คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [gyumyung] รักต้องห้าม (3/3)
รักต้องห้าม..ไม่มีสิทธ์รัก
ดวงตากลมโตของร่างบอบบางมอดทอดออกไปอย่างไร้จุดหมาย
โดยมีร่างหนาของซองกยูนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆอย่างเงียบๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ก็ตั้งแต่ที่เขาพามยองซูมานั่งเล่นที่แม่น้ำฮันเพื่อทำให้ร่างบางผ่อนคลายนี้ก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงแล้วที่มยองซูเอาแต่นั่งเงียบ
เขาเองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรเพราะกลัวไปกระทบกระเทือนจิตใจอีกคนเข้า
“จะกลับกันได้ยัง”ซองกยูถามเสียงเรียบตามแบบฉบับของตัวเองแล้วเหลือบตามองคนข้างๆที่หันมามองหลังจากได้ยินเสียงของเขา
“ฮึก”มยองซูไม่รู้จะพูดอะไร
แต่แล้วหัวใจของเขามันก็สั่งให้เขาหาที่พึ่งพิงและตอนนี้มันก็มีแค่คนเดียวคือซองกยู
ร่างบางโผล่เข้ากอดอีกคนไว้แน่นก่อนจะร้องไห้ออกมา
เขาไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ความรู้สึกผิดมันกำลังกัดกินหัวใจเขา
“นี่ ฉันปลอบใจคนไม่เป็นหรอกนะ”ซองกยูว่าแล้วนั่งนิ่งให้อีกนกอดและซบอยู่แบบนั้น
เอาความจริงเขาก็อยากจะปลอบมยองซูนะแต่ไม่กล้า กลัวอีกคนจะด่าเอา
“ซองกยู”มยองซูเรียกอีกคนสียงแผ่ว ซองกยูจึงก้มมองหน้าคนที่กอดเขาอยู่
“หืม”ตอนนี้ดวงตาคมของร่างหนาไม่สามารถละจากดวงโตที่มีเสน่ห์นี้เลย
เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมโฮวอนถึงหลงรักอีกคนทั้งๆที่เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วัน
“นายช่วยจูบฉันหน่อยได้ไหม”มยองซูเอ่ยบอกอีกคนก่อนจะหลุบตาต่ำ
เขาพูดอะไรออกไป ซองกยูเกลียดเขาขนาดนี้คงไม่ยอมทำแบบนั้นแน่
แต่เขาก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่อยากให้ซองกยูเป็นคนช่วยลบล้างความผิดนั้น
มันอาจจะดีก็ได้ถ้าซองกยูเป็นคนจูบเขาเพื่อทำลายรอยจูบของโฮวอน
ยังไงซะซองกยูก็ไม่ได้เป็นพี่ชายเขา
“เมาเหรอ?”ซองกยูถามอีกคนพรางช้อนครางเล็กขึ้นมาให้มองหน้าตน
เขาแทบไม่อยากเขื่อหูตัวเองว่ามยองซูจะพูดแบบนั้นออกมา อีกคนดูจะไม่ชอบเขาขนาดนั้นแล้วมาบอกให้เขาจูบตัวเอง
จะให้เขาคิดอะไรนอกจากคิดว่ามยองซูกำลังเมา
“ฉันไม่ได้เมา”มยองซูส่ายหน้าปฏิเสธ
พอจบคำพูดของร่างบางซองกยูก็เลือนใบหน้าเขาไปใกล้ใบหน้าหวานก่อนจะประกบริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากสีสวยของอีกคน
เขาไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุผลที่มยองซูขอร้องให้เขาจูบตัวเอง
แต่เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเขาจูบแล้วมันช่วยให้มยองซูรู้สึกดีขึ้นเขาก็จะทำให้และเขาเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรออกจะได้ซะด้วยซ้ำ
หัวใจของทั้งสองคนเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ใกล้กันมากขนาดนี้
ริมฝีปากและลิ้นร้อนของร่างสูงค่อยๆหลอมละลายเรียวแรงของมยองซูจนต้องเอื้อมมือขึ้นไปโอบรอบคอของอีกคนไว้พรางขยับเขาไปใกล้จนตอนนี้เขาได้ขยับขึ้นมานั่งบนตักของซองกยูแล้ว
มือหนาที่ประคองข้างแก้มค่อยๆเลือนลงไปที่เอวและกระชับอ้อมกอดให้มยองซูใกล้ชิดเขามากขึ้น
เขาไม่เคยเจอใครที่ทำให้เขาจูบได้อย่างพอใจขนาดนี้ ริมฝีปากและลิ้นเล็กของมยองซูทำหน้าที่อย่างดีราวกับรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร
“อืม”ซองกยูส่งเสียงครางในลำคออย่างพึ่งพอใจ
เขาส่งจูบไปให้อีกคนไม่หยุดเช่นเดียวกับมยองซูที่จูบตอบอย่างรู้งาน
จนแยกไม่ออกว่าลิ้นใครเป็นของใคร แต่ถึงอย่างนั้นซองกยูก็ไม่อยากจะผละออกจากริมฝีปากของอีกคนเลย
เขาชอบจูบของมยองซูมากที่สุดเท่าที่เคยจูบมา
“พอใจยังครับ”ถ่อยคำหวานหูถูกเอื้อยเอ่ยมาจากปากของซองกยูอย่างไม่หน้าเชื่อจนมยองซูที่หอบหายใจอยู่บนตักต้องเลิกคิ้วมองร่างสูงอย่างไม่คาดคิด
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”ซองกยูถามอีกครั้งพรางยกยิ้มที่มุมปาก
ในตอนนี้มยองซูน่ารักมากจนเขาไม่อยากปล่อยให้ไปไหนเลย
“นายพูดดีๆก็เป็นด้วยเหรอ”มยองซูถามออกมาหลังจากเงียบมองหน้าร่างหนาอยู่นาน
จนซองกยุหลุดขำออกมา
“ฉันก็แค่พูดดีๆกับคนที่ให้ผลประโยชน์กับฉันได้”ซองกยูแสยะยิ้มที่มุมปากแบบที่ชอบทำ
มือหนาค่อยๆสอดเข้าไปในเสื้อตัวบางและลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่างสนุกมือ
“นายมันเลว”มยองซูผลักอีกคนให้ออกห่างก่อนจะลุกออกจากตักแกร่งด้วยความไม่ชอบใจนัก
เมื่อกี้เขาเผลอใจเต้นแรงให้คนแบบนี้ไปได้ยังไงกัน
“ฉันอุตสาห์ปลอบนี้ด่ากันว่าเลวเลยหรอ”ซองกยูลุกขึ้นพรางปัดกางเกงตัวเองเบาๆแล้วมองร่างบางที่จ้องหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว
“คนฉวยโอกาส”มยองซูทำหน้างอก่อนจะเดินผ่านหน้าร่างสูงกลับไปที่รถแล้วรอให้อีกคนมาเปิดรถให้
เขาไม่หลวมตัวมากับซองกยูเลย แถมยังไปขอให้คนแบบนั้นจูบเขาอีก
“เขินก็เหวี่ยง ถามทีเถอะมีอะไรที่นายทำแล้วไม่เหวี่ยงบ้างห้ะ”ซองกยูเดินตามหลังอีกคนมาที่รถแล้วจับข้อมือบางไว้เบาๆเพื่อให้อีกคนหยุดเดินหนีเขา
“ถ้าฉันไม่ให้ประโยชน์กับนาย นายจะยอมมากับฉันไหม”มยองซูหันกลับมาตะคอกอีกคนและถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้กลับไป
ที่ซองกยูพาเขามาเพื่ออยากทำให้เขารู้สึกสบายใจหรือแค่ทำให้เขาตายใจแล้วทำร้ายเขาทีหลัง
“ฉันก็แค่อยากให้นายรู้สึกดีขึ้น นายเองไม่ใช่หรอที่เป็นคนขอให้ฉันจูบ”ซองกยูเถียงกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เออ ฉันจะกลับแล้ว”มยองซูว่าแล้วสะบัดมือออกจาการจับกุมของอีกคน
ซองกยูจึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วกดล็อคประตูรถให้และไม่นานรถคันหรูก็เคลื่อนออกไปโดยไม่รู้ว่าที่ที่มยองซูจะกลับไปคือที่ไหน
“นายจะกลับไปหาซองจงเหรอ”ซองกยูถามขึ้นหลังจากขับรถออกมาเรื่อยๆและมยองซูก็เอาแต่นั่งนิ่ง
“กลับบ้านฉัน”มยองซูบอก ตอนนี้เขาสบายใจแล้ว
เขาก็แค่กลับไปที่บ้านแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเพื่อให้พ่อไม่สงสัยแล้วไม่ยุ่งกับโฮวอน
ถึงแม้ว่าจะยังกลัวการเผชิญหน้ากันอยู่
“หึ นายนี้ให้ฉันมานั่งเป็นเพื่อนจนข้ามวันเลยนะ”ซองกยูหัวเราะขึ้นหลังจากที่มองไปที่นาฬิกาแล้วมันบอกเวลาเลยเที่ยงคืนมาแล้ว
