ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8: Mischance
Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 8: Mischance
ร้านอาหารไม่ไกลจากสตูดิโอถ่ายภาพฮันเนสเท่าไรนัก ภาพที่คุ้นตาของหญิงสาวและเด็กหนุ่มที่ราวกับพี่น้องสนิทชิดเชื้อเข้ามานั่งรับประทานอาหารในร้านมีให้เห็นเป็นประจำ ใบหน้าสวยคมมองเครื่องประดับแปลกตาบนข้อมือฝ่ายตรงข้ามอย่างสงสัย
“เอเลนนายใส่เครื่องประดับด้วยเหรอ?”
มือเรียวรีบตะครุบเลสสีเงินบนข้อมือของตนเอง ใบหน้ามนพยายามยิ้มกลบข้อสงสัยของมิคาสะที่เอ่ยถาม “อ เออ พอดีเห็นว่ามันเท่ดีเลยลองใส่ดูบ้างน่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้และหันกลับมาสนใจกับอาหารมื้อกลางวันในจานของตนเองต่อ
เพราะความรีบร้อนเลยทำให้เขาลืมที่จะถอดไอเลสที่สลักอักษรย่อบ้าๆนี่ออกไป เนื่องจากเมื่อคืนเขาต้องจำใจค้างที่โรงแรม แล้วยังถูกทำให้เป็นหมอนข้างทั้งคืน และไหนจะความระแวงที่คนที่นอนข้างกายอย่างที่เขาไม่เต็มใจจะลุกขึ้นมาลวนลามเขา เท่ากับว่าเมื่อคืนทั้งที่ผ่านเรื่องวุ่นวายมาแต่เขาแทบจะหลับไม่ลงเลยสักนิด และเมื่อเผลอหลับไปตอนเช้าก็พบว่าตนเองนอนหันหน้าซุกเข้ากับอกเปลือยเปล่าแข็งแกร่งโดยมีวงแขนหนาโอบกระชับล้อมตนเองไว้อีกที แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็อดรู้สึกดีไม่ได้กับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาจากคนชอบแกล้งข้างกาย เพราะด้วยที่ตนเองเป็นเด็กกำพร้าที่คุณฮันเนสอุปถัมภ์ แม้ช่วงวัยเด็กจะมีบ้างที่เขาจะได้นอนในอ้อมกอดอุ่นของคุณฮันเนส หรือนอนรวมกลุ่มกับมิคาสะและแจน แต่พอเริ่มย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นความรู้สึกที่ได้นอนใกล้ชิดกับใครสักคนก็เริ่มห่างเหินไป
แม้จะเย็นชา ขี้แกล้ง และชอบสร้างความลำบากมากมายให้เขา แต่ไออุ่นที่สัมผัสได้กลับทำให้รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด ด้วยความที่ยังสลึมสลืออยู่ทำให้เขาเผลอเอามือลูบไล้ไปกับมัดกล้ามแขนสมชายชาตรีที่น่าอิจฉาตรงหน้า และเพราะอย่างนั้นคนสัญชาตญาณดีอย่างชายหนุ่มที่เริ่มรู้สึกตัวจึงได้พลิกร่างกำยำของตนเองขึ้นคร่อมเขาอย่างจงใจ จากที่สลึมสลือจึงตื่นอย่างเต็มตาด้วยจูบรับอรุณเร่าร้อนอย่างไม่ทันตั้งตัว
ก่อนที่ทุกอย่างกำลังจะเลยเถิดและพรหมจรรย์ของเขากำลังสั่นคลอน นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองเห็นนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วต้องตกใจเพราะเป็นเวลาแปดโมงครึ่งซึ่งใกล้เวลาที่เขาต้องเข้างานแล้ว ตัวเขาพยายามขอร้องแกมบังคับคนอายุมากกว่าให้รีบเร่งพากลับคอนโดเพื่อเตรียมตัวเข้างานก่อนเก้าโมงครึ่ง
และกว่าที่คนอายุมากกว่าจะยอมทำตามตัวเขาก็ต้องยอมเป็นฝ่ายรุกมอบจูบให้กับชายหนุ่ม แม้จะอยากปฏิเสธและไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมคนตรงหน้าถึงชอบที่จะจูบเขานักแต่เพื่อให้ไม่เป็นการเสียงาน และแม้จะเก้ๆกังๆ แต่คงทำให้ชายหนุ่มพอใจได้อยู่บ้างถึงยอมรีบเร่งจัดการตามที่เขาขอจนเขามาถึงที่ทำงานอย่างเฉียดฉิว
และทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องของช่วงเช้าที่เกิดขึ้น….
