ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    | Taehyung X You | Playing With Fire เล่นกับไฟ

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter #2 I Like It

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 64







         Part: Taehyung 



                   เฮ่ออห์ 


                   น่าเบื่อจริงๆ เปิดเทอมแล้ว ถามว่าผมอยากไปมั้ย... ไม่ ผมไม่อยากไป ผมไม่อยากตื่นแต่เช้า และไม่อยากไปเจอคนที่มหาลัยด้วย ทุกอย่างมันน่าเบื่อไปหมด และเมื่อคืนผมก็ดื่มไปซะดึกอีก ยังต้องมาตื่นแต่เช้าอีก แทบจะเมาค้าง ทำไมชีวิตผมถึงต้องมาน่าเบื่อแบบนี้ด้วย! 


                   ผมที่ตอนนี้กำลังจะรีบขับรถออกจากตัวคอนโดเพื่อมุ่งหน้าไปที่มหาลัยก็นึกขึ้นมาได้ซะก่อนว่าลืมอะไรบางอย่างไว้ที่ห้อง ผมคลำดูตามตัวๆ เอง ก็ไม่เจอ โถ่เว้ย! คนยิ่งรีบๆ อยู่ ดันมาลืมโทรศัพท์ไว้ซะงั้น 


                   ผมรีบวิ่งเข้าลิฟท์แล้วตรงมายังห้องตัวเองที่อยู่ชั้น 11 ทันที ผมรีบแตะคีย์การ์ดแล้ววิ่งตรงมายังห้องน้ำที่ลืมโทรศัพท์ไว้ทันที 


    "Don't You Give Up, nah-nah-nah
    I Won't Give Up, nah-nah-nah
    Let Me Love You
    Let Me Love You ~"


                   เสียงโทรศัพท์ผมมันแผดเสียงร้องขึ้นมา ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างๆ ซิงค์ล้างมือขึ้นมาดู 





    'Your Most Handsome Freind Chimchim'



                   ไอ้จีมิน โทรมาทำไมตอนนี้วะ คนกำลังรีบ แล้วนี่อะไร มันแอบเปลี่ยนรูปมันอีกแล้ว เทอมที่แล้วยังใช้รูปอื่นอยู่เลย ขนาดผมแอบเปลี่ยนมาเป็น 'ไอ้เตี้ย Jimnie' แล้วนะ สงสัยมันแอบเปลี่ยนกลับเมื่อคืนตอนที่อยู่ร้านเหล้า แล้วอีกอย่าง 'Friend' แม่งก็เขียนไม่ถูกยังเสือกมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษอีก ไอ้เตี้ยเอ๊ย เหอะ เผลอไม่ได้เลย จับโทรศัพท์คนอื่นเหมือนเป็นของตัวเอง เพราะแบบนี้แหละผมเลยเก็บความลับอะไรไม่อยู่เลย เพราะมันรู้รหัสโทรศัพท์ผม แต่ช่างเหอะ ยังไงผมก็ไว้ใจมันได้ล่ะวะ 



    .
    .
    .



                   ตอนนี้ผมขับรถออกมาจากตัวคอนโดแล้ว กี่โมงแล้วเนี่ย จะสายรึเปล่า 


                   ผมมองดูนาฬิกา ตอนนี้ที่หน้าจอโทรศัพท์มันบอกว่าเป็นเวลา 08:57 ผมคงสายแล้วแหละ เพราะตอนเช้าแบบนี้รถมันก็ยังพุ่งพล่านอยู่ แต่ก็ดีที่คอนโดผมอยู่ใกล้ ม. ถ้ารถไม่ติดก็คงถึงภายในไม่ถึง 5 นาที 


                   [ตื๊ดดดด... ตื๊ดดดด... ตื๊ดดดด... ยอโบเซโย ~] 


                   "มึงมีอะไร?" 


                   [กูโทรไปทำไมไม่รับ?] 


                   "กูรีบอยู่ สรุปมึงมีอะไร?" 


                   [แหม คุณชายแท อย่าทำเสียงหงุดหงิดสิครับ กูก็แค่โทรมาเช็คดูว่ามึงฟื้นจากโรงรึยัง งั้นที่มึงรีบแบบนี้ก็แสดงว่ามึงเพิ่งลากสังขารออกจากโรงมาได้สินะ จนอาจารย์จะเข้าคลาสละยังไม่ถึงอีก เดี๋ยว จอง จูริ ก็แหกอกมึงหรอก เขายิ่งบอกว่าโหดๆ อยู่] 


                   "เออ กูรู้แล้ว" 


                   [มึงรีบมาเลย ปล่อยให้กูรออยู่คนเดียวตั้งแต่ 8 โมงครึ่งได้ไง มึงนี่ใจร้ายกับเพื่อนตัวเองมากนะ ดีนะที่ยังมีสาวๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนกู ไม่งั้นกูเหงาแน่เลย] 


                   "เหงาดากน่ะสิ เลิกบ่นเหมือนแม่กูได้แล้ว แค่นี้แหละ" 


                   ฟู่วว์ ผมวางสายจากไอ้จีมินไปพลางตาก็มองหาที่ว่างข้างๆ ตึกเพื่อที่จะจอดรถ นั่นไงรถมัน ผมจอดตรงข้ามกับมันนี่แหละ 


                   ผมก้าวลงจากรถพร้อมกับเดินอ้อมตึกมายังข้างหน้าเพื่อที่จะขึ้นไปเข้าคลาสที่อยู่ชั้น 2 ระหว่างทางผมก็เห็นผู้หญิงหลายคนที่มองมาทางผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บางคนก็แอบกรี๊ดที่ได้เห็นหน้าผม บางคนก็ทักผมเพราะอยากเริ่มต้นบทสนทนา ผมเจอแบบนี้บ่อยจนชินไปแล้ว และผมก็ไม่ได้อยากคุยกับใครด้วย ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงเฟรนด์ลี่มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ไม่มีอารมณ์ 


                   "แทฮยองจะเข้าคลาสแล้วหรอ เรียนกี่โมงอ่า?" 


