ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    | Taehyung X You | Playing With Fire เล่นกับไฟ

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter #3 It's Not Like That

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 64







         Part: PP 



                   ฮู่วว์ ฉันปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าแล้วไขกุญแจเข้าไปในบ้าน ดูเหมือนจะยังไม่มีใครกลับบ้านมาเลยนะ มืดเชียว แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องมีใครมาถามว่าฉันใส่เสื้อใครกลับมา คนบ้านนี้ยิ่งขี้สังเกตอยู่ 


                   ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว แต่พี่จินก็ยังไม่กลับอีก สงสัยวันนี้ตารางเรียนยาว กี่โมงแล้วเนี่ย ฉันมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังห้องครัว เข็มสั้นมันชี้เลข 5 ส่วนเข็มยาวชี้เลข 3 เลยมานิดๆ 5 โมง 17 นาทีแล้ว รู้สึกว่าฉันกลับมาถึงบ้านเร็วอยู่นะเนี่ย เพราะธรรมดาเห็นพี่จินกลับมาถึงอย่างเร็วก็ 5 โมงครึ่งตลอด แต่กว่าฉันจะกลับมาถึงบ้านได้ก็ต้องยืนเบียดเสียดกับคนอื่นๆ บนบัสเต็มไปหมด ทั้งเด็กนักเรียนและผู้ใหญ่วัยทำงาน ยืนมาตั้งครึ่งชั่วโมง ปวดขาอะ 


                   พอขึ้นมาถึงห้องตัวเองฉันก็เอาเสื้อตัวที่รับปากกับเจ้าของมันว่าจะเอามาซักให้ออกมาจากกระเป๋า ฉันหยิบมันขึ้นมาพลางริมฝีปากก็ยกยิ้มไปด้วย "เจ้าของๆ แกชื่อแทฮยองสินะ ฮ่ะๆ" แกก็สวยดีนะ รุ่นไหนเนี่ย ฉันจับป้ายที่อยู่ตรงคอมันขึ้นมาดู 'JUUN.J' แบรนด์ของดีไซเนอร์เกาหลีนิ่ โหยย ฉันเคยเห็นแบรนด์นี้นะ แพงมากกก น่าจะล้านวอนขึ้้น โหย แสดงว่าพี่แกก็ฐานะดีนะเนี่ย แต่พี่แกก็เรียนบริหารอ่ะเนอะ เด็กบริหารส่วนมากก็ฐานะดีกันทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นจะมาเรียนบริหารทำไมถ้าไม่เรียนแล้วเอาไปใช้สานธุรกิจของทางบ้านต่อ 


                   ฉันเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วถอดเสื้อของวอนอูออกและกำลังจะเอาเข้าเครื่องซักพร้อมกันกับเสื้อของพี่แทฮยอง แต่เดี๋ยว เสื้อมันคนละสีนี่ เดี๋ยวเสื้อพี่แทฮยองจะสีตก พี่แกยิ่งย้ำอยู่ว่าอย่าทำสีตก งั้นซักพร้อมกันกับเสื้อฉันเลยแล้วกันเพราะสีเดียวกัน ส่วนของวอนอูค่อยซักทีหลังเอา 





                   หลังจากที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำ สระผม แต่งตัว ตอนนี้ฉันก็เสร็จแล้วแหละ เครื่องซักผ้าก็ซักเสร็จพอดีฉันเลยเอาเสื้อของวอนอูเข้าซักต่อ แล้วฉันจะทำยังไงกับเสื้อพี่แทฮยองล่ะเนี่ย... เอาไปตากในห้องดีกว่า มันอาจจะเสี่ยงกับการอับ แต่ก็ดีกว่าไปตากที่ราวตากหลังบ้านให้คนอื่นเห็นล่ะว้า 


                   ก๊อกๆ 


                   "พีพี เปิดประตู" น่ะ โอ้ยยย กลับมาอะไรตอนนี้วะ 


                   "อะไร? พีอาบน้ำอยู่" 


                   "เร็วๆ พี่จะอาบต่อ" 


                   "พี่ก็ไปอาบข้างล่างดิ พียังไม่เสร็จเลย" เออ ทำไมไม่ลงไปอาบข้างล่างวะ ห้องน้ำข้างล่างก็ว่าง 


                   "ไม่ได้ ที่โกนหนวดอยู่นี่ พี่ไม่อยากใช้ของพ่อ" เฮยยย ต้องเข้ามาให้ได้เลยสินะ ทำไงดีวะ ซ่อนเสื้อพี่แทฮยองไว้ในผ้าเช็ดตัวดีกว่า เดี๋ยวพี่แกเห็น 


                   แกร็ก ~ 


                   ฉันเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าพี่จินแกยืนถือเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเตรียมพร้อมอาบน้ำรออยู่ข้างหน้าพอดี นี่ไม่คิดจะเดินไปรอที่อื่นเลยใช่มั้ย? 


                   "ไหนบอกอาบน้ำอยู่ไง?" 


                   "ก็เมื่อกี๊ใกล้เสร็จแล้วไง ตอนนี้ก็เสร็จแล้ว" แถไปงั้นแหละ ตามจริงก็เสร็จก่อนที่พี่แกจะมาเคาะอีก 


                   "ทำไมวันนี้ไม่เอาผ้ามาพันผมเหมือนทุกวันล่ะ?" อะไรของพี่เนี่ย จะถามอะไรนักหนา แต่พี่แกก็คงสงสัยเฉยๆ ล่ะมั้ง เพราะธรรมดาหลังจากสระผม เช็ดหัวเสร็จฉันก็มักจะเอาผ้ามาพันหัวตัวเองไว้สักพักก่อนจะเอาผ้าไปตากไว้ในห้องแล้วปล่อยให้ผมมันแห้งเองตามธรรมชาติ ฉันไม่ค่อยใช้ไดรหรอก ก็มีนะ แต่ขี้เกียจ เพราะยังไงเวลาผมแห้งแล้วมันก็ตรงเองเหมือนเดิม เลยไม่จำเป็นต้องใช้มัน 


                   "ก็ขี้เกียจพันเฉยๆ นี่แหละ แล้ววันนี้ทำไรกินอ่า? หิวอะ" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาก่อนแล้วรีบเดินออกมาจากห้องน้ำให้พี่แกเข้าไปแทนเพราะกลัวพี่แกจะถามอะไรอีก 


                   "เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก่อนจะลงไปทอดไข่ให้กิน" โหยยย ทอดไข่เนี่ยนะ? ใครก็ทำเป็นป่ะ คนยิ่งหิวๆ อยู่ พอพี่แกกลับบ้านมาก็หวังว่าจะให้พี่แกทำอะไรอร่อยๆ ให้กินซะหน่อย แต่กลับจะมาทอดไข่ให้กินเนี่ยนะ? แค่นี้ฉันก็ทำเองได้ป่ะ ถ้าจะรอตั้งนานเพื่อที่จะให้พี่อาบน้ำเสร็จแล้วลงไปทอดไข่ให้หนูกินนี่หนูทอดกินเองดีกว่าพี่จิน ไม่ต้องรอให้พี่ทำให้หรอก 


                   "โหยยย ทอดไข่เนี่ยนะ? ถ้าจะทอดไข่ให้กินนี่พีทอดเองก็ได้ป่ะ ทำอย่างอื่นไม่ได้หรอ?" 


