ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวบรวม Fic สด Attack On Titan

    ลำดับตอนที่ #1 : ซาตานรีไวและเทวาเอเลน

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 57


    Attack On Titan ฟิคสด: ซาตานรีไวและเทวาเอเลน

     

    Pairing: (LevixEren)

     

    Story By: Trendy Blood + (S.MinJiTo)

    .........................................................................................................................................

     

    วิหารศักดิ์สิทธิ์ท่ามกรุงอังกฤษที่เเสนวุ่นวาย สถานที่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของศรัทธาเเละความหวังต่างๆมากมาย ทั้งที่ควรจะเป็นสถานที่ที่บริสุทธิ์ที่สุดท่ามกลางความโสมมของยุคสมัยที่เปลี่ยนเเปลงไป ความโลภ ตัณหา ที่เพิ่มมากขึ้น มนุษย์ที่มีมากขึ้นนำมาซึ่งความเสื่อมที่มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความชั่วร้ายได้เข้ามาถึงเเม้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เเห่งนี้

    ปีกสีขาวพิสุทธิ์ขนาดใหญ่ค่อยๆร่อนลงบนยอดวิหาร ร่างโปร่งบางในชุดสูทคลุมกายสีขาวสะอาดเเละทอประกายยามต้องเเสงช่างงดงาม นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองเเผ่นรายงานอย่างไม่สบอารมณ์นัก ริมฝีปากสีสดถอนหายใจอย่างรู้สึกหน่าย

    รายงานที่เเจ้งว่ามีมารร้ายอาศัยอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์เเห่งนี้เเละคอยหลอกล่อเหล่าลูกเเกะผู้หลงทางทั้งหลายทำให้เขาผู้ซึ่งเป็นเทวดาระดับสูงต้องลงมาสำรวจด้วยตัวเอง ด้วยที่ว่าเหล่าเทวดายศต่ำกว่าที่เคยมาจัดการเรื่องนี้ไม่อาจทำให้ความชั่วร้ายหายไปได้เสียที หนำซ้ำเทวดาเหล่านั้นเเทบไม่เคยที่จะรอดกลับมา เหล่าเทวฑูตตนอื่นต่างบอกว่าเทวดาเหล่านั้นได้ถูกย้อมไปด้วยตัณหาเสียเเล้ว........
    "เฮ้อ ไอจอมมารนั่นมันจะเก่งเเค่ไหนกันเชียว.." สบถอย่างรำคาญที่ต้องมาจัดการงานนอกความรับผิดชอบ
    เเต่ถึงขนาดส่งเขามาคงไม่ใช่พวกกระจอกเป็นเเน่....

    ฮึ...ในที่สุดก็มาเองเลยสินะเด็กน้อย การมาของเจ้าข้าสัมผัสได้ กลิ่นหอมสะอาดของเจ้าข้าก็รู้สึก แม้กระทั่งแรงลมจากปีกน้อยสีขาวพิสุทธิ์ของเจ้าก็ส่งสัมผัสมาถึงข้า เจ้าคนเดียวที่ข้ารอคอยเจ้าเท่านั้น....เอเลน // ริมฝีปากบางเฉียบแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ปลายลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากที่แห้งผากด้วยความระโหยหารสเลือดหวานนุ่มลิ้นที่ใฝ่ฝันลิ้มลอง ดวงตาคมโชนแสงกล้า วันนี้ข้าจะเด็ดปีกของเจ้าและย้อมเจ้าด้วยกิเลสตัณหาของข้าซะ!!!

    ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเริ่มย่างกายเข้ามาในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่ควรรู้สึกอบอุ่นเเละปลอดโปร่งราวกับอยู่ในอ้อมกอดของรุ่งอรุณ เเต่กลับรู้สึกถึงความกดดันเเละหนักอึ้ง เเม้จะเบาบางเเต่ก็ชวนคลื่นเหียน
    .....น่าเเปลกทั้งทีคราเเรกกลับไม่รู้สึกถึงความน่าสะอิดสะเอียนนี่.....ราวกับกำลังถูกเชิญชวนให้เข้าไปหา.....
    เทวดาหนุ่มน้อยค่อยๆเดินเข้าไปตามเเรงกดดันของบรรยากาศที่เพิ่มมากขึ้น ร่างโปร่งบางเดินผ่านทางเดินที่ประดับด้วยภาพเขียนฝาผนังของจิตรกรเอกเลื่องชื่อจนไปถึงห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นส่วนไว้ใช้ทำพิธีกรรมต่างๆของศาสนจักร เเสงของอรุณที่ลอดผ่านกระจกสีโมเสกกระทบกับรูปปั้นของบุตรเเห่งรุ่งอรุณยิ่งขับให้วิหารดูมีมนต์ขลังเเละศักดิ์สิทธิ์..เเต่ความรู้สึกกดดันเเละหนักอึ้งกลับสัมผัสได้มากขึ้นยิ่งใกล้เเท่นบูชาเท่าไรความรู้สึกสะอิดละเอียนยิ่งมากตาม

    ทันทีที่ถึงเเท่นบูชามือเรียวจึงหยิบสิ่งที่ไม่น่ามีอยู่บนเเท่นขึ้นมา

    ขนนกสีดำที่วางอยู่บนเเท่นพิธีอย่างจงใจราวกับท้าทายเขา ดูเหมือนจะมีมารร้ายอาศัยอยู่จริงๆสินะ.....

    นัยน์ตาสีมรกตมองรอบๆเพื่อสำรวจ ทันใดนั้นขนนกสีดำมากมายกลับร่วงกราวลงมาในวิหารราวกลับต้อนรับการมาเยือนของเขา ก่อนที่ร่างของชายคนหนึ่งจะปรากฎพร้อมด้วยปีกสีทมิฬขนาดใหญ่ เสื้อโค้ทสีดำสะบัดปลิวไปมาก่อนค่อยๆร่อนลงที่เบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม

    นัยน์ตาสีมรกตเบิกขึ้นอย่างตกใจกับการปรากฎตัวของชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าหวานพยายามระงับความหวาดหวั่นที่เริ่มก่อตัว ถึงเเม้จะคิดไว้เเล้วว่ามารที่สามารถบุกเข้ามาถึงใจกลางวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้ได้จะไม่ธรรมดาเเต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจ้าวเเห่งความชั่วร้ายทั้งมวลมาเอง....


    "ไม่คิดเลยว่าจะเจอท่านที่นี้...........ท่านรีไวผู้ซึ่งหันหลังให้พระเจ้า....."

