ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[AU]. Attack on titan(LevixEren): ล่ารักอันตราย

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13: Just a game?

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 57


    Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย

     

    Chapter 13: Just a game?

     

           


      

     

              รายการและสูตรอาหารตามเวบแนะนำต่างๆถูกเปิดขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์ขนาบกับโปรแกรมตกแต่งภาพที่กำลังทำงาน เอเลนคลิกเลือกเมนูและรายการอาหารที่น่าสนใจพลางจดรายละเอียดลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กของตน

     

                มื้อเย็นนี้จะเป็นอะไรดีนะ? ตาลุงโรคจิตนั่นทำอะไรก็กินได้ตลอด เหมือนไม่ได้มีอะไรที่ชอบหรือเกลียดเป็นพิเศษเสียด้วย แต่เพราะแบบนั้นทำให้คนรับผิดชอบหน้าที่ทำอาหารอย่างเขาต้องขมวดคิ้วมุ่นกับเมนูในแต่ละวันที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้คนชอบแกล้งทานดี อีกอย่างอายุก็ดูเหมือนจะไม่น้อยแล้วเรื่องอาหารก็ควรต้องดูแลและควบคุมบ้าง ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงหน้าคนขี้แกล้งช่างเอาแต่ใจ ถึงจะบอกว่าอายุไม่น้อยแล้วแต่ความแข็งแกร่งที่มีนั่นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนน่ากลัวทีเดียว เพราะสัปดาห์นี้เขาต้องเปลี่ยนกลอนประตูไปแล้วถึง 3 ครั้ง ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าตกลงตาลุงโรคจิตนั่นเผลอหรือว่าจงใจทำลายกลอนประตูห้องเขากันแน่

     

     

     

                “ทำไรน่ะเอเลนหน้าเคร่งเชียวนะเจ้าหนู?” เสียงคุ้นเคยของเจ้าของสตูดิโอควบผู้มีพระคุณของเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมมือใหญ่ที่จับลงมาบนผมสีน้ำตาลอย่างคุ้นชิน

     

                “กำลังดูพวกสูตรอาหารแนะนำน่ะครับคุณฮันเนส”

     

                คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ฮันเนสเลิ่กคิ้วขึ้นสูง ก่อนริมฝีปากจะยกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์

     

                “จะทำไปให้สาวที่ไหนงั้นเหรอไงพ่อเสือร้าย!” ว่าพลางขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

     

                “ไม่มีหรอกครับของแบบนั้นน่ะ ก็แค่ดูไว้บ้างก็แค่นั้นเอง” เอเลนพยายามดีงมือของคนอายุมากกว่าที่ขยี้ผมของตนเอง แต่มือหนทานั่นก็ไม่หยุดการกระทำโดยง่าย ซ้ำยังเข้ามากอดรัดคอของเขาอย่างแน่น

     

                “ปากแข็งจริงนะไอหนู ฉันเลี้ยงนายมาก็รู้หรอกนะว่าตอนนี้นายกำลังอินเลิฟอยู่ล่ะสิไม่ว่า กับเจ้าของที่ให้เลสข้อมือนายมา” ฮันเนสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมทั้งยักคิ้วให้เด็กหนุ่มที่ตนเลี้ยงดูมา

     

                ตั้งแต่เลี้ยงเจ้าหนูตัวยุ่งคนนี้มาเขาบอกได้เลยว่าการที่คนอย่างเอเลน มานั่งหารายการตำราอาหารแบบนี้ไม่ใช่สิ่งปกติแน่นอน อีกทั้งยังมีการจดบันทึกรายการอย่างละเอียดรวมถึงการคำนวณแคลลอรี่และคุณค่าทางโภชนาการ เพราะปกติแล้วเจ้าเด็กบ้านี้ขอแค่กินได้ไม่ตายเป็นจบแล้วสำหรับอาหารในหนึ่งมื้อ เพราะงั้นการที่เจ้าตัวลงทุนทำขนาดนี้ต้องทำเพื่อคนอื่นอย่างแน่นอน และตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเห็นเจ้าหนูนี่สนใจจะใส่เครื่องประดับหรือแม้แต่นาฬิกาข้อมือ เพราะบอกว่ารำคาญแต่กลับมีเลสข้อมือใส่ติดตัวไม่ยอมถอด

     

                “คุณนี่อายุมากขึ้นแล้วชักเพี้ยนนะครับ ของอย่างนั้นไม่มีทางซะหรอก” มันก็แค่หน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น ใครจะไปชอบตาแก่โรคจิตแบบนั้นลงกันล่ะ

     

                “หืม?” คิ้วหนาของชายวัยกลางคนยักขึ้นอย่างพินิจอาการของเด็กหนุ่มที่ตนกอดคอไว้ ใบหน้ามุ่ยๆที่แสดงออกมานั่นแสดงว่าเจ้าเด็กนี้ก็ไม่ได้รู้ใจตัวเองเลยสักนิดสินะ ว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังมีอาการหวั่นไหว ไม่ใช่เพียงแค่การหาสูตรอาหารที่เด็กหนุ่มแปลกไป แต่เจ้าเด็กนี้มีอาการเหม่อลอยอยู่หลายครั้งจนสังเกตได้ อีกทั้งระยะหลังมานี้ดูเหมือนเจ้าตัวดีจะยุ่งตลอด และรีบกลับเร็วราวกับมีนัดกับใครไว้ ทั้งที่โดยปกติเอเลนมักเป็นคนที่ออกจากสตูดิโอเป็นคนสุดท้ายเสมอ

     

                ฮันเนสคลายแขนที่รัดรอบคอเด็กหนุ่มออกก่อนจะไปนั่งลงบนโต๊ะที่ทำงานของเอเลนซึ่งมีคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่วางอยู่ ใบหน้าที่มีริ้วรอบสมวัยยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบหัวสีน้ำตาลนั้นอีกครั้ง

     

                “เอเลน” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสบมองนัยน์ตาสีมรกตพลางยกยิ้มบาง

     

                “เรื่องของจิตใจเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้หรอกนะไอหนู บางครั้งกว่าจะรู้ตัวนายก็ตกเข้าไปในหลุมที่มองไม่เห็นแล้วล่ะนะ หลุมที่เรียกว่าความรักน่ะ”

     

                “ลุงนี่อายุมากแล้วชักพูดจาเลอะเทอะนะครับ” นัยน์ตาสีมรกตเหลือบตามองนาฬิกาแขวนที่อยู่บนผนังหลังฮันเนส นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตกตะลึงกับเวลาที่ล่าช้าของวันนี้

     

                “อ๊า!! เพราะมัวแต่ฟังเรื่องไร้สาระของลุงนั่นแหละผมต้องรีบแล้ว!!” มือบางคว้ากระเป๋าสะพายของตนเองก่อนจะรีบกระโดดออกจากสตูดิโออย่างด่วนที่สุด เพราะถ้าไปสายก็ไม่รู้ว่าจะเจอตาแก่เข้าเล่ห์นั่นทำโทษอะไรแปลกๆอีกบ้างน่ะสิ!!

     

                นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองหลังเด็กหนุ่มที่วิ่งออกไปอย่างเอาเป็นเอาตายพลางหัวเราะขำ ถ้าไม่หวั่นไหวจริงนายจะใส่ใจอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้รึไงเอเลน........

