คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Vampires'secret(2/2) [hoya x myungsoo] [gyujong]
I dream about vampires
‘อะ อื้อ’ร่างบางนอนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความรู้สึกหนาวเย็นเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความอุ่นร้อนที่ทาบทับร่างกายเขาอยู่
‘คะ คุณ อ้ะ’หอบครางสะท้านเมื่อร่างกายแกร่งขยับร่างกายเข้าใส่
‘นายเป็นของฉัน ของฉันคนเดียว’เสียงแหบพร่ากับลมหายใจอุ่นร้อนเปาลดที่ข้างใบหูนิ่ม
‘ฮะ โฮ อ๊า’ยิ่งร่างกายแกร่งทาบทับร่างกายลงมาแรงเท่าไหร่
ร่างบางยิ่งรู้สึกทรมานเหมือนถูกไฟเผาทั้งเป็น
‘พูดสิ นายเป็นของฉัน’ริมฝีปากร้ายกาจ
กดจูบไปทั่วกายบางเพื่อให้ร่างบางใจสั่นมากกว่าเดิม
‘ผะ ผม เป็นของคุณ อ้ะ’ไม่ว่าเวลาจะเนินนานแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่าร่างหนาจะตักตวงความหอมหวานจากร่างบางคนนี้หมด
ก่อนที่เขาจะหมดเวลาลงขอแค่เขาได้อยู่กับผู้ชายคนนี้
‘นายเป็นของฉัน ฉันจะกักขังนาย’
“อะ เฮื่อก”ร่างบางของมยองซูสะดุ้งตื่นในกลางดึกจนทำให้คนที่กำลังโอบกอดตนอยู่สะดุ้งตาม
“มยองซูเป็นอะไร”โฮวอนลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือเช็ดเหงือบนหน้าผากเนียนออกแต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดี
“อะ อย่ามาใกล้”มยองซูกระเถิบหนีร่างหนาด้วยความหวาดกลัว
เขาฝันอีกแล้วฝันเหมือนเดิมแต่ในฝันวันนี้มันกลับมีประโยคที่ทำให้เขาตื่นกลัว
‘นายเป็นของฉัน ฉันจะกักขังนาย’
“ทำไมล่ะ”โฮวอนมองร่างบางที่กำลังถ่อยหนีเขาอย่างไม่เข้าใจ
มยองซูตอนนี้ดูมีอาการตื่นกลัว ร่างบอบบางค่อยๆขยับหนีร่างกายสั่นเทาจนโฮวอนตกใจ
“อย่า ว้าย”มยองซูขยับหนีจนเกือบตกเตียงแต่ดีที่เขาไวรีบคว้าตัวร่างบางไว้
“อึก ปล่อย อย่ามาใกล้ ผมกลัวแล้ว อึก”แล้วบางที่อยู่ในอ้อมกอดตอนนี้มีอาการสั่นเทา
มือบางทุบลงบนอกเขาเบาๆเหมือนไม่มีแรง
โฮวอนกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วลูบหัวร่างบางเบาๆอย่างปลอบโยน
“ไม่เป็นไรๆพี่อยู่ตรงนี้”โฮวอนกระซิบข้างหูแล้วจัดท่าให้ร่างบางนอนดีๆ
“ผมขอล่ะ อย่ามาใกล้ผม ฮึก”มยองซูยกมือไหว้ร่างหนาอย่างขอร้องทำเอาคนที่มองตนอยู่นั้นเจ็บปวด
“ทำไมล่ะ”โฮวอนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ผมไม่รู้
ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงฝันถึงพี่มันเป็นแบบนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว ผมกลัว ผมขอล่ะ”มือเล็กที่สั่นเทายกขึ้นไหว้ร่างหนาตรงหน้าอย่างอ้อนวอนแต่การกระทำและคำพูดเมื่อครู่กลับทำให้ร่างหนายิ้มไม่หุบ
“เราฝันถึงพี่งั้นหรอ”โฮวอนจับมือเล็กนั้นไว้แล้วมองดวงตากลมอย่างสื่อความหมาย
“ชะ ใช่”มยองซูพยักหน้ารับแล้วมองร่างหนาอย่างไม่เข้าใจ
เขากลัวคนตรงหน้าหนักขนาดนี้แต่เจ้าตัวกลับมายิ้มหวานอีก บ้าไปแล้วหรือไง
“หึ เราเป็นโซลเมทพี่สินะ”โฮวอนลูบหัวร่างบางเบาๆอย่างเอ็นดูแต่คนใต้ร่างกลับสันเทาจนเขาต้องโอบกอดไว้
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ได้จะทำอะไรเราหรอก”โฮวอนว่าแล้วกระชับอ้อมกอดแน่น
“แล้วทำไมผมถึงฝันแบบนั้น”มยองซูถามแล้วเงยหน้ามองคนที่กอดตนอยู่อย่างไม่เข้าใจ
“เราฝันว่าอะไร หืม”โฮวอนถาม
“กะ ก็”มยองซูไม่รู้ว่าเขาจะบอกร่างหนายังไงจะให้บอกว่าเขาฝันแปลกๆแบบนั้นอะเหรอ
“ว่าไง”โฮวอนยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนร่างบางหดคอหนี
“บอกมาเถอะน้า”
“ฝันว่า เรา...มีอะไรกัน”สุดท้ายมยองซูก็ต้องกลั้นใจพูดคำนั้นออกไป
พูดจบก็ซุกหน้าลงบนอกแกร่งอย่างไม่รู้จัวด้วยความเขินอาย
“ฮ่าๆเรานี้นะ ฝันอะไรแบบนั้น ทำไมหื่นจังครับ”โฮวอนขำอย่างออกนอกหนาพรางกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม
“ไม่ได้หื่นสักหน่อย”มยองซูทุบอกแกร่งแล้วมองโฮวอนด้วยความไม่พอใจ
ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งจนโฮวอนหมั่นเขี้ยวก้มลงไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่
“เอ้ะ คนฉวยโอกาส”มยองซูโวยวายแล้วพยายามดันโฮวอนออกแต่ยิ่งขยับร่างกายเขายิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้น
“นิดๆหน่อยๆหน่า”โฮวอนว่าแล้วแกล้งร่างบางเพิ่มด้วยการซุกไซ้ซอกคอขาว
จนร่างบางดิ้นกระสับกระส่าย
“พะ พี่โฮวอน อ้ะ ไม่เล่น”มยองซูสะอื้นร้องเพราะหายใจไม่ทัน
“บ้าจี้หรอเรา”โฮวอนผละออกจากซอกคอขาวแล้วถามร่างบางอย่างหยอกล้อ
มยองซูพยักหน้ารับทันที
“นอนได้แล้วนะ ง่วง”มยองซูที่เริ่มกลับมาหายใจปกติดันร่างหนาออกห่าง
“นอนก็นอนครับ ฟอด”หอมแก้มร่างบางฟอดใหญ่ก่อนจะล้มตัวนอน
เอาแขนแกร่งให้ร่างบางหนุนไว้มืออีกข้างก็จับแขนร่างบางให้กอดเอวตน
