คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2::คนๆนั้น...
“นี่สินะ... สิ่งที่ฉันต้องทำ” ฉันพูดพลางหยิบกระดาษลายกระต่ายจากมือของพีช ที่เธอเขียนให้ฉันมันเป็นภารกิจทั้งหมดที่ฉันจะต้องทำให้สำเร็จภายในสามเดือนเท่านั้น
แต่นี่มันอะไรกัน?
“มีจูบด้วยเหรอ?” ฉันอ่านหนึ่งในภารกิจทั้งหมดที่เขียนไว้ว่า ‘ทำให้เขาจูบเธอให้ได้ ฉันรับรองว่าเขาต้องสนใจเธอแน่’
“ก็นะ...”พีชตอบกลับพร้อมทำหน้าแหยๆเป็นเชิงว่าไม่เห็นเป็นไรเลย แต่ฉันเป็นนะ
“เธอให้เวลาน้อยจังอ่ะ ความรักมันต้องเกิดจากความผูกพันนะ แค่สามเดือนมันจะไปพออะไร” ฉันพยายามหาข้อโต้แย้ง
“ถ้าผู้ชายคิดจะรักน่ะนะ ภายในหนึ่งวินาทียังได้เลย” พีชพูดต่อ
นี่เธอจะพยายามเถียงกลับให้ได้สินะ...
“โห... งั้นถ้าฉันทำให้โซเฟอร์หลงรักฉันได้ เธอต้องไปทำแบบนี้กับเนเวอร์นักร้องสุดเลิฟของเธอนะ” ฉันพูดแกมบังคับ
“ไม่ได้หรอกเทียร์รี่ เธอก็น่าจะรู้นี่ว่าเนเวอร์เขาเป็นนักร้อง เขาเป็นคนดังในสังคมนะ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก แต่เธอน่ะ โซเฟอร์เขาเป็นแค่ผู้ชายเพลย์บอยธรรมดาๆ คนนึงเอง เธอต้องทำได้อยู่แล้วล่ะ” พีชพยายามให้เหตุผล
“ไม่ได้! เธอต้องทำ เข้าใจมั้ย?” ฉันพยายามฝืนบังคับ
ก็ฉันอยากให้ยัยนี่รู้นี่หน่าว่าการทำให้ใครสักคนมารักมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
“เธอทำภารกิจของเธอให้เสร็จดีกว่า แล้วค่อยมาบอกฉัน” พีชหันมามองหน้าฉันก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง (โต๊ะของยัยนี่อยู่ติดริมหน้าต่างน่ะนะ)
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งคิดว่าควรทำยังไงดี...
“เธอไม่เห็นต้องคิดมากเลย พยายามหาเรื่องตีซี้เขาซะก็จบเรื่องแล้ว” พีชพูดออกมาหลังจากได้ยินเสียงฉันถอนหายใจออกมา
“ฉันจะพยายามล่ะกันนะ...” ฉันตอบกลับไปพลางยิ้มออกมาเจื่อนๆ
วันต่อมา
“เทียร์รี่ถ้าไม่รีบจะไปเข้าแถวไม่ทันนะ...” พีชพูดออกมาพลางมองฉันที่กำลังรีบเคี้ยวลูกชิ้นอย่างไม่เกรงใจสายตาแม่ค้า ก็นะ ฉันมาสายแถมยังไม่ได้กินข้าวเช้าอีกนี่น่า
ชีวิตช่างรันทดอะไรเช่นนี้...
“เร็วสิเทียร์รี่!” พีชเร่งให้ฉันรีบๆ กินก่อนที่เธอจะมองนาฬิกาข้อมือของเธอเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“เอี๋ยวอิ... อีกแอ๊กเอียว แค่กๆๆ ลูกชิ้นติดคออ่ะ” ฉันพยายามพูดแบบไม่ค่อยเป็นภาษาคนเท่าไหร่จนส่งผลให้ลูกชิ้นที่ฉันเคี้ยวไม่ละเอียดนั่นติดคอจนได้
“อะไรอีกเนี๊ย!? โอ๊ย... ถ้าไปเข้าแถวไม่ทันฉันโดนด่าแน่เลยอ่ะ” พีชพูดออกมาอย่างหัวเสีย
แล้วเธอคิดว่าเธอจะโดนด่าคนเดียวงั้นเหรอ?
