ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[AU]. Attack on titan(LevixEren): ล่ารักอันตราย

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6: Indoctrination

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 57


    Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย

    Chapter 6: Indoctrination

     

              เม็ดเหงื่อผุดพรายแม้จะอยู่ในห้องที่แอร์เย็นฉ่ำ ไหล่และคอที่ตั้งตรงจนขึ้นเกร็ง สายตาที่จับจ้องไปยังข้างหน้าอย่างหวาดหวั่น ถึงกระนั่น….

    “เชิดหน้าสูงขึ้นอีก” เสียงสั่งของฮันซี่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางที่อยู่ตรงหน้ายังทำได้ไม่ถูกต้องดีนัก

    “คุณฮันซี่ถ้าผมเชิดหน้าสูงขนาดนั้นผมก็มองไม่เห็นคุณรีไวสิครับ” ใบหน้ามนมองค้อนกลับไปให้กับหญิงสาวที่วันนี้ควบตำแหน่งอาจารย์สอนบุคลิกภาพ อีกอย่างคนที่บังคับให้ไปด้วยก็ใช่ว่าจะสูงเสียเมื่อไรกัน

    “มันก็จริงนะ” หญิงสาวมองร่างโปร่งอย่างครุ่นคิดตาม “แต่ถึงจะอย่างนั้นเพื่อความสง่างามนายก็ต้องเชิดหน้าขึ้นต่อไปแหละเอเลน” มือเรียวจับคางเด็กหนุ่มให้เชิดตั้งขึ้น ก่อนจะเพิ่มหนังสือเล่มหนาเล่มที่ 3 ไว้บนหัวของเด็กหนุ่ม แล้วสั่งให้เดินตามเส้นตรงที่ขีดไว้บนพื้น

    ตั้งแต่โดนบังคับให้ต้องไปเป็นคู่ในงานเปิดตัวหลังจากวันนั้นตัวเขาก็โดนจับเข้าคอร์สหฤโหดทุกวันหลังจากกลับมาจากทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกบุคลิกภาพ ท่าเดิน ท่านั่ง แม้แต่ขั้นตอนมารยาทบนโต๊ะอาหาร ไหนเขาจะต้องฝึกเต้นรำ ใบบทของฝ่ายหญิงทั้งที่ส่วนสูงกับคนที่เขาคู่ด้วยเขาควรจะไปอยู่ในตำแหน่งฝ่ายชายมากกว่า แต่ก็ได้แค่คิดเพราะถ้าเผลอพูดออกไปจากการฝึกเต้นรำจะกลายเป็นกระสอบทรายแทนก็ได้ นี้ยังไม่รวมถึงว่าบางวันเขาต้องโดนหญิงสาวลากไปขัดผิว ทำสปา เหมือนอย่างที่พวกผู้หญิงชอบไปทำกัน ถึงมันจะรู้สึกดีและสบายก็เถอะแต่ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย เวลาโดนลากไปที่แบบนั้นมันก็ใช่ว่าจะดีหรอกนะ

    ถึงจะอย่างนั้นก็ยังคงมีข้อดีอยู่บ้างเพราะตลอดหลายวันนับตั้งแต่เริ่มการที่ตัวเขาจะต้องเข้าคอร์สต่างๆกับคุณฮันซี่และด้วยเวลาที่เร่งรัดเลยทำให้เขารอดพ้นจากการถูกลวนลามของคนอายุมากกว่าที่ชอบบังคับได้ อย่างน้อยก็รอดไปจนกว่าจะถึงวันงานนั้นล่ะนะ

    “เอาล่ะทำได้ดีมากเอเลน” ฮันซี่ปรบมือชื่นชมเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเริ่มทำได้ตามที่คาดหวัง “วันนี้พอแค่นี้ ส่วนพรุ่งนี้ฉันจะรีบไปรับเธอมาลองชุดนะ”

    “เออคุณฮันซี่ครับชุดนี้คงไม่ใช่ว่าต้องเป็นชุดผู้หญิงหรอกนะครับ?” เอ่ยถามออกไปทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แก่ไจ ถึงอย่างนั้นก็หวังว่าเหล่าคนชอบแกล้งเหล่านี้จะเปลี่ยนใจบ้าง เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชายนะ ไม่มีทั้งหน้าอกและสะโพกจะให้ใส่ชุดผู้หญิงคงพิลึกน่าดู

    “เอาน่าฉันจะเลือกชุดน่ารักๆมาให้นายลองเลยละกันนะ” หญิงสาวพูดพร้อมตบลงกลางหลังของเอเลน จนเด็กหนุ่มหน้าแทบคว่ำลงไปกับพื้น

    อย่างน้อยเขาก็เป็นคนเลือกชุดเอง ถ้าเลือกชุดดีๆคงพอที่จะทำให้ไม่อนาถตาจนเกินไปได้ล่ะมั่ง? ตัวเขาที่ไม่ได้อยากไปงานนี้เลยสักนิดแต่ถึงจะพยายามค้านขนาดไหนคนโหดและเอาแต่ใจตัวเองแบบนั้นคงไม่ยอมฟังเขาอย่างแน่นอน จึงได้แต่ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไปอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าผลออกมาแล้วมันอุบาถเกินกว่าจะรับไหวจะมาโทษเขาก็ไม่ได้หรอกนะ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “นี่เอเลนนายดูแปลกๆไปนะ”

    สปาเก็ตตี้ที่กำลังกลืนลงไปแทบจะพันคอเมื่ออีกคนพูดทักขึ้นมา

    “แค่กๆ ยังไงเหรอมิคาสะ?” เขาเผลอมีพิรุธอะไรอย่างนั้นเหรอ หรือความจะแตกแล้วเรื่องที่เขาโดนมาเฟียบังคับขู่เข็น!! แล้วแบบนี้ร้านคุณฮันเนสจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย!!! ใบหน้ามนมองหญิงสาวด้วยใจที่ลุ้นระทึก

    มือบางของมิคาสะเลื่อนมาจับแก้มทั้งสองของเด็กหนุ่ม นัยน์ตาสีราตรีมองอย่างพินิจแล้วต้องขมวดคิ้วมุ่น

    “นายแอบไปทำอะไรมา ทำไมผิวถึงได้ลื่นเนียนแบบนี้?” อ….เอ๋?

    “แล้วทำไมกิริยาท่าทางนายมันถึงดูเรียบร้อยนักล่ะ?” เออ….. จะแก้ตัวยังไงดีล่ะ!