     

    "งั้นรึ?? ผิดกับข้านะเอเลน ข้ากลับกลับคิดไว้แล้วว่าต้องเจอเจ้าไม่ว่าจะนานแค่ไหนข้าก็เชื่อเช่นนั้น ข้าจึงรอคอยเจ้า แล้วข้าก็สมหวัง เจ้าดูบริสุทธิ์ขาวสะอาดเติบโตขึ้นเป็นเทวาหนุ่มที่สมบูรณ์ตามที่พระเจ้าต้องการ แต่สำหรับข้า....เจ้าไม่มีวันเปลี่ยน เด็กน้อยของข้า มาสิวันนี้จะมาให้ข้าสอนเรื่องอะไรเพิ่มเติมอีกไหม รึจะแสวงหาทางเลือกใหม่ที่ไม่จำเจข้าก็พร้อมเสมอนะเด็กน้อย"

    ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักยิ้มเย็น ปีกทมิฬขนาดใหญ่ค่อยๆเลือนหาย ก่อนที่ร่างแกร่งจะค่อยๆเยื้องกายมาหาร่างบางทีละน้อย กลืนกินแสงสีขาวพิสุทธิ์ของเทวาหนุ่มจนเกือบมืดมิด นิ้วมือเรียวยาวยืนออกมาพร้อมด้วยกุหลาบขาว ก่อนนำกุหลาบไปจุมพิตเบาๆที่ริมฝีกปาก เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบากลีบดอกขาวผ่องก็ค่อยๆถูกย้อมจนชุ่มไปด้วยสีแดงดั่งหยาดโลหิตจนดูเปียกชุ่ม

    "สำหรับเจ้าเอเลน ช่างเหมาะกับเจ้าเหลือเกิน" กล่าวพร้อมยืนมือส่งไปให้ ก้มหัวเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มเล็กเป็นการหยอกเอิน

     

    ใบหน้ามนมองการกระทำอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ...  อยากเจอเขางั้นเหรอ คนคนนี้กำลังพร่ำอะไรกัน ในเมื่อคนที่รอมาตลอดเป็นเขาต่างหากล่ะ!! คนที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังคือเขาไม่ใช่รึไงกัน!!

    มือเรียวปัดกุหลาบเเดงราวโลหิตตรงหน้าออกไป ช่อกุหลาบงามร่วงลงจากมือของชายหนุ่มกลีบกุหลาบสีเเดงที่กระจัดกระจายราวกับหยดเลือดค่อยๆร่วงลงพื้นวิหาร
    นัยน์ตาสีมรกตมองชายหนุ่มที่สูงน้อยกว่าตนอย่างเเข็งกร้าว
    "ข้าไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปเเล้วท่านรีไว ข้ามาที่นี้ก็เพื่อทำหน้าที่ของตน ซึ่งท่านเองผู้ที่เคยอยู่ตำเเหน่งสูงรับใช้พระเจ้าคงเข้าใจ......ได้โปรดไปจากวิหารซะ"

    ไปจากวิหารเเห่งนี้ไปจากชีวิตของข้าเฉกเช่นเดียวกับที่ท่านเคยทำ...

     

    ร่างแกร่งทำเพียงยืดตัวตรงขึ้น มองดวงหน้างามตรงหน้า ก่อนหัวเราะเย้ยหยั่นเล็กๆ

    "ข้าไปแน่เด็กน้อยแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าจะไปก็ต่อเมื่อข้าอยากไป ข้าจะลาจากก็ต่อเมื่อข้อหมดข้อพันธะภายในใจข้าเท่านั้น"

    ร่างแกร่งก้มลงนั่งชันเข่าเพียงข้างหนึ่งเพื่อหยิบก้านกุกลาบที่ถูกปัดทิ้งมากำไว้ในกำมือ เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหวานของเทวาหนุ่ม แสยะยิ้มก่อนบีบกำก้านกุหลาบสุดแรงให้โลหิตสีสดไหลเยิ้มลงมาตามซอกนิ้วสู่ข้อมือ ไหลอาบลงสู่พื้นย้อมวิหารแสนบริสุทธิ์ให้เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดโลหิตและกลิ่นคาว 
    "เอเลนๆ เจ้ารู้ไหมว่าโลหิตก็เหมือนความอยาก ก้านกุหลาบก็เหมือนกิเลสในใจไม่ว่าจะคน ภูติ อมนุษย์ เทวาหรือซาตานต่างก็มีมันในเสี้ยวลึกของจิตใจทั้งนั้น ยิ่งย้อมมันด้วยความอยากเท่าไหร กิเลสก็จะยิ่งงอกงามทั้งนั้น แต่สำหรับข้าเอเลนเจ้าคือโลหิตคือความอยากทั้งหมดทั้งทวลของข้า"

    จากทะเลโลหิตที่เจิ่งนองไปทั้งวิหาร เริ่มก่อตัวเป็นวงกลมล้อมรอบร่างเอเลน ก่อนโอบตัวเปนดังกรงหนามกุหลาบโลหิตห้อมล้อมร่างบางไว้

    เทวฑูตหนุ่มตกใจกับกรงกุหลาบที่กำลังกักขังตนไว้ กว่าจะรู้ตัวร่างบางก็ถูกกักขังไว้เสียเเล้ว...
    เอเลนพยายามหาทางหนีออกจากกรงขังเเต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใดหรือเวทย์ใดก็ดูราวกับว่ากรงหนามนี้จะดูดกลืนซึ่งพลังของเขาไปทั้งสิ้น

    พลังต่างกันเกินไป....เข้าใจเลยว่าทำไมเหล่าเทวาก่อนหน้าที่มาถึงได้หมดรูปเช่นนั้น เเม้เเต่ตัวเขาผู้ซึ่งอยู่ระดับสูงใกล้เคียงเหล่ามหาเทพทั้ง4ยังไม่อาจทัดเทียม ราวกับเป็นนกในกรงที่รอถูกเด็ดปีกอย่างน่าสมเพช

    ใบหน้าหวานตีหน้าดุอย่างไม่ยอมเเพ้ นัยน์ตาสีงามทอประกายวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์
    ถ้าเป็นปีศาจร้ายตนอื่นเขาคงไม่รู้สึกเจ็บใจเเละเวทนาตัวเองขนาดนี้ เเต่ปิศาจร้ายตรงหน้าคือผู้ที่เขาอยากจะลบออกไปทั้งจากความคิดเเละจิตใจ ผู้ที่ทรยศต่อพระเจ้าเเละทำลายความเชื่อใจของเขาเช่นกัน

