ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    | Taehyung X You | Playing With Fire เล่นกับไฟ

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter #6 Love Happens Now

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 64







                   ในที่สุดฉันก็มาถึงที่นี่จนได้สินะ ที่ชั้น 11 ของคอนโดแห่งนี้ ตอนแรกซานะอาสาจะมาเป็นเพื่อนฉัน แต่ก็โดนที่บ้านโทรเรียกกลับไปอย่างกระทันหันซะก่อนฉันเลยต้องมาที่นี่เพียงลำพัง TT 


                   ฉันกดออดที่ห้อง 1103 แล้วยืนรอให้เจ้าของห้องมาเปิดประตูให้ ฉันยืนอยู่คนเดียวอย่างขาดความมั่นใจในตัวเอง ตามจริงฉันไม่ควรมาหาผู้ชายถึงห้องแบบนี้นะ มันไม่เหมาะสม ถ้าคนอื่นมาเจอเข้าเขาจะเข้าใจผิดเอา ฉันเกลียดการโดนนินทา มันไม่สนุกเอาซะเลย 


                   แกร็ก 


                   เจ้าของห้องมาเปิดประตูแล้ว เขาเปิดประตูออกมา มองหน้าฉันแว๊บนึงแล้วก็หันไปสนใจโทรศัพท์ตัวเองเหมือนเดิม 


                   "แล้วซุนชิมเป็นยังไงบ้างครับ?" เขาไม่ได้พูดอะไรกับฉันแต่ใช้นิ้วโป้งชี้เข้าไปในห้องของตัวเองแทน เขาคงจะสื่อว่าให้ฉันเข้าไปรอข้างในก่อนสินะ แต่มันจะดีหรอ? ฉันไม่ค่อยจะอยากเข้าไปเท่าไหร่หรอก ให้เขาเอาโทรศัพท์ออกมาให้ฉันตรงนี้จะดีกว่า 


                   พอเห็นว่าฉันยังยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิมเขาจึงมองหน้าฉัน ชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลังตัวเองอีกครั้งแล้วชี้โทรศัพท์ที่ตัวเองกำลังถือแนบหูอยู่เพื่อที่จะสื่อให้ฉันเข้าใจว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ยังไม่ว่างที่จะพูดกับฉัน ให้เข้าไปรอด้านในก่อน 


                   เฮ่อห์ ฉันที่ไม่มีทางเลือกก็ได้แต่เดินผ่านเจ้าของห้องเข้าไปข้างใน ถอดรองเท้าแล้วไปนั่งรออยู่ที่โซฟาสีดำ ตัวหนา ของเขา 


                   เจ้าของๆ ห้องก็เอาแต่คุยโทรศัพท์แล้วเดินไปเดินมาผ่านหน้าฉันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าแขกที่นั่งหัวโด่รออยู่ตรงนี้จะเบื่อแค่ไหน เฮ่อห์ ไม่มีอะให้ทำแบบนี้ฉันก็เบื่อเป็นเหมือนกันนะ คุยนานจัง ถ้าฉันมีโทรศัพท์ให้กดเล่นบ้างก็ว่าไปอีกอย่าง 


                   "แล้วแม่จะมาทำไมครับ? ธรรมดาถ้าพ่อไม่เดินสายก็ไม่เห็นว่าแม่จะอยากมาโซลนิ่" สงสัยคงจะคุยกับทางบ้านสินะ 


                   ฉันที่ไม่มีไรทำก็ได้แต่สำรวจห้องเขาไปเรื่อยๆ ห้องๆ นี้เฟอร์นิเจอร์ส่วนมากจะเป็นสีดำหมด แต่มันกลับไม่ได้ดูทึบเท่าที่ควร คงจะเป็นเพราะว่าผนังมันเป็นสีขาวล่ะมั้ง 


                   ฉันตัดสินใจเดินไปส่องดูวิวนอกหน้าต่างเพราะดูจากสถานการณ์แล้วเขาคงจะไม่วางสายจากโทรศัพท์ง่ายๆ 


                   ว้าวว ดูจากตรงนี้แล้ววิวข้างนอกมันสวยมากเลยอะ ทั้งข้างล่างที่เป็นแม่น้ำฮันและสะพานที่เชื่อมไปยังอีกฝั่งของโซลนั่น นอกจากนั้นแล้วมองจากตรงนี้ยังสามารถเห็น Namsan Tower และ ม. ของฉันที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำฮันได้ชัดมากๆ อีกด้วย ยิ่งตอนนี้ที่พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้านะยิ่งทำให้บรรยายมันน่ามองกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเพราะทั้งแสงสีจากรถ ตึกต่างๆ ที่ตั้งอยู่รอบๆ แล้วก็แสงไฟจากรอบๆ ถนนด้วย โฮ่ะๆๆ ฉันก็มักจะผ่านแถวนี้บ่อยนะแต่ไม่เคยรู้เลยว่าถ้ามองมาจากที่สูงๆ แบบนี้แล้วมันจะให้ความรู้สึกที่สวยงามมากกว่าธรรมดาเป็นเท่าตัว ว้าา มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ เลยแหละ 


                   ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่แทฮยองก็อยู่เขตกังนัมเหมือนกัน เวลาที่นั่งรถผ่านแถวนี้ฉันก็มักจะมองดูกลุ่มตึกคอนโดที่พี่แกอยู่ตลอดเวลาเพราะฉันคิดว่าคอนโดพวกนี้สวยดี อยู่ติดแม่น้ำฮันด้วย ถ้าได้มาอยู่ที่นี่คงจะดีมากๆ อ้อ และอีกอย่างก็ตั้งอยู่ใกล้ตัวมหาลัยด้วย แค่ข้ามสะพานไปไม่ถึงกิโลก็เข้าเขตมหาลัยแล้ว สะดวกสบายสุดๆ และฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าซักวันตัวเองจะได้เข้ามาเหยียบที่นี่ถึงที่แบบนี้ แต่ตอนนี้ก็ได้มาแล้ว แทบัก! 


