ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สนใจซื้อประกันชีวิตไหมค้า!! (100%)
"สวัสดีค่ะ สนใจทำกรมธรรม์ประกันชีวิตเพื่อเป็นหลักประกันให้กับครอบครัวสักเล่มไหมคะ" เสียงใสๆ ของสาวนักขายประกันชีวิตของบริษัทแห่งหนึ่ง กำลังยืนชักชวนคนเดินผ่านไปมาในอาคารสำนักงานหรูย่านกลางใจเมือง ช่วงเวลานี้เป็นพักเที่ยงของพนักงานบริษัทต่างๆที่เช่าพื้นที่ในอาคารพอดี ทำให้มีผู้คนจำนวนมากผ่านไปมาหน้าบูธของเธอ
มีบางคนแวะดูรายละเอียดบ้าง บางคนก็ขอเพียงเอกสารไปดูก่อน เชอร์รี่แจกเอกสารพร้อมแนบนามบัตรให้ด้วยรอยยิ้มแย้มเป็นกันเอง หวังว่าอย่างน้อยสักคนละน๊าที่สนใจจะทำประกันชีวิตกับเธอ
เชอร์รี่ผู้หญิงผิวขาวหน้าตาสะสวย ออกแนวจิกๆร้ายๆ รูปร่างนั้นไม่ต้องพูดถึงนางงามยังอาย อกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกกลมมน ขาเรียวยาวดูดีบนรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว ในวันทำงานเธอแต่งตัวด้วยชุดสูทสีกรมท่าติดเข็มกลัดตราบริษัทประกันที่เธอทำงานอยู่ ตามด้วยเข็มขัดสีดำทำให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น พอทำงานกับประกันชีวิตมาได้สองปี ทำให้เธอรู้ว่า การแต่งตัวให้ดูน่าเชื่อถือเป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการขาย คงไม่อยากมีใครฝากชีวิตไว้กับตัวแทนที่ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นหรอก ลูกค้าเห็นคงคิดว่า กูจะฝากชีวิตไว้กับมึงได้ไหมเนี้ย
"วันนี้น่าจะพอแค่นี้แหละ เชอร์รี่ เดี๋ยวสักบ่ายสองเราก็เตรียมเก็บบูธกลับได้เลย เพราะช่วงบ่ายไปก็จะไม่ค่อยมีคนแล้ว" พี่กระแต หนุ่มหน้าใสหัวใจเป็นสาว ผู้จัดการทีมขายเดินมาบอกเชอร์รี่ที่กำลังเตรียมทำข้อเสนอให้กับลูกค้ารายใหม่ที่กำลังนั่งรออยู่
"วันนี้น่าจะพอแค่นี้แหละ เชอร์รี่ เดี๋ยวสักบ่ายสองเราก็เตรียมเก็บบูธกลับได้เลย เพราะช่วงบ่ายไปก็จะไม่ค่อยมีคนแล้ว" พี่กระแต หนุ่มหน้าใสหัวใจเป็นสาว ผู้จัดการทีมขายเดินมาบอกเชอร์รี่ที่กำลังเตรียมทำข้อเสนอให้กับลูกค้ารายใหม่ที่กำลังนั่งรออยู่
“ได้คะพี่แต เดี๋ยวเสร็จเคสนี้แล้วเชอร์รี่จะไปสั่งกาแฟสักแก้ว พี่แตจะเอาอะไรไหมคะ”
“ไม่ล่ะจ๊ะ ขอบใจนะ”
เชอร์รี่เดินนำข้อเสนอที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องปริ๊นให้กับลูกค้าที่นั่งรออยู่
“นี่คะ แบบประกันที่เชอร์รี่คิดว่าเหมาะกับคุณสมชาย ความคุ้มครองสูง เบี้ยประกันไม่แพงมาก ตกปีล่ะ สองหมื่นบาทต่อปี แถมลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะคะ คุ้มครองกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงให้เพิ่มแบบฟรีเบี้ยเลยคะ ถ้าคุณสมชายทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงนะค่ะ ไม่ต้องชำระเบี้ยต่อแล้ว บริษัทจ่ายเบี้ยแทน แล้วถ้าเสียชีวิตที่หลังก็จ่ายทุนประกันให้ผู้รับผลประโยชน์ เป็นแบบประกันที่เน้นความคุ้มครองเป็นหลักเลยน่ะค่ะเนี้ย”
สาวเชอร์รี่พรีเซ็นแบบประกันเสร็จสรรพ หวังในใจ เสร็จกรูแน่
“น้องมีลดค่าคอมให้พี่ไหมล่ะ” คุณสมชายเอ่ยถามหน้าซื่อตาใส ทำหน้ารู้ทันประมาณว่า แบบนี้ได้ค่าคอมเยอะล่ะสิ แบ่งๆกันบ้าง เธอล่ะเบื่อจริงๆกับลูกค้าที่ไม่ดูผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับให้ดีเสียก่อน เอะอะก็ขอคอมมิชชั่นท่าเดียว ตัวแทนมันไม่ต้องกินต้องใช้กันหรือไง!!