    สองมือเรียวบีบซี่กรงหนามอย่างขุ่นเคือง หนามของกุหลาบตำจิกเข้ามือบางจนโลหิตสีสดไหลลงเป็นทาง
    "ท่านมันเป็นมารร้าย ท่านรีไว พันธสัญญาของท่านคือสิ่งโป้ปดหลอกลวง" นัยน์ตาสีมรกตเงยสบกับนัยน์ตาสีเงินที่มองมาอย่างนิ่งงัน


    "ช่างน่าขันทั้งที่ท่านเป็นคนรักความสะอาดยิ่งกว่าสิ่งใด กลับพาตัวเองเกลือกกลิ้งกับความโสมมที่ไม่มีวันล้างออก"

    เอเลนมองชายตรงหน้าด้วยความเห็นใจ ใบหน้าหวานเเสร้งยิ้มบางอย่างอ่อนโยน
    "ท่านรีไวผู้ยิ่งใหญ่ ท่านตกต่ำมาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างน่าเห็นใจเเละเวทนา..เเต่ถ้าท่านยอมรับในพระเจ้ายอมรับความรักจากพระองค์ เเม้จะสกปรกเพียงใดเเต่ท่านจะสะอาดเเละไร้มลทินได้ เพียงเเค่ท่านเชื่อเเละกลับมารักพระองค์"

    มือเรียวยื่นจับลูบไล้ใบหน้าเฉยชาที่อยู่เบื้องหน้า โลหิตสีเเดงที่มือบางฝากรอยสีกุหลาบไว้บนใบหน้าขาวซีดของชายหนุ่ม

    เเม้จะโสมมเเต่เคยได้ชื่อว่าเป็นเทวฑูตที่เเข็งเเกร่งเเละสง่างามที่สุด บางทีในก้นบึ้งจิตใจนั่นอาจมีเเสงสว่างหลงเหลืออยู่

    ริมฝีปากบางเฉียบเพียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอียงใบหน้าคมเข้าแนบชิดมืออ่อนนุ่ม ก่อนกอบกุ้มมือบางนั้นทับด้วยมือใหญ่ของตน ลูบไล้มือเนียนนั้นก่อนค่อยๆนำพามาแนบชิดริมฝีปากจุมพิตบางเบาพร้อมแลบเลียคราบโลหิตที่หยาดเยิ้มไปทั่วฝ่ามือ ก่อนแย้มยิ้ม

    "ความโสมมใช่ว่าข้าล้างไม่ออก แต่เพราะความโสมมมันหอมหวานจนข้าไม่คิดจะล้างมันต่างหากเด็กน้อย ข้าชื่นชมเจ้ามากนะที่พยายามชักจูงข้าไปสู่ความสะอาดเเละไร้มลทิน แต่ข้าว่ากลับกันข้าน่าจะชักจูงเจ้ามาสู่โลกของข้าน่าจะดีกว่า" กล่าวจบกระชากข้อมือบางจนร่างบริสุทธิ์กระแทกเข้าสู่กรงหนามกุหลาบอย่างแรง ตัวหนามแหลมคมยาวเลื้อยรัดรอบร่างเทวาหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว เกี่ยวเกาะทิ่มแทงเข้าแน่นจนเอเลนไม่อาจขยับกายได้ ริมฝีปากคมเผยอ้าขึ้น เผยให้เห็นเขี้ยวคมยาวก่อนตรงเข้ากัดและดูดเลียโลหิตหอมหวานที่ข้อมือบางของเอเลน

     "อึก!!!!!" คมเขี้ยวที่กัดลงมาทำให้เด็กหนุ่มกำมือเเน่นด้วยความเจ็บ นัยน์ตาสีมรกตมองชายหนุ่มที่กำลังเลียเลือดของตนอย่างกระหาย

    ทำไม?.......มันเริ่มจากตรงไหนกัน?.......ความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้น บาปที่ผู้นี้กระทำ.......เพราะเหตุใดถึงเเปรเปลี่ยนเเละผิดเพี้ยนไปได้เช่นนี้
    "ท่านรีไว" นัยน์ตากลมโตมองจ้องชายหนุ่มไม่วางตา
    "ท่านช่างน่าเวทนา หลงใหลในตัณหาเเละมัวเมาไปกับความลุ่มหลงที่น่าอดสู.......คนอย่างท่าน.........ช่างน่ารังเกียจ"

     "อ่าาา ข้ารู้แล้วหล่ะว่าอะไรที่เจ้าเปลี่ยนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจ้าคงไม่มีทางปฏิเสธว่ากล่าวข้าเช่นนี้ เจ้าในตอนนี้ทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย" นัยน์ตาคมจ้องมองร่างบางเล็กน้อย มือใหญ่หักท่อนแขนร่างบางจากนั้นเหวี่ยงลงสู่แท่นบูชาอย่างแรง ก่อนขึ้นคร่อมร่างเทวาหนุ่มไว้ด้วยแรงมหาศาล

    "ดี!! งั้นเรามาดูกันซิว่าพระเจ้าจะช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากข้าได้ไม่ หาไม่เช่นนั้นข้ากับเจ้าเราจะสมสู่ร่วมกันเป็นของขวัญบูชาแด่พระเจ้า"

    เอเลนมองใบหน้าของซาตานตรงหน้าสลับกับรูปปั้นบุตรแห่งรุ่งอรุณผู้ซึ่งถูกตรึงบนไม้กางเขนไถ่บาปให้เหล่าประชา เหงื่อเย็นไหลซึมกาย 

    เมื่อสักครู่เขาฟังผิดไปใช่ไหม มารร้ายตรงหน้าบอกว่าจะสมสู่กับเขาเพื่อถวายแด่พระเจ้างั้นหรือ ณ. สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ยังกล้าเอ่ยคำและกระทำสิ่งที่ลบหลู่พระเป็นเจ้า

    บุรุษผู้นี้คือมารร้ายตัวจริงที่ไม่อาจหวนคืนสู่อ้อมอกแห่งรุ่งอรุณได้อีกแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้มารร้ายดูหมิ่นพระองค์ไปมากกว่านี้!! ใบหน้าหวานกัดฟันจนขึ้นสันกรามอย่างเกรี้ยวกราด 
    "มารร้ายอย่างท่าน...." เอเลนค่อยๆเอ่ยคำพูดรอดไรฟัน "ช่างน่าขยะแขยงจนแทบสำรอก!!!"

    แสงสีขาวเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นบนร่างของเทวาหนุ่มน้อย แสงสว่างวาบแสบตาจนทำให้รีไวต้องหรี่ตาลงแล้วผละออกจากเทวาหนุ่ม

    ปีกสีขาวพิสุทธิ์กางออกที่กลางแผ่นหลัง สองปีกขนาดใหญ่ที่โอบล้อมรอบกางออก ลำแสงสีรุ้งรายล้อมร่างเทวาหนุ่มก่อนจะกลายเป็นปีกสีขาวพิสุทธิ์เพิ่มเข้าไปอีก 4 ข้าง ร่างซึ่งใกล้เคียงกับเหล่ามหาเทพที่ครั้งหนึ่งจอมมารตรงหน้าเคยมีปีกถึง6ปีกเฉกเช่นเดียวกับเขาตอนนี้ 

    แขนที่บิดงอจากการถูกหักและกระแทกอย่างรุนแรงค่อยๆกลับเข้ารูป คมลึกของรอยเขี้ยวและหนามกุหลายค่อยๆจางหาย เช่นเดียวกับคราบโลหิตสีแดงที่ค่อยๆจางไป

    เอเลนก้มลงมองซาตานหนุ่มเบื้องล่างก่อนเปลือกต่างบางค่อยๆลืมขึ้น นัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่งามแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอำพัน

    ใบหน้าหวานยกยิ้มอย่างรู้สึกสนุก มือบางขึ้นมาแตกริมฝีปากบางอย่างเย้ายวนก่อนจะเลียคราบเลือดของตนเองที่เหลืออยู่ประปราย


    "เอาล่ะนะท่านรีไว ข้าขอเด็ดปีกคู่นั้นที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้กลับไปคืนพระองค์"

     

    "ฮึ!! ไม่เลวเลยนะเด็กน้อย พระเจ้าช่างสั่งสอนเจ้ามาได้ดีทีเดียว แต่เจ้าเข้าใจผิดไปอย่างนะ...ปีกของข้าหาใช่ของพระเจ้าองค์ใดของเจ้า มันยังคงเปนของข้าทั้งในตอนนี้และตลอดไป เหมือนกันเจ้าที่เคยเปนของข้า และจะเป็นของข้าอีกครั้งนับจากนี้ตราบชั่วนิรันดร์"

    จอมซาตานแสยะยิ้มพราย ปีกทมิฬกางออกจากแผ่นหลังแกร่ง ขนาดใหญ่มโหฬารโอบล้อมไปครึ่งวิหารรวมไปถึงร่างเทวาหนุ่มตรงหน้า แรงลมสั่นไหวรุนแรงดังพายุกัมปนาททำเอาเสาวิหารและกระจกลายวิจิตรพังกระจาย กรงเล็บสีทมิฬแหลมคมงอกยาวจากปลายนิ้ว เขาแหลมยาวสีรัตติกาลแทงออกจากเกศาดำสนิท นัยน์ตาสีแดงกล่ำโชนแสงลุกวาวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนเอ่ยด้วยสุรเสียงก้องกังวาน

    "เอเลนเจ้าจะดื้อไปไย ยอมรับข้าซะ หรือไม่เช่นนั้นหากข้าไม่ได้เจ้า ก็ไม่มีเทวาหน้าไหนจะได้เจ้าคืนไปเช่นกัน!!!"

    "ข้าไม่เป็นของใครทั้งนั้น! ยิ่งมารร้ายที่น่าสังเวชเช่นท่านเเค่คิดจะเเตะต้องร่างข้าผู้เป็นของพระเจ้าเเค่นั้นก็น่าสะอิดสะเอียนพอเเล้ว!!"

    เเสงสว่างจ้าขึ้นอีกครั้งผ่านปีกสีดำขนาดมหึมา เส้นเเสงที่สาดส่องเริ่มเเปรเปลี่ยนเป็นหอกเเหลมทิ่มเเทงปีกของพญามารที่โอบล้อม ก่อนจะตรึงปีกขนาดมหึมาลงกับพื้นวิหารที่เริ่มเเตกร้าว
    ใบหน้าหวานยิ้มอย่างขี้เล่น ก่อนเสียงใสค่อยๆเอ่ย
    "ท่านรีไว ข้าไม่ใช่เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาของท่านอีกต่อไปเเล้ว"

    มือเรียวบางผายออกเเสงสว่างสีทองวูบไหวบนมือบางก่อนจะเเปรเปลี่ยนเป็นหอกลำเเสงขนาดพอดีมือ
    ใบหน้ามนยังคงส่งยิ้มหวานให้กับซาตานตรงหน้าที่จ้องมองมาอย่างนิ่งงัน เอเลนขว้างหอกเเสงเสียบตรึงเเขนซ้าย เเขนขวา เเละ ขาทั้งสองของมารร้ายตรงหน้ากับรูปปั้นบุตรเเห่งพระเป็นเจ้า ทาบทับลงบนไม้กางเขนเช่นเดียวกับพระผู้ไถ่บาป

    หยาดโลหิตเเละกลิ่นคาวที่เเสนโสมมลอยเเตะจมูก ทั้งชวนคลื่นเหียนเเละรู้สึกสุขสมในคราเดียวกัน
    "ถือว่าเป็นความเมตตาต่อท่านดีไหมที่จะได้หมดลมหายใจในอ้อมกอดของพระองค์?"
    เทวาหนุ่มค่อยๆสยายปีกเคลื่อนกายเข้ามาใกล้มารร้ายตรงหน้า นิ้วเรียวจับหอกเเสงที่ตรึงเเขนซาตานก่อนจะดันเข้าไปให้จมลึกกว่าเดิม

    โลหิตสีสดกระเซ็นเปื้อนใบหน้างาม เอเลนปาดคราบเลือดของมารร้ายตรงหน้าก่อนลูบไล้ไปยังใบหน้าคมของมารร้าย
    "นี่ท่านรีไว ตอบข้าหน่อยสิ ระหว่างซ้ายเเละขวาท่านอยากให้ข้าเด็ดปีกข้างไหนของท่านก่อนกัน?"

    พญามารเพียงหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนแย้มยิ้ม

    "ข้าปิตินักที่ได้เห็นชัดว่าเจ้าหาใช่เพียงเด็กน้อยอย่างวันวานไม่ มันทำให้ข้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น"

    กรงเล็บทมิฬขยับเล็กน้อยก่อนแขนแกร่งขยับผ่านหอกลำแสงที่ตรึงร่างไว้ ส่งผลให้โลหิตพญามารอาบไล้ไปทั่วทั้งหอกก่อเกิดควันพวยพุ่งไปทั่วทั้งหอกแหลมก่อนที่หอกเหล่านั้นจะเริ่มสลายผุกร่อนดังว่าโลหิตพญามารเป็นกรดร้ายแรง และเพียงชั่วพริบตาร่างงดงามของเทวาหนุ่มก็ถูกผลักกระเด็นออกห่าง ตามด้วยแรงลมจากปีกทมิฬที่โบกเพียงครั้งก็พาร่างรีไวทะยานไปสู่เบื้องหลังเทวาหนุ่ม เพียงกรงเล็บอันตรายขยับก็ปรากฏตรีศูลคมยาวขนาดยักษ์ในกำมือพญามารก่อนจะส่งแรงพุ่งตรีศูลเข้าแทงทะลุจากเบื้องหลังของร่างเทวารูปงามผ่านไปถึงอก ปลายหอกทั้งสามที่แทงทะลุกระเซ็นเปื้อนไปด้วยหยาดโลหิตหอมหวานของเอเลน รีไวยังคงส่งแรงพุ่งตรีศูลจนปลายหอกถูกฝังข้าสู่รูปปั้นของพระเจ้าทะลุผ่านถึงตัวไม้กางเขน ตรึงทั้งปีกและร่างบอบบางไว้อย่างแน่นหนา รีไวลดตัวลงต่ำเล็กน้อยกระซิบริมฝีปากแนบชิดใบหูเอเลนผ่านแรงลมจากปีกทมิฬ

    "เอเลนๆ จงมองดูพระพักตร์ของพระเจ้าไว้ให้ดี หรือจะกล่าวคำอ้อนวอนต่อมันก็ได้ ระลึกหน้าพระเจ้าของเจ้าไว้ให้เต็มตาก่อนที่เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นมันอีกเลย" กล่าวจบพร้อมเสียงหัวเราะเย้ยหยันเล็กน้อย ลิ้นยาวสองแฉกไล้เลียไปทั่วลาดไหล่งาม

    สัมผัสชื้นเเฉะที่โลมเลียยังไหล่บางทำให้รู้สึกขนลุกวาบ นัยน์ตาสีทองมองใบหน้าของซาตานหนุ่มที่ตนคุ้นเคยอย่างขุ่นเคือง ก่อนเปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างชั่งใจ
    ใบหน้าของบุรุษที่คุ้นเคย มือใหญ่ที่ทาบทับลงมา ทั้งที่เป็นมารร้ายที่น่าสะอิดสะเอียนเเต่ความอบอุ่นยังคงไม่เปลี่ยนเเปลง เฉกเช่นตอนยังเป็นมหาเทพที่น่ายกย่อง
    "นี่ท่านรีไว" เสียงใสค่อยๆเอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
    "เหตุใดท่านถึงทรยศพระเจ้า เเละสิ่งใดคือพันธะในใจท่านกัน?"

    "หากเจ้าถามข้าก่อนหน้านี้ข้าอาจเมตตาตอบเจ้า แต่เจ้าทำให้ข้าได้เห็จแล้วว่าเจ้าพยศและฝักใฝ่ในพระเจ้าของเจ้าเพียงใด ทางที่ดีย้าควรเด็ดปคกเทวาของเจ้าก่อนเสียดีกว่า ส่วนเจ้าก็อ้อนวอนต่อพระเจ้าไปเถอะ เพราะเจ้าจะไม่มีวันหวนคืนกลับไปได้อีก"

    จมูกโด่งสูดดมโลหิตที่ซึมจากแผ่นหลังบอบบางลิ้นยาวไล้เลียชอนไชเข้าสู่รอยแผลที่คาไว้ด้วยตรีศูล กรงเล็บทมิฬตรงเข้าจิกและยึดจับปีกขาวพิสุทธิ์ก่อนออกแรงฉีกกระชากอย่างรุนแรง หยาดเลือดและเสียงครางจากเทวาหนุ่มสร้างความกระสั่นแก่รีไวอย่างหนัก ริมฝีปากแสยะยิ้ม ดวงตาโชนแสงอย่างคลุ้มคลั้ง ฟันแหลมคมตรงเข้าฉีกทึ้งปีกและผิวบางอันอ่อนนุ่มออกจากกัน ใบหน้าซุกไซจากสะบั่กไหลจนถึงเอวคอดลงไปถึงสะโพกกลมกลึง จนกระทั่งปีกขาวถูกย้อมด้วยเลือดถูกกระชากหลุดออกไป รีไวหอบหายใจสะท้านด้วยความทะยานอยากในร่างบางตรงหน้า กระซิบเสียงแหบพร่า....

    "เอเลนเจ้ามาลงนรกไปกับข้าเถอะ เทวาของข้า"

    เทวาหนุ่มกรีดร้องโหยหวนยามเมื่อปีกเเห่งพระเจ้าถูกเด็ดร่วงลงไป ก่อนที่จะถูกดึงปีกทั้ง3ที่เหลืออยู่ ร่างบางโบกสะบัดปีกที่เหลือกระเเทกซาตานหนุ่ม

    เเรงกระเเทกของปีกเเห่งพระเจ้าผลักไสเจ้าเเห่งความชั่วร้ายลงกระเเทกพื้นวิหารอีกครั้ง เเรงกระเเทกที่รุนเเรงส่งผลให้ซาตานหนุ่มกระอักโลหิตสีสด

    เอเลนค่อยๆดึงตรีศูลออกจากตัว เพราะพลังดำมืดของตรีศูลที่ทิ่มเเทงจึงทำให้บาดเเผลไม่อาจสมานกันได้ทันที ใบหน้าหวานเหลือบมองลงต่ำดูร่างของจอมมาร
    "เอาอาวุธของท่านคืนไปรีไว"

    เอเลนเขวี้ยงตรีศูลส่งกลับคืนผู้เป็นเจ้าของในตำเเหน่งเดียวกันกับที่สิ่งนั้นเคยฝากร่องรอยไว้
    เพราะใช้พลังอย่างฟุ่มเฟือยมากเกินไปปีกทั้งสามที่เหลือจึงสลายเป็นละอองเเสงก่อนร่างเทวาหนุ่มจะ"ร่วงลงสู่พื้นดิน

    ร่างบางค่อยๆยันกายที่เริ่มสะบัดสะบอมของตนเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปดูท่าจะไม่ดีเเน่.........ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง

    นัยน์ตาสีทองอำพันที่ยังคงหลงเหลือจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างระวัง ร่างบางค่อยๆก้าวถอยหลังจนชิดกับเเท่นบูชา ใบหน้าหวานเเหงนมองรูปปั้นบุตรเเห่งรุ่งอรุณ

    ............บางทีนี่อาจเป็นบททดสอบของข้าสินะ......