มยองซูขยับเข้ามาใกล้ร่างแกร่งก่อนจะเผลอหลับไปการเผลอสะดุ้งตื่นมากลางดึกแบบนี้บางทีมันก็ทำเขานอนไม่พอ
โฮวอนมองหน้าร่างบางอย่างเครียดๆเขาควรจะดีใจที่ได้รู้ว่ามยองซูเป็นเนื้อคู่ของตนแต่อีกใจก็หวั่นว่าซองกยูจะไม่ยอม
“โฮวอนตื่นเร็ว”ร่างสูงที่ถูกรบกวนด้วยมือบางขยับตัวนอนหัวหลังไปอีกทางทันที
“พี่โฮวอน เช้าแล้วนะ”มยองซูยกมือตีตามร่างกายหนาไม่เต็มแรงด้วยความหมั่นใส่
“อื่อ นอนต่อเถอะ”มือแกร่งเอื้อมมือมาดึงตัวมยองซูให้ลงไปนอน
จนร่างบางเอนทับกายแกร่งด้วยความไม่ตั้งใจ
“ตื่นสิ”มยองซูแยกเขี้ยวใส่ร่างหนาแล้วเอามือไปคลี่ตาคมขึ้น
จนโฮวอนทนไม่ไหวเอานิ้วคลี่ตาขึ้นมามอง
“ลงไปได้แล้ว ซองจงมาเรียกแล้ว”มยองซูว่าแล้วกระโดดจากเตียงไปยืนข้างเตียง
“งั้นเราลงไปก่อนเลยพี่ขออาบน้ำก่อน”โฮวอนว่าแล้วลงจากเตียงนุม
มยองซูที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วเลยพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป
“นี่
เมื่อคืนไปกับพี่ชายฉันแล้วไม่ยอมกลับห้องเลยนะ”ซองจงตะโกนทักอย่างจิกกัดมยองซู
“เอ่อ..”มยองซูเอ่อออไม่รู้จะตอบเพื่อนยังไงก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งเกาอี้ฝั่งตรงข้ามซองจง
“รู้หรอกน่า”ซองจงหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“รู้อะไรเล่า”มยองซูเอื้อมมือไปตีไหล่เพื่อน
“รู้ว่านายกับพี่ชายฉัน...”ซองจงทำสายตาล้อเลียนจนมยองซูก้มหน้าหงุดไม่รู้จะตอบยังไง
“เลิกแกล้งเพื่อนได้แล้วซองจง”โฮวอนที่เดินถือแจ็กเก็ตเข้ามาในห้องอาหารเอ่ยขึ้นแล้วนั่งลงข้างๆมยองซู
“หวงจังนะคนนี้”ซองจงว่าแล้วทำปากขมุบขมิบ
“พ่อแม่ล่ะ”โฮวอนทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วถามน้องชายที่ตักอาหารเช้าเข้าปาก
“ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนคุณปู่บอกว่าไม่อยากลงมา”ซองจงว่าแล้วหันไปหั่นอาหารตรงหน้าตนต่อ
“หรอ”โฮวอนตอบรับเบาๆอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ต้องอุ่นใจขึ้นเมื่อมือบางๆเอื้อมมาจับมือเขาไว้
เขาเงยหน้ามองร่างบางแล้วส่งยิ้มกลับไปให้
“หวานจังนะ”ซองจงที่เห็นท่าทางหน้ามั่นใส้เอ่ยขึ้น
จนทั้งสองต้องเอามือออกจากกัน
“แกอิ่มยัง
ฉันจะไปส่งป่านนี้พี่ชายนายคงนั่งตาตี๋รอแล้ว”ซองจงว่าหลังจากยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“อิ่มแล้ว”มยองซูชะงักมือที่กำลังหั่นเบคอนแล้ววางมีดกับช้อนลงก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม
“กินให้อิ่มก่อนสิ”โฮวอนว่าดุๆ
“ไม่เอา ปะ”มยองซูส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปบอกซองจง
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”เมื่อห้ามไม่ฟัง ร่างหนาจึงวางของตนลงบ้าง
ลุกขึ้นใส่แจ็กเก็ตก่อนจะเดินมาจับมือมยองซูออกไปโดยมีซองจงมองตามไปด้วยท่าทีมึนงง
“ซองจงอยู่ที่นี้แหละ ดูแลตัวเองด้วย”โฮวอนว่าแล้วใส่หมวกกันน็อคก่อนจะยื่นอีกใบให้มยองซู
“ใส่ไว้”บอกมยองซูจบก็ขึ้นคร่อมบนรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สุดเท่ของตนทันที
“จะดีหรอฮะ”มยองซูที่ใส่หมวกเรียบร้อยถามโฮวอนขึ้น
“ขึ้นมาเถอะ”โฮวอนบอกเสียงเรียบมยองซูจึงหันไปโบกมือให้ซองจงก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายร่างหนา
โฮวอนดึงแขนมยองซูให้กอดเอวตนไว้ก่อนจะบิดรถออกจากบ้านด้วยความเร็วสูง
“หวังว่าจะไม่มีอะไร”ซองจงยื่นมองรถพี่ชายที่เคลื่อนออกไปด้วยความกังวลใจ
การที่จะให้โฮวอนไปส่งมยองซูที่บ้านไม่ใช่เรื่องดีในเมื่อใครๆก็รู้ว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันแต่ไม่มีใครรู้ว่าไม่ถูกกันเรื่องอะไร
บ้านตระกูลคิม
“เมื่อไรจะกลับ”ซองกยูยื่นภวังค์พะวนอยู่ที่สวนหน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีเขาอยู่แค่คนเดียวเพราะเหล่าคนใช้ต่างแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที
สวนเขาก็ออกมายื่นรอน้องชาย วันนี้เป็นวันหยุดซองจงบอกเขาว่าจะมาส่งมยองซูตอนบ่าย
ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆแล้วหรทอว่าเขากังวลมากไปมันยังไม่ถึงเวลาด้วยซ้ำ
“คุณซองกยูเข้าไปรอในบ้านเถอะครับ”คนสวนที่เพิ่งเข้ามาทำงานเอ่ยบอก
ทำให้ร่างสูงหันไปมองด้วยความไม่พอใจ
เขาไม่เห็นจะร้อนเลยก็เขานั่งอยู่ศาลาแถมชุดที่เขาใส่ยังรัดกุมขนาดนี้ยากแล้วที่แดดจะเข้ามาโดนตัวเขา
“ผมกลัวว่าคุณจะเป็นลมไปซะก่อน
ชุดที่คุณใส่ดูจะหายใจยากนะครับ”เมื่อเห็นสายตามึนงงของเจ้านายคนสวนเยพูดขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ นายจะทำอะไรก็ไปทำ”โบกมือไล่ด้วยความรำคาญคนสวนจึงเลิกสนใจแล้วเดินเข้าไปเตรียมตัวมาทำสวนบ้าง
“บ้านนี้จะดีเกินไปแล้ว ให้เข้างานเมื่อไหร่ก็ได้
เหอะ”ร่างสูงแค่นหัวเราะขำๆก็บ้านของเขาน่ะ
