คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [gyumyung] รักต้องห้าม (1/3)
รักต้องห้าม...ไม่มีสิทธ์รัก
ณ สนามบินอินชอน เกาหลีใต้
ร่างเพรียวบางของผู้ที่เพิ่งได้มาเยือนแผ่นดินบ้านเกิดหลังจากที่จากไปนานถึง
17 ปีหลังจากที่ผู้เป็นพ่อแม่ได้หย่าร้างกัน
มือเรียวถอดแง่นกันแดดสีชาออกจากใบหน้ามนก่อนจะสอดส่ายสายตาหาคนที่ได้ติดต่อไว้ก่อนจะเดินทางมาถึงที่นี้
‘เอาไงดีล่ะ ซองจงยังไม่มาเลย’
ขาเรียวก้าวเดินไปตามทางที่มีผู้คนไม่เยอะมากนักเพราะนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนซึ่งไม่กี่นาทีก็จะเป็นเช้าวันใหม่แต่คนที่เขานัดเอาไว้ก็ยังไม่มา
แต่ถ้าจะหาทางไปเองก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเพราะตอนนี้เขายังไม่อยากกลับบ้านจึงจำใจต้องนั่งรอตรงที่อีกคนได้บอกเขาไว้ก่อนหน้านี้เพราะถ้าเขาเกิดหลงไปไหนขึ้นมาทุกอย่างมันคงจะแย่กว่าการมานั่งรอแบบนี้ซะอีก
ติ้ด ติ้ด
มือบางยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูหลังจากที่มันเริ่มส่งเสียงร้องก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ไม่รอช้ารีบกดรับสายทันที
“ซองจงนายอยู่ไหน” เสียงหวานรีบถามผู้โทรเข้ามาด้วยความร้อนใจ
“((มยองซูนายยังอยู่ที่สนามบินใช่ไหม))”น้ำเสียงของเพื่อนสนิทที่ถามออกมาดูเป็นห่วงและร้อนรนจนมยองซูอดสงสัยไม่ได้
“ใช่ นายมาหรือยังฉันรอนานแล้วนะ”การรอนานๆมันก็ทำให้มนุษย์หงุดหงิดได้แต่สำหรับมยองซูเถึงแม้ว่าเขาอาจจะดูเป็นคนเอาแต่ใจหน่อยแต่การจะมาโวยวายเพื่อนก็ไม่ใช่เรื่องบางทีซองจงก็อาจจะติดธุระจริงๆก็ได้
“((โทษทีนะมยองซูฉันต้องแก้ชุดให้ลูกค้าน่ะ แต่..))”
“แล้วฉันล่ะ ฉันรอนานแล้วนะ”ไม่รอนานฤทธิ์คุณหนูเอาแต่ใจก็ออก
ก็ให้รอนานซะขนาดนี้แล้วเพิ่งจะโทรมาบอก
“((ฟังก่อนสิ เดี๋ยวจะให้พี่ไปรับ))”ซองจงก็ดูจะหงุดหงิดไม่แพ้กันที่ต้องมาฟังเสียงอีกฝ่ายตวาดใส่แต่ครั้งนี้เขาผิดจริงๆจะยอมให้มยองซูสักครั้งแล้วกัน
“((ใครคือพี่นาย ฉันไม่รู้จักหรอก))”มยองซูเบ้ปากทำหน้าบึ่งจนคนที่พากันมองมาด้วยความสนใจต้องพากันหลบสายตาของร่างบางทันที
“((เดี๋ยวเขาก็ไปหานายเองแหละ ชื่อโฮวอนนะจำไว้))”
“เออ ติ้ด”เพราะความหงุดหงิดทำให้มยองซูไม่รอให้ซองจงได้พูดประโยคต่อไปรีบกดตัดสายแล้วเก็บมือถือเข้าที่เดิมทันทีก่อนจะนั่งกอดอกทำหน้าบึ่งนั่งรอคนที่ซองจงบอกว่าจะมารับอยู่อย่างนั้น
“อย่าให้เจอนะเดี๋ยวจะด่าให้”ปากบางบ่นพึมพำกับตัวเอง
ก่อนจะตกใจเมื่อมีมือของใครบางคนมาสะกิดเข้าที่ไหล่ของเขาจนต้องตวัดหางตาไปมองด้วยความหงุดหงิด
ย้ำ แค่ตวัดหางตาเท่านั้น
“ใช่ มยองซูหรือเปล่า”เสียงเข้มถามพรางมองใบหน้าน่ารักอย่างตกตะลึง
ไม่คิดว่าซองจงจะมีเพื่อนที่น่ารักขนาดนี้
“ใช่”น้ำเสียงหวานแต่คำตอบแสนห้วนทำเอาคนที่กำลังส่งยิ้มให้ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันแต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าคนตรงหน้าคงจะมาถึงนานแล้วตามคำบอกเล่าของซองจงที่กำลังติดงานใหญ่และทำงานอย่างเร่งรีบจนเขากลัวว่างานจะออกมาไม่ดีเลยเขาไปถามไถ่และได้คำตอบมาว่าต้องรีบไปรับเพื่อนที่เพิ่งมาจากอเมริกาและงานก็ยังไม่เสร็จเขาจึงอาสามารับให้
ซองจงเลยส่งรูปคนที่เขาต้องมารับให้ดูตอนเห็นในรูปเขาก็ว่าดูดีมากแล้วมาเจอตัวจริงแบบนี้เขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นเซเลปดาราดังซะอีก
“เอ่อ ผมโฮวอนนะ”โฮวอนรู้สึกประหม่าเมื่อเจอสายตาที่มยองซูมองมา
ใบหน้าน่ารักดูไม่สบอารมณ์จนเขามั่นใจแน่นอนว่าคนตรงหน้าเป็นเพื่อนกับลี
ซองจงรุ่นน้องที่ทำงานของเขาแน่นอน ก็นิสัยมันบอกขนาดนี้แล้ว
