหารพอดีอะ พวกเธอไปด้วยกันดิ เพื่อนเรามันจองที่ไว้แล้ว" มันเอ่ยชวนพวกฉันสองคนออกมาพร้อมกับยิ้มเป็นมิตรแบบแฮมเตอร์ๆ มาให้
ฉันชั่งใจอยู่ครู่นึงเพราะฉันไม่ค่อยไว้ใจมัน และอีกอย่างฉันก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกผู้ชายด้วย ผู้ชายที่ฉันสนิทด้วยก็มีแค่ญาติเท่านั้นแหละ พลางไอ้ซูนยองมันก็มองหน้าฉันสลับกับซานะเพื่อรอคำตอบ พอซานะเห็นว่าฉันเงียบไปสักพักเลยตอบแทนฉันไป
"ไปดิ ^^ แต่เราต้องเข้าห้องน้ำก่อนนะ รอแป๊บนึง" ซานะตอบพร้อมกับยิ้มให้ไอ้ซูนยองและเอ่ยสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำก่อนไปกินข้าวให้พวกเราได้รับรู้ จะว่าไปมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่เนอะ ดีซะอีกที่มีคนชวนแบบนี้ ลองไปกับมันก่อนดีกว่า ดีไม่ดีค่อยว่ากัน
"งั้นฉันไปรอที่ม้านั่งอีกฝั่งนึงของตึกนะ เจอกันตรงนั้น ^^ " พอลงมาถึงชั้น 1 ของอาคารไอ้ซูนยองมันก็พูดออกมาพร้อมยิ้มให้กับพวกฉันและได้ปล่อยให้ซานะได้ทำธุระของตัวเองก่อนที่จะเดินไปด้วยกัน พลางฉันก็ยืนรอซานะอยู่ที่หน้าห้องน้ำ
คนที่ผ่านไปผ่านมาก็มีหันมามองฉันกันบ้าง ทำไม ไม่เคยรอเพื่อนกันรึไง? ก็เพื่อนฉันอยู่ในนี้อะ แต่ฉันก็ไม่สนหรอกนะ ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่ฉันพอใจ ชิลล์ๆ ไม่อยากแคร์คำคนอื่น มันทำให้คิดมาก ปวดหัว
ตอนนี้ผ่านไป 4 นาทีแล้วแต่ซานะยังไม่เสร็จเลย ไม่รู้กำลังทำอะไรอยู่ ฉันจึงเคาะประตูเบาๆ แล้วถามว่าซานะเสร็จรึยังจึงได้ตำตอบกลับมาว่าใกล้เสร็จแล้ว
ฉันจึงมองไปที่ซูนยองอีกครั้ง แต่ เฮ้ย! มันหายไปไหนแล้วอ่ะ! มันไม่ได้นั่งอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนตัวนั้นแล้ว ฉันตกใจแทบแย่ ถ้าหลงกับมันนี่พวกฉันจะไปโรงอาหารถูกได้ยังไง มันก็ไม่ได้บอกด้วยว่าโรงอาหารน่ะไปทางไหน ขี้เกียจถามคนอื่นอีกนะเนี่ย มีคนรู้จักซักคนมั้ยก็ไม่มี แต่พอมองดูรอบๆ แถวนั้นแล้วก็เห็นว่ามันกำลังยืนหันหลังคุยกับเพื่อนใต้ต้นเมเปิ้ลต้นนึงอยู่ ฮู่วว์ โล่งใจขึ้นมาเลยอะ
แต่เฮ้ย! นั่นมันกำลังจะเดินไปไหนอะ!
"ซูนยอง! ซูนยองง!" ฉันพยายามตะโกนเรียกมันแต่ก็ตะโกนดังมากไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นได้มองหน้ากันหมดพอดี อีกชื่อนึงที่มันบอกว่าเป็นชื่อของมันคืออะไรนะ โฮ โฮ โฮอะไรวะแม่ง คิดๆ ... เอ้อ! โฮชิ! ใช่แล้ว โฮชิไง!
"โฮชิ!" ฉันตะโกนแรงขึ้นกว่าเดิมหวังให้มันได้ยิน แต่ผู้คนแถวนั้นก็เริ่มมองมาที่ฉันแล้ว พอเห็นแบบนั้นฉันก็เริ่มหน้าเสียนิดๆ แต่ก็เหมือนว่ามันจะยังคงไม่ได้ยินเหมือนเดิมเพราะที่ตรงนั้นก็ไกลพอสมควรพร้อมกับเดินลับตาฝ่าฝูงชนไปกับเพื่อนของมัน ฉันกำลังจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามมันไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะคิดขึ้นมาได้ว่าซานะยังไม่เสร็จจากห้องน้ำเลย โฮ้ยยยย แม่ง! หัวเสียเลยเนี่ย ไหนบอกจะรอกันไงล่ะ ลืมกันได้ไง เซ็งเลยเนี่ย ฮึ่! ฉันหันกลับมาพิงกำแพงห้องน้ำเหมือนเดิมและกอดอกไปด้วย เซ็ง!
"นักศึกษา มายืนตะโกนอะไรตรงนี้ ที่นี่สถานศึกษานะ ไม่ใช่บ้านของเธอ" หู่ยย แรงอะ ไม่น่าเลยกู ไม่น่าตะโกนตามมันไปเลย เลยโดนอาจารย์ผู้หญิงวัยกลางคนๆ นี้ดุเข้าเลย
"เฮ่ะๆ หนูขอโทษค่ะอาจารย์ คือว่า เพื่อนของหนูเขาไม่ได้ยินที่หนูเรียกน่ะค่ะ เลยต้องตะโกนเรียกให้เขาได้ยิน" ฉันได้แต่ตอบกลับแบบยิ้มแหยๆ และอธิบายความเป็นจริงไปให้อาจารย์คนนี้ได้ฟัง
"แล้วนี่เธอมายืนทำอะไรหน้าห้องน้ำแบบนี้ ม้านั่งแถวนี้ก็มี ทำไมไม่ไปนั่ง?" ก็มันไกลนิ่คะอาจารย์ หนูรอตรงนี้แหละ ขี้เกียจเดินไป
ในขณะนั้นเองซานะก็ได้ออกมาจากห้องน้ำพอดี พอดีเลย จะได้ไปกัน ฉันไม่อยากยืนโดนดุอยู่ตรงนี้ต่อไปแล้ว เซ็งซ้ำเซ็งซ้อนจริงๆ
"นี่ไงคะเพื่อนหนู" ฉันอธิบายพร้อมกับผายมือไปทางซานะที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ซานะก็ได้แต่ทำท่าทางงุนงงกับสถานการณ์ตอนนี้แต่ก็ต้องรีบโค้งให้กับอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราทันที "หนูรอให้เขาออกมาจากห้องน้ำอยู่ค่ะ"
"คราวหน้าคราวหลังก็อย่ามายืนตะโกนแหกปากหน้าอาคารเรียนแบบนี้อีกล่ะ มันรบกวนคนอื่นเขา เดี๋ยวเขาจะว่าเป็นบ้านนอกเข้าเมืองเอา" อู่ยย ไม่น่าเลยกู โดนตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลย พอได้คำตอบแล้วอาจารย์ก็ลงท้ายด้วยการสั่งสอนฉันนิดๆ หน่อยๆ พร้อมกับทำสีหน้าตำหนิแล้วเดินจากไป
"เกิดไรขึ้นอะ? เราได้ยินเธอตะโกนชื่อซูนยอง แล้วซูนยองอยู่ที่ไหน?" ซานะถามพร้อมกับมองหาไอ้ซูนยอง
"ก็ไอ้ซูนยองน่ะสิ มันบอกว่าจะรออยู่แถวนี้แต่มันเดินไปกับเพื่อนมันแล้ว ฉันเลยโดนอาจารย์ว่าเพราะตะโกนตามมันเนี่ย" หึ่ย! แค่คิดก็เริ่มโมโหขึ้นมาอีกแล้ว
"อ้าวว! แล้วเราจะไปกันถูกได้ไงอะ? ซูนยองไม่ได้บอกทางเราด้วยนี่"
"ฉันเห็นมันเดินไปทางนั้นอะ โรงอาหารน่าจะไปทางนั้น ลองเดินไปดู"
.