คนงานสามารถเข้างานเมื่อไรก็ได้ยกเว้นแม่บ้านที่ต้องเข้ามาทำอาหารแต่เช้า แต่คนสวน
คนทำความสะอาดที่จะมาทำงานเมื่อไรก็ได้ขอแค่มาทำกันทุกวันและบ้านต้องเรียบร้อย
ส่วนคนขับรถก็รอแค่เจ้านายเรียกใช้เท่านั้น
บรื้นนน
บรื้นนน
“อะไรว่ะ”ร่างสูงพึมพำก่อนจะมองไปทางประตูเลือนหน้าบ้านที่ถูกเปิดออกโดยง่าย
“กลับมาแล้วสินะ”ซองกยูว่าแล้วเดินกางร่มออกจากศาลาเดินไปทางถนนที่ทอดยาวไปถึงตัวบ้าน
เขายืนชะโงกหน้าออกไปมองสักพักก็เห็นว่ามีรถบิ๊กไบค์คันใหญ่กำลังมุ่งตรงเข้ามา
“พี่โฮวอน หยุด”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับรถที่หยุดลงตรงหน้าเขาพอดีอย่างกับว่าคนขับตั้งใจ
“พี่กยูมาทำอะไรตรงนี้ แดดแรงมากนะ”มยองซูกระโดดลงจากรถแล้วเข้ามาหาพี่ชายที่ยืนกางร่มอยู่
เขารู้ดีกว่าใครว่าซองกยูน่ะแพ้แดด
“มารอเราไง”ซองกยูว่าแล้วยกมือขยี้หัวน้องชาย
“พี่โฮวอนส่งผมตรงนี้แหละครับ”มยองซูหันไปบอกคนที่นั่งอยู่บนรถ
“พี่มีเรื่องจะคุยกับพี่ชายเรา”โฮวอนที่มองสองพี่น้องอยู่ก่อนแล้วเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเงียบๆแล้วมองซองกยูตาขวางเช่นเดียวกับซองกยูที่มองตนด้วยสายตาเดียวกัน
“เอ่อ ผมว่า..”บรรยากาศมาคุรอบตัวทำให้คนกลางอย่างมยองซูรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“เราเข้าบ้านไปก่อนนะ”ซองกยูบอกน้องชาย
มยองซูจึงมองทั้งสองคนสลับกันก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันที
“เข้าไปคุยกันตรงนู้นดีไหม”โฮวอนว่าพรางชี้ไปทางศาลาริมน้ำที่ซองกยูเพิ่งลุกมา
“ทำไม แกร้อน?”ซองกยูแสยะยิ้มขำ
“แกไม่ร้อน?”โฮวอนถามกลับ ซองกยูจึงทำแค่หยักไหลแล้วหันหลังเดินไปศาลา
นั่งรอสักพักโฮวอนก็ตามเข้ามานั่งอีกฝาก
“มีอะไร”ถามเสียงนิ่งแล้วจ้องปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างจับผิด
“อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดมยองซูแล้ว
เราควรจะมาทำสัญญากันสักอย่าง”โฮวอนพูดขึ้นแล้วหยิบหินเฟวี้ยงลงน้ำระบายอารมรณ์ขุ่นมัวของตน
“สัญญา?”ซองกยูจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ
“อืม ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันควรจบ”โฮวอนพยักหน้ารับ
“หึ ง่ายไปไหม”ซองกยูแสยะยิ้มขำๆต่างจากใจตนที่รู้สึกกังวล
“ฉันรู้ว่ายากที่คนอย่างแกจะยอม”โฮวอนแสยะยิ้มกลับแล้วพูดต่อ “มยองซูเป็นโซลเมทของฉันเพราะฉะนั้นแกควรถ่อย” โฮวอนว่าต่อแล้วจ้องซองกยูที่กำลังเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนอีกฝ่ายจะกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“แกรู้ได้ไง”ซองกยูกำหมัดแน่นอย่างโกรธเคืองแต่เขายังไม่อยากจะวู่วามตอนนี้อย่างน้อยก็แค่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาที่ไหนมาพูด
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก
แต่แค่ให้แกจำไว้ว่ามยองซูน่ะของฉัน ถ้าไม่อยากให้น้องตายแกอย่าคิดจะทำอะไรน้องเด็ดขาด
แล้วฉันจะช่วยแกหาโซลเมทของแก”โฮวอนว่าแล้วหันหลังจะเดินออกจากศาลา
“ฉันรอมยองซูมา 18 ปี แกจะบอกให้ฉันถ่อยง่ายๆแบบนี้อะเหรอ
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอะไรทำให้แกหมั่นใจว่ามยองซูเป็นของแก แต่ฉันไม่ยอมแน่
มยองซูต้องเป็นของฉัน”ซองกยูตะโกนตามหลังอีกฝ่ายที่ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขา
แต่เขารู้ดีว่าโฮวอนอะได้ยินแล้วอีกฝ่ายคงกำลังจิตตก
“โถ่เว๊ย”เมื่อการตะโกนใส่อีกฝ่ายเมื่อครู่มันไม่ได้ช่วยระบายอารมณ์โกรธเลย
ซองกยูจึงอาระวาดด้วยการพังข้าวของในศาลาริมน้ำที่ถูกตกแต่งอย่างดีจนเสียหาย
“ทำไมต้องซีเรียสกันขนาดนั้น”มยองซูที่ยื่นมองทั้งสองคนจากระเบียงห้องที่ทอดยาวออกมา
ถึงแม้ว่าศาลาจะอยู่ห่างจากห้องของเขาเกือบเมตรแต่เขาก็มองเห็นว่าพี่ซองกยูดูหงุดหงิดมากแค่ไหนกับการคุยกับพี่โฮวอน
มยองซูยื่นมองจนโฮวอนขับรถออกไปแล้วเขาก็เดินกลับเข้ามาในห้องทันทีเลยไม่รู้ว่าพี่ชายของตนทำอะไรต่อ
ก๊อก ก๊อก
“คุณหนูกินข้าวค่ะ”เมื่อตกเย็นมยองซูก็ต้องลงมาทานข้าวเพราะแม่บ้านขึ้นไปตาม
พอเดินมาถึงห้องอาหารก็เห็นว่าซองกยูกำลังนั่งอยู่
“มาแล้วหรอ”ซองกยูที่เห็นน้องชายก็เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมามอง
“ฮะ ทำไมวันนี้พี่ไม่ไปทำงาน”มยองซูนั่งลงประจำที่ของตนแล้วถามพี่ชายขึ้น
“วันนี้วันหยุดน่ะ”ซองกยูว่าแล้วเลี่ยงการสบตากับมยองซู
“บริษัทเราไม่มีวันหยุดหนิฮะ”มยองซูค้าน
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่เด็กม.ปลายและไม่เคยเข้าไปยุ่งกับบริษัทของคุณพ่อแต่เขาก็พอรู้ว่าที่บริษัทไม่มีวัยหยุดนอกจากผู้บริหารจะสั่งหยุดเองและยิ่งช่วงขาออกแบบนี้ก็เป็นไปได้ยากที่บริษัทจะหยุด
“เฮ้อ พี่ก็อยู่รอเราไงครับ”เมื่อไม่รู้ว่าจะโกหกน้องยังไงซองกยูจึงจำใจบอกความจริงมยองซู
