ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[AU]. Attack on titan(LevixEren): ล่ารักอันตราย

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11: Doubt

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 57


    Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย

    Chapter 11: Doubt

     

    “เอาล่ะผมว่าเรามาตกลงกันอย่างจริงจังสักทีดีกว่า”

      รีไวละออกจากหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตนขึ้นสบตากับร่างโปร่งบางในชุดลำลองสวมทับด้วยผ้ากับเปื้อนสีกรมท่า ใบหน้ามนที่กำลังยืนกอดอกขมวดคิ้วมุ่นมองมาที่ตน ทั้งเขาและเอเลนตอนนี้กลับมาที่คอนโดหลังกลับจากที่เขาต้องเดินทางไปทำงานและแวะพักที่คฤหาสน์สวนตัวบนเขา เมื่อกลับมาถึงดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดของร่างโปร่งและตัวเขาเองวันนี้มีงานในช่วงค่ำ เช้านี้จึงเป็นเช้าแรกที่เขาและเด็กหนุ่มได้ใช้เวลาด้วยกัน

    “นายก็ยื่นข้อเสนอสามข้อมาแล้วไม่ใช่เหรอไง?” ใบหน้าคมหันกลับมาให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมือของตน โดยทิ้งให้อีกคนมองมาอย่างหงุดหงิด

    “แต่คุณก็ชอบบอกว่าตัวเองเป็นกฎอยู่ดี แบบนี้ก็เท่ากับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยนี่”

    “ไม่พอใจ?” คิ้วคมเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม แต่ตาคมก็ยังคงจับจ้องสมาร์ทโฟนของตนไม่วางตา

    “ก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว” ร่างโปร่งเดินหน้าบึ้งเข้ามาใกล้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งสบายอยู่บนโซฟามากขึ้น

    “แล้ว?” พูดเพียงเท่านั้นโดยที่สายตายังคงไม่หันสบมองกับเด็กหนุ่มที่เริ่มหงุดหงิดกับท่าทางไม่เห็นหัวเขาของคนอายุมากกว่า

    “นี่คุณน่ะหันมาคุยกันดีๆได้ไหม?”

    “ถ้านายอยากพูดอะไรก็พูดมา ฉันก็กำลังฟังอยู่นี่ไง”

    คิ้วมนเริ่มกระตุกถี่ยิบกับท่าทางของคนเอาแต่ใจที่ไม่สนใจจะฟังคำพูดของเขา

    หมับ!

    เอเลนคว้าโทรศัพท์ออกจากมือแกร่งอย่างรวดเร็ว

    “ไหนขอดูหน่อยสิว่าคุณกำลังทำงานหรือดูอะไรกันแน่” ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่เจ้าของมัวแต่สนใจจนไม่ยอมหันมาคุยกับเขาดีๆ มือเรียวต้องสั้นระริกกับภาพที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอ

    ว๊ากก!! คุณถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยผมจะลบให้หมดเลย!!” ภาพที่ฉายอยู่บนหน้าจอทำเอาเด็กหนุ่มแทบอยากปาโทรศัพท์ในมือทิ้ง ถ้าไม่ติดว่าเขาอาจต้องลงไปนอนกองเป็นซากเช่นเดียวกับโทรศัพท์ในมือเขาคงทำไปแล้ว เพราะในสมาร์ทโฟนของคนชอบแกล้งมีรูปของตัวเขาในชุดนักเรียนสาวปกกะลาสีที่ถูกแอบถ่ายไว้ตอนเขาเผลอหลับทับบนตัวชายหนุ่มอยู่เต็มไปหมด

    “นายนี่ชอบโวยวายชะมัด และนั่นมันก็ของของฉันนะไอหนู” รีไวยกมือขึ้นท้าวคางมองร่างบางที่กำลังหน้าแดงก่ำด้วยความอายและพยายามลบภาพในโทรศัพท์ของเขาอย่างนึกขำ ถึงยังไงตัวเขาก็ไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว เพราะภาพทั้งหมดได้ทำการซิงค์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ส่วนตัวเขาเป็นที่เรียบร้อย

    “ของคุณแต่มันภาพผมยังไงผมก็มีสิทธิลบทิ้ง คุณนี่ทำตัวเป็นตาลุงโรคจิตขึ้นทุกวันเลยให้ตายสิ!!” มือเรียวคลิกลบรูปภาพที่น่าอับอายของตัวเองในโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนโยนคืนให้ชายหนุ่ม

    “นายนี่ดูเหมือนชอบให้ฉันฝึกมารยาทให้เสียจริงนะ” มือแกร่งวางโทรศัพท์ที่โต๊ะรับแขกก่อนจะคว้าเอวบางให้ล้มลงมานั่งที่โซฟาเดียวกัน