                   "ชอบหรอ?" ทันทีที่ฉันหันไปมองเจ้าของๆ เสียงที่ตอนนี้ก็มายืนชมวิวอยู่ข้างๆ เหมือนกันฉันก็เกิดอาการใจเต้นแรงขึ้นมากระทันหันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขายืนอยู่ใกล้ฉันมากกก 


                   "อ่อ เอ่อ... อื้มม" ฉันพยักหน้าแล้วก็หันไปมองวิวข้างนอกเหมือนเดิม 


                   "พูดไม่เพราะเลย ฉันเป็นพี่เธอนะ อื้มได้ไง" ถึงเขาจะพูดเหมือนกำลังเอ็ดฉันอยู่แต่เขากลับยิ้มให้ฉันผ่านภาพสะท้อนของกระจกตรงหน้า รอยยิ้มของเขามันเป็นรอยยิ้มที่จะว่าเจ้าเล่ห์ก็ไม่เชิง ทำไมเขาต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย รู้มั้ยว่าที่ทำแบบนี้มันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกนะ ฉันได้แต่เสหน้าไปทางอื่นเพื่อที่จะเลี่ยงหน้าเขา 


                   "แล้วโทรศัพท์หนูล่ะ?" ฉันหันกลับมามองตรงเหมือนเดิมแล้วถามเขาออกไปอย่างไม่ได้มองหน้าเขาเลย 


                   เขาใช้มือซ้ายของตัวเองยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันๆ จึงมองดูโทรศัพท์ตัวเองแล้วรับมาเช็คดูความเรียบร้อยของมัน ว้าววว มีแบตตั้ง 92% แสดงว่าเขาก็ชาร์จให้ฉันด้วย เพราะฉันจำได้ว่าล่าสุดที่ฉันเช็คดูแบตมันก็เหลือแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เอง ทำไมใจดีจัง ฉันยิ้มกับตัวเองเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมา 


                   "ขอบคุณนะคะ" ฉันหยิบกระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนโซฟาของเขาแล้วเดินไปใส่รองเท้าทันทีหลังกล่าวคำขอบคุณเสร็จ แต่เขาก็เดินตามมาแล้วหยิบแจ็คเก็ตหนังสีดำของตัวเองขึ้นมาใส่ด้วยเหมือนกัน 


                   "เดี๋ยวฉันไปส่ง" ฉันมองหน้าเขา อะไรนะ ไปส่งงั้นหรอ? ฮ่ะๆ ฉันก็แอบดีใจนะที่เขาบอกว่าจะไปส่งฉัน แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ อะที่จะให้เขาไปส่งฉันถึงบ้านอีกครั้ง คือเมื่อวานก็ยังมีพี่จินนั่งอยู่ด้วยนะ แต่วันนี้มีแค่ฉันคนเดียว คือ... เราก็ไม่ได้เป็นไรกันนิ่ มันจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่นเปล่าๆ 


                   "เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูกลับเอง" พอพูดเสร็จฉันก็พายกระเป๋าตัวเองแล้วเดินออกมาเข้าลิฟท์เลย แต่เขาก็ยังเดินตามเข้ามาเหมือนเดิม 


                   อะไร นี่เขาก็จะออกไปข้างนอกเหมือนกันหรอ หรือว่ายังไง? ฉันมองหน้าเขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป 


                   "เธอจะกลับยังไง?" เขาเอามือซุกถุงกางเกงตัวเอง เอนหลังไปพิงลิฟท์แล้วถามออกมา 


                   "บัสค่ะ" 


                   "พอดีฉันจะไปหาเพื่อนแถวยอกซัมพอดี ถ้าเธอไม่อยากไปเบียดกับคนอื่นบนบัสก็ไปรถฉันสิ" มันก็จริงของพี่แกนะ ฉันไม่ชอบการไปยืนเบียดกับใครเลย ถึงตอนนี้ใกล้จะถึง 2 ทุ่มแล้วก็ตามแต่ผู้คนก็ยังพลุ่งพล่านเยอะอยู่เหมือนเดิม ถ้าไม่โชคดีมีที่ให้นั่ง เผลอๆ ฉันคงได้ยืนตลอดทางจนกว่าจะถึงบ้านเลยด้วยซ้ำ งั้นฉันขอเลือกความสะดวกสบายไว้ก่อนแล้วกันนะ แค่ไปส่งหน้าบ้านเอง คงจะไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ย? 


                   "ก็ได้ค่ะ" 





                   ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มเลยมาแล้ว ใกล้จะถึงบ้านแล้ว อีกไม่เกิน 15 นาที แต่ท้องฉันมันดันมาร้องท่ามกลางความเงียบในรถนี่สิ ตั้งแต่นั่งรถมามันก็ร้องได้ประมาณ 5 รอบแล้ว เป็นเพราะตั้งแต่ตกเย็นมาฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลยน่ะสิ เพราะอาจารย์ไม่ยอมปล่อยซักที พอเลิกคลาสมาทุกคนก็บ่นหิวกันหมด รวมทั้งฉันด้วย แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หิวววววว์ T T 


                   "ฮึ่ๆๆ" พี่แทฮยองแกหัวเราะ ฉันก็อายนะ ทำไมท้องมันต้องมาร้องด้วยเนี่ย 


                   "พี่หัวเราะทำไม?" 


