ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แรกพบ
โอ๊ย!! ทำไมหัวมันถึงได้ระบมแบบนี้
เชอร์รี่เอากุมหัวด้วยมือสองข้าง บีบนวลขมับไปมาเพื่อลดอาการปวดเหมือนสมองจะระเบิด หญิงสาวค่อยๆ ลืมตา กระพริบตาถี่ๆเพื่อให้ชินกับแสงสว่างในห้อง หันซ้ายแลขาวนี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอนี้น่า ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องนอนของเธอตั้งสองเท่า เฟอร์นิเจอร์ในห้องล้วนตกแต่งแนววิลเทจดูเข้ากันอย่างดี แต่ไม่ใช่สไตล์เธอแน่นอน เธออยู่ที่ไหนกัน สมองน้อยๆค่อยๆประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืน จำได้ลางเลือนเพียงออกมาส่งน้อยหน่าที่รถพี่ชาย แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น จากนั้น จากนั้น
.... โอ๊ย คิดหัวแทบแตก ก็นึกไม่ออก
เมื่อหมดปัญญาเชอร์รี่จึงหันไปมองรอบๆห้องแทน เผื่อว่าเห็นอะไรมากขึ้นจะจำเรื่องเมื่อคืนได้บ้าง หญิงสาวค่อยลุกจากที่นอน เพียงผิวกายหลุดออกจากผ้าห่มแสนอบอุ่นเท่านั้น ความเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบผิวบางทำให้ขนขาลุกชูชัน ใช่ไม่ผิดหรอก ขนขา แต่เป็นขนอ่อนนะขอบอก เชอร์รี่ก้มมองชุดที่เธอสวมอยู่ มันเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวของผู้ชายตัวใหญ่ปิดคลุมเลยสะโพกกลมมนลงมานิดนึง
แล้วมันเป็นชุดใครอ่ะ
หรือว่าเมื่อคืน ฉันไปเสียท่าใครเข้าแล้วเนี้ย โอ๊ยตายแล้ว ความบริสุทธิ์ที่ฉันอุตสาห์เฝ้ารักษามา25ปี ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยอ่ะ
เสียดายที่จำไม่ได้ความครั้งแรกของตัวเองเป็นยังไง
ระหว่างที่เชอร์รี่กำลังโอดครวญอยู่นั้น อยู่ดีๆประตูก็เปิดออก หญิงสาวหันควับไปมองทันทีด้วยความตกใจ
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอเชอร์รี่ กำลังจะมาปลุกพอดี” น้อยหน่าทักเสียงใส ไม่ทันสังเกตุอาการหน้าซีดปากสั่นของเพื่อนสาวเลย
“น้อยหน่า”
“หืม”
“....นี่ห้องน้อยหน่าเหรอ” ง่ะคำถามโง่ได้อีก
“ใช่จ๊ะ นี้ห้องน้อยหน่าเอง เมื่อคืนตัวเองเมามากเลยรู้เปล่า น้อยหน่าเลยต้องให้พี่ชายแบกตัวเองมานอนที่นี้แทน”
“แล้วนี่ชุดใครอ่ะ” เชอร์รี่ชี้ชุดนอนที่ตัวเองสวมอยู่ เพราะดูท่าทางไม่น่าจะใช่ของน้อยหน่าแน่นอน
“อ๋อ ชุดนี้ของพี่ชายน่ะ ก็เชอร์รี่แหละ นมโตเลยใส่ชุดนอนน้อยหน่าไม่ได้ น้อยหน่าเลยไปขอยืมพี่ชายมา” ก็ไซค์เธอมันคนล่ะไซค์กันเลย แค่ให้พี่ชายแบกเชอร์รี่มาที่ห้องก็เกรงใจจะแย่ แต่พอไม่มีชุดให้เปลี่ยนอีก เธอจึงแอบเข้าห้องพี่ชายที่กำลังอาบน้ำอยู่ จิกเสื้อเชิ้ตได้มาตัวนึง ให้เพื่อนใส่นอนกันหนาวนี้แหละ
สาวเชอร์รี่ถึงกับบางอ้อทันที เฮ้อ สรุปยังซิงเหมือนเดิม