.
.
พอเดินมาสักพักพวกฉันสองคนก็ได้มาถึงโรงอาหารซักที แดดร้อนก็ร้อน น่าจะใส่เสื้อแขนยาวมาด้วยจะได้ไม่โดนแดดเผา เดี๋ยวผิวก็แทนเหมือนตอนอยู่ไทยพอดี ครีมกันแดดฉันก็ไม่ได้ทาก่อนออกจากบ้านเพราะขี้เกียจ เฮ้ออ ไม่คิดว่าแดดมันจะร้อนขนาดนี้เพราะนี่ก็ต้นเดือนกันยาแล้วแต่องศาความร้อนก็ยังขึ้นได้ถึง 30 องศาเซลเซียสเหมือนเดิม สำหรับที่นี่ก็ถือว่าร้อนมากพอสมควร แต่ดีนะที่โรงอาหารที่ว่าเนี่ยมันถัดมาจากตึกมนุษย์แค่ 2 ตึกเอง ไม่งั้นผิวขาวๆ ของซานะคงต้องโดนแดดเผาแน่เลย
"โอ๊ย!" เป็นเสียงของซานะเองที่เดินข้างฉันอยู่ดีๆ ก็เซมาแล้วจับเข้าที่บ่าฉันเพื่อเป็นที่ทรงตัวให้ตัวเอง
"เฮ้ย! เป็นไร? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?" ฉันที่ได้แต่พยุงซานะไว้อย่างงงๆ ก็ถามออกมาอย่างเป็นห่วง
"คือเราซุ่มซ่ามเองแหละ เราสะดุดพื้นทางเข้าเมื่อกี๊อะ แหะๆ" ซานะพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ แต่น่ารักมาให้ฉัน พอได้ยินแบบนั้นแล้วฉันก็ได้แต่หัวเราะออกมา ตลกอ่ะ ฮ่าๆๆ ก็นึกว่าเป็นอะไร ที่แท้ก็ซุ่มซ่ามนี่เอง... จะว่าไปก็เหมือนฉันเลยแฮะ ฮ่ะๆๆๆ
"แล้วเราจะนั่งไหนกันอะ ซูนยองอยู่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าเราไม่เข้าห้องน้ำนานนะซูนยองก็คงรอเรา และเราก็คงจะมีที่นั่งไปแล้ว" ใช่ แล้วเราจะนั่งไหนกันวะ เฮ้ออ คนยิ่งเต็มๆ อยู่ด้วย แต่มันไม่ใช่ความผิดของซานะซักหน่อย ความผิดของไอ้ซูนยองต่างหาก ให้รอไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำยังรอไม่ได้ ใจแคบว่ะ ฉันคิดภายในใจพรางยืนอยู่กับที่และใช้สายตามองหาโต๊ะที่น่าจะมีที่นั่งว่างอยู่
"เราขอโทษนะ ทีหลังเราจะเข้าห้องน้ำให้เร็วกว่านี้" ซานะพูดออกมาพร้อมทำหน้าตารู้สึกผิด
"ไม่ใช่ความผิดเธอซะหน่อย อย่าโทษตัวเองเลย ความผิดไอ้ซูนยองต่างหาก รอแค่นี้ก็ไม่ได้" เหอะ! "ฉันว่าเราไปซื้อข้าวก่อนดีกว่า ค่อยหาที่นั่งทีหลัง เดี๋ยวมันจะหมดเวลาพักก่อน" ซานะพยักหน้าและเราก็เดินฝ่าฝูงชนไปจนถึงร้านราเม็งร้านนึงที่แลดูน่าอร่อย พวกเราจึงตัดสินใจกินราเม็งของร้านนี้กัน
ในขณะที่พวกฉันกำลังจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างตรงมุมสุดของโรงอาหารก็ได้ยินเสียงๆ นึงเรียกไว้พอดี
"เธอ! เธอ! พวกเธอคนสวยทั้งสองคนอะ" ฉันกับซานะมองหน้ากัน เสียงคุ้นๆ แฮะ และเหมือนจะเรียกเรา 2 คนด้วยเพราะเสียงอยู่ค่อนข้างใกล้
"แฮ่กๆๆๆ จะเดินเร็วไปไหนเนี่ย ไปนั่งกับพวกเราสิ โต๊ะเรายังเหลือที่ว่างอยู่นะ" เมื่อเรา 2 คนหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนข้างหลังก็ได้รู้ว่านี่มันไอ้ -
"อ้าวซูนยองง ^^ " - เฮงซวยนี่เอง เหอะ! โผล่มาได้แล้วหรอมึง เดินจากไปไม่บอกไม่กล่าว "มากับเพื่อนหรอ?" ซานะถามออกไปพร้อมกับยิ้มให้ไอ้ซูนยองและเพื่อนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ และค่อนข้างหน้าตาดีของมัน
"ใช่ นี่ไอ้จุนเพื่อนเราเอง ขอโทษนะที่ลืมรออะ เฮ่ะๆ พอดีตอนนั้นคุยกับไอ้จุนเพลินไปหน่อยเลยลืมเลย" เหอะ งั้นหรอ "ใช่ ไปนั่งที่โต๊ะกับพวกเราสิ" ไอ้ซูนยองกับเพื่อนของมันพูดออกมา
