ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    | Taehyung X You | Playing With Fire เล่นกับไฟ

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter #4 In Case Of Being A Protective Brother

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 64







                   พวกฉันมาถึงร้านไอติมกันแล้ว ตอนนี้ก็ 6 โมงเย็นเลยมาแล้วแต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่มีแววว่าจะลับฟ้าภายในเร็วๆ นี้เลย อากาศก็กำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาว หน้าร้อนก็เงี้ย พระอาทิตย์ตกทั้งทีก็ประมาณ 2-3 ทุ่ม แต่ตอนนี้ก็เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วอ่ะนะ พระอาทิตย์ก็เริ่มตกเร็วขึ้นๆ ตอนเช้าพระอาทิตย์ก็ขึ้นช้าลงๆ เฮ่ออห์ ฉันไม่อยากให้มันถึงหน้าหนาวเลย ฉันไม่ชอบความหนาว บรื้อออ ~ 


                   ตอนนี้พวกเราก็ได้สั่งไอติมที่ตัวเองอยากกินไปแล้ว ฉันกับซานะสั่งบาบาน่าโบ๊ทมากินด้วยกันเพราะมันถ้วยค่อนข้างใหญ่ในขณะที่ซูนยอง วอนอู และจุนก็สั่งมากินกันคนละอย่าง พวกเรามาถึงที่นี่ช้ากันหน่อยเพราะวันนี้วอนอูมีเรียนแค่ตอนบ่ายเลยได้พากันรอจนเกือบจะถึง 6 โมงเย็นกันเลยทีเดียว ที่มันบอกว่าว่างหลังเลิกเรียนนี่มันก็ว่างจริงๆ นะ เพราะหลังจากนี้มันก็ไม่ได้มีตารางว่าจะไปทำอะไรต่อ แต่หลังเลิกเรียนของมันที่ว่าเนี่ยก็คือตั้งเกือบ 6 โมงเย็นไงล่ะ! คนอื่นเขากลับบ้านกันได้ 100 รอบแล้ว จะเลิกเย็นขนาดนี้ก็ไม่บอก จะได้ล่วงหน้ามาที่ร้านไอติมกันก่อนเลย แต่เพราะมันไม่ได้บอกได้กล่าวอะไรซักคำเลย พวกฉันทั้ง 4 คนเลยจำใจต้องนั่งรอนอนรอมันอยู่ที่โรงอาหารมืดๆ นั่นตั้งนานจนยุงแทบจะหามไปแดกแล้ว! 


                   ฉันเหลือบไปมองร้านข้างๆ ที่เริ่มมีผู้คนวัยหนุ่มสาวที่รักแสงสีเสียงยามกลางคืนเริ่มทยอยมากันแล้วก็หายลับตาเข้าไปในร้านนั่น... มันคือร้านเหล้า... ร้านไอติมกับร้านเหล้าทำไมถึงตั้งอยู่ข้างกันเนี่ย มันเข้ากันตรงไหน? ร้านนึงสีสันออกจะคัลเลอร์ฟูลออกไปในทางน่ารัก พอมองเห็นแล้วก็ให้ความรู้สึกถึงความสดชื่นและความเยาว์วัย ส่วนอีกร้านก็เป็นแค่สีมืดๆ ทึบๆ ถึงในร้านแสงไฟจะสาดส่องไปทั่วและมีผู้คนพลุ่งพล่านอยู่มากมายแต่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงแค่ความหดหู่ ความทุกข์ที่ผู้คนที่มาสถานที่แบบนี้ต้องการจะมาปลดปล่อย คนที่มีความสุขในชีวิตจริงๆ คงไม่มาสถานที่อะไรแบบนี้หรอกมั้ง เพราะที่แบบนี้มันคือสถานที่สำหรับคนขี้เหงาที่ต้องการจะหาความสุขให้ตัวเองไปวันๆ... ความสุขที่ไม่คงที่... ความสุขที่มีกันแค่ข้ามคืน พอข้ามคืนนั้นไปแล้วผู้คนในนั้นต่างก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตตามความเป็นจริงเหมือนเดิม แต่นี่ก็แค่สิ่งที่ฉันคิดแหละนะ เพราะความจริงแล้วฉันก็ไม่เคยเข้าไปในสถานที่แบบนั้นหรอก 


                   แต่ยังไงบรรยากาศของร้านที่ฉันนั่งอยู่ตอนนี้มันก็ละมุนดีล่ะว้า มีต้นไม้ที่ไม่ใหญ่มากนักตั้งอยู่หน้าร้าน 3 ต้น พวกฉันก็นั่งอยู่โต๊ะๆ นึงที่อยู่ใต้ต้นไม้ต้นที่สูงที่สุดแต่ก็ไม่ได้สูงเท่าต้นไม้ทั่วไป ทำให้รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้พวกเรากำลังนั่งอยู่ใต้หลังคาที่ไหนซักแห่ง แต่ใต้หลังคานั้นก็ยังมีแสงสว่างมากมายจากความสว่างของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องมาอย่างอ่อนๆ และทำให้โต๊ะของพวกเราสว่างพอดิบพอดี เสียงเพลงช้าๆ นุ่มนวลจากวงดนตรีสดที่กำลังละเลงอยู่ร้านข้างๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศตอนนี้ละมุนเข้าไปกว่าเดิมอีก ถ้าได้มานั่งที่นี่กับคนรักนี่คงจะโรแมนติกสุดๆ ไปเลย อิอิ 


                   "พีพี ช่วยแนะนำตัวเองให้เราได้รู้จักมากกว่านี้อีกหน่อยสิ มีเธอคนเดียวอะที่ยังไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย" ในขณะที่พวกเรากินไอติมไปเรื่อยๆ ไอ้ซูนยองมันก็เอ่ยขึ้นมา ก็จริงของมันนะ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองให้พวกนี้ได้รู้กันเลย แค่บอกว่าเป็นเพื่อนกันกับวอนอูเฉยๆ 


                   "ขี้เกียจอะ" 


                   "โหยยยยย ~" เป็นเสียงของไอ้ซูนยองและจุนเองที่มันประสานเสียงกัน 


                   "ฮ่ะๆๆๆ" ซานะก็หัวเราะออกมาเช่นกัน 


                   แต่ถ้าฉันจะไม่พูดอะไรเลยก็คงใจร้ายไปอ่ะนะ 


                   "งั้นอยากรู้อะไรก็ถามมาเลยแล้วกัน" 


                   "โอ้โหเซเล็บจริงๆ" เป็นจุนเองที่พูดขึ้นมา ฮ่ะๆๆ ฉันก็ได้แต่หัวเราะส่งไปให้ ฉันเปล่าเซเล็บนะ ก็แค่ขี้เกียจพูดจริงๆ ถ้าพวกมันอยากรู้อะไรค่อยให้มันถามเอาแล้วกันเพราะฉันพร้อมที่จะตอบทุกคำถามอยู่แล้วแหละ นอกจากคำถามที่ไม่สมควรถามอ่ะนะ 


                   "โหห เอางี้เลย? งั้น... มาจากโรงเรียนอะไร บ้านอยู่ที่ไหน?" - ไอ้แฮมสเตอร์ 


                   "โรงเรียน Seoul's South High School, อยู่ย่านกังนัม" 


                   "เออว่ะ ก็มาจากโรงเรียนเดียวกันกับไอ้วอนไง แต่ โหยยรวยอ่าา อยู่ตั้งกังนัม รับฉันไปเลี้ยงทีฉันจะได้ไม่ต้องมานอนเบียดกับไอ้แพนด้าอยู่แบบนี้ แล้ว... ชอบกินอาหารอะไรบ้างอะ?" 


                   "ไม่ได้รวย, อาหาเกาหลีก็ชอบ แต่ชอบอาหารไทยและอาหารญี่ปุ่นมากกว่า" 


                   "เช่น?" 


                   "พีบิมพับ, ซัมกยอบซัล, ต้มยำกุ้ง, ผัดผงกะหรี่ทะเล, ซูชิ, ข้าวแกงกะหรี่หมูญี่ปุ่น" 


                   "ชอบสีอะไร?" 


                   "สีฟ้า ชมพู เหลือง เขียวมะนาว เวลาเอามาใส่กันแล้วมันสดใสดี แต่ชอบเขียวมะนาวที่สุด" 


                   "ทำไมถึงชอบสีเขียวมะนาวอะ?" 


                   "มันเหมือนธรรมชาติดี ทำให้นึกถึงหน้าร้อนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยใบไม้" 


                   "ชอบธรรมชาติหรอ?" 


                   "ใช่ รักเลยแหละ" 


                   "แล้วชอบดูการ์ตูนมั้ย? ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นป่ะ?" 


                   "การ์ตูนญุี่ปุ่นก็เฉยๆ ไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ ชอบการ์ตูนฝรั่งมากกว่า" 


                   "แล้วช-" 


                   "พอเลยมึง ถามแต่เรื่องปัญญาอ่อน เดี๋ยวกูถามเอง" - ไอ่แพนด้า 


                   "ใช่" - ไอ่สลอธ 


                   "มีแฟนยัง?" โอ้โห คำถามไอ้นี่ มาคำถามแรกก็แอทแท็คกูเลย ฉันเสมองไปทางอื่นแล้วค่อยตอบมัน 


                   "ยัง" 


                   "ทำไมถึงยังไม่มี?" -_- เป็นคำถามที่ฉันโดนถามมาเป็นรอบที่ 109 แล้ว 


                   "ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ" แต่ตอนนี้ฉันเริ่มลังเลแล้วแหละว่าตัวเองไม่มีจริงๆ หรอ ฮ่ะๆๆๆ 


                   "เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?" 


                   "0" 


                   "เชื่อได้ป่ะเนี่ย?" 


                   "ทำไม? หน้าตาฉันเหมือนคนโกหกหรอ?" 