เขาเป็นห่วงมยองซูซะจนไม่กล้าไปไหนได้แต่อยู่รออีกฝ่ายที่บ้าน
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับที่พี่จะต้องมานั่งรอให้กลับบ้านจนไม่ได้ไปทำงานแบบนี้
อีกอย่างผมก็แค่ไปนอนบ้านซองจงเอง”มยองซูขึ้นเสียใส่อย่างเหลืออด
ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็ไม่แปลกที่พี่ซองกยูจะอยูรอเขาแต่นี้อีกฝ่ายมีการมีงานทำแล้วจะมาทำตามใจตัวเองเหมือนเดิมไม่ได้
“เพราะเป็นบ้านหมอนั้นไงพี่ถึงต้องรอ”ซองกยูที่ไม่ชอบให้ใครมาตะคอกใส่ตนก็ตะคอกกลับทันทีที่มยองซูพูดจบ
“บ้านซองจงมันมีอะไร มีพี่โฮวอนหรอ
พวกพี่มีปัญหาอะไรกัน”มยองซูลุกขึ้นยืนมองพี่ชายด้วยความโกรธ
“เราไม่จำเป็นต้องรู้
รู้แค่ว่าพี่เกลียดมันแล้วเราต้องเลิกยุ่งกับมันด้วย”ซองกยูว่าแล้วมองมยองซูอย่างคาดโทษ
“ไม่”มยองซูตอบเสียงแข็งก่อนจะปัดอาหารบนโต๊ะลงจนตกแตกกระจาย
การกระทำของมยองซูทำให้ซองกยูโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเข้ามากระชากร่างบางอย่างแรง
“ยิ่งโตยิ่งดื้อนะมยองซูอยากลองดีกับพี่ใช่ไหม”ซองกยูกัดฟันพูดแล้วกระชากมยองซูขึ้นไปข้านบนบ้านอย่างแรง
“พี่จะทำอะไร ปล่อยผมนะ”มยองซูพยายามสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมแต่ยิ่งเขาดิ้นมือเรียวที่กำรอบข้อมือเขายิ่งกระชับแน่นขึ้น
“ทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าพี่จะทำ”ซองกยูกระชากมยองซูเข้าไปในห้องแล้วผลักเต็มแรง
“อึก พี่บ้าไปแล้ว ฮื่อ”มยองซูมองหน้าพี่ชายทั้งน้ำตาด้วยความไม่เข้าใจ
“อย่าคิดว่าพี่ไม่กล้าทำอะไรเรา พี่ขอยื่นคำขาด
ห้ามให้เรายุ่งกับมัน ปัง”พอพูดจบก็ปิดประตู้เสียงดัง
มยองซูจึงรีบวิ่งจะตามออกไปแต่ก็ไม่ทันร่างสูงเพราะซองกยูล้อคประตูจากข้างนอก
ปัง ปัง
“พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผมไม่ใช่นักโทษ”มยองซูทุบประตูเต็มแรงด้วยความโมโห
“จนกว่าจะนายจะเลิกบ้า เราค่อยมาคุยกัน”พอพูดจบซองกยูก็เดินออกห่างจากประตูไปทันที
ร่างสูงเดินออกจากบ้านท่ามกลางความมึนงงของเหล่าแม่บ้านแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“พี่สิต้องบอกให้ตัวเองเลิกบ้า”มยองซูตะโกนตามหลังก่อนจะถ่อยออกมาเมื่อรู้ว่าต่อให้เขาทุบประตูเท่าไรซองกยูก็ไม่มีทางปล่อยเขาแน่
และมันมีแค่ทางเดียวที่เขาจะออกไปจากห้องนี้ก็คือตัดสัมพันธ์กับ ลี โฮวอน
ติ้ด ติ้ดๆๆ
“โอ๊ย ใครโทรมานักหนาว่ะ”ซองจงที่กำลังงวงอยู่กับการทำอาหารโดยมีคุณแม่คนสวยที่เพิ่งกลับจากทำงานมาช่วยสอน
“ไปรับก่อนไป”คุณนายของบ้านบอกทำให้ซองจงต้องไปรับล้างมือแล้วสะบัดๆก่อนจ้ะวงเอามือถือในเสื้อคลุมมาดู
‘ซองกยู’
เขาต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นว่าใครโทรมา
ความจริงเราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นมาโทรเล่นหากันเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายไปเอาเบอร์เขามาจากไหนอาจะจะเอามาจากมยองซู
ที่เขาเมมเบอร์อีกฝ่ายไว้ก็เพราะคิดว่าหนย้าจะมีเรื่องให้ติดต่อกันบ่อยๆอย่างน้อยก็เรื่องเพื่อนตัวดีของเขา
“ว่า”ซองจงเดินออกมาจากรัศมีของคุณแม่
แล้วกดรับโทรศัพท์ที่สั่นอย่างต่อเนื่อง
‘ออกมาคุยกันหน่อย’อีกฝ่ายว่า ทำเอาซองจงต้องกรอกตาขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
“ผมไม่มีเวลาว่างพอจะไปหาคุณเพราะเรื่องไร้สาระหรอกนะครับ”ซองจงพูดสุภาพกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
‘ฉันบอกให้มาก็มา ที่เดิม ติ้ด’พูดจบก็วางสายไปทันที
ซองจงนี่แทบจะเขวี้ยงมือถือทิ้งเพราะความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
ความจรองเขาจะไม่ไปหาอีกฝ่ายก็ได้แต่ครั้งนี้มีอะไรดลใจให้เขามาก็ไม่รู้
เขารู้สึกเหมือนจะได้รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
“แฮ่กๆนายนี้มันบ้าจริงๆ”เมื่อปั่นจักรยานมาถึงเขาก็เห็นแผ่นหลังกว้างที่นั่งพิงโต๊ะทรงยาวอยู่เลยวิ่งเข้ามาหาทันที
“อะน้ำ”ซองกยูยื่นน้ำให้ซองจง
ซองจงมองอย่างไม่ไหวใจอีกฝ่ายเลยทำท่าจะเอาคืน
“เอามา หวังว่าจะไม่ใช่เบียร์อีกนะ”ซองจงว่าแล้วเปิดฝาขวดรีบกระดกน้ำเข้าปากทันที
“ฉันไม่ใช่พวกมานั่งกินเบียร์ในตอนหัวค่ำที่มีเด็กๆวิ่งเต็มสวนอยู่หรอกนะ”ซองกยูหยักไหล่พูดติดตลก
“แล้วเมื่อคืนที่เอามากินนี้เพราะไม่มีเด็ก”ซองจงถามขึ้น
“หึ ฉันไม่ได้เรียกให้นายมากวนประสาทนะ”ซองกยูว่าแล้วมองหน้าซองจงตรงๆจนซองจงผงะ
“นะ นายมีอะไร”ถามอีกฝ่ายกลับไปด้วยความตื่นเต้น
เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง รู้สึกตื่นกลัวไปหมด
“เรื่องมยองซูกับโฮวอน”ซองกยูเข้าเรื่องตรงๆซองจงจึงหันไปมองเสี้ยวหน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจ
“ทำไม จะขัดขวางพวกเขา?