                   "ก็หัวเราะท้องเธอน่ะสิ" ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วๆ ฉันจะถามพี่แกทำไมเนี่ย 


                   "แวะกินอะไรก่อนมั้ย? พอดีฉันก็ไม่มีเพื่อนกินข้าว" พี่แกเอ่ยออกมา อะไรนะ?! ชวนไปกินข้าว?! ฮ่าๆๆ ไรแวะ เมื่อกี๊ก็อาสาจะไปส่งฉัน ตอนนี้ก็ชวนไปกินข้าวซะงั้น 


                   "ไหนพี่บอกว่าจะไปหาเพื่อนไง?" ใช่ มันขัดแย้งกับคำชวนของพี่นะ 


                   "มันส่งเมสเสจมาบอกว่าไม่ว่างแล้ว" พี่แกบอกแล้วหันมามองฉันแว๊บนึง "ไปกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ" แล้วก็หันไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิม 


                   ฉันมองหน้าพี่แทฮยองอย่างค่อนข้างแปลกใจ แค่ฉันนั่งในรถกับพี่แก 2 ต่อ 2 แบบนี้ฉันก็อายมากแล้วนะ แต่นี่กลับมาชวนฉันไปทำนู่นทำนี่ด้วย ทำไมพี่แกต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย พี่แกคงไม่ได้กำลังให้ความหวังฉันหรอกใช่มั้ย? ฉันไม่อยากคิดไปเองนะ 


                   "นี่ อย่าคิดนานสิ ฉันก็หิวเหมือนกันนะ และอีกอย่าง ถ้าเธองกก็ไม่ต้องกลัว เพราะฉันจะเลี้ยง" อ่าจะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย 


                   "เปล่า ไม่ได้งก ก็แค่... กลัวว่าพี่จินจะรอกินข้าวน่ะ" 


                   "เย็นขนาดนี้พี่แกกินไปแล้วมั้ง" ฮื่มม ก็น่าจะจริงนะ แต่ทำไมพี่แกถึงแลดูอยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนจังเลยนะ 


                   "ไปก็ได้ค่ะ" ฉันยิ้มให้เขานิดหน่อยแล้วหันไปกดโทรศัพท์ตัวเองต่อ บอกตรงๆ พี่แกทำแบบนี้ฉันดีใจนะเนี่ย 





    ----- 20% -----





                   "จะกินอะไร?" 


                   "ซัมกยอบซัลแล้วกันค่ะ" 


                   "แล้วจะดื่มอะไร?" 


                   "โค้กแล้วกันค่ะ" 


                   "ไม่ดื่มโซจูหน่อยหรอ?" 


                   "ไม่แล้วกันค่ะ พรุ่งนี้มีเรียน ไม่อยากเมา" 


                   "แล้วกันค่ะ แล้วกันค่ะ แล้วกันค่ะ ~" เขาดัดเสียงตัวเองให้เล็กลงกว่าเดิมแล้วพูดตามฉัน ฉันได้แต่หัวเราะออกมา ตลกทั้งอีกคน ทั้งตัวเองที่โดนล้อเลียนด้วย 


                   "เธอพูดอย่างอื่นไม่เป็นบ้างรึไง?" 


                   "ไม่เป็นแล้วกันค่ะ" ฉันอมยิ้มแล้วพูดคำเดิมๆ ออกมาอีกครั้ง เขาได้แต่ส่ายหัวให้ฉันแล้วหันไปสั่งอาหารต่อ 





                   ตอนนี้อาหารมาแล้ว โฮ่ะๆๆ ฉันหิวมากเลยตอนนี้ ย่างเลยแล้วกัน 


                   ฉันไม่รอช้าใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นของโปรดตัวเองไปย่างใส่เตาเป็นอันดับแรกแล้วตามด้วยอาหารทะเลที่พี่แทฮยองเป็นคนสั่งมา โฮ่ะๆๆ มีแต่ของที่ฉันชอบทั้งนั้นเลย แต่พอนั่งได้ซักพักโทรศัพท์พี่แทฮยองก็ดังขึ้น 


    "Don't You Give Up, nah-nah-nah
    I Won't Give Up, nah-nah-nah ~"


                   โว๊ะ ใช้ริงโทนเพราะดีนะเนี่ย เป็นเพลงที่ฉันชอบเลย 


                   พี่แกลุกขึ้นแล้วกำลังจะไปที่ไหนซักที่ ฉันจึงมองหน้าพี่แกเป็นเชิงถามว่า 'พี่จะไปไหน?' เขาจึงตอบคลายความสงสัยให้ฉันว่า 


                   "ฉันไปห้องน้ำ เดี๋ยวมา" 


                   "แล้วพี่จะกินอะไรบ้างอะ? เดี๋ยวย่างไว้ให้" ฉันถามออกไปเพราะถ้าพี่แกกลับมาจะได้กินเลย ค่อยไม่เสียเวลา 


                   "ทุกอย่างนั่นแหละ" 


                   "ทุกอย่าง?" ชอบทุกอย่างเลย? โอเค้ แต่ก็คงไม่แปลกหรอก พี่แกก็คงจะสั่งแต่อะไรที่ตัวเองชอบมานั่นแหละ 


                   "อื้ม" พี่แกยักคิ้วซ้ายของตัวเองแบบกวนๆ แล้วเดินหายไปอีกมุมหนึ่งของร้าน อ่าจ่ะ ทำไมพี่ถึงขี้กวนแบบนี้นะ 


                   แต่ โว๊ะโฮ๊ะโฮ่ะๆ ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับอาหารตรงหน้าแล้ว ถ้าพี่แกมาช้าฉันจะกินกุ้งกับปลาหมึกให้หมดนี่เลยคอยดู อิอิอิ ล้อเล่น 



         End Part: PP 





         Part: Taehyung 



                   เมื่อกี๊ไอ้ยุนฮยองมันโทรมา ตามจริงผมจะรับอยู่ที่โต๊ะก็ได้ แต่พอดีปวดฉี่ผมเลยมาเข้าห้องน้ำด้วยซะเลย ธุระของมันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกนอกจากจะชวนผมไปกินเหล้ากับแก๊งของมัน แต่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์ไปนั่งให้ใครมองหน้าผมเลยปฏิเสธมันไป 