                   "วันนี้พ่อเข้าเวร เราอยู่แค่ 2 คน กินไรง่ายๆ นี่แหละ" อ่าจ๊าาา ก็ได้ค๊าาา ก็ไม่ได้รังเกียจไข่ทอดหรอกนะ ออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่แค่อยากกินอะไรที่มันเป็นทางการมากกว่านี้เท่านั้นแหละ เพราะหิว เลยอยากกินอะไรที่มันทำให้รู้สึกอิ่มๆ ส่วนที่ต้องอยู่กัน 2 คน ก็เพราะป้าทำงานถึง 2 ทุ่มน่ะสิ กว่าจะถึงบ้านก็ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง และอีกอย่างป้าแกก็กินอิ่มมาจากที่ทำงานแล้ว เลยไม่ค่อยได้ร่วมโต๊ะข้าวเย็นกับที่บ้านเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นวันหยุดของป้าแกอ่ะนะ 


                   ตอนนี้ฉันนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เตียงแล้วเอามือค้ำหน้าตัวเองไว้พลางอมยิ้มไปด้วยมองดูเสื้อแขนยาวตัวสีขาวตัวที่ฉันเพิ่งเอาออกมาจากห่อผ้าเช็ดตัวแล้วแขวนตากไว้ให้มันแห้งอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า ตั้งแต่เจอหน้าพี่แทฮยองที่โรงอาหารข้างตึกมนุษย์วันนี้ก็ทำให้ฉันนึกถึงพี่แกอยู่เรื่อยเลย ฉันมั่นใจว่าพี่แกต้องเป็นคนๆ นั้นแน่นอนเลย คนที่ฉันเคยเจอเมื่อ 13 ปีก่อน... 



    "Juseyo dalkomhan geu mat ice cream cake
    Teukbyeolhajin oneure oulineun maseuro
    Ibgae mudeun ice creame
    Ni gaseum dugeungeoryeo naega daga ogetjyo"




    'Bona Unnie'



                   แต่จากที่กำลังมองเสื้อตัวนั้นและกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่ฉันก็ต้องหลุดจากภวังค์ของตั้วเองเพราะโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่ข้างตัวฉันมันได้แผดเสียงขึ้นมา 


                   "พี่โบ! ^^" พี่โบโทรมา หิหิหิ คิดถึงจัง พอเห็นอย่างนั้นฉันจึงรับโทรศัพท์ทันที 


                   "พี่โบ กำลังคิดถึงเลย! ^^" 


                   [งั้นหรอออ พี่ก็คิดถึงพีน๊าา ทำไรอยู่?] 


                   "ก็ ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอก เฮ่ะๆ แล้วพี่ทำไรอยู่อะ? อยู่ทางนั้นเหงามั้ย?" 


                   [พี่กำลังจะทำงานน่ะ วันนี้โดนสั่งงานตั้ง 3 อย่าง แล้วพี่ก็ไม่ค่อยเหงาหรอก ซอนอีแวะมาเล่นกับพี่บ่อยน่ะ เป็นไง วันนี้ไปมหาลัยวันแรกเป็นยังไงบ้าง? ได้เพื่อนใหม่รึยัง?] 


                   "ก็ได้นะ ฮ่ะๆ พีได้เพื่อนใหม่คนนึงมา ชื่อซานะ เป็นคนญี่ปุ่นนะ น่ารักมากก นิสัยดีด้วย และก็มาจากโรงเรียนเดียวกันกับพี่ด้วยนะ พี่รู้จักมั้ย? มินาโทซากิ ซานะ อะ" 


                   [ฮื่มม คุ้นๆ นะ แต่ก็ไม่แน่ใจอะ แต่ดีแล้วแหละที่ได้เพื่อนที่เป็นคนต่างชาติเหมือนกันมา จะได้เข้าใจกันง่ายขึ้น] อื้มม ฉันก็ดีใจเหมือนกัน ที่พี่โบบอกแบบนี้ก็เพราะว่าพี่แกรู้ดีว่าการที่เป็นคนต่างชาติแล้วมาอยู่เกาหลีนี่มันไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย เพราะวัฒนธรรมของคนที่นี่ไม่ค่อยเปิดกว้างเท่าไหร่ ผู้คนเลยยังไม่ค่อยยอมรับคนต่างชาติเท่าที่ควร หลายคนก็โดนแกล้ง ขนาดคนที่เป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อสายเกาหลีด้วยแท้ๆ ยังโดนแกล้งเลย แล้วประสาอะไรกับคนต่างชาติ 100% อย่างฉัน แน่นอน... ฉันเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว 


                   "อ่าฮะ แล้วพียังได้เพื่อนมาใหม่อีก 2 คนด้วยนะ แต่เป็นผู้ชายน่ะ คนนึงชื่อซูนยอง อยู่คณะเดียวกันกับพี ส่วนอีกคนชื่อจุน เป็นคนจีน เรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา และอีกคนที่เซอร์ไพรส์มากๆ เลยก็คือวอนอูอะ 5555 พี่จำวอนอูได้ใช่มั้ย? คนที่พีเคยเล่าให้ฟังอะ" 


                   [จำได้ๆ คนที่มักจะช่วยพีในห้องบ่อยๆ ใช่มะ?] 


                   "อ่าฮ๊าาา นั่นแหละ ตอนแรกพีก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเข้าที่นี่เพราะมันบอกว่าจะกลับชางวอน แล้วไม่ใช่แค่ๆ นั้นนะ มันยังให้พียืมเสื้อด้วยแหละ แหะๆๆ" 


                   [จริงดิ? แล้วทำไมถึงให้ยืม?] 


                   "ก็ วันนี้แม่งซวยทั้งวันเลยอะ ซวยเพราะไอ้ซูนยองนั่นแหละ ตอนแรกมันก็เดินไม่รอพีกับซานะ พีเลยตะโกนเรียกมันเลยโดนอาจารย์ที่อยู่แถวนั้นด่า แล้วที่วอนอูให้พียืมเสื้อก็เพราะมันอีกนั่นแหละ มันพ่นน้ำแดงใส่หน้าพีจนหน้ากับเสื้อพีเปื้อนไปหมด พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็โคตรโมโหเลย ไม่อยากจะเห็นหน้ามันเลย ฮึ่ย!" 