"ไม่เป็นไร ^^ ว่าแต่โต๊ะพวกนายอยู่ไหนล่ะ?" ทำไมซานะถึงยังยิ้มได้อยู่วะ ผิดกับฉันที่ตอนนี้ได้แผ่รังสีความไม่พออกพอใจออกไปให้มันรับรู้แล้วเป็นที่เรียบร้อย "ป่ะพีพี ไปกันเถอะ" พอพวกมันบอกมาว่าโต๊ะของพวกมันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ซานะจึงเรียกให้ฉันเดินไปพร้อมกับพวกมัน พอได้ยินแบบนั้นแล้วฉันเลยได้แค่เก็บความอคติที่มีต่อไอ้ซูนยองไว้ในใจแล้วเดินตามพวกมันไปยังโต๊ะที่พวกมันพวกมันนั่งกัน
ตอนนี้พวกมันนำไปจนถึงโต๊ะละ โต๊ะนี้เป็นโต๊ะที่นั่งได้หลายคนพอสมควร ถ้าเบียดๆ กันหน่อยก็คงนั่งได้ 10 คนเลยทีเดียว แต่ตอนนี้กลับมีแค่ผู้ชายคนเดียวที่นั่งหันหลังให้อยู่ แต่เฮ้ย ทำไมคุ้นๆ วะ ทั้งทรงผมที่ผ่านการเซ็ทมาเล็กๆ น้อยๆ นั่น และท่านั่งที่นั่งแบบนั้น ทุกอย่างมันคุ้นไปหมดเลย คนรู้จักรึเปล่าเนี่ย
ไอ้ซูนยองที่ตอนนี้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้ชายคนนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เอ่ยออกมาว่า "เฮ้ยมึง มีเพื่อนสาวอีก 2 คนมานั่งกับเราเพิ่มว่ะ"
"ใครวะ" เฮ้ นอกจากท่าทางกับทรงผมจะคุ้นแล้วเสียงยังคุ้นอีกนะ! หลังจากที่เขาถามไอ้ซูนยองเสร็จแล้วมันจึงพยักหน้ามาทางที่พวกฉันยืนอยู่ เขาจึงหันหน้ามาข้างหลังตัวเองเพื่อที่จะดูว่าพวกฉันเป็นใคร
"-_-... เห้ย! o_o / -_-... เห้ย! o_o" แต่เมื่อเราสบตากันเท่านั้นแหละ ดวงตาของพวกเราทั้ง 2 จึงได้ขยายโตเท่าไข่ไก่ เพราะว่านี่มัน "วอนอู! / พีอา!" ฉันกับเขาจึงได้ตะโกนเสียงเบาและยิ้มออกมาพร้อมกันเพราะต่างคนต่างทั้งตกใจและแปลกใจที่มาเจอกันที่นี่ได้ ก็ว่าทำไมถึงคุ้น นี่มัน จอน วอนอู เพื่อนผู้ชายจากห้องเดียวกันกับฉันนี่นา! พอคิดได้เช่นนั้นแล้วฉันจึงรีบชวนซานะที่ยืนอยู่ข้างหลังให้รีบเดินไปนั่งที่นั่งข้างๆ วอนอูที่ยังว่างอยู่ทันที
"เฮ้ย นายมาอยู่นี่ได้ไงอะ ไหนบอกจะกลับไปเรียนมหาลัยที่ชางวอนไง แล้วทำไมยังมาต่อโซลเหมือนเดิมล่ะ?"
"แม่ฉันอยากให้ต่อที่นี่น่ะ แม่บอกว่ามหาลัยที่นี่น่าจะดีกว่าที่นั่น" อ่อ ใช่สิ ล่าสุดที่ฉันถามวอนอูว่าจะเข้าที่ไหนก็ก่อนวันประกาศผลของมหาลัยโซลด้วยซ้ำ ฉันคงตกข่าวเองแหละ แต่ฉันชอบเขานะ ชอบแบบเพื่อนน่ะ เพราะเขาเป็นเพื่อนในห้องคนนึงที่ทั้งใจดีกับฉันและไม่ได้สนใจเรื่องข่าวลือที่คนอื่นเขาพูดให้ฉันกันด้วย เขาเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ ชอบอ่านหนังสือและใส่แว่นเวลาเรียน ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของตัวเอง แถมยังเก่งคณิตศาสตร์เป็นอันดับต้นๆ ของห้อง อีกด้วย เราก็เคยคุยกันบ้างเพราะเป็นเพื่อนร่วมห้องกันและก็เคยจับฉลากโดนที่นั่งข้างกันเป็นเวลา 2 อาทิตย์อีกด้วย แต่นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นเท่าไหร่เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องบัดซบนั่นมาฉันก็ไม่กล้าเปิดใจคุยกับใครที่โรงเรียนอีกเลย แต่กับวอนอูฉันก็ค่อนข้างวางใจนะ
วอนอูเขยิบไปข้างซ้ายเพื่อที่จะให้ฉันกับซานะได้นั่งข้างๆ ตัวเอง สรุปว่าตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงกลาง วอนอูนั่งซ้าย ซานะก็นั่งข้างขวาของฉัน ไอ้ซูนยองกับเพื่อนที่ชื่อจุนของมันก็นั่งฝั่งตรงข้ามกับพวกเรา
"อ่อ แล้วนายเรียนไรล่ะ ได้เรียนวิศวะเหมือนที่นายเคยบอกว่าจะเข้ามั้ย?"