สิ่งที่ตอนนี้ทำให้เขากังวลต่อมา ก็คือ ในเมื่อการฝึกซ้อมที่ทำให้เขานั้นรอดพ้นจากเขี้ยวเล็บที่จ้องจะตะครุบอยู่ได้มาตลอดทั้งสัปดาห์กว่า แต่ตอนนี้การฝึกซ้อมนั่นได้จบลงไปแล้ว ก็เท่ากับว่าความปลอดภัยของร่างกายของเขากลับมาวิกฤติอีกครั้ง ถึงแม้คุณรีไวจะบอกว่าช่วงนี้เขายังคงยุ่งๆอยู่ แต่ก็เป็นเรื่องอีกไม่นาน ชายหนุ่มอาจจะเริ่มว่างตั้งแต่พรุ่งนี้ หรือร้ายกว่านั้นอาจจะเป็นคืนนี้ไปเลยก็ได้
ถ้าเขาขอไปนอนกับแจนหรือคุณฮันเนสก็ต้องเจอกับคำถามที่ว่า ทำไมไม่กลับห้องของตนเอง? แน่นอน และจะให้บอกไปได้ยังไงว่าตอนนี้ห้องของเขาไม่อยู่แล้ว แถมยังไปอยุ่กับคนที่ไม่น่าเชื่อในหลายๆความหมายอย่างนั้นอีก แล้วแบบนี้เขาควรทำยังไงกับวิกฤติชีวิตของเขาตอนนี้ดี….
“เร็วขนาดนั้นผมเกรงว่าจะไม่ทันน่ะสิครับ” เสียงของฮันเนสทำให้เอเลนหันไปมอง
ชายวัยกลางคนแนบโทรศัพท์กับไหล่พร้อมทั้งพยายามจดรายละเอียดซึ่งน่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานลงบันทึก สีหน้าของฮันเนสบ่งบอกได้ชัดเจนว่าลำบากใจกับเรื่องที่กำลังสนทนากับปลายสาย มือหนาเกาท้ายทอยของตัวเองอย่างใช้ความคิด คิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะพันกัน และน่าจะเป็นเรื่องราวที่เจ้าตัวลำบากใจมากพอสมควรถึงไม่ทันสังเกตุเห็นเขาที่กลับเข้ามาในร้าน
ร่างโปร่งที่เดินเข้าไปใกล้ ใบหน้ามนขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าคุณฮันเนสเงียบลงและเริ่มใช้ความคิด
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” เอเลนเอ่ยถามเสียงเบาออกไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาทกับคู่สนทนาที่อยู่ปลายสาย
ชายวัยกลางคนหันมามองตามเสียง มือยกขึ้นปิดหูโทรศัพท์เพื่อหันมาตอบคำถาม “มีลูกค้าติดต่องานด่วยเข้ามาน่ะสิ รายได้ดีจนฉันไม่อยากปฏิเสธ เป็นงานถ่ายทำนอกสถานที่3วัน แต่ต้องเดินทางวันนี้ฉันหาคนไปให้ไม่ทันน่ะสิ”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้เขาเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายก็เป็นได้!! และยังได้ช่วยคุณฮันเนสอีกด้วย
“คุณฮันเนสให้ผมไปก็ได้นะครับ งานของผมเคลียใกล้หมดแล้วเหลือแค่ปรับแสงนิดหน่อยน่าจะฝากคนอื่นทำต่อได้”
“แต่จะหารถไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีรึเปล่านะ”
“ไม่เป็นไรครับผมนั่งรถไฟ หรือโบกขอติดรถตามทางไปก็ได้นะครับ” ลำบากยังไงก็ยอมล่ะครับตอนนี้ ไปตายเอาดาบหน้ายังดีกว่ากลับไปเข้าถ้ำเสือล่ะนะ
เมื่อเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นและตาเป็นประกายของเด็กหนุ่มตรงหน้า ฮันเนสจึงได้แต่ถอนหายใจกับความดื้อดึงและมุทะลุของเจ้าตัว ริมฝีปากหยักยิ้มบางก่อนจะตอบตกลงรับงานใหญ่เร่งด่วนไป
กระดาษสมุดถูกฉีกและยื่นส่งให้กับเด็กหนุ่ม ในกระดาษมีชื่อสถาณที่และเบอร์ติดต่อของลูกค้า
“เหมือนลูกค้าคนนี้เขาจะเคยดูงานที่นายถ่ายนะ เพราะเขาระบุมาด้วยว่าถ้าเป็นไปได้ขอช่างกล้องที่ชื่อเอเลน” มือหนาตบลงบนบ่าบางของเด็กหนุ่มอย่างภูมิใจ
เอเลนเมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาสีเขียวเกิดประกายตื่นเต้นระคนดีใจ ใบหน้ามนยิ้มร่า เป็นครั้งแรกที่เขาโดนเจาะจงชื่อให้ทำงาน และยังเป็นงานชิ้นใหญ่ของสตูดิโอ ร่างโปร่งจึงได้แต่สั่นเทิ้มและยิ้มไปมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เช่นเดียวกับชายวัยกลางคนที่เป็นผู้สั่งสอนเจ้าตัวมาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับความสำเร็จอีกขั้นของเด็กหนุ่มที่เปรียบดั่งลูกชายของตนเอง
“ถ้างั้นผมขอไปเลยนะครับ เผื่อโชคดียังทันหารถได้อยู่” เมื่อดูจากที่อยู่ที่คุณฮันเนสยื่นให้จึงเห็นว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ไปไกลพอสมควร ตอนนี้ยังเป็นเวลาบ่ายต้นๆถ้าเขารีบเตรียมตัวน่าจะมีรถไปได้ไม่ยาก
