ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Osmunda Naniza ศึกสายเลือดราชันย์

    ลำดับตอนที่ #2 : ความฝัน 100%

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 58


    ~1~

    ความฝัน

    ~นานิซา      เฮเดนซา       นานิซา      เฮเดลซา~

    เสียงเรียกราวเสียงกระซิบดังขึ้นราวกับมาจากสถานที่อันห่างไกล      สถานที่ที่ปรากฏเบื้องหน้านั้นช่างดูหม่นหมองราวกับ

    ~กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~

    เสียงนาฬิกาปลุกแผดเสียงจ้าปลุกหญิงสาวผู้หนึ่งให้ตื่นจากฝันร้าย   ฝันที่ตามมาหลอกหลอนเธอทุกค่ำคืน ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นใครกันนะ  หญิงสาวถามคำถามนี้กับตัวเองทุกครั้งยามที่ตื่นจากฝันร้าย ทุกค่ำคืนเธอจะฝันถึงหญิงสาวแสนสวยนัยย์ตาสีเขียวดูเผสร้าสร้อยราวกับเธอต้องการร้องขอสิ่งหนึ่งจากนานิซา   แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาเศร้าต้องการคือสิ่งใด รอบกายของเธอมีแต่เสียงร้องโหยหวน   เสียงร้องขอชีวิต    เสียงคมดาบ   เสียงหัวเราะที่เยือกเย็นราวกับเสียงของปีศาจ  แสงสีต่างๆ  มันช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน    

    ในมือของเธออุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งเอาไว้มีแสงสีทองประหลาดสาดส่องออกมาจากตัวของเด็กน้อยในอ้อมอกของหญิงคนนั้น    บนหน้าผากของเด็กหญิงปรากฏตราสัญลักษณ์บางอย่างที่นานิซาไม่อาจเข้าใจได้   มันมีลักษณะเหมือนกุญแจโบราณขนาดใหญ่แต่ไม่อาจมองได้ชัดนัก  เมื่อนานิซาพยายามเพ่งมองให้ชัดๆ ร่างของหญิงคนนั้นกลับเลือนหายไป

    อะไรกันนานิซาพึมพำกับตัวเองซ้ำๆอย่างไม่มีคำตอบ

    ~ก๊อก  ก๊อก~

    นานิ! ….นานิ!....เป็นอะไรไปลูกเสียงเคาะประตูที่เร่งเร้าบ่งบอกอารมณ์ของผู้เป็นแม่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นานิซาตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง

     เอ่อ…..เปล่าค่ะคุณแม่นานิตอบพร้อมกับเดินไปเปิดประตูพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งกลับมาจากการวิ่งแข่งระยะไกลจากที่ไหนสักแห่ง

    ฝันร้ายอีกแล้วเหรอลูก   ผู้เป็นแม่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

    ค่ะนานิตอบรับ 

    รีบไปอาบน้ำเถอะจ๊ะ   เดี๋ยวไปโรงเรียนวันแรกสายนะเฮเซลบอกลูกสาวก่อนลงไปเตรียมอาหารเช้าอย่างเคย

    ค่ะ   นานิรับคำก่อนจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนวันแรก

     

    ~ตึก   ตึก   ตึก~

    อรุณสวัสค่ะ   คุณแม่คนสวย  ฟืด   แก้มคุณแม่นี่ห้อมหอมเหมือนเดิมเลยนะคะ

    ยัยเด็กคนนี้อ้อนเป็นเด็กเลยนะ   โตแล้วนะลูก

    โถคุณแม่ก็หนูรักคุณแม่นี่คะ   รักที่สุดในโลกเลย

    นานิอ้อนพร้อมกับโผกอดเฮเซลผู้เป็นแม่ราวกับตัวเองยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโตถึงตอนนี้เธอจะเป็นสาวแรกรุ่นอายุ 15ย่าง 16   ในวันเกิดที่จะถึงในอีกสามวันข้างหน้าแล้วก็ตาม

    นานิเป็นเด็กสาวแรกรุ่นที่จัดได้ว่าสวยคนหนึ่ง  เพราะมีเส้นผมที่ยาวสลวยสีทองอ่อนๆ นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลเปล่งประกายเจิดจ้าซึ่งแฝงไปด้วยความสดใสตลอดเวลา คิ้วสวยได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่   จมูกเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง  ผิวขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี   ริมฝีปากสีแดงสดราวกลีบกุหลาบแรกแย้มรับกับสัดส่วนต่างๆบนใบหน้าอย่างเหมาะเจาะ  แต่ส่วนประกอบต่างๆเหล่านี้กลับไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกับผู้เป็นแม่เลย!!