"ฉันเรียนวิศวกรรมอุตสาหการน่ะ"
"แหมม พี่วิดวะวอนอู" ฉันมองหน้าวอนอูพร้อมกับพูดและยิ้มแบบล้อเลียนเขานิดๆ ทำให้มีรอยยิ้มที่ดูเหมือนแมวเหมียวเกิดขึ้นบนใบหน้าที่แลดูเย็นชาแต่กลับสดใสเมื่อเจ้าตัวยิ้มของเขาขึ้นมาเหมือนที่มันมักจะเป็นเสมอเวลาที่เขายิ้ม
ตอนนี้พวกเราก็ได้ที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีสายตาอีก 3 คู่ที่ยังงุนงงและมองมาที่ฉันกับวอนอูอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเรารู้จักกันได้ยังไง ดีใจที่ได้เจอวอนอูจนเพลินเลยแฮะ
"ไอ้วอน มึงรู้จักเพื่อนสาวคนสวยคนนี้ด้วยหรอ? ชื่อพีอาสินะ เจอกันตั้งแต่ที่คลาสแล้วอะ แต่ลืมถามชื่อ เพิ่งจะมารู้เมื่อกี๊นี่แหละ" ไอ่คนที่ตาหยีที่สุดในโต๊ะถามขึ้น จะว่าไปก็ลืมบอกชื่อตัวเองกับมันนะ ตอนนั้นก็ถามแค่ชื่อมัน
"นี่เพื่อนกูเอง คิม พีอา" วอนอูแนะนำฉันให้กับเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีก 2 คน
"เรามาจากห้องเดียวกัน เลยรู้จักกัน" ฉันหุบยิ้มแล้วพูดต่อวอนอูให้พวกมันคลายความสงสัยอย่างค่อนข้างเย็นชา ก็อยากจะยิ้มนะ แต่พอเห็นหน้ามันแล้วเลยรู้สึกว่ายังไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะยิ้มให้เท่าไหร่ เหมือนมันจะรู้สึกได้นะว่าฉันยังโกรธมัน มันเลยใจดีสู้เสือยิ้มแห้งๆ มาให้ฉันแล้วถามเกี่ยวกับซานะต่อ
"อ่อ โอเค ฮ่ะๆ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร พวกเรายังไม่รู้จักชื่อเธอเลยนะ" มันตั้งคำถามขึ้นพร้อมกับยิ้มหน้าหนูๆ ในแบบของมันให้ซานะ
"เราชื่อซานะ น่ะ มินาโทซากิ ซานะ มาจา-"
"โอ๊ะ! ชื่อแบบนี้มันชื่อคนญี่ปุ่นนิ่ เป็นคนญี่ปุ่นใช่ม้าา? คาวาอี้ ~ ^^" มันยิ้มตาเยิ้มในขณะที่พูดออกมา ไอ้นี่แม่ง คนพูดอยู่มาขัดแบบนี้ได้ไง เสียมารยาทจริงๆ! ซานะชะงักไปแป๊บนึงพร้อมกับหัวเราะนิดๆ แล้วพูดต่อ ฉันว่าเพื่อนฉันต้องเขินกับคำพูดของไอ้หน้าม่อนี่แน่เลย แต่ฉันว่าเธออย่าไปเขินกับคำพูดม่อๆ ของมันเลยนะยัยนะ เก็บความเขินของเธอไปใช้กับคนอื่นๆ ดีกว่า! ><
"อ่อ ฮ่ะหะ ใช่ เรามาจากโอซาก้าน่ะ แต่ก็มาอยู่ที่เกาหลีได้นานแล้วน๊า ครอบครัวเราย้ายมาที่นี่เพราะพ่อเราโดนย้ายงานน่ะ เรามาจากโรงเรียนหญิงล้วนมยองดูค แล-"
"อร๊ากกกก! หญิงล้วนมยองดูค?? เรารู้จักโรงเรียนเธอนะ ที่นั่นมีแต่คนสวยๆ เยอะเลยอะ ไม่น่าล่ะเธอถึงได้สวยและน่ารักแบบนี้ ^0^" อร๊ากกกก! กูจะไม่ทน!
"นี่แกจะขัดเพื่อนฉันอีกนานมั้ย?? มารยาทน่ะมีมั้ย? 2 รอบแล้วนะ" ฉันต่อว่ามันอย่างเลือดขึ้นหน้าที่มันทำแบบนี้ กูไม่ด่ามึงก็ดีแค่ไหนแล้ว!
"ใช่ กูกำลังฟังอยู่เนี่ย มึงจะขัดจนกว่าหม้อที่บ้านมึงสะอาดเลยรึไง? กูจะหมดอารมณ์ฟังก็เพราะมึงนี่แหละ" เอ่อ... นั่นคือเล่นมุกใช่มั้ย? ทุกคนเงียบกันหมด ยกเว้นวอนอูที่หัวเราะหน่อยๆ ให้กับการที่ฉันกับจุนพากันรุมว่าไอ้ซูนยอง และซานะก็หน้าเสียนิดหน่อยเพราะโดนขัดอีกแล้ว แต่ช่างเหอะ ขอบใจที่ช่วยว่ามันอีกแรงละกันนะจุน
"อู่ยย เฮ่ะๆ ขอโทษครับ ซานะพูดต่อเลยนะ จะไม่ขัดแล้ว เฮ่ะๆ" มันได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมาพร้อมกับโค้งหัวขอโทษซานะที่มันเพิ่งขัดไป
"เอ่อ... คือเราเป็นลูกคนเดียวน่ะ เราชอบสีม่วงแล้วก็ชอบกินทั้งอาหารเกาหลีและญี่ปุ่นเลยนะ อาหารอะไรก็ได้ที่ออกแนวเผ็ดๆ และอีกอย่างแม่เราก็ทำอาหารญี่ปุ่นอร่อยมากเลยนะ ถ้าทุกคนว่างๆ ก็ลองมาชิมอาหารฝีมือแม่เราได้นะ และสุดท้าย... " ซานะยืนขึ้นพร้อมกับโค้งหัวให้พวกเราทุกคนอย่างน้อยๆ "... เราขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะ ^^"
"ได้สิ! ถ้าเราว่างเราจะไปชิมอาหารฝีมือแม่ซานะทุกวันเลยนะ ^^ ^0^ / ได้สิ เราว่าอาหารญี่ปุ่นก็อร่อยดีนะ / ได้สิ เราก็ชอบอาหารญี่ปุ่นนะ แต่เราแพ้อาหารทะเลน่ะ เลยกินได้ไม่กี่อย่างเอง" ทั้งสามคนตอบไปหมดเรียงตามลำดับความพูดมากของแต่ละคนเลย แต่ไอ้ซูนยองนี่แม่งเล่นใหญ่ตลอดเลย สงสัยเป็นคนแบบนี้ แลดูเฟรนด์ลี่นะ แต่กวนส้นเท้ามากกว่า ฉันที่ยิ้มให้ซานะก็ไม่ได้ตอบไรไปเพราะเมื่อเช้าเราได้ฝากเนื้อฝากตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว
"อ้าว น่าเสียดายจังเลยอะ แม่เรายิ่งชอบทำพวกอาหารทะเลเวลาแขกมาบ้านอยู่ด้วย งั้นถ้าวอนอูมาบ้านเราๆ จะให้แม่ทำพวกอาหารที่ไม่มีอาหารทะเลให้วอนอูกินดีกว่าเนอะ" ซานะว่าอย่างน่าเสียดายแต่ก็พูดปลอบใจวอนอูพร้อมกับยิ้มไปให้ วอนอูก็ยิ้มตอบเช่นกัน
เพื่อนฉันนี่น่ารักจังเลยอะ ทั้งคำพูด ทั้งท่าทางและหน้าตา มีความคาวาอี้ในตัวอยู่จริงๆ แถมยังอินโนเซนท์อีกด้วย เหมาะที่จะเป็นสเป็กของผู้ชายหลายๆ คนจริงๆ แต่ทำไมถึงยังโสดอยู่นะ น่ารักแบบนี้ต้องมีคนเข้ามาจีบเยอะอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?