    “เออ คือแบบว่า ชช่วงนี้ฉันรับงานพิเศษจากเพื่อนน่ะ เป็นงานถ่ายรูปให้พวกไฮโซ แล้วต้องออกไปปาร์ตี้บ่อยๆเขาเลยให้ฝึกมารยาทไว้เลยติดน่ะ แฮะๆ” พยายามยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนโดยหวังว่าคนตรงหน้าจะไม่ผิดสังเกตุนะ

    “งั้นเหรอ แล้วไปถ่ายรูปนี่นายต้องดูแลตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ?” ถามพลางมือยังคงลูบไล้ไปตามแก้มและแขนเนียนที่ดูผุดผ่องขึ้นผิดหูผิดตา

    “อ๋อ คือแบบว่า เขาบอกว่าในเมื่อต้องทำงานกับพวกชั้นสูงก็ควรดูแลตัวเองให้ดูดีไม่ให้โดนเขาดูถูกได้เอาน่ะ” จะบอกไปได้ยังไงว่าโดนลากไปทำสปาแทบทุกวันแถมยังเป็นร้านหรูที่มีแต่พวกดาราชั้นแนวหน้าไปทำทั้งนั้น ด้วยราคาที่เห็นแล้วทำเอาเด็กปอนๆอย่างเขาแทบลมจับ แต่ผลจากการทำคงดีจริงเพราะไม่อย่างนั้นเวลาเพียงไม่กี่วันคงไม่ทำให้เขาเปลี่ยนจนมิคาสะทักได้หรอกนะ

    “อย่างนั้นเหรอ” นัยน์ตาสีราตรียังคงจ้องใบหน้ามนไม่วางตา ถึงจะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะโกหกแต่มันก็แปลกๆอยู่ดี “นายไม่ได้ปิดบังอะไรฉันใช่ไหม เอเลน?”

    เด็กหนุ่มค่อยๆสูดลมหายใจเข้าแล้วถอนออก นัยน์ตาสีมรกตมองกลับไปที่หญิงสาวพร้อมยิ้มสดใส“มิคาสะฉันไม่มีอะไรปิดบังเธอหรอก ไม่ต้องห่วง”

    ดูเหมือนการแสดงของเขาจะได้ผล เมื่อนัยน์ตาสีราตรีที่มองมาดูอ่อนลงเหมือนไม่ติดใจอะไรอีก แต่คำถามต่อมายิ่งทำให้เขาต้องสะดุ้งจนสุดตัว

    “ศุกร์นี้ฉันไปหานายที่ห้องนะ ถึงแจนจะบอกว่านายเก็บห้องได้เรียบร้อยดีจนน่าตกใจแต่ฉันก็อยากไปดูให้เห็นกับตาตัวเองมากกว่า”

    นั่นไง!! คราวนี้จะบอกว่ายังไงดี? ห้องของเขาโดนย้ายไปแล้วโดยที่เขายังไม่ทันได้อนุญาตด้วยซ้ำ ถ้าคนตรงหน้ารู้เข้าคงต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ยิ่งถ้ารู้ว่าตอนนี้เขาไปอยู่กับใครด้วยแล้วไม่อยากจะคิดเลยว่าจะโดนซักถามยังไงบ้าง!

    “มไม่ต้องหรอก คือช่วงนี้ฉันยุ่งๆไม่ค่อยอยู่ห้องด้วย คือค้างนอกสถานที่บ่อยๆน่ะเธอไปก็คงไม่เจอ"

    “แล้วนายจะอยู่ห้องเมื่อไรล่ะ?”

    “อ่า ยังไม่รู้เลยล่ะคงอีกพักใหญ่ๆ”

    มิคาสะจ้องมองอีกคนพลางขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง

    “ฉันว่านี้มันแปลก” เพราะปกติเด็กหนุ่มจะอยู่บ้านแทบตลอดเพราะต้องการประหยัดเงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวัน การที่ออกไปนอกสถานที่จนแทบไม่กลับบ้านถึงจะบอกว่าเป็นงานแต่ก็ไม่ใช่นิสัยปกติของเจ้าที่ค่อนข้างจะติดห้องของตนเอง

    “เธอคิดมากไปแล้วมิคาสะ” ระหว่างที่พยายามหลบเลี่ยงจากรังสีกดดันของหญิงสาว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เอเลนยกมือขึ้นขอโทษหญิงสาวก่อนกดรับเบอร์โทรที่ไม่คุ้นตา

    สวัสดีครับ

    นายอยู่ที่ไหน ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมา เสียงจากปลายสายทำให้นัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้าง

    ….คุณ!!’ มือบางรีบยกขึ้นปิดปากแล้วกระซิบแทนเพราะเกรงว่าคนที่อยู่ด้วยกันจะได้ยิน

    ว่าไงตกลงนายมัวทำอะไรอยู่ไอหนู เสียงถามที่เร่งเร้ายิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกคิ้วกระตุก

    ผมมาทานข้าวครับและกำลังจะกลับ ว่าแต่คุณมีเบอร์ผมได้ยังไง? จำได้ว่าเขาไม่เคยให้เบอร์ชายหนุ่มไป

    ก่ะแค่เบอร์ของนาย แค่5นาที ฉันก็ได้มาแล้ว นายรีบกลับมาซะไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งสอนนายเรื่องที่ไม่ยอมแจ้งล่วงหน้ายังไม่ทันจะได้เถียงกลับไปคนชอบบังคับก็วางสายทันที พอเขาพยายามโทรกลับไปก็เป็นการกดตัดสายทิ้ง แบบนี้เท่ากับว่าเป็นการบังคับให้เขารีบกลับไปโดยไม่ยอมฟังข้อต่อรองใดใดเลยอย่างนั้นสิ

    คนคนนี้ทำไมช่างเอาแต่ใจแบบนี้นะ ถึงจะขุ่นเคืองแต่ก็ไม่สามารถต่อกรด้วยได้จึงมีแต่ต้องรีบกล่าวลาและขอโทษหญิงสาวที่มาด้วยกันก่อนจะออกจากร้านกลับไปที่คอนโดที่ตอนนี้เปรียบเสมือนสถานที่ทำงานแบบกินนอนของเขา ตัวเขาไม่ได้อยากเรียกที่นั่นว่าบ้านหรอกนะ ก็ในเมื่อทุกอย่างเขาล้วนไม่ได้เต็มใจทั้งสิ้น

    เมื่อกลับมาถึงก็เจอคนที่น่าหงุดหงิดยืนกอดอกรออยู่หน้าประตูเลยทีเดียว

    “นายจะไปไหนทำไมไม่แจ้ง?” เสียงดุด้วยความไม่พอใจเอ่ยถาม

    เอเลนเหลือบมองคนตรงหน้าพลางถอนหายใจ ทีเขาโดนย้ายที่อยู่มายังไม่ได้รับการบอกล่วงหน้าเลย แล้วนี้เขาแค่ไปกินข้าวกับเพื่อนทำไมจะต้องรายงานคนตรงนี้ด้วยกัน

    “ก็คุณไม่ได้บอกให้ผมต้องแจ้งคุณนี่ครับ”

    ตึง!