เมื่อได้รับอนุญาตเอเลนจึงรีบกลับไปที่คอนโด ซึ่งเป็นที่(บังคับ)อยู่โดยเร็ว ร่างโปร่งค่อยๆเปิดประตูมองซ้ายที ขวาที ด้วยเกรงว่าคนอันตรายยังอยู่ที่ห้อง เมื่อพบว่าทุกอย่างปลอดภัยดี ร่างบางจึงรีบพุ่งเข้าห้องของตนทันที มือเรียวค้นหาคว้ากระเป๋าเดินทางนำมากางออกและจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นพร้อมทั้งเสื้อผ้าต่างๆสำหรับค้างคืน 3 วัน ลงกระเป๋า โดยไม่ลืมกระเป๋ากล้องและเหล่าอุปกรณ์คู่ใจไปด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เอเลนจึงรีบเผ่นออกจากคอนโดไปยังสถานีรถไฟอย่างไม่รอช้า
เมื่อแท็กซี่มาถึงสถานีรถไฟก็เป็นเวลาเกือบบ่าย 3 แล้ว ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าช่องซื้อตั๋วและบอกจุดหมายปลายทางพร้อมทั้งขอขบวนรถที่ออกด่วนที่สุดกับกับพนักงานที่เคานท์เตอร์ เนื่องจากเป็นเวลาที่กระชั้นชิดจึงทำให้เหลือแต่ตั๋วที่นั่งชั้น 3 เท่านั้น เมื่อได้ตั๋วจากพนักงานเรียบร้อย เด็กหนุ่มรีบวิ่งกระหืดหระหอบไปที่ชานชาลาซึ่งรถไฟขบวนที่เขาต้องขึ้นนั้นใกล้ออกเต็มที เมื่อขาเรียวก้าวขึ้นรถไฟได้ไม่นานนัก ขบวนรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เขายังทันขึ้นรถไฟรอบเวลา บ่ายสามโมงสิบห้านาที
เอเลนลากกระเป๋าเดินทางของตนเองไปตามทางเดินเพื่อหาที่นั่งที่ยังคงว่างอยู่ ด้วยเป็นรถไฟชั้น 3 และไม่ใช่ช่วงฤดูท่องเที่ยว จึงทำให้โบกี้รถไฟมีคนไม่มากนัก เมื่อพบที่ว่างร่างโปร่งจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างหน้าต่าง สองแขนเหยียดกายบิดไปมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่เร่งรีบวิ่งมาตลอดทาง
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหยิบโทรศํพท์ของตนขึ้นมาเพื่อโทรรายงานกับผู้มีศักดิ์เป็นผู้ปกครองและผู้มีพระคุณของตน
“คุณฮันเนสผมขึ้นรถไฟกำลังเดินทางแล้วนะครับ” ใบหน้ามนยิ้มร่าให้กับปลายสายสนทนา
‘ฝากด้วยนะเจ้าหนู ฉันไว้ใจนายนะเอเลน’
คำว่าไว้ใจที่ถูกส่งมายิ่งทำให้เอเลนรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตัน ใบหน้ามนฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่าแม้ปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน!” เด็กหนุ่มตอบรับแข็งขันให้กับความเชื่อมั่นที่มีให้
ในที่สุดเขาก็จะได้เป็นอิสระจากคนชอบแกล้งแบบนั้นสักระยะ ระหว่างนี้หวังว่าเขาจะคิดหาทางหนีจากคนอันตรายที่ทำลายชีวิตอันสงบสุขของเขาได้บ้างนะ นิ้วเรียวกดเบอร์โทรศัพท์ที่จดไว้เพื่อบันทึกลงเครื่องของตน เมื่อเซฟชื่อลูกค้าเรียบร้อย คิ้วมนก็ขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิดกับชื่อของชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนรายชื่อของลูกค้าที่เขาเพิ่งบันทึกลงไป …..คุณ รีไว
ควรโทรไปบอกดีไหมเนี่ย? แต่ถ้าไม่โทรไปแจ้งก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรรึเปล่า เอเลนได้แต่ถอนหายใจกับคนชอบแกล้งที่เดาอารมณ์ยาก ด้วยความไม่อยากให้มีภัยกับตัวเองภายหลังเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจกดโทรออก
ยังไม่ทันหายใจทั่วท้องปลายสายก็รับจนเอเลนแทบทำโทรศัพท์ล่วงหลุดมือ
‘ว่าไง คิดถึงฉันหรือไงไอเด็กเหลือขอ’
‘ไม่เลยสักนิดครับ’ พยายามข่มอารมณ์ตนเองไม่ให้ขว้างโทรศัพท์ทิ้ง
‘แล้วนายมีอะไรฉันกำลังทำงานอยู่นะไอหนู’ ผมก็ไม่ได้อยากโทรมาหาคุณหรอกนะ แต่ถ้าไม่โทรมีหวังผมได้เหลือแค่ชื่อแน่ๆ
‘ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัดน่ะครับจะไม่อยู่สัก 3 วันนะครับ’ หลังจากบอกจุดประสงค์ปลายสายก็เงียบจนเขานึกว่าสัญญาณตัดไปเสียแล้ว จนต้องเหลือบมองหน้าจอโทรศํพท์ที่ยังขึ้นระบบการสนทนาอย่างปกติ
‘ฮัลโหล คุณรีไว?’