"แล้วพวกนายล่ะ พวกนายยังไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยนะ" พอปลอบใจวอนอูเสร็จซานะก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
"ลืมไปเลยอ่ะ ^^ อย่างที่เราบอก เราชื่อ ควอน ซูนยอง แต่เรียกว่าโฮชิก็ได้นะ" มันพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้มาวางไว้ใต้ตาทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มตาหยี อ๋อที่ว่าโฮชินี่ก็หมายถึง 10 นาฬิกา 10 นาที สินะ มันนี่ก็ชั่งคิดแฮะ แต่ก็เหมือนของมันจริงๆ เพราะตามันก็เรียวและโค้งเหมือนเข็มนาฬิกา 10 โมง 10 นาทีจริงๆ ครีเอทดี "ชื่อนี้แม่เราตั้งให้แหละแต่เราต้องใช้ชื่อที่พ่อตั้งให้แทน โฮชิเลยกลายมาเป็นชื่อเล่นที่แม่และเพื่อนบางคนใช้เรียกเราแทนน่ะ ^^ เรามาจากนัมยางจู และรู้จักกับไอ้วอนอูตั้งแต่ ม.ปลายแล้วเพราะเราเคยเล่น Minecraft ด้วยกัน แต่เพิ่งมาเจอกันจริงๆ ตอนวันปฐมนิเทศนี่แหละ"
โห เกมไมน์คราฟต์ เคยเห็นพี่จินเล่นที่บ้านเวลาที่พี่แกว่าง เป็นเกมที่ภาพแม่ง ต้องใช้คำนี้บรรยายเลย 'ผู้ฮ้ายสุดๆ' ก็ไม่ได้แอนตี้เกมมันหรอกนะ แต่ไม่เข้าใจว่ามันสนุกตรงไหน ภาพก็ดูยาก แต่คนก็เล่นกันทั่วโลก ผู้ชายนี่ก็สนิทกันเร็วจริงๆ เนอะ แค่นั่งเล่นเกมคุยกันผ่านหน้าจอคอมนี่ก็สนิทกันแล้ว ต่างกับผู้หญิงที่ขนาดรู้จักกันมาตั้งนาน เจอหน้ากันแทบทุกวัน แต่บางครั้งยังไม่สามารถรู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกันได้เลย หึ!
"ส่วนไอ้จุนกังฟูแพนด้านี่เราเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน เพราะเพิ่งมาเป็นรูมเมทกัน แต่เราก็สนิทกันนะเพราะเราเข้ากันได้ดี" ไอ้ซูนยองว่าพร้อมกอดคอมองหน้าจุน จุนก็กอดคอมันตอบเช่นกัน
"แล้วทำไมถึงเรียกจุนว่ากังฟูแพนด้าล่ะ? จุนเรียนกังฟูมาหรอ?" - ซานะ
"ก็ไอ้จุนมันเรียนศิลปะป้องกันตัวมาจากบ้านมันน่ะสิ และมันก็เป็นคนจีนนะ มาจากเฉินเจิ้น เพิ่งมาอยู่เกาหลีได้ 3 ปี" ว่าอยู่ สำเนียงเกาหลีแปร่งๆ จะว่าไปเพื่อนฉันนี่ก็คนต่างชาติเยอะเหมือนกันแฮะ ซานะก็คนญี่ปุ่น จุนก็คนจีน ส่วนฉันเองก็คนไทย อินเตอร์สุดๆ ชอบอะ ฮ่าาๆๆๆ
"โหหห จริงดิ? เท่สุดๆ ไปเลยอะ ถ้าว่างๆ ก็มาโชว์สกิลล์กังฟูแพนด้าให้พวกเราดูหน่อยนะ ฮิ่ๆๆๆๆ"
"เราก็เทควอนโด้สายดำนะ เราโชว์ให้ดูก็ได้ ^^"
"ใครเขาถามมึงห๊ะ เขาถามกูเว่ย! แนะนำกูซะหมดจนกูไม่มีอะไรจะแนะนำตัวเองแล้วเนี่ย เอาเป็นว่านี่คือชื่อเต็มเราแล้วกันนะ ไอ้โฮชมันพูดสิ่งที่เราจะพูดไปหมดแล้ว เราไม่มีอะไรจะพูดอีก" จุนฉีกกระดาษมาจากสมุดตัวเองแล้วเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษลงไปบนกระดาษนั่น
'Wen Jun Hui'
"เหวิ่น จุน เฮว่ย?" เป็นฉันเองที่อ่านออกมาอย่างหน้าตายหลังจากที่นั่งเงียบไปนานพร้อมกับมองหน้าจุนรอคำตอบ การกระทำของฉันเรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนบนโต๊ะนี้ได้เป็นอย่างดี จะเพราะอะไรล่ะ? ก็เพราะฉันอ่านผิดน่ะสิ!
"5555555555555555 / 55555555 / 555555555" - ซูนยอง, - วอนอู, - ซานะ
"ใครบอกเธอล่ะ! เหวิน จวิ้น ฮุย ต่างหาก มาเฮว่ยมาฮว่ายอะไรกัน ทำไมคนชอบอ่านชื่อฉันผิดอยู่เรื่อยเลย ฉันว่ามันไม่เห็นยากเลยนะ ก็แค่ เหวิน-จวิ้น-ฮุย เอง" ค่ะ มันก็อ่านง่ายค่ะคุณจวิ้นฮุย แต่คนอื่นเขาไม่ใช่คนจีนแบบคุณไงคะ จะรู้มั้ยล่ะว่าตัวเองอ่านผิดหรือถูก! คราวนี้เป็นฉันเองที่หัวเราะออกมาบ้าง บ่นซะทำให้นึกถึงพี่จินเลย
"อ้อ! และอีกอย่างนึง เราเรียนคณะวิทยาศาสตร์การกีฬานะ"
แต่จะว่าไป ตั้งแต่เดินเข้ามหาลัยมาก็ยังไม่เห็นพี่จินเลยอะ ตึกของพี่แกอยู่ที่ไหนเนี่ย เอาเพื่อนสาวคนแรกไปอวดเลยดีมั้ย แถมยังเป็นคนญี่ปุ่นอีกด้วย พี่แกชอบเพราะพี่แกบอกว่าสาวญี่ปุ่นน่ารักดี เดี๋ยวพาซานะไปอ้างซะเลย แค่คิดก็สนุกแล้ว มุฮ่าาาๆๆๆ!
