ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุพเพซ่อนรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 54


     บทที่ 2 แรกพบ

    อัจฉริยาต้องแต่งตัวด้วยชุดสีชมพูอ่อนติดลูกไม้สวยน่ารักดูราวกับตุ๊กตาตามที่คุณกัลยาคิดและตระเตรียมไว้ให้อย่างเสียมิได้เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ คุณกัลยานัดสองอาหลานให้มารับประทานอาหารที่บ้านในตอนเย็นนี่ ถึงเธอจะเซ็งๆไปบ้างจนต้องหนีออกมาเดินเล่น แต่ที่นี่คุณกัลยาถูกเสมอ ฉะนั้นหากมีความคิดเห็นอื่นกรุณาไปดูกฎข้อแรก “เฮอะ...  นี้แหนะ” อัจฉริยาออกแรงเตะก้อนหินสุดแรง  

    “ตุบ”

    “โอ๊ย...”

    เสียงอุทานอย่างเจ็บปวดดังมาจากริมรั้วปูนข้างบ้านที่สูงท่วมหัวเธอเล็กน้อย อัจฉริยา สะดุ้งเฮือกต้องเอามือปิดปากอย่างลืมตัว ก่อนที่จะมองหาที่ปีนเพื่อชะโงกหน้าไปดูฝีมือตัวเองว่าได้ทำอะไรลงไป

    “โอ๊ย... ใคร!!!   ...ไม่รู้หัวจะแตกไหม...” เสียงเจ้าของหัวที่โดนก้อนหินอันปลิวตามแรงเตะจากเท้าน้อยๆ ของอัจฉริยาอย่างตั้งใจ  เสียงบ่นข้ามรั้วมาพร้อมเสียงกุกกักของคนฝั่งตรงข้ามปีนรั้วเตรียมที่จะหาเรื่องเช่นกันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อัจฉริยาปีนขึ้นไปเพื่อชะโงกหน้าไปดูพลันต้องตกใจเมื่อมีใบหน้าของคนที่เธอคาดไม่ถึงโผล่ขึ้นมาตรงหน้าห่างกันแค่คืบอัจฉริยาหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อสบตากับผู้ชายตรงหน้า  มันทำให้เธอหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนอัจฉริยารู้สึกเนิ่นนานราวชั่วกัลป์ ก่อนที่เสียงทุ้มห้วนๆ จะพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

    เธอใช่ไหมที่ขว้างก้อนหินใส่หัวฉัน  ชายหนุ่มเอยถามด้วยเสียงขุ่นแสดงอารมณ์โกรธ

    อัจฉริยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ...ฉันขอโทษ  แต่ถ้าจะพูดให้ถูก คือ เตะ ไม่ใช้ขว้าง

    ชายหนุ่มเบิกตามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเคืองๆ

    แล้วเธอเป็นใคร? ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

    ฉันอัจ... เออ ปัญจรีย์  คุณ...คือคุณกวิน  ที่พึ่งย้ายมาใช่ไหม แล้วหัวคุณเป็นไงบ้าง  ฉันไม่รู้นี่นาว่าคุณอยู่ตรงนี่

    ไม่เป็นไร ฉันแค่มาเดินตรวจรอบๆ บ้านเท่านั้นไม่รู้ว่าจะมีมือดีรอบทำร้าย อีกอย่างเธอเป็นเด็กควรแทนตัวเองว่า “หนู” ไม่ใช่ “ฉัน”

    อัจฉริยามองหน้าชายหนุ่มอย่างขวางๆ แล้วขอตัวกลับเข้าบ้านไปโดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มอย่างเอ็นดูที่ส่งตามหลังเธอไปติดๆ

    กวินยอมรับว่าครั้งแรกที่สบตากับปัญจารีย์ หัวใจที่เคยสงบนิ่งของเขามันเต้นเร็วซะจนหายใจติดขัดพูดไม่ออก วงหน้าหวานกับ ดวงตาคมฉายแววฉลาดล่ำ ล้อมรอบด้วยแพขนตามันทำให้เขาลืมไม่ลง จนอดที่จะยิ้มตามหลังร่างบางที่เดินสะบัดไปด้วยความขุ่นใจนั้นไม่ได้ ด้วยความเอ็นดู

