คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความฝัน 100%
~1~
ความฝัน
~นานิซา เฮเดนซา นานิซา เฮเดลซา~
เสียงเรียกราวเสียงกระซิบดังขึ้นราวกับมาจากสถานที่อันห่างไกล สถานที่ที่ปรากฏเบื้องหน้านั้นช่างดูหม่นหมองราวกับ…
~กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~
เสียงนาฬิกาปลุกแผดเสียงจ้าปลุกหญิงสาวผู้หนึ่งให้ตื่นจากฝันร้าย ฝันที่ตามมาหลอกหลอนเธอทุกค่ำคืน ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นใครกันนะ หญิงสาวถามคำถามนี้กับตัวเองทุกครั้งยามที่ตื่นจากฝันร้าย ทุกค่ำคืนเธอจะฝันถึงหญิงสาวแสนสวยนัยย์ตาสีเขียวดูเผสร้าสร้อยราวกับเธอต้องการร้องขอสิ่งหนึ่งจากนานิซา แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาเศร้าต้องการคือสิ่งใด รอบกายของเธอมีแต่เสียงร้องโหยหวน เสียงร้องขอชีวิต เสียงคมดาบ เสียงหัวเราะที่เยือกเย็นราวกับเสียงของปีศาจ แสงสีต่างๆ มันช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน
ในมือของเธออุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งเอาไว้มีแสงสีทองประหลาดสาดส่องออกมาจากตัวของเด็กน้อยในอ้อมอกของหญิงคนนั้น บนหน้าผากของเด็กหญิงปรากฏตราสัญลักษณ์บางอย่างที่นานิซาไม่อาจเข้าใจได้ มันมีลักษณะเหมือนกุญแจโบราณขนาดใหญ่แต่ไม่อาจมองได้ชัดนัก เมื่อนานิซาพยายามเพ่งมองให้ชัดๆ ร่างของหญิงคนนั้นกลับเลือนหายไป
“อะไรกัน”นานิซาพึมพำกับตัวเองซ้ำๆอย่างไม่มีคำตอบ
~ก๊อก ก๊อก~
“นานิ! ….นานิ!....เป็นอะไรไปลูก”เสียงเคาะประตูที่เร่งเร้าบ่งบอกอารมณ์ของผู้เป็นแม่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นานิซาตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง
“เอ่อ…..เปล่าค่ะคุณแม่”นานิตอบพร้อมกับเดินไปเปิดประตูพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งกลับมาจากการวิ่งแข่งระยะไกลจากที่ไหนสักแห่ง
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอลูก” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ค่ะ”นานิตอบรับ
“รีบไปอาบน้ำเถอะจ๊ะ เดี๋ยวไปโรงเรียนวันแรกสายนะ” เฮเซลบอกลูกสาวก่อนลงไปเตรียมอาหารเช้าอย่างเคย
“ค่ะ” นานิรับคำก่อนจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนวันแรก
~ตึก ตึก ตึก~
“อรุณสวัสค่ะ คุณแม่คนสวย ฟืด แก้มคุณแม่นี่ห้อมหอมเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“ยัยเด็กคนนี้อ้อนเป็นเด็กเลยนะ โตแล้วนะลูก”
“โถคุณแม่ก็หนูรักคุณแม่นี่คะ รักที่สุดในโลกเลย”
นานิอ้อนพร้อมกับโผกอดเฮเซลผู้เป็นแม่ราวกับตัวเองยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโตถึงตอนนี้เธอจะเป็นสาวแรกรุ่นอายุ 15ย่าง 16 ในวันเกิดที่จะถึงในอีกสามวันข้างหน้าแล้วก็ตาม
นานิเป็นเด็กสาวแรกรุ่นที่จัดได้ว่าสวยคนหนึ่ง เพราะมีเส้นผมที่ยาวสลวยสีทองอ่อนๆ นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลเปล่งประกายเจิดจ้าซึ่งแฝงไปด้วยความสดใสตลอดเวลา คิ้วสวยได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่ จมูกเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง ผิวขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ริมฝีปากสีแดงสดราวกลีบกุหลาบแรกแย้มรับกับสัดส่วนต่างๆบนใบหน้าอย่างเหมาะเจาะ แต่ส่วนประกอบต่างๆเหล่านี้กลับไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกับผู้เป็นแม่เลย!!