    “ผมยังไม่ได้อนุญาตให้แตะต้องนะ!” เด็กหนุ่มพยายามดันแขนแกร่งที่โอบล้อมตนไว้ออกไปแต่คนดื้อดึงก็ยังพยายามฝืนเข้าหาร่างบางอย่างไม่หยี่ระ

    “ฉันจะสอนมารยาทนายต่างหาก เรื่องของการใช้คำกับผู้ใหญ่และการที่หยิบของไปโดยไม่ได้รับอนุญาต”

    ห๊ะ! ถ้าแบบนั้นคุณต้องสอนตัวเองก่อนมั่ง  อุ๊บส์!” ริมฝีปากบางขบเข้าหากันทันทีเมื่อใบหน้าเฉยชาเริ่มเข้ามาใกล้ก่อนปากคมจะทาบทับลงมา

    “ทั้งที่เมื่อคืนก่อนนายออกจะอ้อนฉันแท้ๆ แบบนั้นน่ารักกว่านะไอหนู” ตาสีมรกตมองจ้องเขม็งคนอายุมากกว่า

    ไม่ได้อยากให้คิดว่าน่ารักหรืออะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ช่วยเบื่อๆเขาแล้วปล่อยไปสักทีจะดีกับตัวเขามากกว่า

    “แต่แบบนี้นายก็น่ารักไปอีกแบบนะเอเลน” ฟันคมขบลงที่กลีบปากบาง เอเลนสะดุ้งกับความเจ็บบนริมฝีปากที่โดนชายหนุ่มกัด แต่กลีบปากบางก็ยังปิดแน่นไม่ยอมให้คนชอบแกล้งรุกล้ำเข้ามา

    ใครจะไปยอมกันล่ะ ตาแก่ลามกเอ๊ย!

    “ดูเหมือนวันนี้จะดื้อจังนะ” คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างนึกสนุก “ถ้าอย่างนั้นฉันว่าแค่จูบคงไม่พอ” มือแกร่งเลิ่กเสื้อของร่างโปร่งขึ้นทันที มือบางพยายามคว้าดันแขนแกร่งที่รุกล้ำ

    “ย…!!!” ทันทีที่เปิดปากลิ้นร้อนของคนอายุมากกว่าก็รุกเข้าอย่างจาบจ้วง ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นบางที่พยายามหลีกหนีและไล้ต้อนจนเด็กหนุ่มเริ่มตอบสนองอย่างทุกครั้ง ชายหนุ่มกวาดความหวานจากโพรงปากนุ่มอย่างจาบจ้วง ลิ้นหนาไล้วนไปทั่วโพรงปากอุ่นก่อนผละออก

    นัยน์ตาคมสบมองกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากคมยกขึ้นยิ้มอย่างสนุก มือแกร่งยกขึ้นปาดหยาดน้ำใสที่เปรอะบนกลีบปากบาง

    “ฉันชนะ”

    ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อด้วยความโมโห ทำไมถึงแพ้ให้ตาลุงแบบนี้ตลอด น่าเจ็บใจนักเชียว!

    หงับ!

    รอยฟันเล็กเด่นชัดบนมือของชายหนุ่ม รีไวนึกขำกับการเอาคืนของร่างบางที่ถูกไล่ต้อนจนไม่อาจทำอะไรได้ เจ้าตัวดีทิ้งรอยฟังบนมือให้เขาไว้ก่อนจะเดินหนีไปทำความสะอาดห้องครัว

    ข้อตกลงที่เขาและเด็กหนุ่มได้เสนอกันไว้คือการที่ร่างโปร่งมาทำงานให้กับเขาโดยแลกกับการที่เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสตูดิโอของฮันเนส ตลอดระยะเวลาที่ทำข้อตกลงกับเด็กหนุ่ม ตัวเขาก็จัดการสั่งให้ร่างบางทำงานบ้านในคอนโด รวมถึงการไปเป็นคู่ออกงานเต้นรำ ทั้งที่จริงแล้วเขาแค่ขู่เจ้าเด็กนี้ไปเท่านั้น สตูดิโอฮันเนสเป็นทำเลที่น่าสนใจอย่างที่เขาว่าไว้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอยากชิงมาตั้งแต่แรก เพียงแต่อยากเห็นเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เขากำลังสนใจอยู่ในสายตา และอยากรู้ว่าเจ้าเด็กนี้จะทำอย่างไร? เด็กหนุ่มที่มีจุดเริ่มต้นเดียวกันกับตัวเขาแต่ทางเลือกที่แตกต่าง ถ้าเด็กคนนั้นมาอยู่ใกล้เขา จะเป็นตัวเขาที่เปลี่ยนไปหรือจะเป็นเจ้าหนูนั่นที่จะจมดิ่งลงสู่ความสกปรกกันแน่............

