มนต์มยุรี
เพราะใจมันคิดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น กระทั่งได้เจอกันอีกครั้ง เขาจึงอยากใช้เวลาอยู่กับเธอ แต่เธอไม่เคยรู้ตัวเลย ว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินหลงทางในวังวนแห่ง มนต์มยุรี ที่เธอสร้างไว้
ผู้เข้าชมรวม
269
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เมื่อสถาปนิกสาวมากความสามารถอย่างนัทธมน ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับเธออยู่แล้ว แต่เมื่อเจอกับโรเบิร์ตเจ้าของโรงแรมหนุ่ม ซึ่งเธอเข้าใจผิดว่าเขาคือสตีฟ ผู้จัดการโรงแรม ชีวิตของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะสัญญาบ้าๆ นั่นเชียว เขาจึงบังคับให้เธออยู่กับเขา ความใกล้ชิดเริ่มก่อร่างสร้างความรัก ซึ่งเธอไม่เคยเชื่อว่ามีอยู่จริง เพราะเธอเป็นตัวแทนของเศษความรักที่ไม่มีใครต้องการ แต่สำหรับโรเบิร์ตแล้ว เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ชีวิตของเขามีความหมาย
วันหนึ่งเมื่อความจริงปรากฏ ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าสตีฟ เขาไม่ใช่แค่ผู้จัดการโรงแรม แต่เขาคือโรเบิร์ต นอฟแมนผู้เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ และที่สำคัญเขากำลังจะมีลูกกับสาวสวยอย่างวิกกี้ แล้วเศษความรักอย่างนัทธมนจะทำอย่างไร
credit: google/chris evans and jessica alba
เอี๊ยดดดดดดด
ยางรถสปอร์ตหรูถูไปกับพื้นถนน เสียงนี้ทำให้ใครต่อหลายคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นหันมามองอย่างใจจดใจจ่อ ลุ้นว่าเจ้ากระทิงดุสีบรอนซ์ดำจะพรากร่างหญิงชราไปหรือไม่ เพราะดิสก์เบรกทำงานตอบสนองต่อปฏิกิริยาจากผู้ขับได้เป็นอย่างดี มันจึงหยุดคำรามอยู่ตรงหน้าเธอ
ชายหนุ่มหัวกระแทกพวงมาลัยอย่างแรง เขารีบขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเขาขับรถเร็วจนเป็นนิสัยหรอก แต่วันนี้เขาต้องไปทำธุระหลายแห่ง ก่อนเดินทางกลับเชียงราย
โรเบิร์ต นอฟแมน ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ทายาทเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมหลายแห่งทั่วเอเชีย เกือบเดือนที่เขาใช้ชีวิตอยู่แถวๆ ภาคใต้ เพื่อพักผ่อนและหลบหน้าใครบางคน แต่ตอนนี้เขาต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมแล้ว สภาพชายหนุ่มที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ได้โกนหนวดโกนเครา ผมเผ้ารุงรัง ดูแล้วเหมือนโจรป่าไม่ผิด ก็เขาเพิ่งออกมาจากป่านี่
แม้จะอยู่ใกล้ทะเล แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็คิดถึงอะไรบางอย่างที่ทิ้งมา สิ่งที่อยู่กลางป่าใหญ่ รอวันให้เขากลับไปหา และก่อร่างสร้างสรรค์ปฏิมากรรมชิ้นเอกให้เสร็จสมบูรณ์
โรเบิร์ตเห็นรีสอร์ทที่เขาหลวง สถานที่แห่งนี้เป็นผลงานสุดสร้างสรรค์จากบริษัทของภัควัฒน์ พอเขาได้เข้าไปสัมผัสก็เกิดความประทับใจ ชายหนุ่มรีบสอบถามจากเจ้าของสถานที่และติดต่อให้สถาปนิกคนเก่งออกแบบรีสอร์ทของเขาที่ดอยหัวช้าง
พอถึงวันนัดหมายเขารีบเดินทางเข้ามาในเมืองใหญ่ และดิ่งตรงไปหาภัควัฒน์ทันที หากเสร็จธุระเขาจะเข้าไปดูแลกิจการโรงแรมที่ตั้งอยู่ในเมืองกรุงซักครึ่งวันแล้วก็เดินทางกลับเชียงราย