“หรอ กลับกันเถอะ”มยองซูว่าพรางเดินลากกระเป๋าของตัวเองไปตามทางราวกับว่าคุ้นชินกับเส้นทางดีจนคนที่มารับได้แต่เดินตามด้วยความงุนงง
“รถผมไปทางนี้ครับ”โฮวอนรีบก้าวยาวๆไปคว้ามืออีกคนไว้ทันทีเมื่อมยองซูกำลังจะเดินไปผิดทาง
“เดินนำไปสิ”น้ำเสียงของมยองซูดูเย็นลงจากเมื่อครู่แต่ก็ยังนิ่งสนิทอยู่
ก่อนจะมองลงไปที่มือที่กำลังจับมือเขาอยู่หัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างหน้าประหลาดใจจนต้องรีบชักมือออก
“ขอโทษ”โฮวอนว่าแล้วทำหน้ารู้สึกผิด
“อืม ไปที่รถคุณสิ ผมอยากกลับจะแย่แล้ว”มยองซูว่าพรางโบกมือพัดหน้าไปมาจนโฮวอนต้องรีบเดินนำเพราะกลัวมยองซูจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“เชิญครับ”พอถึงรถโฮวอนก็เปิดประตูให้อีกคนเข้าไปนั่งก่อน
แต่มยองซูก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพรางส่งสายตาให้เขามองบางอย่างที่ร่างบางลากมาด้วย
“อ่อ เดี๋ยวผมเอาไปเก็บให้ คุณเข้าไปนั่งก่อนเถอะ”โฮวอนว่าแล้วดันอีกคนเข้าไปนั่งในรถอย่างถือวิสาสะเพราะตรงนี้ยุงมันเยอะเขากลัวหน้าสวยๆจะเป็นรอยเอาได้ พอเห็นว่ามยองซูเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้วเขาก็จัดการเอากระเป๋าของอีกคนไปไว้ที่หลังรถทันทีแล้วรีบตรงมานั่งประจำที่คนขับ
“รถคุณหรูดีนะ”พอเห็นคนร่างหนาเข้ามานั่งในรถแล้วมยองซูก็เริ่มบทสนทนาขึ้นพรางมองไปรอบๆรถซีดานคันหรูที่พอเห็นก็รู้ได้เลยว่าอีกคนหน้าจะเป็นคนมีตังพอสมควร
“ครับ”โฮวอนตอบรับเบาๆเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเขาอย่างที่เขาคิดไว้แถมยังส่งยิ้มให้อีกจนเขาอดใจสั่นไม่ได้ ร่างหน่าขับรถไปตามทางที่ต้องไปคอนโดของซองจงที่เด็กนั้นได้บอกเขาไว้แถมยังกำชับเขาอีกว่าเพื่อนเจ้าตัวน่ะอารมณ์รุนแรงอยู่พอสมควรให้เขาระวังคำพูดหน่อยซึ่งตอนแรกเขาก็หวาดๆแต่พอเห็นว่ามยองซูดูยิ้มแย้มมีความสุขดีก็พลอยหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น
“เอ่อ ผมหิวอะ”มยองซูว่าพรางลูบท้องตัวเองเบาๆเมื่อมันเริ่มส่งเสียงร้อง
.”หืม”โฮวอนหันมามองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
“ผมหิว ช่วยพาไปกินข่าวก่อนได้ไหม”มยองซูว่าพร้อมส่งยิ้มแหยะๆมาให้จนเขาอดยิ้มออกมากับความน่ารักนั้นไม่ได้
“ได้ครับ”รถซีดานขันหรูมุ่งไปตามถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารหรูที่เปิดตลอดทั้งคืน
เขาพามยองซูมากินอาหารที่คิดว่าเจ้าตัวคงจะชอบซึ่งดูจากท่าทางก็คงจะภูมิใจกับรสชาติของอาหารอยู่ไม่น้อยหรือบางทีร่างบางอาจจะแค่หิวซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามอะไรเอาแต่นั่งมองอีกคนกินไปเงียบๆหลังจากกินเสร็จเรียบร้อยเขาก็รีบบึ่งรถมาส่งอีกคนที่คอนโดของรุ่นน้องทันทีเพราะกลัวว่ามยองซุอาจจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางและคงอยากจะพักผ่อน
“ขอบคุณนะ”มยองซูส่งยิ้มหวานไปให้อีกคน
“ครับ”โฮวอนพยักหน้ารับแล้วขับรถออกไปทันทีแค่นี้เขาก็ใจเต้นแรงมากพอแล้ว
เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงมยองซูก็ทำเอาเขาแทบไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วถ้าได้มีโอกาสเจออีกเขาคงได้ขาพับต่อหน้าอีกคนแน่
“ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดนายแล้ว ลงมารับเลย ติ้ด”มยองซูกดโทรออกหาอีกคนแล้วกดวางทันทีเพราะตอนนี้เขาคิดว่าซองจงหน้าจะกลับมาถึงห้องแล้วมันก็ผิดคาดเมือพอกดวางเขาก็เห็นซองจงเดินลงจากรถแท็กซี่ด้วยควาเหนื่อยล้าตรงมาที่เขา
“โทษที เพิ่งเสร็จงาน”ซองจงว่าแล้วเขาไปโอบไหล่คนที่กำลังยืนทำหน้าบึ้งพรางเดินคู่กันเข้าไปในคอนโดแสนหรูที่ซองจงให้เงินของตัวเองที่ทำงานได้ซื้อเองกับมือ
