ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter #1 If life Is A Plant, I'm A Seed
หน้าร้อนปี 2015
ณ ชนบทแห่งหนึ่งของจังหวัดปูซาน
"อร๊ากกกกก!! จบแล้วโว้ย!!!"
ซองโซตะโกนออกมาพร้อมกับ ซน อึนซอ หนึ่งในเพื่อนผู้หญิงที่เธอมีไม่มากนักพลางโยนชีทงานต่างๆ ขึ้นกลางอากาศ ไม่ใช่ว่าทั้งสองเพิ่งจบมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัยไปอย่างไรอย่างนั้น แต่นี่เป็นวันสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 และ 2 ต่างหาก
ทั้งสองคนทิ้งตัวลงนอนบนผืนหญ้าเขียวชอุ่มที่ประจำที่ทั้งสองมักจะมาด้วยกันในเวลาที่อากาศปลอดโปร่งเหมือนในวันนี้
ที่นี่คือที่โปรดของซองโซ มันคือทางผ่านระหว่างโรงเรียนและบ้านของเธอ เวลาไม่สบายใจเธอก็มักจะมายังที่นี่เสมอ ทุ่งหญ้ากว้างขวางที่มีดอกไม้สวยงามคลอบคลุมไปแทบทุกส่วนของพื้นที่มันทำให้เธอสบายใจและสามารถลืมสิ่งที่ขุ่นมัวในใจไปได้ไม่มากก็น้อย
"แย่จังเลย จนจบ ม.ปลาย ปีแรกละฉันยังหาแฟนไม่ได้เลย"
"จะมีไปทำไมแฟน มีไปก็ปวดหัวเปล่าๆ อยู่คนเดียวสบายใจกว่าเยอะ"
"ย่าห์! ฉันกับแกมันไม่เหมือนกันนะ แกไม่อยากมี แต่ฉันอยากมีโว่ย จะว่าไปฉันก็น่าจะเข้าโรงเรียนก่อนเกณฑ์ปีนึงเหมือนแกนะ ป่านนี้ฉันคงได้เตรียมตัวขึ้น ม.ปลายปี 3 ละ และอีกแค่ปีต่อไปก็จะได้ขึ้นมหาลัยอยู่แล้วด้วย ที่นี่สังคมมันแคบ แต่ถ้าฉันได้เรียนมหาลัยนะสังคมฉันก็จะกว้างขึ้น โอกาสมีแฟนก็จะเยอะกว่าเดิมหลายเท่าด้วย อิอิ" นั่นน่ะสิ ทั้งที่เธอกับซองโซเกิดปีเดียวกันแท้ๆ แต่ซองโซกลับเรียนเร็วกว่าเธอตั้งหนึ่งปี ได้อยู่กับรุ่นพี่รุ่น 97 ด้วย ไม่แฟร์เลย
ซองโซหัวเราะเบาๆ ให้กับอึนซอ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงจับให้เธอเข้าโรงเรียนเร็วกว่าเกณฑ์แบบนี้ แต่สำหรับเธอมันก็ดีละ ทั้งที่อายุน้อยกว่าแต่เธอก็มีประสบการณ์เท่ากับคนอื่นๆ ในชั้นเรียนเดียวกัน ไม่มีอะไรเสียหายซักหน่อย
"อ้าวยัยซอง จะไปไหน??" เพิ่งมาถึงได้ไม่นานก็จะไปละ รีบอะไรของแกวะซองโซ
"กลับบ้าน"
"เฮ้ย แล้วใครจะเก็บชีทงานทั้งหมดนี่ไปทิ้งวะ?"
"ก็แกไง"
"ย่าห์ จอง ซองโซ! กลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ!"
บางครั้งการได้แกล้งเพื่อนนี่ก็สนุกเหมือนกันนะ แต่เธอต้องไปละ ต้องรีบเอาผลงานชิ้นเอกไปให้พ่อดู เกรด A คณิต วิทย์ และภาษาเกาหลี 3 ตัวพร้อมกันที่พ่อรอดูมานานแสนนาน ในที่สุดซองก็ทำได้แล้วนะ
แต่บรรยากาศที่บ้านกลับแปลกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นมันปู่กับย่านิ่! ทั้งสองมาจากเชจูตั้งแต่ตอนไหนกัน ไม่บอกไม่กล่าวกันเลย
"ปู่! ย่า!" รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า ให้ดีใจไปกว่านี้เธอคงทำไม่ได้แล้วแหละ
แต่รอยยิ้มกว้างกลับสลายหายไปภายในพริบตาเมื่อสิ่งเดียวที่เธอสัมผัสได้จากผู้อาวุโสทั้ง 2 คนคือความโศกเศร้าเสียใจ น้ำตาของย่าที่ไหลลงมาเป็นสายธารบ่งบอกว่าบางอย่างกำลังไม่ถูกต้อง
"ซองโซ พ่อของหลานเสียแล้วนะ"
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของซองโซก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป พ่อของเธอเสียด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในขณะที่กำลังนั่งรถกลับบ้านกับเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ทั้งสามกำลังกลับบ้านจากการไปทำงานต่างจังหวัดมาด้วยกันแต่โชคร้ายโดนคู่กรณีที่ขาดวินัยในการใช้รถยนต์บนถนนขับมาชนเข้าอย่างจัง แต่แปลกที่ลุงอีก 2 คนรอดชีวิต รวมถึงชายคู่กรณีคนนั้นด้วย แต่พ่อเธอกลับไม่ ทำไมคนที่สมควรตายอย่างไอ้คู่กรณีชนแล้วหนีนั่นมันไม่เป็นคนตายนะ แต่คนที่พระเจ้าพรากชีวิตไปกลับเป็นคนที่เธอรักที่สุดในชีวิตทั้งที่พ่อของเธอไม่ได้เป็นคนผิดเลย โลกนี้มันไม่อะไรยุติธรรมเอาซะเลย
หลังจากงานศพของ จอง ยุนโฮ พ่อของเธอผ่านไปได้ไม่นานเธอก็ได้ย้ายเข้ามาในตัวเมืองปูซาน เหตุก็เพราะแม่เลี้ยงของเธอกำลังจะแต่งงานใหม่กับสามีใหม่ที่มีดีทั้งฐานะและหน้าตาในสังคม ผ่านงานศพพ่อของเธอไปได้ไม่ถึง 2 เดือนด้วยซ้ำก็มีคนใหม่ซะแล้ว แถมยังอุ้มท้องลูกของเขาได้ตั้ง 2 เดือนกว่าแล้วอีกด้วย อะไรมันจะเร็วได้ขนาดนั้น เป็นชู้กันตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิไม่ว่า หลายคนมักจะพูดว่าพ่อเลี้ยงของเธอใจกว้างดั่งหมาสมุทรและเป็นคนดี แต่คนดีที่ไหนเขาจะไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้านกันล่ะ เฮ่อะ อวยกันไม่มีหูมีตา
หลายๆ ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาทำให้รอยยิ้มของซองโซหายไป ส่วนหนึ่งก็มาจาก พัค โซยอน ทั้งนั้น นอกจากจะนอกใจพ่อของเธอจนเธอต้องย้ายตามมาอยู่บ้านใหม่แล้วไม่พอยังส่งเธอมาอยู่ที่โรงเรียนประจำน่าเบื่อนี่อีก เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้
จากที่หมกตัวอยู่ในหอเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มในที่สุดก็ถึงเวลาที่นกน้อยต้องออกจากกรงซักที ซองโซเดินไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็คาดว่าทางไปอาคารเรียนน่าจะเป็นทางนี้เพราะจากที่ดูแล้วนักเรียนคนอื่นๆ ก็มุ่งหน้าไปทางเดียวกันหมด
ที่นี่ใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้ด้วยซ้ำ คงเพราะเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าดีและดังที่สุดในปูซาน พูดง่ายๆ ก็คือโรงเรียนของคนมีตังค์นั่นแหละ อีกอย่างก็มีหอพักในตัวหลายอาคารด้วย ตามจริงที่นี่ก็สวยและน่าอยู่อย่างที่คนเขาพูดกันจริงๆ นั่นแหละ แต่ตอนนี้ซองโซกลับไม่มีอารมณ์มาชื่นชมอะไรทั้งนั้น
นักเรียนชายหญิงกว่า 700 คน ต่างยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับวันเปิดเทอมกัน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ซองโซ สำหรับเธอแล้วทุกอย่างมันว่างเปล่าและน่าเบื่อไปหมด