     

     

     

                คีย์การ์ดถูกรูดอย่างรวดเร็วก่อนประตูจะถูกเปิดออกพร้อมร่างโปร่งที่หอบหายใจจนตัวโยนอยู่หน้าประตูทางเข้า ชายหนุ่มเจ้าของห้องกำลังผูกเนคไทด์ของตนเองพลางมองคนที่กระแทกประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน

     

                “วันนี้นายสาย” นัยน์ตาสีขี้เถ้าและมือทั้งสองข้างยังคงวุ่นอยู่กับการผูกเนคไทต์สีเข้มของตน

     

                ใบหน้ามนเงยมองพลางขมวดคิ้วสีน้ำตาลของตน นี่เขาก็รีบอย่างที่สุดแล้วไม่เห็นรึไงกัน!

     

                “ผมจะรีบทำมื้อเย็นให้นะครับ” เอเลนถอดรองเท้าผ้าใบของตนก่อนจะเปลี่ยนเป็นใส่รองเท้าผ้าสำหรับในบ้านเพื่อเดินไปยังส่วนห้องครัวในคอนโด

     

                “ฉันทำไว้แล้วนายก็กินซะ” ว่าพลางจัดการหยิบสูทของตนมาใส่ทับเพื่อเตรียมออกไปทำงานตามเวลาปกติของตน

     

                ขาที่กำลังเดินเข้าไปในส่วนครัวจึงหยุดชะงักลง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมื่อเขากลับมาช้าชายหนุ่มจะเป็นคนจัดการเตรียมมื้อเย็นซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาแทน มิหนำซ้ำยังทำเผื่อในส่วนของเขาอีกด้วย แรกๆก็แปลกใจกับความเอาใจใส่ของคนอันตรายขี้แกล้ง แต่นานวันเข้าดูเหมือนราวกับเป็นความคุ้นชินในการอยู่ร่วมกัน

     

                “คุณรีไวไทต์เบี้ยวน่ะครับ” ร่างโปร่งเขยิบเข้าใกล้ตัวชายหนุ่ม มือบางจับเนคไทต์ที่ไม่เรียบร้อยของคนอายุมากกว่าให้เข้าที่

     

                ใบหน้าเฉยชาแอบยิ้มบางกับการกระทำของเด็กหนุ่ม ทั้งที่ไม่ชอบให้เขาเข้าใกล้และเกร็งทุกครั้งที่แตะต้อง แต่ตอนนี้เจ้าเด็กอวดดีตัวยุ่งนั้นกำลังก้มหน้าจัดการกับเนคไทต์เขา แพขนตาหนาที่ก้มมองและกลิ่นหอมอ่อนๆจากแชมพูสระผม น่าแปลกทั้งที่ใช้แชมพูยี่ห้อและกลิ่นเดียวกัน แต่เมื่อได้กลิ่นจากเจ้าหนูตรงหน้ากลับรู้สึกหอมหวานกว่าทุกครั้ง

     

                “เรียบร้อย วันนี้คงไม่ดื่มหนักกับคุณฮันซี่อีกนะครับ” ใบหน้ามนหรี่ตามองชายหนุ่ม ถ้าคนคนนี้ไปดื่มแล้วกลับมาอีกบางทีอาจต้องขอให้เปลี่ยนจากประตูธรรมดาเป็นประตูตู้เซฟ

     

                “ถ้ายัยเพี้ยนนั่นไม่ทำอะไรแปลกๆล่ะนะ” หลายครั้งที่ต้องดื่มเป็นเพื่อนฮันซี่ก็เพราะต้องคอยฟังหญิงสาวพร่ำเพ้อเรื่องงานวิจัยในองค์กร หรือบางครั้งก็เป็นเกมส์ที่เขาเผลอเข้าไปเล่นพนันด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

                นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังคงจ้องมองตนอยู่ไม่วางตา มือหนาเอื้อมมือไปที่ผมสีน้ำตาลก่อนจะหยุดมือของตนกลางคัน

     

                “ฉันลูบหัวนายได้รึเปล่าเอเลน?” เอ่ยขออนุญาตเด็กหนุ่มตามกฎที่ได้เสนอไว้

     

                อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว อาการสั่นไหวแปลกๆที่อกซ้าย อุณหภูมิที่ราวกับจะสูงขึ้น และความโหวงที่ช่วงท้องนี่ ทั้งที่คิดว่าอาการดีขึ้นจากที่กินยาไปแล้วแต่ดูเหมือนมันยังไม่หายดีสินะ

     

                “ไม่ครับ ผมไม่อนุญาต” ใบหน้าหวานหันหนี มือหนาที่กำลังเอื้อมมา

     

                “งั้นเหรอ....น่าเสียดายนะ” รีไวกระชับชุดสูทของตนก่อนจะสวมรองเท้าหนังมันเงา

     

                มือหนาเอื้อมเตรียมเปิดประตู แต่สัมผัสจากมืออีกข้างทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมอง เอเลนจับชายแขนเสื้อสูทของเขาเอาไว้ ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อแววตาฉายความลังเลจนทำให้เขาต้องเอียงคอมองอย่างสงสัย ว่าเจ้าหนูนี่ต้องการจะทำอะไรกัน?

     

                แต่ก่อนที่จะได้ถามมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของเขาถูกเด็กหนุ่มดึงเข้าหาก่อนจะวางลงบนผมสีน้ำตาลที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้เขาได้สัมผัส ใบหน้าหวานที่ก้มพร้อมกับหลับตาแน่นช่างดูน่ารักและน่าขำในคราเดียวกัน ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น มือหนาลูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มไปมา แบบนี้เท่ากับว่าเจ้าตัวอนุญาตแล้วสินะ.......

     

                “ฉันจะรีบกลับมานะเจ้าหนู ฝากดูแลบ้านด้วยล่ะ”

     

                ทันทีที่ชายหนุ่มเจ้าของห้องออกไป ร่างโปร่งได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น ใบหน้ายังคงขึ้นสีระเรื่อและยิ่งมือหนานั่นสัมผัสลงมาอุณหภูมิในร่างกายก็ยิ่งขึ้นสูงอย่างผิดปกติ อกซ้ายที่สั่นไหวยิ่งทวีความรุนแรงเพียงแค่ถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา ตัวเขาที่เป็นแบบนี้ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

     

                ทั้งที่เป็นตาแก่เอาแต่ใจและขี้แกล้ง แต่ตอนนี้กลับอ่อนโยนและสุภาพอย่างที่ไม่เคยเจอ ตาลุงโรคจิตที่เปลี่ยนแปลงไปเริ่มทำให้เขารับมือไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับท่าทางและความเอาใจใส่ที่มีให้ และตัวเขาที่เริ่มดีใจกับเรื่องที่คนอันตรายคนนั้นทำให้แบบนี้บางทีทั้งเขาและคนอันตรายขี้แกล้งคนนั้นคงต้องเป็นโรคร้ายแรงแล้วแน่ๆ

     

                บางครั้งกว่าจะรู้ตัวนายก็อาจตกหลุมรักไปแล้ว

     

                คำพูดของฮันเนสที่พูดไว้ดังขึ้นมาในหัว ใบหน้าหวานชะงักกับความคิดของตนเอง

     