‘คงเหมือนคุณพ่อที่เสียไปละมั้ง’ นานิคิด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยมันคงเป็นเพราะว่าภายในบ้านหลังเล็กๆหลังนี้หรืออาจเรียกได้ว่ากระต๊อบนั้นไม่เคยปรากฎรูปภาพของผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย มีเพียงภาพของเธอกับแม่เพียงเท่านั้น
“โถๆยัยตัวแสบ…ไม่ต้องมาอ้อนเลย”มือบางโอบกอดร่างท้วมไว้แน่น จนผู้เป็นแม่ได้แต่อ่อนใจกับความขี้อ้อนของเด็กไม่รู้จักโตคนนี้
“วันนี้มีอะไรกินบ้างคะ หอมเชียว” หญิงสาวทักขึ้นเพราะกลิ่นอาหารของโปรดที่โชยมาจากหม้อบนเตาที่กำลังเดือดปุดๆ ส่งกลิ่นเรียกน้ำย่อยจนท้องน้อยๆเริ่มส่งเสียงประท้วงเรียกหาอาหารเสียดังลั่นจนผู้เป็นแม่ได้แต่หัวเราะน้อยๆ
“ก็มีข้าวต้มกุ้งของโปรดของแมวน้อยแถวนี้นั่นแหละ”ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นอย่างหยอกเย้าจนหญิงสาวได้แต่ทำท่าแก้มป่องกอดอกอย่าแสนงอน แต่ก็ยังแอบยิ้มเสียจนแก้มปริเพราะชื่ออาหารที่เริ่มยั่วเย้าเรียกน้ำย่อยจนท้องเจ้ากรรมเริ่มร้องขึ้นอีกครั้งนั่นเอง
“จริงเหรอคะ”เธอเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นแต่ก็ยังคงความแสนงอนไว้ในประโยคถัดไป “ คอยดูนะแมวตัวนี้จะกินให้หมดเลย”
หลังจากที่เริ่มรับประทานอาหารแสนโปรดเสียจนหมดเกลี้ยงเกือบจะใช้ลิ้นเลียจานข้าวต้มเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เฮเซลบอกว่ายังมีให้เติมอีกเยอะละก็…นานิคงได้ลงมือเลียชามข้าวต้มก็เป็นได้
เมื่ออาหารหมดจานหนังตาก็เริ่มปิดอีกครั้ง จนเจ้าตัวได้แต่นั่งทำตาปรอยๆจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่แล้ว
เด็กน้อยเอ๊ย…เฮเซลได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของลูกสาวสุดที่รัก
“นานินี่ใกล้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะ แล้วก็เป็นวันแรกเสียด้วยลืมแล้วเหรอ”
“หนูไม่ได้ลืมนะคะ แต่อยากนอนต่อนี่นา”เด็กสาวส่งเสียงอ้อนอย่างเคย พร้อมเตรียมตัวไปโรงเรียนที่อยู่ภายในตัวจังหวัด แล้วเดิมอ้อมโต๊ะอาหารมาหอมแก้มผู้เป็นแม่เสียฟอดใหญ่ หลังจากนั้นก็วิ่งหนีออกไปทางประตูหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ยัยตัวแสบเอ๊ย”เฮเซลพึมพำกับตัวเองเพียงเบาๆพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่ปรากฎบนริมฝีปาก
เมื่อร่างเล็กวิ่งหายไปเบื้องหน้าลับสายตาไปท่ามกลางหมู่ไม้บนเส้นทางสายเล็กๆของหมู่บ้านซึ่งกำลังส่งเสียงทักทายใสแจ๋วให้กับเพื่อนบ้านข้างเคียงเลือนหายไป สีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสก็เริ่มจางหายไปพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลที่ได้ปรากฎขึ้นมาแทนที่
แววตาสีเฮเซลนัทที่เคยสดใสอยู่เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรสาวตัวน้อยได้ปรากฎแววตาของความกังวลที่ไม่อาจระบายให้ใครฟังได้ มือป้อมท้วมยกขึ้นมากุมขมับอย่างหมดหนทาง
ในอีกไม่ช้า… เรื่องราวทุกอย่างกำลังจะเปิดฉากขึ้น!!