“เมื่อคืน ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ แบบว่า น่าเกลียดออกไป ใช่ไหม” เชอร์รี่ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ วีรกรรมตอนเมาของเธอไม่ใช่น้อยๆเลย ดูจากสถานการณ์ที่จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว เมื่อคืนคงหนักเอาการอยู่ ขออย่าให้ต้องทำอะไรที่ขายหน้าออกไปเล้ย
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ แค่อ้วกใส่พี่ชาย แค่นั้นเอง” น้อยหน่าตอบพลางหยักไหล่ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่สำหรับเชอร์รี่ หญิงสาวหน้าซีดทันทีที่ได้ฟัง
“แล้วพี่ชายน้อยหน่าเขาโกรธไหม”
“ไม่เห็นพี่ชายจะว่าอะไรเลย” จะให้ว่าอะไรล่ะ ก็คนมันอึ้งอยู่ เกิดมายังไม่เคยมีสาวมาอ้วกใส่เลยสักครั้ง ชายหนุ่มเลยทำตัวไม่ถูกไปเลย
“ค่อยยังชั่ว” เชอร์รี่โล่งอกขึ้นมาทันที อยู่ๆไปอ้วกใส่คนอื่นเขา ไม่โดนด่ากลับก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี้ยังพามานอนแถมให้ยืมเสื้อใส่อีก ช่างเป็นผู้ชายที่แสนดีจริงๆ
“ไปแต่งตัวเถอะเชอร์รี่ แล้วลงไปกินข้าวกัน”
“แล้วเสื้อผ้าฉันไปไหนอ่ะ จะได้เปลี่ยนลงไป”
“ให้แม่บ้านซักอยู่ มันเปื้อนอ้วกเมื่อคืนแหละ”
“อ้าว แล้วฉันจะลงไปไงอ่ะ”
“ก็ใส่ชุดนี้ลงไปก็ได้ไม่เป็นไรหรอก พ่อกับแม่ไม่อยู่ออกไปข้างนอก และพี่ชายยังไม่ตื่น เพราะฉะนั้นก็มีแค่เรา เชอร์รี่ไม่ต้องอายหรอก ทานแป๊บเดียว เดี๋ยวเสื้อผ้าแห้งแล้วค่อยกลับ โอเค้”
น้อยหน่าจัดการให้เสร็จสรรพก็ลากสังขารของเชอร์รี่ที่ยังมีอาการเมาค้างอยู่ลงมาทานข้าว
บ้านน้อยหน่าเป็นบ้านหลังใหญ่กลางเมืองย่านสุขุมวิท ภายในโอ่อ่าด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูตกแต่งเข้ากันกับผ้าม่านชั้นดี บ่งบอกฐานะของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี เชอร์รี่เป็นเพื่อนกับน้อยหน่ามานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย มาเที่ยวบ้านน้อยหน่าก็หลายครั้ง แต่ครั้งล่าสุดที่มาก็ตั้งสองปีที่แล้ว ทำไมรู้สึกว่าภายในบ้านดูเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับที่เธอเคยมาเลย
“บ้านน้อยหน่าเปลี่ยนไปนะ ตกแต่งใหม่เหรอ”
“ใช่ พี่ชายให้เพื่อนมาช่วยออกแบบและตกแต่งใหม่น่ะ เดิมบ้านใหญ่ก็จริงแต่ทุกอย่างดูไม่เข้ากันเลยแล้วทำให้บ้านดูแคบด้วย เลยทำใหม่หมดเลย พี่ชายอยากให้บ้านมีพื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้นน่ะ ห้องนอนน้อยหน่าก็ตกแต่งใหม่เหมือนกันนะ สวยไหมล่ะ”
“จ๋า สวยมากเลยแหละ ตื่นมายังตกใจเลย นึกว่ามานอนห้องเจ้าหญิงที่ไหนซะอีก” เชอร์รี่แซว
สองสาวเดินคุยกันกะหนุงกะหนิงจนมาถึงห้องอาหาร กินหอมของอาหารเย้ายวนจนเชอร์รี่น้ำลายสอ เมื่อคืนกินแต่น้ำยอดข้าว ในท้องจึงไม่มีอะไรให้ย่อยเลย ท้องของหญิงสาวจึงร้องประท้วงขึ้นมาทันที
“อ้าว พี่ชาย” เสียงร้องของน้อยหน่าทำให้เชอร์รี่สะดุ้งสุดตัว เธอยังไม่ได้เตรียมใจที่จะเจอหน้าคนที่อ้วกใส่เลย คำขอโทษขอโพยก็ยังไม่ได้เตรียม แล้วยิ่งการแต่งตัวเธอตอนนี้ ล่อแหล่มมาก...