     

    rrrrrRRRRRRRR

    เอเลนละออกจากการล้างจานในอ่างล่างหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่รู้จักกันดีเจ้าตัวจึงรีบกดรับ

    [ว่าไงมิคาสะ?] เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดีกับพี่สาวข้างบ้านที่คุ้นเคย

    [นายทำอะไรอยู่เอเลน?]

    [กำลังล้างจานอยู่เออ......ที่ห้องน่ะ] ไม่รู้ว่าจะอ้างอย่างไรกับหญิงสาวและอีกอย่างที่นี้ก็เหมือนโดนบังคับเป็นห้องพักของเขาไปแล้ว

    [ฉันไปช่วยนายทำความสะอาดวันนี้นะ]

    [ไม่ต้อง!!] เด็กหนุ่มหน้าเหวอกับความปรารถนาดีของพี่สาวข้างบ้าน

    [ทำไม?] เสียงที่แข็งกร้าวตอบมา เอเลนรู้ดีว่าเจ้าตัวคงไม่พอใจเป็นแน่

    [เออ.... คือ แบบ นานๆ เธอจะได้หยุดสักที ไปใช้เวลากับแจนดีกว่านะเห็นมันชอบบ่นว่าเธอไม่ค่อยมีเวลาให้]

     

    [ไม่ต้องห่วงฉันพาแจนมาด้วยและกำลังอยู่หน้าห้องนาย]

    [!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!]

    [ถ้านายอยู่ห้องก็ควรมาเปิดประตูซะ]

    ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตอนนี้คำๆนี้เป็นคำเดียวที่วิ่งวนอยู่ในหัวของเอเลน

    [ตอนนี้ฉันอยู่ข้างนอก] พยายามแถอย่างค้างๆคูหวังรอดจากสถานการณ์นี้ไปก่อน

    [เมื่อกี้นายบอกล้างจานอยู่ไม่ใช่หรือไง?]

    [ก็ล้างเสร็จแล้วเลยออกมาไง]

    [เอเลน มันแปลกเกินไปแล้วนายปิดบังอะไรฉันกันแน่]

    [ไม่มีหรอกน่า ถ้าไงตอนนี้ฉันไม่สะดวกแล้วเจอกันนะ] เอเลนรีบกดวางสายทันที ใบหน้ามนเริ่มซีดเซียวกำลังพยายามประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็นที่สุด

    ตอนนี้มิคาสะอยู่หน้าห้องเช่าเก่าของเขา ถ้าวันนี้เขาไม่โผล่หน้าไปหรือไปอธิบายอะไรให้คุณเธอฟังแล้วล่ะก็ เท่ากับว่าชีวิตเขาและสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดอาจสูญเปล่าเลยก็ได้

    เอาล่ะก่อนอื่นคงต้องไปหามิคาสะแล้วหาเหตุผล แล้วเราจะอ้างว่าอะไรดีล่ะ? ย้ายที่อยู่กะทันหันเพราะมัวแต่ยุ่งๆเลยลืมบอกพวกนั้น แล้วเราจะย้ายไปที่ไหน? โอยยย เอเลน ทำไมแกถึงได้มีแต่เรื่องปวดหัวเข้ามากันนะ!!

    ร่างบางเข้าไปในห้องของตนเองเพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปเผชิญชะตากรรมของตนเอง

    เอเลนนั่งคอตกพลางผูกเชือกรองเท้าผ้าใบของตัวที่หน้าประตู ทีนี้เขาจะต้องทำยังไงดีล่ะ ถ้าไม่พูดอะไรเลยสองคนนั้นคงไม่ยอมกลับไปง่ายๆแน่ แต่จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อีก

    “นี่นายจะออกไปไหนน่ะเจ้าหนู?” คนต้นเหตุเรื่องทั้งหมดยกกาแฟดื่มมองเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งคิดไม่ตกตรงประตูทางเข้าออกห้องคอนโด

    เอเลนเหลียวหลังมองเขม่นคนอันตรายที่ยังคงยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างไม่เข้าใจความทุกข์ร้อนของเขาเลยสักนิด

    “เพราะคุณจำไว้เลย ถ้าผมเหลือแต่ซากก็เป็นเพราะคุณนั้นแหละ ตาแก่โรคจิต!!” ตะโกนว่าพร้อมทั้งวิ่งออกไปอย่างหัวเสีย

    นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองบานประตูที่ถูกปิดกระแทกลง เจ้าหนูนั้นท่าจะชอบให้ฉันสอนมารยาทให้จริงๆเลยนะ ใบหน้าเฉยชายกยิ้มก่อนหยิบโทรศัพท์ของตนต่อหาปลายสาย

    [เรื่องที่ฉันให้จัดการเรียบร้อยแล้วสินะ ฝากด้วยล่ะ] กล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปที่ห้องทำงานของตนเอง