ตัวแทนประกันก็คืออาชีพอาชีพหนึ่ง ค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากการขายกรมธรรม์ก็คือผลตอบแทนที่ตัวแทนได้รับจากการทำงาน ซึ่งตัวแทนประกันส่วนใหญ่ไม่มีเงินเดือน จะได้เฉพาะคอมมิชชั่นอย่างเดียว หรือถ้าทำเป้าได้ก็อาจจะมีเงินพิเศษให้บ้าง ถ้าลูกค้าทุกคนขอลดค่าคอมมิชชั่นกันหมด แล้วตัวแทนอย่างเธอจะเอาที่ไหนกินล่ะคะคุณลูกค้า
“คุณสมชายคะ หนูทำแบบนั้นไม่ได้หรอกคะ มันผิดจรรยาบรรณ ถ้ากรมรู้หนูถูกยึดใบอนุญาตเลยนะคะ” เชอร์รี่ตอบแบบเลี่ยงๆ แอบใส่น้ำเสียงออดอ้อนเข้าไว้
“แหม ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละครับคุณ ถ้าคุณไม่ลดซะบ้างใครมันจะไปอยากซื้อประกันชีวิตล่ะครับ ตัวแทนอย่างพวกคุณก็ได้ค่าคอมกันตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ลดๆให้ลูกค้าบ้างซี”
เพียงคุณสมชายพูดจบเท่านั้น ความเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเขากับเธอก็ขาดสะบั้นลงทันที เชอร์รี่ดึงเอกสารข้อเสนอที่ยื่นให้เมื่อครู่กลับมา แล้วยืนขึ้นสูดหายใจเข้าเต็มปอด พร้อมดวงตาลุกโชน ก่อนตะโกนใส่หน้าคุณลูกค้าขี้ขอให้ได้อายกันไปข้างนึงด้วยเสียงอันดัง
“คุณสมชายคะ ถ้าคุณตาย ใครได้รับประโยชน์ของกรมธรรม์นี้คะ ถ้าคุณทุพพลภาพ ใครได้ประโยชน์จากกรมธรรม์นี้คะ ใช่ดิฉันหรือเปล่าค่ะ ไม่ใช่เลย!! ลูกเมียคุณต่างหากที่ได้รับประโยชน์ มันคือหลักประกันให้กับครอบครัวคุณเองต่างหาก ค่าคอมเนี้ย ขอกันจังเลย ตัวแทนจะไม่มีแดกอยู่แล้ว ได้เยอะก็แค่ปีแรกเท่านั้นแหละ แต่เวลาคุณลูกค้าต้องการให้ไปบริการที ต้องไปหา ต้องส่งเอกสารให้ ต้องไปเก็บเบี้ย ทุกปีต้องบริการดีให้สม่ำเสมอ ทำไม่ดีก็โดนร้องเรียนอีก ไปบริการนี้ไม่ได้ไปฟรีนะคะ ไหนจะค่ารถ ค่าเรือ ค่าBTS รายจ่ายทั้งนั้น ตัวแทนก็ต้องกินต้องใช้นะคะคู๊น ไม่ได้อิ่มทิพย์ จะได้ไม่ต้องใช้เงิน” พูดจบ สาวเชอร์รี่ก็เดินสะบัดก้นงอนๆออกมาเลย ทิ้งไว้แต่คุณสมชายขี้ขอนั่งงงเป็นไก่ตาแตก และบรรดาเพื่อนร่วมทีมพร้อมพี่กระแตผู้จัดการทีมทึ่งกับความกล้าพูดของเธอ คุณสมชายได้แต่คิดว่าตั้งแต่เริ่มทำประกันมาไม่เคยโดนตัวแทนด่าสักที มีแต่ตัวแทนมาอ้อนขอให้ช่วยทำสักเล่ม ไม่รู้จะเรียกว่าอึ้งหรืออะไรดี
สาวเชอร์รี่รีบเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็วเกือบจะเหมือนวิ่ง ไม่ใช่เพราะโมโหหน้ามืด แต่เพราะเธอเห็นคนเริ่มมุงเยอะมากขึ้นเลยเริ่มอาย เดินหนีออกมาแทนดีกว่า ใบหน้าขาวนวลครั้งแรกที่แดงด้วยความโกรธ แต่พอได้ด่าลูกค้าไปสักพัก เริ่มแดงด้วยความอาย ไม่ต้องสงสัยเลย เธอได้พลาดลูกค้าคนนี้ไปอย่างแน่นอนแล้ว