                   "ไม่เจอตั้ง 2 เดือนยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะแทฮยอง ^^" 


                   "เฮ้ยยแก! นั่นไงพี่แทฮยอง ปี 2 ตัวจริงหล่อมากเลยอ่าา กรี๊ดดดด" ... "เฮ้ยจริงๆ ด้วย ตัวจริงหล่อกว่าในทวิตอีกว่ะแก คุ้มจริงๆ ที่มาดักรอดูตรงเนี้ยอะ อร๊ากกกก"


                   "อ้าวแทฮยอง เรียนห้องไหนอะ ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนมั้ย? จะได้มีเพื่อนเดิน ^^" 


                   "ไม่เป็นไรครับ ผมจะถึงห้องแล้ว" ตลอดทางที่เดินมาผมก็โดนทักอยู่หลายครั้งแต่ผมก็แค่ยิ้มบางๆ ให้ผู้หญิงพวกนั้นและก็ปฏิเสธความมีน้ำใจของรุ่นพี่คนนั้นแล้วรีบเดินไปคลาสตัวเองต่อจนตอนนี้ก็มาถึงห้องแล้ว 


                   "นักศึกษาคนสุดท้ายที่เข้ามาในห้อง ยืนขึ้น" 


                   ผมที่เพิ่งนั่งลงข้างไอ้จีมินได้ไม่ถึง 5 วิ ก็ต้องลุกขึ้นมายืนอีกครั้งเพราะเสียงเรียกของอาจารย์จูริที่เขาว่ากันว่าโหดนักโหดหนา นักศึกษาในห้องก็มองมาที่ผมกันหมด


                   "บอกชื่อเธอมา" 


                   ผมกับไอ้จีมินมองหน้ากัน สีหน้าของมันตอนนี้กำลังบ่งบอกผมว่า 'โชคดีด้วยเพื่อน มึงโดนเข้าแล้วแหละ' พร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ เฮ้ออห์ โดนจริงๆ สินะกู ตั้งแต่คลาสแรกเลย 


                   "คิม แทฮยอง ครับ" 


                   "บ้านเธอไม่มีนาฬิกาหรือไง ทำไมถึงมาสาย? รู้ไหมว่ามันเสียเวลาคนอื่น และมันก็ยังเสียเวลาของตัวเธอเองอีกด้วย" 


                   "ขอโทษครับ ผมมาสายเพราะรถมันติด" 


                   "ทีหลังถ้าเธอรู้ว่ารถมันติดก็ต้องเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ นักธุรกิจที่ดีต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลา ไม่งั้นเธอจะอยู่ในวงการธุรกิจไม่ได้ เข้าใจไหม?" 


                   "เข้าใจครับ" 


                   "นั่งลงได้" 


                   ผมโค้งหัวให้อาจารย์ขี้บ่นคนนี้แล้วนั่งลงพร้อมกับถอนหายใจ 


                   "กูบอกมึงแล้วว่าอย่าดื่มหนัก ถึงมึงเมาหมาไม่แดกมันก็ทำให้มึงลืมเขาไม่ได้หรอก วันว่างๆ ก็ไม่ดื่ม เสือกมาดื่มหนักๆ เอาทีเดียวตอนวันจะเปิดเทอม บอกให้กลับตั้งแต่เที่ยงคืนแต่เสือกกลับ ตี 2 แล้วก็มาเหนื่อยเอาตอนเช้า เห็นมั้ยโดนเลยมึง ต่อไปนี้ห้ามเข้าร้านเหล้าเดือนนึง" กวนตีน ไอ้เตี้ยมันบ่นแล้วสั่งห้ามผม 


                   "เว่อร์ไปละมึง ถ้ากูห้ามมึงเดือนนึงบ้างมึงจะว่าไง?" 


                   "โห่ยย ไม่ได้โว่ย ถ้าทำอย่างนั้นกูก็ไม่ได้เจอหน้าเจ๊นานะคนสวยสิ กูก็พูดไปงั้นแหละ แต่ช่วยเพลาๆ ลงด้วย แค่นี้พ่อก็จะตัดหางปล่อยวัดกูอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่ากูเริ่มกลับมาดื่มอีกมีหวังได้ยึดรถกูแน่ กว่ากูจะขอมาได้นี่กูต้องกลับไปโดนใช้งานที่ปูซานทั้งซัมเมอร์เลยนะ" 


                   ใช่ ระหว่างเรา 2 คน ไม่มีใครทำได้หรอก มันกลายเป็นชีวิตประจำวันไปแล้ว ถึงเวลาว่างทีไรพวกเราก็นัดเจอกันที่ร้านเหล้าตลอด จะว่าติดเหล้าไปแล้วก็ได้ ไอ้จีมินมันดื่มเพราะความเพลิดเพลิน ดื่มไปชมสาวไป แต่ผม... ผมดื่มเพราะชีวิตมันน่าเบื่อ มันเซ็งไปหมด ส่วนนึงที่ผมดื่มก็เพราะอยากลืมด้วย อยากหนีไปจากความจริงที่มันไม่ได้สวยงามและเจ็บปวดนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ผมห่างจากร้านเหล้าเลยผมคงทำไม่ได้หรอก 


                   "จำไว้นะนักศึกษาทั้งหลาย นี่อาจารย์ จอง-จู-ริ สอนบริหารธุรกิจ การตรงต่อเวลาทุกครั้งที่มีคลาสคือสิ่งที่พวกเธอทุกคนต้องทำ ไม่ใช่จะเข้าออกตอนไหนเหมือนร้านเหล้าที่พวกเธอเข้ากันก็ได้" 


                   เหอะ ที่มองมาที่ผมนี่คงต้องการที่จะเจาะจงผมสินะ แต่ก็อ่ะนะ สภาพผมเหมือนคนอดอยากอดนอนแบบนี้อาจารย์ก็คงจะดูออกแหละว่าผมไปทำอะไรมา


                   "แต่ถ้าพวกเธอไม่กลัว F ก็อย่าได้กลัวที่จะทำตามใจตัวเองแล้วกันนะ เพราะตอนนี้ฉันพร้อมแล้วที่จะสแตมป์มันใส่หน้าผากของพวกเธอ ฉันไม่หวงหรอกนะ มุวะฮ่าาาาาๆๆๆ" ผมกำลังจะเครียดกว่าเดิมนะถ้าอาจารย์ไม่หัวเราะออกมาแล้วทำหน้าเหมือนไดโนเสาร์ซะก่อน 



    .
    .
    .



                   ตอนนี้ผมกับไอ้จีมินก็อิ่มแปร้กันเลยเพราะเพิ่งออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตึกบริหารที่พวกเราเรียนอยู่ ไอ้จีมินที่กำลังจะออกรถมุ่งหน้ากลับไปยังตึกที่เราเรียนกันก็ต้องชะงักเพราะมีสายเรียกเข้าซะก่อน 


                   "ยัยซอลว่ะมึง รับแป๊บ" มันกดรับพร้อมกับเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้ผมได้ยินด้วย 


                   "Hello miss Seolhyun. Why you call me? You miss me lady?" ไอ้จีมินมันพูดขำๆ กับทางสาย 


                   [แหม ทำมาเป็นพูดภาษาอังกฤษนะมึง ได้ข่าวว่าคะแนนสอบภาษาอังกฤษได้ 20/100] คำตอบของซอลฮยอนทำให้ผมหัวเราะออกมานิดหน่อย 


                   "โหยยยมึงนี่ เรื่องๆ เดียวเอามาล้อกูเป็นชาติเลยนะ กูก็แค่อยากจะฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนตัวเองป่ะวะ ถึงกูจะโง่ก็เถอะ แล้วมึงโทรมานี่มีอะไร?" 