                   "ไม่รู้สิ นี่ ไอ้วอนอู เพื่อนมึงไม่เคยมีแฟนจริงๆ หรอวะ? ออกจะดูดีขนาดนี้" เฮ่ะๆ ฉันรู้สึกเขินทุกครั้งเลยที่มีคนมาชมฉันแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองขี้เหร่หรอกนะ แต่มันก็ยังไม่ชินอยู่ดี 


                   "..." วอนอูเงียบไปสักพักเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ยังไม่พูด "เท่าที่กูรู้ก็ไม่เคยมี" ฟู่วว์ แต่คำตอบของมันก็ทำให้ฉันโล่งอกไปเหมือนกัน ถ้าตอบว่ามีนี่ฉันคงต้องเคลียร์กับมันแล้วแหละ 


                   "โห่ นี่เพื่อนฉันสวยเลือกได้ขนาดนี้เลยหรอวะ ทั้งที่สวยขนาดนี้แต่ไม่เคยมีแฟนนี่สุดยอดเลย แต่เธอก็ต้องเคยมีคนเข้ามาจีบป่ะ? ต้องมีเยอะแน่เลยใช่มั้ย?" - ไอ้แฮมสเตอร์ 


                   "ก็..." ฉันเว้นวรรคไปซักพักแล้วพูดต่อ "เคยมี" ฉันตอบออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนักแล้วตักไอติมขึ้นมากินต่อ 


                   "เคยมี?? แล้วเคยมีนี่กี่คนอะ?" ฉันไม่ได้ตอบอะไรแต่ยักไหล่ เบ้ปากยิ้มๆ เกือบกวนตีนไปให้แทน พอมันไม่ได้คำตอบจากฉันมันจึงหันไปเค้นเอาคำตอบจากวอนอูแทน นี่เรื่องราวชีวิตฉันมันน่าสนใจขนาดนั้นเลยหรอ? "ไอ่วอน มึงตอบแทนพีพีซิ" 


                   "กี่คนกูไม่รู้ แต่มีทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง แล้วก็รุ่นเดียวกัน เงี้ยแหละเพื่อนกูเสน่ห์แรง มีผู้ชายมาขายขนมจีบให้แทบตลอด ทั้งคนธรรมดาและคนที่ฮอทที่สุดในโรงเรียนก็ยังเคยโดนปฏิเสธมาแล้ว หน้าอย่างพวกมึงเนี่ยจีบเพื่อนกูไม่ติดหรอก ถ้ากำลังมีความคิดนั้นอยู่ก็ล้มเลิกซะ" ฉันมองหน้าไอ้สลอธที่พูดออกมาโทนเสียงต่ำแบบเรียบๆ แต่ก็เจ็บจี๊ดได้ถึงใจคนที่โดนกล่าวหาว่ามีความสนใจที่จะเข้าหาฉันพลางหัวเราะไปด้วย พอฉันหันไปหาซานะก็เห็นว่าซานะเองก็หัวเราะอยู่เหมือนกัน ต่างกับไอ้พวก 2 คนที่โดนกล่าวหาที่ตอนนี้พากันบ่นอุบอิบไปอย่างเสียดายแล้ว 


                   อะไรกัน วอนอูมันแค่ล้อเล่นใช่มั้ยที่ว่า 2 คนนั้นสนใจฉันน่ะ? มันต้องใช่แน่เลย เพราะไอ้ซูนยองมันก็ชอบพูดมากกับทุกคนอยู่แล้ว ถึงมันจะชอบให้ความสนใจกับฉันเป็นอย่างมากทั้งๆ ที่ฉันก็ชอบทำท่ารำคาญมันอยู่เรื่อยก็ช่าง แต่มันก็ชอบทำตัวหน้าม่อไปเรื่อยนี่ ฉันเลยไม่ได้คิดว่าการที่มันชอบมาพูดจาเจ๊าะแจ๊ะกับฉันนี่มันจะทำไปเพราะรู้สึกกับฉันมากกว่าที่เห็น ส่วนจุนเองก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกับฉันสักหน่อย ไม่ได้สนใจฉันเป็นพิเศษด้วยซ้ำ ถ้าสนใจฉันจริงๆ นี่ก็คงแปลกอยู่เหมือนกัน 


                   แต่มันก็อาจจะเป็นแบบที่เขาพูดกันจริงๆ ก็ได้นะ ที่ว่าผู้ชายกับผู้ชายค่อยจะดูกันออก ส่วนผู้หญิงกับผู้หญิงก็เช่นกัน มันก็คงเป็นไปได้ที่ฉันจะดู 2 คนนั้นไม่ออก แต่วอนอูดูออกเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ช่างเหอะ ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก แต่ถ้าพวกนี้มันไม่ได้สนใจฉันอย่างที่วอนอูว่าจริงๆ ก็คงจะดีที่สุด ไม่งั้นฉันอึดอัดแย่เลย ฉันไม่อยากเสียเพื่อนไปด้วย อยู่แบบเป็นเพื่อนกันเฉยๆ นี่แหละดีแล้ว 



         End Part: PP 





    ----- 30% -----





         Part: Jin 



                   วันนี้คือวันที่ 12 กันยายน วันเกิดไอ้นัมจุนเองแหละ มันเลยนัดผมออกมาบอกว่า 'มึงต้องออกมานะ วันเกิดกูทั้งทีมึงห้ามหมกอยู่ที่บ้าน กูจะแนะนำเพื่อนรุ่นน้องของพวกกูให้มึงได้รู้จักด้วย ห้ามเบี้ยว!' เฮ่อะๆ นั่นและครับ ผมก็ไม่แปลกใจหรอกที่มันนัดผมออกมา เพราะวันเกิดเพื่อนทั้งทีเราก็ต้องฉลองสิใช่มะ? แต่ที่แปลกใจก็คือสถานที่ๆ มันนัดมานี่สิ ก็นึกว่าจะเลี้ยงเนื้อย่างเหมือนปีที่ผ่านๆ มา แต่ที่ไหนได้ นัดมาร้านเหล้า 


                   ธรรมดาผมก็ไม่ชอบออกจากบ้านหรอกนะถ้าไม่จำเป็น เพราะมันค่อนข้างวุ่นวาย ผมชอบดูหนัง เล่นเกม ใช้เวลากับครอบครัวอยู่ที่บ้านมากกว่า ต่างกับไอ้เพื่อนนิเทศ 2 ตัวของผมที่ตั้งแต่ขึ้น ปี 2 มาก็เริ่มเที่ยวกันบ่อยขึ้นๆ เพราะพวกมันบอกว่า 'รุ่นน้องพาเที่ยว' พวกมันก็มักจะชวนผมไปด้วยบ่อยๆ แหละ แต่ผมก็ปฏิเสธพวกมันอยู่เรื่อยเพราะผมไม่ชอบดื่ม จะดื่มแค่เวลาจำเป็นเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่ร้านเหล้าที่พวกมันนัดผมมาตั้งอยู่ใกล้ ม. เลยไม่ต้องไปที่ไหนไกล 


                   ตอนนี้ผมถึงหน้าร้านแล้ว พอมองเข้าไปในร้านก็เห็นไอ้นัมจุนกับไอ้โฮซอกทันที พวกมันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ต้นใหญ่หน้าร้านนี่และกำลังส่งสัญญาณบอกให้ผมรู้ว่าพวกมันอยู่ตรงนั้น ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่ ต่างกับพวกร้านอื่นๆ รอบๆ ที่มักจะมีแต่ร้านเล็กๆ กันทั้งนั้น ที่นั่งในร้านก็มีทั้งโซนที่อยู่ในร่มและโซนอยู่นอกร้านที่มีให้นั่งอยู่ประมาณ 5-6 โต๊ะใหญ่ๆ ด้วยกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงหน้าหนาว ร้านต่างๆ เลยยังเปิดให้นั่งข้างนอกได้อยู่ 


                   "ไงมึง วันนี้ยังไม่เห็นหน้ามึงเลยนะ มึงไปหมกอยู่ไหนมา?" เป็นเสียงไอ้โฮซอกเองที่ทักผมขึ้นมาอย่างร่าเริงตามประสาของมัน 


                   "กูก็อยู่ที่คณะกูเหมือนทุกวันสิ มึงนี่ถามแปลก ถ้าอยากเห็นหน้ากูมึงก็ไปหากูที่คณะสิ" ใช่ ถามแปลกๆ ก็คณะกูไม่ได้อยู่กลาง ม. เหมือนคณะพวกมึงนิ่ ธรรมดาก็ไม่ค่อยเจอหน้ากันใน ม. อยู่แล้ว แปลกตรงไหน? 


                   "วันนี้กูเลี้ยงเต็มที่ มึงจะดื่มอะไรมั้ย? หรือต้องขอแม่มึงก่อนวะค่อยดื่มได้?" เป็นเสียงไอ้นัมจุนเองแหละที่ถามผมออกมา ผมก็เป็นคนติดบ้านนะ แต่ไม่ใช่ลูกแหง่เว่ยยย! กวนตีน! 


                   "กวนตีนละ จะสั่งอะไรก็สั่งมาเถอะ แต่อย่าแรงมากนะ พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้า อ้อ และก็ Happy Birthday นะมึง แก่ขึ้นอีกแล้ว" 


                   "ถึงกูจะแก่ขึ้นแต่กูก็แก่ไม่เท่ามึงหรอก คนจะ 23 แล้วอย่าพูดมาก" 


                   "เฮ่ออๆๆๆ ถึงกูจะแก่แต่หน้ากูก็อ่อนกว่ามึงอ่ะนะ" ผมหัวเราะหน่อยๆ อย่างมั่นใจกับคำพูดของตัวเอง ไอ้โฮซอกก็หัวเราะเช่นกัน ก็มันจริงนี่ครับ ไม่ใช่แค่หน้าเด็กกว่านะ แต่ผมยังหล่อกว่ามันด้วย ฮ่าาาๆๆๆๆๆๆๆ หน้าตาของผมนี่ไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้วแหละ ไม่งั้นในเฟสผมจะมีคนมาไลค์เป็นหมื่นได้ไง เฮ่อๆๆๆ นี่ยังงงอยู่เลยว่าไอ้ คิม มยองซู มันแย่งตำแหน่งเดือนมหาลัยไปจากผมได้ยังไง ผมก็ไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะครับ แต่เพราะผมมั่นใจในหน้าตัวเองต่างหากเลยกล้าพูดแบบนี้ หรือไม่จริงล่ะ? หรือคุณคิดว่าผมไม่หล่อ? 