“ปกตินายเข้าบ้านกินนมนอนตั้งแต่หัวค่ำหรือไง”มยองซูพูดอย่างประชดประชัน
อุตสาห์เงียบแต่ซองกยูก็ยังกล้าปากดีกับเขาอีก
“ไม่ล่ะ ฉันเลิกกินนมนานล่ะ”ซองกยูหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “บ้านนายอยู่ไหน”
“เอ่อ..”มยองซูไม่รู้จะตอบคำถามของร่างสูงยังไง ในใจก็กลัวว่าซองกยูจะรู้ว่าเขาอยู่บ้านเดียวกับโฮวอนและรู้ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้น
อีกฝ่ายคงเอามาล่อเขาแน่
“นี้ไม่รู้จักบ้านตัวเองหรอ”ซองกยูถามขึ้นอย่างล้อเลียน
“อย่าเพิ่งพูดได้ไหมเล่ากำลังคิดอยู่”มยองซูตะโกนใส่อีกคนอย่างเหลืออด
ชอบต้อนเขาให้จนมุมอยู่เรื่อย
“นาย...รู้จักบ้านพี่โฮวอนไหม”มยองซูถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“หืม”ซองกยูหันมามองอีกคนอย่างไม่เชื่อ
จากการที่เขามองแล้วมยองซูคงเครียดกับอะไรสักเรื่องแล้วคงเป็นเรื่องของโฮวอนเพราะตอนที่เขาขับรถพาไปที่แม่น้ำฮันโฮวอนก็โทรมาหาร่างบางแต่มยองซูก็ตัดสายไปตั้งหลายรอบ
จนเขาค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งสองคนมีปัญหากันแต่แค่ไม่อยากพูดและถามอะไรเท่านั้นเอง
“จะไปหามันเหรอ”
“ป่าว ฉันจะกลับบ้าน”คำตอบของร่างบางทำเอาซองกยูขมวดคิ้วยุ่ง
มยองซูคงไปอยู่อเมริกานานเกินไปเลยพูดเกาหลีไม่คอยจะรู้เรื่อง
“แล้วบ้านนายอยู่ไหน”มยองซูหันกลับไปชักสีหน้าใส่อีกคนทันที
ทำไมต้องถามเขาเยอะแยะด้วย
“บ้านพี่โฮวอน”มยองซูตอบออกไปตัดรำคาญแต่ซองกยูก็ยิ่งมองเขาแบบสงสัยมากขึ้น
ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้จะพูดให้อีกคนงงหรือสงสัยแต่เขาบอกทางกลับบ้านไม่ถูก
และถ้าซองกยูรู้จักบ้านโฮวอนก็คงไปส่งเขาถูก
“ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ”ซองกยูถามออกไป
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกัน
ถ้าคนเพิ่งรู้จักคงไม่ย้ายปอยู่ด้วยกันเร็วขนาดนี้
“ก็ที่นั้นมันบ้านฉันน่ะ ถ้านายไม่ไปส่งก็จอดฉันจะโทรหาซองจง”มยองซูเหวี่ยงใส่อีกคนอีกครั้งเมื่อซองกยูพูดไม่รู้เรื่องสักที
ถามมากจนเขาปวดหัวไม่รู้จะตอบยังไง
“เออๆไปก็ไป”ซองกยูตัดบทแล้วย้อนรถกลับไปทางบ้านของเพื่อนร่วมงานที่เขาก็พอจะรู้จักอยู่บ้างเพราะบ้านนั้นคือบ้านเพื่อนของพ่อเขา
และเขาเคยมาตอนเด็กๆแทบทุกวัน
ร่างสูงขับรถมาเรื่อยๆพรางลอบมองอีกคนที่เอาแต่นั่งกุมมือ
ริมฝีปากก็เม้นเขาหากันราวกับกำลังคิดอะไรอยู่จนเขาอดจะถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้
“ทะเลาะกับมันเหรอ”ร่างสูงตัดสินใจถามสิ่งที่เขาไม่อยากถามมากที่สุด
เพราะรู้ดีว่าคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเขาคงไม่มาทะเลาะกันหรอก เขาก็แค่กลัวคำตอบ
“ป่าว”มยองซูตอบออกไปเสียงเรียบและมองออกไปนอกกระจกรถ
“แล้วทำไมไม่รับสายมัน”ถ้าจะถามก็ต้องถามให้จบ ให้รู้เรื่อง
ซองกยูคิดแบบนี้มาตลอด
“ก็ไม่อยากรับอะ นายเลิกถามฉันสักที”มยองซูว่าแล้วเอนหัวพิงกระจกรถไว้ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา
วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้พักเลย ซองกยูไม่เหนื่อยบ้างหรือไง
“ไม่สบายเหรอ”พอเห็นท่าทางไม่สู้ดีของอีกคนซองกยูก็เอื้อมมือไปอังหน้าผากร่างบางเบาๆจนมยองซูที่นิ่งไปสะดุ้งตกใจ
“ทำอะไร”ร่างบางมองหน้าซองกยูด้วยความโกรธเคือง ซองกยูนี้เผลอไม่ได้เลย
“ก็เห็นอาการไม่ดีเลยนึกว่าไม่สบาย”ซองกยูตอบแล้วจอดรถลงเมื่อถึงที่หมายแล้ว
“นายนี้จ้องจะหาเรื่องฉันตลอดเลย”
มยองซูมองหน้าอีกคนอย่างไม่ค่อยเชื่อว่าคนห่ามๆแบบซองกยูจะมีโม้เม้นนอยเป็นด้วย
เพราะตอนนี้ซองกยูกำลังทำหน้าราวกับเสียใจเต็มประดา
“ฉันไปแล้วนะ”มยองซูพูดขึ้นแล้วมองไปที่อีกคนมือบางก็เลื่อนไปปลดล็อคประตู
แต่สายตาดันมองไปเห็นอีกคนที่กำลังเดินมาทางรถของซองกยูที่เขานั่งอยู่
“ช่วยฉันอีกครั้งนะ”ไม่ทันได้พูดอะไร
มยองซูก็โอบคอแกร่งของร่างหนาเข้ามาใกล้แล้วประกบจูบอย่างรวดเร็วจนซองกยูตามไม่ทันแต่ก็ยอมจูบตอบอีกคนกลับทันที
ผลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆรถเขาแล้ว
“อึก อือ”ผละจูบออกไปได้ไม่นานมยองซูก็ถูกร่างสูงดึงเข้ามาจูบอีกรั้งและร้อนแรงข้นเรื่อยๆจนแทบขาดใ
จ แต่ซองกยูก็ไม่ยอมหยุด
ริมฝีปากซุกซนก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีจนเขาจะละลายเป็นขี้ผึ้งในอ้อมกอดอีกคน
“อยากให้จูบก็บอกกันดีๆสิครับ”ซองกยูกระซิบชิดริมฝีปากพรางกดจมูกลงบนแก้มนวลเนียนด้วยความเอ็นดู
คนในอ้อมแขนที่กำลังหอบหายใจด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“ฉันเข้าบ้านแล้วนะ”มยองซูไม่รู้จะพูดอะไรเพราะตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้พรางนึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจได้
ไม่ว่าจะกับโฮวอนหรือซองกยู
“อืม คุยกันดีๆล่ะ เขาจะได้ไม่ไล่นายออกจากบ้าน”ซองกยูพยักหน้ารับแล้วปลดล็อคให้อีกคนได้ลงจากรถ
“นี้บ้านฉัน ใครจะกล้าไล่”มยองซูว่าแล้วเปิดประตูออกไป ซองกยูจึงยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งแล้วตะโกนออกไประหว่างที่ร่างบางกำลังปิดประตู
“อ่อ รถฉันติดฟิล์มดำ ไม่มีใครเห็นหลอกว่าเราทำอะไรกัน”พอพูดจบประตูก็ปิดลงทันที
ไม่รอช้าร่างหนารีบออกรถเพราะกลัวมยองซูจะเข้ามาทำร้ายเขาที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป
หลังจากที่รถของคนที่มาส่งขับออกไปแล้ว
มยองซูก็หันมามองคนที่ยืนมองเขานิ่งๆก่อนจะเดินผ่านหน้าอีกคนเขาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ดึกป่านนี้แล้วโฮวอนยังรอเขาอยู่งั้นหรอ
“เราไปไหนกับมันมา”เสียงเข้มถามขึ้นพรางก้าวขาเดินตามอีกคน
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับ
“พี่ถาม เงียบทำไม”โฮวอนเริ่มไม่ไหวกับอาการดื้อเงียบจึงเข้าไปกระชากข้อมืออีกคนให้หันมาหาเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง
“ไปไหนมา”ถามขึ้นอีกครั้งแล้วมองมยองซูอย่างไม่ชอบใจ
เขาโทรไปตั้งหลายสายแต่มยองซูก็ไม่ยอมรับแถมยังปิดเครื่องใส่กันอีก
“ไปผับมา”มยองซูตอบออกไปเสียงเรียบแล้วมองไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบตากับอีกคน
ผู้ชายตรงหน้ายังทำให้หัวใจของเขาเต้นอยู่แต่ครั้งนี้มันกลับเต้นเพราะความกลัว
กลัวว่าโฮวอนจะทำอะไรไม่คาดคิด
“กับมัน?”