                   [มาหากูด่วนที่โรงอาหารข้างตึกภาษา] 


                   "โว๊ะ! เดี่ยวนี้คุณหนู คิม ซอลฮยอน คนฮ็อทได้หัดติดดินหันหลังให้พวกร้านอาหารหรูหราบนห้างมากินข้าวที่โรงอาหารแทนแล้วหรอวะ Oh-My-God! กูว่าเรื่องนี้มันต้องทำให้ไอ้แทเตี้ยลงกว่ากูแน่นอน" มันมองหน้าผมแล้วทำหน้าเหลือเชื่ออย่างขำๆ ให้กับสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา 


                   แต่ผมก็สงสัยเหมือนกันนะว่าลมอะไรจะพัดยัยซอลให้ไปตกถึงที่นั่นได้ 


                   "ลมอะไรพัดมึงไปถึงที่นั่น?" ตอนนี้ผมรับโทรศัพท์มาคุยแทน ในที่สุดไอ้จีมินมันก็ออกรถซักที ดีแล้วแหละ ขี้เกียจรอ ถ้าเอารถผมมาป่านนี้ถึงที่หมายแล้ว แต่ไอ้นี่ก็ยังยืนยันว่าจะเอารถตัวเองมาให้ได้เพราะรถมันกำลังใหม่ มันเห่อ 


                   [ไอ่วี! กูนึกว่ามึงหายจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่ได้ยินเสียงมึงแค่ 2 เดือนแต่รู้สึกเหมือนไม่ได้ยินมา 2 ปี เลยว่ะ ปิดเทอมไปอยู่แทกูคงจะยุ่งสินะ ทวิตก็เงียบ กูเองก็ยุ่งๆ เลยไม่ได้โทรหามึงเลย มีแต่ไอ้หมูอะที่ชอบโทรมารบกวนกูตอนกูจะนอน คิดถึงกูบ้างมั้ยเนี่ย กูคิดถึงมึงมากเลยนะ อยากไปร้านเจ๊นานะกับพวกมึงแทบแย่แล้วเนี่ย] 


                   "เมื่อคืนพวกกูเพิ่งไปมาว่ะ" 


                   [อ้าวววววว! ทำไมไม่ชวนกูล่าาา พวกมึงนี่ใจร้ายจริงๆ ทำอย่างนี้กับกุลสตรีอย่างกูได้ไง ชิ!] ฮ่าาๆๆ ผมได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ จะว่าไปเมื่อคืนก็ไม่ได้ชวนมันจริงๆ แต่ช่างเหอะ ครั้งหน้าค่อยชวนละกัน


                   "เอ้าอีนี่ กูไม่ใช่หมูน้อยชิมชิมที่มึงเคยเรียกแล้วนะ บอกแล้วว่าเลิกเรียกกูแบบนั้นได้แล้ว มึงก็รู้ว่าตอนนี้กูหุ่นดีแค่ไหน ซิกส์แพ็คกูนี่สวยที่สุดในโซลแล้วเว่ย! สาวคนไหนจะต้านทานความฮ็อทของกูไหววะ?" ผมกลอกตาให้กับความหลงตัวเองของมันอย่างไม่จริงจังนัก 


                   [ไม่ว่าจะอีกกี่ปีมึงก็ยังคงเป็นหมูน้อยชิมชิมมังเกต๊อกของกูตลอดไปเว่ย 5555555] 


                   "สัส! Stop it!" 


                   [หมูน้อยชิมชิม หมูน้อยชิมชิม หมูน้อยชิมชีมมมม ~] 


                   "Stop it! Stop it! Stop it!" 


                   [มังเกต๊อก มังเกต๊อก มังเกต๊อก มังเกต๊อก!] 


                   ฮ่าาาๆๆๆ ผมได้แต่ส่ายหัวและหัวเราะออกมาให้กับความปัญญาอ่อนของทั้ง 2 เพื่อนรักของผม เวลา 2 คนนี้ทะเลาะกันนี่มันตลกจริงๆ ทะเลาะกันทีไรก็มักจะเอาแต่เรื่องปัญญาอ่อนมาเป็นประเด็นทุกที โตกันป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กอีก 



    .
    .
    .



                   ตอนนี้พวกผม 2 คน มาถึงโต๊ะที่ยัยซอลนั่งอยู่กับเพื่อนอีก 4 คนแล้ว สงสัยได้เพื่อนเพิ่มมาอีก 2 คน เพราะเทอมก่อนเห็นมีกันแค่ 3 คน พอเห็นหน้าผมมันก็กระโดดมากอดคอผมใหญ่เลย 


                   "ไอ่วี ~ ^^"


                   "เฮ่ เบาๆ ก็ได้ กูไม่หายไปไหนหรอก คนเขามองกันหมดแล้ว เดี๋ยวเขาก็หาว่ากูกับมึงเดทกันอีกหรอก ไปกอดไอ้เตี้ยนู่น" เพื่อนใหม่ของยัยซอลหัวเราะคิกคักที่มันเข้ามากอดผม อย่าบอกนะว่าพวกนี้ชิปผมกับยัยนี่ เหอะ ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ คนที่สนิทกับพวกเราจริงๆ ไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก เพราะเราเป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องสกินชิพมันเลยกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเราไปแล้ว ผมผละกอดออกมาจากยัยซอลแล้วพยักหน้าไปทางไอ้เตี้ยที่ตอนนี้ทำเป็นหน้าบึ้งเพราะยัยนี่ทำท่าเมินมัน 


                   "ไหนนน? ทำไมไม่เห็นเลย มันเตี้ยมากเลยหรอ ทำไมเค้ามองไม่เห็นมันเลยอ่าตัวเองงงงง ~" ยัยซอลทำเป็นหันกลับไปทำหน้าเหรอหราว่ามองไม่เห็นไอ้เตี้ยนี่ 


                   "กูก็อยู่นี่ไง ^^ ถ้ามึงเป็นผู้ชายกูเตะตูดมึงแล้วนะเนี่ย" มันยิ้มพร้อมกับกัดฟันพูดอย่างไม่ได้ซีเรียสนัก ไอ้นี่มันจะไปโกรธใครได้ล่ะ ขนาดคนล้อยังยิ้มยังหัวเราะได้เลย ถึงจะทำเป็นโกรธไปก็เท่านั้นแหละ พ่อพระจริงๆ 


