คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : เผยความรู้สึก
ภายในรถ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
“เฮ้อ.......”
ชานยอลถอนหายใจอย่างหนักในขณะกำลังขับรถเดินทางกลับบ้าน เพราะเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขายังไม่ได้ติดต่อกับแบคฮยอนแม้แต่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าร่างบางนั้นหายไปไหน โทรหาเป็นร้อยๆสายแต่ก็ไม่รับสักครั้ง แถมบางครั้งยังกดตัดสายทิ้งเฉยๆ และเมื่อครั้นลงทุนขับรถไปหาที่บ้านแต่ก็ยังไม่พบเจ้าตัวอีกอยู่ดี เหมือนกับว่าร่างบางนั้นพยายามหลบหน้า
อย่าให้เจอตัวนะ เพราะเขาจะลงโทษให้สาแกใจเลย โทษฐานที่พยายามตีตัวออกห่างจากกัน
“Some people want it all but I don’t want nothing it all
if it ain’t you, baby if I ain’t got you, baby”
เสียงโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มร้องดังขึ้นหลังจากที่พึ่งขับรถออกมาจากโรงเรียนได้ไม่นาน ซึ่งปลายสายนั้นเป็นของพี่ชายของเขาเอง
“มีอะไรเหรอครับ” ชานยอลกดรับสายโดยที่ใช้ระบบบลูทูธเพื่อความปอดภัย
"ถ้าจะกลับบ้านก็แวะซื้อโกโก้มาฝากฉันด้วยนะ" คริสพูดกำชับ
"ครับ เดี๋ยวผมจะซื้อไปฝากให้ แล้วอยากได้อะไรอีกไหมครับ"
“ไม่แล้ว ฉันแค่อยากกินโกโก้แก้วเดียว แค่นี้นะ แล้วฉันจะรอ”
เมื่อได้รับคำสั่งเป็นที่เรียบร้อย ชานยอลจึงวางสาย ก่อนจะเลี้ยวรถกลับไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆที่พึ่งขับเลยมา
"พี่ครับ เอาโกโก้แก้วหนึ่ง"
ชานยอลสั่งออเดอร์กับพนักงานชายที่ทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หลังจากที่เดินเข้ามาข้างในร้านพร้อมทั้งยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง
"เอ่อแล้วพี่จงเบมีแฟนหรือยังครับ"
เสียงที่คุ้นหูเป็นอย่างดีถูกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หวานๆในระยะไม่ห่างจากบริเวณที่ ชานยอลยืนอยู่เท่าเท่าไรนัก
และด้วยความที่อยากรู้ เด็กหนุ่มจึงหันหน้าไปมองทางต้นเสียง จนในที่สุด ก็เจอกับคนๆนึง ที่ตนนั้นตามหาตั้งหลายวัน กำลังนั่งยิ้มจวนปากจะฉีกให้กับชายคนอื่น
หึ ที่แท้ก็นั่งตามหาคู่อยู่นี้ๆเอง คราวนี้ไม่รอดแน่
"ยังครับ พี่พึ่งกลับจะอาเมริกาได้ไม่นาน ไม่ค่อยได้เมคเฟรนด์กับใคร"
"เอ่อ ถ้างั้นจะเป็นไปได้ไหมครับ ที่พี่จงเบจะรับแบคไว้พิจารณาไว้"
"ไม่ได้"
ชานยอลพูดขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงดังๆ หลังจากที่พาตัวเองเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆโต๊ะ อารมณ์ของเขามันกำลังเดือดขึ้นจนเกินควบคุมไม่ได้แล้ว เป็นผลให้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งสายตาของใครต่อใครต่างก็หันหน้ามามองคนที่พูดด้วยน้ำเสียงที่หาเรื่องอย่างฉับพลัน
"เฮ้ย มาได้ไงเนี่ย!" แบคฮยอนเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน เอ่ยถามด้วยความตกใจ
"เอ่อ น้องเขาเป็นใครเหรอครับ"
จงเบคนเอ่ยถามแบคฮยอนต่อ พลางมองคนที่มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยชุดนักเรียนมอปลาย
"ผมก็เป็นผัวของเขาไงครับ!!"
ชานยอลตอบออกไปดังๆอย่างไม่ทันคิด ราวจะเป็นการประกาศต่อที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้ง เลยทำให้สถานการณ์เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น
"เฮ้ย นายจะบ้าหรือไง!!"