“โอ๊ย แหม่งเอ๊ย ไม่น่าด่าออกไปเลย อายเขาไหมเนี้ย” ด่าเสร็จพึ่งมานั่งสำนึกผิดที่หลัง เชอร์รี่ได้แต่โอดครวญอย่างเสียดาย ก็ตอนนั้นมันหน้ามืดนี้นา คิดไปคิดมาจะลดให้เขาสักหน่อย สัก 5% น่าจะได้
ไม่ทันล่ะ ด่าไปซะเยอะ ลูกค้าคงหนีกลับไปแทบไม่ทัน
รพีพึ่งออกจากลิฟท์มาทันเห็นเหตุการณ์สาวขายประกันปรี๊ดแตกใส่ลูกค้าพอดี ชายหนุ่มยังนึกขำท่าทางของหญิงสาวที่ต่อว่าลูกค้าหน้าดำหน้าแดง แถมเขายังสะดุดใจกับดวงตาเฉี่ยวๆ ของหญิงสาว ที่เวลาโกรธเหมือนมีประกายไฟในแววตา ริมฝีปากเรียวบางที่เม้มแน่นด้วยความโกรธ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหญิงสาวช่างดูน่ารัก ถ้าได้มีโอกาสก็อยากจะทำความรู้จักเสียหน่อย รพีคิดตามวิสัยผู้ชายที่เจ้าชู้บ้าง (เป็นครั้งคราว) แต่คิดจริงจังนะเหรอ ยาก เขาแอบเดินตามหญิงสาวหน้าใส ตาคมออกไป
กะ กะ กลัวที่ไหน เกรงใจหรอกน้า ไหนใครว่าไม่กล้าเข้าไป
เสียงโทรศัพท์มือถือของเชอร์รี่ดังขึ้น หญิงสาวหยิบออกมาจากกระเป๋าสูท พอเห็นชื่อของคนโทรเข้าเท่านั้นรอยยิ้มสดใสก็เริ่มกลับมาทันที
“โทรมาได้จังหวะจริงๆ กำลังคิดถึงพอดีเลย” เสียงใสรีบพูดทันที่ทีกดรับสาย
“อืม ใช่ ช่วงนี้กำลังเครียดเลยล่ะ
อืม.... อยากระบายเหมือนกัน ไม่รู้ใครจะช่วยเค้าได้ไหมน้า.......อิอิ
ตัวเองก็....... งั้นคืนนี้ตัวเองก็จัดเค้าให้หนักเลยนะ เค้าช๊อบชอบ.....
.มีคนอยากมาแจมด้วยอีกสามคน.......ก็โอนะ แค่นี้รับไหวอยู่แล้ว เยอะกว่านี้เชอร์รี่ก็ทนได้ ฮะฮะฮะ ..
โอเค แล้วคืนนี้เจอกันจ๊ะ จุ๊บๆ” เชอร์รี่วางสายเสร็จก็ยิ้มหน้าระรื่นได้ทันที หันหลังเดินกลับไปที่บูทเพื่อทำงานต่อ รอนับเวลารอว่าเมื่อไรจะถึงตอนเย็นสักที
รพีไม่ได้คิดที่จะแอบฟังจริง จริ๊ง เขาเพียงแต่บังเอิญได้ยินเท่านั้น และก็บังเอิญอีกนั่นแหละที่เขายืนหลบมุมอยู่เฉยๆ จนเธอพูดโทรศัพท์เสร็จไปเอง เพียงได้ยินบ้างช่วงของการสนทนากับคนปลายสาย ชายหนุ่มก็ตีความไปเองแล้วว่าเธอต้องคุยกับคนพิเศษแน่นอน มีคะขา แถมยังน้ำเสียงออดอ้อน ขอให้จัดหนักอีก!! คิดไปไหน และยังมีคนอยากร่วมแจมอีกสามคน คิดเยอะเกินล่ะ โอ๊ย!! ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดแล้ว เลือดกำเดามันพลาดจะไหล แม่สาวคนนี้ก๋ากั่นจริงๆ รพีได้แต่นึกแอบเสียดายสาวสวยตาคม หุ่นดินระเบิดเสียจริง ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน
แม่สาวก๋ากั่นที่รพีเข้าใจนั้น จริงแท้คือแม่สาวเวอร์จิ้นผู้รักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาได้ถึง 25หนาวโดยแท้ เห็นท่าทางมั่นใจ แต่ตัวเซ็กซ์ซี่แบบนี้ เรื่องแบบนั้นไม่เค๊ยไม่เคยเลย มีหนุ่มหลายคนแล้วที่เดินเข้ามาทักทายไม่ดูตาม้าตาเรือ นึกหวังว่าได้แอ้มสาวง่ายแน่ แต่ที่ไหนได้ โดยด่ากลับให้อายแบบแทบเดินหนีไม่ทันกันทีเดียว
“เชอร์รี่ ลูกค้าคนเมื่อกี้น่ะ คุณสมชาย....”