แล้วนี่โฮมรูมห้อง C ของ ม.ปลาย ปี 3 อยู่ไหนล่ะเนี่ย เฮ้อ แค่ต้องเดินหาแค่นี้ก็น่าเบื่อแล้ว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ยุ่งยากจังเลยเนี่ย แต่สัญลักษณ์ที่ตัวอาคารก็บอกว่านี่คือตึกของปี 3 งั้นเธอคงไม่ได้มาผิดหรอก
ในขณะที่ซองโซกำลังเดินสำรวจห้องต่างๆ ของตัวอาคาร ผู้ชาย 2 ใน 3 ของแก๊งที่ขึ้นชื่อว่าฮอตที่สุดในโรงเรียนก็กำลังให้ความสนใจเธออยู่ห่างๆ
"ไง คิม ยูคยอม เห็นผู้หญิงคนนั้นป่ะ? หน้าสวยๆ แบบนี้ไม่คุ้นเลยว่ะ เด็กใหม่ชัวร์" แบมแบมเอ่ยทักทายหนึ่งในเพื่อนสนิทของตน
ยูคยอมหันไปตามคำบอกกล่าว และ โป๊ะเช๊ะ ไม่คิดว่าแค่เปิดเทอมวันแรกก็จะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำซะแล้ว
"เด็กใหม่จริงด้วย" คนตัวสูงมองหญิงสาวหน้าสวยในชุดยูนิฟอร์มใหม่เอี่ยมของโรงเรียนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ "ดูท่าจะหลงทางด้วยสิแม่กวางน้อย พอดีเลย เดี๋ยวกูไปช่วยชี้ทางให้เอง" ยูคยอมเดินตรงไปหาหญิงสาวตามคำพูดของตัวเอง ในหมู่ฝูงอสูรทั้งหลายที่มองโฉมงามกันตาเป็นมันเขาจะเป็นเจ้าชายรูปงามคนแรกคนนั้นเองที่เข้าไปสะกิดใจเธอ
เรื่องม่อสาวแบมแบมไม่ได้ชอบมันซักเท่าไหร่หรอกแต่ก็เดินตามมา แต่สำหรับเพื่อนหัวสูงของเขาแล้วเขารู้ว่ามันไม่พลาดโอกาสนี้ไปแน่นอน เพราะนี่แหละคืองานอดิเรกของมัน
"โอ๊ย!" ซองโซสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อโดนชายแปลกหน้าตัวสูงเดินมาชนจนกระเป๋าเป้ของเธอร่วงลงไปนอนกับพื้น แค่ต้องย้ายมาที่นี่เธอก็เซ็งจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังต้องมาเจอเรื่องหงุดหงิดแบบนี้แต่เช้าอีก
"อุ๊บส์ ขอโทษครับ" คนตัวสูงหยิบเป้สีดำสนิทคืนคนตรงหน้า เธอรับมันไปแต่ใบหน้าสวยๆ กลับบ่งบอกชัดเจนว่าการมีมิตรสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่สไตล์ของเธอ "เจ็บตรงไหนมั้ยครับ?" แต่ก็ยังส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์ไปใจดีสู้เสือ
"เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ" คนสวยไม่พอใจเขาซะแล้ว
"โธ่ อย่าดุนักเลย ก็ออร่าความงดงามของเธอมันรุนแรงจนแสบตานิ่ฉันเลยมองไม่เห็นว่าเธอเดินมาประชิดตัวฉันตอนไหน"
"เฮ่อะ มุกแบบนี้เอาไว้ใช้กับเด็ก ป.1 เถอะนะ" ซองโซเดินออกมาจากสถานการณ์ นี่อาจจะเป็นครั้งที่ 100 แล้วก็ได้ที่มีคนมาม่อเธอด้วยคำพูดหลอกสาวพวกนี้ และไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆ เธอก็ไม่เคยหวานหูกับคำพูดปัญญาอ่อนๆ แบบนั้นหรอก มันน่ารำคาญด้วยซ้ำ
"เดี๋ยว เธอเป็นเด็กใหม่นิ่ ดูท่าทางจะหาโฮมรูมไม่เจอนะ งั้นบอกมาสิว่าเธออยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันจะพาไปส่งถึงที่เลย" คนตัวสูงเดินตามเธอมา
"เรื่องของฉันไอ้หน้าม่อ"
"อะฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะของชายสัญชาติไทยดังขึ้น ไม่มีครั้งไหนเลยที่ไอ้เพื่อนตัวสูงของเขามันโดนสาวปฏิเสธได้หน้าแตกจนหมอหนีการรับเย็บแบบนี้ "ดุแบบนี้กูว่าไม่ใช่แม่กวางน้อยแล้วว่ะ นี่มันแม่เสือสาวชัดๆ"
คำปฏิเสธไม่มีเยื่อใยในครั้งนี้ทำให้ยูคยอมหัวเสียไม่น้อย ไม่เคยมีใครกล้าใช้คำพูดที่เจ็บแสบขนาดนี้กับเขามาก่อน ไม่มีเลยซักครั้ง แค่หัวเสียกับยัยเด็กใหม่นั่นไม่พอ ยังโดนไอ้พวกหมาแถวนี้มันลอบหัวเราะอีก
"พวกมึงมองอะไรกันวะ??? ว่างนักหรือไง?? ระวังจะไม่มีโต๊ะนั่งกินข้าวกันนะเว่ย!"
โธ่เว้ย! ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเด็กใหม่
"แล้วเราจะได้เจอกันอีก"
ห้อง C
ป้ายหน้าห้องบ่งบอกว่านี่คือห้องที่ซองโซตามหามาได้ซักพักแล้ว
เนี่ยน่ะหรอโฮมรูมของห้อง C กว่าจะหาเจอก็ได้เดินหาตั้งนาน ร้อนก็ร้อน สุดท้ายก็มาอยู่ตั้งชั้น 3 ชั้นสุดท้าย รู้งี้ขึ้นลิฟท์แทนบันไดไปละ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องทุกสายตาก็เพ่งเล็งมาที่เด็กใหม่อย่างเธอกันหมด ซักพักก็เกิดเสียงซุบซิบขึ้น
"อะแฮ่ม นักเรียนครับ ช่วยเงียบเสียงแล้วรับฟังเพื่อนใหม่ของพวกเราด้วยครับ"
"ห๊ะ?? เพื่อนใหม่??? นี่คนนี้จะมาอยู่ห้องเราหรอเนี่ย??" เสียงฮือฮาดังมาจากทุกมุมของห้อง มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่จะมีเพื่อนใหม่มาเพิ่มในช่วงเวลาเปิดเทอมใหม่เช่นนี้ แต่เพราะภาพลักษณ์และหน้าตาที่ดูดีน่าดึงดูดของเธอซองโซจึงตกเป็นที่สนใจของหลายๆ คน
"เชิญแนะนำตัวได้เลยซองโซ" คุณครูหนุ่มหน้าใสใจดี คัง มินฮยอก วัย 24 ปี เอ่ยขึ้น
เฮ่อ เธอเกลียดอะไรแบบนี้มากเลย ถ้าเลือกได้เธอจะไม่พูดอะไรเลย
"ฉันชื่อ-"
"โทษทีครับ"
แต่อยู่ๆ ก็โดนไอ้บ้าหน้ากระต่ายที่ไหนไม่รู้มาขัด ไร้มารยาทจริงๆ
ส่วนคนที่เพิ่งมาถึงก็แปลกใจไม่ต่างจากเพื่อนๆ ในห้องที่อยู่ๆ ก็มีเพื่อนใหม่มายืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ แต่ ว้าว หน้าตาน่ารักไม่น้อยเลยนิ่ แต่น่าเสียดายที่แค่เจอกันครั้งแรกเธอก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่เขาซะแล้ว
"ขอโทษที่ผมมาสายนะครับคุณครู พอดีตอนออกจากหอมาผมเห็นลูกแมวตกน้ำน่ะครับก็เลยแวะช่วยนิดหน่อย"
"ฮ้อยยย ~ ละลาย ~"
ตั้งแต่ที่บุคคลใหม่เดินเข้ามาในห้องซองโซก็เห็นได้ชัดเจนว่าความสนใจถูกเบี่ยงเบนไปทางไอ้หมอนี่จนเกือบหมด โดยเฉพาะจากพวกสาวๆ ดูๆ แล้วไอ้หน้ากระต่ายนี่ก็คงจะไม่ธรรมดาสินะ
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ พูดต่อสิ" จอน จองกุก ส่งยิ้มทักทายเพื่อนสาวคนใหม่แล้วเดินตรงมายังที่นั่งของตัวเอง
"ไงจองกุก ไม่เจอกันนานเลยนะ ปิดเทอมได้ยินข่าวว่าราศีความฮอตไม่ตกเลยนิ่ สาวตรึมไม่มีเปลี่ยน"
"ไงจุนฮเว มึงก็เข้าผับบ่อยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะเพื่อน"
"ชู่วว์! เดี๋ยวครูมินฮยอกได้ยินก็เอาไปฟ้องปะป๊ากูหรอก นู่น ฟังสาวแนะนำตัวดีกว่า"
"สวัสดี ฉันชื่อ จอง ซองโซ ฉันมาจาก... ไม่ใช่ที่นี่"
อ่าา ชื่อซองโซสินะ...