“เออ เหนื่อยจะแย่ต้องไปนั่งรอนายตั้งนาน”มยองซูบ่นขึ้นพรางลากกระเป๋าไปไว้ที่ห้องรับแขกแล้วตัวเองก็เดินเข้าไปในส่วนของห้องนอนแล้วล้มตัวนอนอย่างอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้อง
“ไม่อาบน้ำเหรอ”ซองจงเดินเข้ามาถามเพื่อนพร้อมกับมือที่ถือกระป๋องเบียร์ยกขึ้นดื่ม
“ไม่อะจะนอน”มยองซูว่าพรางหาวให้ดูเป็นการยืนยันว่าง่วงจริงๆซองจงจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อแล้วปล่อยให้เพื่อนนอนต่อไปส่วนเจ้าตัวก็เดินออกมาทำงานที่ต้องส่งให้เจ้านายในวันพรุ่งนี้
รุ่งเช้า ซองจงตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพราะต้องรีบไปเตรียมงานและปล่อยให้มยองซูนอนอยู่แบบนั้น
เอาไว้เขาว่างแล้วค่อยพาเพื่อนไปเที่ยวหรือไปส่งมยองซูที่บ้านของเจ้าตัวเอง
“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกกันล่ะ”มยองซูเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอนพรางถามคนที่กำลังนั่งใส่รองเท้ามืออีกข้างก็ถือแก้วกาแฟ
“ก็เห็นนายนอนอยู่ ฉันไปทำงานก่อนนะ”ซองจงว่าก่อนจะเปิดประตูออกไปแต่มยองซูก็เรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ”มยองซูตะโกนเรียกเสียงดังพรางเดินเข้ามาหาเพื่อนที่กำลังยืนทำหน้างงอยู่
“ขอไปด้วยนะ”พูดจบก็ส่งยิ้มหวานให้เพราะยังไงซะวันนี้เขาก็ไม่ทนอุดอู้อยู่ที่นี้คนเดียวแน่
“บ้า เหรอ ฉันไปทำงานนะ”ซองจงว่าแล้วมองคนที่มีท่าทีกระติ้อรื่อร้นแปลกๆปกติเพื่อนเขาไม่เป็นแบบนี้ถ้ายิ่งได้นอนแบบนี้ยิ่งคงไม่อยากจะไปไหนแต่นี้จะขอไปที่ทำงานกับเขาเอง
“เถอะน้า ฉันอยากไปอะ”มยองซูว่าพรางจับข้อมือเพื่อนเขย่าไปมา
“เฮ้อๆเออๆเร็วเลย”สุดท้ายแล้วซองจงก็ต้องยอมเพราะรู้ดีว่ามยองซูเป็นคนขี้เบื่อคงไม่อยากอยู่ในคอนโดแคบๆข
องเขาทั้งวันแต่ถ้าไปแล้วเจ้าตัวจะรูสึกเองว่านอนสบายอยู่คอนโดดีกว่าไปทำงานกับเขาเป็นไหนๆ
“บริษัทนายใหญ่ดีนะ”มยองซูมองรอบๆอาคารหลังใหญ่ที่ซองจงพาเขาเดินเข้ามาแต่ดูกลายมันกลับเหมือนสตูดิโอซะมากกว่า
“อืม วันนี้ฉันต้องไปดูงานอีกที่นึงแต่ต้องเอางานมาส่งก่อน”ซองจงว่าแล้วเดินนำเข้าไปอีกทางนึง
บริษัทที่เขาทำงานอยู่เป็นบริษัมออแกไนซ์ที่จัดทำงานโฆษณาและยังเป็นบริษัทที่สร้างนางแบบนายแบบแองโดยไม่จำเป็นต้องจ้างใครอีกด้วย
“โอ๊ย!!”เสียงของเพื่อนรักทำให้ซองจงที่รีบก้าวยาวๆเพื่อไปส่งงานต้องหันกลับมามองอย่างรำคาญใจ
“นี้นายชนฉัน”,ยองซูโวยวายขึ้นพรางมองคนที่ชนตัวเองอย่างเดือดดาล
“โทษที พอดีฉันรีบ”คนที่ชนดูจะไม่ทุกข์ร้อนใดๆทั้งสิ้นแถมยังยืนล้วงกระเป๋ามองมยองซูตั้งแต่หัวจรดเท้า
“หึ มาสมัครเป็นอะไรล่ะ”เอ่ยอย่างเย้ยยัน “คนใช้เหรอ”
“ไอ้บ้านี่”มยองซูหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธและจะพุ่งเข้าไปหาอีกคนแต่กลับถูกใครบางคนจับร่างเขาไว้ก่อน
“หยุดเลย อะไรกัน”ซองจงว่าแล้วยืนกลั้นกลางทั้งสองคนไว้เพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนนี้นิสัยเป็นยังไง
ถ้ามยองซูเป็นไฟ คิม ซองกยูก็คงจะเป็นถ่านที่พร้อมจะทำให้ไฟประทุขึ้นเสมอ
“โฮวอน”มยองซูหันไปมองคนที่คว้าตัวเขาไว้อย่างหงุดหงิดก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังโอบร่างเขาไว้เป็นคนเดียวกับที่ไปรับและพาเขาไปกินข้าวเมื่อคืน
“อืม มีเรื่องอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างหน้า”โฮวอนพูดขึ้นพรางมองคนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคนหาเรื่องมยองซู
“ป่าว”ซองกยูหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะมองคู่กรณีพรางยกยิ้มขึ้น “แฟนแกเหรอ”