“ใช่ ทำไมเหรอ”มยองซูถามขึ้นอย่างท้าทาย
โฮวอนคนสุภาพหายไปไหนทำไมถึงมีแต่โฮวอนที่กำลังโกรธเคืองอยู่ตอนนี้
“เราก็รู้ว่าซองกยูมันเป็นยังไง ทำไมถึงกล้าไปกับมันอีก”โฮวอนตะคอกใส่หน้าร่างบางเสียงดังจนมยองซูผงะ
มือที่ปล่อยให้ร่างหนาจับไว้นิ่งๆร่างบางก็สะบัดออกเต็มแรงและมองโฮวอนกลับไปอย่างโกรธเคือง
“เขาเป็นยังไงล่ะ เขาเลว เขาไม่ดี แต่เขาก็ไม่ได้เป็นพี่ชายผม
พี่เข้าใจไหมว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของผม”มยองซูตรงเข้าไปทุบตีอีกคนด้วยความน้อยใจ
ทำไมเขาต้องเป็นน้องโฮวอนด้วย ไม่รู้เลยหรือไงว่าเขาเจ็บจะตายอยู่แล้ว
“แล้วพี่ผิดเหรอที่เป็นพี่ชายเรา”โฮวอนปล่อยให้อีกคนทุบตีเขาไปแบบนั้น
แต่พอเขาถามออกไปมยองซูกลับนิ่งเงียบแล้วมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อ
“พี่ผิดหรอครับที่พี่เป็นพี่ชายเรา ถ้าเลือกได้พี่ก็ไม่อยากเป็นหรอกนะ”โฮวอนค่อยๆจับมือร่างบางทั้งสองข้างไว้แล้วมองเข้าไปที่ดวงตาของมยองซูที่เต็มไปด้วยความชื่นชมแต่ตอนนี้มันกลับมีแต่ความเจ็บปวด
“แต่ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันไปแล้ว”มยองซูสะบัดมืออกจากการเกาะกุมของอีกคนแล้วหันหลังให้ทันที
“มยองซู”โฮวอนเรียกร่างบางเสียงแผ่ว ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเหลือเกินยิ่งตอนที่มยองซูออกไปจากบ้านโดยไม่มีใครรู้เขาก็ยิ่งกลัว
ถ้าเลือกได้เขาคงไม่เกิดมาเป็นพี่ชายของมยองซู
เขาคงไปเกิดเป็นคนอื่นที่สามารถรักมยองซูได้แต่ต่อให้เขาสามารถรักมยองซูได้มันก็คงไร้ประโยชน์เมื่อร่างบางกำลังจะหมั้นกับใครอีกคน
“ไปไหนครับพ่อ”เสียงเข้มถามคนที่เดินนำตัวเองไปขึ้นรถคันหรูพรางเดินตาม
ตั้งแต่เช้าที่เขาถูกคนใช้ไปปลุกจนตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบเลยว่าพ่อจะพาเขาไปที่ไหน
“ไปหาคู่หมั้น”ผู้เป็นพ่อว่าหลังจากที่ก้าวเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย
“คู่หมั้น?”ซองกยูมองคนเป็นพ่อด้วยความไม่เชื่อ พ่อนี้นะจะจับเขาหมั้น
ปกติก็ชอบบอกกับเขาว่า
‘สนุกซะให้พอใจ
เอาที่แกสบายใจเลย’
การจับคุมถุงชนที่มันสบายใจตรงไหน ซองกยูไม่เข้าใจพ่อเขาเลย
อยากจะทำอะไรก็ทำแล้วนี้คู่หมั้นของเขาเป็นใครกัน
ถ้าเป็นคนไม่สวย ขี้เลห์หาสามีไม่ได้จนต้องพยายามจับเขานี้ไม่ไหวนะ
“ฉันหมั่นใจว่าแกต้องถูกใจ ขึ้นมาได้แล้ว”เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อว่าแล้วเขยิบให้ลูกชายเข้ามานั่งข้างตนและไม่นานรถที่ซองกยูนั่งอยู่ก็เคลื่อนตัวไปตามทาง
พร้อมหับเสียงถอนหายใจของซองกยูที่ดังเป็นระยะ
ไม่รู้ว่าป่านนี้มยองซูจะเป็นยังไงบ้าง จะทะเลาะกับโฮวอนหรือเปล่าแล้วโฮวอนจะทำอะไรร่างบางไหม
เขาอยากจะติดต่อหามยองซูแต่ตั้งแต่เช้าเขายังไม่ว่างเลย
“ลงไป ถึงแล้ว”พ่อพูดจบคิม
ยูซองก็ก้าวลงไปจากรถทำให้ซองกยูต้องรีบตามลงไปก่อนสายตาคมจะมองไปที่บ้านหลังใหญ่
“นี้มัน..”ซองกยูชี้ไปที่บ้านที่ตั้งตระหงานอยู่ตรงหน้าแล้วมองผู้เป็นพ่อพรางส่ายหน้าเบาๆ
“พ่อคงไม่ได้ให้ผมหมั้นกับไอ้โฮวอนหรอกใช่ไหม”ซองกยูพูดขึ้นพรางลูบแขนตัวเองด้วยความขนลุก
จะให้เขาเอาโฮวอนเป็นเมียงั้นหรอ แค่คิดก็จะบ้าแล้ว
“ไม่ใช่ หมั้นกับลูกชายคูณอาคังอินต่างหากล่ะ”จบคำพูดก็เดินนำลูกชายเข้าไปในบ้านโดยมีสาวใช้คอยเดินประกบ
ทิ้งให้ซองกยูได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น
“มากันแล้วเหรอ”คิม
คังอินที่กำลังนั่งจับแขนลูกชายตัวแสบที่ทำท่าจะหนีเขาอยู่ในห้องรับแขกพูดขึ้นพรางยิ้มให้เพื่อนสนิท
“คุณคิม”มยองซูเบิกตากว้างแล้วหันกลับมามองหน้าผู้เป็นพ่อ
ที่ให้คนใช้ไปจับเขาแต่งตัวตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่ยอมให้เขาไปไหนอีก
“ไง มยองซู”ซองยูยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นใคร
เขาก็แค่หาทางให้เด็กทั้งสองได้ใกล้ชิดกันโดยการให้ทำงานรวมกันแต่ดูเหมือนลูกชายของเขามันจะปากดีมากเกินไปจนเกือบทำงานเขาพัง
“ซองกยูล่ะ”คังอินถามขึ้นแล้วมองหาคนที่หน้าจะมากับเพื่อนด้วย
“นายช่วยไปลากมันเข้ามาที”ซองยูหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทแล้วหันมาส่งยิ้มให้เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“พ่อฮะ”มยองซูหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อทันที ถ้าเขาคิดไม่ผิดน่ะ
ผู้ใหญ่สองคนนี้ต้องจับพวกเขาถุงคุมชนเป็นแน่แล้วซองกยูล่ะ หมอนั้นจะยอมง่ายๆเหรอ
“มาแล้วเหรอ”ซองยูถามลูกชายที่เดินมานั่งข้างตนเงียบๆ
“เอาล่ะ ตอนนี้ลูกทั้งสองคนรู้แล้วใช่ไหมว่าพวกพ่อต้องการอะไร”คังอินพูดขึ้นแล้วมองเด็กหนุ่มทั้งสองสลับกัน
มยองซูกับซองกยูคงจะจำกันไม่ได้เพราะตอนนั้นมยองซูยังเด็กมากและซองกยูก็เป็นเด็กเกเรที่ไม่ได้สนใจใคร
พอกับมาเจอกันอีกครั้งทั้งสองคนคงจะเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว
“ผมว่ามันเร็วไปหน่อยนะครับ”มยองซูพูดขึ้นก่อนจะเตะไปที่ขาของซองกยูให้คนที่นั่งเงียบพูดอะไรออกมาบ้าง