เอี๊ยดดดด
เสียงยางบดกับถนนเสียงดังลั่นหลังจากหญิงสาวใช้เวลาอยู่บนรถประจำทางถึงครึ่งชัวโมงด้วยอาการใจตุ๊มๆต่อมๆ กับอาการใจร้อนของคุณลุงคนขับวัยกว่า60 ที่ไม่รู้นึกคึกอะไรขับปาดซ้ายปาดขวารถคันนั้นทีคันนี้ทีอย่างเมามัน โดยม่ได้สนใจสวัสดิภาพของผุ้โดยสารเลยสักนิด
หลังจากก้าวลงจากรถสุดหฤโหดนานิก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้ก้าวลงมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้งสงสารก็แต่ผู้โดยสารที่ยังอยู่บนรถเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
หากคนขับมีความคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารสักนิดก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างเช่นที่ลงข่าวครึกโครมทุวันจนเป็นเหตุให้ผู้เคราะห์ร้ายต้องมาจากไปทั้งที่ตนยังมีคนที่รอคอยการกลับมาอยู่ที่บ้านแท้ๆ ช่างเป็นปํญหาน่าปวดหัวที่คิดไม่ตกของสังคมไทยจริงๆ
เบื้องหน้าของนานิตอนนี้คือโรงเรียนเซนส์เอเธน่า โรงเรียนที่มีการก่อตั้งมานับร้อยๆปีบนที่ดินขนาดใหญ่กว่าพันไร่มีการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจนถึงระดับปริญญา
เป็นโรงเรียนที่ดูใหญ่โตมากสำหรับคนที่อยู่แต่ในบ้านหลังเล็กๆอย่างนานิ แต่อย่างไรก็ตามผู้คนแถวนี้ก็ไม่ค่อยจะน่าคบซักเท่าไหร่ดูหยิ่งยโสอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่แปลกเพราะที่รับเพียงลูกคุณหนูคุณชาย ผู้ที่มีความสามารถในด้านต่างๆที่เรียกได้ว่าเป็นระดับหัวกระทิของประเทศก็มารวมอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่
เหตุที่นานิได้เข้าเรียนที่นี่เป็นเพราะได้รับทุนการศึกษาจากผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งนันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากๆสำหรับนานิเพราะไม่เพียงแต่เธอไม่มีความสามารถใดๆแล้ว ยังไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะมีผู้ใดมาชิงสถิติการเป็นที่ห่วยของห้องที่หญิงสาวรักษาไว้ยิ่งชีพตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หากมีเหตุผลที่ดีที่สุดที่เธอได้รับทุนคงจะเป็นเหตุผลนี้เป็นแน่
สุดยอดของความ…ห่วยงั้นเหรอ!!! คิดแล้วปวดใจชะมัด
เสียงระงมเซ็งแซ่ดังขึ้นไปทั่วบริเวณสำหรับเช้าวันแรกของการเปิดภาคเรียน ตอนนี้นานิกำลังใจจดใจจ่อมองตรงไปที่แผ่นกระดาษใบจิ๋วที่ไม่รู้ว่าเจ้าคนที่พิมพ์จะประหยัดอะไรนักหนาถึงได้พิมพ์ตัวหนังสือเล็กจิ๋วบนแผ่นกระดาษขนาดนี้ไปทำไมกัน ทั้งๆที่มันอาจจะทำให้อะไรดีขึ้นกว่านี้ก็ได้ เพราะอะไรนะเหรอ...
ก็ตอนนี้เธอกำลังหลงทางนะสิ!!!!
ห้องสามหกหนึ่งนะเหรอแล้วมันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนละเนี่ยที่นี่ออกจะกว้างขนาดที่อยู่ซักสิบปียังเดินไม่ทั่วเลย แต่ก็นั่นละเธอทำได้เพียงบ่นต่อไปเท่านั้น ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไปละน้า
ขณะสองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าตาคู่สวยก็เอาแต่จ้องเจ้าแผ่นกระดาษใบจิ๋วราวกับภายในบรรจุรหัสลับที่นำมาซึ่งความรำ่รวยมหาศาล แต่แล้วร่างกายก็ราวกับปวดหนึบไปทั่วร่างราวกับกระแสนำ้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมปะทุออกมา เสียงกรีดร้องในหัวดังระงม สายตาพร่าเลือนไปชั่วขณะ เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นทั่วร่างทำเอาเสื้อผ้าเปียกชุ่มยังกับผ่านการตากแดดหรืออกกำลังกายมาอย่างหนักทั้งๆที่เธอเดินไปมาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซำ้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างกายของเรากำลังรับไม่ไหวแล้ว
ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก.....