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เอเลนแอบลอบสังเกตหญิงสาวและชายหนุ่มร่างสูงสองคนที่กำลังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเช่าเก่าของตนเอง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงที่กำลังปล่อยรังสีทะมึนจนชายหนุ่มที่มาด้วยได้แต่ยืนนิ่งเหงื่อตกคือ มิคาสะ และชายหนุ่มที่หน้าแทบจะไม่มีสีเลือดแล้วนั้นก็คือ แจน

    เด็กหนุ่มสูดอากาศเข้าปอดของตนเองก่อนค่อยๆผ่อนลมออกช้าๆเพื่อบรรเทาความตื่นเต้น เอาล่ะบอกไปว่าย้ายที่อยู่และยังไม่สะดวกให้ไปหา เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน

    เมื่อตัดสินใจได้เด็กหนุ่มจึงเดินออกจากที่ซ่อนไปหาคนที่กำลังยืนเฝ้าประตูอย่างฉุนเฉียว

    “ไงมิคาสะ” เสียงหวานเอ่ยทักอย่างบังคับให้เป็นปกติที่สุด

    นัยน์ตาคมสีราตรีตวัดมองมาทางต้นเสียง สายตาที่จ้องมองมาทำเอาเด็กหนุ่มที่เตรียมใจมาแล้วถึงกับสะดุ้งขึ้นด้วยความหวั่นเกรง

    “มาแล้วเหรอ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลย”

    ร่างบางถึงกับเกร็งจนกลืนน้ำลายไม่เข้ากับแรงกดดันที่ส่งออกมาจากหญิงสาวที่เปรียบเหมือนพี่สาวของตน

    “เอาน่ามิคาสะ หมอนี่ก็มาแล้วเราค่อยๆคุยกันเถอะนะ” แจนพยายามทำใจดีสู้เสือ มือหนาวางบนไหล่บางของหญิงสาวอย่างหวั่นๆ

    “ง....งั้น... เรา ไปหาที่คุยกัน” อย่างน้อยถ้ามีที่เย็นๆและเครื่องดื่มกับขนมอร่อยอาจพอช่วยให้ทั้งเขาและแจนรอดตายไปได้บ้าง พวกเขาต่างรู้ดีว่าเวลามิคาสะโกรธขึ้นมาเป็นสิ่งที่น่ากลัวและเลวร้ายขนาดไหน

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ร้านกาแฟที่ห่างไปจากห้องพักเก่าของเขาไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มสั่งเครื่องดื่มและขนมที่หญิงสาวชอบมาจนเต็มโต๊ะ ใบหน้ามนพยายามยิ้มหวาน หว่านล้อมคนอารมณ์เสียตรงหน้าหวังให้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง

    “ช็อกโกแลตมูสของร้านนี้เธอบอกว่าชอบใช่ไหม แล้วก็มีมองบลังค์ กับแบล็กฟอเรสด้วยนะ”

    นัยน์ตาสีราตรีเหลือบมองเด็กหนุ่มที่พยายามเอาใจตนเอง ส้อมสำหรับทานขนมถูกปักลงบนก้อนเค้กเนื้อหนาฉ่ำ เสียงของส้อมที่กระแทกกับจานกระเบื้องทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งทันที

    มิคาสะค่อยๆตัดเค้กเข้าปากก่อนค่อยๆเคี้ยวและกลืนลงไป นัยน์ตาสีราตรียังคงจับจ้องที่ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มไม่วางตา และกลีบปากบางสีระเรื่อของหญิงสาวจึงเอ่ยขึ้น

    “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” คำถามที่เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเจอ

    เอเลนค่อยๆคลี่ยิ้มให้กับมิคาสะ “ก... ก็แบบ พอดีว่า ยุ่งๆน่ะฉันเลยไม่ได้บอกว่าตอนนี้ย้ายที่พักแล้ว”

    “ที่ไหน?” นัยน์ตาสีราตรียังคงจ้องเขม็งคาดคั้น

    ใบหน้ามนที่พยายามฝืนยิ้มเริ่มเหงื่อตกกับรังสีกดดันที่ถูกส่งมา

    “ก.......ก็ ไม่ไกลจากที่นี้เท่าไรหรอก แต่ที่พักดีและถูกกว่า และอีกอย่างของยังจัดไม่เรียบร้อยเลย”

    มิคาสะจ้องเขม็งมากยิ่งขึ้น มือเรียวยังคงตัดเค้กมองบลังค์ของโปรดของเธอเข้าปากพลางเคี้ยวอย่างไม่รู้รสชาติ

    “แล้วเมื่อไรนายจะบอก?” มิคาสะพยายามข่มอารมณ์ของตนเองให้เย็นลงก่อนถามเด็กหนุ่มอีกครั้ง

    “ก็คิดว่า อีกไม่นานก็จะบอกอยู่” เอเลนได้แต่เบนหลบสายตาสีเข้มที่จ้องมองมาอย่างหาคำตอบ

    มิคาสะยื่นรูปถ่ายส่งให้กับเด็กหนุ่ม เอเลนมองรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะนัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนแสร้งทำเป็นปกติ แต่อาการประหม่าที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของนักข่าวสาวอย่างมิคาสะไปได้

    “นายรู้จักผู้หญิงในรูปคนนี้ด้วยงั้นเหรอเอเลน?”