     

    "หึ ฮ่าๆ เอเลนๆ เจ้ามันพยศไม่เลิกจริงๆเลยนะ เจ้าคิดว่าตรีศูลนี่จะทำอะไรเจ้าของมันได้รึ??? "

    ร่างของจอมมารลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนก่อนถอนอาวุธออกจากกายาอย่างเฉยชา สืบเท้าเดินเข้าหาร่างระโหยตรงหน้า

    "เหนื่อยไหมเด็กดีของข้า แทนที่จะพักผ่อนในนรกกับข้า ให้ข้าได้โอบอุ้มปกครองเจ้าโดยดี เจ้ากลับดื้อดึงนัก งั้นหากในทางกลับกันข้าขอถามเจ้าบ้าง เหตุใดเจ้าถึงภักดีต่อพระเจ้าของเจ้านักเอเลน ทำไมไม่เปนข้าบ้างหล่ะ....ที่เจ้าจะเคียงข้าง"

    มือหน้าเชยคางมนดวงตาคมจ้องมองลึกในนัยน์ตาสีทองเบื้องหน้า "เป็นข้าไม่ได้หรือ???" น้ำเสียงที่เจื่อกระแสเว้าวอนดวงตาที่ทอดมองอย่างมั่นคงสะท้อนความรู้สึกโหยหาเบื้องลึกออกมา ในดวงเนตรคมไม่สะท้อนสิ่งใดนอกจากดวงตาสีทองเจิดจ้าแสนงดงามของร่างบางตรงหน้า

     

    เทวาหนุ่มชะงักงันไปชั่วครู่ ความรู้สึกคุ้ยเคยที่น่าถวิลหา....... นัยน์ตาสีทองอร่ามผลุบลงต่ำต่อนัยน์ตาสีโลหิตที่สะท้อนภาพของตน
    "ท่านยังไม่ตอบคำถามของข้าเลย เเล้วเหตุใดข้าต้องตอบท่านกัน?"

    ใบหน้าหวานค่อยๆเงยสบกับใบหน้าเฉยชาอีกครั้ง
    "งั้นข้าขอถามท่านอีกครั้ง ทำไมถึงทิ้งพระเจ้า ไม่สิ.....ทำไม่ท่านถึงทิ้งข้าไปกันล่ะ?"

     

    "ในที่สุดเจ้าก็พูดคำนี้ออกมาเอเลน ถูกที่ข้าหันหลังให้กับพระเจ้าแต่ข้าไม่เคยทอดทิ้งเจ้าเอเลน ข้าเคยคิดว่าข้าทำถูกแล้วที่ปล่อยเจ้าไป เพื่อรักษาเด็กน้อยที่แสนบริสุทธิ์ของข้าไว้ เพราะความรักเปนสิ่งต้องห้าม เพราะความรักหมายรวมถึงกิเลส และข้าไม่อาจดึงเจ้าลงสู่ที่ต่ำได้ ข้าจึงจากมา แต่ข้าไม่เคยตัดใจหรือทำใจให้ห่างเจ้าได้เลย ชั่วกัปชั่วกัลป์ในขุมนรกของข้าๆเฝ้าถวิลหาถึงแต่เจ้า จนวันนี้มาถึงวันที่เจ้าลงมาหาข้า และข้าตัดสินใจแล้วว่าพอกันทีกับความทรมานที่ข้าต้องทุกข์ทน ความรักสำหรับข้าไม่ใช่สิ่งผิด และข้าก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะต้องพาเจ้ามาอยู่ร่วมกับข้าให้ได้แม้ข้าจะต้องเด็ดปีกเจ้าก็ตามเอเลน"

    ดวงเนตรแดงเพลิงทอประกายกล้าอย่างมุ่งมั่นในการตัดสินใจจ้องมองตรงไปยังนัยน์ตาสีทองงดงามเบื้องหน้า...

    นัยน์ตาสีอร่ามเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ความรู้สึกบางอย่างสั่นไหวรุนเเรง ทั้งอบอุ่น เเละรุ่มร้อน ราวเปลวเพลิงที่สุมอยู่ในอก ความรู้สึกที่ราวกับถูกโอบอุ้มนี่คือสิ่งใด..... เเม้เเต่ความรักต่อพระองค์ยังมิอาจเทียบเทียม

    ทั้งอบอุ่นเเละสั่นไหวราวกับจิตใจจะเเตกออกเป็นเสี่ยงๆ


    "นั่นคือเหตุผลที่เเท้จริงของท่านงั้นหรือ?" ไร้ซึ่งสุรเสียงตอบ เเต่นัยน์ตาสีโลหิตที่จ้องมองมาอย่างเเน่วเเน่มั่นคงกลับตอกย้ำได้เป็นอย่างดี

     

    ใบหน้าหวานยกยิ้มบางอย่างเย้ายวน เเขนเรียวโอบกอดรอบลำคอร่างเเกร่งเบื้องหน้าอย่างไม่รู้สึกรังเกียจ
    "ท่านรีไว บอกข้าทีสิ ท่านล่อลวงหญิงเเห่งสวนเอเดนนั้นอย่างไร?  รสชาติของผลไม้ต้องห้ามนั้นน่าลิ้มลองเพียงใด?"

     

    “ล่อลวงเยี่ยงใดข้าไม่อาจจำได้ ผลไม้ที่นางกัดกอนรสชาติเช่นใดข้ามิใคร่สำนึกถึง หากขาดเจ้าทุกสิ่งไร้แก่นสารสำคัญ ผ่านมาล้วนผ่านไปไร้ค่าจดจำ เพียงเจ้าคือความหมาย คือทุกสิ่งคือคำตอบทุกอย่างสำหรับข้า ไม่ว่าจะตอนนี่หรือชั่วนิรันดร ตอบข้าได้ไหมเด็กน้อยของข้า เจ้ายังฝักใฝ่ภักดีอยู่ต่อองค์เทวาของเจ้าหรือไม่ หากเปนไปได้ข้าใช่เพียงอยากครอบครองกายเจ้าแต่หมายรวมไปถึงดวงจิตของเจ้าด้วย"

    มือหนากอบกุมมือบางวางไว้ที่ตำแหน่งหัวใจที่เต้นรัวกระหน่ำจนรู้สึกได้ สายตาคมมองสบเว้าวอนเนตรงามมิวางวาย

     

     เสียงของหัวใจที่ไม่คาดคิดว่าบุรุษเบื้องหน้ายังคงมีดังสะท้อนเข้าสู่โสตประสาท นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงต่ำอย่างใช้ความคิดกับคำถามของมารร้ายเบื้องหน้า
    "งั้นหรือ"


    ..........นี่คงเป็นบททดสอบของข้าเช่นเดียวกับหญิงผู้นั้นสินะ.....