“...” ฉันเงียบก่อนจะรีบเคี้ยวลูกชิ้นในปากให้หมดแล้ววิ่งไปลากยัยพีชออกจากโรงอาหารและพายัยนั่นไปเข้าแถวทันที
หลังเข้าแถว
ฉันกับพีชที่ทะเลาะกันมาตั้งแต่ก่อนเข้าแถวเพราะว่ายัยพีช(กับฉัน)ที่ถูกอาจารย์บ่นเรื่องมาเข้าแถวสายก็ไม่พูดจากัน เพราะยัยนั่นโกรธและโทษว่าเป็นปัญหาของฉัน ฉันก็เลยไม่อยากจะพูดกับยัยนั่น ถึงจะรู้ว่าจริงๆ ฉันเป็นฝ่ายผิดก็เหอะ ถึงจะเป็นแบบนี้แต่ฉันก็ไม่ยอมไปง้อยัยนั่นง่ายๆ หรอกน่า
“นี่เธอน่ะ...ทะเลาะอะไรกับพีชเหรอ?” ซาคุ หนุ่มหน้าหวานลูกครึ่งญี่ปุ่น เดินเข้ามาถามฉันที่แยกตัวออกมาเดินคนเดียวแทนที่จะเดินกับพีช
“ก็เปล่านี่...” ฉันพยายามเลี่ยงที่จะตอบ
ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากเลยยังไงล่ะ
“จะให้ผมเชื่อได้ยังไงล่ะ?” เขาใช้ดวงตาคมเข้มคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นจ้องมาที่ฉันแล้วถามคำถามนั้นออกมา
“นายไม่เชื่อก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ แล้วก็เลิกเรียกแทนตัวเองว่า‘ผม’ ซะที” ฉันพูดตอบก่อนจะบอกให้เขาเลิกใช้สรรพนามที่ดูไม่เหมือนเพื่อนกันกับฉัน
“ทำไมล่ะ? ผมก็เป็นของผมอย่างงี้มาตั้งนานแล้วนะ” เขาเอ่ยตอบ
ท่าทางจะลืมเรื่องที่ฉันทะลับพีชแล้วแหะ...
“มันฟังดูแปลกๆ น่ะ ปกติเพื่อนผู้ชายในห้องเรามักจะเรียกแทนตัวเองว่า‘ฉัน’ นี่น่า” ฉันบอกเหตุผลกับเขาไป อันที่จริงฉันหาเรื่องคุยเพื่อให้เขาลืมเรื่องที่ฉันทะเลาะกับพีช
“ฉัน ฉัน... โอ๊ย~! แต่ผมไม่ถนัดนี่น่า~!” เขาลองพูดออกมาก่อนจะเอามือหนาของเขาขยี้ผมสีน้ำตาลคาราเมลอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาเถอะ แม่นายคงสอนนายมาอย่างงี้สินะ ช่วยไม่ได้ ไม่มาอยู่ประเทศนี้ตั้งแต่แรกเองนี่ วันที่นายเข้ามาเรียนวันแรกน่ะนะ ฉันยังแอบขำกับยัยพีชอยู่เลยที่นายแนะนำตัวออกมาแบบนั้นน่ะ ไม่เป็นภาษาเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ” ฉันล้อเลียนเขาแล้วขำออกมา
“เออ แล้วตกลงทะเลาะอะไรกับพีชเหรอ?” เขาถามอีกครั้ง
แย่ล่ะ... เมื่อกี้ไม่น่าพูดถึงยัยนั่นเลยเรา
“ก็...”
“ห้ามบอกว่าเปล่านะ” เขาพูดขัด
เกลียดคนรู้ทันจริงโว้ย!
