ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เริ่มต้นของแผนการ!!
เชอร์รี่เดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากเดินไปหยิบของกินที่จัดไว้ งานเลี้ยงวันนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ ค็อกเทล เป็นการจัดงานที่เชอร์รี่ชอบที่สุด เพราะเธอจะได้หยิบกินได้ไม่อั้น แถมวันนี้มีค็อกเทลให้เลือกเยอะแยะอีกด้วย ตอนนี้หยิบมาก่อนสี่อย่าง เดี๋ยวค่อยเดินไปเอามาอีก เชอร์รี่คิดอย่างอารมณ์ดี
เสียงดังคล้ายคนกำลังเถียงกันไปมาดังออกจากกลุ่ม เชอร์รี่หันไปถามแก้ว เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอเดินไปหยิบของกินเพียงแป๊บเดียวเอง
“ก็อีเป้อ่ะดิ มันบอกว่าพี่ชายของน้อยหน่าอ่ะเป็น...เกย์!!” ประโยคสุดท้ายแก้วตาพยายามพูดให้เบาที่สุด เพราะตอนนี้น้อยหน่ากับเป้ยังเถียงกันอยู่เลย
“บ้า!! พี่เขาออกจะแมน” เชอร์รี่ออกความเห็น ในสายตาเธอ พี่ชายเป็นผู้ชายที่หล่อน่ากินทีเดียว ถ้าเธอคิดอยากจะกินใครสักคน พี่ชายอยู่TOP 5 เลย คิดเหมือนเคยกินใครมาแล้ว ทั้งทีความจริงคือ...ยัง
“ก็นั้นแหละ พวกฉันก็ว่า แต่อีเป้มันกะรันตรีเลยนะแก ทำเอาน้อยหน่าเสียเซลฟ์ไปเลย”
เชอร์รี่จึงเดินไปนั่งข้างน้อยหน่าแล้วพูดให้กำลังใจแทน
“น้อยหน่า อย่าไปเชื่ออีเป้มันเลย มันเห็นใครหล่อก็เหมารวมว่าเขาเป็นเกย์หมดแหละ มันคอยกันท่าเราไง” พูดไปพลางแต่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจหรอก
“ยัยเชอร์รี่ แกไม่เคยได้ยินเหรอ ผีย่อมเห็นผีด้วยกันน่ะ”
“เคย แต่ผีอย่างแกเนี้ย เชื่อไม่ได้”
“ไม่เชื่อแกก็ลองดูสิ” น้ำเสียงเป้ท้าทาย
“แล้วทำไมแกไม่ลองก่อนล่ะ ก็ไหนแกบอกว่าเขาเป็นเกย์ไง แกลองก่อนเลย” เชอร์รี่สวนกลับ จะบ้าเหรอ อยู่ๆให้ไปลองกับพี่ชาย ยังไม่เคยกับใครเลย เดี๋ยวก็ได้หน้าแตกกันพอดี
“พอๆ พี่ชายน้อยหน่าไม่ใช้สินค้าทดลองนะ” น้อยหน่าพูดขึ้นอย่างเหลืออด ทั้งไม่แน่ใจด้วยว่าพี่ชายเป็นเกย์จริงหรือเปล่า เธอต้องลองหาวิธีสืบดูให้ได้
“ช่างเรื่องพี่ชายน้อยหน่าเถอะ วันนี้วันเกิดน้อยหน่านะ เรามาอวยพรให้สาวน้อยประจำกลุ่มกันดีกว่า” เชอร์รี่เอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนประเด็น เพื่อนๆในกลุ่มต่างเห็นด้วย บรรยากาศจึงเปลี่ยนไปเป็นสนุกสนานเหมือนเดิม ไม่มีใครสนใจพี่ชายอีกแล้วว่าเขาจะเป็นเก้งกวางหรือสัตว์ป่าสงวนสปีชีส์ไหน ตอนนี้มีแต่เฮกับเฮของเหล่าชะนีน้อยเท่านั้น
เสียงเฮฮาดังลั่นออกมาจากกลุ่มเพื่อนน้อยหน่า รพีเผลอหันไปมองเชอร์รี่อีกแล้ว วันนี้เธอมาในชุดหวานสีฟ้า ทำให้เธอดูไม่เหมือนผู้หญิงแก่นกล้าคนนั้นเลย
นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่มองหา เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายที่ ถ้าไม่ใช่แล้วเขาไม่อยากจะเสียเวลาด้วย ก็เท่านั้น อาจมีช่วงเวลาที่เขาได้คบใครผ่านๆบ้างแต่ไม่ได้คิดจริงจังอะไร เป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันดีทั้งสองฝ่ายว่าเป็นแบบไหน ต่างคนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากกัน
อยู่ๆรพีก็นึกถึงคืนที่เขาแบกเธอเข้าห้องนอนของน้อยหน่า มันเป็นการกลับบ้านที่ทุลักทุเลมากจริงๆ ไหนจะต้องทนเหม็นกับกลิ่นอ้วก แล้วไหนอยู่ๆสาวที่นั่งมาด้วยยังเอะอะโวยวายคล้ายละเมออีกต่างหาก พอถึงบ้านเขาประคองขึ้นเข้าห้อง เจ้าหล่อนยังหันมาชวนเขาเข้าไปนอนด้วยอีก ยิ่งคิดยิ่งขำจริงๆ
“มองใครอยู่วะ” พีรวิชญ์ถามเมื่อเห็นรพีจ้องมองสาวสวยที่นั่งข้างน้อยหน่าอย่างไม่วางตา
“อ๋อ เพื่อนน้อยหน่านะ”
“แล้วแกไม่รู้จักเขาเหรอ”
“ไม่ เห็นน้อยหน่าบอกเพื่อนสมัยมหาลัย ช่วงนั้นฉันไปต่อโทที่อเมริกาพอดี เลยไม่ค่อยรู้จักเพื่อนของน้อยหน่าสักเท่าไหร่” รพีหันมาตอบยิ้มๆ
พีรวิชญ์จึงเปลี่ยนเรื่องถามเรื่องงานแทน สำหรับที่ดินที่ได้วางโครงการคอนโดหรู โดยบริษัทของพีรวิชญ์จะเป็นคนเข้ามาตกแต่งภายในทั้งหมด เขาจึงอยากรู้ความคืบหน้าของงานก่อสร้างว่าไปถึงไหนแล้ว รพีจึงพูดคุยกันเรื่องงานจนลืมหญิงสาวเชอร์รี่ไปเลย
เชอร์รี่สาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่กินเหล้าจนเมาจนไม่รู้เรื่องอีกแล้ว เช้านี้เธอตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวเพราะเมาค้าง แล้วยังพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของน้อยหน่าเป็นครั้งที่สองแล้ว ดีที่ครั้งนี้ไม่ได้มีเธอคนเดียวที่เมาจนกลับบ้านไม่ได้ ดูจากซากที่นอนอยู่เกลื่อนห้อง ...นับได้ห้าศพ... ที่สำคัญยังดีที่ตื่นมาครั้งนี้ชุดยังอยู่ครบ เชอร์รี่สันนิฐานเอาเองว่าเมื่อคืนคงมีอาการเมาแบบธรรมดาเท่านั้น แอบหวังว่าเธอคงไม่ได้ไปสร้างวีรกรรมอะไรเพิ่มอีก
ช่างเป็นสาวที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ
เชอร์รี่เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน ตกใจแทบตายเมื่อเห็นสภาพตัวเองในกระจก หน้าตาเหมือนศพเลยอ่ะ เธอจ้องมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมา
ภาพหญิงสาวผมเพ้ายุ่งเยิงไม่เป็นทรง มีคราบมาสค่าร่าเลอะใต้ตาเป็นสีดำคล้า บนเสื้อมีรอยสีแดงเป็นดวง น่าจะเป็นไวน์แดงแก้วที่หก เชอร์รี่ได้แต่คิด แอบหวังไว้ว่าคงไม่ได้ทำอะไรเปิ่นๆออกไปหรอกนะ