“ไม่เร็วหรอก พวกพ่อรอเวลานี้มานานแล้ว”ซองยูว่าแล้วตบไหล่ลูกชายที่เอาแต่ก้มหน้าเบาๆพวกเขาไม่ได้จะบังคับแต่ที่พาทั้งสองคนมาเจอกันวันนี้เพราอยากให้ทั้งสองคนรู้และยอมรับเอง
เพราะถ้าซองกยูกับมยองซูไม่ยอมหมั้นกันพวกเขาก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว
“เราว่าไงซ องกยู”คังอินถามคนที่เอาแต่นั่งเงียบ
ทำให้ซองกยูต้องเงยหน้ามองคนอายุมากกว่า
“ผมแล้วแต่คุณอากับคุณพ่อฮะ”เสียงเข้มพูดขึ้นแล้วหันมามองร่างบางด้วยสายตานิ่งๆ
“เราล่ะว่าไง”คังอินหันปถามลูกชายที่เริ่มนิ่งไป
“ผมขอคุยกับซองกยูก่อนได้ไหมฮะ”มยองซูพูดขึ้นหลังจากที่นิ่งคิดอยู่นาน
ตัวเขาเองก็ยังคัดค้านผู้ใหญ่อยู่เพราะรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปและเขาก็อยากรู้ด้วยว่าซองกยูคิดอะไรอยู่
“โอเค”เมื่อผู้เป็นพ่อพยักหน้า
มยองซูก็ส่งสายตาไปให้ซองกยูแล้วเดินไปที่สวนหลังบ้านซึ่งซองกยูก็ยอมเดินตามออกมาแต่โดยดี
“เลิกเดินได้แล้ว ปวดหัว”ซองกยูว่าแล้วถอนหายใจออกมา
เมื่อกี้เขานั่งเกร็งตั้งนานเพราะสายตาของผู้เป็นพ่อ
เอาความจริงเขาไม่ได้กลัวพ่อตัวเองหรอกเขากลัวพ่อของมยองซูจะมองเขาไม่ดีต่างหาก
“นายไปบอกพ่อได้ไหมว่าเราจะไม่หมั้นกัน”มยองซูหันหลังกับมามองหน้าร่างสูงแล้วพูดขึ้นอย่างขอร้อง
“ทำไม”ซองกยูถามกลับไป มยองซูไม่อยากหมั้นกับเขางั้นหรอ
ตอนนี้เขาก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้บ้าง เพราะพอรู้ว่ามยองซูเป็นลูกของคิม
คังอินเขาก็นึกได้ทันทีว่ามยองซูคือน้องชายของโฮวอนที่เป็นลูกพี่สาวของคังอิน
ทั้งสองคนมีเลือดเนื้อเดียวกันส่วนหนึ่งและแต่งงานกันไม่ได้
“ฉันยังไม่พร้อม”มยองซูพูดขึ้น
เขาไม่ได้รังเกียจซองกยูแต่ทุกอย่างที่เจอในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันทำให้เขารู้สึกแย่
เขาแค่อยากมั่นใจว่าซองกยูที่จะเป็นคู่หมั้นของเขาไม่ใช่ผู้ชายหลายใจที่ชอบเที่ยว
และจีบหญิงไปทั่วและตอนนี้เขายังไม่พร้อมนั้นคือเหตุผลหลัก
“ถ้านายไม่อยากหมั้นก็เข้าไปพูดตรงๆเถอะ”ซองกยูไม่รู้ว่าที่เขาพูดแบบนี้มันเพราะอะไร
แต่ส่วนหนึ่งมันก็มาจากมยองซู
มยองซูไม่ได้มีท่าทีจะชอบเขาตั้งแต่แรกและเราก็คุยกันดีๆได้บางครั้ง
จะให้มาหมั้นกันมันก็เร็วเกินไป
“ฉัน...”ตอนนี้มยองซูกำลังสับสน เขาคิดว่าพ่อคงเลือกสิ่งที่ดีให้กับเขาแล้ว
แต่พวกเขาไม่ได้รักกันแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
“นายอย่าคิดมากเลย ยังไงเราสองคนก็ไม่ได้รักกันอยู่แล้ว”ซองกยูหยักไหล่ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไร
ทั้งที่ในใจกับรู้สึกแปลกไปและเขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้
“แต่...ถ้าเราหมั้นกันพี่โฮวอนคงจะไม่มายุ่งกับฉัน”มยองซูตัดสินใจพูดขึ้นมา
มันคงดีถ้าเขามีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนและถ้าเป็นอย่างนั้นโฮวอนคงไม่กล้ามาวุ่นวายกับเขาอีก
“นายห่วงเรื่องนี้เหรอ”ซองกยูถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้แล้วคว้าจับเรียวแขนบางไว้
“อืม ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฮึก ฉันเกือบจะรักกับพี่ตัวเองแล้ว”มยองซูร้องไห้สะอื้นออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน
“แต่พวกนายก็แค่ลูกพี่ลูกน้องกันหนิ
ฉันคิดว่ามันยังมีทางที่พวกนายจะรักกันได้นะ”ซองกยูพูดปลอบออกไป
แต่ในใจกับรู้ดีว่าถ้าโฮวอนกับมยองซูรักกันจริงๆอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ไม่มีใครรับได้หรอกที่คนในครอบครัวจะรักกันเอง
“ทำไมนาย อึก พูดแบบนี้ ปกตินายไม่เคยปลอบฉันหนิ ฮึก
นายจะผลักไสฉันไปให้เขาใช่ไหม”มยองซูเคยรู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งมาตลอดแต่เขากับร้องไห้ได้ง่ายๆเพียงเพราะคำพูดของซองกยู
“ไม่เลย ฉันแค่อยากให้นายทำตามหัวใจ”ซองกยูส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดไว้
มยองซูกำลังเสียใจ เขาไม่อยากให้อีกคนรู้สึกโดดเดี่ยว
“ถ้าหัวใจ ฮึก ฉันมันบอกให้ฉันยอมหมั้นกับนายล่ะ”มยองซูดันอีกคนออกแล้วจ้องหน้าซองกยูตรงๆ
“ทำไม?”ในตอนนี้ซองกยูรู้สึกไม่เข้าใจคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
มยองซูดูไม่เป็นตัวของตัวเอง
“เพราะว่าฉันอยากหนีจากความผิดบาป นายช่วยฉันทีนะซองกยู”พอพูดจบก็ประกบปากเข้ากับร่างสูงทันที
สัมผัสแผ่วเบาที่ไม่ได้ลุกล้ำอะไรทำให้ซองกยูรู้สึกใจเต้นแรงก่อนจะโอบเอวอีกคนให้เข้ามาชิดมากขึ้น
มยองซูหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่ร่างสูงตอบกลับมาด้วยความเต็มใจ
เขาเคยคิดว่าคนแบบซองกยูจะป่าเถื่อนและรุนแรงกับทุกคน
แต่พอได้สัมผัสกับรู้ว่าคนที่เขาเคยคิดว่าแย่กลับเป็นคนที่คอยช่วยเหลือและให้ความอบอุ่นแก่เขาเสมอ
“นายจูบฉันก่อนจนนับไม่ถ้วนแล้วนะ”ซองกยูเอ่ยขึ้นอยากหยอกล้อหลังจากที่ผละริมฝีปากออกมา