                   พอเดินมาเกือบถึงโต๊ะก็เห็นน้องพีอากำลังยุ่งอยู่กับการย่างอาหารอยู่ แลดูคล่องแคล่วดีนะ น้องแกเริ่มกินไปก่อนผมแล้ว 


                   พอเดินมาถึงโต๊ะก็เห็นว่าที่จานของผมมีเนื้อและอาหารซีฟู้ดวางไว้อยู่แล้ว คงจะคีบออกมาไว้ให้ผมสินะ ก็ดี ผมจะได้กินเลย 


                   "หนูคีบออกไว้ให้พี่น่ะ เพราะเดี๋ยวมันจะไหม้ก่อน" ผมแค่พยักหน้าแล้วเริ่มจัดการอาหารในส่วนของตัวเอง 


                   ตั้งแต่นั่งกินมาได้สักพักผมก็สังเกตดูน้องแก สีหน้าเวลากินนี่ดูมีความสุขโคตรๆ เลย ทั้งยิ้มทั้งโยกตัวไปตามเพลงที่ร้านเปิดด้วย ธรรมดาน้องแกนิ่งจะตาย สงสัยลืมตัวนะเนี่ย ฮ่าๆ 


                   "พี่ยิ้มทำไม?" พอรู้ตัวว่าโดนผมมองอยู่ก็กลับมานิ่งเหมือนเดิมเหมือนคนที่เพิ่งคิดได้ว่าตัวเองลืมตัวไป ฮ่าๆๆ เมื่อกี๊คงจะลืมตัวจริงๆ สินะ ทำไมน่าแกล้งแบบนี้ 


                   "อร่อยมากหรอ?" ผมถามออกไปยิ้มๆ 


                   "ก็ ค่ะ ฮ่ะๆ อาหารอร่อยดี" น้องแกตอบออกมาอย่างอายๆ แล้วหยิบโค้กตัวเองขึ้นมาดื่มแทน 


                   "เอิ๊ก ~" แต่อยู่ดีๆ น้องแกก็สะอึกขึ้นมาแล้วรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีพลางทำตาโตไปด้วย 


                   "555555" ผมได้แต่หัวเราะออกไป น้องแกก็ได้แต่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก คงจะอายผมสินะ 


                   "เป็นอะไร?" 


                   "ก็เมื่อกี๊ดื่มโค้กเร็วเกินไปมันเลยทำให้สะ- เอิ๊ก ~" น้องแกทำท่าตกใจแล้วเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองอีกครั้ง 5555 ทำไมตลกแบบนี้ ผมรู้ว่าตอนนี้คนตรงหน้าผมคงอายจนอยากจะมุดดินหนีไปแล้วแหละเพราะสีหน้ามันฟ้อง 


                   "ขอโทษค่ะ" น้องแกพูดออกมาอย่างขาดความมั่นใจ 


                   "ทำยังไงถึงจะหาย?" 


                   "ดื่มน้ำติดต่อกันเยอะๆ โดย- เอิ๊ก ~" น้องแกสะอึกอีกแล้ว 5555 โอ้ยย "โดยไม่หายใจเดี๋ยวก็หายค่ะ... เอิ๊ก ~" แต่ก็พยายามพูดออกมาให้มันจบ 


                   "แล้วมันจะได้ผลหรอ?" 


                   "ได้สิ... เอิ๊ก ~" ทุกครั้งที่สะอึกออกมาน้องแกก็ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกทุกที ผมรู้สึกได้ว่าน้องแกพยายามเต็มที่แล้วที่จะไม่ทำให้มันมีเสียงแต่ก็ทำไม่ได้ ก็การสะอึกนี่เนอะ เราไม่สามารถควบคุมมันได้หรอก 


                   "555555 พอ ไม่ต้องพูดแล้ว พี่ครับ ขอน้ำเปล่าขวดนึงครับ" ผมบอกคนตรงหน้าแล้วหันไปสั่งน้ำให้เขาขวดนึงแทน ถ้าสั่งมาแก้วเดียวอาจจะไม่พอ 


                   น้องแกกลั้นหายใจ ดื่มน้ำเข้าไปรวดเดียวครึ่งขวดแล้วก็หายอย่างที่ว่าจริงๆ ผมเพิ่งเคยเห็นใครทำวิธีแบบนี้ ธรรมดาเห็นแต่คนอื่นบอกว่ากลั้นหายใจแล้วจะหาย ผมก็เคยทำดูนะ แต่แม่งไม่หายว่ะ ผมเลยเลิกทำ ถ้าตอนไหนเกิดสะอึกขึ้นมาคงต้องปล่อยให้มันหายเอง แต่พอเห็นวิธีนี้แล้วผมคงต้องเอาไปใช้บ้างแล้วแหละ 


                   "ใครสอนวิธีนี้หรอ?" ผมถามออกไปอย่างสงสัยนิดหน่อย 


                   "คิดขึ้นมาเองน่ะค่ะ แต่ก่อนเคยลองวิธีอื่นแต่มันไม่หายเลยมาลองวิธีนี้ มันเลยได้ผล เลยทำมาตลอด" 


                   "ธรรมดาดื่มโค้กเฉยๆ เธอก็เป็นแบบนี้หรอ?" 