                   "..." ไอ้นัมจุนมันไม่ตอบอะไรแต่ส่ายหัวให้กับคำพูดของผมแทนแล้วมันก็หันไปสั่งเหล้ากับพนักงานของร้านทันที 


                   "แล้วไหนล่ะเพื่อนรุ่นน้องของพวกมึง?" ใช่ ตั้งแต่มาถึงผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาเลยนอกจากพวกมัน 2 คน 


                   "พวกน้องแกติดเรียน กำลังมา" ไอ้โฮซอกมันตอบแล้วก็หยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมากดเล่น พอผมเห็นมันทำแบบนั้นแล้วผมจึงหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน เพิ่งคิดได้ว่าต้องไลน์ไปบอกยัยพีพีว่าวันนี้ผมจะยังไม่กลับง่าย อยู่คนเดียวจะเป็นไรมั้ยเนี่ย 



    PP Biah Kim


    พีพี วันนี้พี่ไม่ได้กลับไปทำกับข้าวให้กิน
    นะ วันนี้วันเกิดไอ้นัมจุนน่ะเลยมา        
     19:11  ฉลองกับมันหน่อย กินไรยัง?               

    อ้าว ตอนนี้พีก็อยู่ข้างนอกกับเพื่อนนะ 
    เพื่อนมันเลี้ยงไอติม ยังไม่ได้กลับบ้าน
    เลย                                                   19:11 

     19:11  อ้าวหรอ อยู่ไหนล่ะ?

    แล้วก็ยังไม่ได้กินข้าวด้วย แต่ว่าจะสั่งมา
    กินอยู่                                                   19:12 

    อยู่ร้านไอติมแถวๆ หน้า ม. อะ  19:12 

    พี่อยู่ไหน?  19:12 

    อยู่แถวๆ หน้า ม. เหมือนกัน จะกลับตอน
    19:12  ไหน?                                                   

    ก็ว่าจะกลับตอนกินข้าวเสร็จอะ อาจจะ
    อีก ชม. นึง                                           19:14 

    19:15  ดูแลตัวเองดีๆ นะ พี่คงได้กลับดึกหน่อย

    ทำไมล่ะ? พี่อยู่ร้านเหล้ารึไง?  19:17 

    19:18 ใช่ ไอ้นัมจุนมันเลี้ยงน่ะ

    โอ้โหพี่จินเข้าร้านเหล้า  19:18 

    งั้นพี่ก็อย่าดื่มเยอะนะ เดี๋ยวโดนป้าว่า 5555 19:18 

    แล้วอีกอย่าง ถ้าเมาแล้วโดนสาวมอมไม่
    รู้ด้วยนะ 555555                                  19:20 

    เฮ่อะๆๆๆ ระดับออลจัง คิม ซอกจิน แล้ว
    ต้องมีสาวๆ อยากมอมกันเป็นแถวอยู่    
    แล้วแหละแต่ฉันไม่ยอมให้ตัวเองโดน     
    19:21  มอมง่ายๆ หรอกนะ โตขนาดนี้แล้ว        

    19:21  เสียความเป็นชายหมด

    55555555  19:21 



                   "ยิ้มอะไรของมึง?" เป็นไอ้นัมจุนเองที่เอ่ยถามออกมาหลังจากที่เห็นผมนั่งกดโทรศัพท์แล้วยิ้มไปด้วย 


                   "กูคุยกับน้องกูอยู่" 


                   "น้องพีอาเหรออออ? ตอนไหนมึงจะพาน้องสาวมึงมาทำความรู้จักกับพวกกูซักทีวะ มีตั้ง 2 คน ไม่ยอมแนะนำให้พวกกูรู้จักซักคน หวงอย่างกับหมาแม่ลูกอ่อนหวงลูกเลยนะมึง" - โฮซอก 


                   "ใช่ มีแต่คนสวยๆ ด้วย" ไอ้นัมจุนมันพูดขึ้นมาเสริม "แต่น้องคนเล็กมึงก็เข้า ม.เรานี่หว่า สายกูบอกว่าน้องแกเรียนคณะอะไรน๊าา... การโรงแรมงั้นหรอ ใกล้ๆ กับคณะพวกกูเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ สงสัยพรุ่งนี้กูคงต้องไปแนะนำตัวกับว่าที่น้องสาวคนสวยของเพื่อนแล้วแหละ ใช่มั้ยมึง?" มันพูดจบแล้วก็หันไปหาแนวร่วมกับไอ้โฮซอก ไอ้โฮซอกเองก็พยักหน้ากลับมาอย่างร่าเริงในแบบสไตล์ของมัน 


                   "หยุดเลยนะถ้าพวกมึงไม่อยากแดกคอนเวิร์สที่รักของกู หน้าม่อๆ อย่างมึงน่ะอยู่เฉยๆ ไปเลยไอ้นัมจุน" ผมพูดแล้วก็ชี้หน้ามันไปด้วย 


                   "โหยย มึงนี่แม่งตลอดเลย จะอะไรนักหนาวะ กูก็แค่อยากทำความรู้จักกับน้องของมึงมั้ย? เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแต่ไม่เคยชวนพวกกูไปบ้านมึงเลยซักครั้ง ถ้าพวกกูไม่แอบเห็นรูปน้องมึงในโทรศัพท์มึงเนี่ยป่านนี้พวกกูก็คงยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาน้องสาวมึงทั้ง 2 คนเป็นยังไงบ้าง แม่งใจร้ายว่ะ ยังเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่มั้ยเนี่ย?" ผมกำลังครุ่นคิดสิ่งที่ไอ้นัมจุนมันพูดมา แม่งพูดมาซะกูรู้สึกผิดเลย ก็จริงของมัน ผมก็หวงน้องเกินไปจริงๆ แหละ ไม่ใช่แค่พีอา แต่โบนาด้วย 


                   แต่ถึงพวกมันจะว่าผมใจร้ายยังไงผมก็ทำไปเพราะผมเป็นห่วงน้องจริงๆ แหละนะ เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พีอาเสียใจมาแล้วเพราะมีผู้ชายมาเกี่ยวข้องนี่แหละ ผมเลยไม่อยากให้น้องมาเจออะไรที่ไม่ดีแบบนี้อีก ผมไม่อยากให้น้องเสียใจ เพราะแค่เห็นน้องแอบกลับมาร้องไห้ที่บ้านบ่อยๆ เพราะโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเรื่องนั้นแล้วผมก็ยิ่งเสียใจแทน ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมเจ็บใจมากแต่ก็ปกป้องน้องไม่ได้เพราะตอนนั้นเราเรียนกันคนละที่กัน ตั้งแต่ตอนนั้นมาผมเลยห่วงและหวงน้องขึ้นเรื่อยๆๆๆ แล้วก็พลอยเป็นห่วงโบนาไปด้วยเพราะไม่อยากให้มาเจอเรื่องแบบเดียวกัน นี่แหละเหตุผลที่ทำให้ผมเป็นคนใจร้ายในสายตาคนอื่น แต่จะมองผมยังไงก็ช่างเถอะ ยังไงผมก็จะขอปกป้องครอบครัวผมไว้ก่อนแล้วกัน ยิ่งตอนนี้พีอามาเรียนที่เดียวกันกับผมแล้วผมยิ่งต้องปกป้องน้องให้ได้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ 


                   "ก็ช่าง ยังไงกูก็ไม่อยากให้พวกมึงมายุ่งกับน้องกูอยู่ดี" อยากจะบอกว่าแค่พีอานั่งรถ ไป-กลับ มหาลัยเองนี่ผมก็เป็นห่วงแล้วนะ อาจจะฟังดูว่าห่วงไม่เข้าท่า แต่ทำไงได้ ก็ผมรักน้องสาวผมมากนิ่ ถึงเราจะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องต่างสายเลือดแต่เราก็เป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ เหมือนเดิม เราคือครอบครัวเดียวกัน 


                   "งูยย มึงนี่หวงน้องสาวเข้ากระดูกดำเลยนะ กูยังไม่ได้หวงพี่สาวกูขนาดนี้เลย" - โฮซอก 


                   "เอ้า! มาพอดีเลย มานั่งสิไอ่แท ไอ่จีม เหล้าพร้อมแล้ว!" ผมหันไปดูว่าคนที่มาใหม่คือใคร แต่แม่ง โลกกลมจริงๆ ว่ะ นั่นมันไอ้แทฮยองดาวคณะบริหาร ปี 2 ที่ยัยพีพีเพิ่งทำไอติมหกใส่เสื้อมันเมื่อวานเองนิ่ อีกคนที่เตี้ยๆ ก็เพื่อนสนิทมัน ผมก็เคยเห็นหน้าพวกมันที่ ม. บ้างนะ และก็รู้จักพวกมันอยู่แล้วด้วยเพราะพวกมันดัง แต่ไม่รู้ว่าเลยว่าเพื่อนรุ่นน้องที่ไอ้นัมจุนหมายถึงจะเป็นพวกมัน 2 คน 


                   "นี่ไอ้จินเพื่อนพวกกูเอง มันก็เรียนทำเบเกอรี่ที่ ม. เรา" ไอ้นัมจุนมันแนะนำผมให้กับไอ้แทฮยองและเพื่อนของมันได้รู้จัก "ไอ้จิน นี่แหละเพื่อนรุ่นน้องที่กูหมายถึง ไอ้ดั้งโด่งๆ นี่ คิม แทฮยอง ส่วนไอ้ที่เตี้ยๆ ดั้งแหมบๆ เนี่ย ปาร์ค จีมิน" พวกมันทั้ง 2 โค้งหัวให้ผมแล้วนั่งลงที่ๆ ยังว่างอยู่ 