ทำเอาคนที่เริ่มก่อนหน้าขึ้นสีระเรื่อเพราะความเขินอาย
“นายจะเป็นคนที่ดูแลฉันใช่ไหม”มยองซูทำเป็นไม่สนใจที่ร่างสูงพูดแล้วถามออกไปตรงๆ
“ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่นายคิดหรอก
ถ้าหมั้นไปแล้วก็อย่าร้องไห้งอแงหาว่าฉันรังแกนายก็แล้วกัน”ซองกยูว่าขำๆแล้วจับมือบางมากุมไว้ก่อนจะจูงร่างบางเข้าไปบ้านเพื่อคุยเรื่องหมั้นของพวกเขาทั้งสองคน
ผู้เป็นพ่อของทั้งสองที่พากันนั่งเครียดกลัวว่าลูกจะไม่ยอมต้องยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นลูกชายทั้งสองเดินจับมือกันเข้ามาในบ้าน
คิม
ซองยูรู้สึกภาคภมิใจในตัวลูกชายที่ทำให้มยองซูยอมหมั้นกับตัวเองได้แม้ว่าจะไม่รู้เหตุผลที่ทำให้ทั้งสองยอมตัดสินใจก็ตาม
“ตามนี้นะ”คังอินพูดขึ้นแล้วยกมือลูบหัวลูกชายคนเดียวของตน
เมื่อคุยรายละเอียดของงานหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว
“โอเค งั้นฉันขอตัวกลับแล้วนะ พอดีมีงานต่อ”ซองยูพูดแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะมองไปที่ซองกยู
“แกจะกลับเลยไหม”ซองกยูเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อทันทีเมื่อคำถามถูกส่งมา
เขามองไปที่ร่างบางที่กำลังส่งยิ้มมาให้
“เจอกันวันหมั้นนะ”ซองกยูบอกมยองซูก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินตามผู้เป็นพ่อออกไป
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันหมั้นของพวกเขาแล้วปล่อยให้มยองซูได้เตรียมตัวดีกว่า
ติ้ด ติ้ด
มยองซูที่กำลังนอนพลิกกายไปมาด้วยความเบื่อหน่ายต้องสะดุ้งขึ้นเมื่อเสียงมือถือของเขาดัง
มือบางเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูจากหัวเตียงมาดูก่อนจะยิ้มร่าออกมาเมื่อเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอ
SUNGKYU ^^
“ฮัลโหล”กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เสียงหวานพรางรอปลายสายพูดขึ้นมาบ้าง
“((นายทำอะไรอยู่))”เสียงเข้มของปลายสายถามขึ้นมา
จนร่างบางอดจะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“จะทำอะไรก็เรื่องของฉันสิ นายมายุ่งอะไรด้วยล่ะ”มยองซูพูดออกไปอย่างกวนประสาท
“((ก็แค่เป็นห่วง หมอนั้นไม่ได้มายุ่งกับนายแล้วใช่ไหม))”พออีกฝ่ายถามมาแบบนั้นก็ทำให้ร่างบางเม้นปากเข้าหากันแน่น
วันนี้เขาอยู่บ้านทั้งวันและยังไม่เจอโฮวอน
ไม่รู้ว่าไปทำงานหรือไปทำอะไรแต่มันก็ดีแล้วเพราะเขาก็ไม่อยากจะคุยกับโฮวอนมากนัก
“อืม ฉันไม่เจอเขาทั้งวันเลย”มยองซูตอบออกไป
“((นายอยากเจอมันงั้นหรอ))”เสียงที่ดูหงุดหงิดของซองกยูทำเอามยองซูลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวปลายสายจะโกรธ
“ป่าวนะ ก็นายถามอะ”
“((เปิดหน้าต่างให้หน่อยสิ))”คำพูดของซองกยูทำเอาร่างบางขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะมองไปที่หน้าต่างห้องที่เขาเลื่อนผ้าม่านปิดไว้
“((เร็ว เปิดให้หน่อย ฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว))”พอเห็นอีกคนเอาแต่เงียบซองกยูก็รีบเร่งเร้า
มยองซูจึงรีบลงจากเตียงแล้วเดินไปเลื่อนหน้าต่างออกจากกันก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่ขึ้นมายืนบนระเบียงห้องเขาแล้ว
“นาย..”
“ฉันปีนขึ้นมาน่ะ”ซองกยูว่าแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องเพราะอากาศที่หนาวเย็นทำเอาเขาที่แต่งตัวด้วยชุดเรียบๆหนาวสั่นไปหมดและห้องของมยองซูก็อยู่สูงจนเขาให้เวลาในการปีนขึ้นมาหลายนาที
“นายบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมไม่เข้าทางประตูดีๆ”มยองซูว่าแล้วเท้าเอวมองคนที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงของเขาด้วยความเป็นห่วง
“ก็ฉันชอบแบบนี้อะ”ซองกยูหยักไหล่ก่อนจะหันมาคว้าตัวร่างบางให้ลงไปนอนด้วยกัน
จนมยองซูล้มทับตัวของซองกยู
“จะทำอะไร”มยองซูดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดพรางมองซองกยูด้วยความไม่ชอบใจ
“พ่อฉันบอกว่าห้ามเจอนายก่อนวันหมั้น”ซองกยูพูดขึ้นแล้วพลิกตัวร่างบางให้อยู่ใต้ร่างก่อนจะยกมือปัดผมที่ปรกหน้าผากมนออก
“แต่ฉันทนไม่ไหว ฉันไม่อยากได้ยินแค่เสียงของนาย”ดวงตาคมที่กำลังมองสบกับดวงตากลมอยู่
ราวกับมนสะกดที่ทำให้มยองซูนิ่งไป
“ฉันเป็นห่วงนาย
ฉันกลัวว่าหมอนั้นจะมายุ่งกับคู่หมั้นของฉัน เพราะฉันกลัวนายจะเปลี่ยนใจ”ซองกยูเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มนิ่มด้วยความคิดถึง
ตั้งแต่วันที่มาคุยกันเรื่องหมั้นก็ผ่านไปสามวันแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้ามยองซู
ทำได้แค่โทรหาร่างบางเท่านั้นจนวันนี้เขาทนกับความรู้สึกของตัวเองไม่ไหวจนต้องบึ่งรถมากลางดึกแล้วปีนเข้าห้องร่างบางแบบนั้น
ทั้งที่เขามีสิทธ์ที่จะเดินเข้ามาดีๆก็ได้ แต่เขาอยากอยู่กับมยองซูแค่สองคน
ไม่อยากให้ใครมายุ่งมาเกี่ยว
“นาย...”มยองซูรู้สึกลำคอแห้งผาก