                   "ก็ ถ้าไม่ค่อยๆ ดื่มมันก็เป็นตลอดค่ะ ฮ่ะๆ" ฮ่าาๆๆ ผู้หญิงอะไร ดื่มโค้กเฉยๆ ก็สะอึก 


                   "งั้นทีหลังก็ค่อยๆ ดื่มล่ะ จะรีบไปไหน หิวมากรึไง" 


                   "ฮ่ะๆๆๆ ค่ะ" น้องแกยิ้มออกมาเหมือนคนดีใจแกมอายน้อยๆ แล้วหันไปจับตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากต่อ 


                   บอกตรงๆ นะ ผมไม่ค่อยเห็นน้องแกยิ้มกว้างแบบนี้บ่อยหรอก แต่เวลาทำแล้วกลับดูดีมีชีวิตชีวามากเลย จะว่าสวยก็ไม่เชิง คงต้องบอกว่าน่ารักมากกว่า 


    "Juseyo dalkomhan geu mat ice cream cake
    Teukbyeolhajin oneure oulineun maseuro ~"




    'Seokjinnie Oppa'



                   "ยอโบเซโย ~" คนข้างหน้าผมรีบรับโทรศัพท์ตัวเองอย่างอารมณ์ดีทันทีที่มันแผดเสียงขึ้นมา คงจะเป็นสายจากพี่จินสินะ เพราะเมื่อกี๊ผมแอบเห็นที่หน้าจอมันเป็นรูปพี่จินและเขียนว่า 'Seokjinnie Oppa' 


                   "พีอยู่ข้างนอกกับเพื่อน" พี่แกคงจะถามสินะว่าอยู่กับใคร 


                   "..." น้องแกมองหน้าผมแว๊บนึงแล้วตอบออกไป 


                   "ผู้หญิง" ฮึ่ๆ ไม่น่าล่ะถึงมองหน้าผม เพราะจะโกหกนี่เอง 


                   "กับซานะไง" ถึงจะพูดไปอย่างไร้พิรุธแต่ท่าทางกลับบ่งบอกว่ากำลังโกหกอยู่อย่างชัดเจน ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับความไม่เนียนของน้องแกแล้วคีบหอยเชลล์ในจานขึ้นมากินต่อ 


                   "อื้อออ รู้แล้วน่าาาา ไม่เกิน 4 ทุ่มครึ่งหรอก บอกป้าด้วย" 


                   "อ่าฮ๊าา ฝันดี" น้องแกวางสายแล้วมองหน้าผมหน่อยๆ เหมือนคนที่กำลังกลัวว่าจะโดนดุ 


                   "แฟนโทรมาเรียกกลับบ้านหรอ?" ผมก็ทำเป็นถามไปงั้นแหละ ดูท่าแล้วน้องแกคงไม่มีแฟนหรอก 


                   "ห๊าา ไม่ใช่นะ พี่จินต่างหาก" จากที่กำลังดื่มโค้กอยู่น้องแกก็ต้องรีบกลืนมันลงคอแล้วรีบปฏิเสธออกมาทันที จากที่ตอนแรกสะอึกไปแล้วเดี๋ยวตอนนี้ก็ได้สำลักโค้กแทนหรอก จะรีบอะไรขนาดนั้น 


                   "พี่เธอโทรตามแล้ว งั้นก็ต้องรีบกลับแล้วสิ" 


                   "ไม่หรอก พี่จินแค่โทรมาถามเฉยๆ เพราะป้าเป็นห่วงน่ะ เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้" พอพูดเสร็จน้องแกก็กลับไปสนใจอาหารในจานต่อ 


                   "นี่เธอคงจะยังไม่อิ่มสินะ" 


                   "ใช่ค่ะ เฮ่ะๆ" โว๊ะ นี่ก็นั่งกินมาตั้งนานแล้วนะ จนผมจะอิ่มแล้วเนี่ยน้องแกยังไม่อิ่มอีก กินเก่งจริงๆ 


                   "กินเยอะขนาดนี้ไม่กลัวอ้วนรึไง?" ผมถามออกไปเพราะผมไม่ค่อยเห็นผู้หญิงคนไหนกินเยอะแบบนี้ 


                   อย่างเช่นยัยซอลเป็นต้น แค่ได้ยินคำว่า 'เนื้อย่าง' มันก็ขอบายแล้วเพราะบอกว่ากลัวอ้วน ผู้หญิงคนอื่นที่ผมเคยทานข้าวด้วยก็เหมือนกัน ผมไม่เคยเห็นพวกเขานั่งกินต่อหลังจากที่ผมอิ่มแล้วซักคน คงจะเหตุผลเดียวกันกับยัยซอลหมดสินะ ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย ผมว่าผู้หญิงที่กินเยอะน่ะน่ารักจะตาย อย่างเช่นคนที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ไง ฮ่ะๆ 


                   "ก็ หนูหิวอะ ตั้งแต่บ่ายมาอาจารย์ก็ไม่ยอมปล่อยเลย หิวกันทั้งสาขา ฮ่ะๆ" อ๋อ ไม่น่าล่ะถึงได้กินเอาๆ แบบนี้ "และอีกอย่างถึงอ้วนก็คงอ้วนขึ้นไม่มากหรอก แค่นี้เอง ขออิ่มไว้ก่อนแล้วกัน ฮ่ะๆ" ว้าว บอกตรงๆ ไม่เคยมีใครตอบผมแบบนี้เลยซักคน เป็นผู้หญิงที่สตรอง (เรื่องกิน) นะเนี่ย 


                   "พูดอย่างนี้เป็นสายแดกใช่มั้ย?" ผมถามออกไปอย่างอารมณ์ดี น้องแกหัวเราะแล้วก็ตอบออกมา 


                   "ฮ่ะๆ รู้ด้วย?" ชัดเจน 5555 บอกตรงๆ ... น่ารัก 





                   ตอนนี้จะ 4 ทุ่มแล้ว อีกไม่ถึง 20 นาทีก็คงจะถึงบ้านน้องแกแล้ว ผมขับรถไปเรื่อยๆ พลางมือก็กดเปลี่ยนเพลงในโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อบลูทูธกับรถไปด้วย 


                   ผมเหลือบไปเห็นว่าน้องน้องพีอากำลังมองหน้าผมอยู่อย่างไม่เข้าใจ 


                   "มีไร?" 