    “ป...เปล่าสักหน่อย แค่คิดว่าหน้าอกใหญ่จังเนอะ แหะ แหะ” เด็กหนุ่มพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน

    “เห็นไหมล่ะฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่หมอนี้หรอก” แจนรีบพูดสมทบ ถึงแม้จะคิดว่าเอเลนเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาออกจะหวานไปสักหน่อย แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้ชาย

    “อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันจะไปแต่งอะไรบ้าๆแบบนี้ ตลกน่ามิคาสะ” เอเลนรีบหัวเราะกลบเกลื่อนอีกครั้ง ถึงแม้ว่าความจริงไอชุดบ้าๆนี้ภายในเวลาไม่ถึงเดือนเขาต้องใส่ไปแล้วอย่างน้อย 2 ครั้งก็เถอะ

    “ใช่ไหมล่ะ ฉันก็บอกมิคาสะไปแล้วว่าอย่างไอเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกเนี่ยนะจะเป็นสาวสวยที่มีเสน่ห์ขนาดนี้ได้ แค่คิดก็อยากหัวเราะให้ฟังหักแล้ว”

    งั้นเชิญหัวเราะให้ฟันหักหรือให้ฉันชกจนฟันหลุดดีล่ะแจน.......ไอเด็กเมื่อวานซืนที่แกว่านี้แหละที่มันทำให้ไอหน้าหมาอย่างแกหน้าแดงจนเหวอได้.... เอเลนได้แต่ส่งสายตานึกสมเพชให้กับชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้าม

    “เลสของนายกับเธอคนนี้เหมือนกันเลยนะ แถมเป็นทองคำขาวราคาแพง” มือเรียวรีบจับตะครุบเลสข้อมือของตนทันที ใบหน้ามนเริ่มเหงื่อไหลพลั่กแม้ในร้านจะแอร์เย็นฉ่ำก็ตาม

    “ของแพงขนาดนี้ นิสัยอย่างนายไม่ซื้ออยู่แล้ว” มิคาสะคว้าข้อมือเอเลนขึ้นดูเลส นัยน์ตาสีราตรียิ่งจ้องเขม็งใบหน้ามนของเด็กหนุ่มมากยิ่งขึ้น

    “แล้วก็ตอนสัมภาษณ์คุณรีไวเขาบอกว่าเลสข้อมือสลักว่า My S.D. ถ้าเป็นของที่นายซื้อมาเองทำไมถึงมีสลักอักษรย่อเดียวกันเลยล่ะเอเลน?”

    น้ำลายเหนียวฝืดคอยากที่จะกลืนลงไป ใบหน้ามนเริ่มซีดเซียว ไม่คิดว่าเรื่องที่เขาปิดบังจะโดนเปิดเผยเร็วขนาดนี้ มาถึงขั้นนี้เขาคงเก็บต่อไปอีกไม่ได้ เป็นไงก็คงต้องเป็นกัน.....

    คุณฮันเนสผมขอโทษนะครับ ผมเป็นคนทำลายสตูดิโอที่คุณรัก ผมมันเป็นเด็กที่เลวมาก!!

     

    “โชคดีจังที่เจอเธอเอเลน”

    เสียงหวานของหญิงสาวที่เอ่ยทักทำให้ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะหันไปมอง นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง ริมฝีปากสีระเรื่อถึงกับสั่นระริกกับต้นเสียงที่เอ่ยทักตน

    ใบหน้ามนสวยหวานที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง นัยน์ตาสีมรกตใส ริมฝีปากแต้มสีชมพูระเรื่อ ผมสีน้ำตาลยาวพลิ้วไสว และหน้าอกขนาดมหึมา ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าราวกับคนที่เขารู้จักดี

    ใช่แล้วผู้หญิงตรงหน้าช่างเหมือนกับตัวเขาในวันงานเปิดตัวโรงแรมนั้นเอง

    “อ... เอ๊ะ เออ... คือ .......” เอเลนมองหญิงสาวอย่างแปลกใจเช่นเดียวกับแจนและมิคาสะที่ต่างมองสาวสวยปริศนาที่เดินเข้ามาสลับกับเด็กหนุ่มที่เธอกำลังคาดคั้น

    “เอเลนเธอลืมกุญแจห้องไว้ฉันเลยเอามาให้” หญิงปริศนายื่นกุญแจห้องที่ไม่คุ้นให้กับเด็กหนุ่ม “นี่เป็นพี่ชายและพี่สาวที่เธอเล่าให้ฟังสินะ สวัสดีค่ะฉันชื่อเอเลน เหมือนกัน เป็นเพื่อนข้างห้องกับเอเลนของพวกคุณค่ะ” เอเลนเวอร์ชั่นหญิงส่งยิ้มทักทายให้กับมิคาสะและแจน