                   [อั๊ยย่ะ! น่าเกลียด ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่ะ แล้วจะไปโมโหเพื่อนทำไมล่ะ เพื่อนตั้งใจทำหรือไง แล้วเพื่อนขอโทษยัง?] 


                   "ก็... ขอโทษแล้ว" 


                   [นั่นไง เลิกโกรธเพื่อนได้แล้ว เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดอีก เพื่อนก็ไม่ได้ตั้งใจด้วยนิ่ใช่มะ? ป่านนี้เขาคงรู้สึกผิดไปมากแล้วแหละ] 


                   พี่โบนี่เป็นพี่ที่ดีจริงๆ เลย พี่แกเป็นทั้งพี่และยังเป็นเหมือนแม่คนที่ 3 ของฉันอีกด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีนะ สำหรับฉันอ่ะนะ ฮ่ะๆๆ เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปแล้วเราสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่แกได้มาเติมเต็มไออุ่นที่ฉันไม่สามารถหามาจากแม่ได้อีกแล้ว ขนาดกับป้าฉันยังไม่สนิทเท่ากับพี่แกเลยนะ แต่ก็คงไม่แปลกหรอก เพราะเราอายุเท่าๆ กันนี่ มันเลยทำให้เราสนิทกันมากเป็นเรื่องธรรมดา และนอกจากนี้พี่แกยังเป็นคนมีเหตุผลอีกด้วยนะ และพี่แกก็มักจะสอนฉันให้คิดตามหลักของเหตุและผลอยู่เสมอ ไม่ใช่ใช้แค่อารมณ์เป็นตัวตัดสินปัญหา ซึ่งฉันว่าฉันก็ทำตามสิ่งที่พี่แกสอนได้ค่อนข้างดีนะ ฮ่ะๆๆ พี่แกเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ เลยแหละ การเรียนก็ขยันด้วย ขยันที่สุดในบ้านแล้ว ผิดกับฉันที่ขี้เกียจสุด 5555 ส่วนพี่จิน... รายนั้นก็ค่อนข้างขี้เกียจนะ แต่ก็ไม่มีใครทุบสถิติของฉันได้หรอก 555555 ทำไมเกิดมาต้องขี้เกียจด้วยนะ 


                   "อื้ม มันก็ใช่ แต่วันนี้พีโคตรรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดง่ายเลยอะ หรือเพราะว่าประจำเดือนใกล้มานะ ฮ่ะๆๆ" 


                   [ก็อาจใช่นะ ฮ่าๆๆๆ เรื่องนี้นี่มันไม่เข้าใครออกใคร แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไว้ล่ะ อย่าโวยวาย เดี๋ยวเพื่อนแตกกระเจิงกันหมด] 


                   ไม่ทันแล้วล่ะ โวยวายไปละเรียบร้อย เหะๆๆๆ 


                   [แล้วคนอื่นล่ะ ทำไรอยู่บ้าง?] 


                   เล่าเรื่องเพื่อนเสร็จแล้ว... ควรจะเล่าเรื่องพี่แทฮยองให้พี่โบฟังดีมั้ยนะ... 


                   "ป้ากับลุงยังไม่กลับเลยน่ะ วันนี้ลุงเข้าเวร ส่วนพี่จินอาบน้ำอยู่ รอให้พี่แกมาทอดไข่ให้กินอยู่เนี่ย" 


                   [ห๊ะ? ทอดไข่? 55555 ทำไมต้องรอด้วยล่ะ? แค่ทอดไข่เอง ไปทอดกินเองก็ได้ม้างง] ฉันว่าฉันเล่าดีกว่า เรื่องสำคัญแบบนี้จะไม่เล่าได้ยังไง อย่างน้อยพี่โบก็คงไม่ล้อฉันหรอก 


                   "ฮ่ะๆๆๆ ไม่อะ ขี้เกียจ ให้พี่จินทำให้กินนั่นแหละดีแล้ว" ... "พี่โบ..." 


                   [หืมม ว่าไงหรอ?] 


                   "... พี่จำเด็กผู้ชายคนนั้นได้มั้ย? คนที่พีบอกว่าเขาเคยช่วยพีไว้ตอนงานแต่งลุงกับป้าอะ?" 


                   [เด็กผู้ชายคนที่มีขี้แมลงวันอยู่ตรงจมูกอ่ะหรอ? จำได้ๆ ทำไมหรอ?] 


                   "พีคิดว่าพีเจอเขาที่มหาลัย เขาดูดีมากเลย เฮ่ะๆๆ" 


                   [จริงดิ้? แหมมม รักแรกโพ๊บบบบบ คริๆๆๆๆ โห เหมือนในหนังเลยอ่ะ ที่นางเองกับพระเอกเคยพบกันตอนที่ยังเด็กๆ แล้วก็ได้กลับมาเจอกันอีกตอนโต ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าไปเจอกันได้ยังไง] พี่โบอะ มาพูดแบบนี้พีก็อายนะ เฮ่ะๆๆๆ 


                   "เฮ่ะๆๆ ก็วันนี้ซานะสะดุดขาเพื่อนของพี่เขาน่ะ เลยล้มแล้วผลักก้นพีจนพีเซไปแล้วทำไอติมหกใส่หลังเสื้อเขาน่ะ ตอนนี้เสื้อเขาก็อยู่ที่ห้องพีนะ เพราะพีต้องเอามาซักให้เขา เฮ่ะๆๆๆ" 


                   [โหยยย นี่มันละครชัดๆ เลย แล้วเขาจำพีได้มั้ย?] 


                   "ฮื่มม จำไม่ได้อ่า" จากที่กำลังยิ้มๆ อยู่ฉันก็ต้องหุบยิ้มลงเพราะบุคลิกของพี่แกผิดคลาดกับที่ฉันคิดไว้มาก คนอะไรโคตรเย็นชาเลย หน้าตาก็เย็นชา พูดก็พูดห้วนๆ พูดอะไรไม่รักษาน้ำใจคนอื่นเลย และแค่ฉันบอกว่าไม่ต้องพาฉันกับซานะไปถึงตึกแพทย์ก็ได้เฉยๆ ก็มาบอกให้ฉันไปบอกพี่จีมินแทน ฮึ่ย ไม่อยากคุยกับฉันมากรึไง ฉันก็แอบผิดหวังในตัวเขานะ ไม่ใช่เพราะที่เขาจำฉันไม่ได้หรอก แต่เพราะว่า ขนาดเราได้กลับมาเจอกันอีกทั้งที แต่เขากลับไม่ใช่คนในแบบที่ฉันเคยคิดเอาไว้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเลย แต่ช่างเหอะ ก็ตอนแรกที่ฉันกับเขาเจอกันเรายังเด็กกันอยู่นิ่ คนเราคงเอานิสัยตอนเด็กๆ มาวัดกันตอนโตไม่ได้หรอก เพราะคนเราโตมาแล้วถ้านิสัยจะเปลี่ยนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก "และเขาก็ยังเย็นชาด้วยนะ ทำหน้าเหมือนไม่สบอารมณ์กับสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลาเลยอะ อ้อ และอีกอย่าง เขารุ่นเดียวกันกับพี่นะ เพราะเขาอยู่ปี 2 เหมือนพี่ และก็เรียนบริหารด้วย" 


                   [เขาชื่ออะไร?] 