                   "ทำไมพี่ไม่ฟังซักเพลงเลย? มีแต่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา" 


                   "ก็มันไม่มีเพลงที่ฉันชอบ เธอชอบฟังเพลงฝรั่งด้วยหรอ?" ก็โทรศัพท์มันสุ่มแต่เพลงฝรั่งมานี่ บางเพลงผมก็ไม่ได้ชอบ แต่มีเพราะไอ้เตี้ยมันโหลดมาไว้ บางครั้งผมก็อยากฟังเพลงที่ตัวเองเข้าใจบ้าง 


                   "ชอบสิ นิ่ เพลงนี้ๆ" พอมาถึงเพลง Into You ของ Ariana Grande น้องแกก็รีบบอกให้ผมหยุด 


                   "ชอบเพลงนี้หรอ?" 


                   "อื้ม" น้องแกพยักหน้าอย่างยิ้มๆ แล้วโยกหัวตามเพลงไปด้วยเล็กน้อย เค้ งั้นฟังเพลงนี้ก็ได้ 


    "I'm so into you, I can barely breath
    And all I wanna do is to fall in deep"


                   เพลงมันก็เพราะดีนะ น้องแกก็ดูเอ็นจอยกับเพลงพวกนี้ด้วย แต่ตามจริงที่ผมกดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ก็เพราะมันยังไม่ถึงเพลงในแบบที่ผมชอบต่างหาก 


    "Butterfly, like a butterfly
    Machi butterfly bu butterfly cheoreom "


                   พอฟังจบไป 4-5 เพลงผมก็แอบเห็นว่าคนข้างๆ แอบมองหน้าผมอีกแล้ว 


                   "มีไรอีกล่ะ?" 


                   "เปล่า" น้องแกเสหน้าไปทางอื่นแล้วค่อยตอบผม ดูก็รู้ว่ากำลังโกหกอยู่ 


                   "ไม่เชื่อ บอกมา" แต่ผมก็เค้นเอาคำตอบจากน้องแกจนได้ 


                   "ก็สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมพี่ถึงฟังแต่เพลงอกหัก ฟังไปแล้วก็ขมวดคิ้วไปด้วย อกหักรึไง" น้องแกพูดประโยคสุดท้ายให้เบาลง เฮ่อะๆๆ ไม่อยากจะพูด แต่ตอนนี้ชีวิตผมมันก็เหมือนๆ กับเพลงพวกนี้แหละ 


                   "เพลงนี้มันเป็นเพลงแอบรักต่างหาก" 


                   "แอบรักแล้วมันไม่อกหักตรงไหนล่ะ?" อ่ะครับ ยอมแพ้ก็ได้ครับ 


                   ผมยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วน้องแกก็หัวเราะออกมา ผมก็หัวเราะแล้วมองหน้าน้องแกเช่นกัน แต่พอเราสบตากันเขากลับหลบหน้าผม จะขี้อายไปถึงไหนเนี่ย ผมไม่กัดหรอกนะ 





                   "พี่แทฮยอง จอดตรงนี้แหละ" อยู่ดีๆ คนข้างๆ ก็บอกให้ผมจอด ทั้งที่อีกแค่ไม่ถึง 100 เมตร ก็จะถึงหน้าบ้านตัวเองแล้ว 


                   "จอดทำไม? จะถึงแล้วนะ กลัวแฟนเห็นมากเลยหรอ?" ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ทำตามที่เจ้าตัวบอกไปแล้วเรียบร้อย 


                   "เปล่า ทำไมพี่ชอบพูดถึงเรื่องแฟนจังเนี่ย หนูไม่มีหรอก และอีกอย่างจอดนี่แหละดีแล้ว ถ้าคนที่บ้านเห็นว่ามีคนมาส่งก็จะถามอีกว่าใคร หนูขี้เกียจตอบน่ะ" 


                   "เค ไม่ได้ลืมอะไรอีกใช่มั้ย?" 


                   "ไม่ค่ะ... ขอบคุณนะคะที่มาส่ง แล้วก็ที่เลี้ยงเนื้อย่างด้วย" 


                   "อื้ม ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจ" หลังจากที่ผมพูดประโยคสุดท้ายออกมาน้องแกก็ยิ้มให้ผมแล้วลงรถเดินตรงไปบ้านตัวเองทันที อย่ายิ้มให้ผมแบบนั้นสิ ผมไม่อยากจะคิดอะไรไปมากกว่านี้นะ... 


                   ผมรอจนกว่าน้องแกจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไปแล้วผมค่อยขับรถกลับ 


                   ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมรู้สึกว่าน้องพีอามีอะไรบางอย่างที่น่าดึงดูด อะไรบางอย่างที่... ทำให้ผมสนใจเขาทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนเข้าหาผมเลยด้วยซ้ำ ผมว่าเขามีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างไปจากคนอื่น ถึงเขาจะไม่ค่อยแสดงมันออกมาก็เถอะ 


                   ผมไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองเลยที่มันรู้สึกแบบนี้ เพราะผมยังไม่ได้ลืมคนเก่า 


                   แต่ จะทำยังไงได้ล่ะ... ก็มันรู้สึกไปแล้วนี่... 



         End Part: Taehyung 





    ----- 70% -----





         Part: PP 



                   เมื่อคืนพอกลับไปถึงบ้านฉันก็เอาโพสต์ของ คนดัง SU ให้พี่จินดู ทายสิว่าพี่แกทำยังไง ก่อนนั้นพี่แกก็เห็นไปแล้วแหละ แต่ก็ยังหัวเราะจนท้องจะแข็งเหมือนเดิม ใครจะคิดล่ะว่านอกจากพี่มินอาแล้วยังมีคนอื่นที่แอบถ่ายเอารูปเราไปลงอีก 5555 ขรรม 


