ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานจักรพรรดิเทพมังการ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 46


    เสื้อผ้าของนางกำนัลผู้นั้นหลุดออกหมดแล้ว เผยให้เห็นเนินเนื้ออันเปล่งปลั่งนวลตา



    เสียงครวญของนางผู้นั้นฟังไม่ได้ศัพท์ หากแต่พร่ำกระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบาอยู่ตลอดเวลา โอบกอดบุรุษผู้อยู่ในอ้อมแขนไว้ราวกับเกรงจะหลุดหาย



    เพียงครู่เดียว ทุกอย่างค่อยเงียบสงัดลง กลับสู่สภาวะปรกติโดยมิช้า



    เสร็จสิ้นกิจแล้ว ครานี้ เอริคค่อยผลักของนางกำนัลผู้นั้นออก ก่อนจะโยนเหรียญทองคำเหรียญหนึ่งส่งให้นาง พลางกล่าวว่า



    \"ถ้าหากมีคนอื่นนอกจากเราสองคนรู้เรื่องนี้ ชั้นเอาเธอตายแน่!\"



    ………………………………………………………………………………………………………..



    ในเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่มีในโลก ทุกคนล้วนแต่กล่าวขานกันว่า ที่เจ้าชู้ที่สุด ไม่มีใครเกินกว่าเผ่ามังกร



    เหล่าปีศาจอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้งมงายในราคะ หากแต่ถ้าเอ่ยถึงเรื่องความเจ้าชู้ ใช้สตรีเป็นเครื่องเล่นแล้ว ไม่มีผู้ใดที่จะชื่อเสียงเสียไปกว่าเหล่าอัศวินมังกรไปได้



    หากกล่าวว่าปีศาจชอบเลือดโดยสัญชาติญาณแล้ว เหล่าอัศวินมังกรนับว่าเจ้าชู้โดยสัญชาติญาณเฉกเช่นกัน ดังนั้น ลูกครึ่งที่มีเชื้อสายมังกรจึงมีอยู่มากมาย แต่หากว่าอย่างไรเสียก็ยังมีข้อห้าม



    ห้ามมิให้เชื้อสายมังกร ผสมกับปีศาจหรือภูตโดยเด็ดขาด!



    กฎแต่โบราณของเผ่ามังกร ไม่ยินยอมลดตัวลงใกล้ชิดกับสิ่งที่พวกตนถือว่าชั่วร้าย ยิ่งเป็นของสำคัญของเผ่ามังกร ยิ่งไม่อาจให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าพันธุ์อื่นๆได้



    สิบสองปีก่อน เพียงเพราะมีคำทำนายว่าผู้ครองผลึกแก้วมังกรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ ไม่ใช่เชื้อสายบริสุทธิ์ เพียงเท่านี้ ลูกครึ่งทั้งหลายที่มีเชื้อสายมังกรล้วนถูกเข่นฆ่า หากพบว่าถือกำเนิดมาโดยฝ่าฝืนกฎโบราณ เกิดจากมังกรและปีศาจ หรือมังกรกับภูต



    อัศวินมังกรส่วนมาก ที่เป็นบุรุษ มักทอดทิ้งสตรี ดังนั้น ไม่เคยมีอัศวินผู้ใดที่เป็นบุรุษแล้วออกรับแทนบุตรแม้แต่ผู้เดียว หากแต่ที่มีปัญหา กลับเป็นอัศวินที่เป็นสตรี ที่ทิ้งชีวิตปกป้องบุตรมากกว่าครึ่ง แม้ว่าบางส่วน เป็นบุตรที่เกิดจากการถูกปีศาจร้ายบางตนขืนใจ



    หากแต่ความรัก ไยบังคับกันได้?



    เอริคเป็นคนที่โชคดี ที่เป็นลูกครึ่งที่เป็นเชื้อสายมนุษย์ หากแต่ไรอากับไทรารอสกลับโชคร้าย ที่ถูกตามล่าล้าง เพียงเพราะความเชื่อโบราณนี้



    ข้อห้ามโบราณนี้ มีเพื่อสิ่งใดหรือ?



