ตอนที่ 14 : : JunHyuk 10 :
การติวในโครงการยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับความสัมพันธ์กำกวมของผมกับจุนฮเว ตั้งแต่วันนั้นผมกับจุนฮเวก็ยังคงทำตัวในโรงเรียนปกติ ไม่มีใครรู้ว่าผมกับเขาคบกันในแบบไหน แต่ก็มีหลายครั้งที่ยุนฮยองกับชานอูสงสัยและถามกับผมตรงๆแต่ผมก็บอกไปว่าไม่มีอะไร
เพราะผมไม่รู้จริงๆว่าเรา...เป็นอะไรกัน
มันยังไม่ชัดเจน!
“เพราะว่าใกล้จะสอบแล้วครูอยากให้พวกเราจับคู่กันติวแทนการติวกลุ่มนะ เพื่อให้ผลประเมินโครงการดีขึ้นด้วย”
เสียงสั่งงานท้ายคาบของครูซึงฮุนดังขึ้นก่อนจะเก็บของเตรียมเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมสั่งกำชับครั้งสุดท้ายด้วยอีกประโยค
“อย่าลืม! จับคู่แล้วเขียนรายชื่อส่งครูด้วย”
“กูคู่จินฮยองนะ”
ชานอูเดินจากโต๊ะของมันมาบอกกับผมและยุนฮยองที่นั่งถัดไปข้างหลัง ด้วยเหตุที่ว่าการนั่งในห้องต้องสุ่มเลือกเอาจึงทำให้ผมไม่ได้นั่งด้วยกันทั้งสามคนเลยเป็นเรื่องที่ลำบากหน่อยที่จะสื่อสารกัน
“มึงอ่ะคู่ใครดง กูคู่กับจีวอนนะ”
“ไม่รู้อ่ะ”
ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นไปตอบยุนฮยองที่เดินมานั่งที่ของจีวอนข้างๆผม แต่เสียงของใครบางคนก็ทำให้ผมต้องละความสนใจจากเพื่อนทั้งสอง
“ดงฮยอกคู่กันไหม”
ฮันบินนั้นเองที่เป็นคนเดินเข้ามาถามผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ต่างจากเพื่อนผมสองคนที่มองหน้ากันเหมือนมันคุยกันทางสายตา ความจริงแล้วคู่กับฮันบินก็ไม่เป็นไร ผมไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร
ทว่า...
“ดงฮยอกคู่กับกู มึงอย่ายุ่ง”
ฮันบินเซไปข้างหลังเล็กน้อยจากแรงผลักของจุนฮเว และสายตาของเพื่อนๆที่มองมาทางจุนฮเวอย่างไม่พอใจ คือฮันบินก็ไม่ได้ผิดอะไร แล้วผมก็ยังไม่ได้บอกจุนฮเวว่าจะจับคู่ด้วย เขาแค่โมเมเอาเองทั้งนั้น
“ดงฮยอกไปคุยกับมึงตอนไหน”
“ไม่ต้องคุยหรอก ใช่ไหมดงฮยอก”
สายตาของจุนฮเวที่หันมาทางผมอย่างต้องการคำตอบและสายตาของฮันบินรวมถึงเพื่อนคนอื่นๆทำเอาผมอยากจะตบหน้าจุนฮเวสักทีที่โยนมาให้ผมง่ายๆ
ผมมองหน้าของจุนฮเวที่นิ่งเฉยแต่แฝงไปด้วยสายตาแกมบังคับ ถ้าผมไม่ทำตามคงเป็นเรื่อง
“อืม!”
ในที่สุดคนที่ผมเลือกก็คือจุนฮเวอยู่ดี
“งั้นเริ่มติวเสาร์นี้เลยนะ...จะให้นายพักแค่วันอาทิตย์โอเคไหม”
ผมหันไปบอกอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆเพื่อไปรอรถเมล์หลังเลิกเรียนเช่นทุกวัน ก่อนจะได้เพียงรอยยิ้มและการพยักหน้ารับของจุนฮเวกลับมา
“แล้วจะไปติวที่ไหนล่ะจุน”
อย่าแปลกใจเลยครับที่ผมเรียกเขาแบบนั้นเพราะตั้งแต่ที่เราเลื่อนขั้นสถานะก็เริ่มเรียกกันแบบนี้
“ห้องสมุดอ่ะ...จะไปอีกไหมล่ะ”
“มะ...ไม่ คนต้องเยอะแน่เลย”
ให้ตายผมก็ไม่ไปอีกแล้ว จะบ้ารึไงอันตรายเกินไปที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่ห้อสมุดหรอกแต่มันก็ยังไม่หายกลัวอยู่ดี ซึ่งท่าทางนั่นของผมก็ทำให้จุนฮเวหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผม
“ไปติวที่บ้านฉันไง เงียบกว่าห้องสมุดตั้งเยอะ”
“บ้านนาย!”