‘……นายไปที่ไหน?’
ใบหน้ามนถึงขั้นเหงื่อตกเมื่อโดนถามถึงสถานที่ ถ้าเขาบอกไปมีสิทธิว่าคนอย่างคุณรีไวได้ตามเขามาแน่ๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่คนคนนั้นคงตามมาเพื่อความสนุกของตนเองมากกว่า
‘ อ….เออ…. ผม ไป ที่ ……’
‘ว่าไง ที่ไหนไอหนู’
‘ ค….. คุณรีไว ผมไม่ได้ยินเลยครับ ฮันโหล’ เอเลนค่อยๆเขยิบโทรศัพท์ให้ออกห่างจากตน ทำราวกับว่าสัญญาณโทรศัพท์กำลังติดๆขัดๆ ทั้งที่จริงเขายังได้ยินปลายสายชัดแจ๋ว
‘เฮ้ยไอหนู แกกำลังจะไปไหน?’ ปลายสายเริ่มตะคอกออกมาอย่างหงุดหงิด
‘คุณ รีไว ผม กำลัง เดินทาง ส สัญ สัญญาณ ไม่ดี เลย ฮัลโหล ฮัล โหล………ติ๊ด’ เด็กหนุ่มยื่นโทรศัพท์ออกไปสุดแขนพร้อมกดวาง ก่อนจะกดปิดเครื่องเพื่อทำราวกับว่าตอนนี้รอบๆตัวเขาไม่สัญญาณให้ติดต่อ ก่อนจะโยนโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายและหยิบ MP3 ขึ้นมาเสียบหูฟังอย่างสบายอารมณ์แทน
อย่างน้อยกว่าจะถึงก็อีก 5 ชั่วโมง เขาไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ไปสักพักตอนนี้ก็ขอทำตัวตามสบายอย่างที่ไม่ได้ทำมานานก่อนล่ะ
เวลา 20.35 น. รถไฟแล่นเข้าชานชาลาถึงที่หมาย เอเลนก้าวลงมายังสถานีมองหารถตู้บริการไปส่งยังจุดหมายปลายทาง เนื่องจากสถานที่ที่เขาต้องไปเป็นรีสอร์ทติดริมทะเลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและหรูพอสมควรจึงทำให้มีรถบริการจากทางโรงแรมรอรับส่งแขกผู้มาใช้บริการอยู่ที่สถานี เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็เจอรถมินิบัสซึ่งเป็นรถบริการของทางโรงแรม ถึงแม้จะเป็นช่วงเริ่มดึกแล้วแต่ยังมีแขกเหรื่อเข้าใช้บริการจึงทำให้ที่นั่งของรถเต็มในเวลาไม่นาน และเพียง 20 นาที รถบริการก็มาจอดยังรีสอร์ทติดริมทะเล
เอเลนก้าวลงจากรถ ร่างโปร่งสูดอากาศริมทะเลอย่างเต็มปอด แม้จะเป็นเวลากลางคืนแต่สมกับเป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียง วิวทิวทัศน์ที่แม้จะเริ่มมองไม่เห็นเพราะโดนความมืดของช่วงกลางคืนบดบังยังคงสวยงาม ต้นปาล์มและต้นมะพร้าวเรียงรายเสริมทัศนียภาพของทะเลและคงความเป็นรีสอร์ทแบบทางใต้ด้วยสิ่งปลูกสร้างและบ้านพักล้วนเป็นไม้ระแนง อีกทั้งตลอดทางเดินยังมีต้นไม้เขตร้อนและซุ้มม่านบาหลีที่ถูกจัดพูกราวกับม่านประตูทางเข้าเรียงรายอย่างสวยงาม
ยิ่งเอเลนเป็นคนที่รักทะเลเป็นทุนเดิม พอมาเจอบรรยากาศที่สวยงามและสถานที่ที่น่ารื่นรมย์ขนาดนี้เลยราวกับว่าเขาได้มาเที่ยวพักผ่อนหลังจากเจอเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆมามากมาย
ดีจริงๆที่คุณฮันเนสยอมตกลงและให้เขามาที่นี้ ตอนนี้ราวกับความรู้สึกและร่างกายได้รับการเยียวยา เขาจะได้นอนหลับท่ามกลางวิวทะเลที่เขาชื่นชอบ และทำงานที่เขารัก โดยไม่ต้องพะวงถึงคนอันตรายหน้าตาย นี่ราวกับว่าเขาได้รับพรจากพระเจ้าเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มเดินไปที่ฟร้อนต้อนรับเพื่อให้พนักงานช่วยติดต่อกับผู้ว่าจ้างงานในครั้งนี้ของตน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดพนักงานต้อนรับแบบทางใต้ยิ้มต้อนรับเด็กหนุ่มอย่างสุภาพ
“ขอโทษนะครับผมมาหาคุณอัลเรลโต้ที่อยู่ห้อง XXX”
“รบกวนคุณลูกค้านั่งรอที่ล็อบบี้สักครู่นะคะ ดิฉันจะติดต่อคุณอัลเรลโต้ให้ค่ะ” พนักงานสาวตอบรับอย่างสุภาพก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อไปยังห้องที่เด็กหนุ่มแจ้ง
ร่างโปร่งนั่งรอลงบนโซฟายาวตัวใหญ่กลางล็อบบี้ ใบหน้ามนสอดส่องไปมาอย่างตื่นเต้นกับบรรยากาศที่โอ่อ่าและสวยงามของรีสอร์ท
ระหว่างกำลังมองสำรวจไปรอบๆ เสียงทักทายเรียกเจ้าตัวก็ดังขึ้น
“ยินดีที่คุณยอมมานะครับคุณฌอเลน”