                ความรักงั้นเหรอ ของแบบนั้นกับคนอย่างนั้นจะไปมีได้ยังไงกันล่ะ!! คนคนนั้นก็แค่สนุกที่จะเล่นกับเขาจนกว่าจะเบื่อก็เท่านั้น เพราะหมอนั่นก็บอกมาเองตลอดว่าที่มายุ่งกับเขาก็เพราะสนใจ ถ้าหมดความสนใจเมื่อไรเกมบ้าๆนี้ก็จะจบลงเสียที เขาก็จะได้เป็นอิสระและกลับไปใช้ชีวิตปกติที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอันตรายพันธุ์นั้นอีก

     

                ทั้งที่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดและต้องการมาตลอด แต่ทำไมพอคิดว่าในวันข้างหน้าที่เรื่องนี้จะจบลงและเป็นแค่เกมคั่นเวลาเกมหนึ่งของคนอันตรายแบบนั้น ความดีใจที่ควรจะมีกลับรู้สึกหน่วงในอกซ้ายราวกับมีหินที่มองไม่เห็นผูกถ่วงเอาไว้

     

                มือบางลูบไล้เลสข้อมือที่ได้มาอย่างไม่เต็มใจราวกับเป็นโซ่พันธนาการของตน เมื่อใดที่โซ่ตรวนนี้หลุดออกเขาก็จะเป็นอิสระและไปจากคนอันตราย และเมื่อถึงตอนนั้นก็เท่ากับว่าเขาและคนคนนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่ความรู้สึกโหวงๆที่หาสาเหตุไม่ได้นี่คืออะไร? ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จัก แม้กระทั่งอยู่ในสถานที่ที่น่าอดสูอย่างบ้านเด็กกำพร้าที่เขาจากมา ยิ่งนานวันยิ่งไม่เข้าใจทั้งตัวเอง และคนอันตรายคนนั้น

     

                “บ้าชะมัด!

     

                สบถอย่างหัวเสียก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบเดิมของตนแล้วเปลี่ยนรองเท้าออกไป ถ้ายังอยู่แต่ในห้องคงได้คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องแน่นอน ตัวเขาที่กำลังสับสนและไม่เข้าใจเลยอะไรอยู่แบบนี้การออกไปเดินเล่นคนเดียวคงทำให้รู้สึกดีและเผื่อคิดอะไรออกได้บ้าง......

     

     

     

                แสงไฟจากเสาไฟฟ้าตามทางเดินบนถนนสาธารณะเริ่มส่องสว่าง ร้านค้าและร้านอาหารในช่วงกลางวันเริ่มเก็บของและทำความสะอาดเพราะถึงเวลาเลิกงาน สถานที่และถนนหลายแห่งจึงเริ่มเข้าสู่ความเงียบ จะมีก็เพียงแต่ย่านเที่ยวราตรีที่เริ่มจะครึกครื้น แสงไฟหลากสีถูกปกระดับประดาหน้าร้านมากมาย เหล่าชายหนุ่มแต่งตัวดีและหญิงสาวที่แต่งตัวอย่างเย้ายวนเริ่มออกมาเดินเรียงรายตามถนน บ้างก็เป็นนักท่องเที่ยวย่านราตรี บ้างก็เป็นบริกรของร้านที่กำลังแข็งขันกันเรียกลูกค้าเข้าร้านมากมาย

     

                ด้วยความที่ไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้ควรไปที่ไหนเพราะตัวเขาก็ไม่ใช่คนที่จะเที่ยวกลางคืน ถ้ามาก็ไม่เคยที่จะมาเพียงคนเดียวก็จะมีคนที่ไม่อยากนับว่าเป็นพี่ชายเท่าไรเพราะหน้าที่ยาวเหมือนม้าและนิสัยกวนประสาทจะตามมาด้วยเสมอ หรือเป็นตัวตั้งตัวตีพาเขาไปท่องราตรีตามที่ต่างๆ ถึงกระนั่นตัวเขาที่ไปด้วยก็ไม่เคยได้สนใจสิ่งรอบกายเพียงแต่นั่งดื่มน้ำผลไม้ หรือบางครั้งอาจเป็นเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอลบ้างเล็กน้อยนั่งดื่มอย่างเงียบๆดูเหล่าคนที่อายุมากกว่าตนเองสรวลเฮฮา และหลายครั้งที่เขาคิดว่าการเที่ยวกลางคืนแบบนี้ช่างน่าเบื่อ ให้เขานอนอยู่ที่ห้องพักผ่อนเอาแรงสำหรับลุยงานในวันถัดไป หรือจัดการทำความสะอาดอุปกรณ์กล้องยังได้ประโยชน์มากกว่า แต่วันนี้ตัวเขาที่รู้สึกไม่อยากอยู่เงียบๆเพราะความคิดที่ฟุ้งซ่านของตนเองจึงได้แต่ออกมาเดินเตร็ดเตรอย่างไร้จุดหมาย กว่าจะรู้ตัวก็เดินมาสถนที่ท่องราตรีซึ่งอยู่ใกล้กับที่พักเก่าของเขาเสียแล้ว

     

                ตัวเขาที่ไม่รู้ว่าจะไปไหนจึงได้แต่เดินไปตามทางเดินที่คุ้นชิน ร่างโปร่งค่อยๆเดินไปตามถนนที่เหล่าหญิงสาวหุ่นดีใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางน่ามองต่างยืนเรียงรายเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน และเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาเจอหญิงสาวมากหน้าหลายตาเข้ามาเชิญชวนให้เขาเข้าไปแวะพักหรือดื่มในร้าน บางรายถึงกับยื่นข้อเสนอไม่รับเงินเพื่อแลกกับเบอร์โทรของเขา ตัวเขาที่ไม่คุ้นชินเรื่องแบบนี้จึงได้แต่ปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนจะพยายามปลีกตัวหนีออกมาจนกระทั่งถึงมุมถนนที่พอเลี้ยวไปอีกนิดก็จะเจอกับห้องพักเก่าของเขาที่ตอนนี้ถูกทำการย้ายไปอย่างไม่เต็มใจ

     

                ตอนนั่นก็เวลาประมาณนี้ล่ะมั่งที่เจอหมอนั่นที่นี้ เพราะกลับจากงานดึกเลยต้องกลับทางนี้แถมยังเจอเตะเข้าที่ท้องจนจุกด้วยสินะ ความรู้สึกของท่อนขาหนักหน่วงที่ฟาดลงมาและเหตุการณ์โดนลักพาตัววันนั้นเขายังจำได้ดี ไม่คิดว่าจากเหตุการณ์นั้นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตเขาได้ถึงขนาดนี้

     

                ใบหน้าหวานถอนหายใจพลางลูบเลสบนข้อมือของตน ตาแก่วายร้ายอีกทั้งเอาแต่ใจและโรคจิตแบบนั้นทั้งที่พยายามหนี แต่ผลสุดท้ายก็ราวกับว่าวิ่งวนอยู่ในมือของคนคนนั้น พอรู้ตัวอีกทีคนอันตรายคนนั้นก็มาอยู่ใกล้กับเขาถึงขนาดนี้ แม้จะชอบแกล้งและมีแต่เรื่องน่าหงุดหงิดใจ แต่คนขี้แกล้งแบบนั่นกลับมีมือที่อบอุ่นและความเอาใจใส่อย่างที่ไม่คาดคิด

     