“ไม่ใช่”มยองซูพูดขึ้นเสียงดังแล้วดันตัวเองออกจากร่างกายแกร่งของโฮวอนจนเป็นอิสระในที่สุด
“เอ้าเหรอ ก็เห็นกอดกันซะแน่นเชียว”ซองกยูแสยะยิ้มเยาะเย้ยร่างบางที่เขาตั้งใจชนตั้งแต่แรกเพราะนึ่งหมั่นใส้ในท่าทางอวดดีของเจ้าตัวที่เดินไม่ดูชาวบ้านชาวช่องจนคนอื่นต่างพากันหลบให้เอง
เขาเลยต้องเดินไปชนให้รู้ตัว
“เพื่อนผมเอง”ซองจงว่าแล้วจับแขนมยองซูที่มองซองกยูราวกับจะกินไว้
“หรอ ก็นึกว่าอยู่ว่าแกไม่หน้าจะรสนิยมแบบนี้”พอพูดจบก็หยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าไปที่ลิฟท์
“ไอ้บ้า นายต้องกลับมาขอโทษฉันนะ”มยองซูตะโกนเสียงดังและจะวิ่งไปหาอีกคนแต่ซองจงก็จับไว้ก่อน
“หยุดเถอะน้า คนมองหมดแล้ว”ซองจงมองเพื่อนอย่างดุๆที่มาวันแรกก็ป่วนบริษัทเขาซะแล้ว
แล้วนี้เขาจะอยู่ที่นี้ได้อีกนานไหมในเมื่อเพื่อนตัวดีของเขาดันไปมีเรื่องกับลูกชายเจ้าของบริษัทอย่างนี้
“มยองซูไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”โฮวอนถามอีกคน
ตอนเดินเข้ามาเขาใจหายใจคว้ำหมดนึกว่าซองกยูจะทำอะไรมยองซูจนอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป
“ไม่เป็นไรหรอก”มยองซูตอบพรางยิ้มให้อีกคน
“ไปกันเถอะ ฉันสายแล้ว”ซองจงว่าแล้สลากเพื่อนไปอีกทางเพื่อไปส่งเอกสารของตนก่อนจะเข้าไปที่สตูดิโออีกฝั่งนึกเพื่อดูแลการถ่ายโฆษณาวันนี้
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“สวัดดีครับคุณคิม”ซองจงโค้งทักทางคนอายุมากกว่าก่อนจะเดินเอาเอกสารไปให้คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“นายพาใครมาเหรอ”คิม
ยูซองถามพรางพยักเพยิดไปที่นอกห้องที่มีใครบางคนยืนอยู่ผ่านประตูกระจกใส
“เพื่อนผมครับ”ซองจงตอบแล้วมองคนที่ยืนเขี่ยนู้นเขี่ยนี้ด้วยความระอา
“ดูดีนี้ เพื่อนนายสนใจมาเป็นนายแบบให้ฉันไหม”เพราะเขามั่นใจว่าเขามองคนไม่ผิดและเขาคิดว่าเพื่อนของลี
ซองจงคนนี้ดูมีอะไรและเหมาะกับโปรเจคใหม่ที่บริษัทเพิ่งได้รับ
“ผมว่าเขาไม่ทำหรอกครับ”ซองจงรู้ดีว่ามยองซูไม่เหมาะกับงานแบบนี้เพราะตอนที่เจ้าตัวอยู่กับแม่ที่เมืองใหญ่ก็เคยถูกพวกแมวมองดาราหลายคนทาบทามแต่มยองซูก็ปฏิเสธไปตลอด
“ถามเพื่อนก่อนดีไหม”น้ำเสียงที่ทรงอำนาจเอ่ยขึ้นพรางมองเด็กหนุ่มนอกห้องด้วยความสนใจ
“เอ่อ..”
“เถอะน่า เพื่อนนายอาจจะชอบก็ได้”ไม่รู้ทำไมเขาถึงถูกใจเด็กคนนี้แต่เขาคิดว่าเด็กคนนี้มีอะไรเหมาะกับวงการนี้แน่นอน
“งั้นผมจะถามเขาให้ครับ ขอตัว”พอพูดจบก็หันหลังออกจากห้องไปทันทีก่อนจะทำหน้าเครียดเมื่อเห็นคนที่ยืนรออยู่
“แค่เอางานไปให้ทำไมนานจังอะ”มยองซูว่าแล้วชะโงกหน้ามองเข้าไปก่อนจะถูกซองจงดึงข้อเสื้อด้านหลังไว้
“ไปได้แล้ว”
“เจ็บนะ”
“ซองกยูมองทางนี้ครับ”
“ซองกยูยิ้มมุมปากนิดนึงครับ”
“ ซองกยูหันไปทางขวาหน่อยครับ”
เสียงตากล้องที่กำลังยืนกดชัตเตอร์อยู่ข้างหลังกล้องตะโกนบอกนายแบบที่กำลังถ่ายภาพอยู่ไม่หยุด
เพราะวันนี้ซองกยูดูจะไม่มีสมาธิเป็นพิเศษดูลุกลี้ลุกลนจนคนที่ถ่ายเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเหมือนกันและมันคงไม่ต่างกับคนที่กำลังนั่งมองอยู่ด้างหลังเขาตอนนี้
“ไอ้บ้า ฉันไม่หน้ามาเจอนายเลย”มยองซูบ่นขึ้นพรางกัดฟันมองคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเซตด้วยความเบื่อหน่าย
“นี้ เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที”ซองจงที่พอสั่งงานทีมงานเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆเพื่อนที่มีสีหน้าบูดบึ้ง
“ทำไมบริษัทนายถึงได้มีนายแบบหน้าแบบนี้ ขายออกด้วยเหรอ”มยองซูว่าแล้วมองตรงไปที่คนที่กำลังมองมาที่เขาพอดีทำให้เขาสบเข้ากับดวงตาคมเข้าอย่างจังก่อนจะหันหน้าหนีเพราะไม่อยากมองให้หงุดหงิดใจไปมากกว่านี้
