ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❃ M I S S.. P O R M I S E ❃ [ YAOI ]

    ลำดับตอนที่ #4 : C H A P T E R T H R E E ❃

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 56


    Supercell

    CHAPTER  THREE
     




    สิ่งที่ใครหลายๆคนไม่อยากพูดถึง สิ่งนั้นแหละที่ผมสามารถสัมผัสมันได้..



    เคร้ง!!

     

    “เฮือก..” ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนที่รู้สึกเหมือนตาเบิกกว้างแต่ความจริงนั้นเปลือกตาของผมนั้นเปิดขึ้นได้เพียงแค่ครึ่งเดียว

    อะ.. เอ่อ.. ขอโทษนะ เราทำให้เฌอตื่นเลย..”เสียงหวานที่ดังอยู่ข้างๆทำให้ผมที่กำลังปรับสายตาเพื่อให้มองทุกอย่างรอบๆ ตัวให้ชัดเจน อืม.. ห้องพยาบาลที่หอ

     

    งั้นเมื่อกี้ก็.. ฝันสินะ

     

    เราขอโทษนะ..” ผมหันไปมองตามเสียงนั้นอีกครั้งก่อนที่จะเลิกคิ้วให้กับคนตรงหน้าที่มือทั้งสองข้างกำถาดใส่ยาไว้แน่น ใบหน้าหวานภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารักน่าชัง ดวงตากลมโตฉายแววรู้สึกผิดอย่างชัดเจน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเหมือนเป็นกังวลอย่าง มากผมที่ยาวประต้นคอถูกซอยเป็นทรงอย่างเรียบร้อยบวกกับผมหน้าม้าที่ทำ  ให้ใบหน้าเล็กๆนี้ทวีคูณความน่ารักเข้าไปอีก

    “...” ผมส่ายหน้าเบาๆประมาณว่าไม่เป็นไรพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้เลยทำให้อีกฝ่ายคลายปมที่คิ้วเรียวได้

     

    ต้องยอมรับ.. ว่าผมก็แอบใจเต้นให้คนๆนี้เหมือนกัน

     

    โอ๊ะ.. ”ผมอุทานขึ้นมาเบาๆเมื่ออยู่ดีๆก็ปวดหนึบที่หัวในระหว่างที่กำลังพยุงตัวขึ้นมาหางตาเหลือบเห็นคนน่ารักปล่อยถาดในมือร่วงลงพื้นจนเกิดเสียงดังกับแบบเดียวกันที่ทำให้ผมตื่นก่อนจะปรี่เข้ามาประคองตัวผมพลางบ่นพึมพำว่าลุกเร็วไม่ได้  เดี๋ยวจะเวียนหัวเอา

    เสื้อนี่..” ผมก้มลงมองสภาพตัวเองก่อนจะพึมพำขึ้นมาเบาๆเหมือนเป็นคำถาม จำได้ว่าก่อนที่ผมจะสลบไปผมยังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำเลยนี่นา แล้ว.. แล้วยังไงต่อนะ.. ผมสลบไปได้ยังไงล่ะ?

    อ่อ.. เสื้อนี่เป็นของคนที่อุ้มเฌอมาส่งน่ะ กางเกงก็ด้วยนะคนตัวเล็กตอบเสียงสดใสพลางยิ้มบางๆมาให้ผม

    เกิดอะไรขึ้นครับ?.. ผมจำอะไรไม่ได้เลยเอ่ยถามเสียงแหบพร่าพร้อมด้วยถ้อยคำที่สุภาพไม่รู้สิบางทีอาจจะเป็นคนๆนี้น่ารักเกินที่ผมจะพูดห้วนๆด้วยได้ลง

    โอ๊ะ.. ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ เราชื่อนิ่ม เรียกเราว่านิ่มเฉยๆนะ..” คนน่ารักที่ผมพึ่งรู้ว่าชื่อ นิ่ม พูดพลางลุกก้มลงเก็บ    ถาดเพื่อนำมาวางไปบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนั้นพร้อมเดินมานั่งข้างๆผมที่กำลังพิงหัวเตียงและมองหน้าผมเหมือนรอคำตอบรับของประโยคเมื่อครู่

    อืม..”