ร่างของนานิทรุดลงนั่งสองมือกำแน่นไปที่หัวใจที่กำลังบีบรัดตัวอย่ารุนแรงราวกับมันกำลังตอบรับอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ๆ จนยากจะรับรู้ว่าเป็นสิ่งใดเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเพียงมุมตึกซึ่งร้างไร้ผู้คน เนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเช้ามากๆจนผู้คนบางส่วนยังไม่มีใครเดินผ่านสถานที่ดังกล่าว
กลุ่มแสงมากมายลอยวนรอบตัวของหญิงสาวก่อนจะเริ่มหมุนวนเข้าใกล้ขึ้นๆจนรวมตัวอยู่บนร่างของหญิงสาวก่อนที่นานิจะรับรู้ได้ถึงพลังมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในพร้อมกับกลุ่มแสงที่เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆและแตกกระจายออกไป
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
"หึ หึ"
เสียงทุ้มต่ำดังแว่วออกมาจากเจ้าของชุดคลุมสีดำที่ปิดตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า จนแทบมองไม่เห็นหน้าตาของเจ้าของเสียง ขณะนี้ร่างลึกลับในชุดคลุมสีดำที่ถูกปกคลุมด้วยไอพลังบางเบาที่ถูกซ่อนเร้นไว้อย่างดีกำลังยืนมองเสาพลังสองต้นที่กำลังเรียกหากันและกัน
เสาหนึ่งเป็นสีทองที่เปล่งประกายเจิดจ้าให้ความรู้สึกอบอุ่น ส่วนอีกเสากลับเป็นสีดำเข้มให้ความรู้สึน่าอึดอัด จนหายใจแทบออกเมื่อกลุ่มพลังเคลื่อนผ่าน แต่พลังอีกสายกลับให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาและเมื่อเคลื่อนผ่านสถานที่แห่งใดกลับช่วยฟื้นฟูสิ่งต่างๆให้กลับมาสวยงาม ช่วยทำให้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ยืนต้นตายมาแรมปีปรากฏใบเล็กใบน้อยออกดอกออกผลสีแดงสดเต็มต้นจนเหล่ากระรอกและแมลงนานาพันธุ์แห่กันมามากมาย สายลมอ่อนๆพัดพาพร้อมก้อนพลังที่พลิ้วไหวไปตามซอกมุมเล็กๆของกิ่งก้านแล้วกลับมารวมกันอีกครั้ง
เมื่อสายพลังสองสายกำลังจะบรรจบกันระหว่างความว่างเปล่าที่คล้ายกำแพงกระจกใส จู่ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นสายพลังทั้งสองจางหายไปพร้อมกับร่างของหญิงสาวเจ้าของสายพลังสีทองที่สติดับวูบลง
อีกด้านหนึ่งก็ปรากฎร่างสูงในชุดสีดำทะมึนนอนก้มหน้าพร้อมเส้นผมสีดำระต้นคอพร้อมเขาแกร่งที่ไม่น่าจะปรากฎได้ในมนุษย์ทั่วไปนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางดินแดนที่ดวงจันทร์สองดวงกำลังแข่งกันแผดแสงแม้ว่าจะเป็นเวลาเช้ามากแล้วก็ตาม ดินแดนที่แห้งแล้งและขาดชีวิตชีวาด้วยต้นไม้ใบหญ้าต่างแข่งกันยืนต้นตายในสถานที่โล่งกว้าง
ร่างในชุดคลุมสีดำกำลังยืนมองภาพเหล่านั้นโดยไม่ที่ไม่อาจมีผู้ใดรู้ได้เลยว่าภายใต้เสื้อคลุมนั้นเขาจะมีสีหน้าแบบใดหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ท่ามกลางความว่างเปล่าที่เขากำลังยืนอยู่นั้นหากมีใครซักคนสังเกตดูดีๆแล้วจะพบว่ามีไอพลังเวทย์อันรุนแรงปรากฏเป็นเส้นบางๆคล้ายกระจกใสขวางกั้นอยู่
แต่มันขวางกั้นอะไรล่ะ....คุณก็อยากรู้เหมือนกันใช่มั๊ย!!!
"อีกไม่นาน อีกไม่นานเกินรอ หึ หึ หึ"
ความคิดเห็น