ร่างโปร่งหันไปหาต้นเสียง นัยน์ตาสีมรกตตกใจกับบุคคลที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก่อนที่จะพยายามทำตัวเป็นปกติ เพราะคนที่อยุ่เบื้องหน้าเขาตอนนี้คือเด็กหนุ่มที่เจอในงานเต้นรำเมื่อคืนที่ผ่านมา
…อาร์มิน
“อ…..เออ สวัสดีครับ ทางนี้ต่างหากที่เป็นเกียรติที่คุณอัลเรลโต้ร่วมงานกับเรา”
“เรียกผมว่าอาร์มินก็ได้ครับเอเลน” ใบหน้าน่ารักยิ้มขำสุภาพให้กับคนตรงหน้า
“อ…เออครับ คุณอาร์มิน” บางทีเรื่องของเด็กหนุ่มคนนี้เขาอาจจะคิดมากเกินไป คนตรงหน้าไม่มีทางรู้ว่าเขากับผู้หญิงที่เจอจะเป็นคนเดียวกันหรอกน่า
“ผมเตรียมห้องพักไว้ให้คุณแล้ว ผมจะพาไปนะครับ” เด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดสูทเดินนำทางไปยังที่พัก
จากที่ดูด้วยสายตา อาร์มน อัลเรลโต เป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัยและรอยยิ้มที่ดูราวกับเทวดานั้นก็ทำให้ดูน่าเข้าหา ถึงกระนั้นตัวเขากลับรู้สึกถึงออร่าและความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากตัวของเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา ถ้าจะให้พูด อาร์มินมีบรรยากาศคล้ายกับคุณเอลวิน ที่เขาเคยเจอที่งานเต้นรำ ทั้งสองให้ความรู้สึกเป็นมิตรและอบอุ่น แต่ถึงกระนั้นกลับไม่น่าไว้วางใจ
ประตูห้องเรือนไม้หลังเล็กเปิดออก ห้องพักสำหรับแขก 1 ที่ จัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายสวยงาม แม้จะเป็นห้องพักสำหรับแขกคนเดียวแต่เป็นห้องที่หรูหราและกว้างขวางมากจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเขามาพักเองอาจต้องใช้เงินเดือนถึงครึ่งเดือนในการพักที่นี้ 1 คืน
“เออ คุณอาร์มินผมพักที่ห้องธรรมดากว่านี้ก็ได้นะครับ” ดูยังไงก็ราวกับไม่ใช่ห้องที่เตรียมไว้เพียงเพื่อช่างภาพที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอย่างเขาเท่าไร
“ไม่ได้หรอกครับ คุณเอเลนเป็นแขกคนสำคัญของผมนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับงานผมต้องเดือดร้อนมากแน่ๆ นี่ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำครับ” เด็กหนุ่มยืนยันเจตนารมณ์ของตนเอง
“อ… เออ ถ้า คุณว่างั้น ผมไม่เกรงใจล่ะนะครับ” เอเลนตอบรับความปรารถนาดีของอีกคน
“ยินดีครับ ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมโทรสั่งทางรีสอร์ทได้เลยนะครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางนี้จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”
“คงไม่แล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ”
“รายละเอียดของงานเราจะคุยกันพรุ่งนี้แล้วกันนะครับ ตอนนี้เชิญคุณเอเลนพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเลยนะครับ”
ร่างโปร่งลากกระเป๋าเดินทางของตนเข้าไปในห้องพร้อมปลดสัมภาระต่างๆวางไว้บนโต๊ะ
“จากที่ได้ฟังมาจากคุณฮันเนส จะเป็นงานภาพคอลเลคชั่นโปรโมทแฟชั่นฤดูร้อนสินะครับ”
“ใช่แล้วล่ะครับ ผมได้เห็นผลงานของคุณที่ทำครั้งก่อนให้กับแบรนหนึ่ง ผมประทับใจมากเลยล่ะครับ เลยอยากร่วมงานกับคุณเอเลนสักครั้ง” อาร์มินยิ้มชื่นชมผลงานของเด็กหนุ่มร่างโปร่ง
“ไม่หรอกครับที่จริงเพราะนางแบบเองก็สวยและทุกคนเป็นมืออาชีพกันมากกว่า แหะๆ”
“นั่นน่ะสินะ นางแบบคราวนี้ที่หามาก็สวยๆนะครับ” นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบมองเด็กหนุ่มพลางยิ้มบาง “แต่ไม่มีใครสวยเท่าคุณสักคนเลย ถ้าคุณยอมเป็นนางแบบให้ผมว่าคอลเลคชั่นนี้ต้องโด่งดังแน่นอนเลยล่ะครับ”