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ “ก็คือ...วันนี้ฉันมาสายแถมยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วย พอมาถึงโรงเรียนฉันก็เลยชวนยัยพีชไปโรงอาหารด้วยกัน แต่ฉันเป็นคนกินอาหารช้า พอถึงเวลาเข้าแถวพีชก็เร่งฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผลสุดท้ายก็ไปเข้าแถวช้าทำให้โดนอาจารย์ด่าทั้งคู่ แต่ยัยนั่นก็เอาแต่โทษฉันอยู่ได้ ถึงฉันจะผิดจริงๆ ก็เถอะ แต่ที่โดนด่าน่ะไม่ใช่ยัยนั่นคนเดียวซะหน่อย!” ฉันอธิบายยืดยาว
“ก็เลย...โกรธกันขนาดนี้? ” เขาถามมาเบาๆ
“ยัยนั่นเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ เพราะงั้นฉันจะไม่เป็นฝ่ายไปง้อเด็ดขาด” ฉันพูดออกมาอย่างมั่นใจเต็มร้อย
“พีชก็คงจะคิดเหมือนเธอนั่นแหละนะ...” เขาพูด
“ก็แล้วจะทำไมล่ะ?” ฉันถามกลับ
“ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีทางได้คืนดีกันหรอกนะ” เขาพูดกลับเหมือนจะบอกให้ฉันไปขอคืนดีกับพีช
“แล้วนายจะให้ฉันไปขอโทษงั้นเหรอ? ถ้าตอนแรกยัยนั่นไม่โกรธมันก็ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก” ฉันถามแล้วพูดตะคอกนิดหน่อย
“เอาน่าๆ ผมไม่ได้จะขอให้เธอไปขอโทษพีชหรอกนะ แต่ผมว่าเธอควรกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับพีชดีกว่า... เธอยังมีบางอย่างที่ต้องทำร่วมกับพีชใช่มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องการบ้านเอยทั้งเรื่องรายงานเอย ถ้าเป็นแบบนี้มันจะแย่เอานะ ที่ผมพูดเพราะผมกลัวว่าเรื่องงานของพวกเธอจะมีปัญหากันน่ะสิ” เขาอธิบายออกมาด้วยความเป็นห่วง
ก็จริงนี่นะ... ไหนจะเรื่องภารกิจอีก ถ้าแม่รู้ว่าภารกิจถูกยกเลิกฉันจะต้องโดนด่าแหงๆ
“รู้แล้วล่ะน่า ฉันไปคืนดีก็จบใช่มั้ยล่ะ?” ฉันพูดขึ้นและไม่รอฟังคำตอบจากปากของเขา พูดจบฉันก็เดินไปหาพีชที่เดินอยู่คนเดียวทันที
แต่ได้ข่าวว่าตอนแรกฉันบอกว่าจะไม่ไปง้อไม่ใช่เหรอ?
“พีช... เมื่อเช้าฉันผิดเองแหละ ขอโทษนะ” เมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าพีชฉันจึงก้มหน้าก้มตาพูดเร็วๆ พีชมองหน้าฉันแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า
“เทียร์รี่... ผีเข้ารึเปล่าเนี๊ย? อะไรดลจิตดลใจให้มาขอโทษฉันเนี๊ย? แต่ก็นะ เมื่อเช้าฉันก็พูดว่าเธอแรงไปเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะ”
“เอ๋? เธอ...?” ฉันพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำว่า ‘ขอโทษ’ จากปากของคุณหนูผู้สูงส่งที่ไม่ควรมาขอโทษคนธรรมดาๆ แบบฉัน
“เอาน่า... พอดีเลย นู่นไง เธอเห็นมั้ยว่าใคร?” พีชเบือนหน้าไปทางด้านหลังฉัน เมื่อฉันหันไปมองดูจึงพบว่าที่พีชพูดถึงคือ ‘หมอนั่น’
ความคิดเห็น