ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Just a friend #ใครว่าก้อนหินไม่มีหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #4 : C O N C E R N [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4K
      569
      19 มี.ค. 64




    C O N C E R N



         กระป๋องเบียร์ที่หมดไปล้มกลิ้ง ผมนอนแผ่ลงบนพื้นห้องเพราะเตียงในตอนนี้มันไม่ใช่ที่ที่จะขึ้นไปจับจองได้อีกแล้ว ถ้าเป็นปกตินี่ไม่ได้เลย แต่ในตอนนี้เจ้าของห้องมันมีแฟน ที่ตรงนั้นก็ต้องเป็นของแฟนมันยังไงล่ะ กอดก่ายกันไม่อายผีสาง คนที่รักนวลสงวนตัวแบบผมน่ะรับไม่ได้เลยจริงๆ 

         หรือศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่าอิจฉาตาร้อน 

         “หยุดกอดกันสักทีได้ไหม” 

         “มึงจะทำไม” ไอ้กำปั้นว่า สอดเรียวแขนกอดเข้าไปรอบเอวของน้องสกายก่อนจะรั้งเข้าไปจนจมอก 

         เหอะ รักกันเข้าไปเถอะ

         ผมก็มีของผมเหมือนกัน! 

         “คุณแอนดริวของพี่เข้มม วันนี้ก็ยังน่ารักน่าชังเหมือนเดิม ขอพี่เข้มหอม ขอพี่เข้มกอดหน่อยนะคนดี วันนี้กะทันหันเลยไม่ได้ซื้อขนมมาฝาก เอาไว้วันหลังพี่เข้มแวะมาหาจะซื้อมาเยอะๆ เลยดีไหม” 

         เมี้ยวว

         น่ารักกก คุณแอนดริวร้องตอบรับคำพูดของผมล่ะ เป็นแมวที่แสนจะฉลาด จริงๆ แล้ว ไอ้เสือลูกชายผมก็ฉลาดเหมือนกันนะ เพียงแค่ไม่ค่อยขี้อ้อนเท่านั้นเอง แล้วก็เป็นแมวประเภทที่แสดงความรักไม่เก่ง ขี้เกียจ วันๆ นอนอย่างเดียว เป็นมิตรแค่กับไอ้หิน เพราะขนาดตัวผมก็ยังเดาไม่ถูกว่าสรุปแล้วไอ้เสือมันรักผมหรือเปล่า

         “มึงนี่เป็นเอามากนะ แต่ก่อนไม่เคยเห็นสนใจอะไรหมาแมว” ไอ้ปิงมองมาด้วยสายตาเหมือนจะบอกว่า โอ้พระเจ้า นี่มันแปลกมาก แต่ก่อนแกไม่ชายตาแลสิ่งมีชีวิตพวกนี้ด้วยซ้ำ

         อะไรประมาณนั้นแหละ

         “ช่วงนั้นจิตใจกูหยาบกระด้าง ยังเข้าไม่ถึงความน่ารักนุ่มฟูของสิ่งมีชีวิตพวกนี้ไง แต่ตอนนี้กูเข้าใจดีแล้วว่าจุดมุ่งหมายสูงสุดของมนุษย์คนหนึ่งก็คือการเลี้ยงแมว และตายไปพร้อมกับน้องๆ ที่น่ารัก” 

         “มึงพามันไปหาหมอบ้างก็ดีนะ” ไอ้กำปั้นทำหน้าเหนื่อยใจหันไปพูดกับไอ้หิน เหอะ ผมไม่คุยกับคนมีแฟนหรอกนะ 

         “ขออนุญาตไม่ได้ยินที่มึงพูดนะ เชิญจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับน้องสกายสุดที่รักของมึงไปเถอะ เมียหลวงอย่างกูทำได้แค่นอนกอดทะเบียนสมรสอยู่แล้วนี่” 

         และทะเบียนสมรสที่ผมหมายถึงก็คือเจ้าแมวอ้วนขนฟูนี่เอง

         “กูปวดหัว นับวันเหมือนคุยกับมันไม่รู้เรื่อง” ถ้าไอ้กำปั้นมันยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากตัวเองได้ก็คงจะทำไปแล้ว สีหน้าของมันบอกแบบนั้นจริงๆ ส่วนไอ้หินก็ยิ้มมุมปาก นอนยกแขนขึ้นเท้าหัวตัวเองไว้ขณะที่มองผมอยู่

         เสื้อนักศึกษาปลดกระดุมไปหลายเม็ดทีเดียว อวดโชว์กล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบที่วับแวมอยู่ภายใต้ร่มผ้า 

         “จะมองหน้ากูอีกนานไหม” 

         “ให้มองตลอดชีวิตก็ยังได้” 

         “...” น่าจะสงบปากสงบคำตั้งแต่แรก ผมควรจะรู้สิว่าไอ้หินมันจะตอบกลับมาแบบไหน คำตอบทำเอาเพื่อนอีกสองคนหันมามอง น้องสกายทำหน้าแดงก้มงุดลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนสบหน้าเนียนใส สถานการณ์ราวกับคู่รักกำลังหยอกล้อกันนี่มันคืออะไร ใครก็ได้ช่วยอธิบายกับผมหน่อยเถอะ

         “นี่เหลือกูโสดแค่คนเดียวเหรอวะ” ไอ้ปิงพึมพำออกมา

         แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องเข้าใจผิด ผมไม่ยอมเออออตามน้ำไปแน่ๆ 

         “กูก็โสด” 

         “โสดอีกไม่นานหรอก” 

         เอ๊ะ ไอ้หินนี่มันยังไง

         จะจีบผมจนกว่าแมวจะได้ครองโลกใบนี้เลยเหรอ

         “ใช่ เพราะกูกำลังวางแผนจะไปตามจีบดาวพยาบาลปีนี้อยู่ ซ้อมมานาน กูอยากร้องเพลงรักน้องปีหนึ่งจีบสาวดูบ้าง” ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ถึงจะรู้ว่ามันจะสร้างความพลไม่พอใจให้กับไอ้หินแต่ผมก็พูดออกไปแล้ว ไม่แม้แต่จะมองหน้ามันด้วย ยิ้มร่ายกคุณแอนดริวขึ้นทำเป็นไม่สะทกสะท้านต่อบรรยากาศภายในห้องที่เปลี่ยนไป

         ที่จริงผมก็เป็นพวกคุยเผื่อคบ เผื่อเลือกคนหนึ่งนะ ก่อนหน้าที่ไอ้กำปั้นจะมีแฟนเป็นน้องสกาย แต่เพราะรู้สึกเบื่อก็เลยเลิกนิสัยแบบนั้นไป แล้วก็อาจจะเพราะ…