                   "สรุปมึงเรียกพวกกูมาทำไมเนี่ยยัยคุณหนู? ที่นี่คนเยอะก็เยอะ ร้อนก็ร้อน" ในที่สุดไอ้จีมินก็ถามถึงสิ่งที่ทำให้พวกผมต้องพากันมาถึงที่นี่ซักที ยัยคุณหนูมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วชี้ไปทางผู้ชายคนนึงที่นั่งคนเดียวอยู่โต๊ะถัดจากพวกเราไป 5 โต๊ะ 


                   "มึงเห็นน้องคนที่ใส่เสื้อยืดสีขาวคนนั้นป่ะ? กูชอบอ่าา แม่งน่าร๊ากกกกก ^0^ เรียนวิดวะด้วยนะเว้ยยย พอรู้อย่างงี้นี่กูอยากได้เกียร์น้องเขาทันทีเลย" 


                   "ไอ้หน้า emo เนี่ยนะน่ารัก? - -" ใช่ ชอบใครไม่ชอบ ไปชอบคนหน้าอีโม ดูมันสิ ดูเวลาที่มันอ่านหนังสือแล้วยกน้ำขึ้นมาดูดแบบเนิบๆ นั่นสิ มันไม่ทำสีหน้าอื่นเลยนอกจากสีหน้านี้ '-_-' นั่นไม่ใช่คนแล้ว นั่นมันสลอธ! ดูจากลิสต์แฟนเก่ายัยนี่แต่ละคนแล้วผมว่ามันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เลย 


                   "โหยยยยมึงง่ะ อย่าว่าน้องเขาแบบนั้นสิ มึงต้องเห็นเวลาที่น้องเขายิ้มให้เพื่อนๆ ของเขาเว่ย น่ารักมากกกกก >///<" เหรอ? 


                   "แล้วไง? แล้วที่มึงเรียกพวกกูมาเนี่ยกะจะให้พวกกูไปขอเบอร์ชาวบ้านเขาให้อีกรึไง?" ไอ้จีมินถาม 


                   "ถ้าได้ก็ดีนะมึง อรั๊ยยเขินนน >//< กูกำลังอยากได้พอดีเลย แต่ไม่กล้าไปขอเองอ่าา มึงช่วยกูหน่อยซี่ ~" ยัยนี่เขย่าแขนไอ้จีมินแล้วทำท่าทางน่ารักพยายามอ้อนให้มันช่วยตามที่ตัวเองต้องการ ไอ้จีมินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความดี๊ด๊าของยัยนี่ ผมก็เช่นกัน เรื่องแค่นี้ก็เรียกคนอื่นมา ไม่คุ้มเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนไม่เสียเวลามาให้นะเนี่ย รู้งี้ไปหานั่งตากแอร์ที่อื่นดีกว่า   


                   "มึงนั่งลงสิไอ่แท จะยืนค้ำหัวกูทำไม เดี๋ยวสาวๆ ฝั่งนั้นก็ไม่เห็นหน้ากูหรอก" ไอ้จีมินที่ตอนนี้นั่งลงข้างยัยคุณหนูแล้วเรียบร้อยบอกให้ผมนั่งลงไปบ้าง 


                   "ใช่แทฮยอง นั่งลงก่อนสิ ข้างกูก็ว่างนะ ไม่เมื่อยขารึไง? " ยัยโซวอนที่นั่งตรงข้ามกับไอ้จีมินพูดขึ้นอีกเสียงนึง แต่ผมไม่นั่งลงหรอกนะ ร้อนก็ร้อน อึดอัด อยากออกไปจากที่นี่แล้ว 


                   "ไม่ พวกมึงนั่งไปเหอะ เดี๋ยวกูก็จะไปแล้ว" ผมตอบแล้วกอดอกหันตัวไปทางประตูทางออกที่อยู่ทางขวาแทน 


                   ผมยืนกดโทรศัพท์จนเมื่อยขาแล้ว ตอนไหนพวกมันจะคุยกันเสร็จวะ หัวเราะงุกงิกๆ อยู่นั่นแหละ หงุดหงิดแล้วโว้ยยย! ผมเก็บโทรศัพท์ลงใส่กางเกงตัวเองเรียบร้อยแล้วกำลังจะหันไปโวยวายใส่ไอ้จีมิน แต่ยังไม่ทันได้หันไปด้วยซ้ำก็ต้องเซไปข้างหน้าก่อนซะงั้น 


                   "ว๊ายยยยยยย!" เสียงผู้หญิงคนนึงร้องขึ้นมาพร้อมกับมีใครบางคนผลักหลังผมอย่างแรงจนผมเซไปข้างหน้า ผมตาโตขึ้นมาทันทีเพราะอยู่ดีๆ ก็มีคนมาผลักหลังผมแบบนี้ หาเรื่องกันปะเนี่ย อยู่ดีๆ ก็มาผลัก 


                   "เฮ๊ยยย! ขอโทษค่ะ! คือ คืออ เอ่อออ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะล้มใส่คุณนะ! คือมันเป็นอุบัติเหตุน่ะ" เสียงผู้หญิงนี่ ถ้าเขาไม่พูดขอโทษขึ้นมาก่อนนี่ผมว่าจะเอาเรื่องแล้วนะ 


                   ผมหันกลับไปหาผู้หญิงคนที่เพิ่งผลักหลังผมไปเมื่อกี๊... แต่พอเห็นหน้าเขาแล้วในหัวผมก็มีความคิดๆ นึงผุดขึ้นมาทันที... น่ารักดีนะ 


                   "แหะๆๆ" เขาถือโคนไอติมอยู่ในมือแล้วหัวเราะแหะๆ มาให้ผม พอเห็นเขาทำท่าทางแบบนั้นแล้วผมก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่มาชนผมนี่น่ารักจริงๆ แหละ ดวงตา 2 ชั้นกลมโต จมูกที่โด่งพอดีตัว ปากบางๆ นั่น ดูรวมๆ แล้วดูดีมากเลยในระดับนึง แต่ดูแล้วไม่เหมือนคนเกาหลีเลย... 


                   เดี๋ยวนะ แล้วทำไมในมือเขาถึงได้ถือแค่โคนไอติมล่ะ แล้วตัวไอติมมันไปไหน?? หรือว่า... O_O !!