จองกุกนั่งมองเด็กใหม่ไม่คลาดสายตา ใบหน้าเธอเรียวสวย ดวงตากลมโตสดใสดุจกวางน้อย จมูกเล็กโด่งสวยเข้ารูป ริมฝีปากอวบอิ่ม หุ่นพอดีไม่อวบไม่ผอมเกินไป ผมยาวลอนเป็นธรรมชาติพร้อมกับหน้าม้ายาว เขาชอบในสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นอยู่
สวย...
"มองไม่กระพริบตาเลยนะเพื่อน จะว่าไปก็สเปกมึงเลยนิ่ไอ้กุก สูงราวๆ 168 เซ็น ผมยาว ขาว หน้าตาเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร แต่น่าเสียดายหน้าไม่รับแขก" คิม ดงฮยอก ที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของจองกุกเอ่ยขึ้นมาบ้าง
"ฮ่ะๆ" ถึงจะไม่ได้ให้คำตอบตรงๆ แต่เขาก็ไม่เถียง
"ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย" พอพูดจบก็มองหาที่นั่งที่ยังว่าง และจากที่มองผ่านฝูงชนกว่า 39 คนเธอก็เจอ...
"ยินดีต้อนรับสู่ห้อง C ของพวกเรานะครับซองโซ ส่วนที่นั่งของเธอครูจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือนั่น" คุณครูหนุ่มชี้ไปยังโต๊ะที่อยู่แถวกลางรองหลังสุด "ข้างหน้า จอน จองกุก หัวหน้าห้องคนเก่งของพวกเรานะ"
รอยยิ้มบางๆ ของผู้อาวุโสที่สุดในห้องไม่ได้ทำให้ซองโซสบายใจขึ้นมาแม้แต่น้อย ทางที่ดีก็คือให้เธอกลับไปเรียนที่เดิมจะดีที่สุด แต่ที่แท้ไอ้หมอนี่ก็เป็นหัวหน้าห้องเองสินะ ไม่น่าล่ะถึงทำตัวอย่างกับโลกใบนี้เป็นของตัวเอง
จองกุกพยายามสร้างมิตรภาพอีกครั้งโดยการส่งรอยยิ้มไปให้ซองโซ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อเธอไม่ใยดีมันซักนิด
ดงฮยอกและจุนฮเวกลั้นขำทันทีหลังจากเห็นเหตุการณ์ แต่จองกุกไม่ถือสาซองโซหรอก คนเราจะแฮปปี้ไปทุกวันก็คงเป็นไปไม่ได้
ในที่สุดก็ถึงเวลาพักเที่ยงซักที การที่ต้องนั่งฟังไอ้พวก 3 ตัวข้างหลังมันกระซิบกระซาบกันในขณะที่ครูกำลังสอนเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก ไม่เว้นแม้แต่สายตาของคนรอบข้างที่มองมาเป็นระยะๆ ด้วย
"เฮ้ จอง ซองโซ ฉัน คิม จีโฮ นะ เธอคงจะยังไม่มีเพื่อนสินะ ไปกินข้าวด้วยกันกับพวกฉันสิ"
"ไม่เป็นไร คือว่าฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นน่ะ คงเข้ากับพวกเธอ 4 คนไม่ได้"
ซองโซปล่อยให้เพื่อนรักทั้ง 4 ต่างมองหน้ากันด้วยความเหวอ มาทำเป็นพูดดี คิดหรอว่าเธอจะไม่ได้ยินตอนที่ซุบซิบนินทาว่าร้ายเธอก่อนหน้านี้ คนแบบนี้มันรกโลกจริงๆ
พลิ๊ง...
"ขอโทษนะคะ มีใครอยู่มั้ย?" ตอนนี้ซองโซอยู่ที่หน้าห้องคณะกรรมการนักเรียน เธอมารับบัตรและเลขประจำตัวนักเรียนตามที่ครูมินฮยอกบอก
"โอ้ โทษทีครับ พอดีกำลังยุ่งๆ อยู่เลย มาทำอะไรที่นี่หรอครับ? อ้อ ผมหมายถึงมีอะไรให้ช่วยหรอครับ?" เพื่อนผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นประธานนักเรียนยิ้มกว้างจนตาแทบปิด
"มารับบัตรนักเรียนน่ะ"
"อ้อ งั้นแบบนี้คงเป็นเด็กใหม่สินะ รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้"
ยิ้มแรงตลอดแบบนี้ชีวิตคงจะมีความสุขดีสินะ ซองโซคิด
"Here you are miss. Have a good day!"
"ขอบใจนะ..." ซองโซมองป้ายชื่อของมนุษย์ที่เฟรนด์ลี่ที่สุดในโรงเรียนเท่าที่เธอได้เจอมา "... อี ซอกมิน"
ทันทีที่รับบัตรประจำตัวมาเช็กดูซองโซก็ต้องขมวดคิ้วทันที
"แชนนอน วิลเลี่ยมส์" นี่ไม่ใช่บัตรของเธอนิ่ อะไรกันเนี่ย อี ซอกมิน เป็นประธานนักเรียนทั้งทีทำงานประสาอะไรของนายวะเนี่ย
แต่พอเธอหันหลังกลับมา อี ซอกมิน ก็หายไปซะแล้ว
อ้าว
พลิ๊ง...
พลิ๊งง...
พลิ๊งงง...
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับซองโซจึงตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องกรรมการนักเรียนที่แอร์เย็นเฉียบ
"ฮัลโหล มีใครอยู่บ้างมั้ยเนี่ย?"
เงียบกริบ บ้าจริง ไม่มีใครอยู่แล้วใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้วะเนี่ย
"เธอ"
เมื่อหันมาตามเสียงเรียกสุขุมนุ่มนวลซองโซก็ได้พบกับผู้ชายตัวสูง หน้าตา ผิวพรรณดูดี และที่สำคัญขาวมาก
"มีอะไรให้ช่วยหรอครับ?"