                   อีกอย่าง เมื่อคืนฉันมีความสุขมากนะ ฮ่ะๆๆ ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่กับพี่แทฮยองเหมือนเมื่อคืน และอีกอย่างเขาก็เป็นคนชวนฉันเองด้วย เขาทำให้ฉันแปลกใจในตัวเขาหลายอย่างนะ เขาไม่ได้เย็นชาเหมือนวันแรกที่เราเจอกันเลย แต่เขากลับ... จะว่าอบอุ่นก็ไม่ใช่ แต่มันกลับเป็นอะไรที่ดีกว่าที่ฉันเคยคิดเอาไว้มากๆ เลยแหละ 


                   ตั้งแต่เมื่อคืนเป็นต้นมา... บอกตรงๆ เลยว่าพี่แทฮยองได้ค่อยๆ เข้ามาขโมยเอาหัวใจของฉันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแหละ ฉันรู้สึกดีมากๆ เวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา จากที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ว่า 'เหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องเป็นร้อยๆ ตัว' แต่วันนี้ฉันกลับได้รู้สึกถึงมันแล้ว ฉันรู้แล้วว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไง ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองคงชอบเขาเข้าจริงๆ แล้วแหละ แหะๆๆ 


                   "ยิ้มทำไมพีพี?" 


                   "ห๊ะ?" ฉันหลุดจากภวังค์ของตัวเองทันทีเมื่อได้ยินซูนยองมันเอ่ยทักขึ้นมา 


                   "ฉันเห็นเธอเหม่อแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วนะ อารมณ์ดีหรอ?" 


                   "หรือว่ากำลัง In Love กันน๊าาา" เป็นเสียงของเซจองเพื่อนในคณะของฉันเอง 


                   ยัยนี่เป็นคนที่เฟรนด์ลี่มากกกก พอมาเจอกันกับไอ้ซูนยองเลยสนิทกันไปโดยปริยายเพราะทั้ง 2 ก็เฟรนด์ลี่เท่าๆ กันเลย เพราะฉะนั้นแล้วฉันกับซานะเลยพลอยสนิทกับเซจองไปด้วย 


                   "อะไร?" ฉันตอบปัดๆ ไปแแล้วยิ้มออกมา 


                   "ฮั่นแน่ ~ นั่นไงๆ ยิ้มออกมาดั้วะ ใช่แน่ๆ เลย กำลังคิดถึงใครอยู่หราาาา?" โอ้ไม่นะ อย่าล้อฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันอายนะเนี่ย 


                   "อะไรกันน ฉันแค่ยิ้มเฉยๆ ไม่ได้แปลว่าต้องกำลังคิดถึงใครอยู่ซักหน่อย" 


                   "หรอออออ? แต่ 2-3 วันก่อนไม่เห็นเธอเป็นแบบนี้เลยนะ ใช่มั้ยไอ้ซูน?" 


                   "ใช่ ไหนเธอบอกว่าไม่มีแฟนไงล่ะ? หรือกำลังแอบรักใคร?" โฮ่ะ! ถามได้ตรงประเด็นเลยไอ้แฮมสเตอร์ แต่ฉันไม่บอกพวกมันหรอก ถ้าฉันบอก พวกมันต้องเอาเรื่องนี้มาล้อฉันแน่ๆ เลย 


                   "แอบรักใคร? ไม่มีซักหน่อย" ฉันพยามทำหน้าเหรอหราแล้วนะ แต่ฉันว่าตัวเองก็ทำได้ไม่เนียนเลยว่ะ เฮ่อ 


                   "แน่ใจนะ? ไม่ใช่ว่าแอบมีแฟนแล้วเพื่อนไม่รู้นะ" ยัยเซจองเองชี้หน้าฉันแล้วถามออกมาอย่างทีเล่นทีจริง 


                   ตามจริงฉันก็ไม่ได้อยากโกหกนะ แต่ฉันก็อายอะ ธรรมดาเวลาชอบใครฉันก็ไม่ค่อยบอกใครหรอก นอกซะจากว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนที่ฉันไว้ใจจริงๆ 


                   "นี่ ถ้าเธอมีแฟนฉันก็อยากจะรู้จริงๆ นะว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะไม่เคยมีแฟน โห ถ้าฉันสวยเลือกได้เหมือนเธอนะฉันจะเดทเดือนคณะใน SU ทุกคนเลย" 


                   "5555555 นี่ ทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้นล่ะ พูดอย่างกับตัวเองขี้เหร่งั้นแหละ และฉันก็ไม่ได้สวยเลือกได้ขนาดนั้นซักหน่อย ฉันมันน่าเบื่อจะตาย เทียบกับคนอื่นๆ แล้วพวกเขาน่าสนใจกว่าฉันเยอะ อีกอย่างตั้งแต่เกิดมาจะ 20 ปีเนี่ยฉันยังไม่เคยมีแฟนเลยนะ ฉันไม่ได้แอบมีแฟนเหมือนที่เธอว่าหรอกน่าาา" 


                   "โอเค้ แล้วทำไมเธอถึงยังไม่เคยมีแฟนเลยล่ะ? ทั้งที่เธอหน้าตาดีแบบนี้ ฉันอยากรู้มากจริงๆ นะ" ซานะกับไอ้ซูนยองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน เอาอีกแล้ว ทำไมต้องมาคาดคั้นอะไรแบบนี้จากฉันด้วย ฮ่ะๆๆ จะให้ฉันพูดฉันก็ค่อนข้างอายนะ บอกตรงๆ 


                   "เอ่อ... เพราะฉันยังไม่ได้เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ล่ะมั้ง ฮ่ะๆ" 


                   "โห แต่ตลอดชีวิตมาเนี่ยเธอก็ต้องเคยชอบใครบ้างสิ ใช่มั้ย? ถ้าเธอบอกว่าไม่นี่ฉันอึ้งเลยนะ" เซจองมันพูดแล้วทำหน้าเหมือนกำลังจะเตรียมตัวอึ้งเข้าจริงๆ ฮ่าๆๆ 