"แต่ช่างเหอะ ถึงจะอธิบายไปยังไงคนเกาหลีก็ยังพูดชื่ออ่านชื่อฉันผิดอยู่ดี เรียกว่า จุนฮวี หรือ จุน เฉยๆ นั่นแหละดีแล้ว" จุนนี่ประสบปัญหาเดียวกันกับฉันเลยอะ เพราะชื่อคนไทยเรามันยาว พอมาอยู่เกาหลีได้สักพักฉันเลยได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น คิม พีอา เพราะลองให้คนเกาหลีเรียกฉันว่า พัชญา เพียรเสมอ ดูดิ ลิ้นพันกันตายพอดี มันเป็นชื่อที่ไม่ยาวและง่ายสำหรับคนไทย แต่สำหรับคนเกาหลีมันก็ยากเกินไปที่เรียกชื่อฉันให้ถูก ทางบ้านเลยพาฉันไปเปลี่ยนซะเลย เปลี่ยนเป็นชื่อที่คล้ายๆ กับชื่อเล่นของฉัน จาก พีพี มาเป็น พีอา
หลังจากที่พวกเราได้แนะนำตัวเองไปหลายคนแล้ว ตอนนี้สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่วอนอูที่เคี้ยวคิมพับตุ้ยๆ อยู่เป็นตาเดียวกัน... ยัง ยัง ยังจะมาทำหน้างงอีก ไอ้สลอธเอ๊ย! ฮ่าๆๆๆๆ นี่เป็นชื่อที่ฉันแอบตั้งให้วอนอูเองแหละ เพราะเขาดูเป็นคนที่เฉื่อยช้า หน้าตาก็ดูไม่ค่อยมีอารมณ์อื่นซักเท่าไหร่ นอกจากอารมณ์นี้ ---> -_- แต่เขาก็ไม่รู้หรอกนะว่าฉันแอบตั้งชื่อแบบนี้ให้เขา อิอิ เพราะฉันก็ไม่เคยเรียกเขาแบบนั้น เพราะเราไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่
"วอนอู ตานายแล้ว แนะนำตัวมาสิ" ทุกคนต่างก็รอคำตอบจากวอนอูที่มัวแต่นั่งกินคิมพับฟังคนอื่นจนลืมไปแล้วว่าตัวเองก็ต้องแนะนำตัวเช่นกัน
"เอ่อ อะฮึ่ม! ก็อย่างที่รู้ ฉันมาจากโรงเรียนเดียวกันกับพีอา เป็นคนชางวอน แต่ย้ายมาเรียนที่โซลตั้งแต่มัธยมปลายปีแรก ตอนนี้เรียนวิศวะกรรมอุตสาหการ"
พอไอ้สลอธพูดจบซานะก็ยิ้มให้มันก่อนจะพูดออกมาอย่างเซ็งๆ "นายเรียนวิศวะ แสดงว่านายก็ต้องเก่งคณิตมากๆ เลยสิ ว้าา น่าอิจฉาจัง เราก็เคยอยากเรียนวิศวะนะ เพราะพ่อเราก็จบวิศวะมาเหมือนกัน แต่เราไม่เก่งคณิตอะ เลยเลือกมาเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแทน"
"เราก็ไม่ได้เก่งมากหรอกนะ แต่ก็พอทำได้"
"สอบคณิตได้คะแนน 98/100 เนี่ยนะไม่ได้เก่ง? อันดับ 2 ของห้องเลยนะ"
"โว้ววว แม่งโคตรเก่ง! สอนกูบ้าง" - กังฟูแพนด้า เหวิ่น จุน เฮว่ย จากเฉินเจิ้น
"อูว่ะ! โคตรเจ๋ง! กูไม่รู้มาก่อนเลยว่ากูมีเพื่อนที่เจ๋งขนาดนี้" - แฮมสเตอร์หน้าม่อแห่ง วอน-ดน-ทิน
"เจ๋งอ่ะ!" - กระรอกน้อยโอซาก้าผู้น่ารัก
"นี่ มันต้องแบบฉันนี่ ค่อยเรียกว่าไม่ได้เก่ง" - ฉันเอง
"แบบสอบคณิตคะแนนเต็ม 100 ได้ 9 น่ะหรอ?" - ไอ้สลอธความรู้สึกช้าหน้าอีโม
"พรววดดดดด! 55555555555!!!!! / เชี่ยยยยย!!!" คำถามของไอ้สลอธที่ใช้ถามฉันทำเอาทุกคนบนโต๊ะพากันหัวเราะแตก มันก็ตลกหรอกนะ แต่ที่ไม่ตลกก็คือ...
"ไอ้ซูนยองงงงงงงงง!!!!!!!" ฉันที่ตอนนี้ได้ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนออกมาดังลั่นบริเวณนี้เพราะความตกใจ เชี่ยยย! ตอนนี้ฉันได้ปรี๊ดแตกไปแล้ว จะไม่ให้ปรี๊ดได้ยังไงล่ะ ก็ดูที่มันทำสิ มันพ่นน้ำแดงอัดลมออกมาเกือบเต็มหน้าฉัน! ตอนนี้ทุกคนบนโต๊ะพากันเงียบไปหมดแล้วพร้อมกับทำหน้าไม่ถูก และตัวฉันเองก็เริ่มอับอายขายขี้หน้าขึ้นมาทันทีเพราะสายตาของคนอื่นๆ ที่มองมา เมื่อซานะเห็นว่าเพื่อนมนุษย์ในบริเวณนี้เริ่มจับจ้องสายตามาที่ฉันเป็นตาเดียวกันหมดแล้วก็รีบดึงฉันให้นั่งลงก่อนทันทีพร้อมกับรีบค้นกระเป๋าตัวเองหาทิชชู่มาให้ฉันได้เช็ดน้ำอัดลมออกจากหน้าจากตาตัวเอง
"เห๊ยยยยพีอา! ฉันขอโทษษษ คืออ คือฉันไม่ได้ตั้งใจนะ... เดี๋ยวฉันเช็ดให้!"
"ไม่ต้อง! อย่ามายุ่ง" ไอ้เฮงซวยนี่มันทั้งลนลาน ทั้งทำอะไรไม่ถูกและได้เสนอออกมาอย่างลนๆ ว่ามันจะเช็ดหน้าให้ฉันพร้อมกับจะมาแย่งทิชชู่ไปจากมือฉันเพื่อที่จะเอามาเช็ดหน้าให้ฉันแทน แต่ฉันกลับห้ามมันไว้ซะก่อนพร้อมกับพูดกดเสียงต่ำออกมาและมองหน้ามันอย่างโมโหเอามากๆ แต่ก็ยังข่มอารมณ์ไว้ จนตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามันทำสีหน้าเจื่อนลงอย่างรู้สึกผิดสุดๆ แล้ว
"เห๊ยย! โอ๊ยแม่ง!" ในระหว่างที่ฉันกำลังใช้ทิชชู่เช็ดหน้าตัวเองอยู่ก็ได้ก้มลงมองสำรวจส่วนอื่นๆ ของร่างกายตัวเองไปด้วย แต่เชี๊ยยยย!! ไม่ใช่แค่หน้าฉันนะที่โดน เสื้อฉันก็โดนเหมือนกัน! เสื้อเชิ้ตสีขาวความยาวเลยศอกไปนิดนึงของฉันที่ตอนแรกดูสะอาดสะอ้านดีแต่ตอนนี้กลับดูสกปรกเลอะเทอะไปหมดเหมือนเด็ก 5 ขวบที่เพิ่งกินน้ำอัดลมแล้วทำหกใส่เสื้อตัวเองเพราะโดนน้ำแดงกระเด็นใส่ไปหลายจุด มึงนะมึงไอ้เฮงซวย! ปู้ดมาซะเต็มหน้ากูเลย เข้าใจนะว่าขำแต่แม่งอย่ามาพ่นน้ำใส่คนอื่นแบบนี้จะได้มั๊ยล่ะ! เดือดร้อนคนอื่นเขาไปหมดเลย โห๊ยยย! โมโหหหหห!!