แบคฮยอนถลึงตาลุกขึ้นจากเก้าอี้ต่อว่าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันหน้าไปหาไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเพื่อจะอธิบายความจริง ในเมื่อเด็กหนุ่มพูดเกินกว่าเหตุ
"พี่จงเบครับ คือมันไม่ใช่อย่างไอ้เด็กคนนี้พูดนะครับ ผมกับมันไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ"
จงเบทำหน้าลังเลเหมือนจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี เพราะท่าทีของแบคฮก็ยอนกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ชานยอลจึงใช้โอกาสนี้พูดต่อ
"ที่รัก ผมรู้นะครับว่าคุณโกรธผม แต่คุณก็ไม่ต้องทำแบบนี้เลยก็ได้นี่ รู้ไมมันทำร้ายจิตใจผมมากเลยนะ"
"นี่ หยุดพูดบ้าๆเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่รู้จักนาย!!"
"อย่าทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกันหน่อยเลย.. แต่จะไปแล้ว มันก็ดีนะ ผมจะได้ทวนความจำกับคุณบนเตียง แล้วทีนี่และคุณจะได้ครางชื่อผมออกมาดังๆ จะได้จำผมได้สักที.. แล้วคุณก็จำไว้นะ คนที่คุณคิดจะจีบ เขามีผัวแล้ว"
ชานยอลชี้หน้าด่ากราดจงเบแบบไม่ไว้หน้าที่กำลังนั่งงงเหมือนไก่ถูกไม่ค้อนทุบหัว ก่อนจะหันไปจ้องตาแบคฮยอน
"ส่วนคุณ ตามผมมา!!..."
สิ้นสุดคำพูด ชานยอลก็ดึงแขนแบคฮยอนพาเดินออกไปจากร้านกาแฟนี้ไปในทันที โดยที่ไมปล่อยให้ชายหนุ่มลูกครึ่งนั้นขยับปากพูดอะไรออกมา..
ส่วนกาแฟที่ชานยอลพึ่งสั่งมาเมื่อกี้ เขาก็ไม่รอเอามันอีกแล้ว เพราะมีเรื่องให้จัดการมากกว่านี้
"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!! ฉันบอกให้ปล่อย!!"
แบคฮยอนทั้งตะโกนร้องทั้งพยายามจะสลัดมือหยาบๆออกจากการเกาะกุม หลังจากที่โดนวาโยนั้นลากตัวออกมาจากร้าน แต่แรงที่ใช่มันก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี จนกระทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้ารถเบนซ์ราคาแพง
"ไม่!" ชานยอลตอบเสียงดังฟังชัด
“แต่ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกันนะโว้ย!! ไอ้เด็กบ้า!! นายมีสิทธิ์อะไรมาดึงแขนฉันออกมาแบบนี้ หา!”
แบคฮยอนกระชากเสียงด่ากราดอย่างเหลืออด ในเมื่อไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับเด็กอย่างเขาอีกแล้ว
"มีหรือไม่มี ผมก็ไม่สน เพราะตอนนี้ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณให้รู้เรื่อง!!" ชานยอลตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง และไม่มีทางจะปล่อยร่างบางไปไหนแน่
"แล้วนายใหญ่มาจากไหน วะ! มีอำนาจอะไรมาสั่งให้ฉันทำตามคำสั่งของนายตลอด!"
"ไม่รู้โว้ย! แต่ตอนนี้คุณต้องไปกับผม!"
"ไม่!" แบคฮยอนตอบปฏิเสธเสียงแข็งทั้งพยายามจะสะบัดแขนออกอีกครั้ง แต่ยังไงแรงที่ตนมีมันไม่สู้แรงหมีควายอย่างเขาได้เลย... จนชานยอลต้องบีบแขนแรงๆเพื่อให้ร่างบางนั้นยอมหยุดนิ่งๆ
"โอ๊ย ฉันเจ็บนะ!"
"ถ้าไม่อยากจะเจ็บไปมากกว่านี้ ก็ควรเชื่อฟังคำสั่งของผม!"
เมื่อกล่าวจบ ชานยอลก็ยัดแบคฮยอนให้เข้าไปทั้งด้านคนขับ ก่อนที่ร่างสูงจะดันร่างบางให้ไปนั่งตรงด้านข้าง
"ทำไมนายถึงได้เอาแต่ใจอย่างนี้ด้วยวะ!" ร่างบางต่อว่า ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นปิดประตูเข้าดังๆ เป็นการระบายอารมณ์โมโหของตัวเอง
"ใส่เข็มขัดไว้ซะ ถ้าไม่อยากให้หัวของคุณทิ่มกระจกหน้ารถ... ก็ขอให้คุณหุบปากไว้ซะ... แล้วถ้าไม่เงียบ คุณอาจจะโดนผมทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึงแน่" ชานยอลตอบไม่ตรงประเด็น แล้วหันหน้าไปมองทางถนนด้านหน้าแทน
จากนั้นเขาก็เริ่มสตาร์ท แบคฮยอนจึงเลือกทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เพราะเด็กหนุ่มนั้นชอบทำอะไรห่ามๆอยู่เรื่อย ก่อนที่ชานยอลจะเคลื่อนตัวออกอย่างรุนแรง
"บรึ้น!!"