    “คุณคือคนที่ไปในงานเปิดตัวโรงแรมจริงๆเหรอ?” มิคาสะเขม่นมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ สัญชาตญาณนักข่าวของเธอกำลังบอกว่ามีบางอย่างที่แปลกๆ

    “ใช่ค่ะ คุณเป็นนักข่าวที่มาวันนั้นสินะคะ ปกติฉันไม่ค่อยชอบออกงานเท่าไรแต่โดนขอร้องเลยต้องไป ถ้ายังไงรบกวนเก็บเรื่องของฉันไว้เป็นความลับด้วยนะคะ” เอเลนเวอร์ชั่นหญิงยิ้มหวานให้กับทั้งสอง

    “แล้วทำไมต้องปิดเป็นความลับขนาดนั้นด้วยล่ะ” มิคาสะยังคงจ้องเขม็งที่หญิงสาวสวยตรงหน้า อะไรถึงต้องปิดบังขนาดที่ไม่ยอมให้สื่อใดใดลงรูปเจ้าหล่อนได้

    ใบหน้าหวานของเอเลนสาวยิ้มก่อนค่อยๆก้มเข้าไปกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่คนที่อยู่ที่โต๊ะเท่านั้น

    “คุณก็รู้ใช่ไหมว่าพวกคุณรีไวมีอิทธิพลขนาดไหน ฉันเองก็ไม่อยากเจอเรื่องปวดหัวหรือเรื่องฉกชิงกับใคร พวกคุณคงพอเข้าใจใช่ไหมคะ”

    เอเลนสาวยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากอิ่มของตน นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองแฝงความนัยให้รู้ว่าเรื่องของหล่อนเป็นเรื่องลับเฉพาะเท่านั้น

    “แล้วเลสข้อมือ?” มิคาสะมองข้อมือของเอเลนสาวที่มีเลสทองคำขาวไม่ต่างกัน

    “อ๋อนี้หรอคะ พอดีเอเลนเขาคอยช่วยเหลือและปิดเรื่องของฉัน ฉันเลยให้เขาเป็นค่าตอบแทน”

    “แต่มันสลักคำว่า My S.D. เหมือนกับตอนที่คุณรีไวให้สัมภาษณ์” มิคาสะยังคงคาดคั้งคำตอบ

    เอเลนสาวเอามือปิดปากทำท่าตกใจ “เอ๊ะงั้นเหรอคะ ฉันเองก็เพิ่งรู้ สงสัยคุณรีไวกลับฉันทำหายเลยสั่งสลักไว้ทั้งสองชิ้นน่ะค่ะ” เอเลนสาวหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มที่ชื่อเดียวกัน คิ้วมนขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะเอเลนฉันทำให้เธอลำบากรึเปล่าแต่เลสนี้ก็อยากให้เธอรับเอาไว้นะจ๊ะ”

    “ม... ไม่เป็นไรครับ แหะๆ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ แม้จะยังงงอยู่บ้างแต่อย่างน้อยดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของหญิงสาวที่ช่างเหมือนกับเขาคนนี้จะทำให้เขารอดพ้นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไปได้

    “ขอบใจมากจ่ะ ฉันกำลังจะกลับที่พักของเราพอดีไปด้วยกันเลยสิ” เอเลนสาวคว้าแขนของเด็กหนุ่มให้ไปด้วยกัน ทั้งแจนและมิคาสะจึงรีบตามทั้งคู่ไปติดๆ

    เดินออกจากร้านกาแฟไปเพียง 2 บล็อก ทั้งหมดก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าแมนชั่นที่หญิงสาวอ้างว่าเป็นที่พักของเด็กหนุ่ม

    เอเลนสาวยังคงดึงตัวเด็กหนุ่มไปจนถึงหน้าประตูห้องพักสีน้ำเงินเข้มห้อง 304 ซึ่งตรงตามกับเลขของกุญแจห้องที่หญิงสาวให้มาในตอนแรก

    “ถึงแล้ว และห้องของฉันก็อยู่ข้างๆนี้แหละค่ะ พวกพี่ๆของเธอมาทั้งทีพาเขาเข้าไปดูห้องซะสิ” เอเลนสาวแนะนำ

    เด็กหนุ่มจึงค่อยๆไขกุญแจเปิดห้องที่บอกว่าเป็นของเขา เมื่อประตูถูกผลักเปิดออกเอเลนถึงกับต้องตกใจอีกครั้ง เพราะของทุกอย่างในห้องเป็นของของเขา ไม่สิเรียกว่าเหมือนกับของเขาไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ที่เขาเก็บเงินซื้อเมื่อช่วงปีใหม่ ลายผ้าปูที่นอนสีเขียวที่เขาใช้ประจำ รูปถ่ายที่มีรูปของคุณฮันเนส แจน และมิคาสะ แขวนประดับที่พนัง หรือแม้กระทั่งตู้ใส่อุปกรณ์กล้องของเขาก็มีครบถ้วนอย่างน่าตกใจ