"แล้วนี่ทำไงดีอะ น้ำแดงยิ่งเข้มๆ อยู่ คงใช้น้ำเช็ดออกไม่หมดแน่เลย" ซานะพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วงเป็นใยฉัน พรางมือก็ใช้ทิชชู่ที่ถูกชุบน้ำมาแล้วเรียบร้อยพยายามเช็ดจุดทุกจุดบนเสื้อที่โดนน้ำแดงให้ฉัน นั่นน่ะสิ เสื้อแขนยาวฉันก็ไม่ได้เอามาด้วย สงสัยคงต้องเข้าคลาสต่อไปทั้งสภาพแบบนี้แหละ โห๊ยยยย ฉันอายคนนะเนี่ย!
"นี่ เอาเสื้อฉันไปใส่ก่อนสิ" วอนอูที่นั่งมองดูสถานการณ์อยู่สักพักนึง พอรู้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าแลดูจะไม่ดีขึ้นกว่าเดิมจึงถอดเสื้อ bomber jacket รุ่น adidas สีดำ ลายเขียวน้ำทะเลของตัวเองส่งมาให้ฉัน ฉันมองเสื้อตัวนั้นแล้วก็มองหน้าเขาอย่างเกรงใจ แต่สุดท้ายก็ต้องรับมาเพราะฉันจำเป็นที่จะต้องใช้มัน
"ขอบใจนะ" ฉันพูดขอบใจเขาไปเพราะรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ เพราะในชีวิตนี้ฉันไม่ได้เจอคนที่ดีต่อฉันบ่อยมากนัก เพราะฉะนั้นแล้ว การที่มีคนมาทำดีกับฉัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม มันก็สามารถทำให้ฉันทั้งรู้สึกดีและรู้สึกขอบคุณคนๆ นั้นได้เช่นกัน ใครที่เคยทำดีกับฉันๆ ก็จำได้หมดแหละ พวกเขาทุกคนมีพระคุณกับฉันจริงๆ
"อื้ม" เขาพูดออกมาแค่นั้นแต่ก็ยิ้มออกมาอย่าง... จะว่าอบอุ่นก็ไม่เชิง แต่รอยยิ้มแค่นั้นมันกลับทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้ ดีใจจัง ฉันไม่รู้ว่าคำอธิษฐานของฉันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุขนะ ฉันรู้สึกว่าเพื่อนๆ ที่ฉันได้เจอวันนี้ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นและไว้วางใจได้ นอกจากความรู้สึกโมโหที่มีต่อไอ้ซูนยองแล้วฉันก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลยที่ได้อยู่กับทั้ง 4 คนนี้ โดยเฉพาะซานะกับวอนอู วันนี้ฉันรู้สึกประทับใจ 2 คนนี้มากๆ เลยแหละที่แสดงความห่วงใยต่อฉันออกมา พวกเขาดีกับฉันมาก และฉันก็ขอให้พวกเขาดีกับฉันเหมือนวันนี้ตลอดไปเถอะนะ...
.
.
.
ตอนนี้ฉันกับซานะได้ออกมาจากโต๊ะกินข้าวที่พวกเรานั่งกันแล้ว ซานะซื้อไอติมโคนส์รสช็อกโกแลตให้ฉันโคนนึง ส่วนมือซ้ายของตัวเองก็ถือรสชาเขียวอีกหนึ่งโคน เหตุผลเพราะอยากให้ฉันใจเย็นและอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งตอนนี้อารมณ์ของฉันก็ได้เย็นลงตามความต้องการของซานะแล้วแหละ ฮ่ะๆๆ เด็กจังเลยเพื่อนคนนี้ แต่ก็น่ารักมากอะ น่ารักจริงๆ แถมยังนิสัยดีอีกด้วย ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้รู้จักกับเพื่อนแบบนี้
ตอนนี้ซานะกำลังเดินตามหลังฉันมา เราทั้งสองกำลังรีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปให้ทันคลาสต่อไปที่จะเริ่มขึ้นภายในไม่กี่นาทีนี้เพราะแค่นี้ก็เสียเวลาไปมากแล้ว แต่คนในโรงอาหารก็ยังคงแน่นอยู่เหมือนเดิม
ตลอดทางที่เดินมาจนใกล้ถึงประตูทางออกฝั่งหลังของโรงอาหารฉันก็ได้แต่เดินเบี่ยงๆ หลบๆ คนอื่นอยู่แบบนี้พร้อมกับเดินข้ามขาผู้ชายคนนึงที่น่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะทั้งโต๊ะของเขาแลดูอายุมากกว่าฉันหมดเลย
ฉันกำลังจะหันซ้ายไปบอกซานะให้ระวังขาพี่คนนั้น เพราะซานะเป็นคนซุ่มซ่ามฉันเลยกลัวว่าซานะจะสะดุดขาพี่คนนั้นเอา แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว...