“เชอร์รี่ตื่นแล้วเหรอ” เสียงน้อยหน่าทักทายเมื่อเห็นเชอร์รี่เดินออกมาจากห้องน้ำ
“อืม ยังไม่ค่อยตื่นดีหรอก อาการตอนนี้เหมือนละเมอมากกว่า”
น้อยหน่าหัวเราะกับคำตอบของเชอร์รี่ เธอชอบทำให้เพื่อนหัวเราะได้เสมอ
“เดี๋ยวได้กินคงตื่นเต็มตาแหละ” ตลกบริโภคล่ะ
“เอาสิ ให้แม่บ้านจัดไว้แล้ว ลงไปกินกันเลยไหม”
“แล้วศพทั้งห้านี้ล่ะ” เชอร์รี่หันไปทางเพื่อนที่ยังนอนกรนอยู่บนโซฟาและพื้นห้อง
“ก็ปล่อยให้เน่าอยู่นี้แหละ” น้อยหน่าหันมาตอบเสียงใส สองสาวหัวเราะกับมุขเล็กๆ ยามสายแล้วเดินคล้องแขนกันลงไปหม่ำข้าวเช้า
อาหารเกือบจะอร่อยแล้ว ถ้าน้อยหน่าไม่พูดเรื่องที่ทำให้เธอแทบจะกินอะไรต่อไม่ลงออกมา
“เชอร์รี่ช่วยทำให้พี่ชายน้อยหน่าเป็นผู้ชายหน่อยสิ”
น้อยหน่า เธอพูดเหมือนให้ฉันช่วยพาพี่เธอไปรักษาสิวหน่อยสิอย่างนั้นแหละ
“ตอนนี้พี่ชายน้อยหน่าก็เป็นผู้ชายอยู่แล้วนี้” เชอร์รี่ตอบกลับด้วยคำถามเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
“มันก็ใช่ แต่น้อยหน่าหมายถึง ผู้ชายจริงๆ ไม่ใช่เกย์” น้อยหน่าอธิบายต่อ
“เมื่อเช้าฉันแอบเข้าไปในห้องพี่ชายมา เหมือนที่เป้มันบอกเลย ของทุกอย่างวางเป็นระเบียบมากเกินไป เสื้อผ้าก็แขวนแบบเรียกสีอีกด้วย”
เอิบ...ก็บ้านเธอมีแม่บ้านนี้จ๊ะ มันก็ต้องเป็นระเบียบสิแม่คู๊ณ แต่ยัง เชอร์รี่ยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกไป นักสืบสาวก็ให้ข้อมูลเพิ่มมาอีก
“แล้วนี้ ฉันเห็นเครื่องสำอางในห้องน้ำพี่ชายด้วย โอ๊ย!!ตอนฉันเจอนะ อย่างจะกรี๊ดออกมาให้ลั่นบ้าน เป้มันบอกว่าถ้าเป็นยี่ห้อนี้ มีแต่เกย์เท่านั้นที่ใช้”
ตอนนี้ฉันก็อยากจะกรี๊ดออกมาแล้วเหมือนกัน เธอกำลังอ้าปากจะพูดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ทันนักสืบสมัครเล่น
“ที่สำคัญ ไม่มีรูปผู้หญิงสักกะใบเดียวในห้องพี่ชาย”
ถ้าเป็นแฟนที่เลิกไปแล้ว เป็นฉันก็ไม่เก็บรูปไว้หรอก เชอร์รี่อ้าปากจะพูดอีกครั้ง แต่ก็อ้าค้างอีกจนได้
“ฉันนั่งคิดตลอดเช้าเลยนะว่าจะทำยังไงดี พี่ชายเป็นคนที่ต้องสืบทอดสกุลของเรา จริงไหม และยังเป็นคนที่ต้องรับต่อกิจการจากคุณพ่ออีก จะให้เขาเป็นเกย์ไม่ได้เด็ดขาด”
“ฉันเลยคิดว่า จะทำยังไงดีให้พี่ชายกลับใจมาเป็นผู้ชายจริงๆ แล้วฉันก็นึกถึงเธอแหละเชอร์รี่”
ง่ะ ไม่ต้องมาคิดถึงฉันในเวลาแบบนี้ก็ได้
“มีแต่เธอเท่านั้นแหละ ที่ฉันจะพึ่งได้ในยามยากแบบนี้” น้อยหน่าเอื้อมมาจับมือเชอร์รี่ไว้
เงอะ
“ช่วยพี่ชายฉันหน่อยนะ ถ้าเป็นเชอร์รี่ พี่ฉันต้องกลับมาเป็นผู้ชายได้แน่ๆ”
ฉันไม่ใช่หมอนะจ๊ะ จะไปช่วยได้ไงเล่า