         “ไอ้เข้ม” 

         “อะ อื้อ มีอะไร” ผมหลุดจากภวังค์ความคิด เงยหน้าขึ้นมองไอ้หินที่ไม่รู้ว่าลุกขึ้นมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ กระดุมเสื้อถูกติดขึ้นครบทุกเม็ด และเพราะระยะห่างที่ไม่มากทำให้ผมเผลอไผลไปสบตากับอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

         และทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ผมก็มักจจะกลั้นหายใจอัตโนมัติ 

         “กูต้องไปธุระ กลับกันได้แล้ว” 

         “มึงกลับก่อนก็ได้ กูจะอยู่เล่นกับคุณแอนดริว” 

         “ใครจะไปส่ง” 

         “กูกลับเองเป็นไหม หอไอ้กำปั้นใช่ว่าจะไกลจากหอกู” 

         ไอ้หินไม่ได้ถกเถียงกับผมต่อ แค่กำชับกับผมว่ากลับแล้วให้บอกมันด้วยเท่านั้น พอเสร็จก็เร่งรีบออกไป ท่าทางจะเป็นธุระด่วนล่ะมั้ง

         ผมก็ไม่ได้อยู่ต่อนานนักหรอก ไม่ถึงชั่วโมงก็ขอตัวกลับพร้อมไอ้ปิง มายืนรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์ด้านล่างก่อนจะแยกกันไปทางใครทางมัน ผมไม่ลืมแวะเข้าร้านสะดวกซื้อ เลือกหยิบเอาขนม เครื่องดื่มใส่มาเต็มตะกร้าและปิดท้ายด้วยบุหรี่หนึ่งซอง 

         เสร็จธุระเดี๋ยวจะต้องเข้ามาแน่ๆ 

         นอนค้างอีกตามเคยนั่นแหละ เสื้อช็อป ชุดนอนไม่เคยขนกลับ เอาทิ้งไว้ในตู้เสื้อของผมอย่างตั้งใจ

         ไอ้หินไม่ชอบกินขนมเท่าไหร่ ซื้อน้ำอัดลมขึ้นไปเผื่อดีกว่า ซาลาเปาสัก 2 ลูก เผื่อกลับดึกแล้วมันจะหิว นอกจากนั้นก็ซื้อน้ำเปล่าขวดใหญ่มาไว้สักสองขวดด้วย ที่ห้องผมไม่มีน้ำดื่มเหลืออยู่เลย

         แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ รีบกลับขึ้นห้องไปหาไอ้เสือก่อนดีกว่า

         เจ้าแมวส้มตัวอ้วนคงจะคิดถึงผมน่าดู

         …

         ใช่ คิดถึงมาก

         ขนาดว่าเปิดประตูเข้าไป ส่งเสียงเรียกก็แล้ว ก้อนขนสีส้มแสนขี้เกียจก็ยังไม่กระดุกกระดิกกาย มีเพียงหูและหางเท่านั้นที่ขยับบอกกับผมว่ามันยังมีชีวิตอยู่น่ะ บอกผมทีเถอะว่าคนที่เลี้ยงแมวให้แมวรัก แมวหลง วิ่งเข้ามาหา มาคลอเคลียในตอนที่เรากลับห้องมา คนพวกนี้เขาเลี้ยงแมวด้วยอะไรกัน

         “เสือลูกกก ไม่สนใจพ่อเลยนะ มาให้พ่อหอมหน่อยสิ” 

         แง้วว

         “โอ้ย! ข่วนพ่อทำไมเนี่ย” ผมสะดุ้งเฮือก ปล่อยไอ้เสือลงก่อนจะพลิกแขนตัวเองเพื่อมองดูลอยข่วนที่มีเลือดไหลซึมออกมาเป็นทางยาวสามทาง

         โดนอีกจนได้

         หรืออาจจะเป็นเพราะกลิ่นคุณแอนดริวบนเสื้อผ้าของผม 

         แต่ตอนที่พามาอยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรกันเลยนะ เอาเถอะ ไอ้เสือมันคงรำคาญที่ผมเข้ามาอุ้ม อีกอย่างมันก็แค่รอยข่วนเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก แสบแล้วก็คันนิดหน่อยเท่านั้นเอง

         “ไอ้หินจะกลับตอนไหน ช่างแม่งแล้วกัน อาบน้ำดีกว่า” นึกไปถึงคนที่บอกว่ามีธุระอยู่บ้าง แต่คิดว่ายังไงไอ้หินมันก็คงจะกลับมาอยู่ดี อาจจะมืดค่ำสักหน่อย ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีเหมือนกันเพราะว่าผมจะได้นอนพักผ่อนโดยที่ไม่มีใครมาคอยก่อกวน คว้าผ้าเช็ดตัวได้ก็ต้องเข้าห้องน้ำไม่คิดรีรออะไรอีก

         สายน้ำที่ไหลรินลดลงบนกายนั้นไม่ทำให้รู้สึกหนาวเย็น ออกจะกำลังสบายเลยด้วยซ้ำ แต่ก็อดแสบที่แผลไม่ได้ 

         ดีนะที่ผมเป็นผู้ชาย ร่องรอยพวกนี้ไม่ได้สร้างความกังวลให้สักเท่าไหร่ ถ้าจะกังวลก็คงจะเป็น… เป็น เสือลูกรักที่ชอบแสดงท่าทีเหมือนรำคาญกันอยู่ตลอด เรื่องแม่งโคตรน่าเศร้าเลย เมื่อเช้าเพิ่งจะบอกอลันไปว่ามันไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ผิดคาดยอมให้อุ้มอยู่ได้สักพัก ไม่ข่วน ไม่ดื้อเลยสักนิด

         ยิ่งกับไอ้หินยิ่งไม่ต้องพูดถึง

         หรือว่าผมจะถูกไอ้เสือเกลียดวะ TT จะร้องไห้ เฝ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่วันแรกที่ซื้อขาย พาไปหาหมอ ตรวจสุขภาพ ขนมหรือของเล่นแม่จะแพงจนกระเป๋าแบนก็ยังกัดฟันซื้อมาให้ 

         จะมีใครรักเสือได้เท่าผมอีก

         ไม่มี๊! 