    มือแกร่งจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มแล้วดันกระแทกหลังของร่างโปร่งติดกับกำแพง นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบมองอีกคนอย่างไม่สบอารมณ์

    “งั้นฉันจะสั่งนาย ต่อไปจะทำอะไรหรือไปที่ไหนต้องแจ้งฉันทุกครั้ง”

    เอเลนมองคนอายุมากกว่าพลางถอนหายใจ ทำไมถึงได้เป็นคนขี้โมโหนักนะ

    “ครับๆ ถ้าคุณต้องการแบบนั้นผมก็จะทำให้”

    เมื่อมือหยาบปล่อยออกจากคอเสื้อ เอเลนจึงจัดปกเสื้อของตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะเดินตามหลังอีกคนไป

    “เออ แล้ววันนี้คุณรีไวไม่ออกไปทำงานเหรอครับ?” ดูจากเวลาที่วันนี้เขากลับมาปกติชายหนุ่มจะต้องเตรียมตัวออกไปทำงานช่วงดึกแล้วแต่วันนี้เจ้าตัวยังคงอยู่ในเสื้อยืดคอกว้างสีดำและกางเกงยีนส์อยู่บ้าน ไม่ใช่ชุดสูทเตรียมเข้างาน

    “ฉันจัดการงานเรียบร้อยแล้ว” มือหนาเอื้อมมือเปิดประตูห้องที่ตลอดหลายวันมานี้เป็นห้องเรียนของเด็กหนุ่ม “แล้ววันนี้ก็ดูเหมือนจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่นี้”

    นัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเพราะห้องทั้งห้องตอนนี้เต็มไปด้วยราวเสื้อผ้ามากมายรวมทั้งเครื่องแต่งตัวต่างๆที่อัดแน่นราวกับอยู่ในร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง อีกทั้งมุมห้องยังถูกเตรียมให้เป็นห้องลองชุดเรียบร้อย

    “อ้าวมาแล้วเหรอเอเลน นี่ฉันคัดมาให้นายเลือกเลยนะ” ฮันซี่หยิบชุดจากราวมาตัวหนึ่งทาบกับร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มตรงหน้า

    “เออคุณฮันซี่อย่าบอกนะครับว่าผมต้องลองทั้งหมด?” ใบหน้ามนเริ่มเหงื่อตก นี่ขนาดที่หญิงสาวบอกว่าได้คัดเลือกมาแล้วแต่จากจำนวนที่เขาเห็นคงไม่ต่ำกว่า 50 ชุดแน่นอน

    “ถ้าเธออยากลองทั้งหมดก็ได้นะ แต่คงใช้เวลานานฉันว่าเลือกเอาที่เธอชอบเลยละกันฉันจะช่วยดูให้อย่างชุดนี้เป็นไง?” ฮันซี่หยิบชุดกระโปรงยาวสีแดงที่มีระบายช่วงอกมาลองทาบให้เด็กหนุ่ม

    “เออผมว่าสีมันแจ๊ดไปนะครับถ้าไงขอที่สีทึมๆกว่านี้”

    ฮันซี่หันไปมองชุดราตรีบนราวที่มีจำนวนมากก่อนจะเลือกหยิบชุดสีกรมท่าที่ผ่าขาสูงขึ้นมาให้ “งั้นเอางี้เป็นไงโชว์ขาเซ็กซี่ดีนะจ๊ะ”

    “ผมขอที่มันเรียบร้อยกว่านี้ได้ไหมครับ!!” แค่การที่ผู้ชายอย่างเขาต้องมาแต่งหญิงก็น่าอายพอแล้วถ้ายังต้องมาโชว์ขาอีกแบบนี้เห็นทีจะไม่ไหว

    “งั้นเป็นชุดโลลิต้าแบบนี้เป็นไงน่ารักดีนะ” ฮันซี่หยิบชุดกระโปรงฟูฟ่องโยนให้กับเด็กหนุ่ม

    “มันจะไม่รุ่มร่ามไปหน่อยเหรอครับ?” อีกอย่างคนสูงแบบเขาใส่ชุดน่ารักๆแบบนี้คงไม่เหมาะนักหรอกนะ

    “นายนี่เรื่องมากจริงๆ ถ้าไม่ใส่ฉันก็มองไม่เห็นภาพน่ะสิไปลองใส่มาสักชุดให้ฉันดูก่อนละกัน” ฮันซี่คว้าชุดในราวกว่าสิบตัวยื่นให้กับเด็กหนุ่มพร้อมทั้งดันหลังให้เจ้าตัวไปยังห้องลองชุดก่อนที่จะปิดผ้าม่านลงให้

    เอเลนมองชุดในมือแล้วยิ่งต้องขมวดคิ้ว  นี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่? ทำไมต้องทำตามคนเอาแต่ใจแบบนั้นด้วยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของคุณฮันเนสแล้วล่ะก็เขาคงไม่มีทางยอมมาทำอะไรแบบนี้แน่นอน ทั้งที่คิดว่าจะต้องไปให้พ้นจากคนอันตราย แต่ตอนนี้เขากลับถูกคนอันตรายคนนั้นสั่งให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ แค่คิดก็อยากจะชกหมอนั่นดูสักทีเหมือนกัน แต่….เราอาจต้องเข้าไปหยอดน้ำข้าวต้มแทน

    “เฮ้ยเอเลนนายจะลองชุดไปถึงเมื่อไร?” เสียงม่านเปิดออกพร้อมการบุกรุกของคนที่เขากำลังนึกบ่นอยู่ในใจ

    “แว๊ก!! คุณเข้ามาทำอะไรในนี้ครับ!?” สองมือกอดอกด้วยสัญชาตญาณ ตอนนี้สภาพของเขาที่กำลังลองชุดอยู่นั้นได้ถอดท่อนบนออกแล้วกำลังสวมชุดราตรีลากยาวสีน้ำเงินที่โดนจับยัดใส่มาให้ แถมไอชุดบ้านี้เป็นซิปหลังที่เขาไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ตอนนี้เท่ากับว่าแผ่นหลังของเขากำลังเปลือยต่อหน้าคนบุกรุก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่สนใจที่จะให้เห็นแผ่นหลังของตนเองเพราะยังไงก็เป็นผู้ชาย แต่กับคนที่ชอบลวนลามอย่างชายหนุ่มตรงนี้แค่คิดก็นึกหวั่นแล้ว