“ง่ะ เขาจะร้องเรียนหนูเหรอพี่กระแต” เสียงร้อนตัวเอ่ยขึ้นก่อนที่ผู้จัดการจะพูดจบ”
“เปล่าๆ เขาไม่ได้จะร้องเรียนแกหรอก เขาจะทำประกันกับแกต่างหากล่ะ”
“จริงอ่ะ โดนด่าไปขนาดนั้น ยังจะทำประกันกับหนูอีกเหรอ ล้อเล่นเปล่า”
“แกจะบ้าเหรอ ฉันพูดจริง เขาบอกว่าประทับใจแก เพราะพูดตรงไปตรงมา คงไม่หลอกเขาทำประกัน”
“เย้ เย้ เย้ เดือนนี้ถึงเป้าแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย” เพียงได้ฟังคำยืนยัน เชอร์รี่ก็ออกอาการดีใจ กระโดดโลดเต้นทีเดียว เพียงทำยอดได้ตามเป้า เธอจะได้ทำงานแบบชิวๆในเดือนนี้สักที
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ ผับดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง แหล่งรวมสถานบันเทิงหลากหลายร้านเรียงหน้ากันติดถนนใหญ่ แสงสีเสียงพร้อมใจกันเรียกนักท่องราตรีให้แวะเวียนเข้ามาดื่มกิน และแดนซ์กระจายกันในร้านให้ได้เสียเงินกัน
“แกอยู่ไหนแล้วยะ ฉันรอจนขาแข็งแล้วน้า” เสียงบ่นอ่อยๆ ดังไปตามสายเพื่อกระตุ้นให้คนปลายทางเร่งรีบมาโดยไว
“แกรอฉันแป๊บนึง ผ่านแยกไฟแดงนี้ไปก็ถึงแล้ว” เชอร์รี่ตอบออกไปอย่างรีบเร่ง เพราะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นไฟเขียวพอดี
“แค่นี้ก่อนนะแก ไฟเขียวแล้ว เดี๋ยวเจอกัน ไม่เกิน 5 นาที โอ.....” ยังไม่ทันขาดคำ เสียงโครมดังมาจากทางด้านข้างรถยนต์ของเธอเอง
เชอร์รี่ควับหันไปมองรถคู่กรณีทันที รถยนต์ยี่ห้อเบ็นซ์ของคู่กรณีที่ขับเบียดเข้ามาในเลนที่เธอรถของเธออยู่พอดี โดยชนเข้ากับประตูหลังฝั่งตรงข้ามคนขับ อุบัติเหตุรถชนครั้งนี้ไม่ได้ร้ายแรงจนเลือดตกอย่างออกแต่อย่างใด ด้านข้างรถยนต์ญี่ปุ่นเก่าแก่ของเธออาจจะบุบเข้ามาเล็กน้อย หรือสีมอมอาจจะมีถลอกออกมาบ้าง แต่อีคนขับเบ็นซ์ได้เลือดออกแน่ เพราะมันทำให้สาวเชอร์รี่ต้องไปถึงที่นัดช้ากว่ากำหนดแน่นอน
“ฉันว่า 5 นาทีคงไม่พอแล้วล่ะ เพราะว่ามีอีรถคนรวยมาชนท้ายฉัน ถ้าเสร็จแล้วจะรีบไปล่ะกันนะ ขอลงไปด่ามันก่อน”
“เออๆ แกก็ใจเย็นๆน่ะ อย่าไปด่าเขามาก เดี๋ยวเขาไม่พอใจแต่โดนตบกลางสี่แยกไม่มีคนช่วยนะโว๊ย”
เสียงเพื่อนยังตะโกนมาตามสายด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้นิสัยเชอร์รี่ดีว่า แม่มีลุยแน่งานนี้
หญิงสาวลงมาสำรวจความเสียหายของรถ ตั้งใจว่าเจอคู่กรณีลงมาแม่จะจัดให้หนักเลย ขับรถยังไงไม่ดูทางเล้ย ทำให้เธอต้องเสียเวล่ำเวลา