                ถึงแม้จะชอบลวนลามเขาโดยที่เขาไม่เคยเต็มใจ แต่กลับไม่บังคับหรือขืนใจเขาทั้งที่ถ้าคนคนนั้นคิดจะทำก็ทำได้แท้ๆ เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ากำลังและความแข็งแกร่งของคนขี้แกล้งคนนั้นตัวเขาไม่อาจที่จะสู้ได้เลยสักนิด ถ้าเพียงแต่คนอันตรายแบบนั้นจะจัดการเขาขึ้นมา เขาคงไม่มีแรงที่แม้แต่จะขัดขืนได้ อีกทั้งสตูดิโอของคุณฮันเนสทั้งที่บอกว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจและใช้เป็นข้อข่มขู่ในการให้เขามาอยู่ใกล้ตัว แต่เหมือนกับเป็นคำพูดลอยลมเพราะหลายครั้งที่เขามีปากเสียงหรือทะเลาะกับคนขี้แกล้งคนนั้น เรื่องนี้กลับไม่เคยถูกเอ่ยมาเป็นข้ออ้างในการข่มขู่อีกเลย ราวกับไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่ต้น อีกทั้งห้องเช่าที่ยอมลงทุนถึงขนาดตกแต่งแลพซื้อของเหมือนกับของเขาเพื่อไว้ตบตาแจนและมิคาสะนั่นอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าคนคนนั้นต้องการอะไรกันแน่........ ตัวเขาในสายตาของคนอันตรายแบบนั่นคืออะไรกัน?

     

                ใบหน้าหวานส่ายหัวไปมา จะบ้ารึไงเอเลน ทั้งที่คิดว่าจะออกมาเดินเล่นเพื่อให้เลิกคิดเรื่องฟุ้งซ่าน ทั้งๆอย่างนั้นแต่เรื่องของตาลุงโรคจิตนั่นยังคงวนเวียนในหัวไปมา

     

                มือบางยกขึ้นเกาผมสีน้ำตาลของตนเองอย่างหัวเสีย พอๆ เลิกคิดได้แล้วมันก็แค่การเล่นสนุกของพวกมาเฟียเท่านั้นล่ะ!!

     

                “นี่เธอน่ะถ้าว่างอยู่สนใจไปด้วยกันไหม?”

     

                เสียงหวานที่เอ่ยทักทำให้เอเลนหันไปมอง เด็กสาวผมยาวหน้าตาน่ารักในชุดเสื้อกล้ามสีขาวและกาเกงยีนส์ขาสั้นเดินเข้ามาใกล้ชิดเด็กหนุ่มมากขึ้น เท่าที่สังเกตดูเหมือนเด็กสาวจะอายุไม่ต่างจากเขาเสียเท่าไร

     

                “เออ ขอโทษนะฉันไม่คิดจะซื้อบริการอะไรแบบนั้นหรอก” เอเลนรีบปฎิเสธ เพราะยังเรียกว่าอยู่ใกล้เขตย่านเที่ยวกลางคืน การที่เด็กสาวหน้าตาดีมากทักเขาแบบนี้ถึงไม่บอกก็พอเดาได้ว่าเธอกำลังต้องการเสนอสิ่งใด

     

                “หืม มีแฟนแล้วงั้นเหรอ?” เด็กสาวเอียงคอถาม แขนเรียวคว้าแขนของเด็กหนุ่มไปกอดแนบชิดกับอกอวบอิ่มของตน

     

                “เปล่าสักหน่อย” เอเลนพยายามดึงมือของตนออกแต่มือของเด็กสาวที่ยึดเกาะไว้อย่างแนบแน่นนั่นไม่ยอมปล่อยเขาง่ายๆ

     

                “งั้นมีคนที่ชอบแล้วงั้นเหรอ? หน้านายดูเหมือนคนเพิ่มอกหักมาเลยนะ”

     

                ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่น เขามีท่าทียังไงถึงโดนมองว่าอกหัก? ไม่มีทางซะล่ะ!! เขากับคนคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเขาไม่ได้หลงรักตาแก่อันตรายนิสัยเสียแบบนั่นซะหน่อย!!

     

                “ถ้าอกหักล่ะก็ให้ฉันช่วยปลอบไหม? หน้าตาน่ารักแบบนายฉันยอมเสียเวลาฟรีๆเลยนะว่าไง?” แขนเรียวกอดกระชับให้แขนของเด็กหนุ่มเข้ากับอกอิ่มของตนมากขึ้น เสียงหวานพยายามเอ่ยขออย่างออดอ้อน

     

                เอเลนขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด ตัวเขาที่ไม่เคยสนใจหรือสัมผัสกับเรื่องแบบนี้บางทีถ้าได้เรียนรู้อะไรบ้างเขาอาจเข้าใจตัวเองและสิ่งที่เป็นอยู่มากยิ่งขึ้นก็ได้.....

     

                “ก็ได้ผมจะไปกับคุณ”

     

                คำตอบตกลงของเด็กหนุ่มทำให้เด็กสาวยิ้มกว้างก่อนจะลากดึงเอเลนกลับเข้าไปยังถนนย่านราตรีอีกครั้ง.........

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

     

     

     

                “ช่วงนี้นายยิ้มน่าขนลุกชะมัดรีไวล์” ฮันซี่ที่เข้ามาส่งรายงานการตลาดเอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ยกยิ้ม ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่สังเกตเห็นความผิดแปลกของคนเฉยชาเท่าไร แต่ตัวเธอที่รู้จักคนตรงหน้านี่มานานบอกเลยว่าเจ้าหมอนี่กำลังมีความสุขจนน่าหมั่นไส้

     

                “ส่งรายงานของเธอแล้วออกไปได้แล้วยัยเพี้ยน” รีไวรับแฟ้มเอกสารที่ยื่นมาก่อนจะโบกมือไล่หญิงสาวเพื่อนของตน

     

                “รู้สึกตั้งแต่ได้เด็กมาอยู่ด้วยนายจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ ยิ่งตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาของเอเลนกับอาร์มินนั่นน่ะ” ตั้งแต่เอเลนมาอยู่ด้วยเธอก็รู้สึกได้ว่าเพื่อนเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

     

                “เจ้านั่นเหมือนลูกหมาดีนะ” แม้จะดื้อไปบ้างแต่ก็มีหลายครั้งที่เจ้าลูกหมาแสนดื้อตัวนั่นอ้อนเขาอย่างไม่รู้ตัว แม้จะปากดีแต่เจ้าหนูนั่นก็ยอมทำตามที่เขาพูดอย่างว่าง่าย

     

                “จ้าๆ ฉันว่าเพื่อนฉันดูท่าจะจริงจังกว่าที่คิดนะ ไหนจะเลสข้อมือราคามหาศาลที่ไว้ใช้ตามตัว ไหนจะพาไปรีสอร์ทบนเขาที่แม้แต่ฉันกับเอลวินยังต้องทำเรื่องขออนุญาตนายก่อนเป็นอาทิตย์ถึงจะไปได้” ฮันซี่ขยับแว่นบนใบหน้าของตนเอง ก่อนจะท้าวคางมองเพื่อนตัวเตี้ยของตน “ตัวนายที่ค่อนข้างรักสันโดษและไม่ผูกมัดกับใครแต่กลับให้เอเลนมาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ถึงนายจะบอกว่าจนกว่าจะเบื่อแต่ดูเหมือนว่านายเองอาจตกไปในหลุมที่ตัวเองขุดไว้ก็ได้นะ”

     

                “ฉันก็แค่กำลังสนุก แต่ที่เธอพูดมาฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองหน้าหญิงสาวก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเอกสารของตน

     