"พอดีว่าฉันมารับบัตรนักเรียนน่ะ แต่ประธานนักเรียนกลับให้บัตรฉันผิด" คนตัวเล็กกว่ายื่นบัตรที่ว่าไปใส่มืออีกคน แต่เขากลับหัวเราะเล็กน้อย มีปัญหาอะไรอะ คนที่นี่ชอบทำตัวแปลกกันจริง
"แล้วประธานนักเรียนคนที่ว่าเนี่ยชื่ออะไรหรอ?"
"อี ซอกมิน"
"ฮ่ะๆๆๆ"
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้ซองโซชักจะหงุดหงิดขึ้นมาซะแล้ว
"เป็นอะไรของนาย??"
"ฮ่ะๆ เปล่าหรอก ก็แค่ ซอกมินคือหนึ่งในสมาชิกกลุ่มสภานักเรียนจริง แต่คนที่เป็นประธานนักเรียนน่ะ คือคนที่เธอกำลังคุยด้วยอยู่ต่างหาก"
อ้าว งั้นหรอ แล้วใครจะไปรู้ล่ะ เสียฟอร์มนะเนี่ย ไม่ต้องมาทำเป็นอมยิ้มเลย
คนตัวสูงเดินไปหยิบบัตรใบใหม่มาให้ซองโซ บัตรที่ถูกต้อง
"ขอบใจนะ... จอง แจฮยอน"
"ด้วยความยินดี"
รอยยิ้มบางๆ แค่นี้แต่กลับดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ แต่น้ำเสียงนุ่มลึกของผู้ชายคนนี้ทำให้ซองโซผ่อนคลายได้อย่างน่าแปลกใจ เพราะฉะนั้นเธอจึงส่งยิ้มบางๆ กลับไป
"โอ๊ยย!" แต่เมื่อเดินออกมาข้างนอกเธอก็โดนชนเข้าอย่างจังอีกครั้ง รอบที่ 2 ของวันแล้ว หน้าผากชนหน้าผากซะด้วย
"Oh gosh!" อีกคนสบถออกมาพลางกุมหน้าผากตัวเองไว้
ทั้งคู่ต่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่ออุบัติเหตุมันเกิดขึ้นแล้วผู้หญิงผมน้ำตาลแดงจึงเก็บบัตรของคนที่ตัวเองเพิ่งเดินชนไปขึ้นมา
"ฮื่ม" เธอมองบัตรในมือ "ชื่อ จอง ซองโซ สินะ... ม.ปลาย ปี 3 ห้อง C" เธอยื่นบัตรคืนเจ้าของไป "โทษทีนะ เมื่อกี๊ฉันไม่เห็นเธอเดินมาน่ะ ฉัน แชนนอน วิลเลี่ยมส์ ห้อง D ยินดีที่ได้รู้จัก"
"อืม ฉันรู้"
"เธอรู้? จริงดิ??" แชนนอนถามเอาความจริงจากคนตรงหน้า
"ฉันเห็นรูปเธอในบัตรนักเรียน หน้าตาห่างไกลคำว่าเกาหลีแบบนี้จำไม่ยากหรอก"
"ก็ อืมนะ งั้นมารับบัตรเหมือนกันแบบนี้คงเป็นนักเรียนใหม่เหมือนกันสินะ มีเพื่อนกินข้าวยังล่ะ?"
"ยัง"
"งั้นรอฉันอยู่นี่ ฉันรู้จักร้านพิซซ่าร้านนึง ไปกินด้วยกัน"
แค่คำเชิญชวนไม่พอแต่ซองโซยังได้รับบลิ๊งค์ที่นึกไม่ถึงมาด้วย แต่มันก็ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแหละนะ เฟรนด์ลี่แบบแปลกๆ นะยัยฝรั่งดองนี่
"เออ ซองโซ"
"ว่า?"
"พรุ่งนี้มีปาร์ตี้วันเกิดบ้านโซยอนหลังเลิกเรียนนะ"
"โซยอนคือ?"
"เพื่อนฉันเองแหละ ปี 2 ห้อง D อยู่แต่หอมันน่าเบื่อ ไปด้วยกันนะ รับรองสนุก"
"ปาร์ตี้เนี่ยนะ? ไม่ใช่แนวฉันเลย แต่ ไปก็ได้" อยู่แต่หอมันก็น่าเบื่อเหมือนที่แชนนอนพูดจริงๆ นั่นแหละ
"Yes! งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนแต่งตัวสวยๆ นะ จะพาไปมันส์ วุ๊ฮู้วว์ ~"
"อืม" ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างจะเป็นไรไป
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาสัปดาห์กว่าจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ทั้งที่มันน่าเบื่อซะขนาดนั้น ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่ก็มีผู้ชายมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาหาซองโซ แต่ละเคสน่ารำคาญทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้เธอมีแรงจูงใจในการไปเรียนในแต่ละวันก็เห็นจะมีแค่แชนนอนและความใจดีของคุณครูมินฮยอกเท่านั้น
ในขณะนี้เธอกำลังนั่งรถคันหรูที่ทางบ้านของแชนนอนส่งมารับไปงานปาร์ตี้ในวันนี้ เธอกับแชนนอนเข้ากันได้ดีกว่าที่เธอคิดไว้ในตอนแรกซะอีก อย่างน้อยที่นี่ก็ยังมีอะไรดีๆ บ้างแหละนะ
"ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยซองโซ เรากำลังมาปาร์ตี้กันนะ ไม่ได้มางานศพ"
ซองโซส่งยิ้มที่ไม่เหมือนการยิ้มให้เพื่อนสาวแทนคำตอบ
"เอาน่า ไม่ว่าจะมีเรื่องขุ่นมัวอะไรในใจก็เก็บเอาไว้คิดทีหลังเถอะนะ แต่ตอนนี้ เราไปสนุกกันเถอะ"
ฝ่ามือของซองโซโดนชักจูงไปข้างหน้าโดยเพื่อนสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจราวกับว่านี่มันงานเทศกาลหนังที่เมืองคานส์อย่างไรอย่างนั้น เธอแอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นมาได้เช่นนั้น
"จอน โซยอน"
"ว่าไงพี่ยูค?" หญิงสาวเจ้าของวันเกิดเอ่ยตอบคนตัวสูง
"เธอชวน แชนนอน วิลเลี่ยมส์ แล้วช้ะ?" ยูคยอมรู้ว่าหญิงสาวลูกครึ่งเพื่อนร่วมห้องของตัวเองต้องมาที่นี่แน่นอน เพราะไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องรู้จัก จอน โซยอน หลานสาวสุดที่รักของตระกูลจอนที่โด่งดังอยู่แล้ว แต่เขาแค่ถามเพื่อเช็คดูสถานการณ์เฉยๆ เพราะงานๆ นี้ถ้าไม่ใหญ่โตมโหฬารสมชื่อเสียงแบบนี้น้องสาวคนสนิทของเขาก็คงไม่ต้องเรียกตัวเองว่าเป็นทายาทของตระกูลจอนแล้วแหละ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใคร ดังแค่ไหนก็ต้องอยากมาที่นี่
"ก็ชวนแล้วสิ เดี๋ยวถึงเวลาเขาก็มาเองแหละ ถามทำไม? อยู่ๆ พี่ก็ติดใจพี่รหัสฉันขึ้นมาเงี้ยหรอ?"
"ยัยนั่นเป็นพี่รหัสเธอจริงดิ?" ภายในตอนนี้สิ่งที่ไหลเข้ามาในความคิดของยูคยอมมีแต่ความสนุกสนานทั้งนั้น แบบนี้เขายิ่งหาทางทอดสะพานไปหา จอง ซองโซ ได้ง่ายขึ้นดิ ใครมันจะไปชีวิตดีเท่าแกได้อีกวะ คิม ยูคยอม "แต่เปล่า เพื่อนของยัยลูกครึ่งนั่นต่างหาก"
"อ่อ ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ต้องคนนั้นสินะ ไม่น่าล่ะถึงถามหา พี่นี่ไม่พ้นเรื่องชู้สาวจริงๆ" ตามจริงก็เบื่อหน่ายที่เห็นพี่ชายคนสนิทเปลี่ยนสาวไปมาราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ข้องใจอะไรหรอก เพราะถึงยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธออยู่ดี
คำพูดนั้นไม่ได้สะเทือนความมาดแมนของยูคยอมเลยซักนิด นั่นมันคือความภาคภูมิใจของผู้ชายอย่างเขาต่างหาก
"ฮาลโหล ผมยูคยอมนะครับ ช่วยจัดดอกไม้ให้ผมช่อนึงทีครับ..."