                   "นี่เธอทำไอติมหกใส่หลังฉันหรอ??!" ถึงจะคิดได้ตอนนี้ก็สายไปซะแล้ว ผมรีบจับดูที่หลังทันที โอ้ไม่นะ! ตอนนี้มือผมเปื้อนคราบช็อกโกแล็ตไปแล้วเรียบร้อย แสดงว่าเขาทำไอติมหกใส่หลังผมจริงๆ เหอะ เพิ่งชมไปหยกๆ ว่าน่ารัก แล้วนี่อะไร ควรจะโกรธดีมั้ยเนี่ย


                   "เดี๋ยวก่อนคุณ อยู่เฉยๆ ก่อน ฉันจะเช็ดออกให้" ผมจะทำไรได้ล่ะ ก็ต้องให้เขาเช็ดคราบออกจากเสื้อให้ผมสิ ก็เขาเป็นคนทำนิ่ 


                   ผมเพิ่งสังเกตุเห็นว่าคนที่อยู่แถวนี้มองมาที่เหตุการณ์ตอนนี้กันหมดแล้ว บางคนก็หันกลับไปแล้ว แต่บางคนก็ยังสนใจสถานการณ์ตอนนี้อยู่เหมือนเดิม แต่ผมไม่อายหรอกนะ เพราะผมเป็นผู้โดนกระทำ ไม่ใช่ผู้กระทำ ข้างๆ ยัยซอลตอนนี้ก็มีผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนนั่งอยู่พร้อมกับไอ้จีมินและเพื่อนคนอื่นๆ บนโต๊ะที่กำลังเช็คดูอาการของเขา สงสัยจะล้ม งั้นก็คงเป็นคนที่ร้องออกมาสินะ สงสัยเป็นเพื่อนกับคนที่กำลังเช็ดหลังให้ผมอยู่ตอนนี้ด้วยแหละ 


                   หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินกลับมาข้างหน้าแล้วยื่นทิชชู่ให้ผม 3 แผ่น พอดีเลย มือผมกำลังเปื้อนพอดี 


                   "สะอาดมั้ย?" ผมถามเขาแล้วรับทิชชู่มาเช็ดมือตัวเอง 


                   "เอ่อ... คือคราบมันเช็ดออกไม่หมดน่ะ แหะๆ" นั่น ว่าละ คราบช็อกโกแลตอย่างดี มันเช็ดออกไม่ได้ง่ายๆ หรอก หมดกัน bomber jacket ของ JUUN.J ที่ผมเพิ่งซื้อมาใหม่ 


                   "เฮ่ออห์" ผมถอนลมหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าแบบเซ็งๆ ให้กับความซุ่มซ่ามนี้อย่างไม่ได้คิดจะเอาเรื่องอะไรแล้วก้มลงเช็ดมือตัวเองต่อ 


                   ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตาเข้ากับเขาพอดีเลยเห็นว่าเขากำลังมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยเพราะกำลังแปลกใจ แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะละสายตาไปจากหน้าผมเลย มีไรติดอยู่หน้าผมเปล่าเนี่ย แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง เขาอาจจะกำลังคิดว่าผมหล่ออยู่ก็ได้ ฮ่ะๆ ก็เงี้ยแหละ คนที่พ่อแม่จัดท่ามาดีก็ออกมาดูดีมีคุณภาพเป็นธรรมดาแหละ แต่นี่เขาก็มองหน้าผมนานไปแล้วนะ ผมดูดีจนทำให้คนอื่นต้องมนต์สะกดได้เลยหรอ ติดใจผมแล้วรึเปล่า ฮ่าาาๆๆๆๆๆๆ 


                   "น้องครับ เข่าของเพื่อนน้องถลอกนะครับ เลือดออกด้วย พี่ต้องพาเพื่อนน้องไปทำแผลนะ น้องจะไปด้วยหรือเปล่า หรือจะไปเข้าเรียนก่อน?" ตอนนี้ไอ้จีมินได้ลุกขึ้นมาแล้วพูดกับคนตรงหน้าผม ตอนนี้เขาละสายตาจากหน้าผมไปหาเพื่อนของเขาแล้ว สงสัยเป็นรุ่นน้องสินะ แต่ผมเห็นนะว่าไอ้จีมินมันแอบยิ้มกรุ้มกริ่มลับหลังตอนที่น้องแกหันกลับไปหาเพื่อนของตัวเองแล้ว สัญชาตญาณความเพลย์บอยคงทำงานสินะมึง จริงๆ เลยมันเนี่ย เจอผู้หญิงหน้าตาดีไม่ได้ หางต้องกระดิกตลอด 


                   "มึงก็มากับกูด้วย... แทฮยอง" ... "ไอ่แท! มึงยืนยิ้มทำเหี้ยไรเนี่ย มาช่วยกูพยุงน้องซานะไปห้องพยาบาลด้วย น้องเขาเจ็บเข่า" เขาเพิ่งล้มไปเมื่อกี๊แต่มึงรู้จักชื่อเขาแล้ว? เหอะ จริงๆ เลยมึงนี่ 





    ----- 60% -----





                   "ซานะเจ็บมากมั้ย?" น้องคนนี้แลดูจะเป็นห่วงเพื่อนตัวเองมาก เขารีบหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดเลือดที่เข่าออกให้เพื่อนตัวเองทันที 


                   "พีอา! ซานะ! เกิดอะไรขึ้น? ซานะเป็นอะไร? ทำไมเลือดออก??" อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนนึงวิ่งตรงเข้ามาที่กลุ่มเราแล้วถามขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่ตกใจ น้องคนนี้ชื่อพีอาสินะ ฮ่ะๆๆ ผมมองไปยังคนที่มาใหม่... นี่มันไอ้หน้าอีโมนิ่! รู้จักกันด้วยเหรอ 


                   "อ้าววอนอู ยังไม่ไปเรียนหรอ? ซานะล้มน่ะ กำลังจะพาไปห้องพยาบาล" จากที่ก้มๆ อยู่น้องแกก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับไอ้อีโมนี่ ผมเห็นว่ายัยซอลมันยิ้มใหญ่เลยที่อยู่ดีๆ ไอ้นี่ก็วิ่งมาถึงที่ๆ เรานั่งอยู่เองแบบนี้ 


                   "งั้นก็ไปเลยสิ เดี๋ยวฉันพาไป" มันพูดแล้วพยุงน้องซานะขึ้นมาทันทีโดยไม่แคร์เลยว่ามีใครกำลังมองดูการกระทำมันของมันตาปริบๆ อยู่บ้าง 


                   "วอนอู นายมีเรียนไม่ใช่หรอ วิชาสำคัญด้วย เดี๋ยวเรากับพีอาไปเองก็ได้ นายไปเข้าเรียนเถอะ" 


                   "เจ็บเข่าแบบนี้เดินไปกันไหวหรอ?" 