    “โฮ่ ไม่เลว” มือหยาบลูบไล้เข้าแผ่นหลังเนียนที่อยู่เบื้องหน้า “สมกับเป็นสปาราคาแพงผลงานไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ”

    “ผมบอกก่อนนะครับว่าผมไม่คืนเงินให้หรอกนะ” ในเมื่อเขาไม่ได้เต็มใจจะไปทำไอสปาบ้าๆแถมต้องเจ็บตัวกับการโดนถอนขนทั่วทั้งร่างกาย เขาก็ไม่คิดจะจ่ายให้หรอก

    “ไม่ต้องห่วง ถือซะว่าเป็นของขวัญให้นายละกัน” ของขวัญบ้าอะไรของคุณท่านครับ คุณท่านของโดนแว๊กซ์ขนติดต่อกันดูบ้างไหมนี่ขนาดตัวเขาถือได้ว่ามีขนค่อนข้างน้อยหรืออาจจะน้อยกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่โดนแว๊กแล้วกระชากออกมาแค่คิดก็รู้สึกว่าร่างกายจะสั่นเทิ้มกับความเจ็บปวดแล้ว คอยดูนะคราวหลังเขาจะเอาที่แว๊กซ์ขนมาลองใช้กับชายหนุ่มบ้างจะได้รู่ว่าเขาต้องเจอกับความเจ็บปวดขนาดไหนมา

    “เดี๋ยวคุณรีไว  นี่คุณกำลังทำอะไรครับ!!” เอเลนเริ่มโวยขึ้นมาเมื่อมือหยาบของคนอายุมากกว่าเริ่มลูบไล้ไปทั่ว

    “พิสูจน์ คุณภาพของสิ่งที่ฉันเสียเงินไปไง” รีไวยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มือหนายังคงลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่ม ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมาด้านหน้าสัมผัสกับอกแบนราบของเด็กหนุ่ม

     “โฮ่นี่เขาทำให้นายทั่วทั้งตัวเลยสินะ” มือซนของชายหนุ่มลูบไล้กับแผ่นอกเนียน ริมฝีปากคมกดลงบนหลังคอก่อนจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมากระซิบที่ข้างหู “ตอนเขาทำนายรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”

    จะรู้สึกอะไรล่ะครับ นอกจากเจ็บจนชาที่โดนดึงแผ่นแว๊กซ์น่ะ ยิ่งตรงหน้าอกไม่อยากบอกเลยรู้สึกยังกับบางยอดอกจะหลุดตามออกไปด้วยเลย

    “อึก!

     ความจั๊กจี้ที่หลังคอและความรู้สึกวาบหวิวแปลกๆจากสัมผัสของชายหนุ่มทำให้เอเลนหลับตาแน่น ไหล่บางเกร็งพยายามตั้งสมาธิไม่ให้หวั่นไหวไปตามแรงอารมณ์ที่ถูกเล้าโลมเข้ามา

    “คคุณรีไว ไหนว่ายอมตกลงตามที่ผมขอไงครับ” กฏสามข้อที่ชายหนุ่มเสนอให้ ถึงแม้ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์ก็เถอะแต่ไหนๆเขาก็เคยบอกว่าจะลองรับพิจารณา การทักท้วงขึ้นมาก็ถือว่าเรียกร้องสิทธิให้ตัวเองละกัน

    “หืม?” คิ้วบางขมวดมุ่นมองเด็กหนุ่มที่กำลังสั่นเกร็ง “นี่นายไม่เต็มใจงั้นเหรอ” ถามอย่างหยอกล้อด้วยความรู้สึกที่สนุก

    ใบหน้ามนหันค้อนคนด้านหลัง “ไม่-เต็ม-ใจ-ครับ” พูดทีละคำอย่างช้าๆเพื่อเน้นย้ำคนอายุมากกว่า

                รีไวจับหมุนตัวเด็กหนุ่มให้หันหน้าเผชิญกับตนเอง ริมฝีปากคมทาบทับลงบนกลีบปากบางอย่างหนักหน่วง

                ฟึ่บ!

                เสียงซิบที่ถูกรูดขึ้นจนสุดพร้อมการถอนถอนออกไปของริมฝีปากคมที่ทาบทับมาอย่างจาบจ้วง

                “ในเมื่อนายไม่เต็มใจก็แค่นี้ละกัน” คนอายุมากกว่าหันหลังเดินออกไป ปล่อยให้อีกคนมองส่งด้วยสายตาขุ่นเคืองพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ

                นี้ขนาดบอกว่าจะรับพิจารณากฎทั้งสามข้อแล้วนะ ถ้าเกิดไม่มีกฏทั้งสามข้อนั้นป่านนี้ตัวเขาคงได้ผุกร่อนแล้วเป็นแน่ ทำไมตาลุงนี้ถึงชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เรื่อย

                “พวกนายทำอะไรกันน่ะช้าจริง รีไวนายเองก็อย่าเพิ่งมาขัดงานของฉันจะได้ไหม?” ฮันซี่บ่นอย่างไม่พอใจ แทนที่เธอจะได้ช่วยเลือกชุดให้เอเลนอย่างสนุกสนานแต่วันนี้คนที่ต้องไปทำงานกลับหยุดเสียดื้อๆ แล้วไหนยังจะมาทำให้งานของเธอช้าลงไปอีกเพราะเอาแต่แกล้งเด็กหนุ่มอยู่นั่น

                คนโดนบ่นเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในห้อง

                “เฮ้อ เอาเถอะ ไหนเอเลนขอดูหน่อยว่าเป็นไง?” หญิงสาวกลับไปให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มเป้าหมาย

                ร่างโปร่งบางก้าวออกมาอย่างเก้ๆกังๆ ในห้องลองชุดไฟค่อนข้างสลัวเลยไม่ทำให้รู้สึกอายเท่าไร แต่พอต้องออกมาอยู่ในที่สว่างแถมต่อหน้าคนที่เรียกได้ว่าแปลกหน้าทั้งสองยิ่งทำให้อายเข้าไปใหญ่ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าวันงานมีคนรู้จักมาเห็นเข้าเขาจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน

                “อุ๊ยต๊าย! ดูดีกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย” ฮันซี่ยิ้มอย่างปลื้มปิติเมื่อเห็นว่าชุดลากยาวสีน้ำเงินแบบแนบตัวเมื่ออยู่บนร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มนั้นดูดีทีเดียว แต่