                   "ก็ มันก็มีคนที่ฉันเคยชอบนะ แต่ฉันก็ไม่เคยบอกความในใจกับใครหรอก ฉันอายน่ะ ฮ่ะๆๆ" ฉันตอบออกไปพร้อมกับยิ้มหน่อยๆ เพราะฉันก็อายจริงๆ หมายถึงอายทั้ง 3 คนที่กำลังคาดคั้นคำตอบจากฉันอยู่เนี่ยแหละ 


                   "แต่มันก็ต้องมีคนเคยเข้ามาจีบเธอบ้างสิ เธอไม่รู้สึกชอบใครซักคนเลยหรอ?" ฉันทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อยแล้วตอบออกไป 


                   "ก็เคยมีแหละ แต่... ความจริงแล้ว มันอาจจะเป็นเพราะว่าฉันยังรอใครคนนึงอยู่ คนที่... ฉันไม่เคยลืมไปจากความทรงจำของตัวเองเลย... มั้ง ฮ่ะๆๆ" บอกตรงๆ ฉันอายมากกกกก! ฉันไม่ถนัดมาพูดความลับของตัวเองให้ใครหลายคนฟังแบบนี้ โดยเฉพาะได้ซูนยอง ก็มันเป็นผู้ชายอะ ธรรมดาฉันไม่เคยบอกความลับของตัวเองกับผู้ชายคนไหนเลย ฉันรู้สึกแปลกมาก 


                   "ห๊าาา?!" นี่เป็นเสียงของไอ้ซูนยองเอง 


                   "ห๊ะ หมายถึงรักแรกหรอ? ถ้าทุกวันนี้เธอยังชอบเขาอยู่ แสดงว่าเธอก็ยังรู้จักกับเขาอยู่สิ ใช่มั้ย? ทำไมเธอไม่เข้าหาเขาก่อนล่ะ? ฉันว่าเธอน่าจะสมหวังนะ" ฮ่ะๆๆ ถึงเซจองจะคิดแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่กล้าทำหรอกนะ แค่ให้มองหน้าเขาตรงๆ ฉันยังทำไม่ได้เลย 


                   "ใช่ เขาเป็นรักแรกของฉันเอง แต่ฉันไม่กล้าเข้าไปจีบเขาหรอก" ฉันพูดออกมาอย่างขาดความมั่นใจในตัวเองอีกครั้งนึง 


                   "เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกพวกฉันเลยนะ เล่าให้ฟังอีกหน่อยสิ นะๆๆ" อ่าจ๊าา เป็นเสียงไอ้ซูนยองอีกละ มันทำหน้าตาอยากรู้อยาก(เผือก)เห็นมาก แต่ละคนเนี่ยแลดูจะสนใจเรื่องรักแรกของฉันมากเป็นพิเศษเลยนะ เฮ่อะๆๆ 


                   รวมถึงซานะด้วย แต่ซานะกลับไม่ได้คะยั้นคะยอฉันเหมือน 2 คนนี้ เพราะซานะคงรู้ว่าฉันกำลังอาย ซานะเป็นคนที่เข้าใจเพื่อนได้ดีมากๆ เลยแหละ เข้าอกเข้าใจคนอื่นและก็ยังเป็นผู้ฟังที่ดีอีกด้วย เรารู้จักกันยังไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำแต่เรากลับเข้ากันได้ดีมากๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเข้ากันได้ดีแบบนี้ มันคงเป็นเพราะว่าเรามีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร หรือก็อาจจะเป็นเพราะว่าฉันรู้สึกถูกชะตากับเขาล่ะมั้ง มันเลยทำให้ฉันอยากจะทำดีกับเขามากขึ้นไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่าฉันได้เจอเพื่อนที่เข้ากับฉันได้ดีแล้วแหละ ฉันเจอคนที่ถูกแล้ว และฉันก็ดีใจมากๆ ด้วยที่เราได้มาพบแล้วกลายเป็นเพื่อนกัน ฉันว่าคำอธิษฐานของฉันมันคงเป็นจริงไปแล้วแหละ 


                   "ใช่ ไหนบอกไม่ได้แอบชอบใครไง แล้วเรื่องรักแรกนี่มันคืออะไร? อธิบายมาเลย" โอ้ มันจับได้ละว่าฉันโกหกมัน ฮ่าาาาๆๆๆ ฉันขอโทษษษษ 


                   "ไม่! พอแล้ว! กลับไปทำงานต่อเลยนะแต่ละคนน่ะ ภาษาอังกฤษที่อาจารย์ริกกี้สั่งน่ะแปลเสร็จยัง? เดี๋ยวตอนบ่ายก็ไม่มีไรส่งหรอก" ฮ่าาาๆๆๆ แต่ No! พวกมันไม่ได้แอ้มฉันหรอก 


                   "โหยยยยย/โหยยย ก็ด้ะ" ทั้งไอ้ซูนยองและยัยเซจองร้องออกมาอย่างเสียดายแต่ก็ต้องตัดสินใจเลิกเผือกเรื่องของฉันแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ส่วนฉันกับซานะก็ได้แต่หัวเราะออกมา ฮ่าาๆๆๆ ตะโหลกกกก 


                   จะว่าไปวันนี้ทั้งวันฉันก็ยังไม่ได้เห็นหน้าพี่แทฮยองเลยนะ พี่อยู่ที่ไหนกัน 


                   Where can you be right now? 


                   ฉันเป็นแบบนี้อยู่ทั้งวัน อยู่ดีๆ ก็รู้สึกคิดถึงเขาขึ้นมา รู้สึกว่าอยากเจอหน้าเขา แต่ก็รู้สึกอายด้วยถ้าจะได้เจอหน้าเขาขึ้นมาจริงๆ 


                   โหยยยย ชักจะเป็นเอามากแล้วนะ คิม พีอา! 





    ----- 100% -----







    Kim Se Jeong
    คิม เซ จอง





    เนื้อย่างสไตล์เกาหลี



    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×