                   "คือพี่จีมินจะพาเราไปน่ะ" มันทำหน้าแปลกใจแล้วกำลังมองหาว่าใครชื่อจีมิน 


                   "พี่เองแหละ" ไอ้จีมินมันตอบ "สงสัยพวกน้องจะเป็นเพื่อนกันสินะ พอดีน้องซานะเขาสะดุดขาพี่ล้มน่ะ พี่เลยอยากจะพาไปทำแผลเป็นการไถ่โทษ น้องมีเรียนไม่ใช่หรอ ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวพี่กับเพื่อนพี่จะพาเพื่อนน้องไปทำแผลเอง" 


                   มันมองหน้าไอ้จีมินกับหน้าผมสลับกัน สีหน้ามันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากแต่บ่งบอกได้ว่ามันกำลังไม่ไว้ใจพวกผมทั้ง 2 คน 


                   "น้องไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่พาเพื่อนน้องไปทำไม่ดีไม่ร้ายหรอกน่าาา แค่จะพาไปทำแผลเอง" 


                   "ไม่เป็นไรหรอกวอนอู ทำแผลเสร็จแล้วเรากับพีอาก็จะขึ้นเรียนเลย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นายไปเรียนเถอะ เจอกันพรุ่งนี้นะ" น้องซานะบอกลาแล้วยิ้มให้มันๆ ถึงยอมปล่อยให้น้องแกเป็นอิสระ ไอ้จีมินจึงเข้าไปประคองแล้วพาน้องแกเดินออกไปยังรถของมันที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับโรงอาหารนี้แทน 


                   "เจอกันพรุ่งนี้นะวอนอู เดี๋ยวเอาเสื้อมาคืน" น้องพีอาพูดและยิ้มบางๆ ไปให้มันแล้วเดินนำหน้าผมไปช่วยไอ้จีมินประคองน้องซานะแทน 





                   ตอนนี้พวกเราถึงห้องพยาบาลกันแล้ว ไอ้จีมินเพิ่งออกไปตามคนมาทำแผลให้น้องซานะเพราะที่ห้องพยาบาลตอนนี้ไม่มีใครประจำอยู่เลย ผมเลยเดินมานั่งม้านั่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าต่างรอพลางมือก็กดโทรศัพท์ฆ่าเวลาไปด้วย 


                   "วอนอูเขาแลดูเป็นห่วงเธอมากนะ ฉันไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย" 


                   "ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ ถ้าซูนยองกับจุนอยู่ในเหตุการณ์ก็คงจะเป็นห่วงเราเหมือนกับวอนอูนั่นแหละ" 


                   "อ่าจ๊าาาา ทีหลังเวลาเดินก็อย่าลืมดูทางล่ะ จะได้ไม่ล้มอีก ดีนะที่ล้มลงพื้นอะ เลยเจ็บแค่เข่า แต่ถ้าล้มไปใส่โต๊ะนี่... ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเจ็บตรงไหนบ้าง" 


                   "เฮ่ะๆๆ เราขอโทษนะที่เราผลักก้นพีอาอะ คือตอนนั้นเราไม่ทันได้มองทางน่ะ" อ๋อ แบบนี้นี่เอง น้องพีอาถึงได้มาผลักหลังผม 


                   "แล้วตอนนั้นมองไรอยู่?" 


                   "คือ ตอนนั้นเรากำลังมองวอนอูอยู่น่ะ เรา-" 


                   "ฮันแน๊ ~ ก็นึกว่ามองอะไร ที่แท้ก็มองวอนอูนี่เอง คริๆๆๆๆๆๆ เพื่อนเรามันหล่อหรอทำไมถึงต้องมองอะ ฮี่ๆๆ" หล่อตายแหละ 


                   "ปะ เปล่าาา ไม่ใช่นะ คือเราเห็นวอนอูนั่งอยู่คนเดียวน่ะ เลยกลัวว่าวอนอูจะเหงา" 


                   "ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเหงาหรอก ไอ้นี่มันก็นั่งเนิร์ดคนเดียวอยู่แบบนั้นตลอดแหละ เห็นหน้ามันมั้ย โคตร poker face เลย วันๆ ก็ทำแค่หน้าแบบนั้นแหละ แล้วยังชอบทำตัวเฉื่อยอีกนะ ความรู้สึกก็ช้า ถ้าเดินช้าด้วยนี่จะคิดว่าเป็นสลอธแล้วนะ 5555555" ไม่ต้องคิดหรอก มันคือสลอธเลยแหละ 


                   "555555" 


                    ผมนั่งกดมือถือไปเรื่อยทำเป็นไม่ได้สนใจบทสนทนาของ 2 คนนั่นแต่หูผมกลับฟังทุกประโยคที่เขาคุยกัน จะทำไงได้ล่ะ ก็นั่งอยู่ใกล้แค่นี้เอง ถึงไม่ฟังก็ได้ยินเหมือนเดิม แล้วนี่กูจะไปสนใจสิ่งที่คนอื่นเขาคุยกันทำไมวะ เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่ ขี้เสือกจริงๆ โด่วว์ 


                   "หมอมาแล้วคร๊าบบบบบบ ~ หมอมาแล้วครับน้องซานะ ^^" ไอ้จีมินเดินเข้ามาแล้วยิ้มอย่างสดใสพร้อมกับนักศึกษาตัวสูงหูกางในชุดกาวน์คนนึงที่เดินตามหลังมันเข้ามา 


                   "อะฮ่าวววพีพี มาทำอะไรที่นี่" ก็พาคนเจ็บมาทำแผลน่ะสิ เป็นหมอภาษาอะไร ห้องพยาบาลนี่มานั่งแดกแอลกอฮอล์เล่นมั้ง แล้วนี่ 2 คนนี้ รู้จักกันด้วยเหรอ 


                   "อ้าวพี่ชานยอล เพื่อนพีล้มน่ะ เลยพามาทำแผล" ทั้ง 2 คนยิ้มกว้างให้กันอย่างแลดูสนิทสนม คงรู้จักกันสินะ โดยเฉพาะไอ้หูกางนั่นที่ยิ้มให้น้องแกจนปากจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว 


                   "นี่รู้จักกันด้วยหรอครับ?" 