         ด้านของหิน

         สิ่งที่หินเกลียดมากที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการถูกบีบบังคับ

         ไม่ว่าจะในด้านไหนก็ไม่เคยชอบใจ แม้ใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ให้ใครเห็นด้วยถูกสอนมาจากผู้เป็นพ่อตั้งแต่เด็ก แต่นัยน์ตากลับฉายแววหงุดหงิดออกมาอย่างตั้งใจ คุกรุ่นราวกับมีไฟสุมอยู่ และยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปกว่าเดิมเข้าไปอีกเมื่อก้าวผ่านประตูห้องเข้าไปพบเจอกับร่างของชายวัยกลางคนที่เขาไม่เคยคิดให้ความเคารพ

         “เอ้า หลานรักของลุงกลับมาแล้ว” เสียงพูดระคายหูดังขึ้นร่วมด้วยเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจ ก้อนไขมันบริเวณหน้าท้องสั่นไหวไปตามแรง มันไม่ใช่ภาพน่ามองเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับเจ้าของบ้านที่นั่งกันเกือบจะพร้อมหน้าพร้อมตาภายในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่โต

         ทว่าความสัมพันธ์และผลประโยชน์บางอย่างก็สามารถทำให้มองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ 

         “หินลูก มานั่งข้างแม่เร็วเข้า ขับรถมาเหนื่อยๆ” ผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างยินดีเมื่อได้เห็นลูกชายสุดที่รัก เรียวแขนดูเปราะบางยื่นออกไปตรงหน้า สัมผัสลงบนต้นแขนแกร่งเมื่อหินก้าวเข้าไปหาแม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ 

         ภรรยาเจ้าของบ้านนั้นยังคงสวยสะพรั่งแม้อายุจะก้าวย่างเข้าสู่เลขสี่แล้วก็ตาม ผิวนวลเนียน เต่งตึงเพราะเดินเข้าออกคลินิกเสริมความงามเป็นว่าเล่น อาหารเสริม ครีมบำรุงราคาแพงลิ่วไม่เคยขาด ทำทุกอย่างเพื่อมัดใจผู้เป็นสามีเอาไว้แน่นจนไร้ซึ่งบ้านเล็กบ้านน้อยอย่างคนที่มีเงินตรามีอำนาจคนอื่นส่วนใหญ่ทำกัน 

         แม่ของเขาคิดแบบนั้น แต่หินคิดว่าการที่พ่อของเขาไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อย มันเป็นเพราะความรักและให้เกียรติต่อคนรักมากกว่า ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเสนอ ช่วงที่เขาอายุยี่สิบต้นๆ ก็เริ่มก้าวตามหลังพ่อเข้าไปยังสถานที่อโคจร 

         พบเจอผู้คนที่พร้อมด้วยอำนาจ เงินทอง และครอบครัว แต่สิ่งที่ไม่มีนั้นคือความซื่อสัตย์ รู้จักพอต่อชีวิตคู่ของตัวเอง 

         พ่อของเขาไม่เคยสนใจเหล่าหญิงสาวที่ถูกคนเหล่านั้นยัดเยียดมาให้ พูดคุยเรื่องธุรกิจเสร็จสรรพ ให้เขาออกความเห็นบ้างเป็นบางครั้ง เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงก็ตรงกลับบ้าน ยิ้มแย้มพูดคุยกับแม่ด้วยสายตารักใคร่ คอยดูแลปกป้อง ถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่สุดท้ายพ่อก็จะเป็นฝ่ายง้องอนก่อนตลอด

         คนที่ยิ่งใหญ่เปี่ยมด้วยอำนาจในสายตาของลูกน้องนับร้อยนับพัน กับคนที่รักนั้นยอมอ่อนให้เสมอ

         ไม่ต้องคอยพร่ำสอน หินก็ซึมซับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อกระทำต่อแม่ของเขามาหมด หมายมั่นว่าเขาจะต้องทำให้ได้ยิ่งกว่าที่พ่อของเขาทำ ดูแลปกป้องให้ดีกว่าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า และคนที่อยู่ในความคิดของเขาก็มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

         “เตรียมน้ำ เตรียมขนมใส่จานมา” เมื่อหินนั่งลง แม่ของเขาก็หันไปสั่งการหญิงสาวที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ไม่ห่าง

         “ไม่ต้องก็ได้ครับ” 

         “ไม่ต้องไม่ได้ ดูสิ ทำไมหน้าอิดโรยแบบนี้ ให้ลูกทำงานหนักเกินไปหรือเปล่าคะ ไหนจะต้องเรียนอีก” ดารินทร์เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของลูกชายคนโตแล้วก็อดโมโหไม่ได้ ตั้งแต่เล็กเธอเฝ้าทะนุถนอม โอบอุ้มมาตลอด ถึงจะรู้ว่างานของผู้เป็นสามีจำจะต้องให้ลูกคนโตเรียนรู้เพื่อรับช่วงต่อในอนาคต แต่ด้วยอายุเพียงเท่านี้มันก็ดูจะเร่งรีบเกินไปอยู่ดี 

         “ฮ่าๆๆ งานแค่นี้จะไปหนักอะไร หลานลุงเก่งขนาดนี้ ทำได้สบายๆ อยู่แล้ว” 

         ไม่ทันที่หัวหน้าครอบครัวจะได้เอ่ยอะไร ชายร่างอ้วนผู้ซึ่งเป็นคนนอกสำหรับพวกเขาก็หัวเราะ พูดแทรกขึ้นมาก่อน ดูเสียมารยาทแต่ก็ไม่มีใครว่ากล่าวอะไร

        “ของหายากที่ลุงอยากได้ หลานก็หามาให้ ไอ้เรื่องราคาถึงจะคิดว่าเกินไปสักหน่อย แต่เห็นแก่ว่าเราสองคนก็ทำธุรกิจร่วมกันมานาน ยอมควักเงินจ่ายไป ถือว่าเป็นค่าขนมให้หลาน” พูดไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมาไม่ทันข้ามไปอีกคืน รูปประโยคดูไม่เอาความ แต่หินรู้ดีว่าคนคนนี้ตั้งใจพูดกระทบว่าเขาไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์ของผู้ใหญ่

         คิดจะให้พ่อตำหนิเขาสินะ ความจริงแล้ว..ถึงต่อให้พ่อจะสนิทกับคนคนนี้มากจนถึงขั้นเอ่ยปากว่า มันก็ไม่ได้ทำให้หินรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดอยู่ดี ในเมื่อของมันมีมูลค่า แล้วจะให้ใช้คำว่าสนิทกันมาเป็นข้ออ้างได้ยังไง