"จองกุก!"
ร่างหนาที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่งานเผยยิ้มอ่อนออกมาเมื่อหันมาเจอหญิงสาวที่ตนเองคุ้นเคยเป็นอย่างดี วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีดำที่ดูแฟนซีเล็กน้อย เธอดูดีเสมอไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนๆ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดมาตลอด
"วันนี้เธอสวยอีกแล้วนะมียอน"
คนโดนทักทายยิ้มชอบใจ จะให้เธอยืนนิ่งเฉยได้ยังไง ก็จองกุกน่ะคือคนโปรดของเธอเลยนะ
"ปากหวานจังเลยนะจองกุก ถ้าฉันเป็นแฟนนายแล้วนายพูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนนะฉันหึงตายเลย" ด้วยความคุ้นเคยคนตัวเล็กจึงเข้ามาเดินควงแขนร่างหนาโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง
"งั้นฉันก็โชคดีสินะที่โสด ไม่งั้นฉันคงโดนตามหึงทุกวันชัวร์เลย" จองกุกหัวเราะเล็กน้อย มันก็ซักพักใหญ่แล้วแหละที่เขาไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เขาสบายใจกับการอยู่คนเดียวในตอนนี้ ไม่ต้องมีใครมาคอยตามติดตามตื้อ หึงหวงและหาเรื่องปวดหัวมาใส่หัวเขา เขาพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้
ส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ก็คือ โช มียอน เธอคือลูกและหลานสาวคนเดียวของตระกูลโชซึ่งถือหุ้นใหญ่ในบริษัทของพ่อเขา เพราะฉะนั้นถึงเขาจะไม่ได้สนิทกับมียอนเท่าที่ควร แต่เธอก็ไม่ใช่คนไกลตัวที่ไหนสำหรับเขาเลย
"Do you love me
Do you love me
Do you love me like the way I love you babe ~"
เสียงเพลงดังก้องทั่วทุกตารางนิ้วของพื้นที่ แขกในงานต่างก็สนุกสนานในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้น ส่วนแชนนอนก็ยิ้มแย้มให้คนแปลกหน้าพวกนี้ไม่หยุดหย่อนอย่างกับว่านี่คือปาร์ตี้ของตัวเอง เพื่อนเธอรู้จักคนเยอะกว่าที่เธอคิดไว้ซะอีก
"แชนนอน ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"
"งั้นเจอกันหน้าเวทีนะ อีก 5 นาทีโซยอนก็จะเป่าเค้กละ"
"อืม"
ซองโซตัดสินใจแยกตัวออกมาจากความวุ่นวายทั้งหมด ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกรึเปล่าที่พาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่อีกซักหน่อยปารตี้ก็จะจบแล้วแหละ อีกไม่นานก็จะได้กลับหอแล้ว ซองโซปลอบใจตัวเองแบบนั้น
ตุ้บ!
"โอ๊ย"
เพล้ง!
"บ้าเอ๊ย! นี่เดินไม่รู้จักดูทางรึไงห๊ะ?? โค้กเปื้อนชุดฉันหมดแล้ว!"
"โทษที ฉันไม่ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา นึกว่าไม่มีใครอยู่ในนี้" ซองโซกล่าวขอโทษคนที่เธอเพิ่งเปิดประตูออกมาชน
ฝ่ายตรงข้ามมองเธออย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
"ฮึ่ ไม่เป็นไร"
'ไม่เป็นไร' งั้นเราก็ไม่มีอะไรค้างคาใจกันแล้วสินะ
"เดี๋ยวก่อน เธอคือ จอง ซองโซ เด็กใหม่ที่เป็นลูกเลี้ยงของคุณอา คิม ฮยอนจุง สินะ"
"..."
"ฮ่ะๆๆ ไม่น่าล่ะออร่าลูกเมียน้อยวิบวับเชียว อยู่ในฐานะแบบเนี้ยอะ มีความสุขกันป้ะ? ทั้งแม่ทั้งลูกเลย"
"..."
"แต่ก็อ่ะนะ หนูอ่ะ ถึงจะตกลงไปในถังข้าวสารแต่มันก็คงไม่เอะอะโวยวายอะไรหรอก เพราะมันรู้ดีว่าถึงจะติดอยู่ในนั้นก็อยู่รอดได้เหมือนเดิมเพราะมีคนให้เกาะ"
นี่สินะหนึ่งในบททดสอบที่เธอต้องเจอในฐานะคนที่เรียนในที่ที่มีแต่ลูกคนหญิงคุณนายที่นิสัยทรามๆ ของพวกเขาคือสิ่งที่หาได้ทั่วไป
"ซองโซ เร็วเข้าๆ โซยอนจะเป่าเค้กละ"
หลังจากเสร็จธุระซองโซก็เดินกลับมาหาเพื่อนสาวที่จุดนัดพบ เธอโมโหเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เพราะการถกเถียงกับมนุษย์ตนอื่นในคืนๆ นี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอเฝ้ารอคอยเธอจึงเลือกที่จะไม่โต้ตอบกลับไป เพราะเธอเชื่อว่าคำพูดถากถางใจแบบนั้นมันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกที่เธอจะได้ยินมัน เธอควรทำตัวให้ชินจะได้ไม่สะเทือนใจเมื่อครั้งต่อไปเกิดขึ้น
"ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่มาวันเกิดโซยอนในคืนนี้ งั้นโซยอนขออธิษฐานก่อนนะ จะได้รีบเป่าเค้กแล้วได้รีบประกาศรายชื่อของคนที่ได้ตำแหน่งคิงและควีนในวันนี้"
"Make a wish!, make a wish!, make a wish!"
"นี่ที่มีอะไรแบบนี้ด้วยหรอแชนนอน?"
"มีสิ สองชายหญิงที่ดูดีมีออร่าที่สุดในคืนนี้จะโดนโหวตให้ได้รับตำแหน่งนั้นไป แต่ละคนที่เคยได้รับตำแหน่งนี้ไปต่อมาก็จะมีชื่อเสียงกันมากขึ้นเพราะทุกคนจะเริ่มให้ความสนใจเพียงเพราะแค่ตำแหน่งเดียวนั่นที่ควงไปในคืนนี้"
ซองโซขมวดคิ้ว นี่มันงานเต้นรำจบการศึกษาเหมือนที่อเมริกากันรึไง พวกลูกคุณหนูนี่ชอบทำอะไรที่เว่อร์วังอลังการกันจริงๆ
5 นาทีที่แล้ว
"โซยอน เธอจำได้ใช่มั้ยว่าถ้าเวลามาถึงแล้วเธอต้องประกาศชื่อใครให้เป็นคิงและควีน?"
"เฮ่อ พี่นี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลยพี่ยูคยอม"
"ว่าไง? ตกลงป้ะ? เดี๋ยวพี่ให้ของขวัญวันเกิดเธอยิ่งใหญ่กว่าเดิมสองเท่าเลย จะเอาป๊ะล่ะ?"