    อากวินคะ หนูดาพร้อมแล้วค่ะ หนูดา หรือนาถลดาหลานสาววัย 17 ปี ร้องบอกผู้เป็นอา

    กวินหันกลับมามองหลานสาวในชุดสีขาวโดยมีป้านิ่มแม่บ้านคนสนิทเดินตามมาอย่างรักใคร่ เขาต้องทำหน้าที่ในการดูแลหลานสาวตัวน้อยผู้เป็นลูกของพี่ชายที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำโดยที่ตำรวจลงความเห็นว่าเป็นการฆ่าตัวตาย การที่เขามาเมืองไทยก็เพื่อสืบหาสาเหตุการตายโดยเขาหวังที่จะขอความช่วยเหลือจากตำรวจเจ้าของฉายาเพชรยอดมงกุฎของกรมตำรวจแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเขาได้รับข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเธอในตอนที่เขาลงจากเครื่องได้ไม่นาน ทุกอย่างจึงยังต้องเป็นปริศนาในใจเขาต่อไปถึงอย่างไรเขาก็ต้องปกป้องทุกสิ่งที่เป็นของหลานสาวของเขาให้ได้

     คุณกวินทำหน้าเครียดแบบนี้อีกแล้วนะคะ  ป้านิ่มกล่าวเตือนอย่างห่วงใย ตอนนี่แม้วัยของชายหนุ่มจะล่วงเลยเข้า 30 ปีก็ไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานซะทีเอาแต่ทำงานแทนพี่ชายที่เสียไป

    ไม่มีอะไรหรอกครับป้านิ่ม  กวินยิ้มบางๆ บนใบหน้า เพื่อให้คนสูงวัยได้คลายกังวล แล้วหันหน้าไปพูดกับหลานสาว วันนี้เราจะไปทานข้าวที่บ้านคุณป้ากัลยา ห้ามซนเข้าใจไหมคะ

    รับทราบ นาถลดาตอบอย่างแข็งขันพร้อมมือที่ยกขึ้นมาทำท่าตะเบะแบบตำรวจ สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ฟังทั้งสองคนด้วยความน่ารักของเธอ

    -------------------------------------

    อัจฉริยาเปิดประตูห้องของเธอเข้าไปอย่างเบื่อ

    หลังจากการทานอาหารค่ำเพื่อเลี้ยงต้อนรับสองอาหลานข้างบ้านโดยเฉพาะนายกวินคุณอาจอมยียวนในสายตาเธอ เธอยังจำถึงสายตาของเขาที่มองว่าเธอยังเด็กก็ทำให้เธอเซ็งไม่น้อย

    “ฉันอายุ 25 แล้วนะ มองยังกับฉันเป็นทารก...เห็นฉันเป็นหนูดารึไง” 

    อัจฉริยาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงหน้าโทรทัศน์จอพลาสม่าขนาดใหญ่ พลางกดรีโมทเปิดเพื่อดูข่าวแก้เซ็ง

    มีรายงานด่วนเข้ามาค่ะว่าในขณะนี้ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถพุ่งเข้าขวางขบวนขนย้ายนักโทษจำนวน 4 รายในขณะพาตัวไปขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีโดยหนึ่งในสี่ มีนักโทษทราบภายหลังคือ นายวิลเลี่ยม  ไทรทัน หรือมิสเตอร์. ที ที่พึ่งถูกจับ กุมในข้อหาโจรกรรมเพชร โดยร้อยตำรวจเอกอัจฉริยา ที่เสียชีวิตไป ตอนนี้ผู้สื่อข่าวในที่เกิดเหตุมีรายงานเรื่องนี่ค่ะ .....

    อัจฉริยาไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังจากที่ฟังหัวข้อข่าวจบ

    ยังหรอก  ...มันยังไม่จบแค่นี้ เราต้องได้พบกันอีกประโยคนี้ผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันที วันนั้นที่เธอจับ วิลเลี่ยม 

    แน่ใจเหรอว่าเขาจะหนีมาทางนี่”  เสียงทุ่มต่ำของเพื่อนร่วมงานถามอัจฉริยาเพื่อความแน่ใจ

    “...”