ซองกยูที่เขาเคยเจอต่างกับซองกยูที่กำลังโอบกอดเขาอยู่ในตอนนี้จนเขาแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกัน
“ฉันหวงนาย”คำกระซิบพร้อมกับริมฝีปากที่กดจูบไปทั่วใบหน้าทำให้มยองซูใจเต้นแรงและเชื่อแบบที่ซองกยูพูดไปแล้ว
“ฉันไม่ไปยุ่งกับเขาหรอก ฉันมีนายอยู่แล้วไง”มยองซูประคองใบหน้าหล่อเหล่าไว้และมองซองกยูด้วยความหลงใหล
เขาตกหลุมที่ตัวเองเป็นคนขุดเข้าให้แล้ว
“นายเป็นคนแบบไหนกันแน่นะมยองซู”ซองกยูว่าแล้วลูบแก้มเนียนด้วยความเอ็นดู
“แล้วนายล่ะ เป็นคนแบบไหนกันซองกยู”มยองซูถามกลับแล้วหลบสายตาที่สื่อความหมายของซองกยูอย่างเขินอาย
“ถ้าฉันบอกว่าฉันรักนายไปแล้วนายจะเชื่อฉันไหม”เสียงเข้มถามออกไปแล้วลูบไปที่ริมฝีปากสีสวยของร่างบางอย่างลืมตัว
“ฉัน..อื้อ”ยังไม่ทันได้ตอบอะไรซองกยูก็ประกบปากเข้ากับร่างบางอย่างร้อนแรง
เขาไม่สนใจแล้วว่ามยองซูจะรักใครขอแค่ตอนนี้ร่างบางอยู่ในอ้อมแขนเขาแค่คนเดียว
เป็นของเขาแค่คนเดียว เขาก็พร้อมจะมอบทุกอย่างให้มยองซู
มือหนาสอดเข้าไปในเสื้อนอนตัวบางแล้วลูบไล้เอวขอดอย่างทนไม่ไหวจนมยองซูสั่นสะท้านเพราะเริ่มตามคนบนร่างไม่ทัน
ซองกยูชั่วโมงบินสูงเกินไปและเขาก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเวลามือเรียวสัมผัสไปที่ร่างกายเขานั้นมันทำให้เขาใจเต้นแรงจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
เพราะซองกยูเจนจัดและรู้จุดอ่อนของเขาดี ซองกยูน่ะเป็นตัวของตัวเองมากเกินไป
“อือ”เสียงหวานครางในลำคอก่อนที่ร่างสูงจะผละออกไปจากริมฝีปากแสนหวานแล้วมองสบตากับร่างบางอีกครั้งและไม่นานใบหน้าหล่อเหล่าก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลำคอขาวและไหล่เนียนที่โผล่พ้นผ่านเสื้อนอนตัวบางอย่างทนไม่ไหว
จนมยองซูได้แต่นอนให้ร่างสูงสัมผัสร่างกายอยู่อย่างนั้น
ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนเขาก็ตามคนแบบซองกยูไม่ทันอยู่ดี
ก๊อก ก๊อก
ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น
ซองกยูที่กำลังปลดประดุมเสื้อนอนของร่างบางออกต้องชะงักมือ
ก่อนจะทำไม่สนใจแล้วจัดการกับคนตรงหน้าต่อ
ก๊อก ก๊อก ก็อก
แต่ยิ่งคนทั้งสองทำเป็นไม่สนใจ
เสียงเคาะประตูก็ยิ่งเสียงดังขึ้นมากเท่านั้น จนมยองซูต้องผลักซองกยูให้ออกจากตัวแล้วรีบจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่
“มยองซูเปิดประตูให้พี่หน่อยได้ไหมครับ”ซองกยูขมวดคิ้วยุ่งทันทีที่ได้ยินเสียงของคนที่มาเคาะประตูขัดจังหวะเขา
โฮวอนจะมาหามยองซูทำไมตอนนี้
เขาได้แต่มองคนที่กำลังจัดเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่ได้ถามอะไรออกไป
“นายเข้าไปหลบตรงนั้นก่อนนะ”มยองซูว่าแล้วชี้ไปที่ชอบหน้าต่างบานใหญ่ที่มีผ้าม่านปลิวสไหวอยู่
“ทำไมฉันต้องหลบด้วย”ซองกยูถามอย่างไม่พอใจ ถ้าเป็นคนอื่นมาเคาะเขาก็พอเข้าใจแต่นี้โฮวอนมันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอที่หมอนั้นจะมาเห็นว่าเขากับมยองซูอยู่ด้วยกัน
จะได้รู้สักทีว่ามยองซูน่ะของใคร
ก๊อก ก๊อก ก็อก
“เถอะนะ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”มยองซูคะยั่นคะยอแล้วมองไปที่บานประตูด้วยใจเต้นแรง
“วันนี้นายรอดนะ”ซองกยูกัดฟันพูดอย่างหงุดหงิดแล้วเดินไปหลบหลังผ้าม่านตรงมุมห้องอย่างที่มยองซูบอก
พอร่างบางเห็นว่าซองกยูเดินไปหลบแล้วก็ก้มมองตัวเองและจัดความเรียบร้อยก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่
“ทำไมเราถึงเปิดประตูช้า”โฮวอนถามทันทีที่มยองซูเปิดประตูออกก่อนจะใช้แรงดันประตูให้กว้างขึ้นแล้วเดินเข้ามาอย่างถื่อวิสาสะ
“ผมหลับไปแล้ว”มยองซูว่าแล้วเดินตามอีกคนแต่ก็ยังรักษาระยะห่างไว้
พรางนึกแปลกใจที่เขาไม่ใจเต้นแรงกับโฮวอนแล้วถามยังรู้สึกเฉยๆกับอีกคนซะด้วยซ้ำ
“มยองซูครับ”โฮวอนหันกลับไปหาร่างบางก่อนจะก้าวยาวๆเข้าไปประชิดตัว
ซึ่งมยองซูก็เดินถ่อยหลังไปด้วยความหวาดกลัวจนแผ่นหลังชิดกับกำแพงห้อง
“อย่าหนีพี่สิ”โฮวอนว่าแล้วขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเท้าแขนทั้งสองข้างไว้ที่กำแพงกักขังมยองซูให้อยู่ในอานัติของตนอย่างสมบูรณ์
“พะ พี่โฮวอนมีอะไรฮะ”มยองซูถามเสี่ยงสั่นในใจก็เต้นระส่ำด้วยความกลัวพรางเหลือบมองไปที่มุมห้องที่มีอีกคนหลบอยู่จนโฮวอนหันไปมองตามด้วยความสงสัย
“เรามองอะไร”โฮวอนถามขึ้น
“ปะ ป่าว”มยองซูตอบแล้วหันกลับมามองโฮวอนเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย
ถ้าซองกยูกับโฮวอนเจอกันตอนนี้เขาไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“มยองซู
เราจะหมั้นกับซองกยูจริงๆเหรอ”โฮวอนถามด้วยความจริงจังแล้วมองสบตากับคนที่หลบหน้าเขา
มือหนาจับปลายครางร่างบางให้เงยขึ้นแล้วต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่อริมฝีปากของมยองซูขึ้นสีช้ำจนหน้าแปลกใจ
“ใช่ฮะ”มยองซูตอบออกไป ในใจก็กลัวคนพี่จะสังเกตถึงความผิดปกติได้จึงต้องพูดให้เป็นปกติที่สุด
“เราไม่ได้ชอบพี่เหรอ ที่เรายอมให้พี่..”