“เชอร์รี่ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี แถมเรื่องนั้นก็มีประสบการณ์ ต้องช่วยชี้ทางสว่างให้พี่ชายได้แน่”
ประสบการณ์ฉันไม่มียะ มีแต่ทฤษฏีล้วนๆ แล้วฉันไม่ได้พระเจ้านะหล่อน จะได้ทำให้พี่เธอบรรลุได้น่ะ
“ว่าไง ช่วยเพื่อนหน่อยได้ไหม ถือว่าเห็นแกเพื่อนตาดำๆคนนี้เถอะนะ”
แน๊ะ เอาความเป็นเพื่อนมาอ้างอีกล่ะ
เชอร์รี่ถอนหายใจออกหนึ่งที กว่าน้อยหน่าจะเว้นช่องไฟให้เธอได้พูดแทรกบ้าง ก็แม่คู๊ณเล่นประเคนข้อมูลบวกคำขอร้องมาซะยาวยืด
“ฉันทำไม่ได้หรอกน้อยหน่า ถ้าพี่แกเป็นเกย์จริงๆ ผู้หญิงที่ไหนก็ช่วยไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” เชอร์รี่ปฏิเสธ
“เรายังไม่ได้ลองเลย เชอร์รี่ลองช่วยฉันก่อนนะ ถ้าทำแล้วพี่ฉันไม่สามารถกลับมาเป็นผู้ชายได้ ฉันถึงจะยอมรับความจริง” เมื่อคืนใครบอกอยู่ว่าพี่ชายตัวเองไม่ใช่สินค้าทดลอง
“แต่ว่า...” เชอร์รี่เริ่มลังเล
“ไม่มีแต่แล้ว สองหัวช่วยกัน นะนะนะ” น้อยหน่าเพิ่มลูกอ้อนเข้ามาอีก
“มันจะดีเหรอแก” เชอร์รี่ยังลังเล ผู้ชายที่เป็นเกย์แล้ว ยังจะสนใจในตัวผู้หญิงอยู่อีกเหรอ เธอได้แต่ตั้งคำถามในใจ
“ดีสิ ถ้าสำเร็จนะ ฉันจะทำกรมธรรม์เพิ่มอีก 2 เล่มเลย”
นอกจากอ้อนวอนแล้ว พี่แกยังเอางานมาล่ออีก
“3เล่มเลย แถมของพ่อด้วย”
เมื่อเห็นเชอร์รี่ยังลังเล น้อยหน่าจึงทุ่มโปรโมชั่นลงไปอีก
สามเล่มเลยเหรอ โห อย่างนี้เดือนหน้าก็ได้ผลงานแล้ว แต่มันจะดีเหรอวะเนี้ย เชอร์รี่ลังเล ผลประโยชน์ก็อยากเอา แต่จะให้เกย์กลายเป็นชายมันจะเกินความสามารถเกินไปหรือเปล่า คิดถึงหน้าพี่ชายขึ้นมาเชอร์รี่ก็ให้รู้สึกเสียดายทุกที หน้าตาก็ดีดันเป็นเกย์ คิดถึงตรงนี้แล้วก็เซ็ง
“แล้วน้อยหน่าจะให้ทำยังไงล่ะ”
เพียงได้ยินประโยคนี้ น้อยหน่ายิ้มกว้างออกมาทันที เชอร์รี่มองแล้วเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมา ไม่รู้แผนของเจ้าหล่อนจะพิสดารขนาดไหนกัน
เพียงได้ฟังแผนการของน้อยหน่าเข้าไปเท่านั้น เชอร์รี่ก็เริ่มกุมขมับ เธอได้แต่คิดว่า
ฉันจะไหวไหมเนี้ย
แผนการทั้งหมดที่ฟังมาเหมือนไม่มีอะไรยากเลย ก็แค่ไปจีบผู้ชายคนหนึ่ง แต่ที่ยากคือ ตั้งแต่เกิดมา เธอยังไม่เคยไปจีบผู้ชายคนไหนเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้งเลย หมาหยอกไก่นะมีบ้าง แต่นั้นมันแค่นิดๆหน่อยๆพอหอมปากหอมคอ ให้เป็นสีสันของชีวิต มันไม่เหมือนกับการจีบจริงจังแบบนี้ พอฟังจบด้วยความสงสัย เชอร์รี่จึงถามน้อยหน่าว่าเธอเอาแผนการมาจากไหน เพราะน้อยหน่าเองยังไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน อยู่ๆมาเล่าได้เป็นฉากๆเลยว่าให้ทำแบบนี้แบบนั้น มันแปลก