                   "คิม แทฮยอง" 


                   [ฮื่มม ถึงเขาจะเย็นชา แต่ถ้าเราได้รู้จักเขาดีๆ แล้วเขาอาจจะเฟรนด์ลี่มากกว่าที่เราเห็นก็ได้นะ ก็เราไม่ได้สนิทกับเขานิ่ เลยยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะพี อย่างน้อยเราก็ได้เจอเขาแล้วนะ แล้ว...] พี่นี่ก็แบบนี้แหละ มองโลกในแง่ดีตลอดเลย แต่ก็จริงของพี่แหละ ก็เรายังไม่ได้รู้จักเขาดีเลยนี่เนอะ จะตัดสินว่าเขาเป็นคนไม่ดีเลยก็ยังไม่ได้ 


                   "แล้ว? ..." 


                   [แล้วเขามีแฟนยัง?] 


                   "เอ่อ... อันนี้ก็ไม่รู้ เหะๆ" 


                   [ถ้ายังไม่มีแฟนก็จีบเล้ย! หน้าตาดีด้วยนี่ พี่เชียร์ อิอิอิ]


                   "ฮ่าาๆๆๆ บ้าหรอ พี่ก็รู้ว่าพีไม่กล้าหรอก และอีกอย่างพีก็ไม่ได้บอกซักหน่อยว่าพีชอบเขา" มาพูดแบบนี้ได้ไง ฉันก็เขินนะ เฮ่ะๆๆๆ ฉันเคยคิดจะจีบใครที่ไหนเล่า แค่จะคุยกับใครซักคนยังไม่กล้าเลย ถ้าเขาไม่เข้ามาหาฉันก่อนอ่ะนะ 


                   [แหมมม คิดถึงเขาตลอดเวลาทั้งที่มันก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้วแและยังไม่ยอมมีแฟนแบบนี้จะให้พี่เชื่อได้ยังไงล่ะว่าไม่ชอบเขาอะ ขนาดเวลาที่ไม่ได้เจอกันยังคิดถึงแต่เขาอยู่อย่างนี้ แล้วยิ่งตอนนี้ได้เจอกันแล้ว พี่ว่าน้องพี่คงห้ามใจไม่ให้ตัวเองไปชอบเขาไหวหรอกนะ หัวใจของเธอเริ่มเข้าขีดอันตรายแล้วแหละพีอา 55555555] ฮ่ะๆๆๆ พี่นี่รู้ดีตลอดเลยนะ ก็รู้หรอกว่าปิดพี่ไม่อยู่ และไม่ได้พยายามปิดด้วย เพราะพี่คือคนที่พีไว้ใจที่สุด แต่พี่รู้มั้ยว่าที่พี่พูดแบบนี้มันทำให้พีหน้าแดงหมดแล้วนะ! ฮึ่ย 


                   "พี่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นนะ โดยเฉพาะพี่จิน เหะๆๆๆ" 


                   "เรื่องอะไรหรอ?" 


                   "!" 


                   "ทำไมถึงบอกพี่ไม่ได้?" O_O 


                   [เสียงพี่จินนิ่ ไม่ใช่ได้ยินแล้วหรอ? 5555555]


                   "พี่จิน! นี่พี่มาแอบฟังหรอ?! มาแอบตั้งแต่ตอนไหนอะ?? ทำไมพี่ไม่มีมารยาทแบบนี้???" 


                   "ย่าาาห์! ยัยนี่ มาว่าฉันแบบนี้ได้ไง ฉันแค่มาบอกแกเฉยๆ ว่าข้าวเสร็จแล้ว และอีกอย่าง ฉันเพิ่งมาถึงหน้าห้องแกเองนะ! ฉันไม่มีมารยาทตรงไหน? ห๊ะ?! อุตส่าห์รีบอาบน้ำโกนหนวดแล้วลงไปทำกับข้าวให้แกกินเพราะแกบ่นว่าหิวแต่กลับโดนว่าๆ ไม่มีมารยาทแบบนี้มันถูกต้องตรงไหนห๊ะ?" 


                   [5555555!] 


                   "อ้าวววหรอ เฮ่ๆๆๆ ขอโทษค่าาพี่จินสุดฮอตสุดหล่อของสาวๆ ทั้งในโซลและในประเทศนี้" ฉันได้แต่หัวเราะแหะๆ ส่งไปให้พี่แก ถ้าพี่แกเป็นคนไทยฉันคงก้มลงไปกราบแทบเท้าแล้วนะเนี่ย พูดซะให้รู้สึกผิดเลย เหะๆๆ และธรรมดาฉันก็ไม่ได้ชอบอวยใครหรอกนะ แต่ก็พูดอวยพี่แกขำๆ ไปงั้นแหละ 


                   "แน่น๊อนนนฉันหล่อที่สุด แล้วนี่คุยกับยัยโบอยู่หรอ?" 


                   "ใช่ พี่จะคุยด้วยมั้ย?" 


                   "ไม่เอาอะ ไม่อยากคุยกับคนที่แย่งไลค์ในเฟสไป" 


                    [ย่าาาห์!! ไอ้พี่ชายคนนี้นี่ คนเขาก็มาไลค์เองมั้ย ไม่ได้ไปจ้างให้มาไลค์ให้ซักหน่อย ใจร้ายชะมัด อุตส่าห์น้องคิดถึง ฮุ่ย!] 