                ถึงแม้ฮันซี่จะไม่พูดอะไรตัวเขาก็รู้ตัวเองดีว่าตั้งแต่มีเด็กนั่นมาอยู่ด้วยเขาเองก็เริ่มที่จะแปลกไป ตัวเขาที่ไม่ใส่ใจใครอื่นนอกจากเรื่องขององค์กรกลับยอมทำหลายอย่างที่ราวกับไม่ใช่ตัวเองแบบนี้กับเด็กหนุ่มที่ไม่มีประโยชน์หรือส่วนได้ส่วนเสียกับเขาเลยแม้แต่น้อย

     

                “ฉันก็ไม่คิดจะขัดอะไรนายหรอกนะ ฉันว่าเอเลนก็น่ารักดี อีกอย่างหมอนั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นพิษภัยกับเรา” คำยืนยันของเอเลนที่พูดกับอาร์มินเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเด็กหนุ่มไม่ได้คิดที่จะสนใจเรื่องราวในองค์กรเพื่อผลประโยชน์ใดของเจ้าตัวเลย ทั้งดื้อรั้นและตรงไปตรงมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเฉยชาอย่างรีไวถึงได้เปลี่ยนไป ถึงขนาดให้เหล่าคนสนิททั้ง4ผลัดเวรเปลี่ยนคอยสะกดรอยเจ้าหนูนั่นเพื่อความปลอดภัย คนเฉยชาคนนั้นยอมทำถึงขนาดนี้เธอก็ได้แต่หวังว่าทั้งคู่คงยอมเปิดใจให้กันสักที

     

                rrrrRRRRRRRRR

     

                เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้น รีไวยกสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาเมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามาใบหน้าเฉยชาถึงกับขมวดคิ้วมุ่นก่อนกดรับสาย

     

                “ว่าไงออลโอ มีอะไรเกิดขึ้นกับเอเลนงั้นเหรอ?”

     

                ทันทีที่ได้ฟังรายงาน คิ้วคมยิ่งขมวดกันเป็นปม เมื่อโทรศัพท์วางลงรีไวคว้าสูทที่พากไว้บนเก้าอี้ของตนแล้วรีบก้าวออกจากห้องทำงานทันที

     

                แม้จะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานและมีเอกสารที่ยังทำค้างไว้ แต่สายตาที่วาวโรจน์อย่างน่ากลัวของชายหนุ่มอีกทั้งรังสีทมึนที่ปล่อยออกมาทำให้คนขี้เล่นอย่างฮันซี่ได้แต่ปิดปากเงียบแล้วปล่อยให้คนนั้นออกไปอย่างไม่คิดจะเอ่ยปากทักท้วง

     

                เมื่อกี้ออลโอโทรมาสินะ วันนี้หมอนั่นเป็นเวรตามดูเอเลนช่วงกลางคืน หวังว่าเอเลนคงไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้รีไวฟิลขาดหรอกนะ เพราะจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาตอนนี้หมอนั่นกำลังโมโหอย่างถึงขีดสุดเลยทีเดียว

     

                อ่า.........เอเลนไปถูกใจคนอันตรายแบบนั่นนายต้องทำใจหน่อยล่ะ ตอนนี้ฉันก็หวังแต่ว่านายจะอยู่รอดปลอดภัยนะ ฮันซี่ได้แต่กุมขมับและภาวนาถึงเด็กหนุ่มที่คาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น.....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ห้องขนาดเล็กถูกเปิดขึ้นในโรงแรมท่ามกลางย่านราตรี แม้จะเป็นถนนที่เดินผ่านอยู่บ่อยครั้งแต่เอเลนไม่เคยที่จะใส่ใจสิ่งรอบข้าง เด็กสาวที่ลากเขามาจึงเป็นคนจัดการพาเขามาที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในซอยเล็กๆข้างบาร์ ด้วยความหุนหันพลันแล่นพอรู้ตัวอีกทีเขาก็เข้ามาอยู่ในห้องกับเด็กสาวเรียบร้อยแล้ว

     

                “จะอาบน้ำก่อนไหมหรือว่าจะดื่มอะไรรึเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยถามพลางหยิบเบียร์ที่แช่อยู่ในตู้เย็นออกมาส่งให้กับเด็กหนุ่ม

     

                “อ...เออ ขอบคุณครับ” เอเลนรับกระป๋องเบียร์มาถือไว้ในมือ ใบหน้าหวานก้มมองกระป๋องสีเขียวในมือของตนอย่างรู้สึกเกร็งที่จะสบตากับเด็กสาวตรงหน้า

     

                “ดูเธอเกร็งๆนะครั้งแรกเหรอ?” ว่าพลางลูบไล้ไปตามไหปลาร้าของเด็กหนุ่มที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกลมออกมา

     

                “อ....เออ” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อ ยิ่งมือของเด็กสาวลูบไล้ลงบนตัวเขายิ่งทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก

     

                “แหม โชคดีของฉันสิเนี่ย ไม่ต้องกลัวหรอกฉันจะทำให้นายรู้สึกดีเองนะ”

     

     

     

                กระป๋องเบียร์ที่ถือไว้ถูกหยิบออก ร่างอรชรบดเบียดเข้าหาร่างโปร่งมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มแต่งแต้มด้วยสีชมพูระเรื่อทาบทับลงบนริมฝีปากนุ่มของเด็กหนุ่ม

     

                เอเลนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าวนจึงได้แต่หลับตาแน่น ยามเมื่อลิ้นเล็กไล้เลียลงบนกลีบปากเด็กหนุ่มอย่างหยอกล้อ ริมฝีบากบางจึงค่อยๆเผยอออกเพื่อให้ลิ้นเล็กนั่นเข้าไปสัมผัสยังโพรงปากนุ่มของตน

     

                ลิ้นเล็กที่เกี่ยวกระหวัดไปมาอย่างช่ำชองทำให้เอเลนรู้สึกแปลกประหลาด ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกจูบ แต่รสสัมผัสที่ได้ช่างแตกต่างจากคนอันตราย ทั้งที่เด็กสาวตรงหน้ามีวิธีการและความช่ำชองเช่นเดียวกันแต่สัมผัสจากคนขี้แกล้งคนนั้นกลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเร่าร้อนไปพร้อมกัน

     

                เสียงแลกเปลี่ยนความหวานและเร่าร้อนดังระงม ริมฝีปากอิ่มของหญิงสาวผละออก

     

                “ทั้งที่ไม่เคยแต่นายจูบเก่งชะมัด คนคนนั้นของนายสอนมาดีงั้นเหรอ?”

     

                คำถามของเด็กสาวทำให้เอเลนหน้าขึ้นสี นี่ร่างกายของเขาจดจำสัมผัสของคนอันตรายคนนั้นได้มากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ......แปลกเกินไปแล้ว

     

                เด็กสาวค่อยๆไล้เลียลำคอขาวของเอเลน มือเรียวเลิ่กเสื้อของเด็กหนุ่มขึ้นก่อนจะค่อยๆถอดออก

     

                “ถึงจะผมแต่ร่างกายของนายสวยดีนะ”

     

                มือเรียวลูบไล้ไปยังแผ่นอกแบนราบและหน้าท้องของเด็กหนุ่ม ริมฝีปากอิ่มทาบทับกับริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กที่เข้ามาอย่างรู้งาน ตอบสนองปลุกเร้าอารมณ์ให้แก่กัน

     

                เข็มขัดถูกปลดออก ตามด้วยเสียงซิปของกางเกงยีนส์ที่ถูกรูดลง เด็กสาวผละออกจากจูบที่แสนวาบหวาม ใบหน้าหวานยกยิ้มอย่างเย้ายวนด้วยแรงอารมณ์ที่เริ่มปะทุ

     

                “เดี๋ยวฉันจะทำให้นายรู้สึกดีเองนะ”

     

     

     

    ปัง!!