"ว๊ายยยยยยย!" เป็นเสียงของซานะเองแหละ -_-
ซานะสะดุดขาพี่คนนั้นล้มมาข้างหน้าพร้อมกับปล่อยให้ไอติมล่วงลงบนพื้นและกางนิ้วมือเรียวทั้ง 10 ของตัวเองออกมาแล้วผลักก้นฉันอย่างแรงด้วยความไม่ตั้งใจจนฉันตั้งหลักไม่อยู่เซไปใส่ผู้ชายเสื้อแขนยาวสีขาวที่ยืนหันหลังให้กับฉันอยู่ข้างหน้าเต็มๆ
ชิบหายแล้ว... ไอติม... ไอติมที่ฉันถืออยู่ที่มือข้างขวาของตัวเองตอนนี้ได้ไปแหมะอยู่ตรงกลางหลังของเขาเข้าแล้วเต็มๆ ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจทันที โหยยยย อีกแล้วหรอพีพี ฉันลากเสียงยาวภายในใจตัวเอง ทำไมวันนี้ถึงได้มีแต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นนะ ซวยทั้งวันเลย สงสัยคงต้องเปลี่ยนชื่อจาก PP มาเป็น TT แล้วแหละ
พอเริ่มทรงตัวได้ฉันก็รีบผละออกจากหลังของเขาทันทีพร้อมกับสีหน้าที่เจื่อนลงเพราะกลัวโดนต่อว่า ฉันลนลานรีบเอ่ยปากขอโทษเขาพร้อมกับอธิบายไปทันทีว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เข้าใจไอ้ซูนยองเลยว่ามันรู้สึกยังไง เขาที่ตกใจพอสมควรที่อยู่ๆ ก็มีคนเซไปใส่หลังของเขาจนเขาเองก็เซไปข้างหน้าเช่นกันตอนนี้ได้หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับฉันแล้วพร้อมกับดวงตาของเขาที่เบิกออกกว้างเท่าๆ กันกับฉัน พอเราเผชิญหน้ากันแล้วฉันก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไปให้เขาพลางมือก็ถือโคนไอติมช็อกโกแล็ตของตัวเองที่ตอนนี้เหลือแค่โคนอย่างเด่นหราให้เขาได้เห็น พอเขาเห็นสิ่งที่ฉันถืออยู่ในมือแล้วก็ได้แต่เบิกตาโตเท่าไข่ห่านขึ้นมาอีกครั้งนึง
"นี่เธอทำไอติมหกใส่หลังฉันหรอ??!" เขาถามฉันออกมาอย่างตกใจแล้วก็รีบเอามือทั้งสองข้างสำรวจหลังตัวเองทันที ฉันจึงรีบเปิดกระเป๋าสะพายหลังคู่ใจของตัวเองหาทิชชู่ที่ซานะได้ให้เอาไว้ออกมา
"เดี๋ยวก่อนคุณ อยู่เฉยๆ ก่อน ฉันจะเช็ดออกให้" พอเขาทำตามคำสั่งของฉันแล้วฉันจึงเดินไปข้างหลังของเขาแล้วเอาทิชชู่เช็ดๆ ที่หลังให้เขา ฉันพยายามเช็ดทุกที่ให้มันสะอาดเท่าๆ กันถึงมันจะไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ก็เถอะ จะทำไงได้ล่ะ ก็คราบมันเช็ดออกยากนี่
พอเสร็จแล้วฉันจึงเดินกลับมาข้างหน้าเขาแล้วยื่นทิชชู่ให้ 3 แผ่น เพราะฉันเห็นว่ามือเขาเปื้อนคราบไอติมตั้งแต่ที่เขาเริ่มสำรวจหลังตัวเองแล้ว
"สะอาดมั้ย??" เขาถามพร้อมกับยื่นมือออกมารับทิชชู่ไปจากฉัน
"เอ่อ... คือคราบมันเช็ดออกไม่หมดน่ะ แหะๆ" ฉันได้แต่ยิ้มและหัวเราะแห้งๆ ออกมาให้เขาอีกครั้ง พอได้ยินคำตอบของฉันแล้วเขาจึงทำสีหน้าผิดหวังและส่ายหัวหน่อยๆ พร้อมกับก้มลงนิดๆ แล้วใช้ทิชชู่ในมือเช็ดตามนิ้วของตัวเองที่เปื้อนคราบไอติม
ตอนนี้เขาได้ก้มลงไปใช้ทิชชู่ที่ได้ไปจากฉันให้เป็นประโยชน์แล้ว ฉันจึงถือวิสาสะแอบมองหน้าเขาอีกนิดนึงซะหน่อยเพราะ... เหะๆๆๆ ฉันว่าเขาหล่อดีนะ เฮ่ะๆ สูงกว่าฉันประมาณ 10 เซ็นติเมตร หน้าตาดีระดับออลจังเลยแหละ ดูรวมๆ แล้วดูดีมากๆ เลย นี่ฉันมาชนเขาเข้าได้ยังไงเนี่ย คนมีตั้งมากมาย แต่เดี๋ยวนะ พอมองดูหน้าเขาดีๆ แล้ว... ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันคุ้นๆ นะ วันนี้ฉันเจอคนที่ตัวเองคุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนเลยนะเนี่ย ทั้งตาของเขา ทั้งปากทรงแบบนั้น จมูกด้วย ทั้งหมดมันดูคุ้นหูคุ้นตาไปหมดเลยอะ แล้วก็อีกอย่างนะ ขี้แมลงวันที่อยู่ตรงปลายจมูกข้างขวาของเขานั่นด้วย! หรือ... หรือว่า... หรือว่าเขาจะเป็นคนๆ นั้น? o_o
ตอนนี้ฉันเบิกตาโตขึ้นอีกแล้ว เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตก็ได้ไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งนึงเหมือนกับสายน้ำที่ได้กลับมาไหลเฉี่ยวอีกครั้งหลังจากที่ได้แห้งแล้งไปนาน และฉันก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองได้แอบมองเขาไปนานเท่าไหร่แล้ว การที่คนๆ อื่นมองมาที่เราสองคนตอนนี้ฉันก็ไม่ได้รับรู้เช่นกัน
เขาที่ตอนนี้เช็ดมือตัวเองเสร็จแล้วก็ได้เงยหน้าขึ้นมาเหมือนเดิม เขาที่เห็นว่าฉันกำลังจ้องหน้าเขาอยู่ก่อนแล้วจึงจ้องกลับมาเช่นกัน เราต่างสบตากันอยู่แบบนั้นเป็นเวลาหลายวินาทีโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาเงยหน้าขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ฉันก็ต้องหลุดจากภวังค์ของตัวเองและหันกลับไปหาซานะที่ต้อนนี้ได้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะแทนที่พื้นแล้วเมื่อมีเสียงๆ นึงพูดขึ้นมาใกล้ๆ หูของพวกเราทั้ง 2 คน
"น้องครับ เข่าของเพื่อนน้องถลอกนะครับ เลือดออกด้วย พี่ต้องพาเพื่อนน้องไปทำแผลนะ น้องจะไปด้วยหรือเปล่า หรือจะไปเข้าเรียนก่อน?"
"มึงก็มากับกูด้วย... แทฮยอง"
End Part: PP
Minatozaki Sana
มินาโตะซากิ ซานะ
Jeon Won Woo
จอน วอน อู
Kwon Soon Young
ควอน ซูน ยอง
Wen Jun Hui
เหวิน จวิ้น ฮุย
เฮ่ะเฮ่ เป็นไงกันบ้าง ตอนนี้ยาวหน่อยนะ แต่ก็ยังไม่เข้าเนื้อเรื่องเพราะไรท์อยากจะแนะนำตัวละครอื่นๆ ให้รีดได้รู้จักกันเยอะๆ ก่อน จะได้รู้ว่าละครตัวไหนมีบุคลิกยังไงกันบ้าง และก็ขอโทษด้วยที่แก้ไขไปแก้ไขมา แต่เพราะไรท์อยากจะเขียนให้มันออกมาดีที่สุด เลยต้องทำแบบนี้ ไรท์ใช้เวลาทั้งคิดทั้งพิมพ์นานมากกว่าจะจบตอนนี้เพราะสมองตื้อมากกก แต่ไรท์ก็พยายามเขียนให้มันดีที่สุด และตอนนี้ก็เสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้รีดมีความสุขที่เข้ามาอ่านนะคะ See you next chapter ค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น