                   "พี่โบบอกว่าพี่ใจร้าย อุตส่าห์คิดถึง" 


                   "แต่ฉันไม่คิดถึงมัน ถ้ามันอยากคุยกับฉันก็บอกให้มันเอาไลค์ที่ขโมยไปคืนมาก่อนแล้วค่อยคุยกัน" 5555555 กวนตรีนนน 


                   "พี่โบได้ยินมั้ย? 5555555" หลังจากที่พี่แกพูดจบก็เดินลงไปข้างล่างทันที พี่จินนี่ก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบกวนน้อง แต่ตามจริงแล้วห่วงและรักน้องจะตาย 


                   [ได้ยินชัดเลยแหละ นี่ก็จะทุ่มแล้ว พี่ว่าพี่ไปหาอะไรกินดีกว่านะ พี่คิดถึงเรานะพีพี มีเพื่อนใหม่ก็ดีแล้วแหละ เราจะได้เลิกเครียดซักที แล้วก็... เรื่องแทฮยองพี่เป็นกำลังใจให้นะ อย่าลืมเข้าไปจีบเขาล่ะ เข้าไปจุ๊บก่อนเล๊ยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เหมือนเพลง Female President ของ Girl's Day ไง ฮิ่ๆๆๆ] 


                   "55555555 บ้าาาาาาา! พอเลย พี่นั่นแหละ ไปหาแฟนมาอวดเดี่ยวนี้เลย แก่ขนาดนี้แล้วยังไม่มีแฟนอีก" 


                   [ย๊าาาาห์พีพี! พี่แก่ตรงไหนเนี่ย? มั่วแล้ว ไม่เอา ไปละ ฝันดีแล้วกัน อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ] 


                   "ค่าาาาาา พี่ก็เช่นกันนะ แต่พีคิดถึงพี่มากจริงๆ นะ ตอนไหนพี่จะกลับบ้านอะ รู้สึกเหมือนพี่จากไปเป็นปีแล้วอะ อยากกอดแล้วนะ ฮื่อออออๆๆๆ T^T" ฉันบอกคิดถึงพร้อมกับทำเสียงร้องไห้แบบปัญญาอ่อนส่งไปให้พี่แก 


                   [55555555 นี่พี่เพิ่งกลับปูซานได้แค่ 2 อาทิตย์เองนะ เว่อร์ไปละ ไปแล้ว!] 


                   "อ่าฮาาา ฝันดีค่าา" 





                   หลังจากที่ฉันเอาเสื้อของวอนอูไปตากไว้ในห้องเสร็จตอนนี้ฉันก็ได้เดินลงมาข้างล่างแล้ว หื้มมม หอมจัง แต่กลิ่นไม่เหมือนไข่เจียวเลย เมื่อฉันมองดูนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้มันทุ่มนึงแล้ว คุยโทรศัพท์แป๊บเดียวเอง ทำไมมันนานจังวะ 


                   "ไหนว่าจะทอดไข่ไง?" ใช่ แล้วหมูผัดกิมจิข้างหน้านี่คืออะไร? 


                   "..." พี่แกไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับลงมือจัดการกับข้าวข้างหน้าแทน 


                   พอฉันกินเข้าไปบ้างก็ถึงกับต้องยิ้มออกมา หิหิ อร่อยยยย 


                   "อร่อยล่ะซี้ ก็ดูสีหน้าเวลาแกกินอาหารอร่อยๆ ที่พี่ทำดิ ทำหน้าอร่อยออกหน้าออกตาขนาดนี้จะให้พี่ใจดำทอดไข่ให้กินได้ไง" ฉันไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มแบบอร่อยฝุดๆ เหมือนที่พี่แกว่าส่งไปให้ ฮิ่ๆๆๆ ก็มันอร่อยจริงๆ นี่ พี่จินก็แบบนี้แหละ ไม่ชอบบอกให้รู้ แต่การกระทำน่ะใส่ใจคนรอบข้างเสมอ และประโยคๆ นี้ก็ฟังดูแล้วอบอุ่นดีเหมือนกันนะ ขอบคุณนะพี่จินที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้น้องกินแบบนี้ตลอดเลย 


                   ก็อย่างว่า พี่จินนี่ทำอาหารอร่อยจริงๆ นะ ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่ก็เก่งเรื่องการเข้าครัวมากกก ถ้าใครได้ไปเป็นสามีนี่โชคดีสุดๆ คงจะเจริญอาหารมาก 55555 แต่คงจะเป็นเพราะว่าพี่จินแกติดป้ามากกว่าลุงล่ะมั้งเลยทำให้พี่แกเก่งเรื่องการเข้าครัวเหมือนป้า ทำไมฉันถึงไม่เก่งเรื่องนี้เหมือนพี่แกบ้างเลยนะ ทั้งที่มันควรจะเป็นแบบนั้นเพราะฉันเป็นผู้หญิง โฮยยยย ถ้าขายไม่ออกเหมือนที่ป้าว่าจริงๆ นี่จะทำไง 555555 คือฉันก็พอทำอาหารได้อ่ะนะ เพราะก็เคยเป็นลูกครัวให้กับป้าและพี่จินอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เก่งเหมือนเดิม ยังจำวัตถุดิบและขั้นตอนการทำอาหารไม่ค่อยได้เท่าไหร่เลย 


                   "เสื้อตัวสีดำในเครื่องซักผ้านั่นเสื้อใคร?" จากที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ก็ต้องชะงักไปนี๊ดดดนึงเพราะคำถามพี่แกนี่แหละ... ชิบหายละ นี่พี่แกสังเกตดูในเครื่องซักผ้าด้วยหรอเนี่ย 


                   "เสื้อเพื่อนน่ะ วันนี้เสื้อพีเปื้อนแต่ไม่ได้เอาเสื้อแขนยาวไปด้วยเพื่อนเลยให้ยืม" 


                   "หรอ? ตัวใหญ่แบบนั้นเพื่อนผู้ชายงั้นสิ ใครล่ะ?" รู้อีก 


                   "วอนอูน่ะ มันมาจากห้องเดียวกันกับพีเองแหละ ตอนนี้มันก็เรียนวิศวกรรมอุตสาหการอยู่ที่ ม. เราเหมือนกัน" 


                   "งั้นหรอ? อื้มมม คนนี้จำได้ " ก็ดีนะที่พี่แกไม่ได้ถามไรอีก ดีแล้วที่ตอนนั้นฉันเอาเสื้อพี่แทฮยองเข้าไปตากไว้ในห้องแล้ว ไม่งั้นพี่แกได้ถามอีกแน่ 


                   "แล้วตัวสีขาวที่ห้อยอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าแกล่ะ?" 


                   'Doh!' อยากจะร้องแบบนี้ออกมาเหมือนไอ้ Homer ในการ์ตูน The Simpsons จริงๆ โหยยย ลืมคิดไปเลยว่าก่อนนี้พี่แกก็ไปยืนหัวโด่อยู่ที่หน้าห้องฉันนั่นไง พี่แกคงเห็นเสื้อพี่แทฮยองเป็นที่เรียบร้อยแล้วแหละ เฮ่อห์ 


                   "เอ่ออ..." 


                   "เอ่อ?" 