แต่..........เกือบถึงที่หมายแล้วก็ต้องเกิดเหตุขึ้นเสียก่อน
เอี๊ยดดดดดด
กระทิงดุสีบรอนซ์ดำหยุดอย่างกะทันหัน
เขารีบใช้แรงผลักตัวเองออกจากพวงมาลัย เอามือเสยผมที่ยาวประบ่า ขยับแว่นตากันแดดให้กระชับรอบดวงตา เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แค่รู้สึกตกใจและจุกเล็กน้อย แต่พอเงยขึ้นมองไปเบื้องหน้า
“โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มสบถออกมา นี่เขาหยุดรถไม่ทัน แล้วชนหญิงแก่คนนั้นเหรอ เขารีบขยับเพื่อเปิดประตู ปีกสวยของมันค่อยๆ ยกขึ้น เขามุดออกมาแล้วเดินไปดูที่หน้ารถ
หญิงชราหาบเร่ขายผลไม้ เช้าๆ แบบนี้ต้องรีบขายก่อนที่จะโดนเทศกิจไล่ เธอเดินข้ามไปขายหน้าบริษัทภัควัฒน์ พอมาได้ครึ่งทาง เธอก็มองไปที่ถนน เละเห็นว่าขบวนรถกำลังเร่งออกจากสี่แยกเพราะฤทธิ์ของไฟดวงสีเขียว เธอเร่งฝีก้าวเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย แต่เพราะรีบร้อนเกินไปและสภาพร่างกายที่แก่ชรา เธอจึงสะดุดล้มอยู่ตรงนั้น จังหวะเดียวกับที่รถของชายหนุ่มขับเลี้ยวพ้นมุมอับท้ายรถบรรทุกคันใหญ่ พุ่งตรงมายังเธอ เขาเหยียบเบรกจนตัวเขาเองกระแทกใส่พวงมาลัย
หญิงชราลืมตาขึ้นมา เมื่อรู้ตัวว่าพ้นจากเสียงเรียกของพญามัจจุราช ร่างแก่ขยับเขยื้อนเชื่องช้า รีบก้มเก็บของที่กระจัดกระจายเต็มพื้นถนน ชายหนุ่มลงจากรถมาช่วยหยิบเก็บผลไม้ใส่กระบุง ไทยมุงอีก 2-3 คน ต่างช่วยกันหยิบจับคนละไม้ละมือ เบื้องหน้าโรเบิร์ตมีตะกร้าพลาสติกรูปทรงกระบอก เขารีบหยิบคว้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่รู้เลยว่าปลายแหลมของมีดปลอกผลไม้ตั้งตระหง่าน พร้อมจะเสียบแทงหากแต่มันถูกถุงพลาสติกปกคลุมอยู่ จึงไม่มีใครรู้ว่าอสรพิษปลายแหลมซ่อนตัวอยู่ข้างใน แต่และแล้วแรงจากมือชายหนุ่มที่พุ่งไปหามัน เมื่อเผชิญหน้ากันและไม่อาจหลบเลี่ยงได้ มันจึงทำร้ายเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“โอ๊ย....” ชายหนุ่มร้อง
เขารีบสะบัดมือขึ้นด้วยความตกใจ หยุดสายตาทุกคู่ให้หันมามองที่เขาจุดเดียว แต่หากมองอีกมุมดูเหมือนว่าเขากำลังง้างมือเพื่อจะตบตีทำร้ายหญิงชราคนนั้น
“หยุดนะ ยายแกแก่มากแล้ว
แค่นี้ไม่เห็นต้องทำร้ายกันเลย” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น เธอแหวกม่านคนดูเข้ามาทัน
จนสามารถหยุดยั้งไม่ให้หนุ่มมาดเซอ ทำร้ายหญิงชราได้
ชายหนุ่มไม่รอช้า เมื่อเห็นว่าเลือดที่มือค่อยๆ ไหล เขารีบขึ้นรถแล้วหากระดาษทิชชูมาซับเลือดไว้ก่อน แต่ไม่นานนักรถคันหลังก็บีบแตร เร่งให้เขาเคลื่อนรถออกไป
ด้านหญิงสาวเมื่อเห็นว่ารวบรวมของที่หล่นอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หล่อนจึงพาหญิงชราขึ้นไปบนบาทวิถี เงยหน้ามองหาเจ้าของรถหรู แต่อยู่ๆ เขาก็รีบขับหนีออกไป
“คนไม่มีความรับผิดชอบ” เธอบ่นแล้วหันมาสนทนากับหญิงชรา
“ยายคะ วันหลังอย่ารีบข้ามถนนแบบนี้อีกนะ มันอันตราย รู้ไหม แล้วเป็นอะไรมากไหมคะ”
“แม่หนูขอบใจมากนะ ยายไม่เป็นไรแล้ว แค่ตกใจเฉยๆ แต่เห็นพ่อหนุ่มฝรั่งคนนั้นเขาบาด.....”