    ใบหน้าหวานเงยมองใบหน้าคมเบื้องหน้า ริมฝีปากนุ่มเคลื่อนทับริมฝีปากคม ลิ้นบางโลมเลียกลีบปากหยักก่อนจะสอดลิ้นอุ่นของตนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นร้อนสองเเฉก เสียงเเลกเปลี่ยนความหวานดังก้องไปทั่ววิหารก่อนริมฝีปากนุ่มค่อยๆผละออก คมฟันขาวขบลงบนกลีบปากของมารร้ายเบื้องหน้าก่อนจะโลมเลียเลือดที่หลั่งรินออกมา
    "ข้ารู้เเล้วล่ะว่า รสชาติของผลไม้ต้องห้ามนั้นเป็นอย่างไร..."

     

    "เจ้ากล่าวผิดแล้วเด็กน้อย ผลไม้นั้นมีไว้เพื่อล่อลวงหญิงแห่งสวนเอเดน แต่สำหรับเจ้ามันคือทั้งหมดทั้งมวลของข้า"
    .
    .
    .
    .
    .

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    .
    .
    .
    .

     

    สองแขนโอบรอบลำคอไหล่หนา นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองนัยน์ตาสีโลหิตฉ่ำหวาน มือบางค่อยๆลูบไล้ปีกสีดำที่แผ่ขยายโอบรอบร่างของตนไว้


    "ปีกของท่านช่างยิ่งใหญ่และงดงามนัก ความรู้สึกของท่านข้ารู้สึกได้ ความปรารถนา ความเร่าร้อนของท่านที่ส่งมาทำให้ข้าแทบคลั่ง ท่านรีไว"


    ใบหน้าหวานยกยิ้มบางให้กับซาตานหนุ่ม มือบางยังคงลูบไล้ปีกสีทมิฬแผ่วเบา


    "ท่านรีไว" เอเลนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว "ปีกที่น่าเกรงขามของท่าน ข้าขอละกัน!!"

    ทันทีที่เอ่ยจบแสงสว่างดุจคมมีดตัดปีกขนาดมหึมาของมารร้ายฉับพลัน ก่อนที่ขาเพรียวจะถีบร่างแกร่งเบื้องหน้าออกไป แล้วคว้ากางเขนที่ยื่นมาตวัดตัวขึ้นไปนั่งไขว้ขามองร่างของซาตานหนุ่มปีกสีทมิฬที่เหลืออีกข้างร่วงหล่นลงสู่พื้นวิหาร 

     

    เอเลนลูบปีกที่ตัดออกมาอย่างชื่นชม แสงสว่างค่อยๆแผ่ขยายเบื้องหน้าเทวทูตหนุ่ม พลันปีกสีดำที่อยู่ในมือบางหายไปติดอยู่ที่แผ่นหลังของเทวาหนุ่มน้อย ก่อนที่ปีกสีขาวพิสุทธิ์อีกข้างที่เหลือจะกางออกมา

    ปีกสีขาวและดำห่อหุ้มร่างโปร่งบาง แสงสีขาวฉายสว่างวาบรอบตัวเทวาหนุ่ม รอยแผลกรีด และบาดแผลจากการสมสู่กับพญามารพลันค่อยๆจางหาย อาภรณ์ใหม่สีพิสุทธิ์ปรากฏขึ้นคลุมร่างบอบบางของเทวาอีกครั้ง


    "แบบนี้ก็ไม่เลว ท่านว่าไหม?" เอเลนยิ้มหวานให้กับร่างซาตานหนุ่มเบื้องล่างที่เขาไม่อาจรู้ได้ว่ามารร้ายนั้นกำลังมีสีหน้าเช่นไร


    "ในเมื่อท่านทำลายปีกของข้า ข้าก็จะขอปีกของท่านตอบแทน การเชื้อเชิญให้ไปอยู่กับท่านช่างน่าสนใจ แต่ข้าคงต้องขอเวลาไปไตร่ตรองดูเสียก่อน"

     

    เทวาหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืน ปีกสองสีกางออกเตรียมพร้อมโผบิน นัยน์ตาสีอำพันเหลือบมองลงต่ำเบื้องล่าง


    "ท่านรีไว แบบนี้ก็เหมือนข้าได้อยู่กับท่านจริงไหม?"

     

    สองปีกสีดำและขาวกระพือนำร่างเทวาหนุ่มน้อยออกจากวิหาร โดยไม่หันกลับไปมองสิ่งที่เหลืออยู่

     

    ยามร่างของเทวาหนุ่มน้อยที่ไปทำหน้าที่กลับมายังสรวงสวรรค์ เพื่อนสนิทผมสีราตรีรีบตรงดิ่งเข้ามาหาร่างบาง นัยน์ตาสีรัตติกาลเบิกกว้างอย่างตกตะลึงกับปีกที่แปลกไปของเพื่อนคนสำคัญของตน


    "เอเลน ปีกนั้นหรือว่า..... เพราะมารร้ายเตี้ยนั้นสินะ ข้าจะไปจัดการมันเอง!!" เด็กหนุ่มรีบคว้าไหล่ของเพื่อนของตนที่อารมณ์เดือดดาลยามเห็นสิ่งผิดปกติของเทวาหนุ่ม
    "ไม่ต้องห่วงมิคาสะ" ใบหน้าหวานยกยิ้มบางให้กับเทวทูตสาวเบื้องหน้า


    "อีกไม่นานท่านผู้นั้นจะต้องมาอย่างแน่นอน"

     

    กลับมายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อมาหาข้า.........

     

    ตัวท่านที่ทอดทิ้งข้าไป อย่าคิดว่าคำหวานหูนั่นจะทำให้ข้าจมดิ่งลงสู่อเวจีกับท่านได้อย่างง่ายดาย

    ขอดูหน่อยเถอะ มารร้ายของข้า ท่านพร้อมที่จะครอบครองข้าขนาดไหน............ใฝ่หาในตัวข้าเพียงไร................อยากให้ข้าเป็นของท่านเท่าใดกัน........

    มือบางลูบไล้ปีกสีรัตติกาลที่เด็ดมาจากเจ้าของ ก่อนก้มลงจุมพิตอย่างรักใคร่

    สีขาวย่อมเคียงคู่กับสีดำ แสงสว่างย่อมมาคู่กับราตรี ที่สว่างย่อมมีความมืด ที่มืดย่อมต้องการแสงสว่าง เช่นเดียวกับข้าและท่าน 

    ข้าจะรอคอยวันที่ท่านสามารถย้อมปีกทั้งหมดของข้าเป็นสีทมิฬได้...........ท่านคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังอีกใช่ไหมมารร้ายที่รักของข้า.....