    คงเหมือนคุณพ่อที่เสียไปละมั้ง’  นานิคิด  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยมันคงเป็นเพราะว่าภายในบ้านหลังเล็กๆหลังนี้หรืออาจเรียกได้ว่ากระต๊อบนั้นไม่เคยปรากฎรูปภาพของผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย  มีเพียงภาพของเธอกับแม่เพียงเท่านั้น

    โถๆยัยตัวแสบไม่ต้องมาอ้อนเลยมือบางโอบกอดร่างท้วมไว้แน่น  จนผู้เป็นแม่ได้แต่อ่อนใจกับความขี้อ้อนของเด็กไม่รู้จักโตคนนี้

    วันนี้มีอะไรกินบ้างคะ  หอมเชียว หญิงสาวทักขึ้นเพราะกลิ่นอาหารของโปรดที่โชยมาจากหม้อบนเตาที่กำลังเดือดปุดๆ  ส่งกลิ่นเรียกน้ำย่อยจนท้องน้อยๆเริ่มส่งเสียงประท้วงเรียกหาอาหารเสียดังลั่นจนผู้เป็นแม่ได้แต่หัวเราะน้อยๆ

    ก็มีข้าวต้มกุ้งของโปรดของแมวน้อยแถวนี้นั่นแหละผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นอย่างหยอกเย้าจนหญิงสาวได้แต่ทำท่าแก้มป่องกอดอกอย่าแสนงอน   แต่ก็ยังแอบยิ้มเสียจนแก้มปริเพราะชื่ออาหารที่เริ่มยั่วเย้าเรียกน้ำย่อยจนท้องเจ้ากรรมเริ่มร้องขึ้นอีกครั้งนั่นเอง

    จริงเหรอคะเธอเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นแต่ก็ยังคงความแสนงอนไว้ในประโยคถัดไป    คอยดูนะแมวตัวนี้จะกินให้หมดเลย 

    หลังจากที่เริ่มรับประทานอาหารแสนโปรดเสียจนหมดเกลี้ยงเกือบจะใช้ลิ้นเลียจานข้าวต้มเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เฮเซลบอกว่ายังมีให้เติมอีกเยอะละก็นานิคงได้ลงมือเลียชามข้าวต้มก็เป็นได้

    เมื่ออาหารหมดจานหนังตาก็เริ่มปิดอีกครั้ง    จนเจ้าตัวได้แต่นั่งทำตาปรอยๆจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่แล้ว

                    เด็กน้อยเอ๊ยเฮเซลได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของลูกสาวสุดที่รัก

                    นานินี่ใกล้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะ   แล้วก็เป็นวันแรกเสียด้วยลืมแล้วเหรอ

              “หนูไม่ได้ลืมนะคะ   แต่อยากนอนต่อนี่นาเด็กสาวส่งเสียงอ้อนอย่างเคย  พร้อมเตรียมตัวไปโรงเรียนที่อยู่ภายในตัวจังหวัด  แล้วเดิมอ้อมโต๊ะอาหารมาหอมแก้มผู้เป็นแม่เสียฟอดใหญ่ หลังจากนั้นก็วิ่งหนีออกไปทางประตูหน้าอย่างอารมณ์ดี

                    ยัยตัวแสบเอ๊ยเฮเซลพึมพำกับตัวเองเพียงเบาๆพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่ปรากฎบนริมฝีปาก

                    เมื่อร่างเล็กวิ่งหายไปเบื้องหน้าลับสายตาไปท่ามกลางหมู่ไม้บนเส้นทางสายเล็กๆของหมู่บ้านซึ่งกำลังส่งเสียงทักทายใสแจ๋วให้กับเพื่อนบ้านข้างเคียงเลือนหายไป    สีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสก็เริ่มจางหายไปพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลที่ได้ปรากฎขึ้นมาแทนที่

       แววตาสีเฮเซลนัทที่เคยสดใสอยู่เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรสาวตัวน้อยได้ปรากฎแววตาของความกังวลที่ไม่อาจระบายให้ใครฟังได้   มือป้อมท้วมยกขึ้นมากุมขมับอย่างหมดหนทาง

    ในอีกไม่ช้า เรื่องราวทุกอย่างกำลังจะเปิดฉากขึ้น!!