นายเป็นพี่หนิไม่อยากเห็นน้องมีความสุขหรอ”ซองจงว่าแล้วหันไปมองข้างหน้าตามเดิม
“มีพี่ที่ไหนไม่อยากเห็นน้องมีความสุขล่ะ”ซองกยูว่าขำๆ
“นายไง”ซองจงหันไปค้อนใส่
“ฉันอยากเห็นมยองซูมีความสุขแต่ความสุขนั้นฉันอยากให้เป็นฉันที่ทำให้น้องมีความสุข
ไม่ใช่คนอื่น”ซองกยูพูดเสียงเข้มแล้วหันไปมองซองจงก็เห็นว่าซองจงกำลังขมวดคิ้วมองตนอย่างไม่เข้าใจ
ซองกยูหันหน้ากลับไปทางเดิมแล้วพูดต่อ
“ฉันน่ะรักมยองซูมาก
รักตั้งแต่ยังไม่ได้มาอยู่บนโลกใบนี้ ตั้งแต่เราอยู่คนละโลกกัน”ซองกยูพูดเสียงเรียบ ซองจงจึงหัยขวับไปมองทันที ระหว่างที่หันเขาเหมือนเห็นว่าดวงตาของซองกยูมันเป็นสีแดงทอประกายกับดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินสวยงามแต่สักพักมันก็กลับเป็นดวงตาสีรัจติกาลที่ยากจะมองเข้าใจ
“นายพูดเรื่องอะไร”ซองจงถามขึ้นแล้วจับจ้องซองกยู
เขาคิดว่าซองกยูคงบ้าไปแล้วที่มาพูดอะไรแบบนี้
“มันอาจจะเหลือเชื่อนะแต่ฉันกับไอ้โฮวอนไม่ใช้มนุษย์”ซองกยูว่าแล้วหันไปมองซองจงก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือซองจงมากุมไว้
“นายฟังฉันนะ”ร่างสูงจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลกลมที่สั่นไหวด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันกับพี่ชายนายเป็นแวมไพร์”ซองกยูว่า ซองจงถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อ
“ไม่จริง”ซองจงสะบัดมือที่ถูกกุมออกแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ช้ากว่าคนอายุมากกว่าที่คว้าร่างบางเข้ามากอด
“ฟังฉันเถอะนะ”ซองกยูที่รู้สึกอ่อนไหวเขาแค่อยากมีที่ระบายอยากให้ใครซักคนรับฟังเขาแล้วเขาก็เลือกซองจง
คนที่จะมารับรู้เรื่องของเขา
“ปล่อยก่อน”ซองจงดันไหล่ซองกยูออก
“ว่ามาสิ”
ซองจงพูดนิ่งๆแล้วหันไปมองดวงจันทร์ที่กำลังขึ้นมาจากขอบฟ้า
เด็กๆในสนามก็เริ่มทยอยกลับบ้านจนเหลือแค่พวกเขาสองคน
“ฉันกับโฮวอนเคยอาศัยอยู่ที่อีกโลกหนึ่งที่เป็นโลกของพวกแวมไพร์
เราเป็นเพื่อนรักกัน เรารักกันมากจนวันหนึ่งเราได้รับคำสั่งจากท่านผู้นำให้ตามหาและดูแลลูกของท่านที่จะเกิด
เด็กคนนั้นเป็นลูกที่ท่านส่งมาเกิดในโลกมนุษย์เพราะไม่ต้องการให้ชีวิตของเขามีแต่อันตรายและเด็กคนนั้นจะเป็นโซลเมทของฉันไม่ก็โฮวอนถ้าเกิดว่าภายในหนึ่งปีเรายังหาไม่พอเราก็จะถูกสาป
เรารับคำสั่งด้วยความเคารพนับถือก่อนจะมายังโลกมนุษย์เบาะแสที่ได้มาคือเป็นเด็กผู้ชาย
เกิดเป็นลูกของมนุษย์ที่ชื่อคิม ยูคยอมกับอิม นายอน เราตามหาเด็กคนนั้นกันแรมปีแล้วสุดท้ายฉันกับโฮวอนก็ถูกสาปร่างเป็นเด็กชายวัยสามขวบถูกทอดทิ้งที่ข้างทางจนมีคนไปพบเจอเราสองคนเราเลยถูกส่งไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กในตอนนั้นพ่อแม่ของนายอยากมีลูกมากแต่ก็ไม่มีสักทีท่านจึงไปขอรับเลี้ยงเด็กจนได้ไอ้โฮวอนไป
ฉันเสียใจมากที่ใม่ได้อยู่กับเพื่อน คุณแม่(เจ้าของสถานรับเด็ก)ก็โทรไปหาพ่อแม่ของนายเพื่อขอให้รับฉันไปเลี้ยงอีกคนแต่พวกท่านให้เหตุผลว่าคงรับอีกคนไม่ไหวแล้วให้เพื่อนพวกท่านมารับไปเลี้ยงก็คือพ่อแม่ของมยองซูตอนนั้นขอมูลมันผิดพลาดจากเด็กที่คิดว่าเกิดไปแล้วกลับเพิ่งมาเกิดตอนที่พวกฉันอายุห้าขวบแม่ของพวกนายก็ตั้งท้องจนมีพวกนายมาถึงวันนี้
ฉันกับโฮวอนโตมาเหมือนคนปกติถูกเลี้ยงมาอย่างดีจนวันหนึ่งเราได้รู้ว่าลูกของท่านผู้นำคือมยองซู
เราต่างก็ไม่ไว้ใจให้อีกฝ่ายดูแลจนเกิดความบาดหมาง
ฉันที่มีหน้าที่เป็นผู้ชายรู้สึกรักและหวงน้องตั้งแต่มยองซูยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ
ส่วนโฮวอนที่ถูกเลี้ยงกับอีกครอบครัวที่เพิ่งมารู้ก็หวังจะมาแย่งน้องไป
เราต่อสู้กันอย่างหนักจนต่างฝ่ายต่างก็เจ็บหนัก
หลังจากนั้นคำว่าเพื่อนของเราก็หมดลงและกลายเป็นศัตรูกัน”ซองกยูพูดจบน้ำตาของร่างสูงก็ไหลออกมาเงียบๆซองจงที่หันไปมองซองกยูตั้งแต่ร่างหนาเริ่มเล่าก็เอื้อมมือไปกุมมือซองกยูด้วยความเห็นใจ
“โซลเมทที่พวกนายพูดถึงนี้คือ เนื้อคู่ ใช่ไหม”ซองจงถามแล้วบีบมือซองกยูแน่น
“อะห้ะ”ซองกยูดึงมืออกจากการเกาะกุมแล้วยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง
“แล้วทำไมพวกนายต้องทะเลาะกัน
ทั้งที่ก็สามารถดูแลมยองซูได้ทั้งสองคน”ซองจงถามขึ้นอีกครั้ง
“เพราะความอยากได้
ใครๆก็อยากเป็นผู้นำใครๆก็อยากได้รับความรักกันทั้งนั้นแหละ”ซองกยูว่าแล้วหันมามองซองจง
“นายหมายถึงจะมีใครสักคนที่จะได้มยองซูแล้วกลับโลกแวมไพร์หรอ”ซองจงมองซองกยูอย่างไม่เข้าใจ
ทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งร้องไห้แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงดูเข้มแข็ง
“ใช่ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับมยองซูว่าจะกลับไหม”ซองกยูพยักหน้ารับ
“แล้วนายรู้หรือยังว่าใครคือเนื้อคู่มยองซู”ซองจงถามแล้วรู้สึกว่าหัวใจกำลังบีบรัด เขากลัว
กลัวว่าใครคนนั้นจะเป็นซองกยู เขาจะบาปไหมที่หวงซองกยูกับเพื่อนรักตัวเอง
“ยัง เราต้องรอให้มยองซูอายุ 18 ปี
ถ้าใครมีอะไรกับมยองซูแล้วมยองซูไม่ตายคนๆนั้นคือโซลเมท”ซองกยูว่า
“แล้วถ้าตาย”ซองจงถามอีกครั้ง
“ก็ไม่ใช่โซลเมทกัน
มยองซูจะตายแล้วพวกฉันก็จะต้องกลับไปโลกแวมไพร์เพื่อรับโทษจากการกระทำเพราะเราไม่สามารถดูแลมยองซูให้ตายตามอายุขัยได้”ซองกยูพูดขึ้นแล้วยิ้มให้ซองจงนิดๆ
“แล้วจะเอาไงต่อ”ซองจงพูดขึ้นแล้วมองซองกยูกลับ
“ก็คงต้องรอให้ถึงวันเกิดของมยองซูอะ แต่ไอ้โฮวอนมันบอกว่ามยองซูคือโซลเมทของมัน”ซองกยูว่าแล้วมองซองจงด้วยสายตาอ่อนแรงซองจงจึงยกมือตบไหล่แกร่งเบาๆ
“ฉันคิดนะ
ฉันว่าที่พี่โฮกับมยองซูรักกันอาจจะเพราะเขาเป็นเนื้อคู่กัน
ต่อให้นายพยายามพรากเขาออกจากกันมันก็ไม่เป็นผลหรอก ฉันว่านายควรถ่อย”ซองจงว่าแต่ครั้งนี้ซองกยูกับนั่งนิ่งไม่โวยวาย
“ถ้ามยองซูตายล่ะ?”คราวนี้เป็นซองกยูที่เป็นฝ่ายถามเขาก็แค่อยากรู้ว่าซองจงจะมีความคิดยังไงถ้าเกิดมยองซูต้องตาย
“ก็คงต้องปล่อยให้ตาย
ในเมื่อพี่โฮวอนเขาเลือกแบบนั้นและมยองซูเองก็อาจจะยอม
ทั้งสองคนก็ต้องฝ่าฝันอุปสรรค์ไปด้วยกัน
นายเชื่อฉันเถอะล้มเลิกความคิดที่จะขัดขวางพวกเขา
ยอมให้พวกเขาสักครั้งอะไรจะเกิดมันก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเลือกเอง”ซองจงว่าแล้วส่งยิ้มให้ซองกยูเพื่อเป็นกำลังใจให้
“เห้อ
ฉันจะลองทำตามที่นายว่าแต่ถ้าไอ้นั้นมันไม่ใช่โซลเมทของมยองซูแล้วเพื่อนนายตายจะมาโทษใครไม่ได้นะ
ถ้าจะโทษก็โทษพี่ชายนายเอง”ซองกยูหยักไหล่ใส่ซองจงเมื่อรู้สึกดีขึ้น
“ได้ไงล่ะ มยองซูต้องอยู่กับฉันสิ”ซองจงว่าแล้วตีไหล่ซองกยูเบาๆ
“หึ มยองซูต้องเป็นของฉันต่างหาก”ซองกยูว่าแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีฝ่ามือของซองจง
“ไอ้บ้าที่พูดไปนี้ไม่เข้าใจหรือไง”แล้วทั้งสองคนก็วิ่งไล่กันอยู่ในสนามจนเหน็ดเหนื่อยแล้วก็แยกย้ายกัน
ซองกยูขับรถตามมาส่งซองจงที่ปันจักรยานอยู่ข้างหน้าพอถึงที่หมายร่างสูงก็เรี้ยวลดกลับเพื่อไปบ้านของตน
เอี้อดดดด
“ไอ้เหี้ย”ร่างสูงสบทเบาๆเมื่อมีรถมอเจอร์ไซค์ขับตัดหน้าพอลองเพ่งดีๆก็เห็นว่าเป็นโฮวอน
ซองกยูไม่รอช้ารีบเปิดประตูออกไปหาอีกฝ่ายทันที
“ไอ้งั่ง ทำอะไรของมึง”ซองกยูถามแล้วเดินเข้าไปใกล้
ผลัก
“กูต้องถามมึงมากกว่าว่าทำแบบนี้ทำไม
พาน้องกูไปไหนมา”โฮวอนที่ตอนแรกนั่งอยู่บนหลังรถตนอยู่ดีๆก็พุ่งเข้าใส่ซองกยูด้วยหมัดหนักๆจนซองกยูเสียหลังล้มไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“ไอ้บ้า กูแค่พาซองจงไปนั่งเล่นที่สานสาธารณะ
มึงเป็นอะไร กูไม่ใช่มึงนะที่พาน้องกูไปนอนด้วยทั้งคืน”ซองกยูถุยน้ำลายที่มีเลือดติดมาด้วยออกแล้วมองโฮวอนด้วยความโกรธ
“น้องมึงยอมเอง”โฮวอนแสยะยิ้มนิดๆจนซองกยูทนใม่ไหวพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
ผลัก ผลัก
“ยอมงั้นหรอ มึงว่ามยองซูง่ายหรอ”ซองกยูต่อยเข้าที่ใบหน้าหล่อคมเต็มแรง
ผลัก ผลัก
“มึงกล้าว่าโซลเมทของตัวเองว่าง่าย
จิตใจมึงทำด้วยอะไรห้ะ”ซองกยูอัดหมัดใส่โฮวอนจนพอใจก่อนจะผละออกมาแล้วมองหน้าโฮวอนที่ตอนนี้เละด้วยฝีมือเขา
“หึ ยอมรับแล้วเหรอว่ามยองซูน่ะของกู”โฮวอนแสยะยิ้มแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เออ แต่กูจะบอกไว้ก่อนเลยนะ
ว่าห้ามแตะต้องมยองซูก่อนถึงวันนั้นหรือจะให้ดีมึงควรปล่อยวันนั้นให้เป็นแค่วันธรรมดา
ให้น้องกูนอนตายไปเลย”ซองกยูชี้หน้าด่า
ความจริงแล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกซองจงก็คือ ถ้ายังไม่รู้ว่ามยองซูเป็นโซลเมทของใครแล้วทำลายความบริสุทธ์ของมยองซูในวันที่เจ้าตัวอายุครบ
18 ปี
หลังจากผ่านคืนนั้นสามวันมยองซูจะเป็นโรคร้ายแรงที่รักษายากแล้วตายไปทันที
“กูไม่ยอมปล่อยให้ว่าที่เมียกูตายหรอก”โฮวอนเดินเข้าไปใกล้ซองกยู
“ขอบใจมึงที่เข้าใจกูกับมยองซู กูสัญญาว่าจะดูแลมยองซูอย่างดี
เราจะกลับไปใช้ชีวิตที่โลกของเราหลังจากคืนนั้น”โฮวอนบอกแล้วมองซองกยูด้วยสายตาจริงจัง
“กลับหรอ มึงควรถามมยองซูก่อนไหม”ซองกยูพูดขึ้น