     

    ขนปีกสีขาวร่วงหล่นมายามเมื่อเจ้าของๆมันจากไป รีไวคว้าไว้กำแน่น ตาคมหลับลงก่อนเปิดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีแดงลุกโชติก้มลงมองขนสีขาวพิสุทธิ์ที่ค่อยๆถูกย้อมเป็นสีรัตติกาลเส้นต่อเส้นเรียงกันดั่งน้ำหมึกซึบซาบไปจนทั่ว

    กรงเล็บคมหยิบขนปีกขึ้นมาลูบไล้แนบไล้ใบหน้าอย่างรักใคร่ ปลายลิ้นสองแฉกไล้เลีย ก่อนชำเลืองมองไปที่ซากรูปปั้นการ์กอยล์ของวิหารมุมปากบางเฉียบแสยะยิ้มก่อนพูดช้าๆ

    "ออกมาเถอะเอลวินข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี้ เจ้าไม่น่าพาพวกตัวเบี้ยต่ำๆมาคุ้มกันเจ้าเลยนะ ยิ่งเยอะข้ายิ่งสัมผัสถึงพวกเจ้าได้ง่าย...โฮ่!!! ให้ความเงียบเป็นคำตอบสินะ คงต้องบังคับเสียหน่อย" สิ้นคำพูดร่างเทวาเคราะห์ร้ายก็เหมือนถูกฉีกกระจุยเศษซากกระจายไปไกล...

    "พอทีรีไว!!! ข้ามาแล้ว เจ้าไม่ควรทำแบบนี้...ช่างโหดร้ายนัก" ปรากฏเทวาร่างสูงผมบลอนด์ทองเป็นประกาย นัยน์ตาสีฟ้าจัดจ้องมองไปที่ซากเทวาเคราะห์ร้ายด้วยสายตาเฉยชา

     

    ร่างแกร่งเพียงหยัดกายขึ้นพิงแท่นบูชากอดอกด้วยท่าทีผ่อนคลายกล่าวคุยกับมิตรเก่า

    "อืมม์...งั้นก็ถือเสียว่าเป็นค่าทดแทนกับการทีเจ้าแอบดูผู้อื่นร่วมประเวณีกันดีหรือไม่?? เห็นไปถึงไหนแล้วสหายข้า?? คงเจ็บปวดน่าดูที่เด็กน้อยที่พระเจ้าฝากฝังไว้กับเจ้า หวังให้เจ้าเฝ้าดูสอนสั่งฝังเรื่องโง่ๆเข้าหัวกลับเลือกที่จะโผบินด้วยปีกตนเอง โผบินมาสู่เส้นทางแห่งข้า.."

    นัยน์ตาสีฟ้จดลุกโชนกล่าวแทรกเสียงเย้ยหยั้น

    "จงอย่าทะนงตนนักปีศาจ เอเลนเลือกที่จะผละจากเจ้าไป หาได้อยู่เคียงข้างเจ้าไม่ ผลเช่นนี้ข้าไม่ถือว่าเจ้าชนะดอก แทนที่จะถือดีเยี่ยงนี้เจ้าควรคร่ำครวญเสียดีกว่า เสียทั้งเอเลนทั้งปีกนั้น ความเสี่ยงของเจ้าทั้งไร้ค่านัก เดิมพันสูงยมสูญเสียมากเป็นธรรมดา"

    สิ้นคำกล่าวของเอลวินจอมมารเพียงยิ้มเย็น ดวงตาคมหลับลง ค่อมตัวลงเล็กน้อยก่อนเกร็งตัวขึ้น

     

    ไหล่กว้างเผยออกจนตึง เพียงครู่ปรากฏปีกทมิฬกางออกกว้างทั้งสองกว้างยาวสุดผนังวิหาร โบกครั้งเดียวก็พาผู้เป็นเจ้าของขึ้นสูง ร่างแกร่งอ้าแขนออกกล่าวเสียงสะท้อนก้องไปทั่วจนซากวิหารสั่นสะเทือน

     

     "จงดูเสียเหล่าสมุนแห่งพระเจ้า อาจคิดว่าข้าพ่ายแพ้ แต่กิเลสที่มากล้นของมนุษย์เป็นอาหารอันโอชะของข้าเสมอ แม้เพียงความีดชั่วร้ายของพวกมนุษย์ก็เป็นขุมพลังให้แก่ข้าได้มหาศาล ข้าฟื้นตัวและแข็งแกร่งยิ่งกว่าพระเจ้าของเจ้า"

    แค่แรงลมจากปีกยักษ์โบกปัดครั้งเดียวไปเบื้องหลัง รูปปั้นพระผู้เป็นเจ้าก็พังทลาย

    " ช่างเวทนาความไม่รู้ของเจ้านักเอลวิน หากข้าปราถนาสิ่งใดพระเจ้าก็ไม่อาจขวางข้าได้ ที่ข้าเดิมพันความขนาดนี้ทั้งหมดเพื่อเอเลน ไม่ว่าต้องเสี่ยงแค่ไหนสูญเสียสิ่งใดข้าพร้อม ยิ่งได้เห็นการกระทำของเอเลนในวันนี้ มันช่างคุ้มค่ากับที่ข้ารอคอย และข้าจะสัญญาต่อหน้าเจ้าไม่ว่ายากเย็นเพียงใดข้าต้องนำเอเลนมาเคียงคู่ร่วมทางกับข้าให้ได้..." 

    “เจ้าเอาความมั่นใจผิดๆนี้มาจากไหนกันรีไว หากไม่สำเร็จเล่า หากเอเลนปฏิเสธเจ้า เจ้าอย่าเหลิงนักเลย"

     

    เมื่อเทวาร่างสูงเอ่ยเช่นนี้รีไวจึงลงมาสู่พื้นวิหาร ก้าวย่างไปหาเอลวินให้มากขึ้นเอ่ยเสียงเบา

     

    "ฮึๆๆ ไม่หรอกเจ้าโง่ มันไม่เป็นเช่นนั้นแน่ ถึงเอเลน เอ๊ะ!! รึจะพูดให้ถูกว่ามารดาของบุตรแห่งข้าจะปฏิเสธข้า แต่เชื่อเถอะเชื้อพันธุ์แท้ๆของข้า บุตรแห่งจอมซาตานจะไม่มีวันปฏิเสธบิดาของตนแน่นอน"

     

    Final.

    .......................................................................................................................................
    Talk: มันคือฟิคสดค่ะซึ่งตอนจบดูเหมือนจะโดนนักอ่านรุมยังไงชอบกลฮาๆๆๆ
    ถ้าอยากให้มีภาค 2 ก็ช่วยกันคอมเมนต์นะคะ อิชุ้นจะไปลากคุณ 
    (S.MinJiTo) มาช่วยกันมโนต่อค่ะ >w<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×