“คิม ซองกยูน่ะตัวขายเลยนะ”ซองจงว่าแล้วมองไปที่นายแบบตัวขายของบริษัทที่ลูกค้าสาวๆต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าซองกยูน่ะหน้ากินและหน้ามีไว้ครอบครองเป็นที่สุด
ซึ่งเขาก็คิดแบบนั้นเพราะเสน่ห์ของซองกยูมีมากล้นเหลือเกินแต่ถ้าตัดความกวนประสาทและความเอาแต่ใจไปได้คงจะดีกว่านี้
“เหรอ ไม่มีคู่แข่งเจ๋งๆบ้างเหรอ”
“ถ้าไม่นับบริษัทอื่นก็มีอยู่คนเดียวที่พอจะสูสีกับเขาล่ะ”ซองจงว่าแล้วมองไปที่คนที่กำลังมองหน้าจออยู่
“ใคร?”มยองซูถามอย่างตื่นเต้นเพราะเขาคิดว่าคนที่พอจะสู้หมอนี้ได้ต้องมีอะไรเทียบกับคนแบบนี้ได้แน่ซึ่งเขาต้องเข้าไปตีสนิทเพื่อแก้แค้นคนที่กล้าเดินชนเขา
“พี่โฮวอนนั้นไง”คำพูดของซองจงทำเอาดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อแล้วมองไปที่ผู้กำกับของการถ่ายงานนี้
“นอกจากจะเป็นผู้กำกับงานแล้ว
พี่โฮวอนยังเป็นนายแบบด้วยแต่เขาไม่ค่อยรับงานหรอกแต่ก็แซบไม่แพ้ซองกยูเลย”ซองจงพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของเพื่อนรัก
“จริงดิ”มยองซูไม่อยากจะเชื่อ เอาจริงๆโอวอนก็หน้าตารูปร่างดีอยู่หรอก
แต่มันจะไม่เตี้ยไปหน่อยเหรอสำหรับวงการนายแบบน่ะ
“อืม”
“ซองกยูพักก่อนครับ”พอสิ้นสุดเสียงทุกคนต่างก็พากันไปทำงานของตัวเองก่อนจะกลับมาเข้าเซตต่อเช่นเดียวกับซองจงที่เดินกลับไปทำงานของตัวเองและมีคิม
ซองกยูก็เอาแต่นั่งดูดกาแฟพรางมองคนที่กำลังนั่งรอเพื่อนอย่างใจจดใจจ่อ
ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเพื่อนของซองจงนักอย่างกับว่าเคยเจอกันมาก่อนทั้งๆที่เขาไม่เคยเจอใครหน้าตาแบบนี้เลยสักคนในชีวิต
“นายเป็นใครกันนะ”ซองกยูพึมพำกับตัวเองแล้วมองอีกคนไม่ละสายตา
มยองซูดูหน้าตาดีและมีเสน่ห์ดึงดูดก็จริงแต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาหลงใครง่ายๆแบบนั้น
เว้นแต่ว่ามยองซูจะมีอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา
ซึ่งตัวเขาและมยองซูไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แต่เขามั่นใจว่าเขาคุ้นหน้ามยองซูทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากัน
“หมอนั้นมองเราทำไม”มยองซูพึมพำกับตัวเองพรางจับไปที่ใบหน้าเมื่อซองกยูเอาแต่มองเขาจนเขารู้สึกประหม่าและแปลกใจ
“มยองซูกินน้ำไหมครับ”เสียงนุ่มทุ่มของใครบางคนเอ่ยขึ้น
มยองซูจึงเงยหน้าขึ้นดูก็รู้ว่าเป็นโอวอนที่กำลังยืนซ้อนหลังเขาอยู่
“อ่อ ขอบใจนะ”มยองซูรับแก้วน้ำองุ่นมาจากมือหนาพรางส่งยิ้มไปให้
“อย่าไปสนใจเขาเลย”โฮวอนว่าแล้วนั่งลงข้างๆร่างบาง
“หมอนั้นน่ะเหรอ”มยองซูว่าพรางดูดน้ำไปด้วย
“อืม ซองกยูก็เป็นคนแบบนี้แหละ
เจอครั้งแรกอาจจะไม่ค่อยชอบแต่เดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ”โฮวอนว่าแล้วหยักคิ้วให้คนที่กำลังถูกพูดถึงที่นั่งอยู่อีกฝั่งนึง
“เป็นเพื่อนเขาหรอ”มยองซูถามขึ้นแล้วมองหน้าโฮวอนด้วยใจเต้นแรง
ทำไมเขาถึงรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่โฮวอนมาอยู่ใกล้ๆ
“ไม่เชิงว่าเพื่อนหรอก แต่ก็คุยกันได้”มยองซูขมวดคิ้วยุ่งกับคำพูดกำกวมของโฮวอนแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะเขาไม่อยากที่จะพูดถึงคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดอีกต่อไปเลยชวนโฮวอนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยๆจนอีกคนต้องไปทำงานอีกรอบ
“ไว้เจอกันนะ”โฮวอนโบกมือให้ซองจงกับมยองซูที่เดินออกมาจากสตูดิโอพร้อมกัน