เสียงรถขับออกไปในขณะที่แบคฮยอนกำลังหลับตาลงจนสนิท มือเล็กๆของร่างบางนั้นจึงพยายามหาอะไรจำที่สามารถเกาะกุมไว้ก็รีบคว้าทันทีเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง.. เพราะเท้าใหญ่หนาของชานยอลกำลังเหยียบคันเร่งจนแทบจะสุดมิด...
มือสากๆก็ทำหน้าที่หักพวงมะลัยแซงรถคันอื่นไปอย่างไม่คำนึงถึงมารยาทบนท้องถนนเลย.. ร่างบางกลัวแต่พวกคนอื่นจะสาปแช่งซะจนเต็มประดา...แต่ถึงยังไง เขาก็ไม่มีทางสนใจความรู้สึกของร่างบางอยู่แล้วนี่ ไม่สนเลยว่าอยู่ๆหัวใจเจ้ากรรมกำลังเต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้เขา แถมยังทำตัวเหมือนว่าร่างบางนั้นเป็นคนสำคัญ
พอผ่านไปสักพัก ชานยอลจึงค่อยๆผ่อนความเร็วลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเคลื่อนรถมาหยุดตรงที่ๆหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากร้านกาแฟพอสมควร... เมื่อแบคฮยอนใช้ตามองออกไปข้างหน้า ก็พบว่า ตรงบริเวณนี้เป็นที่ๆไม่ค่อยเห็นสิ่งมีชีวิตเดินผ่านไปมา จะมีก็แค่แม่น้ำขนาดใหญ่ไหลผ่านอยู่ พร้อมทั้งสายลมที่พัดผ่านเข้ามาหลังจากที่ชานยอลนั่นเลื่อนกระจกลง
"มีอะไรก็พูดๆมา ฉันนั่งฟังอยู่!!" เมื่อมีโอกาสพูด แบคฮยอนปริปากเอ่ยออกไปทันที
"ทำไมคุณถึงไม่รับสายผม พอไปหาคุณที่บ้านผมก็ไม่เห็นคุณ ไปที่ร้าน คุณก็พยายามหลบหน้าผมตลอด ที่คุณทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง" ประโยคคำถามนั้นถูกยิงออกมาเป็นชุด ซึ่งคำตอบที่แบคฮยอนจะพูดออกไป มันก็เป็นประโยคที่ยาวๆเหมือนกัน
"มันก็หมายความว่าเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาวุ่นวายต่อกันอีกแล้วน่ะสิ.. แล้วอีกอย่างนะ ฉันกับนายไม่ได้เป็นเพื่อนกันสักหน่อยฉันจะไปไหนมาไหมมันก็เรื่องของฉัน"
"รวมทั้งเรื่องนัดบอดกับไอ้บ้านั่นด้วยใช่ไหม"
"ใช่ แล้วที่นายพูดว่าเขาเป็นบ้าน่ะ ก็ช่วยสำรวจตัวเองแต่หัวจรดเท้าด้วยนะ ว่ามีอะไรไปสู้เขาได้บ้าง รู้ไหม กว่าจะหาคนดีๆแบบนั้น มันยากขนาดไหน แต่พอนายเข้ามาทีเดียว ทุกอย่างมันก็พังไม่เป็นท่า!! นายจะช่วยสำนึกบ้างไหม หา!"
"ไม่สำนึกโว้ย!! แล้วที่สำคัญผมขอสั่งห้ามให้คุณออกไปนัดเจอกับใครแบบนั้นอีก เพราะผมไม่ชอบ ไม่ชอบที่คุณอยู่ใกล้กับหมอนั่น" ชานยอลพูดกำชับเสียงแข็ง ส่วนคนฟังนั้นนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เพราะยังตกใจกับคำพูดของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าตัวเองนั้นเป็นคนสำคัญของเขา
"แล้วเหตุผลล่ะ ฉันต้องการเหตุผล" แบคฮยอนถามออกไปด้วยความอยากรู้ คราวนี้ชานยอลกลับกลายเป็นคนเงียบแทน เพราะยังคงไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
"ไม่รู้" ร่างสูงผ่อนเสียงลง แต่เพียงแค่สองพะยางมันไม่ใช่สิงที่แบคฮยอนต้องการฟังเลยสักนิด
"ไม่รู้เนี่ยนะเหรอ คือเหตุผลของนาย"
"เออ เนี่ยแหละคือเหตุผลของผม"
"งั้นฉันจะลง แล้วก็ช่วยปลดล็อกให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย!"