                   "ใช่ พีพีเป็นน้องของเพื่อนสนิทพี่น่ะ" 


                   "งั้นเรียกชื่อเล่นกันแบบนี้ก็แสดงว่าสนิทกันสิครับ" 


                   "ก็สนิทพอสมควรค่ะ" น้องแกตอบไอ้จีมินแทนไอ้รุ่นพี่หูกางนั่น เหอะ! สนิทกันพอสมควรงั้นหรอ ทำไมน้องแกถึงได้สนิทแต่กับคนแบบนี้นะ ทั้งสลอธทั้งด๊อบบี้ เหอะ ควรจะหัวเราะดีมั้ย 





                   "อ้ะ เสร็จแล้ว แผลไม่ได้ลึก แค่ถลอกเฉยๆ พี่เลยติดแค่พลาสเตอร์ฟิล์มใสให้น่ะ อาบน้ำได้สบายเลยไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะโดนแผล ถ้าอยากได้พลาสเตอร์ตัวใหม่ก็มาเอาที่นี่ได้เลยนะ และคราวหน้าเวลาเดินน้องซานะก็ระวังๆ ด้วยนะ จะไม่ได้ไม่ล้มเหมือนวันนี้อีก นี่ยังดีนะที่รุ่นพี่เขาพาเรามาถึงที่นี่เองกับมือเพราะตึกท่องเที่ยวและการโรงแรมมันอยู่ไกลนี่ ไม่งั้นได้พากันเดินขาลากมาถึงที่นี่แน่นอน 555555" 


                   ไอ้รุ่นพี่หูกางมันพูดกับน้องซานะแต่ประโยคหลังๆ มันกลับมองหน้าน้องพีอาแทน เหอะ! เห็นแล้วหมั่นไส้ ดูหน้ามันสิ ยิ่งหัวเราะยิ่งเหมือนตัวละคร Dobby ใน Harry Potter หูนี่ใช่เลย หึ! แล้วนี่กูเป็นอะไรเนี่ย วันนี้รู้สึกหงุดหงิดทั้งวันเลย จะเป็นเมนส์ก็ไม่ใช่ เพราะไม่ใช่ผู้หญิง แม่งไม่เข้าใจตัวเองเล้ย! 





                   ตอนนี้ผมกับน้องพีอาเดินมารอที่รถไอ้จีมินก่อนแล้ว มันบอกให้เราสองคนมุ่งหน้ามาก่อนเพราะมันกับน้องซานะต่างคนต่างต้องเข้าห้องน้ำกันก่อน ผมเข้ามานั่งฝั่งข้างคนขับแล้วเปิดแอร์ไว้เพื่อคลายร้อน ส่วนน้องพีอาเองก็เข้ามานั่งประจำที่ข้างหลังผมเหมือนเดิม บรรยากาศในรถตอนนี้เงียบมากจนน่าอึดอัด น้องแกก็นั่งนิ่งอย่างกับหุ่นไม่ยอมขยับตัวไปไหนหรือพูดอะไรออกมาเลย กลัวผมกัดรึไง ผมเองก็อึดอัดเหมือนกันที่ต้องมานั่งกับคนอื่นในรถที่แสนจะคับแคบนี้แต่กลับไม่ได้มีการสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลยระหว่างเราจนผมต้องเปิดเพลงกลบความเงียบที่มันเกิดขึ้นระหว่างเรา 2 คน 


                   แต่ ผมเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าน้องแกทำเสื้อผมเปื้อนนี่หว่า ผมจะนิ่งอยู่เฉยๆ ได้ไง ไม่ได้หรอก ผมต้องทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ เดี๋ยวไอ้จีมินกับน้องซานะก็จะมาแล้ว ถ้าผมจะคุยกับเขาก็ต้องคุยตั้งแต่ตอนนี้ เพราะผมไม่ชอบคุยกับคนอื่นต่อหน้าใคร มันไม่เป็นส่วนตัว 


                   "น้อง/พี่แทฮยอง" นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเขาเรียกชื่อผม เราพูดขึ้นมาพร้อมกับสบตากันผ่านกระจกฝั่งขวาของรถเข้าพอดี เขารีบละสายตาไปก่อนแล้วไม่พูดอะไรต่อผมเลยต้องเป็นคนถามขึ้นมาก่อนว่าเขาต้องการที่จะพูดอะไรกับผมกันแน่ 


                   "จะพูดอะไรรึเปล่า?" 


                   "แล้วพี่จะพูดอะไรอะ?" น้ำเสียงเขาฟังดูไม่มั่นใจเอาเสียเลย 


                   "เสื้อฉันน่ะเอาไปซักมาคืนด้วยเพราะเธอเป็นคนทำมันเปื้อน" 


                   "ค่ะ หนูก็กำลังจะบอกพี่พอดีว่าเดี๋ยวเอาเสื้อไปซักให้ ไม่มีปัญหาค่ะ" หนูงั้นหรอ? ฮ่ะๆ ใช้คำแทนตัวเองน่ารักดีนะ 


                   ผมหยิบเสื้อสีขาวตัวโปรดที่ตอนนี้ไม่ได้แค่ขาวแล้วแต่มีสีน้ำตาลแซมมาด้วยที่วางอยู่หน้าคอนโซลรถแล้วยื่นไปให้คนข้างหลัง "อย่าทำสีตกล่ะ" ผมบอกเขาแค่นั้นแล้วไม่ได้พูดไรออกไปอีก 


                   "ค่ะ" เขาก็ตอบมาแค่นั้นเช่นกัน แล้วบรรยากาศมันก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม 


                   "ตามจริง... พวกพี่ไม่ต้องพาเรามาถึงที่นี่ก็ได้นะ ไปห้องพยาบาลของตึกแถวนั้นก็ได้" 


                   "เพื่อนฉันมันพามาเอง ไปบอกมันละกัน" ใช่ ผมไม่ได้เป็นคนขับนี่ แต่ไอ้คนขับนี่ก็เล่นใหญ่จริงๆ ขาถลอกแค่นั้นพามาถึงคณะแพทย์เลย โชว์สาวล่ะสิ 


                   ตอนนี้น้องแกเงียบไปอีกแล้ว ทำไมบรรยากาศระหว่างเรา 2 คนถึงได้อึดอัดแบบนี้อยู่ตลอดเลยนะ ไม่คิดจะพูดอะไรอีกหน่อยรึไง ผมไม่กัดหรอก ผมมองเขาผ่านกระจกอีกครั้งแต่หน้าเขากลับไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วผมจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำสีหน้ายังไง ผมก็อยากต่อบทสนทนานี่หรอกนะ เพราะที่นั่งกันอยู่ 2 คนตอนนี้ก็อึดอัดมาก แต่ก็คงไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วแหละ เพราะตอนนี้ไอ้จีมินมันกำลังพยุงน้องซานะมาที่รถแล้ว ประคองเขาอย่างกับเขาขาหักเลยนะมึง เขาก็เดินเองได้เหอะ โอเวอร์จริงๆ 


                   "พวกน้องเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมกันหรอ?" 