                “อืมเหมือนจะขาดอะไรไปสักหน่อยนะ” ฮันซี่เอียงคอมองเด็กหนุ่มตรงหน้า

                “นี่ยัยสี่ตาเอาชุดนี้ให้เอเลน” บอกพลางโยนชุดราตรีสีดำให้อีกคน

                “หืมแต่ชุดนี้มันทั้งผ่าบน ผ่าล่างนะ แถมแนบเนื้อด้วย” ฮันซี่คลี่ชุดที่อยู่ในมือมอง

                “เธอก็จัดการซะสิยัยแว่น ฉันว่าเอเลนน่าจะเข้ากับชุดสีดำมากกว่า” คำสั่งแกมบังคับทำให้ฮันซี่ถอนหายใจ ทั้งที่คิดว่าอยากให้เอเลนลองหลายๆชุดให้เธอดูแต่ในเมื่อชายหนุ่มเลือกแล้วก็คงไม่อาจเปลี่ยนความคิดได้

                “ก็ได้ฉันจะจัดการให้ไหนๆนายก็เป็นคนออกเงินทั้งหมดอยู่แล้วนี่” ฮันซ่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เหลือบมองไปยังเด็กหนุ่มร่างโปร่ง

                เอเลนมองสองคนสลับกันไปมาพร้อมชุดที่อยู่ในมือ ฝบหน้ามนเริ่มซีดค่อยเอ่ยถามไปอย่างกล้าๆกลัว “เออคุณคงไม่คิดจะแปลงเพศผมใช่ไหม?”

              รีไวก้มหน้ากลั้นขำกับคำถามของร่างโปร่ง

                “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮันซี่หัวเราะก๊ากกับความคิดของเด็กหนุ่ม “ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอกนะ แต่ถ้าเธออยากก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

                “ไม่ล่ะครับไม่มีทางแน่นอน” แค่ต้องมาใส่ชุดผู้หญิงก็น่าอดสูพอแล้วอย่าทำให้เขาต้องไม่สามารถกลับไปเจอเพื่อนๆและคุณฮันเนสได้อีกเลย เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก

                “แล้วคุณจะทำยังไง?” เพราะดูยังไงชุดแบบนั้นถ้าเขาใส่ความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้ชายต้องถูกเปิดเผยแน่นอน คุณรีไวนะคุณรีไว แค่จ้างผู้หญิงสักคนมาก็หมดเรื่องแถมง่ายกว่ามาลงทุนกับเขาตั้งเยอะ ไม่เข้าใจความคิดของคนมีเงินแบบนี้เลยจริงๆให้ตายเถอะ!!

                “เรื่องนั้นปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง” ฮันซี่ทุบอกอย่างมาดมั่น

                ถึงจะบอกให้ไว้ใจแล้วเชื่อใจ แต่ตัวผมไม่อยากไว้วางใจพวกคุณสักนิดเลยล่ะครับ….

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

              “เอเลนนายช่วยกลั้นหายใจอีกนิด” ฮันซี่พูดพลางดันหลังเด็กหนุ่มให้ก้มต่ำลง

                “ค….คุณฮันซี่  แต่มันคับมากเลยนะครับ อื้อ!” เด็กหนุ่มหายใจเข้าแล้วกลั้นไว้ตามที่หญิงสาวบอก แต่ความแน่นที่ถาโถมเข้ามาทำให้เขาถึงกับครางออกมา

                “ทนไว้ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับดันร่างโปร่งบางตรงหน้าให้แนบกับกำแพงมากขึ้น

                “ค….คุณฮันซี่ ผมไม่ไหวแล้วนะครับ มันแน่นแล้วก็ร้อนมากเลย” เด็กหนุ่มเริ่มหายใจหอบเมื่อยิ่งถูกดันให้ติดกับกำแพงมากยิ่งขึ้น

                “เอาล่ะใส่ได้แล้วทีนี้ก็เรียบร้อย” มือเรียวกระตุกเชือกให้แน่นแล้วมัดผูกไว้อย่างเรียบร้อย

                “เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงต้องแต่งอะไรที่มันยุ่งยากและอึดอัดแบบนี้” เอเลนมองคอเซ็ทรัดเอวที่หญิงสาวรัดใส่ให้ จากเอวตรงๆตามแบบเด็กหนุ่มทั่วไปตอนนี้เขามีเอวที่คอดกิ่วเฉกเช่นเดียวกับสาวๆร่างโปร่งบางทั้งหลาย นี่ยังไม่รวมถึง….

                “ใส่คอเซ็ทอีกชั้นเพื่อช่วยยึดหน้าอกปลอมน่ะ ถึงจะใช้กาวยึดติดกับผิวหนังคุณภาพเยี่ยมที่ฉันคิดค้นขึ้นเองแล้ว แต่แบบนี้ทำให้นายดูหุ่นเซ็กซ่ไม่เบานะ” ฮันซี่ยกยิ้มอย่างสนุกสนานเมื่อมองผลงานตรงหน้า

                “ว่าแต่เอาที่มันไซส์เล็กกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ?” เอเลนมองหน้าอกปลอม คัพซี ที่กำลังเด้งดึ๋งไปมาบนแผ่นอกตัวเอง จะว่ายังไงดีล่ะทั้งสัมผัสและความเด้งช่างเหมือนจริงจนน่าตกใจเลยทีเดียว

                “ก็นายไม่ยอมเอาคัพ D นี่นา คัพ C ก็โอเคแล้วฉันทำแค่สองไซส์นี่ล่ะกำลังสวยเลย” หญิงสาวมองผลงานหน้าอกปลอมที่ทำขึ้นมาอย่างภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสหรือความดึ๋งดั๋ง เธอการันตีได้เลยว่าไม่มีใครจับได้แน่นอน

                ยิ่งมองสถาพตัวเองในกระจกถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย

                “เอาล่ะเอเลนนายไปใส่ชุดซะ ฉันเตรียมชั้นในมาให้นายด้วยนายก็เปลี่ยนด้วยล่ะผ่าขาสูงขนาดนี้นายใส่บ็อกเซอร์ไม่ได้หรอกนะ” ฮันซี่โยนชั้นในตัวเล็กจิ๋วเว้าขาสูงให้กับเด็กหนุ่ม

                “เออ แบบอื่นไม่ได้เหรอครับ?” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อกับชั้นในสีดำลูกไม้เซ็กซ่ที่อยู่ในมือ นี่จะให้เขาใส่ไอชั้นในตัวจิ๋วนี้จริงๆอ่ะ?