“อือ ทำไมล่ะไม่ดีหรอ”
จุนฮเวทำหน้าตาสงสัย ซึ่งผมรู้ว่ามันเสแสร้งทั้งนั้นแล้วอีกคนก็เดินเข้ามาใกล้จนผมต้องรีบเดินถอยหลังออกไป
“ฉันไว้ใจนายได้หรอ”
“ได้สิ ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“.....”
“ถ้าทนได้น่ะนะ”
“ย่าห์!”
ผมยกมือขึ้นตบแขนอีกคนอย่างแรงจนจุนฮเวต้องยกมือขึ้นมาลูบปรอยๆเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
“นี่! นายจะกลัวอะไรแม่ฉันก็อยู่ทั้งคน”
“....”
“อีกอย่าง ถึงจะอยู่ที่ไหนแต่ถ้าฉันอยากทำนายก็ไม่รอดหรอก”
ผมจะทำยังไงกับคนคนนี้ดี
ผมควรจะไปไหมครับ
50%
เสียงหายใจฟึดฟัดของจุนฮเวทำให้ผมเริ่มรำคาญเพราะอีกคนเอาแต่นั่งไม่พูดไม่จาอะไรเลยเอาแต่หายใจแรงๆตั้งแต่ที่เขาไปรับผมมาจากบ้านแล้วพยายามจะลากผมขึ้นไปติวในห้องนอนของเขาให้ได้ แต่เมื่อผมปฏิเสธสุดว่าไม่ขึ้นไปจนอีกคนยอมทำตามแต่ใช่ว่าจะเต็มใจ
“ความจริงแล้วเราขึ้นไปติวกันข้างบนก็ได้นิ”
“ติวที่ไหนก็เหมือนกันแหล่ะ”
“ไม่เหมือนสักหน่อย ตรงนี้มันไม่สะดวก”
“ถ้านายไม่ติวฉันก็จะกลับ”
ผมปิดหนังสือจะเก็บใส่กระเป๋าแต่ก็มีมือของอีกคนดึงเอาไว้ซะก่อน คิดหรอว่าผมจะยอมเขาง่ายๆถึงผมจะรักเขาแค่ไหนแต่ผมก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนะ
“โอเคๆ ตรงนี้ก็ตรงนี้”
“.....”
“ติวๆครับติวแล้ว สอนสิ”
จุนฮเวยกมืออย่างยอมแพ้ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ผมที่นั่งอยู่บนพื้นในห้องโถงแล้วถือโอกาสนั่งซ้อนหลังอย่างแนบเนียน
“จุนฮเว!”
“แค่นั่งใกล้เอง...นะ”
ผมมองอีกคนอย่างเหนื่อยใจในความดื้อด้านอะไรก็จะเอาให้หมด แวจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะครับ
เราติวกันไปเรื่อยๆโดยที่จุนฮเวก็ไม่ขยับตัวไปไหนเลย มีหลายวิชาที่ผมเห็นว่าจุนฮเวก็ไม่ได้ไม่เข้าใจตรงไหน กลับกันเขากลับสามารถอธิบายและทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรากำลังติวได้อย่างดี
“ฉันก็ไม่เห็นว่านายจะไม่เข้าใจตรงไหนเลย แล้วเราจะติวกันไปทำไมล่ะ”
“ก็นั่นน่ะสิ”
“งั้นฉันกลับเลยดีกว่า”
ผมลุกขึ้นโดยที่ไม่ได้ให้จุนฮเวตั้งตัวแต่เสียงของผู้หญิงคนเดียวในบ้านซึ่งก็คือคุณน้าดาร่าที่ผมมาส่งขนมที่บ้านบ่อยๆนั่นเอง
“อ้าว! ดงฮยอกกลับแล้วหรอจ๊ะ กินข้าวกับแม่ก่อนสิค่อยให้จุนฮเวไปส่งก่อนก็ได้”
“เอ่อ...ครับ รบกวนด้วยนะครับ”
“รบกวนอะไรล่ะจ๊ะ หนูมากินได้ทุกวันเลยนะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมยิ้มให้กับคุณน้าดาร่าก่อนจะหันไปมองดูจุนฮเวที่นอนยิ้มให้ผมอยู่บนโซฟาแล้วยังมาส่งสายตาล้อเลียนที่ผมทำท่าทางน้อมนอมเมื่อกี้อีก