                   "คือมันเป็นเสื้อของรุ่นพี่ที่ ม. คนนึงอะ" 


                   "แล้วไปได้มาได้ยังไง?" 


                   "ก็ พีเผลอทำไอติมเปื้อนเสื้อเขาน่ะ เลยต้องเอามาซักให้ เฮ่ะๆ" 


                   "ไปเผลอทำยังไง?" นี่ก็ถามกูจังเล๊ยยย ทำตัวยิ่งกว่าพ่อกูอีก แล้วนี่กูจะไปกลัวพี่แกทำไมเนี่ย? โด่วว์ พี่แกก็แค่ถามเองป่ะ 


                   "เพื่อนพีสะดุดขาเพื่อนพี่แกล้มน่ะ เลยผลักพีไปโดนหลังพี่แกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นพีก็ถือไอติมอยู่พอดีมันเลยเปื้อนเสื้อพี่แกน่ะ และเพื่อนพีคนที่ผลักพีอะก็เป็นคนญี่ปุ่นด้วยนะ น่ารักมากๆ ด้วย ฮ่ะๆๆๆ" ฉันทำเป็นหันไปพูดเรื่องอื่นแทนเผื่อพี่แกจะเลิกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง 


                   "แล้วรุ่นพี่คนนั้นชื่ออะไร? เรียนคณะไหน?" แต่โอ้ย ก็ยังถามกลับเหมือนเดิม 


                   "นี่พี่จะถามทำไมนักหนาเนี่ย? ถามไปแล้วได้อะไร??" 


                   "แค่ตอบมาก็จบ ถามว่าไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันชื่ออะไร? เรียนคณะไหน?" แล้วฉันก็ต้องตอบไปตามสิ่งที่พี่แกอยากรู้เหมือนเดิมพร้อมกับทำสีหน้าเซ็งๆ ออกมา 


                   "- - ชื่อ คิม แทฮยอง เรียนบริหาร ปี 2" มีไรจะถามอีกมั้ย? 


                   "นั่นมันไอ้แทฮยองเดือนคณะนิ่" 


                   "ห๊ะ? พี่รู้จักด้วยหรอ? พี่แกเป็นเดือนคณะจริงดิ?" ฮ่าาๆๆๆ หน้าตาดีขนาดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่พี่แกได้เป็น 


                   "ใช่ แล้วก็เป็นออลจังด้วย ทวิตมันคนฟอลล์ตั้งหลายหมื่น ดีนะที่มันไม่เล่นเฟส ไม่งั้นมันมาแย่งไลค์ฉันไปแน่" โห่ยย พี่นี่ก็ พูดแต่เรื่องไลค์ ของตัวเองก็มีคนไลค์ตั้งเยอะป่ะ ถึงคนไลค์หายไปเป็นพันก็ดูไม่ออกหรอก พอพี่แกพูดจบก็หันกลับมามองหน้าฉันเหมือนเดิม อะไร มีอะไรอีก? 


                   "นี่คงไม่ใช่ว่าแกไปหว่านเสน่ห์หลอกเอาเสื้อผู้ชายเขามาสะสมเล่นที่บ้านหรอกนะ?" Da Fuq! พูดอย่างกับฉันเป็นโรคจิตยังไงยังงั้นแหละ ว่าและ ที่ถามเยอะๆ นี่ไม่ใช่อะไรเลย เพราะจะเอามาล้อฉันน่ะสิ เหอะๆๆๆ เดาไม่ผิดเลยจริงๆ 


                   


    ----- 75% -----





                   "นี่พี่บ้าป่ะเนี่ย? พีไม่ใช่โรคจิตนะ จะไปทำอย่างงั้นทำไม?" ฉันได้แต่กลอกตาให้กับคำกล่าวหาเพี้ยนๆ นี้ของพี่แก โด่วว์ พูดไปได้ 


                   "ไม่ได้บ้า ตอนมัธยมเคยมีเพื่อนผู้หญิงคนนึงในห้องมันชอบตามเก็บขวดน้ำที่โดนทิ้งแล้วมีรอยริมฝีปากของผู้ชายหน้าตาดีๆ ในโรงเรียนไปเก็บไว้ที่บ้านเต็มไปหมดแล้วยังชอบทำหน้าตาหื่นตอนอ่านมังงะวายอีกด้วยนะ" หาาาา๊าาา??? 




    ^
    |
    |
    |

    นี่คือสีหน้าฉันตอนที่ได้ยินเรื่องนี้


                   ในโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่ด้วย? แถมยังอยู่รอบๆ ตัวเราอีก อ่านการ์ตูนแล้วทำหน้าหื่นนี่ไม่เท่าไหร่นะ แต่ที่ตามเก็บขวดน้ำที่มีรอยริมฝีปากคนอื่นไปเก็บไว้ที่บ้านนี่... ฟังแล้วแลดูโรคจิตจริงๆ เลย ฮื่ยยยย 


                   "แล้วพี่เคยโดนมั้ยอะ?" 


                   "อะเฮ่อออๆๆๆ" พี่แกหัวเราะในแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาแล้วพูดต่อ "มีครั้งนึงเคยลืมขวดน้ำไว้บนโต๊ะ พอกลับมาจากกินข้าวมันก็หายไปแล้ว ไปหาดูในถังขยะก็ไม่มี เฮ่อะๆๆๆ ยัยนั่นคงเอาไปชัวร์ แล้วครั้งนึงก็เคยโชคร้ายได้ไปนั่งโต๊ะหลังห้องหน้ายัยนั่นอีกด้วยนะ..." 


                   "แล้ว... ?" 


                   "ก็เสียวสันหลังน่ะสิ! นั่งๆ เรียนอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาหายใจรดต้นคอแล้วบางครั้งก็มีเสียงหัวเราะคิกคักมาจากข้างหลังด้วย ไม่รู้ว่ามันแอบทำอะไรหลับหลังฉันบ้าง บรื้อออ! ~ คิดแล้วยังขนลุกอยู่เลย ผู้หญิงแบบนี้น่ะน่ากลัว ดีนะที่ฉันจบมัธยมมาแล้ว" 


                   "555555! โคตรเหมือนโรคจิตเลยอะ ไม่ใช่เขาชอบพี่หรอ อาจจะเคยแอบตามพี่กลับบ้านมาแล้วก็ได้นะ 5555" พี่แกไม่ตอบอะไรแต่ทำท่าทางขนลุกมาให้แทน


                   แต่เดี๋ยวนะ แล้วพี่แกจะพูดเรื่องนี้ให้ฉันฟังทำไม? จะหลอกว่าๆ ฉันเป็นเหมือนพี่คนนั้นหรอ?? 


                   "!!" 