                “แบบนี้ล่ะดีแล้ว นายรีบไปจัดการเปลี่ยนแล้วใส่ชุดซะระหว่างนี้ฉันจะแต่งหน้ารอ อ๊ะแล้วอย่าลืมแต๊บตามที่ฉันสอนด้วยล่ะ” ฮันซี่โบกมือไล่อีกคนไปยังห้องแต่งตัว

                เอเลนมองชุดราตรีสีดำที่ผ่าทั้งด้านหน้าแล้วแหวกขาขึ้นมาซะสูง และไหนจะชั้นในจิ๋วสีดำนี้อีก อีกทั้งไอกรรมวิธีแต๊บแนบเนียนที่หญิงสาวไปรื้อค้นมาสอนเขา ทั้งที่มันลำบากและยุ่งยากขนาดนี้ถ้าคุณรีไวใช้ผู้หญิงจริงๆแต่แรกก็หมดปัญหาแล้วแท้ๆ ร่างโปรงหน้าเปลี่ยนสีกับสภาพของตัวเองที่ไร้ทางเลือกตอนนี้ ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วเป็นไงก็เป็นกัน ยังดีที่ว่างานแบบนี้คงไม่มีคนรู้จักเขาอยู่แล้ว

    .

    .

    .

    แอ๊ด

                เสียงประตูบานใหญ่ของห้องแต่งตัวในเพนท์เฮาส์สุดหรูเปิดออก พร้อมร่างโปร่งของหญิงสาวที่แต่งตัวออกมาอย่างสวยสง่า

                “ขอโทษที่ทำให้รอนานนะจ๊ะรีไว”

                “ช้าชะมัดฮันซี่” ใบหน้าคมขมวดคิ้วมุ่นกับการรอคอยคนทั้งสองแต่งตังนานกว่า3ชั่วโมง จนเหลือเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งในการไปให้ถึงทันงานเปิดตัว

                “เอาน่ายังไงก็ทันอยู่แล้ว มานี้สิเอเลน” ฮันซี่จูงมือคนที่แอบอยู่หลังประตูออกมา แต่เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกมาง่ายๆจนทำให้ชายหนุ่มเจ้าของห้องรำคาญ

                มือแกร่งจึงเข้าไปคว้าข้อมือบางที่อยู่หลังประตูออกมาเอง

    “นายจะชักช้าอะไรอยู่....” นัยน์ตาสีขี้เถ้าตะลึงงันกับภาพของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กลางร่างเป็นเด็กสาวตรงหน้า

    ชุดราตรีแนบเนื้อสีดำผ่าสูงโชว์เรียวขายาวที่คลุมไว้ด้วยถุงน่องไหมสีดำเรียบเนียน ช่วงเนินอกที่ผ่าเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มแน่นกระชับแม้จะเป็นของปลอมก็ตาม ไหล่กลมมนบอบบางเปลือยเปล่าที่เรียบเนียน วิกผมสีน้ำตาลแพรไหมยาวถูกรวบจัดทรงเข้าที่ด้านข้างและประดับด้วยไข่มุกดูสง่างาม ใบหน้ามนหวานที่ถูกแต่งแต้มสีเพียงเล้กน้อยกลับยิ่งขับให้ผิวใสระเรื่อดูนวลมีสุขภาพดีน่าสัมผัส แล้วยิ่งตอนนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ปกติจะรั้นอยู่ตลอดเวลากำลังขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายกับสภาพของตนเอง ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากสัมผัสและหยอกเย้าเล่นนัก

    “เป็นไงล่ะ มองจนเคลิ้มเลยใช่ไหมล่ะ” ฮันซี่ยิ้มหยอกล้อกับท่าทางของชายหนุ่มที่ยืนนิ่งตะลึงอยู่ตรงหน้า อยากให้พวกลูกน้องหมอนี่มาเห็นจริงๆ ทุกคนคงตกใจกับสภาพหัวหน้าของตนเองตอนนี้แน่นอน

    “พูดมากน่ายัยสี่ตา”

    “แหมๆเอาเถอะ ฉันต้องไปเอลวินละ ถ้าไงเจอกันที่งานละกันนะ” ฮันซี่โบกมือลาทั้งสองแล้วก้าวออกจากห้องไป

    เอเลนหน้าก้มมองพื้นไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ทำใจไว้แล้วแต่พอเห็นตัวเองในกระจกก็รู้สึกตกใจกับสภาพของตัวเองที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกเนรมิตให้กลายเป็นแบบนี้ได้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เป็นหญิงสาวที่งามสง่าผิดกับเด็กหนุ่มปอนๆตามปกติลิบลับ

    มือแกร่งยื่นให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า ใบหน้ามนมองมือที่ยื่นมาอย่างสงสัย

    “จะไปกันได้แล้วหรือยัง?” เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยเช่นเดิม

    “เออ เป็นแบบนี้จะดีแล้วเหรอครับผมประหม่าจัง” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อ ถ้าต้องไปเจอกับคนเยอะๆในสภาพนี้ไม่รู้ว่าตัวเขาจะทำตัวได้ถูกไหม

    “ไม่ต้องห่วงนายฝึกซ้อมมาตลอดอาทิตย์แล้ว”

    “ตแต่ว่า”

    มือแกร่งจับคางเด็กหนุ่มให้เงยขึ้นสบกับกับนัยน์ตาของตนเอง

    “มั่นใจซะไอหนู วันนี้นายดูดีมากและฉันเชื่อว่าแกต้องทำได้” แม้จะเป็นการโดนบังคับให้ทำอย่างไม่เต็มใจ แล้วแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่พอคนโหดร้ายชอบบังคับคนนั้นพูดมาแบบนี้ก็อยากที่จะลองเชื่อใจดูสักครั้ง

    มือเรียวยื่นออกไปวางบนมือของชายหนุ่มที่ยื่นมาให้

    “ผมจะลองเชื่อใจคุณดู” ใบหน้ามนส่งยิ้มให้กับอีกคน รอยยิ้มและแววตาที่ดูมั่นใจแฝงไว้ด้วยความดื้อรั้นที่ทำให้เขารู้สึกถูกใจและถูกดึงดูดจากเด็กหนุ่ม

    “ไม่เลว” ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพอใจก่อนค่อยๆโค้งศีรษะลงเล็กน้อย

    “คืนนี้ขอรบกวนคุณผู้หญิงไปร่วมงานกับผมนะครับ”

    เอเลนแอบขำกับท่าทางของคนตรงหน้าที่ต่างไปจากทุกที ชุดสูทสีเทาเข้มที่เข้ากับนัยน์ตาสีขี้เถ้า อีกทั้งผมที่เสยขึ้นข้างหนึ่ง ช่างขับให้ชายหนุ่มดูสุขุมและภูมิฐานผิดกับนิสัยเถื่อนๆที่แฝงอยู่ภายในลิบลับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าดูดีมากที่เดียว

    ใบหน้ามนยิ้มบางเล็กน้อยตามแบบฉบับที่ถูกอบรมสั่งสอนมาตลอดทั้งสัปดาห์

    “ด้วยความยินดีค่ะ”

    การแสดงของค่ำคืนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว………

    .