"อือๆๆๆๆ เข้าใจละน่า" คนอย่าง จอน โซยอน ไม่เคยทำอะไรเพื่อผลตอบแทนอยู่แล้ว ตามจริงแค่ยูคยอมขอเธอดีๆ โดยไม่เอาอะไรมาล่อหูล่อตาเธอก็ทำให้ได้อยู่แล้วแหละ แต่เพราะยูคยอมเป็นคนแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยไงเธอถึงได้เบื่อหน่ายกับสถานการณ์เดิมๆ เช่นนี้
"มีอะไรรึเปล่าโซยอน มีอะไรไม่สบายใจหรอ?" จองกุกที่เห็นหลานสาวลูกพี่ลูกน้องคุยกับเพื่อนรักของตัวเองด้วยสีหน้าที่ดูไม่โอเคนักก็ได้เดินเข้ามาสมทบในบทสนทนานี้ด้วย
"ก็พี่ยูคยอมน่ะสิมาบังคับให้น้องประกาศชื่อตัวเองกับรุ่นพี่เด็กใหม่ให้เป็นคิงกับควีนทั้งที่ผลโหวตมันก็ออกมาแล้ว เฮ่อห์ เพื่อนพี่นี่น่ารำคาญจริงๆ เลย"
เพื่อนของเขาคงจะสนใจเด็กใหม่ จอง ซองโซ นั่นจริงๆ สินะ ดูจากช่อดอกไม้ใหญ่ในมือมันก็รู้
"ตามจริงน้องก็ไม่ติดหรอกที่มาขอให้รุ่นพี่ จอง ซองโซ ได้ตำแหน่งนี้ไป เพราะรายชื่อที่ออกมามันก็บอกแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ที่มาขอให้ตัวเองได้เป็นคิงนี่สิโอ๊ยยย หมดกันชื่อเสียงปาร์ตี้น้อง ไปละ ขี้เกียจคุยด้วย"
"ย่าห์ จอน โซยอน นี่พี่นะ ลืมไปแล้วหรอว่ารุ่นพี่น่ะมีไว้ให้เคารพนะโว่ยย โธ่ จริงๆ เลยน้องมึงเนี่ย แล้วไอ่แบมตอนไหนมันจะกลับมาวะ ขี้เพลินจนตกส้วมไปแล้วล่ะมั้งเนี่ย"
"มึงคิดดีแล้วหรอจะไปจีบยัยเด็กใหม่นั่น? ท่าทางเย่อหยิ่งขนาดนั้นกูว่าคงฟาดดอกไม้มึงทิ้ง"
"มึงก็รู้จักกูนะไอ้กุก ดอกกุหลาบที่มันหนามเยอะๆ เนี่ยแหละยิ่งสวยงาม มึงคอยดูสิ ยากๆ แบบนี้แหละกูพนันเลยว่าถ้าได้ลิ้มลองความเย้ายวนของกูแล้วนะจะต้องคลานเข่ากลับมาหากูแน่นอน จากผีเสื้อทั้งหลายที่ทำได้แค่บินวนดอกไม้กลิ่นหอมยียวนนั่นเพียงเพราะหนามที่ป้องกันมันแหลมคมเกินไปกูก็จะได้เป็นผีเสื้อตัวแรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติของเกสรอันหอมหวานนั่น แค่คิดก็สนุกละ" ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขามั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองและไม่มีเหตุผลที่จะต้องลังเล เพราะผู้หญิงก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ตอนแรกก็ทำเป็นเล่นตัว แต่พอมีสิ่งน่าสนใจมาล่อตาล่อใจก็พังกำแพงของตัวเองลงมากันหมดทั้งนั้น
จองกุกมองไปยังร่างบางที่ดูสง่างามในทุกอริยาบทแต่ดวงตากลับดูว่างเปล่าเหมือนทุกครั้งที่เขามองไปยังใบหน้าสวยนั่น เขาไม่ได้เห็นใจอะไรเธอมากมายหรอก แค่แอบสงสารที่เป้าหมายของเพื่อนรักในครั้งนี้กลับเป็นสมาชิกจากห้องเดียวกันกับเขาเท่านั้นเอง
"น่าเสียดาย เธอนี่โชคไม่ดีเอาซะเลย จอง ซองโซ"
"อะแฮ่ม เอาล่ะนะ งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้โซยอนประกาศรายชื่อคิงและควีนในคืนนี้ของเราเลยดีกว่า ซึ่งก็คือ... รุ่นพี่ คิม ยูคยอม และ รุ่นพี่ จอง ซองโซ นั่นเอง!"
สปอทไลท์ถูกสาดส่องมาที่ซองโซ เสียงเชียร์เฮฮาก็ดังไปทั่วฮอลล์ ผู้คนในงานต่างเผยรอยยิ้มอันกว้างใหญ่เมื่อมองมาที่เธอราวกับว่าพวกเขาภูมิใจที่คนที่ได้ตำแหน่งนี้ไปคือเธอ
"ดีใจด้วยนะซองโซ เธอคือควีนของคืนนี้! รีบๆ ขึ้นเวทีไปรับตำแหน่งสิ" แชนนอนที่ดีใจยิ่งกว่าใครผลักดันให้เพื่อนสาวรีบไปรับตำแหน่งอันน่ายินดีนี้
ในที่สุดซองโซก็ได้ขึ้นมายืนบนเวทีโดยไม่มีเวลาให้ตั้งตัวด้วยซ้ำ เสียงร้องฮือฮาขึ้นอีกครั้งเมื่อคนที่ควบตำแหน่งคิงได้เดินออกมาจากหลังเวที
เฮ่อะ คิม ยูคยอม ไอ้หน้าม่อนั่นได้ตำแหน่งนี้ควบคู่กับเธอไปงั้นหรอ น่าภูมิใจดีนะ
ตรงกันข้ามกับซองโซ แน่นอนว่ายูคยอมดีใจยิ้มปริ่มด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
"ทั้งสองคนรู้สึกยังไงครับที่ได้รับตำแหน่งนี้คู่กัน?" พิธีกรหลักของงานตั้งคำถามตามที่เขียนไว้ในสคริปต์
"อย่างแรกนะครับ ต้องขอบคุณทุกคนเลยที่มองเห็นความเหมาะสมของผมกับตำแหน่งนี้แล้วทำให้ผมได้มันมา ผมภูมิใจมากจริงๆ ครับ"
จองกุกกับแบมแบมที่ยืนมองอยู่ด้านข้างของเวทีแอบหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นโซยอนแอบทำสีหน้าพะอืดพะอมกับคำกล่าวของยูคยอมแต่กลับยิ้มแย้มเมื่อหันกลับไปหาทุกคน
"ไอ้ยูคแม่งเฟคสัสๆ ผู้หญิงยังตอแหลได้ไม่เนียนเท่ามันเลย"
"มึงก็รู้จักมันดีนะไอ่แบม ทุกอย่างสำหรับมันคือเกมส์"
"แล้วรุ่นพี่ซองโซล่ะครับรู้สึกยังไงกับการได้ตำแหน่งนี้ไป?"
"ก็... ดีใจในระดับนึงค่ะ"
"แต่สงสาร จอง ซองโซ ว่ะ ถ้าเขาไม่รับรักมันไอ้ยูคมันต้องไม่จบแค่นี้แน่ คนที่เคยปฏิเสธมันไม่เคยจบสวยเลยซักราย แล้วจากที่ดูแล้วเพื่อนร่วมห้องมึงก็แสดงออกชัดเจนด้วยว่าไม่ชอบมัน เพราะฉะนั้นโอกาสที่ซองโซจะปฏิเสธมันมีสูงแน่นอน ไอ้ยูคนี่ดันทุรังจริงๆ นี่มึงไม่สงสารเพื่อนร่วมห้องมึงบ้างเลยหรอ?"