“หึ ล่ำลากันขนาดนี้ไม่ไปอยู่ด้วยกันเลยล่ะ”ทุกสายตาต้องหันไปจับจ้องคนที่พูดด้วยความไม่พอใจเมื่อซองกยูพูดต่อว่าพวกเขาอย่างไม่ดี
“ไอ้ไม่มีตา”มยองซูจะพุ่งเข้าไปหาอีกคนแต่ก็ถูกซองจงรั้งตัวไว้ก่อน
“จะกลับแล้วเหรอ”โฮวอนถามขึ้นแล้วมองคนที่ยืนล้วงกระเป๋ารอรถมารับอยู่ที่หน้าสตูดิโอเช่นเดียวกับพวกเขา
“ใช่ ไม่อยากอยู่เพราะรู้สึกว่าวันนี้มีอะไรแปลกๆ”พูดขึ้นพรางชำเลืองสายตามองคนที่กำลังยืนกำหมัดแน่นอยู่ข้างๆซองจง
“กลับดีๆนะครับ”ซองจงว่าพรางยิ้มให้ลูกชายเจ้านายทั้งๆที่ในใจรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของอีกคน
“ไปล่ะ”ซองกยูว่าพรางเดินขึ้นไปบนรถโดยไม่สนใจหันมามองผู้ร่วมยืนอยู่ด้วยกันเลย
“รอด้วยครับนาย”]กน้องคนสนิทรีบเดินตามผู้เป็นนายไปทันทีและไม่นานรถตู้คันงามก็ขับผ่านสามร่างนั้นไป
“ไอ้บ้านั้นมันกวนประสาทเรา”มยองซูพูดขึ้นแล้วทำหน้าไม่พอใจอย่างแรงที่ถูกอีกคนพูดกระแนะกระแหนใส่
“พรุ่งนี้ฉันไม่ไปกับนายแล้วนะซองจง”มยองซูว่าพรางทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างเหนื่อยล้าแม้ว่าเขาจะเอาแต่นั่งก็ตาม
แต่นั่งนานๆมันก็เมื่อยได้เหมือนกัน
“บอกแล้วว่าอย่าไป”ซองจงว่าแล้วยื่นแก้วน้ำให้เพื่อนพรางยกแก้วของตนขึ้นดื่มบ้าง
ติ้ด ติ้ด
“เดี๋ยวมานะ”นั่งพักได้ไม่นานเสียงมือถือก็ดังขึ้นทำให้ซองจงต้องลุกขึ้นไปคุยทางอื่นเพราะกลัวมยองซูจะรำคาญและเขาต้องเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อคนที่โทรมาคือเจ้านายของเขาเอง
“คุยนานจัง”มยองซูว่าแล้วมองคนที่เดินขมวดคิ้วมานั่งข้างตน
“มยองซู”ซองจงเรียกเพื่อนเสียงอ่อนแล้วมองหน้ามยองซูตรงๆพรางนึกชื่นชมใบหน้าดูดีนี้ที่มันดันไปถูกใจคิม
ยูซองจนมันนำพามาซึ่งความลำบากใจของเขา
“ว่า”ปากว่าแต่ตาก็มองไปที่ทีวี
ขาเรียวพาดอยู่บนโต๊ะตัวเล็กด้วยท่าทางสบายๆ
“นายช่วยไรฉันหน่อยสิ”ซองจงว่าแล้วมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเครียดๆเขารู้ว่ามยองซูไม่ชอบงานแบบนี้แต่เขาปฏิเสธเจ้านายไม่ได้เลย
“ช่วยไรอะ”มยองซูหันมามองเพื่อนเพียงแวบเดียวก็หันไปมองจอทีวีที่กำลังฉายซีรีย์เรื่องสนุกอยู่
“นายช่วยไปเป็นนายแบบให้โปรเจคของฉันได้ไหมอะ”ซองจงว่าอย่างกล้าๆกลัวๆเขาซุ้มทำโปรเจคนี้มาตั้งนานเหลือก็แค่การวางตัวนายแบบเท่านั้นและตอนนี้เจ้าของบริษัทกลับอยากให้เพื่อนเขาเป็นนายแบบของโปรเจคนี้ร่วมกับผู้ชายอีกสองคนที่ทำให้เขาเครียดหนักกว่าเดิมเพราะเขากะจะไม่พามยองซูไปเจอกับซองกยูแล้วจริงๆ
“บ้าเหรอ”มยองซูว่าแล้วมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อ ซองจงก็รู้ว่าเขาไม่ชอบงานแบบนี้
“เถอะนะ ช่วยหน่อย”ซองจงเขย่าแขนเพื่อนเบาๆอย่างขอร้อง “มีงานแล้วมีเงินด้วยนะมยองซู”
มยองซูส่ายหน้าไปมาเบาๆเขาไม่ชอบงานแบบนี้และไม่เคยชอบด้วย
เคยไปทำมาแล้วรอบนึงเพราะแม่ขอแต่พอทำไปแล้วเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางให้เขาไปเป็นตากล้องยังง่ายกว่าซะอีกแต่ที่ซองจงบอกว่าเงินมันก็ดี
เขามาที่นี้เพื่อมาใช้ตั้งพ่อที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกรถยนต์รายใหญ่ของประเทศแต่มีตังติดตัวกลับบ้านสักนิดก็ดี
“นะมยองซูนะ ช่วยฉันหน่อย”ซองจงยังคงขะยั่ยขะยอมยองซูไม่หยุดเพราะถ้ามยองซูไม่ยอมเขาต้องถูกตัดเงินเดือนตามคำขู่ของเจ้านายแน่
“มันจะดีเหรอซองจง”มยองซูก็ใจอ่อนลงไปแล้วแต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำงานนี้ได้โดยไม่ให้มันล้มเหลว
“ดีสิ
ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำให้นายลำบากเวลาทำงานและสัญญาว่าจะไม่ให้เขามายุ่งกับนายด้วย”ซองจงว่าอย่างรู้สึกใจชื่นขึ้น
เขาคิดว่ามยองซูอาจจะยอมในอีกไม่ช้า
“เขา?”