    .

    .

    .

    งานเปิดตัวโรงแรมของบริษัทเครือใหญ่เป็นที่ให้ความสนใจของนักข่าวและคนดังต่างๆมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปรกฏตัวของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องส่วนตัวอย่างรีไว มีสาวสวยปริศนาที่ควงมาเป็นคู่เปิดงาน เหล่าสื่อมวลชนยิ่งให้ความสนใจโดยเฉพาะกับแม่สาวปริศนาแสนสวยเซ็กซี่ตรงหน้า

    “คุณรีไวขอสัมภาษณ์หน่อยสิครับว่าสาวสวยปริศนาตรงนี้เป็นใคร ปกติคุณจะมากับคุณเพทร่าไม่ใช่เหรอครับ?” นักข่าวรายหนึ่งที่กำลังรายล้อมขอสัมภาษณ์เอ่ยถามขึ้น

    “พอดีเพทราเขาติดงานน่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามที่รุมเข้ามาอย่างเบื่อหน่าย

    “เออแล้วสาวปริศนาที่คราวนี้พามาด้วยเป็นใครคะจะเป็นตัวจริงของคุณรึเปล่า?” เสียงนักข่าวสาวอีกรายถามแทรกขึ้นทันที

    ใบหน้าคมของชายหนุ่มหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กลายร่างเป็นเด็กสาวที่ยืนอยุ่ข้างเคียงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    “คนนี้เขาเป็น S.D. ของผมน่ะครับ” คำตอบของรีไวทำให้เอเลนหันมามองหน้าชายหนุ่มพร้อมขมวดคิ้วมุ่น หวังว่าคงไม่บอกว่าเขาเป็นหมาต่อหน้าสาธารณะชนหรอกนะ มือเรียวบีบแขนชายหนุ่มที่คล้องไว้เผื่อเรียกสติให้ได้บ้างว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่

    การกระทำของเด็กหนุ่มทำให้รีไวยิ่งรู้สึกแอบขำ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาสนใจและอยากแกล้งได้ยังไง

    “อะไรคือ S.D. เหรอคะ?” นักข่าวสาวคนเดิมถามย้ำอีกครั้ง

    ใบหน้าคมหันไปมองทางเด็กหนุ่มที่ตอนนี้พยายามปั้นยิ้มส่งมาให้

    Sweet Darling ยังไงล่ะครับเป็นตำแหน่งพิเศษที่ผมให้กับเธอเช่นเดียวกับเลสบนข้อมือของเธอ แต่วันนี้คงต้องเปลี่ยนเป็น Sexy Darling ซะแล้ว”

    คำตอบของรีไวทำให้เอเลนหน้าขึ้นสีระเรื่อ มือเรียวจับเลสบนข้อมือปิดบังสายตาทุกคู่ที่กำลังจับจ้องมาเป็นจุดเดียว

    “เอ๊ะ นี่เป็นการเปิดตัวเลยรึเปล่าครับ?”

    “แล้วสาวคนนี้แท้จริงแล้วเป็นใครกัน?”

    “ขอทราบชื่อเธอหน่อยได้ไหมคะ แล้วอย่างนี้จะมีข่าวดีอย่างประกาศงานหมั้นอะไรแบบนี้รึเปล่า?”

    เสียงคำถามดังแข่งขึ้นมาเซ็งแซ่ จนเอเลนที่ถูกกดดันด้วยสายตาเหล่านักข่าวและแสงแฟลชจากการถ่ายรูปจำนวนมากเริ่มหน้าซีด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามยิ้มอย่างข่มอารมณ์ขุ่นเคืองแกมโมโหต่อไป

    ไอคุณรีไวครับ คุณทำบ้าอะไรแล้วแบบนี้ผมควรจะตอบยังไงดีเนี่ย!! ตัวเขาปกติที่เป็นช่างถ่ายภาพมีบ้างที่ต้องไปช่วยแจนกับมิคาสะถ่ายรูปข่าวแต่การที่ต้องมาตกเปนเป้าถ่ายรูปซะเองแล้วไหนจะต้องมาถูกถามคำถามที่ไม่ร็จะตอบยังไงแบบนี้ ช่างรู้สึกกดดันไม่น้อย ใครก็ได้ช่วยพาเขาออกไปจาสถาณการณ์นี้ที!!!

    “แหม ทั้งที่เป็นงานเปิดตัวโรงแรมของผมแต่ดูเหมือนทุกท่านจะให้ความสนใจกับรีไวมากกว่า ผมก็แอบรู้สึกน้อยใจนะครับ” ชายหนุ่มผมทองรูปร่างสูงใหญ่เข้ามาท่ามกลางนักข่าวพร้อมรอยยิ้มสุภาพบุรุษ เรียกให้กลุ่มนักข่าวหันไปสนใจได้ทันที

    “ไม่หรอกค่ะคุณเอลวิน ยังไงพาดหัวข่าวหลักก็ต้องเป็นงานคุณเอลวินอยู่แล้วล่ะค่ะ”

    “ใช่ครับ เพราะเป็นการเปิดตัวโรงแรมในเครือของนักธุรกิจหนุ่มที่กำลังเป็นที่จับตามองเชียวนะครับ”

    นักข่าวเริ่มเบี่ยงมาให้ความสนใจกับเจ้าของงานหลัก เอลวิน สมิธ

    “ถ้ายังไงเราเข้าไปสัมภาษณ์ในห้องที่จัดรับรองไว้ดีกว่านะครับ จะได้ให้รีไวรับรองแขกอื่นๆแล้วถ้าพวกคุณอยากได้ข่าวของรีไวกับสาวปริศนาเอาไว้หลังจากที่เลิกงานผมว่าก็น่าจะยังทันนะครับ” เอลวินเชิญชวนเหล่าผู้สื่อข่าวให้ไปยังห้องรับรอง โดยมีฮันซี่เดินนำทางให้

    ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาชายหนุ่มร่างเล็กกว่า

    “รีไวนายอย่าแกล้งเด็กนักสิ”

    “นานๆทีฉันก็อยากทำอะไรสนุกๆบ้างน่ะ”