“คุณขับรถยังไงเนี้ย!! ทางเทิงไม่ได้ดูเลยหรือไง ขับรถชนท้ายฉันแบบนี้ ฉันก็แย่สิ คนยิ่งรีบๆอยู่ด้วย โอ๊ย!! จะบ้าตาย พึ่งได้ใบขับขี่มาหรือเปล่าเนี้ย ไม่เห็นหรือไงว่าฉันขับอยู่ในทางของฉันดีๆ คุณคิดจะเบียดก็เบียดมาแบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน แล้ว......” พูดยังไม่ทันจบบทภาณยักษ์ชุดใหญ่ของเจ๊เชอร์รี่ เสียงนุ่มๆของหนุ่มคู่กรณีเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน คงคิดว่าถ้าไม่พูดแทรกตอนนี้ คงโดนอีเจ๊นี้ด่ายันเช้าแน่
“เออ ขอโทษครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณแม่พึ่งออกรถใหม่ให้ ยังไม่ชินมือเลย” ชายหนุ่มคู่กรณีเริ่มขอโทษขอโพย
“จะมา....เอิบ ขอโทษ ได้คะ ดิฉันก็ต้องขอโทษเหมือนกันคะ” แหม เปลี่ยนโหมดจากเจ๊โหด เป็นหญิงสาวผู้แสนดีแทบไม่ทัน เมื่อเชอร์รี่เงยหน้าขึ้นมามองสบตาคู่กรณีเท่านั้นแหละ แม่เอ๊ย!! ผู้ชายอะไร หล่อได้อีกอ่ะ ดูท่าทางจะเด็กกว่าเธอด้วยซ้ำ สงสัยพึ่งเรียนจบแน่ๆเลย สนใจให้เจ๊ดูแลชีวิตไหมจ๊ะเนี้ย เงอะ น้ำลายจะหก
“ถ้ารอเรียกประกันผมว่าจะช้านะครับ เพราะว่าช่วงนี้รถติด ไว้ผมจะให้ทางประกันไปเคลียร์พรุ่งนี้แทนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มเสนออย่างใจดี เพราะรู้ว่าตัวเองผิดเต็มๆอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็รีบด้วยเหมือนกัน
“ได้คะ ได้ เชอร์รี่ก็รีบเหมือนกัน นี้คะนามบัตรของเชอร์รี่ ขีดเส้นใต้สองเส้นตรงนี้เป็นเบอร์มือถือของเชอร์รี่เองนะค่ะ” สะพานเสริมใยเหล็กทีเดียว
“ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะโทรหาอีกทีนะครับ ผมชื่อ ภาวินครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์
“เชอร์รี่คะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ แต่เดี๋ยวเชอร์รี่ขอถ่ายรูปไว้ก่อนได้ไหมคะ คือไม่ได้คิดว่าคุณภาวินจะโกงหรอกนะคะ แค่เผื่อไว้นะคะ” พูดจบเธอก็หยิบมือถือไอโฟนรุ่นล่าสุดมาถ่ายรูปสองสามรูป เป็นอันเสร็จพิธีการ และหนุ่มสาวก็ต่างแยกย้ายกันไป
บังเอิญช่วงเวลาที่เชอร์รี่ให้นามบัตรกับภาวิน รถยนต์เฟอร์รารี่รุ่นแคลิฟอร์เนียสีแดงขับผ่านทั้งสองพอดี รพีขับชะลอความเร็วมองภาพหญิงสาวที่ยิ้มแย้ม ก้อร่อก้อติกด้วยอารมณ์หมั่นไส้ลึกๆ แฟนก็มีอยู่แล้ว ยังหวังทอดสะพานเคี้ยวหญ้าอ่อนอีก อยู่ๆชายหนุ่มก็อารมณ์เสียขึ้นมาเสียเอง ขับรถเร่งความเร็วออกจากจุดนั้นทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น