     

    เอี๊ยดดดด

    เสียงยางบดกับถนนเสียงดังลั่นหลังจากหญิงสาวใช้เวลาอยู่บนรถประจำทางถึงครึ่งชัวโมงด้วยอาการใจตุ๊มๆต่อมๆ   กับอาการใจร้อนของคุณลุงคนขับวัยกว่า60 ที่ไม่รู้นึกคึกอะไรขับปาดซ้ายปาดขวารถคันนั้นทีคันนี้ทีอย่างเมามัน  โดยม่ได้สนใจสวัสดิภาพของผุ้โดยสารเลยสักนิด

    หลังจากก้าวลงจากรถสุดหฤโหดนานิก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้ก้าวลงมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้งสงสารก็แต่ผู้โดยสารที่ยังอยู่บนรถเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

    หากคนขับมีความคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารสักนิดก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างเช่นที่ลงข่าวครึกโครมทุวันจนเป็นเหตุให้ผู้เคราะห์ร้ายต้องมาจากไปทั้งที่ตนยังมีคนที่รอคอยการกลับมาอยู่ที่บ้านแท้ๆ   ช่างเป็นปํญหาน่าปวดหัวที่คิดไม่ตกของสังคมไทยจริงๆ

                    เบื้องหน้าของนานิตอนนี้คือโรงเรียนเซนส์เอเธน่า   โรงเรียนที่มีการก่อตั้งมานับร้อยๆปีบนที่ดินขนาดใหญ่กว่าพันไร่มีการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจนถึงระดับปริญญา

                    เป็นโรงเรียนที่ดูใหญ่โตมากสำหรับคนที่อยู่แต่ในบ้านหลังเล็กๆอย่างนานิ   แต่อย่างไรก็ตามผู้คนแถวนี้ก็ไม่ค่อยจะน่าคบซักเท่าไหร่ดูหยิ่งยโสอย่างไรก็ไม่รู้   แต่ก็ไม่แปลกเพราะที่รับเพียงลูกคุณหนูคุณชาย   ผู้ที่มีความสามารถในด้านต่างๆที่เรียกได้ว่าเป็นระดับหัวกระทิของประเทศก็มารวมอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่  

                    เหตุที่นานิได้เข้าเรียนที่นี่เป็นเพราะได้รับทุนการศึกษาจากผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งนันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากๆสำหรับนานิเพราะไม่เพียงแต่เธอไม่มีความสามารถใดๆแล้ว   ยังไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะมีผู้ใดมาชิงสถิติการเป็นที่ห่วยของห้องที่หญิงสาวรักษาไว้ยิ่งชีพตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา    หากมีเหตุผลที่ดีที่สุดที่เธอได้รับทุนคงจะเป็นเหตุผลนี้เป็นแน่

                    สุดยอดของความห่วยงั้นเหรอ!!!  คิดแล้วปวดใจชะมัด
                 
                    เสียงระงมเซ็งแซ่ดังขึ้นไปทั่วบริเวณสำหรับเช้าวันแรกของการเปิดภาคเรียน   ตอนนี้นานิกำลังใจจดใจจ่อมองตรงไปที่แผ่นกระดาษใบจิ๋วที่ไม่รู้ว่าเจ้าคนที่พิมพ์จะประหยัดอะไรนักหนาถึงได้พิมพ์ตัวหนังสือเล็กจิ๋วบนแผ่นกระดาษขนาดนี้ไปทำไมกัน   ทั้งๆที่มันอาจจะทำให้อะไรดีขึ้นกว่านี้ก็ได้   เพราะอะไรนะเหรอ...
                   ก็ตอนนี้เธอกำลังหลงทางนะสิ!!!!
                   ห้องสามหกหนึ่งนะเหรอแล้วมันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนละเนี่ยที่นี่ออกจะกว้างขนาดที่อยู่ซักสิบปียังเดินไม่ทั่วเลย   แต่ก็นั่นละเธอทำได้เพียงบ่นต่อไปเท่านั้น  ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไปละน้า
                   ขณะสองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าตาคู่สวยก็เอาแต่จ้องเจ้าแผ่นกระดาษใบจิ๋วราวกับภายในบรรจุรหัสลับที่นำมาซึ่งความรำ่รวยมหาศาล   แต่แล้วร่างกายก็ราวกับปวดหนึบไปทั่วร่างราวกับกระแสนำ้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมปะทุออกมา  เสียงกรีดร้องในหัวดังระงม   สายตาพร่าเลือนไปชั่วขณะ  เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นทั่วร่างทำเอาเสื้อผ้าเปียกชุ่มยังกับผ่านการตากแดดหรืออกกำลังกายมาอย่างหนักทั้งๆที่เธอเดินไปมาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซำ้
                      นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างกายของเรากำลังรับไม่ไหวแล้ว
                    ตึก   ตัก   ตึก    ตัก   ตึก    ตัก.....
                   ร่างของนานิทรุดลงนั่งสองมือกำแน่นไปที่หัวใจที่กำลังบีบรัดตัวอย่ารุนแรงราวกับมันกำลังตอบรับอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ๆ   จนยากจะรับรู้ว่าเป็นสิ่งใดเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเพียงมุมตึกซึ่งร้างไร้ผู้คน    เนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเช้ามากๆจนผู้คนบางส่วนยังไม่มีใครเดินผ่านสถานที่ดังกล่าว
                    กลุ่มแสงมากมายลอยวนรอบตัวของหญิงสาวก่อนจะเริ่มหมุนวนเข้าใกล้ขึ้นๆจนรวมตัวอยู่บนร่างของหญิงสาวก่อนที่นานิจะรับรู้ได้ถึงพลังมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในพร้อมกับกลุ่มแสงที่เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆและแตกกระจายออกไป
    "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