     

                ประตูห้องที่ล็อคไว้ถูกเปิดออกโดยลูกถีบของชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึง ใบหน้าที่กำลังขึ้นสีด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าซีดเซียวลงทันทีเมื่อเห็นผู้บุกรุกที่เข้ามา

     

                “ดูเหมือนนายจะว่างมากไปสินะ....ไอหนู” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถาม นัยน์ตาสีหมอกวาวโรจน์ราวกับมีประกายไฟฟ้าในดวงตา

     

                “เดี๋ยวสินี่คุณบุกมาแบบนี้...” เด็กสาวที่ดูเหมือนจะได้สติก่อนโวยวายขึ้น แต่เมื่อโดนตาคมตวัดจ้องมา คำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ

     

                มือหนาหยิบธนบัตรขึ้นมาปึกนึงก่อนจะสอดเข้าไปที่ร่องอกอิ่มของเด็กสาวผมยาว

     

                “ค่าเสียเวลา ไปซะ”

     

                “อ....ค่ะ” ไม่รอช้าร่างอรชรของเด็กสาวรีบวิ่งออกจากห้องแต่โดยดี เหงื่อเม็ดผุดซึมทั่วร่างกาย นัยน์ตาคมที่เพียงจ้องมองมาราวกับจะทำให้เลือดในกายเป็นน้ำแข็งนั่นช่างน่ากลัวจนแทบจะหยุดหายใจ

     

     

     

     

     

                เสียงฝีเท้าที่วิ่งไกลออกไปราวกับเป็นช่วงนับถอยหลังของเอเลน เด็กหนุ่มพยายามฝีนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนจะพยายามยันกายลุกขึ้นเพื่อหวังจะเก็บเสื้อที่กองอยู่บนพื้นของตน

     

                หมับ!

     

                มือแกร่งจับข้อมือบางของเด็กหนุ่ม แรงบีบที่บีบข้อมือทำให้เอเลนขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ

     

                “ผ....ผมเจ็บนะ”

     

                “ไม่ยกรู้ว่านายชอบสเป็คแบบนั้น ที่นี้เหม็นกลิ่นน้ำหอมของยัยนั่นชะมัด”

     

                รีไวจับร่างโปร่งหมุนตัวขึ้นพาดบ่าของตน เอเลนได้แต่ดิ้นไปมาบนไหล่แกร่ง แต่แขนแข็งแรงนั่นกระชับเขาแน่นมากยิ่งขึ้น

     

                “อย่าดิ้นมากนักไอหนู ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์เฮงซวยที่สุด”

     

                เสียงที่เอ่ยขึ้นต่ำอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ของชายหนุ่มทำให้เอเลนได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างโปร่งบางหยุดขัดขืน เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอแล้วทำไมคนขี้แกล้งคนนี้ถึงต้องได้โมโหมากขนาดนี้กัน....

     

     

     

                กุญแจห้องสูทถูกยื่นให้ทันทีที่ชายหนุ่มเหยียบย่างเข้ามา พนักงานและบริกรต่างๆไม่มีใครกล้าสบตาหรือเอ่ยทักทายตามหน้าที่ หญิงสาวที่ล็อบบี้ยื่นกุญแจเปิดห้องให้อย่างสั่นเกรง และเมื่อบริกรพาไปถึงห้องพักรีไวจัดการยัดเงินจำนวนมากเป็นค่าทิปให้กับบริกรก่อนจะปิดประตูและล็อคเพื่อเป็นการบอกว่าถึงเวลาส่วนตัวของแขกแล้ว

     

                ร่างบางถูกจับโยนเข้าห้องน้ำฝักบัวถูกเปิดใส่เด็กหนุ่มจนเปียกชุ่ม

     

                “เหม็นกลิ่นน้ำหอมของยัยนั่นชะมัด” สบูถูกถูจนเป็นฟองก่อนชโลมลงบนตัวที่เปียกชุ่ม กางเกงยีนส์ที่เหลือกำลังจะถูกถอดออกด้วยมือแกร่งแต่เอเลนดึงมือกำลังรุกรานนั่นให้หยุด

     

                “ผมอาบน้ำเองได้”

     

                “โฮ่ ยัยเด็กน่ารังเกียจนั่นแตะต้องนายได้แต่ฉันคนนี้ไม่ได้สินะเอเลน”

     

                ใบหน้าเฉยชายกยิ้มขึ้น รอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกสันหลังเย็นวาบ

     

                รีไวดึงเด็กหนุ่มออกจากห้องน้ำก่อนจะโยนขึ้นเตียงขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้อง เสื้อสูทราคาที่เปียกชุ่มถูกถอดลงกองกับพื้นอย่างไม่ใยดี

     

                “ที่นี้ไม่ใช่คอนโดของฉัน เพราะงั้นไม่มีกฎสามข้อบ้าๆนั่นเข้าใจไหมไอหนู”

     

                แขนแกร่งดึงกางเกงยีนส์ที่ชุ่มไปด้วยน้ำออกแต่เอเลนพยายามรั้งอาภรณ์ท่อนล่างของตนไว้

     

                “หยุดนะ!!

     

                เสียงหวานพยายามตะโกนห้ามแต่ชายหนุ่มไม่ฟังคำทัดทาน

     

                “ถ้านายอยากนักทำไมไม่บอกฉันล่ะไอหนู ฉันยินดีที่จะสอนนายอยู่แล้ว”

     

                ด้วยกำลังที่มากกว่ากางเกงยีนส์ที่เด็กหนุ่มพยายามฉุดรั้งไว้ถูกดึงออกจากขาเพรียวทั้งสองข้าง แขนแกร่งรวบข้อมือบางของเด็กหนุ่มขึ้นก่อนจะกดจมลงกับฟูกเตียงด้วยมือเพียงข้างเดียว ร่างกายหนาแทรกที่หว่างขาก่อนจะจับแยกพาดกับสะโพกและต้นขาของตน

     

                “ปล่อยนะ! คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เอเลนพยายามดิ้นรนอีกครั้ง พละกำลังที่มีมากกว่าของชายหนุ่มแม้จะดิ้นเท่าไรแต่กลับไม่เป็นผล ทำไมอยู่ๆคนคนนี้ถึงได้ทำแบบนี้กับเขา!?

     

                “อยากลองไม่ใช่เหรอเอเลน เรื่องของเซ็กส์ ไม่จำเป็นต้องให้เด็กแบบนั้นสอนหรอกนะ ถ้าอยากได้ประสบการณ์ล่ะก็ผู้ใหญ่อย่างฉันน่าจะดีกว่าจริงไหมไอหนู?”

     

                “แกมันตาแก่โรคจิต!” นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองกับใบหน้าเฉยชาที่ประดับรอยยิ้มชวนขนลุก แม้จะหวั่นเกรง แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ทั้งที่ไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตน ตาลุงบ้านี้โมโหอะไรอยู่กันแน่? โมโหที่เขาออกมาข้างนอกตอนดึก หรือโมโหที่เขากำลังจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าอย่างนั้นทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคนตรงหน้านี้สักนิดแล้วทำไมถึงต้องมาโกรธเขาด้วยกันล่ะ!?