“ก็จากนิยายที่เคยอ่านไง” น้อยหน่าตอบตรงๆ
แผนทั้งหมดก๊อปจากนิยายที่น้อยหน่าเคยอ่าน เธอเป็นนักอ่านตัวยงเลย อ่านได้หมดไม่ว่าจะเป็นนิทานยันนิยาย น้อยหน่าจึงหยิบบางเรื่องมาใช้กับแผนการของเธอ
แต่นั้นพระเอกเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่
“แล้วนิยายเรื่องนั้นมันจบไง” เชอร์รี่ถามด้วยความอยากรู้ เผื่อว่าจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“พระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกนะสิ” น้อยหน่าตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติที่นิยายส่วนใหญ่จบแบบแฮปปี้แอนด์ดิ้ง
“เหรอ งั้นฉันก็กำลังจะได้แต่งงานกับพระเอกของเรื่อง ซึ่งก็คือพี่ชายของน้อยหน่าอ่ะดิ เขินอ่ะ” เชอร์รี่ทำท่าเขินอายด้วยการบิดแขนไปมา
“เปล่า แผนการนี้เป็นของตัวอิจฉาในเรื่องต่างหาก”
แป่ว จบข่าว
เขาจะทำยังไงดี อีแก่นี้มันไม่ยอมตายสักที พินัยกรรมก็ยกให้แต่ลูกมัน แล้วที่ทนอยู่ทุกวันนี้มันเพื่ออะไรกันวะ ไม่ได้การล่ะ ต้องทำอะไรสักอย่าง
ใช่แล้ว!! เขาหันไปหยิบนามบัตรหนึ่งขึ้นมาดู ใช่แล้ว!! ความคิดนี้แวบมาในหัวของเขาอีกครั้ง เขาต้องรีบจัดการตามแผนให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะไม่ได้อะไรจากอีแก่นี้เลย
กะ กะ กลัวที่ไหน เกรงใจหรอกน้า... เสียงโทรศัพท์ของเชอร์รี่ดังขึ้นทันทีหลังเธอเสียบชาร์ตแบตจนน้องไอเปิดเครื่องอัตโนมัติขึ้น
“ว่าไงคะ พี่แต” เชอร์รี่เอ่ยทักเสียงใส
“เชอร์รี่ทำไมปิดมือถือล่ะ”
“พอดีแบตหมดคะ แล้วเชอร์รี่ก็พึ่งถึงบ้านเองด้วย พี่แตมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มีสิจ๊ะ ก็ลูกค้าเชอร์รี่โทรมาหาพี่ บอกว่าอยากทำประกันแต่ติดต่อเชอร์รี่ไม่ได้เลย แล้วเขาก็อยากได้ข้อมูลก่อนวันนี้”
“ใครเหรอคะพี่แต” เชอร์รี่ถามอย่างสงสัย
“เขาบอกว่าชื่อ ภาวิน น่ะ”
“ภาวินไหนอ่ะพี่”
“ฉันจะรู้ไหมเนี้ย แต่เขาบอกมีนามบัตรของเชอร์รี่ เขาสนใจอยากได้ข้อมูลตอนนี้เลย แต่เมื่อกี้พี่ติดต่อเชอร์รี่ไม่ได้ เลยส่งปานใจไปคุยแทนก่อนแล้ว เลยโทรมาบอกเชอร์รี่ไว้ก่อน”
“ออ ได้คะ ไม่เป็นไรคะพี่ ให้ปานใจไปคุยก่อนได้เลยคะ” เพราะถ้าให้ออกบ้านไปอีกตอนนี้เธอไม่มีแรงขายแน่นอน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
หลังวางสายจากหัวหน้า เชอร์รี่ล้มตัวลงนอนบนที่นอนทันที ไม่ไหวแล้ว ต้องขอชาร์ตแบตตัวเองบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีแรงไปทำตามแผนของน้อยหน่าแน่ๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น