    ………………………………………………………………………………………………………….



    ดวงตาของไรอาเป็นผลึกศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกร หากแต่บิดาผู้เป็นปีศาจ ยังกล่าวว่าดวงตาคู่นี้ แท้จริงแล้ว แฝงด้วยอำนาจชั่วร้ายชนิดหนึ่ง



    อำนาจชั่วร้ายนี้ ที่จริงแท้แล้วนับเป็นเรื่องเช่นไรกันแน่เล่า?



    …………………………………………………………………………………………………………..



    เอริคเดินออกมาจากห้อง กลับพอดีเดินสวนเข้ากับบุรุษอีกผู้หนึ่ง สายตาของคนผู้นั้น ค่อยจ้องมองมายังเอริคอย่างมิใคร่พอใจเท่าไรนัก



    เอริคแม้จะรู้ตัวว่าถูกจ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น ยังทำท่าทางคล้ายไม่สนใจ จวบจนชายผู้นั้นหัวเราะออกมาเบาๆ พลางกล่าวขึ้นว่า



    “เอริค ทำไมไม่ไปหอกลางเมืองเสียเลย มัวหาเศษที่นี่ทำไม? ชั้นเองนึกว่านายชอบแต่เด็กอายุสิบสองเสียอีก ไม่นึกว่าที่จริงคนโตแล้วก็ชอบ”



    ได้ฟังเช่นนั้น เอริคกลับแสดงท่าทางคล้ายขบขันออกมา แทนที่จะโกรธ จ้องมองหน้าฝ่ายตรงข้าม พลางกล่าวออกมาว่า



    “เซรุส นายก็รู้ ถ้านั่นไม่ใช่เจ้าหญิงรัชทายาท ชั้นก็ไม่มีเหตุผลต้องไปหาเรื่องกับวีกัซ”



    “ถ้าไรอารู้ มีหวังต้องโกรธแน่ อย่าลืมว่านั่นเป็นน้องสาวของเขา”



    “อย่างหมอนั่นน่ะ รู้มานานแล้ว ไม่ต้องห่วง คนเผ่ามังกรที่ไม่เจ้าชู้มีที่ไหน? อย่าว่าแต่หมอนั่นเองก็เถอะ คิดว่าเป็นเจ้าชายผู้บริสุทธิ์หรือไง?”



    เอริคกล่าวขึ้นเช่นนี้ พลางหัวเราะออกมาอีก แล้วเดินจากไปด้วยท่าทางคล้ายไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น ขณะที่เซรุสกลับแสดงสีหน้าประหลาดพิกล คล้ายแฝงความไม่พอใจออกมา



    ……………………………………………………………………………………………………………



    องค์หญิงอิลเร่ ผู้ซึ่งเอริคและเซรุสเอ่ยถึงนี้ อยู่ที่ใดกันเล่า?



    องค์หญิงน้อยผู้นี้ เพิ่งจะมีชันษาได้เพียงสิบสอง เรือนผมสีทองเปล่งประกาย ร่างกายเติบใหญ่คล้ายดังสาวอายุสิบห้า มีเพียงรอยยิ้มอันไร้เดียงสานั้น ที่ทำให้รู้ว่าแท้จริง องค์หญิงน้อยนี้ยังเยาว์วัยอยู่มาก



    อิลเร่นั่งเล่นที่สวนดอกไม้ในอุทยาน ดวงตากลมโตสุกใสยังจับจ้องที่พี่ชายของตนอย่างไม่ยอมละสายตาจากไป เห็นไรอานั่งนิ่งอ่านหนังสืออยู่อย่างมีสมาธิ โดยไม่มีท่าทางที่จะหันมาสนใจตนแม้สักนิด



    อิลเร่นั่งอยู่เช่นนั้นเป็นครู่ใหญ่แล้ว ตราบจนกระทั่งความอดทนหมดลง ดังนั้น ใช้มือปัดแย่งเอาหนังสือในมือไรอาออกมา พลางกล่าวขึ้นด้วยเสียงเล็กๆที่แฝงความเอาแต่ใจตนเองเป็นอย่างยิ่งว่า



    “ไม่เอาแล้ว! พี่ไม่เห็นจะเล่นอะไรกับข้าเลย เอาแต่นั่งอ่านหนังสืออยู่นั่นล่ะ มันมีอะไรดีนักหนา?”