    อื้ม..ส่วนเรื่องที่ว่าเกิดอะไรขึ้นเราก็รู้ไม่มากหรอกนะ เพราะว่าตอนที่ผู้ชายคนนั้น อืม.. เค้าชื่อ ชาญ รึไงเนี่ยแหละ ที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนน่ะ อยู่ดีๆก็อุ้มเฌอลงมาพร้อมจากชั้นบนด้วยสภาพที่สุดจะบรรยายเลยล่ะ..

    หือ..” พอเล่าถึงตรงนี้ก็ดูเหมือนว่านิ่มจะพยายามกลั้นขำเพื่อให้เล่าต่อได้โดยไม่ตะกุกตะกัก อืม.. จากที่ฟังมานายชาญอะไรนั่นคงไม่พ้นไอ้บ้าที่กวนประสาทผมเป็นแน่เพราะผมจำได้ว่าก่อนที่ผมจะสลบไปในห้องอาบน้ำก็มีแต่หมอนี่แหละที่อาบ  อยู่ข้างๆผม

    คิกคิก.. ก็นายคนนั้นน่ะใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวผมนี่ก็ลู่ลงเหมือนลูกหมาตกน้ำเลยแถมฟอร์มเฟิมที่เคยวางไว้ตลอดเวลานี่หลุดกระเจิงเลยล่ะ ฮะฮะ

    "หึหึ.." อดไม่ได้ที่จะนึกภาพตามที่นิ่มเล่าและขำออกมาเบาๆ

     

    เดี๋ยวนะ.. นี่ผมหัวเราะหรอ? แถมยังหัวเราะเพราะเรื่องของหมอนั่น..

     

    แต่พอวิ่งมาใกล้ๆเท่านั้นแหละ ทำเอาเราที่กำลังจะออกเวณจากห้องพยาบาลต้องกลับเข้ามาเปิดห้องพยาบาลใหม่เลยนะ

    ทำไมหรอ?” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยชักติดใจกับการได้คุยกับนิ่มแล้วสิ ถีงแม้นิ่มมักจะมีวิธีการเล่าแบบไม่ต่อเนื่องแต่ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันขาดตอนเลยกลับรู้สึกมีส่วนร่วมด้วยซ้ำ

    ก็สภาพของเฌอน่ะสิทำเอาเราใจหายเลยล่ะ ใครจะไปนึกถึงว่าคนที่เปรียบเสมือนนางฟ้าของชั้นปีอย่างเฌอหัวแตกเลือด    โชกจนต้องถูกอุ้มมาที่ห้องพยาบาลน่ะพอนิ่มพูดอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะเบาๆตรงบริเวณผ้าก็อตที่แปะอยู่ตรงหาวคิ้ว

    "อืมเดี๋ยวนะ.. นางฟ้าของชั้นปี?" อย่าบอกนะว่าเด็กชั้น .6 ของโรงเรียนนี้ทั้งชั้นเรียกผมแบบนี้หมดน่ะ

    แฮะๆ ก็เราได้ยินคนอื่นเรียกแบบนี้อ่ะกรรม.. ผมถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะพยักเพยิดให้นิ่มเล่มต่อ

    อืม..ยังไม่ทันที่เราจะเปิดประตูห้องพยาบาลสุดดีเลยหมอนั่นก็รีบแทรกตัวเข้ามาข้างในจัดแจงวางเฌอไว้อย่างดีเลยล่ะ แล้วก็นะในระหว่างที่เราทำแผลให้เฌอน่ะหมอนั่นก็เดินวนไปวนมาไม่หยุดเลยแหละแถมมืองี้กำชุดที่เตรียมมาไว้ให้เฌอใส่แน่นเลยล่ะ

    แล้วตอนนั้นเราโป๊อยู่หรอ?” ถ้าหมอนั่นจะเซ่อถึงขนาดอุ้มผมวิ่งลงมาทั้งๆที่ยังโป๊อยู่ล่ะก็ น่าดู..

    อ่อ.. ไม่โป๊เลย หมอนั่นเล่นสรรหาผ้าขนหนูที่ไหนก็ไม่รู้ มาพันตัวเฌอเต็มไปหมดเลยล่ะ เหมือนดักแด้เปี๊ยบเลย ฮะฮะนิ่มพูดพลางชี้ไปยังกองผ้าขนหนูประมาณสี่ห้าผืนที่ถูกพับวางไว้อย่าเป็นระเบียบ อืม รอดไป..

    แล้วใครเป็นคนเปลี่ยนชุดให้เราล่ะ?”