         “ไม่เกินไปหรอกครับถ้าคุณลุงเข้าใจระบบการทำงานของผม” หินเอ่ยบอกไปด้วยเสียงเยือกเย็นไม่สบอารมณ์ ยอมรับว่าของชิ้นนั้นหากได้มาโดยไม่ผ่านการประมูล ราคาของมันไม่น่าจะถึงครึ่งของราคาที่เขาเรียกจากอีกฝ่าย

         แต่เมื่อมันได้มาจากการประมูล อีกทั้งยังเป็นการประมูลกันภายในตลาดมืด ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากตัวคนหาอย่างหินจะคิดค่าเสียเวลา ค่าดำเนินเรื่องต่างๆ บวกกับค่าจ้างมหาศาลที่ตกลงกันก่อนหน้าแล้ว ราคานี้ไม่ถือว่าเป็นการไม่ไว้หน้าคนเป็นลุง 

         ถ้าหากเป็นคนอื่นคงจะยอมจ่ายอย่างง่ายดาย ไม่ทำให้เขาต้องเสียเวลาถ่อกลับมาที่บ้านในช่วงเวลาแบบนี้

         “หน้าตาเคร่งเครียด ลุงก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง จริงจังไปได้ ฮ่าๆ วันนี้ลุงไม่ได้มาที่บ้านหลายเพราะเรื่องนี้หรอกนะ” แม้จะมีศักดิ์เป็นหลาน ทว่าสายตาเย็นชาที่จับจ้องมาอย่างเอาเรื่องนั้นพาให้ร่างอวบอ้วนสะท้านไหว นึกเกรงกลัวแต่ก็ไม่อยากยอมรับ ได้แต่หัวเรากลบเกลื่อนพาเปลี่ยนเรื่องไป

         “กลับมาทั้งที อยู่ค้างคืนที่บ้านหรือเปล่า น้องแกทำตัวเหลวไหล ไม่ดึกก็คงไม่โผล่หัวกลับมาบ้าน ดูเหมือนว่าฉันจะตามใจเกินไป” เมื่อได้โอกาส ผู้เป็นพ่อก็เอ่ยขึ้น ไร้ความสนใจต่อแขกบ้านที่ภรรยาของตนเชื้อเชิญมาในวันนี้ ใบหน้าเคร่งขรึมกล่าวถึงลูกชายคนเล็กของบ้าน

         “พรุ่งนี้ผมมีเรียน คงไม่ค้าง” 

         หินเพียงเอ่ยตอบคำถาม แต่ไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของน้องชาย ถึงแม้ว่าพ่อจะพูดแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงตามใจเหมือนอย่างเคย เพราะแบบนั้นเจ้าตัวดีถึงไม่เคยจะเคารพเขาที่เป็นพี่ชายเลยแม้แต่นิดเดียว ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ ร้องเรียกทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่าเขาได้รับแต่ตนนั้นไม่ได้รับ

         น่าปวดหัวจะตายชัก เป็นไปได้หินก็ไม่ได้อยากจะมีน้องชายสันดานเสียแบบนั้นเหมือนกัน แต่ในเมื่อมีแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต่างคนต่างอยู่ 

         “เรียนเช้าเลยเหรอลูก นอนค้างแล้วค่อยตื่นไปแต่เช้าไม่ได้เหรอ” 

         “ไม่ได้ครับ” 

         “ช่วงนี้ลูกไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะ เข้มเป็นยังไงบ้าง ยังสนิทกันเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า” นึกไปถึงเพื่อนสนิทของลูกชายก็เอ่ยถาม จากครั้งล่าสุดที่ได้พูดคุยกัน เข้มก็ไม่ได้แวะเวียนมาที่บ้านพร้อมกับลูกชายของเธออีกเลย

         ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

         รอยยิ้มของผู้เป็นแม่ไม่ได้ลอดผ่านสายตาของหินไปได้ เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปเพราะยังไม่มั่นใจในสิ่งที่คับข้องอยู่ในใจก็เท่านั้น

         “ผมมีธุระต่อ ที่ให้เข้ามาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” 

         “จริงสิ แม่เกือบจะลืมไปเลย ..ลูกจำน้องไอซ์ได้ไหม ลูกสาวบุญธรรมของลุงก้องเกียรตินี่แหละ น้องเรียนปี 3 ห่างจากลูกแค่ปีเดียว เมื่อวันก่อนมาเยี่ยมแม่ ซื้อขนม ซื้อผลไม้เข้ามาฝาก น่ารักน่าเอ็นดู” รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย ดารินทร์เอ่ยถึงหญิงสาวที่เข้าตาเธอตั้งแต่แรกเห็น สองมือกอบกุมมือเดียวของลูกชายเอาไว้ สื่อความหมายผ่านทางสายตาให้ได้รับรู้

         “ครับ” แต่ก้อนหินที่ไร้ซึ่งพื้นที่ว่างในหัวใจนั้นเพียงตอบรับกลับไปสั้นๆ นอกเหนือจากเข้มแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจคนอื่น

         “ลูกสาวลุงบ่นถึงหลานทุกวัน บอกว่าไม่ได้เจอนานแล้วบ้าง อยากมาหาพี่หินบ้าง แต่พอชวนมาด้วยกันก็เขินม้วนไม่กล้ามา” ก้องเกียรติรีบเอ่ยเสริม ท่าทางของชายหนุ่มรุ่นหลานตรงหน้าดูเฉยชากว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก แผนการในใจที่จะเกี่ยวดองเริ่มสั่นคลอนแต่ก็ไม่คิดยอมแพ้เพราะผลประโยชน์มากมายที่เขาอยากจะได้

         หากลูกสาวได้แต่งงาน รวมเป็นทองแผ่นเดียวกันกับอัครวรกุล ธุรกิจของเขาก็จะต้องฟื้นตัวกลับมายิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อน เงินที่เขาเสียไปกับของล้ำค่า รับรองว่าจะต้องได้คืนมาครบทุกบาททุกสตางค์และจะต้องได้มากกว่านั้นอีก หากลูกสาวของเขาสามารถใช้เสน่ห์ของตนมัดใจอีกฝ่ายได้

         ไอรดาเป็นคนสวย เรียนเก่งและเป็นความหวังของครอบครัวในยามนี้ เพราะสถานการณ์ทางการเงินของบ้าน ทำให้เธอยอมตกลงทำตามความต้องการของพ่อเพื่อทดแทนบุญคุณที่ได้รับมา โดยไม่ได้คิดมาก่อนว่านี่คือสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของครอบครัวเธอ 