นัยน์ตาสีมรกตมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ใบหน้ามนยังคงฝืนยิ้มให้กับอีกฝ่าย “ คุณอาร์มินนี่ตลกร้ายนะครับ ผมเป็นผู้ชาย ยังไงก็สวยสู้ผู้หญิงไม่ได้หรอก ฮ่า ฮ่า”
“ชุดราตรีสีดำที่เย้ายวน และแทงโก้ที่แสนเร้าร้อน เป็นสิ่งที่น่าประทับใจนะครับ” เด็กหนุ่มผมบรอนซ์ยังคงส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย
คิ้มมนขมวดมุ่น นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองอีกคนอย่างเคลือบแคลงไม่ปิดบัง “คุณต้องการอะไรกันแน่?” สัญชาตญาณบางอย่างในตัวของเขากำลังบอกว่าคนตรงหน้านี่ไม่ธรรมดา
“หึ หึ อย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิครับ ผมแค่ชื่นชมผลงานของคุณก็เท่านั้น ส่วนเรื่องงานเต้นรำเพราะผมติดตามผลงานของคุณและคุณสะดุดตาผมมากเลยจำได้ทันทีที่เห็นต่างหากล่ะครับ” อาร์มินตอบคำถามให้กับท่าทีที่สงสัยของร่างโปร่ง
“ผมว่ามันก็ยังแปลกอยู่ดี” เพราะขนาดมิคาสะกับแจนที่อยุ่ด้วยกันมาแต่เด็กยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นเขา
“คุณคิดมากไปแล้วครับ ผมแค่เป็นคนช่างสังเกตุ ผมว่าผมให้คุณพักผ่อนดีกว่า ฝันดีนะครับเอเลน…”
ประตูไม้ปิดลงพร้อมร่างของเด็กหนุ่มผมสีทองที่ลับหลังไป
น่าแปลก ถึงแม้จะบอกว่าชื่นชมและติดตามผลงานของเขาแต่นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มองมายังเขานั้น ตัวเขากลับรู้สึกว่าแอบแฝงไปด้วยความน่าสงสัย ราวกับว่าตัวเขากำลังถูกมองทะลุปรุโปร่งและพยายามค้นหาบางสิ่งบางอย่างจากเขา
อาร์มิน อัลเรลโต ดูเหมือนว่าจะเป็นอีกคนที่สัญชาตญาณของเขาร้องบอกว่าไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย…..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
รุ่งเช้าของบรรยากาศริมทะเลทำให้หัวสมองปลอดโปร่งและร่างกายกระปรี๊กระเปร่า แม้จะระแวงและกังวลใจกับเรื่องของอาร์มิน แต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่ให้เขามาทำงานเป็นช่างภาพนั้นจะเป็นเรื่องจริง เพราะตั้งแต่เช้าเขาต้องเข้าประชุมเตรียมจัดแจงงานและสถาณที่กับเหล่าทีมงานที่เรียกได้ว่ามืออาชีพจนน่าแปลกใจว่าการที่เลือกเขามาถ่ายภาพนี้จะคุ้มและดีแล้วแน่เหรอ ถึงจะอย่างนั้นตัวเขาก็ตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานและเรียนรู้กับเหล่าทีมงานที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน
ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงทำให้งานดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและตรงตามตารางเวลาของวันที่กำหนดไว้ไปอย่างเรียบร้อย เพียงช่วงเช้าภาพที่เขาถ่ายได้อย่างพอใจก็มีจำนวนมากพอที่จะให้คัดเลือกเพื่อนำไปใช้งานจริง
“กลางวันนี้คุณเอเลนให้เกียรติไปทานอาหารกับผมได้รึเปล่าครับ?” อาร์มินเข้ามาถามระหว่างที่เด็กหนุ่มจัดการเช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้องก่อนเก็บเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมตัวย้ายสถาณที่ถ่ายภาพจากบริเวณรีสอร์ทเป็นริมชายหาดช่วงบ่าย
“ก็ได้ครับ” เอเลนตอบรับคำเชิญ ขณะทานข้าวบางทีเขาอาจจะได้รู้เจตนาที่แท้จริงของเด็กหนุ่มผมทองขึ้นมาบ้าง
ระหว่างเดินผ่านล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อไปยังห้องอาหาร กลุ่มคนชุดดำกลุ่มใหญ่กลางล็อบบี้ช่างสะดุดตา ทำให้เอเลนมองไปยังกลุ่มนั้นด้วยความสงสัย แล้วใบหน้ามนต้องซีดลงเมื่อเห็นหนึ่งในนั้นที่รู้จักกันดี
หญิงสาวผมสีน้ำตาลรวบผมสวมใส่แว่นตากรอบหนาและหน้าตายิ้มแย้มเริงร่าท่ามกลางกลุ่มคนสวมชุดดำกลุ่มใหญ่……..คุณฮันซี่
ถ้าคุณฮันซี่อยู่ที่นี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่า คนคนนั้นอาจจะอยู่ที่นี้ด้วย...!!!