    เราเองแหละ พอเราทำแผลเสร็จหมอนั่นก็รีบยัดเสื้อใส่มือเราก่อนจะผลุนผลันเดินออกไปจากห้องโดยที่เรายังไม่ได้ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ เลยไม่รู้เลยว่าตกลงเฌอโดนอะไรมา

    “...”  ผมพยักหน้ารับให้นิ่มเบาๆก่อนจะก้มลงมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่ สัมผัสได้ถึงแรงขยับที่ข้างๆตัวพอชำเลืองมองก็เห็นว่านิ่มลุกออกไปจากเตียงแล้ว 

           บอกตรงๆเลยว่าถึงผมไม่ใช่คนที่ขี้กลัวอะไรแต่ก็อดระแวงไม่ได้.. ผมล้มในห้องน้ำได้ยังไง นี่แหละคือคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวผมและแน่นอนคำตอบเดียวคือ.. ต้องไปถามหมอนั่น

    “อ่ะ นี่ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบนะ ยาแก้ปวดให้กินทุกๆสี่ชั่วโมงในสองวันแรก ส่วนยาแก้อักเสบเนี่ยให้กินหลังอาหาร     สามมื้อจนกว่าแผลจะตกสะเก็ด แล้วเฌอก็ต้องมาล้างแผลกับเราอาทิตย์ละครั้งด้วยนะ เข้าใจมั้ย?” ซองยาขนาดกลางถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมกับเสียงหวานที่อธิบายเรื่องวิธีการกินยาทั้งสองซองนี่และนัดแนะเวลาในการล้างแผลเสร็จสรรพ  ผมรับซองยามาถือไว้ก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มให้นิ่มเล็กน้อยหลังจากไม่ได้ยิ้มมาสองอาทิตย์เต็มๆ.. ถ้าไม่รวมในฝันนะ

    “อืม.. แล้วเรากลับห้องได้เลยมั้ย?” ผมถามก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว อ่า.. ผมไม่ได้หลับไปทั้งคืนนี่

    “แต่นี่ก็ดึกแล้วนะ นอนที่นี่ก็ได้เราก็ว่าจะนอนเหมือนกัน ขี้เกียจเดินขึ้นไปห้องเราอยู่ตั้งชั้นห้าแหนะ” พูดก่อนจะชูนิ้วทั้งห้า ขึ้นมาและแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยสุดๆ

    “ไม่เอาดีกว่า.. เรากลัวนอนไม่หลับ มันแปลกที่น่ะ”ผมตอบไปตามความจริงถ้าไม่นับไอ้ที่สลบมาผมคงไม่มีทางนอนที่นี่ได้หรอก  ไหนจะกลิ่นยาอีกถึงจะไม่แรงมากแต่ผมก็ไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่

    “แต่..”

    “ห้องเราอยู่แค่ชั้นสามนี่เอง เราไหว”

    “งั้นก็.. ตามใจแล้วกันนะ ป่ะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งที่บันได”    นิ่มโน้มตัวเข้ามาหาผมเล็กน้อยเพื่อจะช่วยพยุงให้ผมลงจากเตียงโดยไม่ล้มพับลงไป ถึงแม่จะปฎิเสธว่าไม่เป็นไรแล้วก็เถอะคนตัวเล็กนี่ก็ยังดื้ออยู่ดี

    “ต่อจากนี้ก็เดินระวังหน่อยนะ ถ้ามึนหัวหรือเดินไม่ไหวก็เกาะให้ราวบันไดแน่นๆล่ะ”

    “อื้ม..”

    “แล้วก็อย่าลืมกินยาแล้วก็มาทำแผลกับเราด้วยนะ”

    “อื้ม..”

    “...”

    “...” ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคนช้าๆไม่รู้เมื่อไหร่ที่ผมกับนิ่มยืนก้มหน้าให้กันอยู่อย่างนั้น จะบอกว่ายังไงดีล่ะ มันพูดไม่ออกล่ะมั้งครับ หลังจากผมเสียแม่ไปก็มีนิ่มเนี่ยแหละที่พูดกับผมเยอะที่สุดแล้วไหนจะยังไอ้อาการเป็นห่วงซะเว่อร์นั่นอีก ถ้าจะให้พูดตามตรงคงบอกได้เลยว่า.. นิ่มแอบมีส่วนคล้ายแม่ของผมอยู่เหมือนกัน

    “เฌอ..”เสียงของนิ่มดูหนักแน่นจนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองในทันที

    “...”