         “สำหรับพ่อ หนูไอซ์ก็น่ารักดี แต่พ่อจะไม่บังคับลูกถ้าหากว่าลูกไม่ต้องการที่จะคบหาดูใจกับหนูไอซ์” พิชญุตม์จับจ้องใบหน้าลูกชาย เขาบังคับลูกชายคนโตมาหลายเรื่อง ขณะที่ลูกชายคนเล็กนั้นช่างอิสระ เมื่อปล่อยให้เป็นอิสระไม่ได้ในเรื่องงานของครอบครัว เขาจึงอยากให้อิสระกับลูกชายในการเลือกหาคนที่รัก

         เพราะชีวิตคู่นั้นสำคัญ ให้มาจากตระกูลสูงส่งขนาดไหน ดียังไง เมื่อไม่รักก็ไม่สามารถที่จะสร้างชีวิตครอบครัวที่แสนสุขขึ้นมาได้

         “แต่ว่าแม่บังคับ” 

         สามีภรรยาสบตากันนิ่ง ความเห็นที่ไม่ตรงกันสร้างความอึดอัดขึ้นในบ้านหลังใหญ่โต เหล่าลูกน้องพากันก้มหน้านิ่ง ไม่บ่อยที่ผู้มีอำนาจภายในบ้านทั้งคู่จะมีเรื่องขัดแย้งกัน ครั้งล่าสุดก็ทำราวกับจะแช่แข็งคนในบ้าน ต่างคนต่างเงียบ ไม่พูดจากันแม้แต่คำเดียว ดีที่สุดท้ายแล้วนายท่านก็ยอมลดศักดิ์ศรีลงและเป็นฝ่ายพูดคุยด้วยก่อน บ้านถึงได้กลับมาเป็นบ้านเช่นเดิม 

         แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้มันจะไม่ได้จบลงง่ายๆ 

         “คุณควรให้ลูกเลือกสิ่งที่ลูกต้องการ” 

         “ฉันตามใจหินมาตลอด มีแต่คุณนั่นแหละที่บังคับทุกอย่าง มาเรื่องนี้ฉันบังคับลูกบ้าง คุณก็ไม่ควรยื่นมือเข้ามายุ่งนะคะ ลูกสะใภ้ของฉันถ้าไม่ใช่หนูไอซ์ ก็จะต้องเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อม เหมาะสมกับลูกของเรา” 

         “เหมาะสมแล้วยังไง คุณคิดว่าความเหมาะสมจะทำให้ลูกมีความสุขมากกว่าความรักอย่างนั้นเหรอ ถ้าผมไม่ได้รักคุณ แต่เลือกแต่งงานกับคุณเพราะความเหมาะสม คุณคิดว่าตัวเองจะมีความสุขหรือเปล่า” จากการพูดคุยร่วมกัน กลายเป็นบทสนทนาเคร่งเครียดของสองสามีภรรยา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมและยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก 

         “พอเถอะครับ ชีวิตของผม..ผมเลือกเองได้ การที่ผมยอมเรื่องอื่น ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้ผมจะยอมให้ใครมาบอกว่าผมต้องเลือกแบบไหน ขอบคุณนะครับพ่อ ผมจะกลับแล้ว ..แม่ครับ ถ้ายังอยากให้ผมกลับมาที่นี่ อย่ายุ่งเรื่องคนรักของผมอีก” 

         หินเด็ดขาดพอที่จะเอ่ยออกไปอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะทำให้ผู้เป็นแม่เสียใจ ตั้งแต่เกิดมาเขายอมมาหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของน้องชายที่ยอมให้มากที่สุด แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถยอมให้แม่ได้จริงๆ 

         ถ้าไม่ใช่เข้ม เขาก็ไม่คิดจะให้ตำแหน่งคนรักกับใครทั้งนั้น

         ..

         ถึงตอนนี้จะเป็นได้แค่เพื่อนสนิทก็เถอะ 




         “ไงพี่ชาย นึกว่าวันนี้จะไม่มาแล้วซะอีก” โชกุน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบห้าว มุมปากกดลึกเป็นรอยยิ้ม ดวงตาเรียวคล้ายสุนัขจิ้งจอกฉายแววยินดียามที่เจ้าของร่างกำยำคุ้นเคยกันเดินผ่านเข้ามาภายในห้องมืดที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งเมื่อเจ้าของห้องจุดมันและส่งต่อให้กับแขกผู้มาเยือน

         “ขอโทษที แวะไปที่บ้านมา” หินรับมันมาคาบใส่ไว้ในปาก ควันสีขาวถูกพ่นผ่านกลีบปากหยักออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย 

         “ผมก็แค่แซวเล่น ว่าแต่..มาคราวนี้มีงานใหม่บ้างหรือเปล่า” 

         “อืม รายละเอียดอยู่ในนี้ ส่วนซองนี้คือค่าจ้างของมึงจากงานที่แล้ว” ซองเอกสารพร้อมด้วยซองบรรจุเงินถูกส่งต่อไปให้คนที่กำลังแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี ส่งเสียงผิวปากออกมาหลังจากกวาดสายตาอ่านแผ่นกระดาษที่อยู่ด้านใน

         “ของหายากอีกแล้ว แต่ไม่เกินความสามารถของผมแน่นอน ว่าแต่..คราวนี้ให้ผมเอาเข้าประมูลอีกไหม” 

         “ทำอย่างที่มึงถนัดนั่นแหละ” คนถูกถามยิ้มรับ ธุรกิจที่ไม่ได้ขาวสะอาดตั้งแต่แรกก็ต้องย่อมมีกลโกงกันบ้างเล็กน้อย คนรวยส่วนใหญ่ถ้าหากมีเงินมากมายเหลือใช้จริงๆ ก็มักจะไม่สนใจวิธีการได้มา ขอแค่ได้มาก็เพียงพอ จะต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหา หลังจากที่บวกลบความเสียหายแล้ว การเอาของพวกนี้เข้าประมูลในตลาดมืดนั้นทำให้เขาได้กำไรมากกว่าการหาของมาและส่งต่อให้กับผู้ว่าจ้างหลายเท่า

         “ผมคิดว่าคงจะหาได้ไม่เกินอาทิตย์นี้ ได้มาแล้วผมจะติดต่อพี่ไปอีกที” 

         “ตามนั้น” 

         “พี่ดื่มอะไรก่อนไหม หรือว่ารีบกลับ” 

         “รีบ แต่กูมีอะไรอยากให้มึงช่วยอีกอย่าง” 