“ไม่กินรึไงข้าวอ่ะ ไปสิฉันหิวแล้วจะกินนายแทนแล้วเนี้ย”
“ย่าห์! เดี๋ยวแม่ได้ยิน”
“หึ กลัวอะไร”
จุนฮเวยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะเดินนำผมไปทางโต๊ะอาหารที่คุณน้าดาร่านั่งรออยู่
“พ่อล่ะครับแม่ ยังไม่กลับหรอ”
“ยังจ๊ะ วันนี้คงดึกรีบกินกันเถอะเดี๋ยวดงฮยอกจะกลับดึกนะ”
“ความจริงแล้วให้ดงฮยอกนอนกับผมก็ได้นะครับ”
ผมหันขวับมามองจุนฮเวแทบไม่ทัน อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าที่พูดมาเมื่อกี้น่ะคิดอะไรอยู่ ผมหันกลับไปสบตากับคุณน้าดาร่าที่มองผมกับจุนฮเวยิ้มๆอยู่
“ถามเขารึยังว่าเขาจะนอนกับเรารึเปล่า”
“โถ่! แม่อ่ะแม่ก็ช่วยผมสิ”
ผมมองดูสองแม่ลูกกำลังเหย้าแหย่กันโดยมีผมเป็นหัวข้อสนทนาแต่ผมไม่ได้พูดอะไรเลย จนจุนฮเวหันมามองผมจนผมต้องก้มหน้าลงเช่นเดิม
“ว่าไงจ๊ะดงฮยอกจะยอมลูกแม่รึเปล่า”
“คะ..ครับ ความจริงแล้วเราเป็นเพื่อนกันครับ”
“อ้าว!แม่ก็นึกว่าเป็นแฟนกันแล้วซะอีก”
“ยังครับแม่...กำลังจีบอยู่”
จุนฮเวตอบคุณน้าดาร่าก่อนจะหันมายิ้มให้ผมจนผมต้องรีบเมินสายตานั้นทันที ให้ตายเถอะผมจะทำยังไงกับหัวใจตัวเองตอนนี้ดี มันจะทะลุออกมาแล้วนะ หยุดเต้นได้แล้ว!
อาหารมื้อค่ำจบลงอย่างชนิดที่ทำเอาผมแทบหัวใจวาย เพราะคำพูดเลี่ยนๆของจุนฮเวที่ทำเอาแม่ของตัวเองแท้ๆยังทำหน้าเอือมได้ ก่อนที่ผมจะขอตัวกลับโดยที่จุนฮเวมาส่ง และกว่าจะถึงบ้านร้านก็ปิดไปซะแล้ว
“อาบน้ำนอนเลยนะไม่ต้องอ่านหนังสือแล้ว”
“อือ ไปได้แล้ว”
“อย่าลืมฝันถึงฉันล่ะ จะรอ”
จุนฮเวหยอดผมตามเคยอย่างที่เขาทำทั้งวันก่อนจะขึ้นรถกลับไปตามที่ผมยืนไล่ตั้งนาน ผมเดินเข้ามาในบ้านด้วยหน้าตาแจ่มใส ถ้าแม่เห็นคงล้อผมถึงปีหน้าแน่ๆ แต่เสียงเรียกของใครบางคนกลับทำให้ใจผมกระตุกวูบขึ้นมาเมื่อได้ยิน
“ไปไหนกันมาหรอ...กับจุนฮเว”
“พี่จินฮวาน!”
“พี่มารอตั้งนาน คุณน้าบอกว่านายยังไม่กลับ”
“พี่จินมีอะไรรึเปล่าครับ”
“อะ...อ่อพี่แวะเอากิมจิมาให้คุณน้าน่ะ”
“อ่อครับ”
ผมสังเกตเห็นแววตาลังเลของพี่ชายตัวเล็กที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆเพราะบ้านของเราอยู่ในรั้วเดียวกันและสนิทกันมากแต่ตั้งแต่ที่พี่จินเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มห่างกัน เพราะพี่จินบอกว่าที่มหาลัยกิจกรรมเยอะ ผมเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ที่เห็นพี่เหนื่อยแบบนี้
“พะ...พี่”
“พี่คงเหนื่อยมาล่ะสิ ป่ะเดี๋ยวผมหาอะไรสดชื่นๆให้พี่กินดีกว่า”
“......”