                   "ใช่ค่ะ/ค่ะ" 


                   "งั้นคณะเราก็ใกล้ๆ กันเอง พวกพี่เรียนบริหารน่ะ ถ้าวันหลังเจอกันอีกก็ทักพี่ได้เลยนะ ^^" เหอะ เฟรนด์ลี่จริงๆ นะมึง 





                   ตอนนี้น้องแกทั้ง 2 คนก็ลงจากรถไปแล้ว ทั้ง 2 บอกขอบคุณทั้งผมและไอ้จีมินโดยไม่ลืมที่จะโค้งหัวให้ก่อนไปด้วย น้องพีอากำลังพยุงน้องซานะเข้าตึกไป คนที่อยู่แถวนั้นก็ได้แต่มองตามทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับ 2 พวกเขา 


                   "มองตามขนาดนั้นสนใจน้องแกรึไง?" ไอ้เตี้ยมันถามแล้วทำหน้าล้อเลียนแบบกวนตีนมาให้ผม 


                   "เปล่าซักหน่อย" ผมหันกลับมามองข้างหน้าเหมือนเดิมแล้วตอบกลับไปพร้อมกับสีหน้าไร้อารมณ์ 


                   "เหรอออออ กูเห็นนะเวลาที่มึงแอบมองน้องแกจากกระจกข้างน่ะ ถ้าชอบก็จีบดิวะ ลืมคนเก่าได้แล้ว" 


                   "ไม่ มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้อยากชอบใคร และกูก็ลืมเขาแล้ว เลิกพูดถึงเขาได้แล้ว" มันไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่ผมก็เห็นว่ามันส่ายหน้าให้กับคำตอบของผม 


                   "แต่น้องแกแม่งน่ารักจริงๆ นะ หน้าตาก็ดูธรรมชาติ ทั้งที่ไม่ได้แต่งหน้าเยอะแต่ก็สวย หุ่นก็ดีและยังแลดูนิสัยดีอีกด้วย ถ้าเข้าหาง่ายกว่านี้จะดีมากๆ มีดีขนาดนี้ยังโสดอยู่ได้ไงวะ มึงไม่สนใจจริงดิ? ถ้าไม่ติดว่ากูยังไม่อยากมีแฟนนี่กูจีบไปแล้วนะ น้องซานะก็เหมือนกัน แม่งน่ารักว่ะ คิขุ อาโนเนะ เฟรนด์ลี่ก็เฟรนด์ลี่ แต่เหมือนเพื่อนน้องแกที่ชื่อวอนอูจะหวงนะ แม่งคบกันป่ะเนี่ย มึงเห็นตอนที่น้องมันมองหน้าเราป่ะ แม่งมองเหมือนกูจะหลอกเพื่อนมันไปทำไม่ดีไม่ร้ายงั้นแหละ" จะมองยังไงก็ช่างมันเหอะ ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับถามไอ้เตี้ยมันกลับไปแทน 


                   "มึงไปรู้จักกับไอ้หูกางนั่นตอนไหน?" มันทำท่าครุ่นคิดอยู่แป๊บนึงแล้วตอบกลับมา 


                   "ก็เพิ่งรู้จักวันนี้แหละ ทำไม? หึงที่พี่แกยิ้มให้น้องพีอาหรอ?" -_- ถามเหี้ยไรของมึงเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้สนใจ ทำหน้ากวนส้นตีนอยู่นั่นแหละ 


                   "เปล่า กูแค่ไม่ชอบหน้ามัน" 


                   "เหอะ ตั้งแต่มึงอกหักมานี่มึงชอบหน้าใครบ้างล่ะ?" 


                   "กูบอกว่าเลิกพูดถึงเขาได้แล้ว" 


                   "กูพูดถึงเขาตอนไหน? คนเดียวที่กูพูดถึงก็คือมึง มีแต่มึงนั่นแหละที่โวยวายไม่ดูตาม้าตาเรือเลย" เอ้อ ก็จริงของมัน แล้วกูโวยวายตรงไหนเนี่ย กูยังไม่ได้โวยวายเลยนะ ไอ้นี่ แต่ช่างแม่งเหอะ มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ 





                   ในที่สุดผมก็ถึงห้องซักที แม่งไอ้จีมินมันคิดยังไงชวนผมไปเล่นบาสหลังเลิกเรียนเนี่ย เหนื่อยชิบหาย เหงื่อออกยังกับสายน้ำ แต่ก็รู้สึกดีล่ะว้า เพราะมันทำให้คิดถึงวันเก่าๆ ที่เคยเล่นบาสด้วยกันกับเพื่อนคนอื่นๆ แทบทุกวันหลังเลิกเรียน 


                   ผมโยนกระเป๋าทิ้งลงโซฟาแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำ ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย อยากนอน แต่ตัวชุ่มเหงื่อแบบนี้จะนอนได้ไง อาบน้ำดีกว่า 


                   ตอนนี้เวลา 20:16 น. แล้ว ผ่านมา 10 นาที ผมก็เสร็จจากห้องน้ำพอดี ผมเดินออกมาพร้อมกับเช็ดหัวด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่มักจะใช้อยู่เป็นประจำแล้วมาเช็คดูโทรศัพท์ 



    'แม่'
    สายที่ไม่ได้รับ (2)



                   แม่โทรมาทำไมตั้งแต่เปิดเทอมเนี่ย ผมเพิ่งกลับโซลมาได้ 4 วัน เอง มีเรื่องอะไรอีกแล้วล่ะ แต่ช่างเถอะพรุ่งนี้ผมค่อยโทรกลับแล้วกัน ตอนนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน 


                   พออาบน้ำมาแล้วก็รู้สึกสบายตัวจริงๆ ผมปิดไฟ ล้มนอนลงที่เตียงแล้วหลับตาลง อยู่ดีๆ การที่ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วเจอแสงไฟนอกหน้าต่างนั่นมันก็ทำให้ผมนึกถึงใครคนนึงขึ้นมา... น้องคนนั้น... น้องพีอา ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้น้องแกรู้เลยนิ่ แล้วน้องแกจะเอาเสื้อมาคืนผมถูกได้ไง แต่ช่างเหอะ อย่างน้อยแค่ขอให้เราได้เจอกันอีกก็พอ 


                   หวังว่าพรุ่งนี้เราจะได้เจอกันอีกนะ พีอา... 



         End Part: Taehyung




    ----- 100% -----







    Park Ji Min 
    ปาร์ค จี มิน 




    Kim Seol Hyun 
    คิม ซอล ฮยอน



    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×