จองกุกนิ่งคิดอยู่ซักพักก่อนจะตอบออกไป
"แต่ถึงยังไงไอ้ยูคมันก็เพื่อนเรา"
"เออ นั่นสินะ ถึงยังไงเพื่อนก็มาก่อนทุกอย่างอยู่ดี" บางครั้งแบมแบมก็อยากจะโยนคติประจำกลุ่มนี้ทิ้งไป เพราะอะไรงั้นหรอ? คำตอบสำหรับคำถามนั้นมันคงไม่ยากหรอก
พอเสร็จการรับมง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของซองโซก็คือต้องออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ให้เร็วที่สุด
"เดี๋ยวก่อนสิซองโซ"
แต่เมื่อก้าวได้ไม่ถึง 5 ก้าวเลยก็โดนคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าที่สุดในตอนนี้รั้งไว้ต่อหน้าต่อตาของทุกคน เขาเดินเข้ามาหาเธอ
"คือว่าผมมีอะไรจะบอกให้คนได้รับรู้น่ะครับ"
บรรยากาศเงียบกริบ เพราะในตอนนี้ คิม ยูคยอม เป็นคนพูดทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอฟังสิ่งที่จะถูกกล่าวออกมา
ร่างบางที่เป็นเป้าหมายสายตาของทุกคนมองหน้าร่างสูงด้วยความไม่เข้าใจ จะมาไม้ไหนอีก คิม ยูคยอม
"คือเรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อผมเจอหน้าผู้หญิงคนนึงอยู่ๆ ความรู้สึกใจเต้นแรงที่ไม่ได้มีมานานมันก็เกิดขึ้นครับ"
เขาเดินไปมารอบตัวเธอราวกับว่าเวทีนี้เขาเป็นคนครองมันเอง
"ในแต่ละวัน และแต่ละคืนของผม ผมก็ได้แต่ใช้มันไปในการคิดถึงเธอ หัวใจผมเจ็บปวดมากครับ ถ้าผมไม่ได้บอกรักเธอในคืนนี้หัวใจผมคงทนไม่ได้แน่ๆ"
เขารับช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาไว้ในมือ มองไปยังใบหน้าสวย พร้อมกล่าวประกาศสิ่งที่คิดไว้ในใจด้วยรอยยิ้มละมุนละไม
"และเธอคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ"
เสียงกรี๊ดกร๊าดเฮฮาดังสนั่นไปทั่วฮอลล์ คงจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้ยินดีกับสถานการณ์ในตอนนี้เช่นซองโซ
"ถึงมันจะเร็วไปหน่อย แต่เธอก็คือรักแรกพบของฉัน เธอคือความรักของฉัน รับรักฉันด้วยนะ จอง ซองโซ" ยูคยอมลงไปนั่งคุกเข่าพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ไปให้เป้าหมายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
แชนนอนตาโตกับสถานการณ์ตอนนี้ด้วยความขยะแขยง คิม ยูคยอม กล้าดียังไงมาทำเป็นสารภาพรักกับเพื่อนรักของเธอแบบนี้ เพราะเธอตัวติดกับซองโซตลอดถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ คิม ยูคยอม พูดออกมานั่นมันเฟคทั้งนั้น
ซองโซยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะรับช่อดอกไม้มา
ยูคยอมยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ แผนของเขาได้ผล
แต่เสียงฮือฮากลับดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอโยนช่อดอกไม้ของเขาทิ้งลงพื้นด้านล่าง เห็นจะมีแค่แชนนอนเท่านั้นที่ยิ้มชอบใจกับสถานการณ์นี้
"นี่เธอทำอะไรของเธอเนี่ยซองโซ??" ยูคยอมพยายามข่มเสียงไม่ให้มันฟังดูห้วนจนเกินไปทั้งที่ในใจเขาแทบลุกเป็นไฟแล้วที่ซองโซฉีกหน้าเขาต่อหน้าทุกคนแบบนี้
"ฮึ่ ฉันคือความรักของนายงั้นหรอ? แต่ฉันว่าไม่ใช่นะ นายไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ คิม ยูคยอม แต่ฉันกลับบังเอิญรู้จักนายมากกว่าที่นายรู้จักฉันน่ะสิ"
ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปม เขากำลังรู้สึกไม่ปลอดภัยกับสิ่งที่ซองโซพูดออกมา ความรู้สึกบางอย่างบ่งบอกว่าเขากำลังเสียเปรียบเธออยู่
"เมื่อไม่กี่วันที่แล้วฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาดูดี มีฐานะ และที่สำคัญ เขาสนใจในตัวฉันมาก เขาพยายามทำสารพัดทางเพื่อที่จะให้ฉันสนใจเขาขึ้นมาบ้าง แต่พอฉันไม่เล่นตามเกม เขาที่หัวของเขาก็เริ่มงอกขึ้นมาแสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ด้านดีๆ ที่เขาทำงานหนักเพื่อเฟคให้ฉันเห็นในช่วงแรกๆ ก็หายไป เหลือแต่ความจริงอันเน่าเฟะที่เล็ดลอดออกมาเท่านั้น"
ยูคยอมร้อนใจใหญ่ นี่เธอพูดเรื่องอะไรของเธอกัน
"ถ้าเมื่อวานฉันไม่เดินผ่านห้องน้ำชายที่โรงเรียนที่เขากำลังจับกลุ่มคุยกันกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาอยู่ฉันก็คงไม่ได้ยินความจริงที่อยู่ในใจของเขาตลอดมา"
ซองโซจ่อโทรศัพท์มือถือของตนเองไปที่ปากไมค์แล้วกดเล่นเสียงที่เธอได้บันทึกไว้
'- ยัยเด็กใหม่หยิ่งขนาดนั้นมึงจะจีบนางติดหรอวะ?'
'- มันจะยากอะไรไป ผู้หญิงมันก็ง่ายเหมือนกันหมดนั่นแหละ
แค่มีของสวยๆ งามๆ มาล่อ แค่นั้นก็รอถ่างขาให้เราแทบไม่ไหวแล้วว่ะ กูเจอมาเยอะละ เชื่อกูสิ 55555'
'- อีกอย่าง ยากแบบนี้แหละกูชอบ เพราะถ้าง่ายใครจะอยากเอาวะ ไม่สนุก แถมเสียเวลา
คอยดูเถ๊อ เล่นตัวดีๆ แบบนี้แหละถ้าได้ yed แล้วนะกูจะเฉดหัวทิ้งทันทีแม่งเลย'
'- เอ๊ หรือจะเก็บภาพกิจกรรมเร่าร้อนในครั้งนั้นไว้ดูเล่นเป็นอาหารตาด้วยดีน๊าา
พวกมึงสนใจป้ะ?'
'- 55555555555555'
คลิปเสียงอันฉาวโฉ่ถูกปิดลงเพียงแค่เท่านี้พร้อมกับรอยยิ้มยียวนที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
"คนรักกันเขาไม่ได้คิดแค่เรื่องแบบนั้นกันหรอกนะ คิดหรอว่าฉันจะไม่รู้ว่าที่นายเข้ามาหาฉันน่ะเพราะอะไร?"
"นี่มันมากเกินไปแล้วนะ จอง ซองโซ!! เธอกล้าทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน??!!" ร่างสูงคว้าแขนอีกคนไว้ด้วยโทษะ
"นายมันน่าขยะแขยง คิม ยูคยอม"
ร่างบางสะบัดแขนของคนน่ารังเกียจออกแล้วเดินตามทางไปด้วยท่าทางของคนที่กุมชัยชนะไว้
ปฏิกิริยาของคนในงานที่มอง คิม ยูคยอม ในตอนนี้ล้วนแต่เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหลังมือ หมดกันภาพลักษณ์สุดเท่ห์ที่เขาสะสมมา
"- นั่นคือเสียงของ คิม ยูคยอมจริงๆ นี่นา"
"- ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้ หนอยแน่ะ ฉันก็หลงเชื่อมาตั้งนานว่าเป็นคนดี แต่ความจริงอ่ะ เน่าจนเปื่อย!"
"- ไอ้บัดซบ แกมันหน้าตัวเมีย!"
เพละ!
เค้กที่เหลือชิ้นแรกโดนเขวี้ยงใส่หน้าผากของยูคยอมอย่างจัง
"ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ?? เสื้อกูแพงนะเว่ย อยากตายแม่งหรอวะ???"
"แค่นี้มันยังน้อยไป ไอ้หน้าตัวเมีย!"