“ผมแค่เผลอไปน่ะครับ พี่อย่าเก็บมาคิดมากเลย”เมื่อรู้ว่าโฮวอนจะพูดถึงอะไรมยองซูก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
ถ้าให้ฟังที่โฮวอนพูดต่อเขาคงต้องเจ็บจนขาดใจตายไปเลยก็ได้
“แต่เรา..”โฮวอนอยากจะพูดขึ้นอีกครั้งแต่มยองซูก็สวนเขาขึ้นมากอด
“พี่ออกไปเถอะ ผมกำลังจะหมั้นแล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องวันนั้น
ผมรักซองกยู พี่ได้ยินไหมว่าผมรักคิม ซองกยู”มยองซูกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด
ตอนนี้เขาเริ่มหมั่นใจแล้วว่าเขาต้องการใคร
“ไม่จริง เราโกหกพี่”โฮวอนกระชากร่างบางเข้ามาใกล้มากขึ้น
“จริง พี่เห็นรอยตรงคอผมไหม อึก”มยองซูว่าแล้วดึงรั้นคอเสื้อให้โฮวอนมองรอยที่คอของตน
จนคนที่ยืนหลบอยู่กำหมัดแน่น
“ซองกยูเป็นเจ้าของมัน อึก และไม่ใช่แค่รอยพวกนี้นะ
ซองกยูเขาเป็นเจ้าของหัวใจและร่างกายผม อึก ผมรักเขา”มยองซูว่าแล้วทุบตีไปที่อกของพี่ชาย
เขาแค่อยากให้โฮวอนเข้าใจสักทีแต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีมากไปกว่านี้
“เราร้องไห้ทำไม”โฮวอนได้แต่ยืนนิ่งแล้วปล่อยให้ร่างบางทุบตีตนอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้เขารู้สึกชาไปทั้งร่าง
“ผม อึก เสียใจ ที่เผลอมีใจให้พี่ พี่เป็นพี่ชายผมนะ ฮื่อ”ร่างบางทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
โบกนี้จะมีใครเลวมากกว่าเขาไหม
เขาทำผิดไปและถ้าปล่อยให้นานกว่านี้เขาคงจะรู้สึกกับโฮวอนมากไป
“พี่เข้าใจแล้วครับ”โฮวอนประคองน้องชายให้ลุกขึ้นแล้วประคองแก้มทั้งสองข้างไว้ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกให้ร่างบางอย่างแผ่วเบา
“แค่เราไม่เกลียดพี่ก็ดีแล้ว”โฮวอนว่า ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว หัวใจของมยองซูไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
เขาพลาดเองที่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าและเขาผิดเองที่สร้างตราบาปให้มยองซู
“ปลอบใจกันเสร็จแล้วก็ออกไป”เสียงเข้มของซองกยูดังขั้น ทำให้โฮวอนต้องหันกลับไปมองก่อนจะรู้สึกชาอีกครั้ง
ซองกยูคงได้ยินทุกอย่างแล้ว
“ซองกยู”มยองซูเรียกอีกคนก่อนจะเดินเข้าไปหาซึ่งซองกยูก็มือโอบไหล่บางไว้แน่น
“รู้แล้วใช่ไหมว่าแกกับมยองซูรักกันไม่ได้”ซองกยูว่าแล้วมองโฮวอนที่ยืนนิ่งมองมาที่พวกเขาทั้งสองคน
“ฉันอยากให้แกอวยพรให้พวกฉัน ที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไป”ซองกยูว่าแล้วเลื่อนมือมาโอบเอวมยองซูไว้
ตอนนี้ร่างบางกำลังสั่นเพราะร้องไห้สะอื้น
“อืม ขอให้น้องชายพี่มีความสุขมากๆ”พอพูดจบโฮวอนก็หันหลังเดินออกไปจากห้องของมยองซูทันที
เขาทนมองภาพตรงหน้าไม่ไหวเพราะถึงแม้จะเข้าใจทุกอย่างแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถตัดใจจากมยองซูได้
เขาหลงรักมยองซูตั้งแต่แรกเห็นและมั่นใจว่าจะขออีกคนคบในอีกไม่ช้าแต่ความจริงที่ปรากฏก็ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
จนวันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะพามยองซูจับมือทำบาปไปด้วยกันเพราะคิดว่ามยองซูยังมีใจให้เขาอยู่
แต่เขาช้าไปเมื่อมยองซูไม่ได้มีใจให้เขาแล้วหรืออาจจะไม่มีเลยตั้งแต่แรก
“ว่าที่เจ้าสาวมาแล้วครับ”พอสิ้นเสียงซองกยูก็มองตรงไปที่บันไดก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นคู่หมั้นของตัวเองในชุดสูทสีขาวสะอาดตาเดินลงมาจากบันได
ร่างสูงเดินเข้าไปหาก่อนจะเอื้อมมือไปให้มยองซูจับเอาไว้แล้วพาเดินในพิธีงานหมั้นที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อย
“ว่าที่เจ้าสาวอะไรกันล่ะซองยอล”มยองซูพูดขึ้นเมื่อเดินผ่านคนที่บอกว่าเขาเป็นเจ้าสาวเมื่อครู่นี้
“เหมาะสมกันจังเลย”
“คุณหนูมยองซูน่ารักมากเลย”
“คุณซองกยูก็หล่อ”
คำชื่นชมของบรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
มยองซูส่งยิ้มไปให้แขกในงานก่อนจะนั่งลงบนพื้นหน้าโซฟาที่มีพ่อกับแม่ของเขา
และพ่อและแม่ของซองกยูนั่งอยู่
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันแบบนี้ เขาดีใจที่ทั้งสองมาร่วมงานสำคัญของเขา
“ซองกยูสวมแหวนหมั้นให้น้องสิลูก”จูจองผู้เป็นแม่ฝั่งเจ้าบ่าวพูดขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานไปให้ว่าที่ลูกสะไถ้
“ครับ”ซองกยูตอบรับแล้วประคองมือบางไว้ก่อนจะบรรจงสวมแหวนทองคำขาวราคาแพงลงบนนิ้วนางข้างขวาของมยองซู
“มยองซูสวมแหวนให้พี่เขาสิค่ะ”นายองผู้เป็นแม่ของมยองซูพูดขึ้น
ร่างบางจึงหยิบแหวนออกจากตลับแล้วสวมใส่ให้ซองกยูแล้วทั้งสองคนก็โค้งให้กัน
ภาพทุกอย่างตกอยู่ในสายตอของโฮวอนที่วันนี้พ่อของมยองซูสั่งให้เขาเป็นคนจัดการทุกอย่างในงาน
ร่างหนาฝืนยิ้มออกมาแล้วมองภาพตรงหน้าด้วยความข่มขื่นใจ
เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามยองซูกับซองกยูรักกันจริงๆไม่ได้แค่แสดงละครเท่านั้น
“พ่อกับแม่ขอให้ลูกทั้งสองมีกันและกันแบบนี้ไปตลอดนะ
มีอะไรก็ให้อภัยกัน
ซองกยูแกเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้แล้วนะไม่งั้นฉันจะไม่แต่งมยองซูให้”คิม
ยองซูพูดขึ้นแล้วยังไม่วายแขวะลูกชายตัวดีที่วันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“มยองซูก็อย่าดื้อกับพี่เขานะลูก”นายองบอกลูกชายที่วันนี้เธอลงทุนบินกลับจากอเมริกาเพื่อมาร่วมงาม
“เอาล่ะ พิธีเสร็จแล้ว ขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงานวันนี้นะครับ
ขอให้ทุกคนตามสบาย”ผู้เป็นเจ้าของบ้านพูดขึ้น ทำให้แขกในงายพากันทยอยออกไปตามทางของตัวเอง
ส่วนมยองซูนั้นก็ถูกซองกยูลากมาที่หลังบ้านทันที
“อะไรกันเล่า”มยองซูว่าแล้วมองคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองมาที่เขาทั้งที่เมื่อกี้ยังนั่งยิ้มอยู่เลย