    “ถ้าไม่รังเกียจ.. เป็น.. เป็นเพื่อนกับเรานะ”

    “...” ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนความรู้สึกที่เหมือนหัวใจกระตุกวูบ อาจจะเป็นเพราะผมเข้ามากลางเทอมบวกกับนิสัยที่ติดจะเงียบและไม่สุงสิงกับใครทำให้บางคนคิดว่าผมหยิ่งบ้าง ถือตัวบ้าง ถ้าไม่นับพวกที่หลงไหลในรูปร่างหน้าตาของผมพวกที่เหลือก็มีแต่พวกที่เกลียดนิสัยผมทั้งนั้น แต่คนๆนี้.. กลับมาขอผมเป็นเพื่อนทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกัน

     

    จะให้ผมปฏิเสธ.. ก็คงทำไม่ลง

    “อืม.. เอาสิก็ไม่ได้เสียหายอะไร”ผมตอบพร้อมส่งยิ้มบางๆไปให้เพื่อให้อีกฝ่ายได้โล่งใจกับคำตอบที่เพิ่งได้ยินไป

    “อ๊ะ! จริงหรอ? เย้เย้” คนตัวเล็กที่ดูจะดีใจเป็นพิเศษถึงขนาดกระโดดไปมารอบตัวผมเลยทีเดียว

    “นี่ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้”ผมพูดเบาๆเป็นเชิงปรามให้นิ่มหยุดกระโดด เพราะขืนยังทำแบบนนี้และหมุนรอบตัวผมไปเรื่อยๆมีหวังผมคงคลื่นไส้เป็นแน่

    “คิกคิก ก็มันดีใจนี่ ได้เป็นถึงเพื่อนของนางฟ้าในชั้นปีเลยน้า” ผมแอบสะอึกเล็กน้อยมันจะดีมาเลยถ้านิ่มไม่พูดฉายานางฟ้านั่น

    “อ่า.. งั้นเราขึ้นไปนอนแล้วนะ”

    “อื้ม ฝันดีนะ!

    “ฝันดี” พร้อมกับกลับหลังหันเตรียมก้าวขึ้นบันไดแต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้กลางอากาศเมื่อเสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อผมอีกครั้ง

    “หืม?..” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถามและแปลกใจเล็กน้อยเมื่อดวงตาสดใสนั้นมีแววจริงจังทออยู่เล็กน้อย

    “ระวังตัวด้วยนะ..”

     

    จะผิดมั้ย? ถ้าผมจะคิดว่าน้ำเสียงนั่น.. ดูหนักแน่นเหลือเกิน

     

    “อืม..” ตอบรับเบาก่อนที่จะได้รับยิ้มสดใสของคนน่ารักส่งมาพร้อมกับมือเล็กที่โบกมือบอกลาอย่างร่าเริง

     

           เมื่อร่างระหงส์ของบุคคลที่น่าเป็นห่วงพ้นสายตาไปแล้ว สีหน้าและแววตาที่เคยสดใสของนิ่มก็พลันหม่นลงและเจือไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กเอื้อมขึ้นมาลูบคางเบาๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันหลังกลับเดินตรงไปยังห้องพยาบาลช้าๆ แต่แล้วก็ใจดวงน้อยก็กระตุกวูบเมื่อเห็นร่างที่ไม่แน่ใจว่ายังมีชัวิตอยู่รึเปล่านั่งอยู่บนตียงตัวที่เฌอเพิ่งจะลุกไป..

        ร่างสูงแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนที่กลีบปากสีซีดจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำทักทายที่แท้จริงแล้วมันเปรียบเสมือนการประกาศศึกสำหรับคนตัวเล็กเสียมากกว่า..

    “ว่าไงหนุ่มน้อย.. กำลังคิดถึงฉันอยู่รึไง? ฮะ!!







    TO BE CONTINUED..


    ------------------------------------------------------------------------


    writer talk :


    สวัสดีค่าาา//ทำเสียงแบบตุ๊กกี้ เอาตอนที่สามมาเสิร์ฟแล้วเจ้าค่ะ 
    ตอนนี้แอบหลงนิ่มเบาๆ//อรั้งงงงง//บ้า?
    แต่ตอนหลังนี่ทำเอาผวาหน่อยๆนะค่ะเนี่ย
    เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป โปรดติดตามตอนต่อไปค่าาา

    ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกคอมเม้นท์ค่ะ (;



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×