                   จากที่กำลังหัวเราะอยู่ดีๆ ฉันก็ต้องหยุดแล้วมาทำหน้ายกเขี้ยวใส่พี่แกแทนเพราะเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองโดนพี่แกหลอกว่าเข้าแล้วชัดๆ! 


                   "ย่าาาห์!! พี่จิน! พี่หลอกว่าพีใช่มั้ย?? พีไม่ได้เป็นเหมือนพี่คนนั้นซักหน่อยนะ!" 


                   "อะฮ่าาาาๆๆๆๆๆๆๆ!" นั่น หัวเราะใหญ่เลย ชั๊ดเลย! พอได้รับการคอนเฟิร์มจากพี่แกแล้วว่าฉันโดนพี่แกหลอกเข้าจริงๆ ฉันจึงยื่นมือไปจะหยิกแขนข้างซ้ายของพี่แกแต่พี่แกก็หลบทันก่อนแล้วรีบยกจานข้าวตัวเองไปทิ้งไว้ข้างซิงค์ล้างจานแล้วรีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองอย่างรวดเร็วปานจรวดพลางแหกปากหัวเราะลั่นบ้านไปด้วย 


                   ฮึ่ยยย! ล้อฉันนี่สนุกจริงๆ นะ อย่าให้ฉันได้ล้อคืนบ้างนะ ฮึ่ย! 



    .
    .
    .



                   "ซานะเข่าดีขึ้นยัง?" 


                   "ดีขึ้นแล้วแหละ แต่เมื่อวานหลังจากนั่งรถกลับบ้านแล้วตอนเดินเข้าซอยมันก็รู้สึกปวดขึ้นมามากเลยอะ แทบจะเดินไม่ไหว เฮ่ๆ" ฉันได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของยัยนี่ 


                   "นั่นแหละ ฉันบอกว่าจะกลับบ้านเป็นเพื่อนก็ไม่ยอมให้ฉันกลับด้วย" 


                   "ก็เราไม่คิดว่ามันจะปวดขึ้นมานี่ ก็แผลแค่นี้เอง แหะๆ" 


                   "อ่าจ๊าา" ฉันตอบไปแค่นั่นแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นไอ้ซูนยองที่เพิ่งเข้ามาในห้องพอดี ฉันเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแทน ยังไม่อยากมองหน้ามัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้ว่ามันกำลังมองฉันอยู่และกำลังอยากจะเริ่มบทสนทนากับฉัน 


                   "พีอา ~" ฉันไม่ตอบมันพลางมือก็กดโทรศัพท์ต่อไปเรื่อยๆ "พีพี ~" เรียกบ่อยจัง ฉันชักจะหงุดหงิดแล้วนะ "เธอออ ~ ตัวเองงงงง ~ คิม พีอ-"


                   "นี่มึงจะเรียกกูอยู่อีกนานมั้ย??? มีอะไรก็พูดมาสิ! ไม่งั้นก็ไปไกลๆ เลย!" ฉันพูดออกมาอย่างรำคาญมัน แล้วนี่ฉันต้องโวยวายขนาดนี้มั้ย? คงเป็นเพราะประจำเดือนแหละเลยทำให้ฉันหงุดหงิดง่ายขนาดนี้ ใช่ เพราะประจำเดือนมันใกล้มาไง หลายวันมานี้มันเลยทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดง่ายขึ้นกว่าเวลาธรรมดาเป็นเท่าตัว และแน่นอนมันก็เพิ่งมาเมื่อเช้านี่เอง และตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดง่ายอยู่ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรโวยวายออกไปแบบนี้ ฉันควรจะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ แต่จะบอกอะไรให้ ผู้หญิงเวลาเป็นประจำเดือนน่ะมันห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ให้หงุดหงิดไม่ได้หรอก แต่สิ่งที่ห้ามได้ก็คือการที่จะโวยวายออกไป เพราะฉะนั้นแล้วถ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดอยู่ก็ทำแค่อย่าโวายวายออกไปแค่นั้นแหละ แต่ที่ฉันโวยวายไอ้ซูนยองไปนี่ฉันก็ไม่ได้เอาประจำเดือนตัวเองมาเป็นข้ออ้างหรอกนะ แต่เพราะฉันยังเคืองมันอยู่ต่างหากล่ะ เลยโวายวายออกไปแบบนั้น 


                   "คืออ... ฉันขอโทษอีกครั้งจริงๆ นะ... เรื่องเมื่อวานน่ะ" ฉันมองมันอย่างเคืองๆ แล้วหันกลับมาสนใจโทรศัพท์ต่อ "คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะพ่นน้ำใส่หน้าเธอจริงๆ นะ ฉันแค่ควบคุมตัวเองไม่ให้หัวเราะไม่ได้น่ะ เพราะคำตอบมันก็ตลกจริงๆ นิ่ แหะๆๆๆ เธอเลิกโกรธฉันเถอะน๊าาาา น๊าาาาๆๆ" มันอ้อนวอนพร้อมกับเขย่าแขนฉันไปด้วย "ให้ฉันทำอะไรก็ได้แต่อย่าเมินฉันแบบเมื่อวานอีกเลยน๊าาา เราเป็นเพื่อนกันแล้วน๊าาา เธอเมินฉันแบบนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลยอะ" ครั้งนี้ฉันมองหน้ามันบ้างพร้อมกับทำสีหน้าที่ไม่ได้เหวี่ยงเท่ากับตอนแรกเท่าไหร่ "น๊าาาๆๆๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงไอติมหลังเลิกเรียนก็ได้นะ เหะๆๆๆ" 


                   "เลิกเขย่าได้แล้ว!" ฉันตวาดมันแล้วหันกลับมาหาจอโทรศัพท์อีกครั้ง มันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ ฉันเลยมองมันด้วยหางตาแล้วตอบออกไป "ถ้าอยากให้ฉันไปกินไอติมเย็นนี้ด้วยก็อยู่เฉยๆ อย่ามาเขย่า กูจะเล่นเกม!" ฉันตวาดมันขึ้นมาอีกครั้งอย่างแลดูซีเรียสแต่ที่จริงแล้วอารมณ์ฉันเย็นลงตั้งแต่มันบอกว่าจะเลี้ยงไอติมแล้วแหละ ฉันก็ไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ แต่เพราะเห็นแก่ความพยายามของมันที่จะทำให้ฉันหายโกรธต่างหากเลยเริ่มหายโกรธมันบ้างแล้ว อย่างน้อยมันก็ใส่ใจคนรอบข้างล่ะว้า พอมันได้คำตอบจากฉันแล้วมันก็ยิ้มจนหน้าบานแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่ของมันเหมือนเดิม 


                   พอฉันหันกลับมาก็เห็นว่าซาะนะกำลังยิ้มให้ฉันอยู่แล้ว ฉันจึงยิ้มบางๆ ตอบกลับไปด้วย สงสัยคงจะเห็นด้วยกับการที่ฉันยอมให้อภัยไอ้ตาตี่นี่ล่ะมั้ง 



    .
    .
    .