     

                “โฮ่ ดูเหมือนฉันจะใจดีกับแกมากไปสินะเอเลน” มือสากลูบไล้ไปตามร่างกายขาวเนียนใต้ร่าง รอยลิปสติกที่ยังหลงเหลือจางๆทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของรีไวยิ่งพุ่งขึ้น เล็บคมจิกลงบนผิวเนื้ออกของร่างโปร่ง เลือดสีสดไหลซึมออกจากรอยข่วน

     

                “โอ๊ย เจ็บ เจ็บ!!

     

                เอเลนกรีดร้องเมื่อเล็บคมยังคงข่วนเพื่อหวังลบรอยลิปสติกที่ยังติดอยู่บนผิวเนื้อ

     

                “ฉันเคยบอกไปแล้วนะเอเลนว่าแกเป็นของฉัน แล้วฉันก็ไม่ชอบให้ของของฉันมีตำหนิ”

     

                “ฉันไม่ใช่ของของแกไอบ้าเอ๊ย!

     

                คำปฏิเสธที่เหมือนกับทุกครั้ง ถ้าเป็นปกติเขาคงจะหยอกล้อเจ้าเด็กนี้กลับไป แต่อารมณ์ที่ขุ่นมัวและความรู้สึกตีบตันในอกซ้ายนี้คำปฏิเสธของเด็กหนุ่มราวกับเชื้อเพลิงที่เผาไหม้อารมณ์ขุ่นเคืองนี้ปะทุขึ้นสูง

     

                ได้  ในเมื่อปฏิเสธมาแบบนี้คงถึงเวลาที่จะทำให้ร่างกายนี้เป็นของเขาจริงๆเสียที

     

                ริมฝีปากคมทาบทับบดขยี้ริมฝีปากชอบต่อล้อต่อเถียง ลิ้นร้อนดูดดุนลิ้นบางที่พยายามหลีกหนีในโพรงปาก ปลายลิ้นเรียวถูกเกี่ยวต้อนไล้วนอย่างดื้อดึงและรุ่มร้อน

     

     

     

                ทั้งที่อุตส่าห์คิดว่าเป็นคนดีบ้างแล้ว และแบบนี้ก็เท่ากับว่าทั้งเขาและคนคนนี้ก็จะวนกลับไปที่เดิมน่ะสิ ทั้งที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วแบบนี้ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเขาก็ไม่เข้าใจอะไรเลยสักทีน่ะสิ!!

     

     

     

     

     

     

     

                กึก!!

     

                รสฝาดของเลือดและกลิ่นคาวที่คลุ้งในปากทำให้รีไวผละออกจากร่างบาง ริมฝีปากของชายหนุ่มถูกกัดจนเลือดไหลเป็นทางหยดลงบนผ้าปูที่นอนสีขาวของโรงแรม ใบหน้าคมตวัดมองสบกับใบหน้าหวานที่อยู่ใต้ร่าง นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่วาวโรจน์อย่างขุ่นเคืองนิ่งงันสบกับนัยน์ตาสีมรกตของเด็กหนุ่ม

     

                นัยน์ตาสีมรกตที่แสนดื้อดึงกำลังคลอเบ้าด้วยหยาดน้ำตาใส ริมฝีปากที่แสนอวดดีกำลังขบกันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตน

     

                เป็นครั้งแรกที่เห็นเด็กหนุ่มที่แสนอวดดีและดื้อดึงร้องไห้ออกมา ความรู้สึกขุ่นหมองจนขาดสติเริ่มเบาลง ร่างแข็งแกร่งนิ่งงันมองร่างบางที่สั่นไหว มือแกร่งที่พันธนาการข้อมือทั้งสองของเด็กหนุ่มคลายออก

     

                “ฮึ่ก” เอเลนพยายามเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นของตน

     

                ไม่คิดว่าตนเองจะขี้แยขนาดนี้ อีกทั้งต้องมาร้องไห้ต่อหน้าคนที่น่าโมโหที่สุดตอนนี้ไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ทั้งหมดก็เพราะหมอนี่นั่นแหละ เพราะหมอนี่ เพราะตาลุงโรคจิตนี่ชอบทำอะไรแปลกๆกับเขานั้นแหละ

     

                “เอเลน” รู้สึกผิดกับการกระทำของตนที่เผลอปล่อยไปตามแรงอารมณ์ จึงได้แต่เพียงเอ่ยชื่อของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

     

                “แกน่ะมันโหดร้าย ฮึ่ก!” เอเลนพยายามข่มกลืนก้อนสะอื้นของตน

     

                ร่างโปร่งค่อยยันกายขึ้นนั่ง มือบางคว้าหมอนที่อยู่ใกล้กระหน่ำตีลงที่ชายหนุ่ม

     

    ปึก ปึก ปึก

     

                เสียงหมอนกระทบกับร่างแกร่งของชายหนุ่ม รีไวยังคงนั่งอย่างนิ่งเฉยให้ร่างโปร่งฟาดกระหน่ำหมอนลงมาใส่ตนเองพร้อมทั้งเสียงสะอื้นไห้ที่พยายามอดกลั้นไว้ของเจ้าตัว

     

    “บ้า บ้า บ้า !!!

     

                เสียงหวานที่แหบพร่าลงจากการสะอื้นตะโกนว่าชายหนุ่มอย่างไม่หยุดหย่อน

     

    “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ตลอด ทำไมถึงชอบบังคับผมนักนะ ฮึ่ก!

     

    “คุณมันเป็นตาลุงโรคจิต!! แถมยังขี้โมโห!!

     

    ปึก ปึก ปึก

     

                เอเลนยังคงกระหน่ำกระแทกหมอนลงบนร่างของชายหนุ่ม มือบางค่อยๆอ่อนแรงลงก่อนจะคว้าหมอนใบเดิมเข้ากระแทกร่างของคนอันตรายเอาแต่ใจ

     

    “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

     

                ร่างโปร่งหอบจนตัวโยน เสียงสะอื้นเริ่มหยุดแต่ม่านน้ำตายังคงหลั่งรินจากตาสีมรกตคู่งาม

     

    “ฉัน........ขอโทษ”

     

                แม้จะแผ่วเบาแต่สองหูได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อกี้คนเอาแต่ใจไม่ฟังอะไรเอ่ยขอโทษเขางั้นเหรอ ทั้งที่หัวรั้นและชอบบังคับมาตลอด คนคนนั้นยอมเอ่ยขอโทษเขาอย่างนั้นเหรอ ใบหน้าหวานที่ยังคงเปื้อนด้วยคราบน้ำตามองชายหนุ่มที่ก้มหน้าสำนึกผิดอย่างนิ่งงัน

     

     

     

                “แล้วทำไมคุณต้องโมโหขนาดนั้น” เอ่ยถามออกไปเพื่อคลายความสงสัย

     

                เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาและคนอันตรายน่าโมโหคนนี้จะยอมเปิดใจคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

     

                ใบหน้าเฉยชาเงยมองสบกับนัยน์ตาสีมรกตที่ยังคลอด้วยหยาดน้ำอุ่น มือแกร่งเอื้อมไปลูบไล้ยังรอยข่วนของตนที่อยู่บนหน้าอกที่เปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม

     

                “อาจเป็นเพราะ..............อิจฉา.......”