         “ว่ามาเลย ถ้าเป็นพี่ ผมพร้อมช่วยทุกอย่าง” โชกุนไม่เคยลืมว่าที่เขามีชีวิตมาถึงวันนี้ได้มันเป็นเพราะใคร เด็กที่เกิดในครอบครัวร่ำรวยแต่ไม่ได้เคยได้รับความรัก พ่อแม่สุมความเกลียดชัง มองเขาเป็นเพียงที่ระบายความอัดอั้น ทำร้ายร่างกายอย่างสาหัส ถ้าหากไม่ได้บุคคลตรงหน้า เขาอาจจะจบชีวิตของตัวเองไปตั้งนานแล้ว

         หินเป็นคนเดียวที่มองเห็นถึงความสามารถของเขาและช่วยส่งเสริมจนมาได้ถึงขนาดนี้ ต่อให้มีคนเสนอเงินมากกว่าและบอกให้เขาทรยศอีกฝ่าย เขาก็ไม่คิดจะทำ

         “หาประวัติของคนคนหนึ่ง เคยคบหากับใครและตอนนี้กำลังคบใคร เพื่อนรอบข้างหรือสถานที่ที่ชอบไปบ่อยๆ พอจะหาได้หรือเปล่า” 

         “ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย ผมต้องการแค่ชื่อ ข้อมูลทุกอย่างผมจะส่งให้พี่วันพรุ่งนี้” 

         “ดี แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง” 

         “ก็..ไปได้สวยล่ะมั้ง” น่าเบื่อแต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย อย่างน้อยการเข้าสังคมก็ทำให้โชกุนได้เก็บข้อมูลอะไรหลายอย่างซึ่งเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย การรู้จักคนเยอะมันสำคัญกับงานของเขา 

         “ตั้งใจเรียนหน่อย อย่างน้อยก็จะได้ลบคำสบประมาทของพ่อแม่มึง ทำให้พวกเขาเห็นว่ามึงสามารถเรียนจบได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพวกเขา” 

         “ที่ผมทำทุกวันนี้ ผมไม่ได้คิดถึงพวกเขาเลยสักนิด แค่พี่ภูมิใจในตัวผมก็พอแล้ว” 

         คนพูดยิ้มร่าขณะที่คนได้ฟังนั้นเพียงแค่ส่ายหัว มุมปากยกขึ้นเพียงนิดพลางคิดอยู่ในใจว่าถ้าน้องชายของเขาทำตัวให้น่าเอ็นดูอย่างเด็กหนุ่มตรงหน้าสักหน่อย หินก็คงจะไม่เฉยชากับอีกฝ่ายมากจนเหมือนกับว่าสถานะพี่น้องนั้นเป็นเพียงแค่คนที่มีสายเลือดเดียวกันแต่ไร้ซึ่งความผูกพันใดๆ แบบนี้

         “กูจะกลับแล้ว” 

         “ไม่อยู่ดื่มด้วยกันก่อนจริงๆ อะ” 

         “ไว้วันหลัง” หินส่ายหัว ยกเรียวแขนขึ้นจ้องมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือก่อนจะบอกลากับเจ้าของห้องอีกครั้ง เขาเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสนิทอย่างกำปั้นขึ้นมาแล้วสิ เวลาถูกชวนออกมาดื่มเหล้า เที่ยวเตร่กันปกติในกลุ่มเพื่อน อีกฝ่ายมักจะชอบดูเวลาบ่อยๆ พะวักพะวนอยากจะกลับอยู่ตลอดเวลา

         ถ้าหากไม่เรียกความรู้สึกนี้ว่าคิดถึง ก็คงไม่รู้จะเรียกว่าอะไรได้อีก




    KHEM



         ผมออกจากห้องน้ำมานั่งเล่นเกมกับน้องสกายและไอ้กำปั้นหลังจากที่อาบน้ำ สระผมเสร็จสรรพ ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งตามธรรมชาติเพราะขี้เกียจเช็ด อีกอย่างเส้นผมของผมมันก็ไม่ได้ยาวอะไรอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสนใจมากหรอก

         “กูออกรองเท้าสองข้างดีไหม จะได้วิ่งไวๆ” 

         [อย่าหาทำไอ้สัส] เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงของไอ้กำปั้น ผมหัวเราะกับความคิดพิเรนทร์ในหัวตัวเอง กดเปิดช่องร้านค้าในเกม ก่อนจะขายเอาของที่เพิ่มพลังในการโจมตีออกและกดซื้อรองเท้ามาอีกข้างเพื่อให้ครบคู่ เท่านี้ตัวละครของผมก็จะวิ่งเร็ว เติมไฟต์ให้เพื่อนได้อย่างทันท่วงที

         ที่ไหนกันล่ะ.. 

         [ไอ้เข้ม ถ้าอยู่ใกล้ กูจะถีบให้แล้วเนี่ย ออกของดีๆ] พูดจาใจร้ายใจดำ ปากผมบิดคว่ำลงแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะทำตาม ของแบบนี้มันอยู่ที่สกิบเพลย์ ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมน่ะมันฝีมือระดับโปรแล้ว ไม่ออกของสักชิ้นก็ยังสู้ได้! 

         You have defended an enemy..

         “เอ๊อะ” อยู่ๆ ก็ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วง 

         [ไอ้เข้ม] 

         “มันมาเยอะเว้ยมึง” ผมรีบพูดขึ้น ส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ตอบกลับไปหวังให้กำปั้นมันไม่ทะลุดิสคอร์ดออกมาแดกหัวกันก่อน

         [ตอแหลละ กูเห็นมึงวิ่งเข้าไปหาตีนเขาเอง] 

         [ไม่เป็นไร กำปั้นอย่าว่าพี่เข้ม เดี๋ยวกายแบกเอง] น้องสกายปกป้องผม และแน่นอนว่าคนรักแฟนหลงแฟน ตามใจยิ่งกว่าอะไรแบบไอ้กำปั้นจะต้องเงียบลงในทันที มีแบ็กดีก็แบบนี้แหละครับ แค่จับเอาน้องสกายมายืนตรงหน้า ต่อให้ไอ้กำปั้นมันจะฟาดงวงฟาดงาเตรียมจะกระโดดถีบตีนคู่ใส่ผมก็ต้องหยุดค้างกลางอากาศ

         เรียกได้ว่า น้องสกายนั้นสามารถทำหน้าที่เป็นยันต์กันไอ้กำปั้นในโหมดเกรี้ยวกราดได้เป็นอย่างดี

         เชื่อเถอะ ผมทำบ่อย

         [กูก็ไม่ได้ว่าอะไรมัน] 

         [กำปั้นทำเสียงดุ] 

         [เออๆ ไม่ว่าแล้ว อย่ามาทำหน้ามุ่ยใส่กู เดี๋ยวกัดปากให้หรอก] 