                   "ย่าาาาพี่นัมจุน ผมไม่ได้ดั้งแหมบขนาดนั้นนะ และอีกอย่างผมก็เตี้ยกว่าพี่โฮซอกแค่ไม่กี่เซ็นเอง" พอนั่งลงเสร็จแล้วไอ้จีมินมันก็ท้วงขึ้นมาอย่างเอาเรื่องไอ้นัมจุนแต่ก็ในแบบที่ไม่ได้ซีเรียสนัก 


                   "ก็ช่าง ยังไงมึงก็เตี้ยเหมือนเดิม เอ้าดื่ม!" ไอ้นัมจุนมันตอบกลับแล้วเอาแก้วเหล้ามาจ่อปากไอ้จีมินแทน ฮึ่ๆ ขรรม


                   "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับรุ่นพี่ออลจังซอกจิน ผมรู้จักพี่นานแล้วเพราะพวกพี่โฮซอกพูดถึงพี่บ่อยๆ แต่ก็เพิ่งได้คุยกับพี่วันนี้แหละ เป็นเกียรติมากครับ สงสัยต่อไปนี้ผมคงต้องไปกดติดตามพี่ในเฟสแล้วแหละ ^v^" ไอ้จีมินมันพูดออกมาอย่างเป็นมิตร พอได้ยินว่ามันรู้จักผมเหมือนกันก็ทำให้ผมยิ้มขึ้นมาได้นิดนึง 


                   "พี่ก็รู้จักพวกน้องเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนกับไอ้นัมจุนและไอ้โฮซอกด้วย ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน" ผมก็ตอบออกไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน แต่ขัดกับไอ้แทฮยองที่นอกจากที่มันโค้งหัวให้ผมแล้วมันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย 


                   "ผมกับพี่โฮซอกเจอกันที่สตูดิโอเต้นน่ะครับเลยรู้จักกัน เราเรียนเต้นอยู่ที่เดียวกัน" อ๋อ อย่างงั้นสินะ 


                   "ยินดีที่ได้รู้จักครับ" แต่และแล้วไอ้แทฮยองมันก็พูดออกมาจนได้อย่างไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรเท่าไหร่ 





                   และแล้วตอนนี้ทั้งโต๊ะก็มีเราแค่ 5 คนเอง มีผมที่นั่งหันหน้าเข้าหาร้าน ไอ้นัมจุนและไอ้โฮซอกที่นั่งตรงข้ามกันอยู่ข้างๆ ผม และก็ไอ้ดูโอ้ 2 คน ที่มาใหม่ที่นั่งอยู่โซฟาตรงข้ามกับผม โซฟาที่ผมนั่งตอนนี้ก็ยังเหลือที่ว่างนะเพราะมันเป็นที่นั่งสำหรับ 2 คน แต่ก็ไม่มีใครนั่งกับผมเลย ทำไมรู้สึกเหงาๆ อย่างนี้วะ โซฟาตัวตั้งใหญ่แต่ก็ได้นั่งแค่คนเดียว ฮ่ะๆๆ ถ้ามีไอ้หยอยมานั่งด้วยอีกคนก็คงดี 


                   วงดนตรีสดที่กำลังละเลงเพลงอยู่ตอนนี้ก็กำลังละเลงไปเรื่อยๆๆๆ ในตอนแรกผมก็ค่อนข้างขมคอเพราะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังดีที่ไอ้นัมจุนมันสั่งกับแกล้มมาให้เรื่อยๆๆๆ 


                   ถึงวันนี้จะเป็นวันเกิดมัน แต่ก็กลับไม่ได้มีเค้กมาให้เพื่อนสหายกินกันเลยเพราะมันบอกว่า 'โตแล้ว ใครเขากินเค้กกัน' ครับ ไอ้พ่อคนแมน อุตส่าห์ผมอยากกินนะเนี่ย เฮ่อะๆ ถึงผมจะแก่แค่ไหนผมก็อยากกินเค้กเหมือนเดิมอ่ะนะ เพราะมันทำให้นึกถึงตอนเด็กๆ ทำให้นึกถึงตอนที่ผมได้อยู่กับแม่ก่อนที่แม่จะเสีย ทั้งตอนที่ได้เป่าเค้กในงานวันเกิดตัวเองและตอนที่ได้เห็นแม่เป่าเค้กของแม่เองด้วย ถึงมันจะผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้วที่แม่เสียและยัยโบก็คงแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับแม่ไม่ได้แล้วเพราะตอนนั้นมันยังเด็กมาก แต่ผมก็ยังคิดถึงแม่อยู่เสมอเพราะผมยังพอมีความทรงจำอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับแม่อยู่บ้าง 


                   เรานั่งมาได้ซักพักแล้ว นอกจากไอ้นัมจุนและไอ้โฮซอกแล้วส่วนมากก็จะเป็นไอ้จีมินนี่แหละที่คุยกับผม ผมเพิ่งรู้ว่ามันเฟรนด์ลี่ขนาดนี้ ต่างกับเพื่อนสนิทมันลิบลับที่ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ยังพูดไม่ถึง 10 ประโยคเลยด้วยซ้ำ แม่งมันมาสนิทกันได้ไงวะ ต่างกันอย่างกับมาจากคนละฟากโลก คนนึงคุยเจ๊าะแจ๊ะๆ ตลอด ส่วนอีกคนก็ทำหน้าอย่างกับคนเบื่อโลก บางครั้งก็ทำหน้าเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรอยู่ซักอย่าง ทั้งที่มันชอบทำหน้าแบบนี้แต่คนเขาไปฟอลล์มันเป็นหมื่นๆ ได้ไงวะ เพราะมันหน้าตาดีหรอ? เฮ่อะๆ ก็ยอมรับว่าหน้าตาดีจริง แต่ทำตัวน่าเบื่อแบบนี้ถ้าผมเป็นสาวๆ ผมคงชอบได้ไม่นาน 


                   ตอนนี้มันกำลังมองหน้าผมอยู่เพราะมันคงรู้สึกได้ว่าผมกำลังมองหน้ามันก่อนอยู่แล้ว แต่พอมันมองหน้าผมได้สักพักมันก็หันไปสนใจเหล้าที่อยู่ตรงหน้ามันแทน ผมเห็นมันมองไปทางด้านซ้ายของผมบ่อยมาก ถึงมันจะทำเนียนแต่ผมก็ดูออกหรอกนะว่ามันกำลังมองอะไรซักอย่างอยู่ คราวนี้ผมเลยมองตามมันไปบ้างเพราะสงสัยว่ามันกำลังมองอะไรอยู่ ถึงจะแลดูเหมือนว่ากำลังเสือกเรื่องของคนอื่นอยู่แต่ผมก็สงสัยจริงๆ นี่นา เพราะแทนที่มันจะสนใจคนในโต๊ะที่พูดเอาๆ แต่มันกลับเสมองไปทางอื่นแทบตลอดแทน จะว่ามันมองไอ้นัมจุนก็ไม่ใช่ เพราะไอ้นัมจุนไม่ได้พูดบ่อยขนาดนั้น และอีกอย่างก็เหมือนว่าสายตามันจะไม่ได้จดจ้องอยู่ที่ไอ้นัมจุนด้วย เหมือนมันมองอะไรที่อยู่ไกลกว่านั้น... 


                   เดี๋ยวนะ นั่นมันยัยพีพีนี่! เอ้า ที่บอกว่าอยู่ร้านไอติมนี่หมายถึงร้านนี้เองหรอ ทำไมผมไม่เอะใจเลยวะว่าร้านไอติมที่น้องมันหมายถึงน่ะอาจจะเป็นร้านข้างๆ นี้ก็ได้ และตอนที่มาผมก็ไม่ได้สังเกตดูด้วยเลยไม่รู้ว่าน้องมันนั่งอยู่แค่ร้านข้างๆ นี่เอง แต่เดี๋ยว แล้วที่ไอ้แทฮยองมันมองนี่มันมองยัยพีพีรึเปล่า หรือว่ายัยพีพีจะยังไม่คืนเสื้อมันนะมันเลยมองแบบนี้ 


                   "ไอ้จิน มึงจะไปไหน??" เป็นเสียงไอ้นัมจุนเองที่เอ่ยถามขึ้นมาเพราะอยู่ดีๆ ผมก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาจากที่นั่งอย่างไม่ได้บอกได้กล่าวก่อนว่าจะไปไหน 


                   "เดี๋ยวกูมา" 


                   "เอ้าไอ้นี่ อย่าเพิ่งกลับนะมึง ยังอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมงเลย" ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่มันพูดแล้วเดินออกมาเลย 


                   ผมเดินมาเรื่อยๆ ตามทางเดินจนตอนนี้มาถึงข้างๆ ร้านไอติมแล้ว ยัยพีพีมันกำลังนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อนอีก 4 คน 3 คน เป็นผู้ชาย ส่วนอีกคนนึงเป็นผู้หญิง โว๊ะ น่ารักแฮะ เฮ่ะๆๆ หรือจะเป็นคนที่ยัยพีพีมันพูดถึงเมื่อวานตอนนั่งกินข้าวอยู่นะ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่มันพูดเพราะมัวแต่ถามถึงเรื่องเสื้อไอ้แทฮยองอยู่ ก็น่ารักเหมือนที่มันบอกจริงๆ แหละ แต่เดี๋ยว แล้วกูจะคิดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย ตอนนี้ผมควรจะโฟกัสไปที่เพื่อนคนอื่นๆ ของมันมากกว่า ทำไมเพื่อนผู้ชายมันถึงได้เยอะจังวะ มีผู้หญิงอยู่แค่ 2 คนเอง มานั่งอะไรกับผู้ชายอีกตั้ง 3 คน 


                   แต่จะว่าไปแล้วมันก็นานมากแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆ แบบนั้นของยัยมักเน่ของบ้าน ดูรอยยิ้มนั่นสิ เหมือนกำลังมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเพื่อนพวกนั้น ผมก็ดีใจนะที่ในที่สุดยัยนี่ก็ได้เพื่อนใหม่ซักที ถึงจะเป็นเพื่อนผู้ชาย แต่ถ้าพวกมันนิสัยดีก็โอเคอ่ะนะ อย่างน้อยก็ดีที่น้องมันมีเพื่อนแหละ และถ้าดูไม่ผิด ผมคิดว่าคนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่ตอนนี้ก็คือไอ้วอนอูเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมของยัยพีพีนะ แต่ได้ยินว่าคนนี้นิสัยดี... ผ่าน เหลืออีกแค่ 2-3 คนที่ผมยังไม่รู้จัก อย่างนี้คงต้องสอบปากคำซะแล้ว... 