“มยองซูต้องอยากกลับบ้านตัวเองสิ”โฮวอนว่า
“หึ บ้านที่มีแต่อันตรายมึงจะพามยองซูไปเหรอ”ซองกยูแสยะยิ้มแล้วผลักโฮวอนให้ไปยืนไกลๆ
“มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด”โฮวอนพูดขึ้นอีกครั้ง
“มึงอยากได้บังลังค์งั้นหรอ”ซองกยูขมวดคิ้วมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
“ป่าว กูแค่อยากพามยองซูไปจากโลกใบนี้
ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ นี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่นั้นคงไม่มีอะไรอันตรายหรอก”โฮวอนขึ้นไปนั่งบนรถแล้วจุดบุหรี่สูบ
“มึงควรนึกถึงจิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ของมยองซู”ซองกยูพูด
ถึงมยองซูจะเป็นลูกของท่านผู้นำแต่ก็เป็นลูกที่ท่านส่งให้มาเกิด
ไม่ได้เป็นคนที่ทำให้มยองซูเกิดเหมื่อนคนที่คลอดออกมา
“โอ๊ย จะเอาไงว่ะ”โฮวอนดูมีท่าทีหงุดหงิด
“มึงก็แค่ปล่อยให้เรื่องเป็นปกติ
หลังจากคืนนั้นก็สู่ขอหมั้นมยองซูตามพิธีของมนุษย์ไว้ก่อนรอให้น้องเรียนจบก็แต่ง
ส่วนพวกเราก็ถวายร่างกายให้ท่าน มอบร่างกายให้เป็นมนุษย์และตายตามอายุขัย”ซองกยูพูดแล้วหันหลังเดินกลับไปที่รถ
“หวังว่ามึงจะเข้าใจแล้วล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปที่นั่นซะ”พอพูดจบก็เข้าไปนั่งในรถขับออกไปทันทีไม่สนใจโฮวอนที่นั่งงง
“ยอมฟังมึงสักเรื่องคงไม่เสียหาย”พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วขึ้นรถขับเข้าบ้านทันที
13 มีนาคม
“มยองซู ลูกอยากจัดงานวันเกิดแบบไหน”คุณนายอิม นายอมเอ่ยถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังเดินลงมาจากบันได
“แม่เพิ่งกลับผมว่าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”มยองซูบอกคนเป็นแม่ก่อนจะเดินผ่านหน้าไปนั่งที่ห้องรับแขก
อิม นายอมกับคิม ยูคยอมจึงหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
ก๊อก ก๊อก
“กยูน้องเป็นอะไรลูก”พอขึ้นมาบนบ้านก็เดินเลยไปที่ห้องลูกชายคนโตทันที
“เมื่อคืนถูกผมขังไว้น่ะครับ”ซองกยูพูดแฃ้วโค้งให้ผู้เป็นแม่
“เรานี้ยังไง ไปขังน้องทำไม”อิม
นายอนดุลูกชายแล้วตีไหล่แกร่งเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“แกล้งน้องเฉยๆน่ะครับ ผมว่าแม่ควรไปพักผ่อนนะ”ซองกยูเข้าไปกอดออดอ้อนแล้วดันหลังผู้เป็นแม่ให้เดินไปที่ห้อง
“เรานี้ไม่รู้จักโต อ้อ ฝากจัดงานให้น้องด้วยนะจะจัดแบบไหนเราเลือกเลย”พอพูดจบก็ปิดประตู่ใส่หน้าซองกยูทันที
ร่างสูงจึงทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างระอาของคุณแม่คนสวย
ซองกยูเดินลงจากบันไดแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องรับแขกที่มีร่างบางของมยองซูกำลังนั่งดูทีวี
แต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าดวงตาของมยองซูดูเหม่อลอยไม่ได้มองทีวีด้วยซ้ำ
“มยอง มยองซู”เมื่อเรียกรอบแรกเจ้าตัวไม่สนใจซองกยูจึงต้องเข้าไปสะกิดจนมยองซูสะดุ้งตัวโหย่ง
“นี่พี่เล่นอะไร”มยองซูหันมาแวดใส่พี่ชายอย่างอารมณ์เสีย
เรื่องเมื่อวานเขายังงอนไม่หายถึงแม้ว่าเมื่อคืนตอนดึกๆพี่ชายจะเข้ามาเปิดประตูแล้วขอโทษเขาแล้วก็เถอะ
แต่เขาคนจริงเรื่องนี้ยอมไม่ได้
“หืม พี่ขอโทษนะครับ นี้สัญญาเลยว่าจะไม่ทำอีก”ซองกยูยกนิ้วก้อยขึ้นต่อหน้ามยองซู
“ไม่”มยองซูมองพี่ชายตาขวาง
“หน่า ถ้าไม่ยอม พี่จะไม่ให้เราเจอกับมันอีกเลยนะ”ซองกยูว่าทำให้มยองซูหันขวับมามองทันที
“หึ พี่รู้หรอกว่าเราคิดอะไรกับมันน่ะ”ซองกยูแกล้วแหย่น้องชายด้วยความเอ็นดู
“ผม ป่าวสักหน่อย”มยองซูว่าแต่แก้มทั้งสองข้างนี้ขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
“ป่าวอะไร แก้มแดงขนาดนี้”ซองกยูเอานิ้วไปจิ้มแก้มนิ่มๆของน้องชายเล่น
จนมยองซูต้องปัดออก
“พี่กยู อย่าแกล่งสิ ฮ่าๆๆๆ”มยองซูดีดดิ้นไปมาเมื่อพี่ชายเปลี่ยนจากจิ้มแก้มมาจิ้มเอวเขา
จนร่างบางหัวเราะเกือบตกโซฟาแต่ดีที่ซองกยูคว้าเอวไว้ก่อน
“เฮ้ย ทำไรกันว่ะ”ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจหันไปมองทางหน้าประตูบ้านก็เห็นว่าเป็นโฮวอนที่ยื่นทะลึงตาใส่พวกเขาอยู่
“มยองซูเมื่อกี้เราทำอะไรกันครับ”ซองกยูที่รู้สึกอยากแกล้งโฮวอนขึ้นมาเลยเอาหน้าเข้าไปใกล้มยองซูแล้วกดจมูกลงที่แก้มเนียนเบาๆ
“พี่กยู เล่นอะไรบ้าๆ ฮ่าๆ”มยองซูดันอกแกร่งออกแต่ไม่วายขำออกมาเมื่อซองกยูส่ายหน้าไปมาจนจมูกโด่งมันสัมผัสโดนแก้มเขาไปมา จนเขาจักกระจี้ไปหมด