“เอ๊ะ นั่นใช่คนรู้จักของคุณเอเลนรึเปล่าครับ?” อาร์มินเอ่ยถามเมื่อเห็นคนคุ้นตาในกลุ่มของคนชุดดำ
มือเรียวรีบดันแผ่นหลังของเด็กหนุ่มร่างเล็กหวังให้เดินหลบพ้นไปจากล็อบบี้ให้เร็วที่สุด
“ไม่หรอกครับคุณอาร์มินคงจำผิดแล้ว” ต้องรีบชิ่งก่อนที่หนึ่งในนั้นจะมองเห็นเขา!!
ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่เสียงคุ้นเคยด้วยความหวาดระแวงกลับตะโกนออกมาท่ามกลางเหล่ากลุ่มคนชุดดำ
“โฮ่ย!!! นายจะรีบไปไหนน่ะเจ้าลูกหมา? ไม่มาทักทายเจ้าของก่อนแบบนี้เป็นหมาที่ไม่ได้ความเอาซะเลยนะ”
เสียงเรียกทักทายยียวนกวนอวัยวะเบื้องล่างทำให้คนที่ตั้งใจจะหลบหนีต้องหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาคิดว่าคงไม่เจอกันสัก 3 วัน
“แหะๆ สวัสดีครับคุณรีไว และผมก็ไม่ใช่หมานะครับ” ใบหน้ามนหันไปยิ้มเฝื่อนให้กับชายหนุ่มอันตรายที่กำลังเดินออกมาจากเหล่ากลุ่มคนชุดดำที่รายล้อม
“ฮ่ายยย เอเลน นายมาทำอะไรที่นี้น่ะ?” ฮันซี่เดินตามมาพร้อมยกมือทักทายอย่างร่าเริง
“ผมมาทำงานด่วนน่ะครับของคุณอาร์มินท่านนี้” เด็กหนุ่มยิ้มเฟื่อนตอบรับทั้งแนะนำเจ้าของงานของตนแก่บุคคลทั้งสอง
“สวัสดีครับ ผมอาร์มิน อัลเรลโต้ ต้องขอรบกวนคนของพวกคุณสักระยะนะครับ” เด็กหนุ่มผมทองทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีฉันฮันซี่ โซเอะ ส่วนคนหน้าตายคนนี้ชื่อ รีไว ยังไงก็ขอฝากเด็กน้อยของเราด้วยละกันนะ” ฮันซี่แนะนำตนเองพร้อมถือวิสาสะฝากฝังเด็กหนุ่ม
“ผมพอรู้จักพวกคุณตามสื่อต่างๆครับ คืนงานเปิดตัวโรงแรมของคุณเอลวินที่ผ่านมาผมก็ได้ไปร่วมงานด้วยแต่พวกคุณคงจำไม่ได้”
“เอ๋งั้นเหรอ วันนั้นคนเยอะมากเลยต้องขอโทษด้วยถ้าต้อนรับไม่ดีพอ แต่ชื่อของอาร์มิน อัลเรลโต้ก็เป็นที่รู้จักและกล่าวขวัญถึงมากทีเดียวนะในฐานะนักธุรกิจหนุ่มอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จ หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันบ้างนะคะ” ฮันซี่ยื่นมือไปทักทายเด็กหนุ่ม
อาร์มินจับมือทักทายตอบกลับเช่นกัน เด็กหนุ่มยิ้มแล้วโค้งอย่างสุภาพให้กับหญิงสาว
“ว่าแต่พวกคุณมาทำอะไรที่นี้กันครับ?” เอเลนเอ่ยถามข้อสงสัย หวังว่าเขาคงไม่ได้ถูกตามหรอกใช่ไหม อุส่าห์ปิดเครื่องโทรศัพท์หนีแล้วเชียวนะ
“พวกฉันเองก็มาทำงานเหมือนกัน ว่าแต่โทรศัพท์นายเป็นอะไรไอหนู?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองคาดคั้นอย่างสงสัย
นัยน์ตาสีมรกตเสหลบสายตาคมดุที่ส่งมาอย่างหวาดหวั่น “เออ… คือ แบตหมดแล้วผมมัวแต่ทำงานเลยไม่ได้ชาร์ตน่ะครับ”
“งั้นเหรอ” มือแกร่งจับลงบนบ่าของร่างโปร่งบาง “ฉันก็นึกว่าเพราะนายเห็นข้อความเลยมาดักรอเจอฉันเพราะคิดถึงจนทนไม่ไหวเสียอีก” เสียงทุ้มกระซิบเอ่ยหยอกล้อก่อนทั้งหมดจะแยกจากกันไปทำหน้าที่ของตน