    “นายเนี่ยน๊า” ชายหนุ่มผมทองส่ายหัวไปมากับนิสัยเอาแต่ใจของเพื่อนสนิท

    “เธอชื่อเอเลนสินะ ฉันได้ยินเรื่องเธอมาจากฮันซี่แล้วอยู่กับหมอนี่ลำบากหน่อยนะ” มือหนายื่นทักทายให้กับเด็กหนุ่ม

    เอเลนจับมือทักทายตอบ พร้อมยิ้มให้อย่างที่ถูกสั่งสอน

    “ไม่หรอกครับ ต้องเรียกว่าลำบากมากเลยต่างหาก” แทบจะบอกว่าชีวิตหาความสงบสุขไม่เจอเลยก็ว่าได้

    “ฮ่า ฮ่า ฉันชักเข้าใจแล้วสิว่าทำไมหมอนี่ถึงสนใจเธอ” เพราะความมั่นใจและรั้นแบบนี้สินะถึงได้ดึงดูดให้คนที่ไม่สนใจใครอย่างรีไวอยากได้มาเป็นของตัวเอง

    “แต่ผมกลับไม่เข้าใจเลยสักนิดล่ะครับ” ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนตรงนี้มีรสนิยมประหลาดหรือยังไงกันถึงได้มาสนใจแกล้งเด็กแบบเขาเนี่ย

    “ฮ่า ฮ่า ฉันว่าอีกไม่นานเธอคงเข้าใจเอง ถ้ายังไงฉันขอตัวไปให้สัมภาษณ์ก่อนแล้วเจอกันในงานนะเอเลน” ชายหนุ่มเดินไปยังห้องรับรองเพื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่กำลังเฝ้ารออยู่

    เมื่อทุกอย่างสงบลงแล้วใบหน้าหวานจึงหันมาส่งสายตาขุ่นเคืองให้กับชายหนุ่มร่างสูงน้อยกว่า

    “คุณทำอะไรของคุณน่ะครับ แล้วแบบนี้ผมไม่โดนตามสืบประวัติแย่เหรอไง!? พวกนักข่าวพวกนี้หิวกระหายข่าวขนาดไหนคนตรงหน้าน่าจะรู้ดีที่สุด แต่กลับให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นไม่อยากคิดเลยว่าชีวิตที่ตอนนี้แทบไม่สงบของเขาจะต้องเจออะไรอีกบ้าง

    “ไม่ต้องห่วงน่า ความลับของนายไม่ถูกเปิดเผยแน่นอน” ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างไม่ใส่ใจ ยังไงซะเรื่องจัดการปกปิดข่าวเขาสั่งพวกลูกน้องซะ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

    “คุณนี้มัน” ร่างโปร่งเดินสะบัดหันหลังให้กับชายหนุ่มอย่างขุ่นเคือง

    “นั่นนายจะไปไหนน่ะ? ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะไปไหนให้แจ้ง หรือว่าอยากโดนทำโทษ” ใบหน้าคมคลี่ยิ้มเอ่ยถามอยากหยอกเหย้า

    “ห้องน้ำ!!” เอเลนตะโกนบอกออกไปอย่างฉุนเฉียว

     

    คอยดูนะสักวันจะเอาคืนเรื่องทั้งหมดให้ได้เลยคอยดู!

    มือเรียวทุกลงตรงอ่างน้ำหน้ากระจกอย่างมีน้ำโห ยิ่งคิดยิ่งโมโหกับคนขี้แกล้งเอาแต่ใจ ทำยังไงถึงจะชนะหมอนั่นได้บ้างฟร่ะ!!

    “เหวอ! เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง?” เสียงร้องของชายหนุ่มทำให้เอเลนหันไปมองแล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเก่า เพราะคนตรงหน้าเป็นคนที่เธอรู้จักดี ….. ไอบ้าแจน!

    “อ….อุ๊ย ขอโทษค่ะเข้าผิดห้อง” ร่างโปร่งรีบยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วแสร้งวิ่งหนีออกไป

    พลั่ก!

    ด้วยความไม่ทันได้มองทางทำให้เอเลนวิ่งออกมาชนเข้ากับอีกคนที่อยู่หน้าห้องน้ำ

    “เธอเป็นอะไรรึเปล่า” มือเรียวยกขึ้นจับไหล่มนที่วิ่งมาชนตรงเองตรงหน้า

    “มไม่เป็นไรค่ะ” เอเลนกุมใบหน้าของตนเองที่กระแทกกับไหล่ของอีกคน ก่อนค่อยๆเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อขอโทษอีกที “เออ ฉันไม่ดูทางอ….เอง”

    นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างตกใจกับผมสีอีกาและนัยน์ตาสีราตรีที่อยู่เบื้องหน้า คนที่สองที่เธอเองก็รู้จักดี

    มิคาสะ!!!!!!!!!!!!!!!!

    TBC.
    .....................................................................................

    Talk: แกล้งเอเลนสนุกจังเลย =///=

    สวัสดีทุกท่านนะคะมาลงฟิคล่ารักฯเพื่อบรรเทาจิตใจนักอ่านหลายๆคนที่เจอฟิค Keep In Mind ของเราในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาทำร้ายจิตใจไป

    หวังว่าล่ารักฯตอนนี้คงช่วยเยียวยาจากฟิคที่แล้วกันได้นะฮาๆ 
    ผลจากการพูดคุยกับนักอ่านในเพจเฟสบุค ทำให้บทสรุปของเอเลนตอนนี้เป็นอย่างที่ทุกท่านได้อ่านไปค่ะ

    ขอขอบคุณ คุณ Anima คุณ Noey Thaweewong คุณ Natsume Kurou ที่มาร่วมด้วยช่วยกันเวิ่นและกลั่นแกล้งน้องเอเลนด้วยความรักใคร่จนออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะฮาๆ

    รักนักอ่านทุกท่านนะคะ ขอขอบคุณกับเม้นและกำลังใจค่ะ เราจะพยายามปั่นต่อไป(แม้ช่วงนี้จะเวิ่นบ่อยไปหน่อยก็เถอะ//ขออภัย)

    PS. ขอฝากเพจกลุ่มเช่นเคยค่ะ เชิญทุกท่านเข้าไปเมาท์เฮฮากันได้นะคะยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ https://www.facebook.com/beru89club


    PS.2 แล้วก็ขอฝากบ้านเล็กๆอีกหลังของเราด้วยนะคะ มีบล็อกเป็นของตัวเองแล้ว ดีใจ >w<  http://trendyblood.blogspot.com/

    PS.3 อยากเห็นแฟนอาร์ตน้องเลนในชุดนี้จังเลยจะมีใครใจดีวาดให้เค้าไหมน๊าาาา(ขอแบบหน้าด้านๆเลยค่ะ>/////<)

    ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ จุบุจุบุ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×