“พอเลยๆ”โฮวอนที่โกรธจนหน้าแดงหูแดงเดินเข้ามาดึงตัวซองกยูออกห่างจากมยองซูแล้วดึงมยองซูมาไว้ในอ้อมแขนตน
แขนแกร่งยกโอบเอวบางไว้แน่น
“เอ้า ไอ้นี้พี่น้องเล่นกัน”ซองกยูว่าแล้วหยักคิ้วอย่างเหนือกว่า
จนโฮวอนกัดฟันกรอด มยองซูจึงหันไปลูบแขนแกร่งเบาๆเพื่อให้โฮวอนสบายใจ
“พี่โฮวอนมาทำอะไรครับ”มยองซูเรียกความสนใจจากคนที่กอดตนอยู่ด้วยการถามเรื่องอื่น
โฮวอนจึงหันมามองร่างบางแล้วอมยิ้ม
“พี่จะชวนเราไปทะเลน่ะ อยากไปไหม”โฮวอนหันมาถามมยองซู
“จริงหรอครับ ไปๆ”มยองซูรีบพยักหน้ารับมันทีด้วยความดีใจ
“อะแฮ่ม ไปไม่ได้นะครับวันเกิดเรา เราก็ต้องอยู่กับครอบครัวสิ”ซองกยูที่มองทั้งสองคนอยู่นานพูดขึ้นบ้าง
“แหมพี่กยู เดี๋ยวกลับมาฉลองด้วยน้า”มยองซูผละจากโฮวอนเข้าไปครองแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
“พี่กลัวว่าเราจะกลับมาไม่ได้อะสิ”ซองกยูแล้วพยักหน้าไปทางโฮวอน
“หืม ทำไมครับ”มยองซูว่าแล้วมองทั้งสองคนสลับกัน
“ก็ลองไปสิ”ซองกยูว่าแล้วยกมื้อขึ้นขยี้หัวน้องเล่น
จนมยองซูย่นจมูกใส่
“อะไรของพี่เนี่ย”มยองซุโวยวายขึ้นอย่างไม่เข้าใจพี่ชายเมื่อกี้ยังบอกไม่ให้เขาไปอยู่แท้ๆ
“ก็บอกให้ลองไปไงถ้าอยากรู้ว่าทำไมเราจะกลับมาไม่ได้”ซองกยูว่า
“ไปเถอะ อย่าไปฟังมัน”โฮวอนที่เห็นว่ามยองซูลังเลจึงคว้าต้นแขนบางไว้
“กูขอยืมรถมึงนะ รถกูขี่ไปตอนนี้หน้าไหม้แน่”โฮวอนว่า
“รถยนต์มึงก็มี”ซองกยูพูดแต่ก็ยื่นกุญแจรถให้โฮวอน
“ก็อยากขับรถเพื่อนบ้างไงครับ”โฮวอนว่าแล้วโอบเอวมยองซูออกจากบ้านทันที
“เพื่อน?”มยองซูมองหน้าโฮวอนอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่บอกหรอก ไปครับ”หยักไหล่ใส่ร่างเล็กลแวยัดมยองซูเข้าไปนั่งในรถก่อนตัวเองจะรีบเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขัย
แล้วขับออกไปทันที
“เราจะไปที่ไหนกัน”มยองซูหันมาถามแล้วหันไปมองสองข้างทางอย่างตื่นเต้น
“ปูซานครับ”โฮวอนว่า
มยองซูจึงพยักหน้ารับ
การเดินทางที่แสนยาวไกลทำให้มยองซูเผลอหลับมารู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนตียงนุ่มซะแล้ว
“ตื่นแล้วหรอ”โฮวอนเดินเข้ามานั่งบนเตียงที่มยองซูนอนอยู่แล้วมองร่างบางที่นอนกระพริบตาอย่างหมั้นเขี้ยวเลยเอามือไปบีบจมูกสวยนั้นเล่น
“เอ้ะ พี่โฮ”มยองซูปัดมือหนาออกแล้วดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
“เราอยู่ที่ไหน”มยองซูถามขึ้นแล้วมองไปรอบๆห้อง
“คอนโดพี่น่ะ
มองออกไปเห็นทะเลด้วยนะเดี๋ยวตอนเย็นๆพาไปเล่น ตอนนี้ร้อน”โฮวอนว่ามยองซูจึงหันไปมองตามนิ้วก็เห็นว่าผ่านหน้าต่างกระจกใส่นั้นสามารถมองเห็นทะเลที่ทอดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“นี้ มากอดทำไม”มยองซูตีแขนแกร่งที่อยู่ก็รั้งร่างเขาเข้าไปกอดแน่น
“รักนะ”คำบอกรักสั้นจากปากของโฮวอนทำให้มยองซูหันไปมองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“รักมากเลยคนนี้ รักมาตั้งนานแล้ว
ไม่รู้ว่ารู้ตัวบ้างไหม”โฮวอนจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วไปหน้าคมเลือนเข้าไปใกล้ใบหน้าหวาน
จนริมฝีปากของทั้งคู่แตะกันเบาๆแล้วร่างหนาก็ผละออกมา
“ขอนะ”ไม่รอฟังคำตอบของร่างบาง
ร่างหนาก็รีบฉกชิมริมฝีปากสวยอย่างเร่าร้อนค่อยจูบตามลาดไหล่เนียนลงมาถึงหน้าท้องแบนราบ
แล้วอ้าปากครอบร่างกายของร่างบางไว้ในปากของตน มยองซูที่อ่อนไหวเพราะจูบของร่างหนาไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าของตนนั้นหลุดออกไปตอนไหนมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โฮวอนมอบความเสี่ยวซ่านและความเจ็บแสบให้อย่างทรมาน
ทรมานกับความสุขที่ได้รับมากเกินไป
ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งโฮวอนก็ทำตามใจตัวเองไปซะหมด จนร่างในอ้อมแขนอ้อนระทวย
“เราเป็นของพี่ พี่จะไม่ปล่อยให้เราไปไหน”
กดจูบลงบนหน้าผากเนียนก่อนจะปล่อยให้ร่างบางบอบช้ำให้หลับอย่างสบาย
ตัวเองก็ลุกไปเตรียมอาหารวันนี้เขาคาดว่ามยองซูคงไม่มีแรงลุกไปเล่นน้ำแล้วก็ได้รู้แล้วว่าทำไมพี่ชายตนถึงบอกว่าจะกลับบ้านไม่ได้
มยองซูน่ะจะตื่นอีกทีก็พุ่งนี้ตอนสายๆนู้นแหละ
ให้ซองกยูรอจัดงานเลี้ยงให้จนลากงอกก็ไม่เห็นวี่แววน้องชายตัวเองหรอก
“โทษทีนะมึง มยองซูสลบไปแล้ว
เดี๋ยวพุ่งนี้ตอนเย็นพากลับ ฝากบอกพ่อตาแม่ยายด้วยว่า
ว่าที่ลูกเขยพาลูกชายมาจัดปาร์ตี้ที่ทะเลสองต่อสองแล้ว”
“ไอ้โฮวอนนนนนนน”เสียงแสบหูของปลายสาบทำเอาโฮวอนต้องยกมือถือออกห่างจากหูแล้วกดทิ้งทันที
End.
ความคิดเห็น