    นี่เขากำลังฝันอยู่หรืออะไรกันยแน่? ตกลงว่าหมอนั่นยอมปล่อยเขาออกมาจากคอนโดแล้วงั้นเหรอ ไม่สิเพราะถ้าสังเกตดูดีๆ กล้องที่คิดว่าเป็นของเขามันกลับไม่คุ้นมือและเหมือนใหม่ เพราะจุดตำหนิที่เขารู้ดีเพราะเป็นเจ้าของกล้องนั้นไม่มีอยู่ คนที่จำทุ่มทุนและสามารถทำได้ขนาดนี้ก็มีอยู่เพียงแค่คนเดียว คนที่เขาไม่ค่อยอยากนึกถึงเท่าไร

     

    “อะไรกันแกก็จัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วนี้หว่า แถมห้องนี้กว้างกว่าห้องเก่าด้วยก็ดีแล้วนี้” แจนเดินสำรวจไปทั่วห้องอย่างถือวิสาสะ

    “แหะ แหะ....” เอเลนได้แต่ยิ้มเฝื่อนกับเบื้องหลังการลงทุนจัดฉากของคนแก่เอาแต่ใจ

    “ทีนี้เธอก็หายสงสัยแล้วใช่ไหมมิคาสะ ฉันบอกแล้วว่าหมอนั่นยังไงก็ไม่มีทางเป็นสาวสวยแบบนี้ได้หรอก นี่เจ้าตัวเขาก็มายืนให้เราเห็นอยู่อย่างนี้” แจนมองเอเลนสาวและเอเลนที่เขารู้จักดีสลับกันไปมา ดูยังไงหมอนี่ก็ไม่มีทางที่จะเป็นผู้หญิงสวยขนาดนี้ได้ ดูเหมือนลางสังหรณ์ของแฟนสาวเขาจะขึ้นสนิมเสียแล้ว

    มิคาสะยังคงจ้องหญิงสาวตรงหน้าพร้อมทั้งสำรวจห้องใหม่ของเด็กหนุ่ม ถึงแม้ทุกอย่างดูเหมือนจะชัดเจนแล้วแต่เธอก็ยังคงคาใจ เอเลนของเธอไม่ได้ปิดบังอะไรไว้จริงๆอย่างนั้นเหรอ? แต่ทำไมเธอยังคงรู้สึกว่ามันแปลกอยู่ดี

    “ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะมิคาสะ แต่ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วง” เด็กหนุ่มยิ้มบางให้กับหญิงสาวที่เปรียบดั่งพี่สาวของตน

    มือบางยกขึ้นลูบผมสีน้ำตาลที่อ่อนนุ่มของเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจ “ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ”

    นัยน์ตาสีราตรีจ้องมองกับนัยน์ตาสีมรกต “นายไม่ได้ปิดบังหรือกำลังทำอะไรคนเดียวอยู่ใช่ไหม? นายน่ะชอบที่จะฝืนทำอะไรเองอยู่ตลอด”

    “ไม่หรอก ถ้ามีอะไรฉันจะบอกเธอนะ” ขอโทษนะแต่มันเป็นปัญหาที่ฉันจะต้องพยายามแก้ไขเอง ถึงแม้ว่าต้นเหตุจะมาจากแฟนหน้าม้าของเธอก็ตาม เพียงแค่คิดก็รู้สึกคันมืออยากโยนชายหนุ่มร่างสูงตัวต้นเหตุลงจากชั้น 3 ขึ้นมา

     

    เมื่อทุกอย่างเหมือนจะกระจ่างเป็นที่เรียบร้อย มิคาสะและแจนจึงขอตัวกลับ เมื่อทั้งคู่กลับไป เอเลนจึงหันกลับมาที่เรื่องคาใจของตน เด็กหนุ่มมองจ้องเขม็งใบหน้าหวานที่คล้ายกับตนพลางเลิ่กคิ้วอย่างสงสัย

    “นี่หมายความว่ายังไงกัน?”