    ----- 50% -----





                   ตอนนี้ยัยพีพีมันเห็นผมแล้ว มันทำท่าทางแปลกใจแต่ก็ยิ้มออกมาที่ได้เจอผมที่นี่แล้วก็ขอตัวออกมาจากโต๊ะที่มันนั่งอยู่กับเพื่อน เพื่อนมันมองมาทางผมกันหมดพร้อมกับทำหน้าสงสัย คงไม่รู้ล่ะมั้งว่าผมกับยัยนี่เป็นพี่น้องกัน 


                   "ไง" ผมเอ่ยออกมาก่อนพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ด้วย 


                   "นี่ร้านเหล้าที่พี่หมายถึงคือร้านนี้เองหรอ? พี่มาตอนไหนอะ ทำไมพีไม่เห็นพี่เลย?" มันก็ถามออกมายิ้มๆ แบบแปลกใจด้วยเหมือนกัน 


                   "ก็เพิ่งมาได้ไม่ถึงชั่วโมง พี่ก็เพิ่งเห็นแกเหมือนกัน แล้วนี่นั่งอยู่กับใครบ้างล่ะ?" ผมถามพร้อมกับหันไปมองเพื่อนๆ มันอีกครั้ง 


                   "ก็ มีวอนอู มีจุนจากวิทยาศาสตร์การกีฬาแล้วก็ 2 คนที่หัวทองๆ น่ะซูนยองกับซานะจากคณะเดียวกันกับพีเอง พี่จำได้มั้ยอะ ซานะก็คือคนที่พีพูดถึงเมื่อวานตอนที่เรานั่งกินข้างอยู่ไง" มันหันไปแล้วก็แนะนำเพื่อนตัวเองให้กับผมอย่างอารมณ์ดีแล้วก็ถามเกี่ยวกับน้องผู้หญิงเพื่อนมันขึ้นมา 


                   "อื้มม จำได้ ก็น่ารักดี" ผมตอบออกไปพร้อมกับมองหน้าน้องแกที่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับไอ้คนผมทองที่ชื่อซูนยองไปด้วย 


                   "ฮ่าาๆๆๆ บอกและ แล้วพี่มีไรรึเปล่า?" อ้อใช่ เกือบลืมไปเลย 


                   "เสื้อไอ้แทฮยองน่ะคืนมันไปรึยัง?" 


                   "ยังเลยอะ วันนี้ยังไม่ได้เห็นพี่แกเลย แล้วพี่ถามทำไม?" มันเลิกคิ้วถามผมขึ้นอีกครั้งอย่างสงสัย 


                   "ได้เอาเสื้อมันมาด้วยมั้ย? ถ้าเอามาด้วยก็เอามานี่ เดี๋ยวพี่จะเอาไปคืนมันให้เอง" 


                   "ห๊ะ? พี่จะเอาไปคืนที่ไหน? แล้วทำไมถึงจะเอาไปคืนให้?" มันเลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเดิมแล้วถามผมอย่างสงสัยอีกครั้ง ผมหันไปมองโต๊ะตัวเองที่ตั้งอยู่อีกฟากนึงของร้านแต่ก็ไม่ได้ไกลนักแล้วก็หันกลับมาตอบมัน 


                   "ไอ้แทฮยองมันเป็นเพื่อกับพวกไอ้นัมจุน วันนี้มันก็มา" 


                   "หาาาาาาา?" มันพูดออกมาอย่างแปลกใจแล้วมองตามทางที่ผมเพิ่งหันไปเมื่กี๊และมันก็เลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเดิมอีกจนคิ้วมันจะสูงเลยหน้าผากตัวเองขึ้นไปหาผมอยู่แล้ว "งั้นพี่แทฮยองก็เป็นเพื่อนพี่เหมือนกันสิ ทำไมพีไม่เคยรู้?" มันถามผมแต่สายตาก็ยังจ้องอยู่ที่เดิม มัวแต่ถามอยู่นั่นแหละ แล้วปีนี้จะได้มั้ยเสื้อมันน่ะ? 


                   "เปล่า เพิ่งได้คุยกันวันนี้แหละ สรุปได้เอามามั้ยเสื้อน่ะ?" 


                   "อ้อ! เอามาๆ เฮ่ะๆๆๆ เดี๋ยวแป๊บนึง" มันเพิ่งคิดได้แล้วก็รีบเดินไปหยิบเอาเสื้อไอ้แทฮยองออกมาจากกระเป๋าตัวเอง 


                   พอผมหันไปมองดูที่โต๊ะของตัวเองก็เห็นว่าตอนนี้ทั้งไอ้นัมจุนและไอ้โฮซอกมันพากันสนใจสถานการณ์ตอนนี้กันใหญ่เลย จากที่นั่งอยู่อีกฝั่งดีๆ ตอนนี้ไอ้โฮซอกมันกลับมายืนค้ำหลังไอ้นัมจุนมองมายังที่ๆ ผมยืนอยู่อย่างอยากรู้อยากเสือก ไอ้นัมจุนก็เช่นกัน จากที่นั่งหันหน้าไปอีกทางอยู่ดีๆ ก็เอี้ยวตัวมาทางนี้จนเอวจะเคล็ดออยู่แล้ว ผมมองดูพวกมันแล้วส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายให้กับความขี้เสือกของพวกมัน มองตามกันตาเป็นมันเลยนะพวกมึง ผมล่ะอยากจะเอาไม้ไปจิ้มตาพวกมันให้แตกไปเลยซะจริงๆ หมั่นไส้! 


                   "อ่ะพี่" ยัยพีพีมันกลับมาแล้วยื่นเสื้อไอ้แทฮยองให้ผม ผมรับมาแล้วก็ถามต่อ 


                   "ยังไงก็อยู่ใกล้ๆ กันแค่นี้ กลับกับพี่ดีกว่า ไม่ต้องกลับคนเดียวหรอก กินข้าวเสร็จยัง?" 


                   "ยัง แต่ใกล้เสร็จแล้ว เพื่อนก็ใกล้กลับกันแล้ว แล้วพี่จะกลับตอนไหนอะ? จะให้พีรอที่ไหน?" 


                   "ตอนแรกก็ว่าจะกลับดึกหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว นั่งรออยู่ที่ร้านนี่แหละ ถ้าเพื่อนจะกลับกันหมดค่อยบอกพี่" 


                   "อื้มม เคร้" ยัยนี่ตอบรับอย่างเข้าใจแล้วก็กลับไปนั่งที่โต๊ะกับเพื่อนมันเหมือนเดิม 


                   ตลอดทางที่เดินกลับมาผมก็ได้อยู่ในสายของไอ้นัมจุน โฮซอก และไอ้จีมินตลอดเหมือนกับว่าในหัวของพวกมันตอนนี้มีคำถามที่อยากจะถามผมเต็มไปหมด 


                   "เฮ้ยมึง ทำไมมึงไม่บอกว่าน้องสาวมึงก็มานั่งอยู่แถวนี้เหมือนกันวะ?" 


                   "แล้วมึงไปเอาเสื้อใครมาน่ะ?" ผมไม่สนใจคำถามของไอ้โฮซอกและไอ้นัมจุนแต่กลับยื่นเสื้อที่อยู่ในมือคืนเจ้าของมันแทน 


                   "นี่เสื้อมึง" มันเงยหน้าขึ้นมาจากเหล้าที่อยู่ในมือตัวเองแล้วมองเสื้อของมันที่ผมถืออยู่และต่อด้วยที่หน้าผมแทน 


                   "อื้มม ขอบใจ" มันตอบออกมาอย่างไม่ได้ยินดียินร้ายนักพร้อมกับรับเสื้อมันไปวางไว้ข้างๆ ตัวเอง 


                   "นี่น้องพีอาเป็นน้องพี่หรอครับ? ทำไมผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่มีน้องสาวด้วย?" ไอ้จีมินมันถามผมออกมาอย่างสงสัยและแปลกใจ 


                   มันก็ไม่แปลกหรอก เพราะผมก็ไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับน้องสาวของตัวเองเลยถ้าไม่จำเป็นหรือไม่ได้สนิทกันจริงๆ ในเฟสผมก็ลงแค่รูปตัวเอง ไม่เคยลงรูปคนในครอบครัวเลย ยัยโบก็มีคนติดตามในเฟสเยอะเหมือนกันแต่มันก็ไม่เคยอัพรูปผมลงเช่นกัน สรุป เราทั้ง 3 คนไม่มีโซเชี่ยลของใครเชื่อมต่อกันเลย เราแค่เป็นเพื่อนกันในเฟสแต่ไม่เคยคอมเม้นท์อะไรกัน ก็เคยไลค์กันบ้าง แต่ไม่บ่อย เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ได้สนิกับเราจริงๆ เลยไม่ค่อยรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกัน และที่ผมไม่เปิดเผยตัวว่ามีน้องสาวด้วยก็เพราะว่าผมไม่อยากให้พวก Fc ของตัวเองไปตามรังควานพวกน้องๆ ของผม โดยเฉพาะยัยพีพี เพราะมันไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย และมันก็เป็นคนขอให้ผมทำแบบนี้เองเหมือนกัน ส่วนยัยโบน่ะผมไม่ได้ห่วงอะไรหรอก เพราะยัยนี่มี Fc เป็นของตัวเองอยู่แล้ว ชีวิตจะวุ่นวายก็วุ่นวายเพราะ Fc ของมันเองนั่นแหละ 5555 