                   "อ้ะวอนอู เสื้อนาย ขอบใจอีกครั้งนะ" ฉันยื่นเสื้อ adidas แขนยาวสีดำคืนให้กับเจ้าของมันพร้อมกับยิ้มไปให้ด้วย 


                   "อื้มม" เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบอะไรเป็นพิเศษ แค่ยิ้มกลับมาให้ฉันเหมือนกัน 


                   ฉันนั่งลงข้างวอนอู ส่วนซานะกับไอ้ตาตี่ก็นั่งตรงข้ามเรา 2 คน ฉันมองไปทางโต๊ะที่ตั้งถัดจากโต๊ะเราไปทางขวาอีกประมาณ 5 โต๊ะ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววคนที่ฉันต้องการจะเจอเลย 


                   "มองหาใครหรอพีพี?" แหม พอฉันอ่อนข้อให้หน่อยก็เรียกฉันซะสนิทสนมเลยนะไอ้นี่ นี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลย? 


                   "พวกรุ่นพี่แทฮยองน่ะ เมื่อวานตอนเราล้มเราเผลอผลักพีพีด้วยน่ะ พีพีก็เลยทำไอติมที่ถืออยู่เปื้อนเสื้อพี่แทฮยอง เลยต้องซักมาคืน ความผิดเราเองแหละ เหะๆ แต่นี่ยังไม่เห็นทั้งพี่แทฮยองและพี่จีมินเลยอะ" 


                   "หาาา๊าา? รุ่นพี่แทฮยองกับรุ่นพี่จีมิน??? กลุ่มพวกพี่แกมีแต่คนดังๆ นี่ ทั้งพี่จีมิน พี่ซอลฮยอนคนสวย แล้วก็พี่แทฮยองด้วย โดยเฉพาะพี่ซอลฮยอนและพี่แทฮยองนะยิ่งดัง เพราะ 2 คนนั่นเป็นดาวและเดือนของคณะที่ตัวเองเรียนอยู่ นี่เธอไปชนเขาเข้าได้ยังไงเนี่ย?" 


                   ฉันได้แค่ยักไหล่ไปให้คนอื่นๆ เพราะฉันก็ถามคำถามนั้นกับตัวเองอยู่เหมือนกัน 


                   "เลือกชนได้ถูกคนจริงๆ นะ ฮ่าๆๆๆ" จุนที่เพิ่งมาถึงก็เข้ามาสมทบในบทสนทนานี่ด้วยอีกคน 


                   "พวกลูกคนรวยเขาไม่มานั่งกินข้าวที่นี่กันหรอก" เป็นเสียงวอนอูเองที่พูดออกมาหน้าตาไร้อารมณ์แล้วดูดน้ำในแก้วของตัวเองต่อ ทำไมบรรยากาศถึงได้เงียบเชียบขึ้นมากระทันหันแบบนี้นะ "ถ้าอยากเจอต้องไปที่อื่น" 


                   มันก็จริงของวอนอูนะ ที่โรงอาหารแออัดแบบนี้พวกเขาจะมานั่งกันทำไม พวกเขาคงไปร้านอาหารหรูๆ แอร์เย็นๆ ที่อื่นมากกว่า แต่เมื่อวานพวกเขาก็มานั่งที่นี่กันนะ ถ้าพวกเขาไม่ชอบบรรยากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้แล้วพวกเขาจะมาที่นี่กันทำไม? ฉันชักจะงงแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งงง แต่พวกพี่แกก็บอกนี่ว่าเรียนบริหารกัน ฉันก็รู้นะว่าตึกบริหารอยู่ที่ไหน แต่ฉันก็ไม่กล้าไปหาพวกเขาถึงที่แบบนั้นหรอก กลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากคนอื่นเอา เฮ่ออห์ ฉันไม่น่าลืมถามเอาข้อมูลอะไรจากพี่แกเลยอะ ตอนนี้เลยไม่รู้เลยว่าจะต้องเอาเสื้อไปคืนให้ที่ไหน วันนี้จะได้เจอกันมั้ยก็ไม่รู้ ฮุ่ย เซ็ง 


                   "ตอนเย็นพวกมึงว่างป่ะวะ?" 


                   "ทำไมวะ? / ทำไม?" - จุน, - วอนอู 


                   "วันนี้ซูนยองจะเลี้ยงไอติมพีพีเพื่อเป็นการไถ่โทษน่ะ ไปด้วยกันสิ" ซานะชวนพวกนั้นพร้อมกับยิ้มเป็นมิตรส่งไปให้ด้วย 


                   "ห๊าาาา! นี่ไอ้โฮชเพื่อนตา 5 มิล ของกูมันสปอร์ตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนกูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงก็มีความสปอร์ตกับชาวบ้านเขาด้วย ธรรมดานี่งกชิบหาย กูบอกให้เลี้ยงน้ำกูแค่ขวดเดียวเองยังทำไม่ได้ อยู่ห้องก็ไม่ยอมออกค่าของกินช่วยกู มีแต่มาแดกรามยอนที่กูซื้อมาตุนไว้เนี่ย แล้ววันนี้มึงคิดยังไงถึงมาใจป๋าล่ะ โฮ่ๆๆ กูไม่พลาดครับ" จุนพูดเหน็บแนมไอ้ตาตี่พลางเอามือตัวเองมาคล้องคอมันไว้ด้วย 


                   "เว่อร์แล้วๆ กูก็เคยออกค่าอะไรหลายๆ อย่างอยู่เว่ย! พูดอย่างกับกูมาเกาะมึงแดก เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว!" 5555 ไอ้ตาตี่มันว่าพร้อมกับทำท่าจะปั๊ดเหนี่ยวใส่จุนจริงๆ จุนเองก็หลบฝ่ามือมันเช่นกัน เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนบนโต๊ะได้ดี "แล้วมึงหละไอ่วอน? มึงจะไปด้วยมั้ย?" 


                   "กูก็ว่าง" ไอ้สลอธมันพูดและยักไหล่อย่างไม่แยแสอะไรแล้วหยิบน้ำของมันขึ้นมาดูดต่อ หน้าตากวนตีนมาากกกก 


                   "Yes! งั้นเจอกันที่นี่นะทุกคน ไอ่วอน ไอ่จุน หลังเลิกเรียนอย่าลืมมาเจอกันที่นี่ล่ะ" 





    ----- 100% -----







    หมูผัดกิมจิ





    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×