“คุณซองกยูไง เขาจะร่วมถ่ายโปรเจคนี้ด้วย”ซองจงเริ่มหน้าเสียเมื่อคิ้วของเพื่อนเริ่มขมวดเข้าหากัน
“ไม่ ฉันไม่ทำงานนี้”มยองซูพูดเสียงดังพรางลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินหนีเพื่อนเข้าไปในห้อง
เขาไม่อยากไปเจอคนแบบนั้นอีกแล้ว นิสัยไม่ดีขนาดนั้นเขาไม่อยากเจอ
“มยองซู ช่วยฉันหน่อยนะ”ซองจงตามตื้อเพื่อนไม่หยุด
เขาไม่อยากโดนหักเงินเดือนเลย
“ไม่”
“นะ ฉันไม่ให้เขามาแกล้งนายหรอก”ซองจงรู้สึกหมดปัญญาที่จะขอร้องเพื่อนเพราะมยองซูเอาแต่นั่งไขว้ห้างกดมือถืออยู่บนเตียงอย่างไม่สนใจเขา
“นะมยองซู พี่โฮวอนก็ทำงานนี้นะ”พอซองจงพูดจบมยองซูก็เงยหน้าจากมือถือขึ้นมาทันที
โฮวอนงั้นหรอ เขาอยากเจอผู้ชายคนนั้นอีก
โฮวอนใจดีและช่วยเขาไว้เยอะแถมเขายังรู้สึกสนิทใจที่จะอยู่กับอีกคนมากๆเขาอยากเจอโฮวอนบ่อยๆและไม้รู้ว่าเพราะอะไรด้วย
รู้แค่ว่าเขาใจเต้นทุกครั้งที่ได้มองหน้าอีกคน
“นายแน่ใจนะว่าหมอนั้นจะไม่มายุ่งกับฉัน”มยองซูลองถามหยังเชิง
“อืม เขาทำอะไรนายไม่ได้หรอก”ซองจงพยักหน้ารับ
เอาจริงๆเขาก็เป็นกังวลเหมือนกันเพราะเขากลัวว่าซองกยูจะแกล้งมยองซูต้อนรับน้องใหม่แต่เขาไม่สามารถบอกมยองซูได้เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ยอมช่วย
“ก็ได้”
“เย้”ซองจงกระโดดเข้าไปกอดเพื่อนทันทีไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้มยองซูยอมช่วยเขาแต่เขาก็รู้สึกดีใจที่เงินในบัญชีของเขาจะมีดยอะขึ้น
ขณะนี้มยองซูกำลังนั่งให้พวกช่างแต่งหน้าช่างทำผมทำตามใจกับร่างกายของเขาโดยมีเขานั่งนิ่งๆอยู่บนเกาอี้ทรงสูงที่ทีมงานจัดเตรียมให้หน้ากระจกบานใหญ่ที่มีใครอีกคนร่วมอยู่ในห้องด้วย
“ผิวคุณมยองซูสวยมากเลยนะค่ะ”คนที่กำลังปัดแป้งให้พูดขึ้นพรางมองใบหน้าน่ารักด้วยความชื่นชม
“ไม่ต้องแต่งให้มยองซูเยอะมากนะครับเพราะชุดของมยองซูเป็นโทนสีขาว”โฮวอนที่กำลังถูกช่างทำผมละเลงสเปรย์ลงบนเส้นผมพูดขึ้นแล้วมองอีกคนผ่านกระจกบานใหญ่ที่ใช้ร่วมกัน
“คุณมยองซูได้บทเป็นเจ้าชายผู้บริสุทธิ์สินะค่ะ”คนที่กำลังยุ่งอยู่กับผมของมยองซูพูดขึ้น
“ใช่ครับ คุณโฮวอนได้บทเจ้าชายซาตานเหรอ”มยองซูพูดขึ้น
เขาก็ไม่รู้อะไรเท่าไรพอมาถึงก็ถูกคนพวกนี้จับให้มานั่งอยู่บนเกาอี้นี้แล้ว
“ครับ ผมกับซองกยูได้บทเจ้าชายซาตาน”โฮวอนว่าแล้วมองอีกคนที่เดินเข้าผ่านกระจกแล้วส่งยิ้มให้เมื่อซองกยูมองมา
“เหอะ ที่มาเมื่อวานนี้กะมาทำให้พอฉันรับนายเข้าทำงานเหรอ
ร้ายไม่เบาเลยนะ”ซองกยูพูดขึ้นพรางกอดอกมองคนที่กำลังนั่งอยู่บนเกาอี้โดยมีพวกสไตล์ลิสคอยดูแลอยู่ข้างๆ
“ฉันไม่ได้มาขอพ่อนายสักหน่อย”มยองซูเถียงกลับแล้วหันมามองอีกคนอย่างไม่ค่อยชอบใจ
“แล้วทำไมถึงได้มานั่งเสล่ออยู่ตรงนี้ล่ะ”ซองกยูว่าอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเช้าเขาเข้าไปคุยกับพ่อ
พ่อของเขาก็บอกว่าจะมีนายแบบใหม่มาถ่ายด้วยแต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นไอ้คนที่ทำตัวกร่างเมื่อวานนี้
“นี่ ฉันก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกนะถ้าไม่ใช่เพราะ...”มยองซูลุกขึ้นมาโวยวายใส่อีกคนจนสไตลิสพากันถ่อยห่าง
“เพราะ..”ซองกยูถามพรางมองคนตรงหน้าอย่างเหยียดหยาม
“พะ เพราะซองจง ฉันช่วยซองจงเพื่อนฉัน”พอเห็นสายตาทุกคนมองมาอย่างรอคำตอบมยองซูจึงแก้ตัวโดยไว้
ใครมันจะไปกล้าพูดว่าที่อยากมาเพราะอยากเจอหน้าลี โฮวอน
“หรอ นายแบบมีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นนายล่ะ”ซองกยูว่าแล้วจ้องตาอีกคนอย่างไม่เกรงกลัวเพราะมยองซูก็แค่ลูกแมวตัวน้อยๆไม่มีอะไรต้องให้เขากลัวเลย
“ไม่รู้ ถามพ่อนายเองสิ”มยองซูว่าแล้วสะบัดตูดใส่ซองกยูก่อนจะเดินไปนั่งที่เดิมอย่างไม่ใส่ใจ
“ฉันขอเตือนเลยนะ ว่าอย่ามาสร้างปัญหาที่นี้”ซองกยูเอ่ยเสียงแข็ง
“บอกตัวเองก่อนเถอะ”มยองซูสวนกลับทันที
เขาจะไม่ทนให้คนนิสัยไม่ดีมาว่าเขาอยู่ฝ่ายเดียวหรอก