    "หึ  หึ"
                 เสียงทุ้มต่ำดังแว่วออกมาจากเจ้าของชุดคลุมสีดำที่ปิดตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า จนแทบมองไม่เห็นหน้าตาของเจ้าของเสียง   ขณะนี้ร่างลึกลับในชุดคลุมสีดำที่ถูกปกคลุมด้วยไอพลังบางเบาที่ถูกซ่อนเร้นไว้อย่างดีกำลังยืนมองเสาพลังสองต้นที่กำลังเรียกหากันและกัน
              เสาหนึ่งเป็นสีทองที่เปล่งประกายเจิดจ้าให้ความรู้สึกอบอุ่น   ส่วนอีกเสากลับเป็นสีดำเข้มให้ความรู้สึน่าอึดอัด  จนหายใจแทบออกเมื่อกลุ่มพลังเคลื่อนผ่าน      แต่พลังอีกสายกลับให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาและเมื่อเคลื่อนผ่านสถานที่แห่งใดกลับช่วยฟื้นฟูสิ่งต่างๆให้กลับมาสวยงาม   ช่วยทำให้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ยืนต้นตายมาแรมปีปรากฏใบเล็กใบน้อยออกดอกออกผลสีแดงสดเต็มต้นจนเหล่ากระรอกและแมลงนานาพันธุ์แห่กันมามากมาย   สายลมอ่อนๆพัดพาพร้อมก้อนพลังที่พลิ้วไหวไปตามซอกมุมเล็กๆของกิ่งก้านแล้วกลับมารวมกันอีกครั้ง  
                   เมื่อสายพลังสองสายกำลังจะบรรจบกันระหว่างความว่างเปล่าที่คล้ายกำแพงกระจกใส   จู่ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นสายพลังทั้งสองจางหายไปพร้อมกับร่างของหญิงสาวเจ้าของสายพลังสีทองที่สติดับวูบลง

                     อีกด้านหนึ่งก็ปรากฎร่างสูงในชุดสีดำทะมึนนอนก้มหน้าพร้อมเส้นผมสีดำระต้นคอพร้อมเขาแกร่งที่ไม่น่าจะปรากฎได้ในมนุษย์ทั่วไปนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางดินแดนที่ดวงจันทร์สองดวงกำลังแข่งกันแผดแสงแม้ว่าจะเป็นเวลาเช้ามากแล้วก็ตาม   ดินแดนที่แห้งแล้งและขาดชีวิตชีวาด้วยต้นไม้ใบหญ้าต่างแข่งกันยืนต้นตายในสถานที่โล่งกว้าง
                    
                    ร่างในชุดคลุมสีดำกำลังยืนมองภาพเหล่านั้นโดยไม่ที่ไม่อาจมีผู้ใดรู้ได้เลยว่าภายใต้เสื้อคลุมนั้นเขาจะมีสีหน้าแบบใดหรือกำลังคิดอะไรอยู่    ท่ามกลางความว่างเปล่าที่เขากำลังยืนอยู่นั้นหากมีใครซักคนสังเกตดูดีๆแล้วจะพบว่ามีไอพลังเวทย์อันรุนแรงปรากฏเป็นเส้นบางๆคล้ายกระจกใสขวางกั้นอยู่  
                      แต่มันขวางกั้นอะไรล่ะ....คุณก็อยากรู้เหมือนกันใช่มั๊ย!!!
                  "อีกไม่นาน    อีกไม่นานเกินรอ  หึ   หึ  หึ"
      
                   






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×