     

                คำตอบของชายหนุ่มที่ได้ฟังทำให้อกซ้ายของเอเลนวูบไหวแปลกๆ อิจฉางั้นเหรอทำไมต้องอิจฉากันล่ะ? ไม่เห็นเข้าใจเลยเขาเป็นเพียงแค่ของเล่นสนุก เป็นเพียงแค่เกมของคนเอาแต่ใจคนนี้ไม่ใช่รึไงกัน?

     

                “คุณมันขี้โกง” ริมฝีปางบางเม้มเข้าหากัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิดแต่สิ่งที่เป็นอยู่นี่ถ้าเอ่ยออกไปคนอายุมากกว่าตรงหน้าจะเข้าใจบ้างรึเปล่า?

     

                “คุณมันแย่ที่สุด ทั้งเอาแต่ใจ ชอบบังคับ และโมโหอย่างไม่มีเหตุผล” ใบหน้าหวานมองสบกับใบหน้าคมที่ยังคงจ้องมองมาอย่างนิ่งงัน

     

                “ทั้งยังชอบแกล้ง.............แต่...............คุณกลับเอาใจใส่ผมทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด”

     

                “แถมยังลามกทำแต่เรื่องที่ผมไม่ชอบ” นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริก

     

                “ทั้งที่ไม่ชอบแต่ผมกลับไม่รังเกียจที่คุณสัมผัสผมเลยสักนิด แบบนี้มันบ้าชะมัด!!” หลายครั้งที่ถูกสัมผัสตัวเขาที่ไม่ต่อต้านทั้งยังรู้สึกอบอุ่นในอกอย่างแปลกประหลาด ตัวเขาที่แปลกไปแบบนี้ก็เพราะความผิดของชายหนุ่มตรงหน้านี่ล่ะ!!

     

     

     

                คำพูดของเอเลนราวกับน้ำที่ชโลมใจที่ครุกรุ่นเมื่อสักครู่ ความรู้สึกมัวหมองเบาบางจนแทบมลายหายไป มือแกร่งขึ้นลูบบนแก้มเนียนของเด็กหนุ่มปาดหยาดน้ำใสที่หลั่งรินออกไป

     

                “ดูเหมือนกฎของที่1ของนายจะไม่จำเป็นแล้วสินะ”

     

                มือทั้งสองข้างค่อยประคองใบหน้าหวานของเด็กหนุ่ม ริมฝีปางคมเคลื่อนทับกับริมฝีปากบางอีกครั้ง กลีบปากนุ่มเผยอออกอย่างเต็มใจรับปลายลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามา ปากหนาคลึงบดลงบนกลีบปากบางปลายลิ้นร้อนไล้วนรับรสจูบหอมหวานในโพรงปากนุ่ม

     

                ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้จูบกลีบปากบางนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มตอบรับอย่างไม่อิดออดและยินดี ความรู้สึกปรีเปรมที่ไม่เคยพบเจอราวกับเติมเต็มให้แก่กันและกัน

     

                ลิ้นร้อนเลียกลืบปากนุ่มอย่างหยอกล้อห่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง

     

                “ถึงผมจะไม่ได้รังเกียจแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้จับต้องได้ตามอำเภอใจหรอกนะตาลุงโรคจิต”

     

    ทันที่ที่ริมฝีปากถูกถอดทอน เจ้าเด็กปากดีก็ยังคงทำตัวได้น่าสั่งสอนเหมือนเดิม

     

    “ไม่ได้รังเกียจก็แสดงว่าชอบสินะเจ้าหนู” รีไวยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

    รอยยิ้มที่กลับมาเป็นปกติของคนตรงหน้าทำเอาใบหน้าหวานรู้สึกแปลกๆ

     

    “หลงตัวเองชะมัด”

     

    กางเกงยีนส์สีซีดถูกโยนคืนให้กับร่างโปร่ง รีไวหยิบชุดสูทของตนที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาพาดที่แขนอีกข้างของตน

     

    “แต่งตัวซะ กลับบ้านกันเอเลน”

     

    เอเลนมองกางเกงสีซีดของตนสลับกับชายหนุ่ม เพราะความชุลมุลเขาจึงพึ่งตระหนักว่าตอนนี้ตนเองเหลือเพียงแค่กางเกงชั่นในที่เป็นประการด่านสุดท้าย

     

    ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่น คืนนี้เขาเจอประสบการณ์อะไรหลายอย่างน่าดู ตอนแรกเกือบจะได้หมดสิ้นกับการเป็นหนุ่มซิงกับเด็กสาวที่เพิ่งเจอกัน แต่อีกไม่ถึงชั่วโมงเกือบจะต้องมาเสียพรหมจรรย์ที่ข้างหลังให้กับตาลุงโรคจิตขี้โมโหที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายนี้ทั้งหมด

     

    “นายจะค้างที่นี้เหรอไงเจ้าหนู?” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียง

     

    นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองใบหน้าคมที่มองมา ถ้ามัวแต่กลัวก็จะไม่มีอะไรคืบหน้าสินะ อีกอย่างบางทีเขาอาจจะได้เข้าใจสถานภาพตอนนี้เพิ่มมากขึ้น ประสบการณ์บางอย่างมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ล่ะมั่ง....

     

    มือบางจับชายเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่ม ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อกลีบปากบางค่อยๆเอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ออกไป

     

    “คุณบอกจะสอนให้ผมไม่ใช่เหรอไง?”

     




     

     

    ชายหนุ่มประคองร่างไร้สติของร่างโปร่งเข้ามาในอ้อมแขน ริมฝีปากคมกดทับที่ขมับของคนหมดสติไป นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองใบหน้าหวานที่จมดิ่งสู่ห่วงนิทราพลางยกยิ้มบาง

     

    ทั้งที่คิดว่าพอได้ตัวเจ้าหนูนี่มาเกมทุกอย่างก็คงจบ แต่พอเขาได้กอดร่างโปร่งบางนี้ราวกับว่าความปรารถนาทั้งมวลที่มีจะถาโถม ความรู้สึกที่ราวกับต้องการอย่างไม่รู้จักพอ ยิ่งได้แนบชิดยิ่งรู้สึกต้องการ ยิ่งได้ครอบครองความปรารถนาก็ยิ่งเพิ่มทวี สิ่งหนึ่งที่เริ่มเข้าใจอย่างแน่ชัด ดูเหมือนตัวเขาจะหลงเด็กหนุ่มในอ้อมกอดคนนี้จนยากจะถอนตัว

     

    เกมที่เริ่มต้นขึ้นอย่างที่เขาเคยคิดไว้ดูเหมือนอาจไม่มีจุดสิ้นสุดก็เป็นได้ หรือแท้จริงแล้วมันอาจไม่ใช่เป็นเพียงแค่เกมตั้งแต่ต้นก็ได้........

     

    TBC.

     

    .........................................................................................................................................................

    Talk: ลงฟิคอย่างต่อเนื่องหลังจากหายไปสักแปบ(แล้วเดี๋ยวมันอาจหายไปอีก) ฟิลมาเลยต้องรีบปั่นเครอะ *w*

    ในที่สุดตอนที่หลายท่านรอคอย(?)ก็มา ความรู้สึกของทั้งคู่เริ่มกระจ่างมากขึ้น ก็เหลือแต่จะยอมรับกันรึเปล่าก็เท่านั้นเองค่ะ ตอนนี้เขียนอย่างมีนงง+ง่วงมากมาย ช่วงไหนมึนๆต้องขออภัยนะคะแหะๆ ><""


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×