                   "ใช่ เราเป็นพี่น้องกัน" ผมตอบออกไปยิ้มๆ นิดหน่อย 


                   "เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน?? เสื้อของไอ้แทมันไปอยู่กับน้องมึงได้ยังไง? แล้วนี่มึงไปรู้จักน้องพีอาตอนไหน ทำไมพวกกูไม่รู้???" ไอ้นัมจุนมันเอ่ยถามผมออกมาอย่างงงงวยแล้วก็หันไปถามไอ้แทฮยองแทน 


                   "มึงก็ถามเจ้าตัวมันดูสิ" เป็นผมเองที่ตอบออกไปแล้วก็มองหน้าไอ้แทฮยองอย่างรอคำตอบเหมือนที่คนอื่นๆ ในโต๊ะกำลังทำกันอยู่ตอนนี้ 


                   "ตอบไปสิไอ่แท" เป็นไอ้จีมินเองที่บอกเพื่อนมันเพราะทุกคนกำลังรอฟังคำตอบของมันอยู่ แต่ผมว่าไอ้จีมินมันคงรู้คำตอบแล้วแหละเพราะยัยพีพีบอกว่าเพื่อนมันสะดุดขาเพื่อนไอ้แทฮยองล้มนิ่ งั้นเพื่อนไอ้แทฮยองที่มันหมายถึงคงจะเป็นไอ้เตี้ยจีมินนี่แหละ 


                   "ก็..." หน้ามันดูเหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรแต่มันก็ตอบออกมาหน้าอย่างกับคนเบื่อโลกเหมือนเดิม "น้องแกสะดุดทำไอติมเปื้อนเสื้อผมๆ เลยให้น้องแกเอาเสื้อไปซักให้แค่นั้นแหละ" แล้วมันก็ตอบออกมาแค่นั้นแหละ 


                   "จริงหรอวะ?! โฮยยย ทำไมน้องแกไม่มาสะดุดทำไอติมเปื้อนเสื้อกูบ้างนะ น้องแกจะได้เอาเสื้อกูไปซักให้บ้าง คงหอมน่าดู ฮิ่ๆๆๆ" ไอ้โซอกมันเอ่ยขึ้นมาอย่างเสียดายพร้อมกับเอามือมาประสานกันอยู่ที่หน้าอกแล้วทำหน้าจินตนาการตามสิ่งที่มันพูดไปด้วย "เฮ่ะๆๆๆ" แต่พอมันหันหน้ามาเห็นผมเท่านั้นแหละเลยต้องล้มเลิกการกระทำของตัวเองเพราะผมกำลังทำหน้าหน้ายักษ์ใส่มันอยู่ 





                   ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเรียบร้อย บรรยากาศก็กำลังสบายเลย แสงไฟจากโคมไฟที่อยู่รอบๆ ร้านประกบกับเสียงเพลงอะคูสติกที่บรรเลงไปเรื่อยๆๆๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศตอนนี้รู้สึกสบาย น่านั่งยิ่งกว่าเดิม 


                   ตื๊ดด... 


                   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู 



    PP Biah Kim


    พี่จิน ร้านจะปิดแล้วนะ  20:54 



                   นั่งไปนั่งมาผมก็เพลินจนได้สินะ ลืมน้องตัวเองไปเลย ให้น้องนั่งรอจนร้านปิด โฮยย ใช้ไม่ได้เลย คิม ซอกจิน 


                   ผมรีบหันไปดูว่าตอนนี้น้องกำลังนั่งยังไงอยู่ ผมเป็นห่วง แต่ฟู่วว์ โล่งใจไปที ยัยพีพีไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่ไอ้วอนอูยังนั่งเป็นเพื่อนอยู่ 


                   "พวกมึง กูกลับก่อนนะ ร้านไอติมเขาปิดแล้ว น้องกูไม่มีที่นั่งรอแล้ว" ผมกำลังจะกลับแต่ก็โดนไอ้นัมจุนรั้งไว้ซะก่อน 


                   "โหยย ทำไมมึงรีบกลับจังวะ บ้านมึงไม่หนีไปไหนหรอก น้องมึงไม่มีที่นั่งก็ให้น้องมึงมานั่งที่นี่ก่อนก็ได้ นั่นไง ชวนเพื่อนน้องมึงมานั่งด้วยก็ได้ พวกกูจะได้ทำความรู้จักด้วย" ผมทำหน้าไม่ยินดีกับคำชักชวนมันเท่าไหร่และกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะทำตามที่มันบอกดีมั้ยเพราะผมไม่อยากให้น้องมานั่งในร้านแบบนี้ และอีกอย่างในโต๊ะนี้ก็มีแต่ผู้ชาย มันเหมาะสมซะที่ไหน ผมไม่อยากพาน้องมานั่งให้พวกมันจ้อง 


                   "นี่มันก็ดึกแล้วด้วย กลับเองมันอันตรายต่อน้องมึง กูเป็นห่วง เดี๋ยวพวกกูไปส่งมึงกับน้องเอง" เฮ่อะ เหตุผลมันนี่แบบ... พวกผมก็โตแล้วมั้ย และอีกอย่างผมก็กลับกับน้องด้วย ไม่ได้ปล่อยให้น้องกลับคนเดียวซะหน่อย ส้นตีน 


                   "เหอะนะไอ้จิน วันนี้เรามาฉลองวันเกิดไอ้นัมมันนะเว่ย ไม่ได้แค่มาแดกเหล้าเฉยๆ อยู่ต่อเถอะนะ ให้น้องมึงและเพื่อนมานั่งที่นี่ด้วยแป๊บเดียวจะเป็นไร นะๆๆๆ ซัก 4 ทุ่มค่อยกลับก็ได้ เดี๋ยวพวกกูไปส่งเอง" 


                   "ยังไงพวกมึงก็จะทำให้กูอยู่ต่อให้ได้สินะ เหอะ วันหลังเลี้ยงเนื้อย่างกูเลย!" ผมตอบออกมาอย่างหัวเสียนิดนึงแล้วรีบเดินไปหายัยพีพีทันที จะว่าผมเห็นแก่กินก็ได้นะ แต่ผมก็ชอบกินจริงๆ นั่นแหละ 5555! 


                   "โว๊ะ! มันต้องอย่างงี้สิวะไอ้จินเพื่อนรัก ไม่มีปัญหาเว่ย!" ผมได้ยินแต่เสียงไอ้นัมจุนและไอ้เงิกที่ตะโกนตามหลังผมมาอย่างร่าเริง คงจะดีใจมากสินะพวกมึง ครั้งนี้พลาดแล้วที่มานั่งร้านข้างกันแบบไม่ได้นัดกันไว้ก่อน คอยดูเหอะครั้งหน้าผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด! 


                   "สวัสดีครับรุ่นพี่คิมซอกจิน" ไอ้วอนอูมันลุกขึ้นโค้งและยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับไปให้มันเช่นกัน โว๊ะ! ผมเพิ่งเคยเห็นมันยิ้มนะเนี่ย โลกดูสดใสขึ้นมาเยอะเลย ธรรมดาเห็นมันหน้านิ่งตลอด 


                   "วอนอูไปนั่งด้วยกันกับพวกพี่ดิ เพื่อนพี่มันเลี้ยง ดื่มรึเปล่า?  หรือรีบกลับ?" 


                   "เอ่อ..." 


                   "อ้าวว นี่พี่ไม่ได้กำลังจะกลับหรอ?" ไอ้วอนอูกำลังจะตอบแต่ยัยพีพีก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน 


                   "ยัง พวกมันอยากให้นั่งต่ออีกหน่อยน่ะ" ยัยพีพีเงียบไปแล้วผมเลยหันไปถามไอ้วอนอูเหมือนเดิม 


                   "ว่าไง?" 


                   "ธรรมดาก็ไม่ดื่มบ่อยครับ แต่ก็ดื่มได้" 


                   "คงไม่ได้รีบกลับหรอกใช่มั้ย?" 


                   "ไม่ครับ" 


                   "เคเลย งั้นมาด้วยกัน เพื่อนพี่มันอยากได้เพื่อนมาแจมเพิ่ม" ผมตอบกลับไปแค่นั้นแล้วกำลังจะเดินนำไปยังโต๊ะที่ไอ้พวกจมูกยื่นมันนั่งกันอยู่แต่ยัยพีพีก็ดึงแขนข้างซ้ายผมไว้ซะก่อน 


                   "เดี๋ยว แล้วพี่จะให้พีกลับคนเดียวหรอ??" มันถามออกมาอย่างสับสน คงเป็นเพราะก่อนนี้ผมบอกว่าจะกลับพร้อมมัน 


                   "ไปนั่งด้วยกัน เดี๋ยวพวกไอ้นัมจุนมันจะไปส่งเราที่บ้าน" มันทำหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมพยักหน้าแล้วยอมปล่อยแขนผมแล้วเดินตามมา 


                   "น้องจิน!" แต่เดินมาได้ยังไม่ถึง 5 ก้าวด้วยซ้ำผมก็ต้องชะงักลงอีกครั้งเพราะเสียงเรียกของใครก็ไม่รู้ที่เรียกชื่อผม ผมไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิง "จำพี่ได้มั้ย? พี่คือเพื่อนของพี่รหัสของน้องแทอิล ควอน มินอา ปี 4 ไง" เธอยิ้มให้ผม อ๋ออ ควอน มินอา เพื่อนของ ชิน ฮเยจอง พี่รหัสของไอ้ มูน แทอิล เพื่อนในสาขาของผมเอง งงมั้ยครับ? ผมก็เกือบงง 


                   "อ๋อออ้อ จำได้ครับ พี่มินอามากับใครหรอครับ?" ผมตอบแล้วยิ้มกลับไปให้ยัยนี่อย่างเฟรนด์ลี่ ที่เรียกพี่ผมก็เรียกไปงั้นแหละ ยัยนี่คงไม่รู้สินะว่าผมแก่กว่าตั้งปีนึง แต่ ชื่อเหมือนแม่ผมเลยอะ... 