    เอเลนสาวเอียงคอมองก่อนจะทุบมือตนเองอย่างนึกขึ้นได้

    “อ๋อ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ นี้เป็นของเลียนแบบทำจากสแตนเลสชุบทองคำขาวยังไงของเธอก็เป็นทองคำขาวทั้งชิ้น เพราะงั้นไม่ต้องหึงนะจ๊ะ” เอเลนสาวยกเลสขึ้นให้คนตรงหน้าดู

    ผมไม่ได้หึงนะครับ ไม่มีทางซะหรอก!! แล้วไม่ได้ถามเรื่องนั้นด้วย” คิ้วมนขมวดมุ่นจ้องหญิงสาว

    เอเลนสาวจึงทำท่าครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะยิ้มอย่างขบขัน “นี่เธอจำฉันไม่ได้สินะ สมแล้วที่เป็นฝีมือระดับฉันแต่งเอง”

    กริยาท่าทางที่คนตรงหน้าแสดงออกทำให้เอเลนนึกถึงใครบางคนที่รู้จักกับคนอันตรายดี

    “ย.... อย่าบอกนะครับว่า..... คุณ ฮันซี่?”

    “ปิ๊งป่อง ถูกต้องนะจ๊ะ ฮันซี่เองค่ะ!!” หญิงสาวรวบผมตนเองขึ้นเพื่อยืนยันกับเด็กหนุ่ม

    เอเลนมองคนตรงหน้าพลางเหงื่อตก การแสดงของคุณฮันซี่และการแต่งตัววันนี้ทำเอาเขาถึงกับตะลึง แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาผ่านพ้นวิกฤตไปได้แม้จะแอบเสียดายว่าบางทีถ้าเรื่องของเขาเกิดแดงขึ้นมา เขาอาจหนีจากคนอันตรายคนนั้นก็ได้

    นัยน์ตาสีมรกตมองขึ้นท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย ทั้งที่คิดอย่างนั้น แต่ทำไมเขากลับรู้สึกโล่งอกที่เรื่องที่น่าปวดหัวนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยกันแน่นะ?....

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เมื่อกลับมาถึงคอนโดคนอันตรายชอบบังคับกำลังสวมสูทสีเข้มของตนเพื่อเตรียมไปทำงานในช่วงดึกของวัน ใบหน้ามนมองชายหนุ่มอายุมากกว่าพลางขมวดคิ้ว

    “เป็นอะไรไปไอหนู?” เมื่อเห็นว่าคนกลับมายังคงยืนนิ่งจ้องตนอย่างไม่ขยับจึงเอ่ยถามออก

    “ผมคิดได้อย่างหนึ่ง” คิ้วมนยิ่งขมวดมุ่นเข้าหากันจ้องไปยังใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่ม

    “หืม?” รีไวเลิ่กคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

    “ผมคิดว่าการเป็นศัตรูกับคุณนี้มันอันตรายสุดๆ” ดูจากเหตุการณ์วันนี้คนคนนี้สามารถที่จะทำและตกแต่งเรื่องราวทุกอย่างได้ตามใจนึกคิดจริงๆ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเรื่องของเขาจะเดินไปทางไหน หรือถูกแต่งเติมให้เป็นอย่างไร

    “คิดได้อย่างนั้นก็ดี” รีไวยกยิ้มขึ้นมุมปาก ขาแกร่งสาวเท้าเข้ามาใกล้ตัวเด็กหนุ่มมากขึ้นก่อนจะดันจนแผ่นหลังร่างโปร่งชิดติดกับผนังห้อง

    “แล้วนายยังคิดอยากไปจากคนอันตรายแบบนี้อยู่รึเปล่าล่ะเอเลน?” ใบหน้าคมยกยิ้มถามอย่างยียวน

    นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งมองกลับอย่างไม่ลดละ

    “ใครอยากอยู่ใกล้ของอันตรายกันล่ะ”

    มือหนาสัมผัสลงบนแก้มเนียน

    “ก็ดี ฉันยังไม่ลงโทษนายที่เรียกว่าตาแก่เลยนะเจ้าหนู”

    “ห๊ะ! อุบส์” ทันที่ที่พยายามเอ่ยปากจะเถียงแต่ปากคมก็ลงมาทาบทับจนต้องกลืนคำพูดทั้งหมดหายเข้าไปในคอ

    ดูเหมือนเขาจะเผลอหล่นเข้าไปในกับดักอันตรายเข้าเสียแล้ว........

    TBC.
    ..............................................................................................
    Talk: รีบมาต่อก่อนหายไปสักพัก(โดนตรบ)
    ความจริงรีบมาต่อเคลียให้จะได้ไม่ค้างคา กลัวคนอ่านค้างเลยรีบมาจบบท
    แล้วมันก็จูบกันทุกตอนจริงๆ (ตอนนี้ 2 จุ๊บ) นึกว่าจะไม่แล้วนะเนี่ย แต่อาเฮียไม่ยอมให้ไม่มีเลย(โทษเฮียรีไวค่ะ คนเขียนโดนเฮียล่อลวง)
    ยังไงก็ขอฝากเพจและบล็อกเช่นเคยค่ะ ไปพูดคุยทักทายกันได้นะคะ
    เพจค่ะ 
    https://www.facebook.com/beru89club?ref_type=bookmark
    บล็อกค่ะhttp://trendyblood.blogspot.com/


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×