เชอร์รี่สูดหายใจลึกๆ ค่อยๆหันไปมองเจ้าของเสื้อเชิ้ตที่เธอยืมมานอนกกทั้งคืน
ว้าว!!
แม่เจ้า!! หล่อขั้นเทพอ่ะ
รพี กำลังเตรียมตัวออกไปประชุมเช้าที่บริษัท ชายหนุ่มหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากน้องน้อยของเขา ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหันมามองหญิงสาวข้างกายน้องสาว พอดีกับเชอร์รี่ที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาสายตาคมที่จ้องมองมาอย่างตะลึง เชอร์รี่เผลอสำรวจพี่ชายรูปหล่อใจดีเสียเลย
พี่ ชายเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ชายหนุ่มดูดีในชุดสูทสีดำเนียบเข้ารูป เขาไว้ผมยาวประมาณบ่าซึ่งตอนนี้มันถูกรวบไว้อย่างลวกๆด้านหลังเป็นหางม้า รูปหน้าคมคายรับกับตาเรียวที่มีแววตาสีนิลระยับ ดูพี่ชายจะเป็นหนุ่มขี้เล่นไม่เบา แต่เพียงไม่นานที่รพียืนเงียบให้หญิงสาวมองสำรวจตัวเอง เขารีบขอตัวออกไปประชุมก่อนที่จะสายไปกว่านี้ ชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเชอร์รี่ไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ได้หันมามองอีกเลย
“ฉันว่าพี่แกต้องโกรธฉันแน่ๆเลยอ่ะ” เชอร์รี่เอ่ยถามเสียงอ่อย
“ไม่หรอก พี่ชายไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย อย่าคิดมากเลย ไปกินข้าวดีกว่า”
สองสาวนั่งกินข้าวกันอย่างสบายใจเฉิบ แต่ชายหนุ่มที่พึ่งขับรถออกมาจากบ้านนี้สิ อาการหนัก!! ภาพสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อครู่ติดตารพีจนไม่อยากเข้าประชุมเช้านี้เลย หญิงสาวที่ใส่เสื้อเชิ๊ตของเข้าเป็นชุดนอน ร่างอวบอิ่มแต่พออยู่ในชุดของเขาเธอดูตัวเล็กลงไปถนัดตา ยิ่งเมื่อเขาได้เห็นเรียวขาขาวที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมาอีก มันช่างดูเย้ายวนเหลือเกิน รพีไม่สามารถทนยืนมองต่อไปได้แล้วจนต้องยอมเสียมารยาทหลบออกมาก่อน กลัวใจตัวเองถ้าอยู่นานกว่านี้อาจจะมีข่าวฉาวหน้าหนึ่ง
นักธุรกิจไฟแรงฉุดสาวประกันขึ้นห้อง!!