                   ตามจริงผมก็จำชื่อยัยนี่ไม่ได้หรอก แต่จำได้ว่ายัยนี่และเพื่อนๆ เคยมากรี๊ดและขอเบอร์ผม ผมก็ปฏิเสธไปตั้งหลายครั้งว่าให้ไม่ได้ แต่ยัยนี่ก็ยังดันทุรังจะเอาเหมือนเดิม วันนึงผมเลยแอบเอาเบอร์ไอ้โฮซอกให้แทน เห็นไอ้โฮซอกมันบอกว่ามันแกล้งทำเสียงเหมือนโรคจิตตอนที่ยัยนี่โทรไปหามัน หลังจากครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวยัยนี่ก็ไม่กล้าโทรไปหามันอีกเลย 55555555! และหลังจากที่โดนผมแกล้งไปแบบนั้นแล้วยัยนี่มันเลยไม่ได้มายุ่งกับผมอีก 


                   "พี่มากับเพื่อนน่ะ นี่ไงเพื่อนพี่" มันผายมือไปหาเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังมันอีก 2 คน แล้วก็หันกลับมาสังเกตุดูมนุษย์อีก 2 ตัว ที่ยืนหัวโด่เงียบๆ อยู่ข้างผมมาตลอด 


                   "แล้วนี่มากับใครอะ? แฟนหรอ??" มันไม่ได้สนใจไอ้วอนอูมากนักแต่กลับกำลังสังเกตยัยพีพีอยู่อย่างตาเป็นมัน 


                   "น้องสาวผมเองครับ" ผมยิ้มบางพลางเอาแขนขวามาคล้องคอยัยพีพีไว้หลวมๆ แล้วตอบไปแค่นั้น ส่วนยัยพีพีก็โค้งแล้วยิ้มไปให้ยัยมินอาและเพื่อนมันด้วย "ส่วนนี่เพื่อนของน้องสาวผมเองครับ" ไอ้วอนอูก็โค้งให้ยัยมินอาเหมือนกัน 


                   "ห๊ะ! จริงดิ้?! ทำไมพี่ไม่เคยรู้เลยว่าเรามีน้องสาวด้วย น่ารักนะเนี่ย" ยัยมินอาตะโกนออกมาอย่างตกใจสุดขีด ทั้งมันและเพื่อนทำหน้าเหลือเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป แน่นอนน้องผมน่ารักครับ ใครก็บอกอย่างงั้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงว่าทำไมผมถึงหวงน้อง เพราะน้องผมมันน่ารักแบบนี้แหละเลยมักจะมีคนมาเกาะแกอยู่เรื่อยเลย ยัยโบก็เหมือนกัน รายนั้นไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มักจะมีคนมาขายขนมจีบให้ตลอด แต่ละวาเลนไทน์นี่ไม่เคยเลยที่จะไม่มีคนเอาดอกกุหลาบและของขวัญต่างๆ มาให้ กลับบ้านมาแต่ละทีก็ได้หอบช่อดอกไม้เต็มแขนเต็มขากลับมาตลอดทั้งๆ ที่เรียนหญิงล้วน 


                   "ก็ผมไม่ได้บอกใครนี่ครับ ไม่รู้ก็คงไม่แปลก ผมต้องไปแล้วนะครับ เพื่อนผมรอนานแล้ว" ผมพูดตัดบทขึ้นมาดื้อๆ เพราะขี้เกียจมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว 


                   "เดี๋ยวๆๆๆ พี่ขอถ่ายรูปจินกับน้องหน่อยได้มั้ย? แค่รูปเดียว นะๆๆๆ" ยัยมินอามันขอร้องผม ผมก็ไม่มีปัญหาหรอก ทุกครั้งที่มีคนมาขอถ่ายผมก็ให้ถ่ายอยู่แล้ว แต่ยัยพีพีนี่สิมันจะว่าอะไรรึเปล่า ผมมองหน้ามันเป็นเชิงถามว่า 'โอเครึเปล่า' มันก็พยักหน้านิดหน่อยแล้วหันกลับไปเตรียมยิ้มให้กล้อง 


                   "โอเคครับ แต่รีบๆ นะครับ" ผมตอบและยิ้มบางๆ ให้ยัยมินอา 


                   พอยัยนั่นกับเพื่อนๆ มันถ่ายเสร็จผมก็ขอตัวพาน้องๆ ออกมาจากนั่นและตรงไปที่โต๊ะของตัวเองทันทีเลย 


                   "คอยดูนะพรุ่งนี้จะมีรูปแกไปโผล่ในเฟสของมหาลัย" ผมบอกยัยพีพีออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก 


                   "ห๊ะ ทำไมถึงจะไปโผล่ที่นั่นล่ะ แล้วพี่รู้ได้ไง??" 


                   "สนิทกับคนดังมันก็แบบนี้แหละพีเอ้ย!" ผมตอบแล้วยื่นมือไปยีหัวมันอย่างเอ็นดู มันทำท่าปากยื่นแบบหนักใจนิดหน่อยแต่ก็กลับมาทำหน้าธรรมดาเหมือนเดิม 


                   "เฮ้ ในที่สุดก็มาถึงกันซักที เอ้านั่งๆๆๆ พวกน้องนั่งลงๆ มึงยืนคุยกับใครอยู่วะ? นานชิบ เหล้ากูจนจะหมดไปแก้วนึงแล้วเนี่ย" ไอ้โฮซอกมันเอ่ยชวนพวกผมให้นั่งลงพร้อมกับตบที่นั่งข้างๆ ตัวเองให้ไอ้วอนอูมันนั่ง มันบ่นผมต่อพลางมือก็กำลังชงเหล้าให้ไอ้วอนอูที่เพิ่งมาใหม่แล้วมันก็ยิ้มหน้าม้าๆ ส่งมาให้ยัยพีพี ผมไม่ตอบมันแต่หยิบแก้วตัวเองขึ้นมาดื่มแทน 


                   "หวัดดีน้องพีอา เจอกันอีกแล้วนะ ^^ น้องซานะไม่มาด้วยหรอ?" ไอ้จีมินมันเอ่ยทักยัยพีพีออกมาอย่างสดใส 


                   "หวัดดีค่ะพี่จีมิน ดึกแล้วซานะเลยกลับนานแล้ว" ยัยพีพีก็ยิ้มตอบมันเหมือนกัน แลดูสนิทกันไวนะ แต่คงไม่แปลกหรอก ไอ้จีมินมันก็คุยกับทุกคนนั่นแหละ 


                   "น้องวอนอูเหมือนกัน หวัดดี" คราวนี้มันยิ้มทักไอ้วอนอูบ้าง คงเคยเจอกันแล้วสินะ 


                   "หวัดดีครับ" ไอ้วอนอูก็ยิ้มตอบมันบางๆ เช่นกัน 


                   "อ้ะน้อง ดื่มใช่มั้ย? ชื่อวอนอูสินะ เรียนอะไรล่ะ? แล้วรู้จักกับน้องพีอาได้ยังไง?" ไอ้โฮซอกมันยื่นแก้วให้ไอ้วอนอูที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัวเองแล้วเล็งคำถามใส่น้องมันทันที 


                   "ครับ ผมเรียนวิศวกรรมอุตสาหการครับ แล้วก็รู้จักกับพีอานานแล้วเพราะเรามาจากห้องเดียวกัน" 


                   "งั้นหรอ โว้วววว์ เรามีเด็กวิดวะมาดื่มด้วยโว่ยย อย่างนี้ต้องฉลอง เอ้าชนนนน ~" ผมก็ชนกับพวกมันด้วย 


                   "อะฮึ่ม! นั่งนานแล้วยังไม่ได้แนะนำตัวเลยกับน้องพีอาเลย พี่นัมจุนนะ" มันลุกขึ้นทำหน้าม่อในฉบับของมันแล้วยื่นมือมาจะเชคแฮนด์กับยัยพีพี ยัยพีพีก็กำลังจะยื่นมือไปเชคแฮนด์กับมันเช่นกัน แต่ผมก็ขัดทั้ง 2 ด้วยการดึงมือยัยพีพีกลับมาไว้ที่เดิมซะก่อน 


                   "เชิญคุณเชคแฮนด์กับคนต่อไปเลยครับ" ผมพูดออกไปอย่างหน้าตาเจ้าเล่ห์ เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนภายในโต๊ะได้ดี นอกจากไอ้แทฮยอง มันแค่หัวเราะว่า 'ฮึ่' ครั้งเดียวโดยไม่ได้สนใจที่จะมองคนในโต๊ะเลยซักคนแล้วมันก็หันไปกระดกเหล้าในแก้วของมันต่อ ไอ้นี่ แม่ง ตั้งแต่เกิดมามึงเคยหัวเราะกับมนุษย์มนาเขาบ้างมั๊ย?? ตั้งแต่นั่งด้วยกันมาผมก็ยังไม่เห็นมันหัวเราะเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแค่หัวเราะฮึ่ๆ ในแบบที่มันชอบทำตลอดนั่นแหละทั้งๆ ที่คนอื่นๆ เขาก็พากันสันหาเรื่องตลกมาพูดให้บรรยากาศมันไม่เงียบกันตลอด ชีวิตมึงมันทุกข์มากขนาดนั้นเลยหรอวะ?? ไม่เข้าใจ 


                   "โหยยยไอ้จิน! กูก็แค่จะเชคแฮนด์ทำความรู้จักกับน้องพีอาเอง แค่นี้ก็ไม่ได้ มึงรู้จักมั้ยมารยาททางสังคมน่ะ??" 