         จ้าา มันไม่ต้องเกรงใจเพื่อนกันแล้วมั้ง จะมากัดปากอะไรกันกลางดิสคอร์ดที่มีผมเป็นสิ่งมีชีวิตแสนโสด ไร้คู่อยู่คนเดียว 

         ในทีมมีกันอยู่ 5 คน แต่พวกผมเล่นกันแบบกด 3 และพูดคุยกันในดิสคอร์ดที่เป็นโปรแกรมสำหรับสื่อสารกันก็เลยมีแค่เราเท่านั้น ไม่มีคนนอกเข้ามาวุ่นวายได้ มันค่อนข้างสะดวกสำหรับสายเกมเมอร์เวลาที่จำเป็นจะต้องคอลล์เกมกับเพื่อน 

         แต่ทางที่ดีอย่าคอลล์เกมกับเพื่อนที่มีแฟน เพราะคุณจะรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายยิ่งกว่าลอยคออยู่กลางทะเลคนเดียว ยิ่งกว่าแก้ผ้ายืนท่ามกลางหิมะโปรยปราย

         ก็ว่าไปอย่างนั้น ผมเคยไปแก้ผ้ายืนวันที่หิมะตกได้ยังไงก่อน ในเมื่อประเทศที่ผมใช้ชีวิตอยู่มันไม่มีฤดูหิมะตก

         ปึงๆๆ! 

         โอ๊ะ เหมือนว่าจะมีคนมา

         “ไอ้หินน่าจะกลับมาแล้ว” ผมเอ่ยบอก เอี้ยวกายไปมองประตูห้องที่เปิดออกเพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก 

         “กินข้าวหรือยัง ซื้อมาฝาก” 

         “ยังอะ ซื้ออะไรมา” 

         “ข้าวหน้าหมูทอด” 

         “จริงอะ! กำลังอยากกินเลย ที่จริงก่อนกลับมาหอกูซื้อของกินมาเพียบ แต่ยังไม่ได้กิน” ตอนแรกก็ว่าจะกินนั่นแหละ แต่ไอ้กำปั้นชวนมาเล่นเกมก่อน ก็ว่าจะเล่นแค่ไม่กี่เกม แต่ทำไปทำมาก็อย่างที่เห็นนี่แหละ

         ไอ้หินพยักหน้าลง เดินเข้าไปดูบรรดาขนมที่ผมซื้อมา “มีแต่ขนม น้ำอัดลมกินเยอะๆ ไม่ดี ไม่รู้หรือไง” 

         “เผื่อมึงด้วยหรอก ยกเว้นขนม ที่กูซื้อมาก็เผื่อมึงทั้งนั้น” 

         คนอุตส่าห์มีน้ำใจนะ

         “หึ” หัวเราะออกมาเมื่อผมหันกลับไปเถียง ไอ้หินมันกำลังปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก ผมก็รู้แหละว่าเรามีทุกอย่างเหมือนกัน แต่ก็ยังรู้สึกกระดากอายที่จะมองต่อ เลยหันกลับมาจดจ่อกับเกมที่กำลังเล่นอยู่ต่อ ฟังเสียงเดินของเพื่อนสนิทที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่ข้างผม ย่อกายต่ำลงให้ใบหน้าของเรานั้นอยู่ในระยะเดียวกัน

         “เล่นกับไอ้กำปั้นเหรอ” 

         “น้องสกายด้วย” 

         เมื่อได้คำตอบ ไอ้หินก็ส่งเสียงตอบรับว่า “อ้อ” ก่อนจะถอยห่างออกไป ไม่ถึงเสี้ยวนาทีก็ก้มกลับลงมาอีกครั้ง ความห่วงใยมากมายสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาสีดำมืด “โดนเสือข่วนอีกแล้ว?” 

         “อื้อ กูไปกวนมันอะ มันคงรำคาญ” ผมตอบออกไป พลิกแขนตัวเองให้อีกฝ่ายได้มองชัดๆ ก่อนจะชะงักเมื่อพบว่าดวงตาเรียวดุกำลังจ้องมองอยู่ ท่าทางเป็นห่วงมากเกินพอดีทำเอาหัวใจกระตุกวูบ เต้นรัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

         “ล้างแผลหรือยัง” 

         คำตอบของผมคือการพยักหน้าลงรัวๆ มือหนึ่งที่จับโทรศัพท์อยู่ไม่อาจเล่นเกมต่อได้แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนในทีมทำลายป้อมใหญ่ของศัตรู และเกมก็จบลง 

         “เอามันไปคืนดีไหม” ไอ้หินมองสำรวจแผลผมอยู่นานกว่าที่มันจะพูดขึ้นด้วยเสียงดุดัน ตวัดสายตามองไปยังลูกรักของผมที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำเอาผมรีบส่ายหน้าร้องบอกออกไปลิ้นพันกันมั่ว

         “ไม่ๆ มันไม่ได้ข่วนเจ็บ คือกูไม่เจ็บเลย ไม่เป็นอะไรด้วย แล้วมันก็ไม่ได้ข่วนกูทุกครั้งที่กูเล่นมันอาจจะแค่รำคาญเป็นบางครั้ง..อย่าเอามันไปคืนนะหิน” 

         “เอาไปคืน กูจะหาตัวใหม่มาให้ เอาที่นิสัยดีกว่านี้” เสือคือแมวที่ไอ้หินช่วยติดต่อหามาให้ผม เจ้าของแมวเป็นคนรู้จักของมัน จะเอาไปคืนคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าผมเลี้ยงของผมมา ถึงมันจะค่อนข้างดุร้ายไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาไปคืนเลย

         “เสือก็ดี มันไม่ข่วนมึงเลยไม่ใช่เหรอ” 

         “แต่ข่วนมึง” 

         “...” 