ข้อความ?...... แล้วความสงสัยของเอเลนก็หายไปเมื่อเจ้าตัวขอตัวกลับห้องแทนที่จะไปทานข้าวกับอาร์มิน เมื่อโทรศัพท์สีดำที่ถูกโยนทิ้งไว้ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เอเลนก็ต้องตกใจกับสายโทรเข้าระหว่างปิดเครื่องกว่า 100 สาย อีกทั้งข้อความเสียงที่ฝากไว้มากมายกว่า สอบข้อความ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นว่า ตกลงนายไปที่ไหน? ทำไมติดต่อไม่ได้? อย่าให้ฉันรู้นะว่านายปิดโทรศํพท์ไอหนู เป็นต้น ข้อความทั้งหมดช่างดูราวกับภรรยาหนีไปกับชู้รักยังไงอย่างงั้น ยิ่งนั่งฟังไปก็ยิ่งเหงื่อตก และข้อความที่ถูกส่งมา ถ้าเขาเปิดอ่านก่อนบางทีเขาคงขอปฏิเสธงานนี้ไปแบบไม่ต้องคิดก็ได้…..
‘ฉันจะเชื่อว่านายไปทำงานบนที่กันดารจนติดต่อไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่นายก็เตรียมใจเจอบทลงโทษได้เลยไอหนู และอีกอย่างฉันจะไม่อยู่สัก 2-3 วันเพราะต้องไปจัดการงานที่ xxx กลับมาเมื่อไรนายเตรียมตัวไว้ได้เลย My S.D.’
บางทีการที่คิดว่าได้รับพระจากพระเจ้า แท้จริงแล้วอาจเป็นบททดสอบแทนก็ได้สินะ.....
TBC.
........................................................................................................................................
Talk: คราวนี้มีแต่อาร์มินกับนู๋เอเลนแฮะ แต่ตอนหน้าเฮียคงจัดหนัก(จัดอะไร? ฮาๆ)
เห็นยอดอ่านแล้ว อร๊ายยยย ไม่คิดจริงๆค่ะว่าฟิคบ้าๆบวมๆ ขึ้นๆลงๆ ตามใจฉันจะมีคนตามอ่านกันขนาดนี้ (ดีใจมากค่ะ>w<)
ขอขอบคุณแฟนอาร์ทที่ส่งเข้ามาให้อย่างมากมายด้วยนะคะ เห็นแล้วรู้สึกมีแรงผลักดันมากมายเลย ขอบคุณนะคะที่ตอบรับคำขอของนักเขียนคนนี้ ซาบซึ้งใจจริงๆค่ะTTwTT บอกเลยว่านักเขียนอยุ๋ได้เพราะแรงตอบรับของนักอ่านจริงๆ
พออ่านคอมเม้นแต่ละท่านแล้วบอกเลยว่าตื่นเต้นและดีใจมากทุกๆครั้ง รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกเลยที่มีคนรอคอยติดตามงานของเราค่ะ เราเองไม่ใช่นักเขียนที่เก่ง(อาศัยความบ้าจริงๆ) มีข้อผิดพลาดและที่ต้องแก้ไขอยู่อีกมาก แต่จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อนักอ่านทุกๆท่านค่ะ เราคิดว่านี่คือสิ่งที่จะสามารถตอบแทนกำลังใจที่ได้จากทุกท่านได้ จะพยายามเขียนให้จบ(และดองน้อยๆ)ค่ะ >w<
ว่าแต่ฟิคนี้ที่จริงมันจะทำแค่ 5 ตอนจบไหงมันยาวมาจนถึงตอนนี้ได้นิ= =a เพราะมีนักอ่านหลายท่านบอกอยากให้เขียนไปเรื่อยๆ(อีชุ่นก็สนองค่ะเรื่อยๆจริงๆ) ฟิคนี้ไม่รู้จะจบยังไงหรือจบเมื่อไรนะคะ เอาเป็นว่ามันยังคงเป็นฟิคสนองความโม่ยส่วนตัวต่อไปค่ะ
และยินดีมากๆเลยที่ทุกท่านชื่นชอบและให้ความสนใจจริงๆนะค //กอด >3<
ขอบคุณทุกท่านจริงๆนะคะ
ขอฝากเพจเช่นเคยค่ะ https://www.facebook.com/beru89club
ขอฝากบล็อกบ้านอีกหลังด้วยนะคะ http://trendyblood.blogspot.com/
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น