"ไม่!" ชานยอลตอบปฏิเสธเต็มเสียง
"จะบ้าเหรอไง หา!! พอฉันถามเหตุผลกับนาย แต่นายตอบฉันว่าไม่รู้ แล้วจะให้ฉันมานั่งหายใจร่วมกับนายหาพระแสงอะไรวะ!!"
"งั้นคุณก็บอกผมมาสิ ว่าทำไมผมถึงรู้สึกกังวลในเวลาที่คุณหายไป รู้สึกหัวใจเต้นแรงจนจะระเบิดออกมาจากอกในเวลาที่อยู่ใกล้คุณทุกครั้ง แถมยังรู้สึกดีตอนที่ผมจูบกับคุณในวันนั้น... คุณช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยสิ ทำไมผมต้องตกอยู่ในสภาพนี้!!"
แบคฮยอนถึงกับนิ่งค้างหลังจากที่ฟังประโยคยาวๆ ร่างบางสาบานได้เลยว่าไม่ได้หูฝาดหรือตัวเองกำลังตกอยู่ในความฝันอย่างแน่นอน
"คุณรู้ไหม เวลาที่คุณหายไปเกือบทั้งอาทิตย์ ผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน กลัวแต่วาคุณอาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็กลัวว่าคุณอาจจะเป็นอันตราย โดยที่ผมยังไม่รู้ว่าคุณหายไปไหนกันแน่.. ผมน่ะ นอนไม่หลับเกือบทุกคืนเมื่อตอนที่คุณหลบหน้าผมไปแบบนั้น" ชานยอลผ่อนเสียงลงเหมือนจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
และยิ่งอธิบายก็ยิ่งทำให้หัวใจของแบคฮยอนเริ่มสั่นไหว ในเมื่อทุกๆคำพูดของเขาก็ล้วนแต่เป็นอารมณ์ส่วนลึกของตัวเองเช่นกัน.. เวลาที่แบคฮยอนพยายามจะตีตัวห่างออกจากร่างสูง ยิ่งทำให้แบคฮยอนเป็นห่วงเป็นใยมากร้อยเท่ากลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น กลัวแต่อีกฝ่ายกลับบ้านดึกดื่น แล้วจะโดนคนเป็นพ่อตีเหมือนทุกๆครั้งหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าชานยอลจะบ้าแค่คนเดียว
"ฮึก แล้ว นายแน่ใจได้ไงที่พูดออกมาแบบนั้นน่ะ" อยู่ๆน้ำตาของแบคฮยอนก็ไหลรินออกไม่อย่างไม่รู้ตัว
"ครับ ผมแน่ใจ แล้วคุณล่ะ"
"ฮึก เออ ฉันก็รู้สึกบ้าๆแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ"
ชานยอลค่อยๆยิ้มออกมาจางๆ จากนั้นจึงเลื่อนมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ร่างบางอย่างอ่อนโยน
"หยุดร้องไห้ได้ไหมครับ น้ำตาของคุณมันมีค่ามากกว่าชีวิตของผมนะ" ประโยคสุดท้ายนั้นถูกเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาเจือปนไปด้วยความอ้อนวอน
"อืม ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว" แบคฮยอนจึงพยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย
"ขอบคุณมากนะ .. ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่มีใครชัดเจนต่อความรู้สึกของตัว แล้วผมก็คิดว่า ขอให้เวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ไปก่อน เพราะบางที่อะไรหลายๆอย่างมันอาจจะดีขึ้น...ได้ไหม"
แบคฮยอนไม่ตอบ แต่พยักหน้ารับแทน
"งั้นก็ดีแล้ว.. ตอนนี้ผมจัดการปัญหาได้เรียบร้อยแล้วนะ เหลือแต่คุณนั่นแหละ ที่ยังไม่ได้จัดการปัญหาของตัวเอง"
"ฮึก จัดการเรื่องอะไรล่ะ" แบคฮยอนเอ่ยถามงงๆ
"ก็เรื่องนัดบอดไง ผมขอสั่งให้คุณยกเลิกนัดทั้งหมดเลยนะ" ชานยอลสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ซึ่งคราวนี้ แบคฮยอนก็ต้องพยักหน้ารับเหมือนเดิมอีก เพราะถึงยังไง ร่างบางเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธคำสั่งของเขาอยู่แล้ว
ความคิดเห็น