------------------------------------------------------
“เรียบร้อยไหมครับคุณเชอร์รี่” ภาวินถามขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่เคลมประกันยื่นเอกสารให้เชอร์รี่เซ็น เชอร์รี่ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้วจึงลงชื่อ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อยดี ภาวินยอมรับผิดเองว่าขับรถโดยประมาท ประกอบกับภาพถ่ายที่เชอร์รี่ได้ถ่ายไว้ในวันเกิดเหตุทำให้การเคลมสินไหมง่ายขึ้น วันพรุ่งนี้เธอก็สามารถเอารถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมได้เลย
“คะ คุณภาวิน” เชอร์รี่เงยหน้าตอบหลังจากเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว
ภาวินนัดเชอร์รี่มาที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง ดีที่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเช้าทำให้ยังพอมีที่จอดรถว่างอยู่บ้าง ถ้าสายกว่านี้คงต้องขับวนสักสามรอบเป็นอย่างต่ำกว่าจะได้ที่จอดรถสักคัน
“เสร็จเรียบร้อยแล้วคุณเชอร์รี่จะไปที่ไหนต่อครับ”
“เชอร์รี่มีนัดไปพบลูกค้าค่ะ”
“เหรอครับ ขอโทษนะครับ คุณเชอร์รี่ทำงานอะไรเหรอครับ”
“เชอร์รี่เป็นตัวแทนประกันชีวิตนะค่ะ สนใจซื้อสักเล่มไหมล่ะคะ” เชอร์รี่เอ่ยถามเปิดประเด็นการขายทันที ลองหยอดดูสักหน่อยเผื่อฟลุ๊ค
“จริงเหรอครับ ผมว่าจะซื้อสักเล่มเหมือนกัน คุณเชอร์รี่พอจะให้ข้อมูลได้ไหมล่ะครับ” ภาวินตอบกลับด้วยเสียงตื่นเต้น ดูท่าทางชายหนุ่มอยากจะซื้อประกันชีวิตจริงๆ แปลกมาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่พอได้ยินเรื่องขายประกันชีวิตทีไร เป็นได้เปลี่ยนเรื่องหรือไม่ก็เดินหนีทุกที แต่เอาเถอะ เขาอาจจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่เห็นคุณค่าของการทำประกันชีวิตก็ได้
“มีคะ แต่วันนี้เชอร์รี่ไม่ว่างแล้ว ไว้พรุ่งนี้เราค่อยนัดกันอีกทีดีไหมคะ”
“ได้สิครับ” ชายหนุ่มตกลงทันที เชอร์รี่ไม่ทันได้เห็นแววตาวาววับซ่อนความร้ายกาจอยู่ข้างใน มันปรากฏออกมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น แล้วถูกกลบด้วยรอยยิ้มใสซื่อของชายหนุ่มวัยขบเผาะแทน
เชอร์รี่นัดส่งมอบเล่มกรมธรรม์ให้กับลูกค้า เสร็จเรียบร้อยหญิงสาวขับตรงไปที่สำนักงานเพื่อส่งใบมอบกรมธรรม์ที่ลูกค้าเซ็นให้บริษัท เพื่อเป็นการยืนยันว่าลูกค้าได้รับทราบข้อมูลในการทำประกันนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นการทำงานของวัน เชอร์รี่ขับตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อหาซื้อของขวัญวันเกิดให้กับน้อยหน่า ของขวัญปีนี้เชอร์รี่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรให้ หญิงสาวตรงไปยังแผนกชุดชั้นในสตรี
หลังจากเลือกอยู่นานสองนาน เชอร์รี่ก็ตัดสินใจซื้อชุดชั้นในสีแดงแนวเซ็กซ์ซี่ให้กับน้อยหน่าหนึ่งเซต เธอได้ยินน้อยหน่าบ่นมาตลอดว่าอยากโตเป็นผู้ใหญ่เสียที นี้แหละก้าวแรกของการเติบโตแหละน้องเอ๋ย เริ่มจากข้างในก่อนเลย