         “วันไหนว่างกูจะเอาไปคืน” เพื่อนสนิทยังคงไม่ล้มเลิกความคิด และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมคิดจะใช้ความชอบของอีกฝ่ายมาเป็นเครื่องมือ

         “ถ้ามึงเอาเสือไปคืน กูจะไม่คุยกับมึงอีก” 

         “เข้ม” 

         “พูดจริงๆ ถ้ามึงเอามันไป กูจะโกรธแล้วก็ไม่คุยกับมึงอีก” ผมว่าเสียงแข็ง จ้องตากับไอ้หินอย่างไม่ยอมแพ้จนสุดท้ายแล้วคนที่ยอมก็กลายเป็นมันเองที่ยกมือขึ้นพลางถอนหายใจออกมาพลางถอยห่างออกไป

         “โอเค ไม่เอาไปแล้ว” 

         “ผิดที่กู กูชอบหยอกให้มันรำคาญ” เมื่อไอ้หินยอมผมก็ไม่จำเป็นต้องทำท่าปั้นปึ่งใส่อีก เลื่อนสายตามองไปยังแมวส้มตัวอ้วนอย่างหวงแหน ไอ้เจ็บมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่ว่าผมก็รักของผมเหมือนกัน เพราะชอบหยอกล้อคลอเคลียตลอด เสือมันก็เลยมีช่วงเวลาที่รำคาญผมบ้าง ผมเองก็รู้ตัวดี

         “อือ เจ็บหรือเปล่า” แขนผมถูกไอ้หินสัมผัสแผ่วเบา ทำอย่างกับง่ามันกำลังถืออะไรสักอย่างที่บอบบางมากๆ คิ้วขมวดแน่นเป็นปมเดียว ส่งต่อความห่วงใยผ่านทางสายตามาจนผมไม่กล้าที่จะสู้สายตาด้วย

         “นิดหน่อย อีกอย่าง..แค่แมวข่วนเอง มึงก็รู้ว่าตอนมัธยมกูได้แผลมากกว่านี้” 

         “ปากมึงมันชอบเรียกหาตีนไง” คนพูดลุกและเดินห่างออกไป ผมรู้ว่าไอ้หินกำลังจะทำอะไร ถ้าอย่างนั้นคงไม่เล่นเกมต่อแล้วล่ะ ว่าจะกินข้าวด้วย บอกลาไอ้กำปั้นกับน้องสกายที่คุยกันหงุงหงิง เปลี่ยนดิสคอร์ดให้กลายเป็นสีชมพูก่อน 

         “ไอ้กำปั้น กูเลิกแล้วนะ หาข้าวกินก่อน ไว้ค่อยเล่นด้วยใหม่..พี่เข้มไปน้า น้องสกายของพี่ มาจุ้บทีได้ไหมครับบ จุ้บบบ” 

         [จุ้บครับ] 

         น่าร้ากกกกก

         ผมก็อยากจะคลั่งรักแฟนเพื่อนอยู่เหมือนกันนะ 

         [จุ้บที่ตีนกูเนี่ย เลิกเต๊าะแฟนกูสักที ไม่งั้นกูจะบอกไอ้หินให้รวบหัวรวบหางมึง” ไอ้กำปั้นทิ้งท้ายก่อนจะเตะผมปลิวออกมาจากดิสคอร์ด 

         หยาบคายมาก! 

         ใครรวบหางใคร ถ้าจะได้กัน อย่างน้อยผมสิต้องเป็นคนรวบหัวรวบหาง หึ ไอ้หินน่ะอย่าได้ฝัน

         “อ๊ะ เบา มึงทำเบาๆ ดิ” ผมสะดุ้งเฮือกพร้อมส่งเสียงร้องออกมาเมื่อไอ้หินบรรจงทาเนื้อครีมลงบนรอยข่วนลึกที่เป็นทางยาว กำลังจมอยู่กับความคิดไร้สาระของตัวเอง ก็เลยไม่ทันได้สนใจว่าเพื่อนสนิทเดินกลับมานั่งตอนไหน

         “แค่แมวข่วนไม่ใช่หรือไง” 

         “มือมึงหนักอะ” 

         “ทนเอา กูพยายามเบามือแล้ว” พูดไปก็เลื่อนสายตาขึ้นมามองผมไปด้วย น้ำหนักมือลดลงเยอะทีเดียว ทำให้ผมค่อยๆ ผ่อนคลายไม่เกร็งอย่างในตอนแรก

         “มึงนี่ใส่ใจเก่งว่ะ ถ้าไม่ใช่กู ใครได้เป็นแฟนก็โคตรโชคดีเลย” ไม่ได้ปริปากขอร้องสักคำ ไม่ว่าจะเรื่องข้าวที่ซื้อมาให้ หรือกระทั่งเอายามาทาแผลรอยแมวข่วนให้ผม เป็นคุณสมบัติที่พึงมีสำหรับคนเป็นแฟนกัน ใส่ใจและคอยนึกถึงอยู่ตลอด

         “ไม่ใช่มึงก็ไม่มีใครได้เป็นแฟนกูทั้งนั้น” 

         “เพื่อนกัน จะเป็นแฟนกันได้ยังไงวะ” 

         “ก็ไม่ได้มีกฎว่าห้ามจีบเพื่อน” ไอ้หินตอบกลับ เสียงดังฟังชัดสั่นสะท้านความรู้สึกผมรุนแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหว ยิ่งปลายนิ้วลูบไล้อยู่บนแขนแบบนี้ก็ยิ่งมีแรงสั่นไหวเพิ่มมากขึ้นไปอีก 

         ขมวดคิ้วตอบกลับไปจริงจัง “แต่กูไม่ได้ชอบมึง” 

         “ลองคบก่อน เดี๋ยวก็ชอบเองนั่นแหละ” 

         “...” 

         ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอวะ

         อารมณ์เหมือน แต่งๆ ไป เดี๋ยวรักกันเองอย่างนี้ป่ะ

         “คลุมถุงชนนี่หว่า” ผมแกล้งเอ่ยเย้าออกไป เลิกคิ้วขึ้น ยิ้มมุมปากกวนตีนอีกฝ่ายเล่น โดยที่ไอ้หินเองก็หัวเราะแผ่ว ตอบกลับมาเช่นกัน

         “จีบดีๆ ไม่ชอบ ก็ต้องทำแบบนี้” 

         “จริงจัง?” 

         “จริงจัง..ทั้งกับความรู้สึกแล้วก็มึง” พูดขนาดนี้ก็เอาแหวนมาสวมใส่ให้ผมเลยเถอะ ดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทจะไม่ล้มเลิกความคิด ชีวิตของผมดูจะมีเรื่องราววุ่นวายเพิ่มเข้ามาในอนาคตข้างหน้าแล้วล่ะ

         แค่คิดมันก็น่าปวดหัวแล้วป่ะ

         “กูเป็นแฟนมึงไม่ได้หรอก” 

         “อืม เข้าใจ” 

        “...” เอ้า ยอมง่ายจังวะ

        “งั้นก็เป็นเมียแทนแล้วกัน” 







    --100%--


    พี่หินผู้ซึ่งทนทานไม่สะท้านต่อคำว่าเพื่อน!!

    คืนนี้อัพดีไหมน้าาาาา


    อย่าลืมคอมเม้นนะค้าบ อิอิ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×