เพละ!
"โอ๊ย ไอ่สัส! พูดไม่รู้- โอ๊ยย!!"
เพละ!
"ไอ้หน้าตัวเมีย!, ไอ้หน้าตัวเมีย!, ไอ้หน้าตัวเมีย!"
เค้กทุกชิ้นที่หลงเหลืออยู่ถูกปาใส่ยูคยอมเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกเสียงในฮอลล์ต่างค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงเดียวกันหมด ไม่มีอีกแล้วความเคารพนับถือที่คนอื่นๆ มีให้เขา เหลือแต่ความรู้สึกเกลียดชัง ความขยะแขยงเท่านั้นที่ทุกคนมีไว้หลงเหลือให้กับเขา ตอนนี้เขาเสียเซลฟ์อย่างแรง อยากจะตะโกนด่าทุกคนที่ทำไม่ดีกับตัวเองจนสุดแรงแต่ยูคยอมก็จำเป็นต้องหนีออกมาจากที่นั่นก่อนที่สภาพเขาจะเละไปกว่านี้
"โธ่เว้ย! ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึง!"
เมื่อแน่ใจว่า คิม ยูคยอม ได้วิ่งหางจุกตูดหนีไปในสภาพเละตุ้มเป๊ะแล้วซองโซและแชนนอนถึงได้ออกจากงานไปพร้อมกับเสียงหัวเราะแห่งความสะใจ
"สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเพื่อนรักของ แชนนอน วิลเลี่ยมส์ ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้อย่าให้ได้เจออีกเลยเถอะ เป็นเสนียดชีวิตเปล่าๆ"
แผนการนี้แชนนอนเป็นคนคิดมันขึ้นมาเองแหละ ตั้งแต่ที่เพื่อนรักเอาคลิปเสียงอันบัดซบนั่นมาเปิดให้ฟังเธอก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป คิม ยูคยอม ตามรังควานเพื่อนของเธอตั้งแต่วันเปิดเทอมแล้วและเธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีวันถอยง่ายๆ แน่ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอจึงแนะนำให้ซองโซเปิดเผยคลิปเสียงนั่นเมื่อถึงเวลาอันควร เอาให้ไอ้ผู้ชายที่มันคิดเป็นแต่เรื่องบัดซบแบบนั้นมันอับอายขายขี้หน้าครั้งเดียวไปเลย จบ
อย่างแรกเลย การทำแบบนั้นจะทำให้ คิม ยูคยอม ไม่กล้ามายุ่งกับเพื่อนของเธออีก ก็ไม่มีที่ให้ไว้หน้าขนาดนั้น ใครไม่อยากเอาปี๊บมาคลุมหัวตัวเองก็ให้มันรู้ไป
อย่างที่สอง... ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่สะใจที่ผู้ชายอย่าง คิม ยูคยอม ได้รับรู้ซักทีว่าโลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเอง ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของเขาเสมอไป โดยเฉพาะเรื่อง เลวๆ แบบนั้น
"ขอบใจนะแชนนอน ถ้าฉันไม่ทำอย่างที่เธอบอกป่านนี้นายนั่นก็ยังคงตามมารังควานฉันอยู่"
"ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะตัวคนเดียวนะ ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอเอง"
"เหี้ยเอ๊ย!"
เพล้ง!
เสียงขวดเหล้าราคาแพงกระทบกับกระจกบานใหญ่ดังขึ้น
"ไอ่ยูค ใจเย็นๆ สิวะ นั่นกระจกที่แม่มึงให้มานะเว่ย" แบมแบมที่เห็นเพื่อนรักโวยวายไม่หยุดตั้งแต่กลับคอนโดมาก็พลางไม่สบายใจไปด้วย
"มึงจะให้กูใจเย็นได้ยังไง นี่รอบที่ห้าร้อยแล้วที่มีคนมาคอมเมนท์ด่ากูในทวิต" ชายร่างสูงในผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวเพราะเพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำโต้ตอบอย่างหัวเสีย กว่าเขาจะชำระเค้กออกจากร่างกายให้มันสะอาดหมดจดเหมือนในตอนนี้ได้ก็ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมงแล้ว เรื่องเหี้ยๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นกับเขาได้ยังไงกัน!
#KimYuGyeomTheD_ck2015
เทรนด์นี้มาแรงจริง จากที่ผ่านไปได้แค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ จำนวนรีทวีตก็ขึ้นเป็นหลักพันแล้ว จองกุกเข้าใจที่เพื่อนจะหัวเสียมากขนาดนี้ ในชีวิตยูคยอมไม่เคยเจอวิกฤติใหญ่โตแบบนี้มาก่อน
อีกทางเขาก็เข้าใจ จอง ซองโซ ด้วยที่คงรำคาญเพื่อนเขาไม่น้อยเหมือนกัน แต่การขายหน้ากันกลางฝูงชนแบบนั้นมันก็เกินไปจริงๆ
"ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำบัดซบกับกูขนาดนั้นเลย" แล้วแบบนี้เขาจะกลับไปเชิดหน้าชูตาที่โรงเรียนต่อได้ยังไงกัน ไอ้พวกหมาหมู่มันต้องหัวเราะเยาะเขาแน่ๆ สาวๆ ก็จะมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร ทุกคนจะเห็นเขาเป็นตัวประหลาด เขาก็จะมีประวัติติดตัวตลอดไป แม่งเอ๊ย!
"เขาคงไม่ชอบที่มึงไปตามตื้อเขาแบบนั้น กูบอกมึงแล้ว จอง ซองโซ น่ะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น"
"แล้วไง?? แล้วยัยนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาฉีกหน้ากูต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น เห็นพูดน้อยแบบนั้นบิทชี่ยิ่งกว่าผู้หญิงร่านๆ ที่กูเคยเจอซะอีก"
ร่างสูงเปิดเหล้าอีกขวดแล้วกระดกมันลงในลำคอราวกับว่านี่คือน้ำเปล่า ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยไฟแห่งโทษะ สิ่งที่อยู่ในหัวเขาตอนนี้มีแต่ความเคียดแค้น
"แต่คิดหรอว่ากูจะจบแค่นี้ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับคนอย่างกู" ยูคยอมยิ้มร้าย เขาต้องเอาคืนให้สาสมที่สุด จอง ซองโซ จะต้องได้ลิ้มรสชาติเดียวกับที่เธอยัดเยียดให้เขา เธอจะต้องอับอายขายหน้าจนตายทั้งเป็นเหมือนที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้
"มึงจะทำอะไรเด็กใหม่??" แบมแบมมองหน้าจองกุก เขารู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ เพื่อนรักเขายิ่งชอบเล่นอะไรใหญ่ๆ อยู่ด้วย จอง ซองโซ ซวยแล้ว
"ก็... กูก็ไม่ได้จะทำอะไรมากมายหรอก กูจะคอยดูอยู่ห่างๆ แต่คนที่จะทำน่ะ คือไอ้กุก"
แบมแบมมองหน้าเพื่อนรักทั้งสองสลับกันไปมาพร้อมกับความไม่เข้าใจ
"มึงหมายความว่าไง??"
"กูจะแก้แค้น จอง ซองโซ ให้สาสมกับที่นางทำกับกู และไอ้กุก มึงจะต้องช่วยกู"
"ช่วยยังไง?" ถึงจะไม่วางใจในแผนของยูคยอม แต่จองกุกก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนต้องการคืออะไรกันแน่
"มึงจะต้องทำให้ยัยนั่นรักมึงจนหัวปักหัวปำ พอเสร็จแล้วมึงก็ทิ้งนางไป"
- - - - - 100% - - - - -
ปล. ไรท์เขียนคำหยาบบางคำไม่ได้เลยต้องเขียนบิดเบือนคำจริงไปนิดนึงนะ
เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นตัว x แบบนี้
Cho Miyeon
โช มียอน
Jeon Soyeon
จอน โซยอน
Lee Seokmin
อี ซอกมิน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น