    “มันไม่อยู่ในแผนเลยนะ หมวด”

    “...” อัจฉริยาตอบคำถามด้วยรอยยิ้มและมองกลับมาด้วยสายตาที่เหมือนจะเยาะเย้ยคนทั้งโลก แบบที่เธอมักทำเสมอ

    15.00  โรงแรมชื่อดังกลางเมือง

    แม้ว่างานจะถูกเร่งให้เร็วขึ้น เนื่องจากความประสงค์ของผู้จัดงานเพื่อความสะดวกในการรักษาความปลอดภัย จนเป็นที่วิจารณ์กันทั่วในงานก็ตามแต่ภายในงานจัดแสดงเพชรอันเลอค่ากว่า 400 ล้าน ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลมีระดับเข้ามาร่วมงานเพื่อหวังชมความงามของ“ดิแองเจิล”  

    การ์ดรักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกันเพชรในงานอย่างแน่นหนา หากแต่แผนโจรกรรมของวิลเลียมเป็นไปอย่างเงียบเชียบในความมืดที่เขาสร้างขึ้นเพียงชั่วพริบตา เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดเพื่อดึงความสนใจ และสร้างแตกตื่น  ทุกคนตกใจมองหาต้นเสียง เมื่อทุกอย่างอยู่ในความสงบ ดวงไฟสว่างไสวอีกครั้ง แต่... “ดิแองเจิล” ได้หายไปแล้วทั้งๆ ที่ฝ่ายตำรวจวางแผนล้อมจับเป็นอย่างดีทั้งปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟจนเต็มงานแทบจะเดินชนกันก็ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าเขาอยู่ที่ไหนในงาน ในขณะที่ผู้คนเริ่มตรวจตราทรัพย์สินของตนเอง เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมด้วยระเบิดควันที่ฟุ้งกระจาย  แขกทุกคนในงานวิ่งหนีตายเบียดเสียดยัดเหยียดเยียบกันก็มี ทำให้ตำรวจไม่สามารถเข้าไปควบคุมสถานการในที่เกิดเหตุได้และไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่พวกเขามองหาทั่วงานทำตัวกลมกลืนเป็นแขกผู้มีเกรียติหนีตายออกไปอย่างแนบเนียน

    ------------------------------------

    เสียงฝีเท้าที่เดินอย่างสบายใจพลางมองเครื่องเพชรในมือที่เขาฉกมาได้อย่างง่ายดาย เข้ามายังที่ที่อัจฉริยายืนอยู่

    “ชุดมันไม่เหมาะกับนายเลย ว่าไหม  มิสเตอร์. ที ไม่ซิ ...วิลเลียม  ไทรทัน” เสียงทักจากตำรวจสาวสวยในชุดนอกเครื่องแบบกอดอกยืนพิงเสาในลานจอดรถในตัวอาคาร

    วิลเลียมมองมายังต้นเสียงด้วยความประหลาดใจ “เธอ ...อัจฉริยา”

    อัจฉริยามองชุดการ์ดรักษาความปลอดภัยที่เขาสวมมาอีกทั้งสีผิวที่ถูกทำให้มีสีแทน และผมสีน้ำตาลจากการย้อมเพื่ออำพลางตัวตน

     “ฉันมารอนายนานแล้ว วิลเลียม”

    วิลเลียม ยกปืนขึ้นจะยิง อัจฉริยาไหวตัวทันเตะไปที่มือของเขาก่อนที่กระสุน จะลั่นปืนหลุดจากมือเขาตกพื้น อัจฉริยาเตะอีกครั้งเข้าที่ปลายคางของวิลเลียมจนเขาเซถลา จากนั้นวิลเลียมหันกลับออกตัววิ่งหนีขึ้นบันไดหนีไฟ อย่างสุดชีวิตอัจฉริยาวิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็วคนร้ายมาหยุดยืนที่ชั้นด่านฟ้าของโรงแรมอย่างที่เธอคาดไว้ และวางกำลังสุ่มรออยู่ก่อนแล้ว

    “หยุด!!   อย่าขยับ!!  อัจฉริยายืนถือปืนเล็งมาที่วิลเลียม

     “สมแล้วที่เป็นเพชรยอดมงกุฎของกรมตำรวจ ผู้หมวดอัจฉริยา”  อัจฉริยา นิ่วหน้าไม่ชอบใจ

    ตำรวจวิ่งเข้ามาล้อมเพื่อควบคุมตัวคนร้ายหลังจากการขับกุมใส่กุญแจมือไพล่หลัง   ก่อนที่จะถูกพาออกไปจากที่เกิดเหตุพลันดวงตาชายในชุดสูทสีดำสบตากับดวงตากลมโตฉายแววฉลาดที่จ้องอยู่ก่อนแล้วด้วยความเย็นชา   วิลเลียม  ไทรทัน  มองกลับมาด้วยสายตาเกรียวกราด

    ยังหรอก  ...มันยังไม่จบแค่นี้ เราต้องได้พบกันอีก

    ---------------------------------------------


    ช่วงนี่งานเยอะเลยมาอัพช้า ยังไงอ่านแล้วช่วยแนะนำด้วยนะคะ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×