“นายจะน่ารักเกินไปแล้วนะ”ซองกยูว่าแล้วดึงอีกคนเข้ามากอดเมื่อกี้แขกในงานทั้งชายและหญิงต่างพากันมองมยองซูของเขาเป็นตาเดียว
เห็นเป็นคนห่ามๆแบบนี้ก็หึงเป็นนะ
“ปะ”พอผละกอดออกไปแล้ว ซองกยูก็คว้าจับเข้าที่ข้อมือบางอีกครั้ง
“ไปไหน”มยองซูว่าแล้วยื้อตัวสุดแรงเมื่อซองกยูกำลังลากเข้าขึ้นไปบนบันได
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะพานายไปฉลองวันหมั้นของเรา”ซองกยูว่าแล้วลากมยองซูขึ้นไปบนห้อง
เขาก็แค่อยากอยู่กับมยองซูแค่สองคนและก็ขออนุญาติพ่อตาไว้แล้ว
“นี้มัน”มยองซูมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ
ตอนแรกเขาก็คิดว่าซองกยูจะพาเขาไปฉลองในที่ที่โรแมนติก กินอาหารร้านหรูแต่ไหงดันกลายเป็นผับที่เขาเคยมากับซองจงวันที่เขาได้รู้ความจริง
“วันนี้นายไม่เครียด ฉันเลยอยากพามาเปิดหูเปิดตา
แต่ถ้าวันไหนเครียดฉันสั่งห้ามเลยนะว่าอย่ามา”ซองกยูว่าแล้วโอบเอวร่างบางเข้าไปในตัวผับที่วันนี้มีแค่เพื่อนๆของเขาเข้ามาสนุกกันที่นี้เท่านั้น
“ไง เห้ย พาเมียมาผับพ่อแม่เขาไม่ว่าเหรอ”จงฮยอนหนึ่งในนายแบบของบริษัทและเพื่อนสนิทของซองกยูพูดขึ้นเมื่อเห็นร่างหนาเดินโอบเอวมยองซูเข้ามานั่งที่โต๊ะ
“ตอนนี้ทุกอย่างของมยองซูขึ้นอยู่กับกูแล้วเถอะ”ซองกยูว่าแล้วชงเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะหันไปมองร่างบางที่สะกิดเข้าไม่หยุด
“กินบ้างดิ”มยองซูว่าแล้วมองแก้วที่อยู่ในมือของซองกยู
“อะ กินแก้วเดียวกันนี้แหละ”ซองกยูว่าแล้วเทโซดาลงไปเพราเขาไม่อยากให้มยองซูดื่มแรงมาก
“เมียมึงน่ารักว่ะ”อนยูว่าแล้วมองมาที่มยองซูอย่างเจ้าเลห์จนถูกซองกยูตบหัวไปที่หนึ่ง
“อย่าปากดี”ซองกยูว่าแล้วดึงมยองซูเข้ามาโอบเอวไว้
“ซองกยูไปเต้นกันปะ”เสียงหวานกระซิบที่ข้างหู
ทำให้ซองกยูต้องหันไปมองแล้วขมวดคิ้วยุ่ง
“อยากเต้นหรอ”ร่างหนาถามพรางมองไปรอบๆที่วันนี้คนไม่แน่นนัก
ร่างบางจึงพยักหน้ารับแล้วเดินตามแรงโอบเอวของซองกยูไปที่ฟอร์ลที่มีไว้ให้ลูกค้าเต้นโดยเฉพาะ
“เต็มที่เลยที่รัก”ร่างหนากระซิบข้างหูแล้วโอบเอวบางไว้หลวมๆปล่อยให้มยองซูเต้นอยู่อย่างนั้นโดยมีเขาโอบกอดอยู่
วันนี้มยองซูของเขาดูฮอตและร้องแรงทั้งการแต่งตัวและสเต็ปการเต้นจนเขาจะครั่งตายอยู่แล้ว
การที่จะเจอใครที่มีไลป์สไตล์เหมือนกันสำหรับเขาคิดว่ายากแล้วแต่พอได้เจอกับมยองซูก็เหมือนกับคนที่มีอะไรเหมือนกันและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน
แม้ว่าตอนแรกการพบกันของเราจะไม่ค่อยดีเท่าไร
“ซองกยูดูนั้นสิสวยจัง”มยองซูชี้นิ้วไปที่ธรรมชาติตรงหน้าโดยมีร่างหนาของซองกยูโอบกอดอยู่ทางด้านหลัง
เมื่อคืนซองกยูพาเขาไปเที่ยวผับแล้ววันนี้ซองกยูก็พาเขาเดินทางมาที่ทะเลแต่เช้า
“อืม สวย”ซองกยูว่าแล้วกดจมูกลงบนแก้มเนียนของมยองซูอย่างทนไม่ไหว
“อยากเล่นน้ำจังเลยนะ”มยองซูว่าแล้วหันกลับมาหาคนตรงหน้า
“อย่าเลย ฉันขี้เกียจเฝ้านาย”ซองกยูว่า
ทำเอาเจ้าของใบหน้าน่ารักยู่ปากเข้าหากันอย่างน้อยใจ
“ก็นายมันคุณชายไง”มยองซูจิ้มเข้าไปหน้าอกของร่างสูงเบาๆด้วยความหมั่นใส้
“ฉันก็ดูแลนายไหมล่ะ”ซองกยูว่าแล้วดีดหน้าผากมนอย่างหมั่นเขี้ยว
“ขอบคุณนะ”คราวนี้มยองซูไม่โกรธที่ถูกคนตัวหนาทำร้ายร่างกายแต่กลับยิ้มร่าแล้วหอมแก้มร่างสูงก่อนจะสูดเข้าเต็มปอดจนซองกยูยิ้มกว้าง
“นายนี้ชอบฉวยโอกาสกับฉันตลอดเลยนะ”ซองกยูว่าแล้วหยิกแก้มร่างบางเบาๆแล้วจูงเข้าไปในห้อง
วันนี้เขาพามยองซูมาพักที่คอนโดของครอบครัวเพราะมันสะดวกสบายกับการเดินทางและอยู่อาศัย
“นี้ไปอาบน้ำสักที”พอตกดึกก็มีเสียงโวยวายเรื่องอาบน้ำดังขึ้น
ซองกยูเดินถือผ้าขนหนูมาโยนให้มยองซูที่นั่งเล่นเกมส์อยู่บนเตียงหลังจากที่เขาออกไปสูบบุหรี่แต่พอกลับเข้ามามยองซูก็ยังอยู่ที่เดิม
“งื้อ ไปก็ได้”เพราะเห็นว่าซองกยูบอกเขาหลายครั้งแล้วร่างบางจึงยอมละออกจากการเล่นเกมส์เดินถือผ้าที่ร่างสูงเดินให้เข้าในไปในห้องน้ำจัดการชำระร่างกายตัวเองก่อนจะออกมาด้วยชุดนอนเนื้อนิ่มก่อนจะมองออกไปที่ระเบียงที่มีร่างสูงเท้าแขนกับระเบียงสูบบุหรี่อยู่
“เมื่อไหร่นายจะเลิกสูบมัน ฉันไม่เห็นว่ามันจะดีตรงไหนเลย”มยองซูว่าแล้วกอดอีกคนจ่างข้างหลังคางเล็กเกยไว้ทมี่ไหล่แกร่งพรางมองเสี้ยวหน้าหล่อเหล่าของซองกยู
“ฉันสูบมันมาตั้งนานล่ะ เลิกไม่ได้หรอก”ซองกยูว่าแล้วยกบุหรี่ขึ้นมาสูบขนหมดม้วนและปล่อยให้ร่างบางกอดตนอยู่อย่างนั้น
“ต่อให้มันไม่ดีฉันก็ยังต้องสูบมัน เหมือนกับนายไง”ซองกยูว่าแล้วหันกลับไปหาร่างบางที่กอดตนอยู่
“นายว่าฉันเป็นคนไม่ดีเหรอ”มยองซูทำหน้ายุ่งคิ้วขมวด
จนซองกยูต้องก้มจุ๊บเบาๆที่ปากบางของคนน่ารัก
“เพราะต่อให้นายเป็นคนยังไง ฉันก็ต้องการนายอยู่ดี”คำพูดของร่างหนาทำเอามยองซูยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม
เขาตอบแทนซองกยูด้วยการกดจูบลงไปที่ริมฝีปากเบาๆแต่พอจะผละออกมาซองกยูกำรั้งเอวเข้าไว้แล้วประกบบางลงมาอีกครั้ง
จูบแสนหวานที่ร่างสูงมอบให้ทำเอามยองซูหลับตาพริ้มและเมื่อซองกยูผละออกไปแล้วก็เอาแต้มองหน้าเขานิ่งๆ
“คนแบบฉันก็ทำเป็นแต่แบบนี้แหละ”ซองกยูว่าแล้วช้อนตัวร่างบางขึ้นไว้ในอ้อมกอด
เกิดมาเขาไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองเลย นอกจากเล่นกับเที่ยว
พอทำงานก็เข้ามาทำในบริษัทพ่อตัวเอง
จนได้พบกับมยองซูเขาก็รู้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลใคร
“นอนได้ล่ะ”ซองกยูกดจูบลงบนหน้าผากมนก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนลงข้างๆก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดไว้
“พูดดีๆก็เป็นนะ”มยองซูซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่งแล้วยกมือกอดเอวซองกยูไว้
“ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อนาย”คำกระซิบแสนหวานทำเอาใจของคนฟังเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ
จนซองกยูสัมผัสได้
“ขอบใจนะ”
END.
ความคิดเห็น