งานวันเกิดที่จัดขึ้นถูกตกแต่งอย่างน่ารักลงตัวภายในบริเวณสวนหน้าบ้าน สมกับลุคของเจ้าของวันเกิดซะไม่มี เชอร์รี่ที่วันนี้แต่งตัวด้วยชุดแซคผ้าชีฟองสีฟ้าได้ถูกเปลี่ยนภาพลักษณ์จากสาวเปรี้ยวมาเป็นสาวหวานแทน หญิงสาวเดินเข้ามาส่งกล่องของขวัญพิเศษให้กับน้อยหน่าพร้อมอวยพรให้เธอได้โตเป็นสาวสมใจให้ปีนี้ น้อยหน่าหัวเราะคิกคักกับคำอวยพรแปลกประหลาดของเพื่อน เธอพาเชอร์รี่ไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนๆที่ทยอยมาก่อนหน้านี้แล้ว
“ว๊าย!! อกอีแป้นจะแตก แม่เชอร์รี่สาวเปรี้ยวซ่าของเจ๊หายไปไหนแล้ว กลายร่างมาเป็นอีหนูแอ๊บแบ๊วที่ไหนเนี้ย” เสียงทักทายดังสนั่นลั่นทุ่งแบบนี้มีคนเดียว เป้เพื่อนชายใจหญิงร่างยักษ์ของเธอนั้นเอง
“ทำไมยะ ฉันก็ต้องมีอารมณ์อยากแอ๊บบ้างอะไรบ้างสิ”
“อย่างแกไม่ต้องมาองมาแอ๊บแล้ว นมใหญ่แทบแตกแบบนี้ แอ๊บไปทำไมเสียของ”
“จะบ้าเหรอ ปิดๆมันไว้บ้างเถอะ โชว์มากเดียวสึกหมด”
“แก๊ นมนะไม่ใช่หลังคาสังกะสี โชว์มากมันจะขึ้นสนิมหรือไงจ๊ะ ถ้าเป็นฉันหน่อยไม่ได้ แม่จะใช้เสื้อโชว์นมทั้งเช้าทั้งเย็นเลย” จบการโต้วาทีระหว่างเป้กับเชอร์รี่ด้วยเสียงหัวเราะแบบฮาครืนกันทั้งกลุ่ม ทุกคนรู้ดีว่าสองคนนี้ชอบต่อล้อต่อเถียงกันที่สุด แต่มันก็เป็นเพียงการโต้เถียงเล็กๆน้อยๆที่สร้างความบันเทิงกับเพื่อนเท่านั้นเอง
น้อยหน่าเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนหลังแม่บ้านเดินมาบอกว่าคุณพีมาแล้ว คุณพีรวิชญ์ ธีระอนันต์ หรือพี่พีของน้อยหน่า เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย และสมัยเด็กๆ พีรวิชญ์ได้แวะเวียนมาเล่นซนที่บ้านนี้บ่อยๆ ด้วย เพราะพ่อแม่ของทั้งสองครอบครัวนี้เป็นเพื่อนกัน พวกเขาจึงได้สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่น้อยหน่ารู้สึกว่าความรู้สึกที่มีให้กับพีรวิชญ์นั้นเปลี่ยนไป เธอไม่ได้มองเขาเหมือนกับที่มองพี่ชายอีกแล้ว แถมยังรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทุกทีที่พี่พีทำราวกับเธอยังเป็นน้องสาวตัวน้อยอยู่ เมื่อไรเขาจะมองเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงอายุ 25 ปีสักที
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ น้องน้อย” พีรวิชญ์ยื่นห่อของขวัญสีชมพูให้น้อยหน่า ชายหนุ่มยิ้มให้เมื่อเธอยื่นมือรับของขวัญ เขาเอื้อมมือลูบหัวน้องน้อยเบาๆ น้อยหน่าเงยหน้าขึ้นมองพี่พีของเธอ แววตาตัดพ้อที่เขายังมองเธอเป็นเด็กอยู่ร่ำไป
“มีอะไรเหรอคะ” พีรวิชญ์ถามออกมาอย่างสงสัย เมื่อเห็นน้อยหน่านิ่งเงียบ ทำเพียงมองหน้าเขาเท่านั้น นี้กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าน้องสาวตัวน้อยของเขา เพียงเวลาไม่นาน เธอโตเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้แล้วหรือนี้ ชายหนุ่มพินิจใบหน้าหวานละมุนที่จ้องมองมา
“เปล่าคะ เพียงแต่น้องไม่ได้เห็นหน้าพี่พีตั้งนาน เลยอยากมองนานๆเท่านั้นเองคะ”
“โธ่ ไม่ต้องมองพี่นานๆตอนนี้หรอก เพราะเดี๋ยวพี่จะมาบ่อยจนน้อยหน่าอาจจะอยากไล่พี่ออกไปเลยก็ได้”
“น้อยหน่าไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกคะ” ใช่ เธอลองไล่เขาออกจากใจตั้งหลายปีแล้วยังทำไม่ได้เลย
“แล้วนี้รพีมันอยู่ไหนล่ะ พี่ขอแวบไปคุยกับมันก่อนนะ” พีรวิชญ์ขอตัวออกไปตามหารพี น้อยหน่าได้แต่เหม่อมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินจากไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น