    ได้ฟังเช่นนั้น ไรอาค่อยมองหน้าอิลเร่ พลางยิ้มนิดๆอย่างอารมณ์ดี แล้วกล่าวตอบว่า



    “หนังสือจะพาเจ้าไปยังที่ๆไม่เคยไป พบผู้คนมากมายที่ไม่เคยเจอ ถ้าไม่รู้จักอ่านหนังสือ เจ้าก็เป็นผู้ปกครองที่ดีไม่ได้ เพราะจะไม่มีความรู้ อิลเร่”



    “แต่การออกไปหาประสบการณ์ด้วยตัวเองย่อมดีกว่าอ่านแต่ตำรา”



    “ถูกต้อง แต่มนุษย์นั้นชีวิตแสนสั้น เผ่ามังกรมีอายุขัยยืนยาวยังต้องเก็บความรู้ไว้เป็นหนังสือ มนุษย์เช่นเจ้า กว่าจะออกเที่ยวหาประสบการณ์ได้ก็คงสายไปเสียแล้ว”



    “ข้าก็ให้ท่านพี่ช่วยได้ ไม่เห็นต้องอ่านเองเลย!”



    “อิลเร่ เจ้าเป็นองค์หญิงรัชทายาท พี่ของเจ้าผู้นี้เป็นแค่สามัญชนธรรมดา วันใดที่เจ้าครองราชย์ เจ้าจะต้องปกครองแผ่นดินด้วยตัวเอง “



    “ข้าจะแต่งงานกับท่าน แล้วท่านจะได้เป็นพระราชา ช่วยข้าปกครอง!”



    อิลเร่กล่าวเช่นนี้ พลางโถมตัวลงไปทับร่างของพี่ชายด้วยท่าทางคึกคะนองของเด็กแรกรุ่น นางกลับมิคาด เมื่อไรอาเพียงแต่มองนางด้วยสายตามีแววตำหนิ ก่อนจะผลักร่างของนางขึ้น แล้วกล่าวว่า



    “ไม่ได้ อิลเร่ ทำเช่นนี้ไม่ได้..”



    “ทำไม..ข้าน่ารังเกียจ..?”



    “เจ้าเป็นน้องสาว แต่งงานกับพี่ชายไม่ได้ คนดีๆมีอยู่มากมาย อิลเร่ “



    “ทำไมล่ะ..ทำไม…..”



    “เรื่องบางอย่างไม่ต้องการเหตุผล….”



    ไรอากล่าวขึ้น พลางยิ้มนิดๆอย่างอ่อนโยน ก่อนจะลูบหัวอิลเร่แล้วเดินจากไป



    ………………………………………………………………………………………………………



    เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสวนดอกไม้เมื่อครู่นี้ ล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของมังกรขาวจนสิ้น



    สายตาอ่อนโยนที่มีให้อิลเร่เมื่อครู่นี้ เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ?



    สายตาที่อ่อนโยน เป็นคนละเรื่องกับยามที่สบตากับมังกรขาวอย่างลิบลับ ทั้งที่สายตาเมื่อครั้งนั้น มีแต่ความว่างเปล่า ว่างเปล่าจนน่ากลัว….



    คนที่แสดงสีหน้าอ่อนโยนเช่นนี้ได้ เป็นคนที่เป็นจอมบงการเบื้องหลัง เช่นที่วีกัซว่ามาหรือ?



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×