“หยุดทะเลาะกันเถอะ”โฮวอนพูดขึ้นอย่างใจเย็น
เขามองทั้งสองคนเถียงกันตั้งนานแล้วแต่แค่ไม่อยากพูดขัดอะไรขึ้นมาเท่านั้นเอง
“ฉันแค่พูดไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย”ซองกยูว่าแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆโฮวอนอย่างไม่สบอารมณ์
“รีบแต่งหน้าให้เขาเถอะครับ”โฮวอนหันไปบอกทีมสไตลิสส่วนตัวของซองกยูท่พ่อเจ้าตัวลงทุนจ้างเองโดยเฉพาะเพราะรู้จักนิสัยลูกชายเอง
ซองกยูไม่ชอบใช้ของร่วมกับคนอื่น แม้แต่สิ่งมีชีวิตก็เช่นกัน
“หน้าแย่แบบนั้นคงต้องโบกเยอะหน่อยนะ”มยองซูพูดขึ้นอย่างลอยหน้าลอยตา
“นี่ ไอ้ตากลม หุบปากเลยนะ”ซองกยูสวนกลับแล้วมองมยองซูตาขวาง
“พอเถอะน้า”โฮวอนว่าแล้วลูบแขนซองกยูเบาๆแต่อีกฝ่ายก็สะบัดออกอย่างไม่ใยดีจนโฮวอนหน้าถอดสี
“งั้นผมขอตัวไปดูข้างหน้าหน่อยนะครับ”ถึงแม้วันนี้เขาจะทำหน้าที่เป็นนายแบบแต่หน้าที่ผู้กำกับเขาก็ไม่ได้ละทิ้งมันเขายังคงต้องดูแลมันอยู่เพราะโปรเจคนี้เป็นโปรเจคที่เขาทำร่วมกับซองจงและเขาอยากให้มันออกมาดูดีที่สุด
“หน้านายไม่ได้เหมาะกับการเป็นนายแบบเลยนะ”ซองกยูพูดขึ้นแล้วมองมยองซูที่เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดด้วยสายตานิ่งๆ
“นายก็เหมาะไปขายน้ำเต้าหู้มากกว่าเป็นนายแบบเหมือนกันแหละ”มยองซูว่าแล้วมองคนที่นั่งอยู่ด้วยความโกรธเคือง
เขาจะต้องทนทำงานกับหมอนี้ไปอีกตั้งสองสัปดาห์เพราะงานนี้ไม่ได้ถ่ายแค่ภาพแต่ต้องถ่ายเป็นวิดีโอโฆษณาซึ่งต้องไปถ่ายไกลถึงเกาะเชจูเลยด้วย
กลับมาเกาหลีก็ยังไม่ได้เข้าบ้านแถมยังต้องไปทำงานไกลอีก
“ปากดีนักนะ”ซองกยูว่าแล้วลุกขึ้นเดินมาใกล้มยองซูก่อนจะกระชากคนตัวเล็กกว่าเข้าหาตัวด้วยความโมโห
“โอ๊ย ไอ้บ้านี้”มยองซูร้องออกมาแล้วดันแผ่นอกอีกคนไว้
ตอนนี้พวกสไตลิสต่างพากันออกไปข้างนอกเพื่อให้พวกเขาเปลี่ยนชุดแล้วตจะกลับมาดูความเรียบร้อยอีกทีตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่เขากับซองกยูแค่สองคน
“ทำไม เห็นเมื่อกี้มองไอ้โฮวอนตาหวานเชี่ยว ชอบมันเหรอ”ซองกยูว่าแล้วมองใบหน้าน่ารักด้วยสายตาดูแคลนแต่หัวใจเขากลับเต้นแรงไม่หยุดเมื่อได้ใกล้อีกคนแบบนี้
มยองซูมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างหน้าประหลาดจนเขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพ่อของเขาถึงอยากได้อีกคนมาเป็นนายแบบมากนัก
“ปะ ป่าว”มยองซูรู้สึกหน้าร้องผ่าวทันทีที่อีกคนจับจุดเขาถูก เขาไม่ค่อยแข่ใจว่าเขาชอบโฮวอนจริงไหมแต่เขาอยู่กับโฮวอนแล้วสบายใจมากๆสบายใจและรู้สึกปลอดภัยจนไม่อยากอยู่ห่างจากโฮวอนเลย
“หึ หน้าแดงขนาดนี้น่ะ เขินหรือไง”ซองกยูบีบแขนเล็กแน่นแล้วดึงอีกคนเข้ามาใกล้มากขึ้นมือหนาอีกข้างเอื้อมไปโอบร่างอีกคนไว้อย่างถือวิสาสะจนคนตัวเล็กถลึงตามองอย่าไม่ชอบใจพรางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนคนฉวยโอกาส
“ทำบ้าอะไร ปล่อยนะ”มยองซูพยายามดันอีกคนให้ออกห่าง
แต่ทำแบบนั้นซองกยูก็ยิ่งรัดร่างกายเขาแน่นจนร่างกายเบียดเสียดกัน
“ทำไม ดูท่าแล้วคงไม่เบาหรอกนายน่ะ”ซองกยูว่าพรางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ตนลมหายใจร้อนๆเบาลดที่แก้มใส
“อย่านะ”มยองซูว่าพรางหลับตาเข้าหากันแน่น เขาไม่ชอบอะไรแบบนี้
เขาไม่ชอบซองกยูเลยที่ฉวยโอกาสกับเขาแต่เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากอ้อมกอดแข็งแกร่งนี้ได้เลย
อ้อมกอดของซองกยูราวกับคีบหนามที่กังขังเขาไว้ไม่มีวันปล่อย
“อย่าอ่อยให้มันมากนัก เดี๋ยวจะโดนรังเกียจเข้า”พอพูดจบก็ผลักอีกคนให้ห่างตัวจนมยองซูเซไปชนกับกำแพงอีกฝั่ง
“นายต่างหากล่ะ ที่หน้ารังเกียจ”มยองซูตะโกนตามหลังคนที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพร้อมกับชุดสีดำโดยไม่หันมาสนใจเขาอีก
“เจ้าหญิงต้องคู่กับเจ้าชายไม่ใช่ซาตาน...”
&
;
ความคิดเห็น