                   "รู้ไม่รู้ไม่สำคัญ แต่ที่แน่ๆ กูไม่ให้มึงจับเว่ย!" มันทำท่าหัวเสียกับคำพูดของผมแล้วก็หันหลังกลับไปนั่งที่นั่งตัวเองเหมือนเดิม 


                   "555555555 เป็นไงล่ะมึง บอกแล้วว่าอย่าไปเล่นกับไอ้หมาแม่ลูกอ่อน มันหวงน้องยิ่งกว่าหวงแฟนซะอีก อ้ะนี่ครับน้องพีอา พี่ชงให้ พี่ชื่อโฮซอกนะ เป็น แฮปปี้ ไวรัส ของทุกคน ถ้าอยากมีความสุขต้องมาอยู่ใกล้ๆ พี่ อิอิอิอิ" ใอ้เงิกมันทำท่าประกอบที่มันคิดว่าน่ารักที่สุดให้กับคำพูดของตัวเองแล้วยื่นแก้วเหล้าผสมโค้กและยิ้มแบบม้าๆ ของมันส่งมาให้ยัยพีพีอีกครั้งนึง 


                   "ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ชอบดื่ม" แต่ก็โดนยัยนี่ปฏิเสธไป ดีมากน้องพี่ 


                   ก็จริงของมันนะที่มันบอกว่าตัวเองเป็น แฮปปี้ ไวรัส เพราะมันตลกและก็ยังสดใสได้ตลอดเวลาอีกด้วย มันเป็นเพื่อนที่ตลกที่สุดที่ผมมีแล้วแหละ แต่แม่งผมก็เคยบอกมันแล้วนะว่าในครอบครัวผมไม่มีใครชอบดื่ม ซึ่งก็แปลว่าน้องผมไม่ดื่มด้วย แล้วที่มันยังรินเหล้าให้น้องผมเหมือนเดิมนี่แปลว่าไง??? 


                   "กูก็บอกเคยบอกมึงแล้วนะว่าบ้านกูไม่มีใครชอบดื่ม มึงหูแตกรึไง?! ห๊ะ?! รินโค้กมาก็พอ!" ผมโวายวายใส่มันแล้วขโมยหมวกสแนปแบค PUMA สีดำขาวที่มันกำลังใส่อยู่บนหัวมาใส่ให้ยัยพีพีแทนอย่างถือวิสาสะ 


                   "กูยืม" มันมองหน้าผมอย่างงงๆ พร้อมกับรอคำตอบ ผมเลยต้องตอบให้มันรู้ถึงจุดประสงค์ของผมเอง 


                   อยากรู้ใช่มั้ยล่ะว่าผมทำแบบนั้นไปทำไม? ก็ไม่มีไรมากหรอก แค่ไม่อยากให้น้องมันโดนเสือ สิงห์ กระทิงแถวนี้มันมองหน้าเฉยๆ เลยเอาหมวกมาใส่บังหน้าให้มัน 


                   "ไง วอนอู แกเสียเกียร์ไปให้ใครยัง?" นั่งไปสักพักอยู่ดีๆ ไอ้นัมจุนมันก็ถามขึ้นมา 


                   "ผมเพิ่งขึ้นปีหนึ่งได้ 2 วันเองครับ ยังไม่ได้สั่งทำเกียร์เลย" 555555! หัวเราะได้มั้ยล่ะ?! ถามอะไรไม่คิดเลยไอ้นี่ ไอ้คนตอบก็ตอบออกไปหน้าตาเฉย ส่วนไอ้คนที่ถามน่ะหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว "แต่ถ้าถามว่าผมมีแฟนยัง ผมยังไม่มีหรอกครับ" 


                   "เฮยยยย โต๊ะนี้มีชายฉกรรจ์นั่งสุมหัวกันอยู่ตั้ง 6 คน พากันโสดหมดทุกคนแบบนี้ได้ไงวะ ทำไมโชคชะตามันถึงได้เล่นตลกกับพวกเราอย่างนี้ ฮื่อออๆๆๆๆ ~" ... "แล้วทำไมพวกมึงถึงมีคู่นั่งกันหมดแต่กูได้นั่งคนเดียววะ กูเป็นเจ้าของวันเกิดนะเว้ยยย ฮื่อๆๆ" ไอ้นัมจุนมันพูดตัดพ้อออกมาแล้วก็ทำท่าร้องไห้ 


                   "ใช่มั้ย ทำไมกูจีบใครก็ไม่มีใครเขาสนใจกูซักคนวะ ชีวิตแม่งโหดร้าย ฮื่อออออ ~" ไอ้โฮซอกก็เหมือนกัน ปัญญาอ่อน! 


                   "555555 ผมว่าพวกพี่คงเริ่มเมาแล้วนะ เอามะนาวกันซักชิ้นมั้ย?" ไอ้จีมินมันถามแล้วยื่นมะนาวให้ 2 คนนั่นคนละชิ้นแต่ก็โดนปฏิเสธไป 


                   "ฮ่าาาๆๆๆ" ยัยพีพีมันหัวเราะชอบใจแล้วก็เอนหัวลงมาพิงไหล่ขวาของผม 


                   "ง่วงแล้วหรอ? อากาศมันเริ่มหนาวแล้ว เอาเสื้อพี่ไปใส่อีกตัวมั้ย?" ผมกระซิบถามมันเบาๆ 


                   "ไม่ งั้นพี่ก็หนาวดิ ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ได้หนาวขนาดนั้นซักหน่อย" แต่ก็ได้คำปฏิเสธกลับมา ผมเลยหันกลับมาร่วมวงสนทนาต่อ 


                   แต่แว๊บนึงก่อนที่ไอ้แทฮยองมันจะเสหน้าไปทางอื่นผมก็เห็นว่าแอบมองพวกผม 2 คนคุยกันอยู่ ตั้งแต่นั่งมานี่ 3 ชั่วโมง ผมก็สังเกตเห็นมันทำแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ จะว่ามันยังโกรธที่ยัยพีพีทำไอติมหกใส่เสื้อมันอยู่งั้นหรอ? :/ ก็ไม่น่าใช่ ซักก็ซักมาคืนแล้ว จะยังโกรธเป็นเด็กๆ อยู่อีกทำไม ไม่มีเหตุที่จะทำแบบนั้นเลย แต่ก่อนนี้ตอนที่ยัยนี่ยังนั่งอยู่ที่ร้านไอติมอยู่แล้วไอ้แทฮยองมันชอบเสมองไปทางนั้นน่ะ ผมว่ามันก็มีเปอร์เซ็นต์สูงนะที่มันจะมองน้องผม เพราะหลังจากที่ผมพาน้องมานั่งด้วยแล้วก็ไม่เห็นมันทำแบบนั้นอีก แต่สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อตามความคิดของตัวเองก็เพราะว่า มันก็ชอบเสมองไปทางนั้นทางนี้อยู่เรื่อยแหละ แต่สายตามันก็ไม่ได้จดจ้องไปแต่ที่ๆ เดิมเหมือนที่มันทำอยู่ก่อนหน้านี้ 


                   ถึงการกระทำมันจะไม่ชัดเจน แต่ผมว่าผมดูออกนะ... ว่ามันสนใจน้องผมเข้าแล้วแหละ 





    ----- 100% -----







    Kim Nam Joon
    คิม นัม จุน




    Jung Ho Seok
    จอง โฮ ซอก





    อะเฮ่! กว่าจะจบหมดทั้งตอนนี้ไรท์ใช้เวลาไปเยอะมากๆ ต้องขอโทษรีดๆ ด้วยที่ไรท์เขียนแต่ละตอนออกมาได้
    ยาวโคตรๆ ตลอดเลย เพราะไรท์แต่งสั้นๆ ไม่ค่อยเป็นอะ และไรท์ก็พิถีพิถันในการเขียนมากๆ ด้วย 
    นี่กลัวมากๆ เลยว่าจะเขียนออกมาไม่สนุกถูกใจรีดๆ กัน และอีกอย่างแต่ละครั้งที่ไรท์จะมาต่อตอนนึงๆ อะ 
    ไรท์ก็รู้สึกหนักใจทุกทีเลย คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรบ้าง  เพราะไรท์แต่งสดๆ ที่เด็กดีเอาเลย ไม่ได้ดองไว้ที่ไหนก่อนทั้งสิ้น 
    แต่ก็ยังดีอยู่ที่พอมาเขียนแล้วสมองมันยังแล่นให้อยู่ ไม่งั้นฟิคเรื่องนี้ได้ตายคาที่แน่ ฮ่ะๆๆๆ 

    และอุปสรรคอีกอย่างนึงของไรท์ก็คือ บางครั้งแต่งตอนๆ นึงได้ตั้งยาว แต่พอกดเซฟแล้วมันเสือกไม่เซฟให้ 
    ทำให้ไรท์โมโหมากๆ เลย โมโหทั้งเว็บและก็ตัวเองที่ไม่คัดลอกทั้งหน้าไว้ก่อน 
    เผื่อมันเป็นแบบนั้นจะได้วางที่คัดลอกไว้ทั้งหมดใส่ที่นี่เลย และที่โมโหนี่ก็เพราะ... คือแบบ อุตส่าห์เราใช้เวลาเขียนตั้งนานอะ 
    กว่าเราจะคิดออกแล้วแต่งได้ตอนนึงๆ นี่มันไม่ใช่ง่ายๆ เลย มันใช้เวลานานมากกกก! >< 

    แต่ตอนนี้ไรก็แก้ปัญญาด้วยการคัดลอกทุกตัวอักสรไว้หลังเขียนเสร็จทุกครั้งแล้วแหละ เพื่อรีดทุกคน ไรท์จึงพีถีพิถันมากๆ 

    สุดท้ายนี้...
    ขอบคุณรีดทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ รักรีดเดอร์ทุกคนมากๆ จุ๊บๆ <3



    - - - - - - - - - -



    แก้คำผิด 2017/04/23



    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×