“แม่บอกว่าที่มหาลัยอ่ะกิจกรรมเยอะมากเลยเรียนก็หนัก พี่สู้ๆนะครับ”
“......”
“ยิ่งตัวเล็กๆแบบนี้ ผมเป็นห่วงนะ”
ผมดึงแขนเล็กของพี่ชายไปทางห้องครัวแต่อีกคนกลับไม่ขยับตัวตามมาแต่อย่างใด พอผมหันกลับไปกลับเห็นน้ำหยดใสๆไหลออกมาตรงหางตาของพี่ชายตัวเล็ก แต่อีกคนกลับทำเพียงยืนมองผมนิ่งไม่พูดอะไร
“พี่จิน! ร้องไห้ทำไม”
“ปะ...เปล่าหรอกพอดีพี่แสบตาน่ะ”
“จริงหรอ ผมว่าไม่นะ พี่มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้นะครับ”
“อือ..”
“ผมน้องพี่นะ อย่าลืมสิ”
“จริงสินะ นายก็น้องพี่...”
“ผมว่าไปนอนดีกว่าพี่จินจะได้พักผ่อนด้วยนะครับ”
“อือ...”
ผมยิ้มใหhพี่ชายก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนของบ้านพร้อมกับหันมามองพี่จินที่เดินออกทางหลังบ้านไปบ้านอีกหลัง แต่เมื่อผมเดินขึ้นมาถึงชั้นบนที่เป็นชั้นกระจกภาพที่ผมมองเห็นด้านนอกบ้านของอีกฝั่งที่พี่จินเพิ่งเดินไปกลับปรากฎผู้ชายตัวสูงที่ผมเพิ่งจะบอกลาเมื่อสักครู่กับพี่ชายตัวเล็กที่กำลังดึงมือของอีกคนจากด้านหลังและดูเหมือนเขากำลังร้องไห้ พี่จินตัวสั่นจนผมที่มองจากที่ไกลๆยังเห็นได้ชัด จุนฮเวทำเพียงยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อพี่จินกอดรั้งเขาจากด้านหลังเขาไม่ได้ตอบรับแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกอดนั้น
ขาของผมชาอยู่กับที่ทันทีที่จุนฮเวสลัดพี่ชายของผมจนล้มลงบนพื้นแล้วเดินขึ้นรถไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่นั่งร้องไห้อยู่บนถนนแต่อย่างใด ในที่สุดผมได้เห็นแล้วว่าพี่จินฮวานกับจุนฮเวรู้จักกันไหมภาพที่ผมเห็นตอนนี้ยืนยันแล้วว่าคำตอบคืออะไร
แต่ที่ผมไม่รู้คือ...ความสัมพันธ์ของเขาอยู่ในแบบไหนทั้งตอนนี้และที่ผ่านมา
ครืน ครืน
มือถือในมือที่สั่นแจ้งเตือนโปรแกรมแชทจากจุนฮเวเรียกให้ผมละความสนใจจากพี่ชายก่อนจะปรากฏข้อความของเขาขึ้นมา
Junhoe
นายลืมหนังสือไว้บนรถ
พรุ่งนี้จะเอาไปคืนล่ะกันนะ
นอนได้แล้ว
ฝันดีครับ
ผมลังเลที่จะตอบอีกคนกลับไปเพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง จะให้ผมเมินก็ไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรแต่จะให้ผมตอบกลับไปอย่างปกติภาพของคนที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ตอนนี้ก็ทำให้ผมไม่กล้าทำตามที่ใจต้องการ
ผมควรจะเดินหน้าต่อไป...หรือควรจะหยุดอยู่ตรงนี้
ผมเลือกไม่ได้สักทาง...
Donghyuk
พรุ่งนี้เจอกัน
ฝันดีเช่นกัน
..................................................
งานนี้มีคนร้าวรานแน่นอน ลงให้อีกครึ่งแล้วนะ
ช่วงนี้จะลงช้าหน่อยเพราะไรท์เรียนหนักและกิจกรรมเยอะ
อย่าทิ้งกันนะรีทเป็นกำลังใจให้กันด้วย
ส่วนตอนหน้ามาดูว่าหนูดงจะทำยังไง
เม้นๆให้ไรท์และ junhyuk ได้นะคะ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วเลิกนิสัยแย่ๆได้แล้วงือออออออ สงสารดงเลยที่ไม่รู้อ่ะไร แต่ต้องมาเจ็บ