“ค่ะยาย” เธอรีบพูดตัดบท เพราะท่าทางของหญิงชราอาจพูด ด้วยมีเหตุมาจากการเกรงกลัวต่ออำนาจและอิทธิพลของชายหนุ่มผู้ขับเจ้ากระทิงดุคันนั้น แม่ค้าแก่ๆ คงไม่อยากมีเรื่อง ลำพังวิ่งหนีเทศกิจก็เหนื่อยแล้ว ยังจะมีเรื่องกับใครก็ไม่รู้อีก รู้แต่เพียงว่าคงไม่ธรรมดาแน่นอน นัทธมนคิด
“ถ้าไม่เป็นไรแล้วนั่งพักซักแป๊บนะคะ แต่ตอนนี้พ่อหนุ่มหน้าฝรั่งของยายเขาหนีความรับผิดชอบไปละ เฮ้ยยยย”
เมื่อทุกอย่างคลี่คลายกระแสคนที่มุงดูอยู่ก็ค่อยๆ สลายตัวไป และกลับสู่ภาวะปกติ
โรเบิร์ตขับรถวนหาจุดจอดริมถนนซึ่งห่างออกไปค่อนข้างไกล เขาเดินย้อนกลับเพื่อจะขอโทษและให้ความช่วยเหลือยายแก่คนนั้น แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ผู้คนต่างแยกย้ายกันไป เขามองไม่เห็นทั้งหญิงชราและหญิงสาว
“คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง” เขาพูดกับตัวเอง พลางคิดไปว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นใครกัน เธอมายุ่งอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เป็นญาติเหรอ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่นะ หรือเธอจะเป็นคนดีจริงๆ แต่คนดีแบบนี้ แบบไม่ฟังเหตุผลของคนอื่นเลย เขาถูกเธอปรักปรำว่าเป็นคนจิตใจโหด ทำร้ายได้แม้กระทั่งหญิงชราเลยเหรอ “ฮึ ยายทึ่ม เอ้ย” อย่าให้เจออีกนะ แต่ตอนนี้กระดาษทิชชูที่คอยซับเลือดไว้ เริ่มเอาไม่อยู่แล้ว
ชายหนุ่มจึงรีบไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผล ระหว่างนั้นเขาโทรศัพท์ไปพูดคุยกับภัควัฒน์เพื่อขอเลื่อนนัดเป็นตอนบ่าย แต่ทว่าบ่ายนี้เจ้าของบริษัทอย่างภัควัฒน์ก็ติดนัดลูกค้าอีกคน นัดของโรเบิร์ตจึงต้องเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้เช้า
แม้ไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมคิดไว้ เขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ อยู่กรุงเทพอีกวันมันก็ไม่เห็นเป็นไร
………………………………………
“นัท ทำไมวันนี้มาสายล่ะ พี่วัฒน์ให้ส่งงานตอนเช้านี้นะ เพราะจะมีลูกค้าคนสำคัญมาหา” สิรตาเพื่อนสาวคนสวยเอ่ยถาม
“รถชนยายขายผลไม้ตรงหน้าออฟฟิตเรา เจ้าของรถชนแล้วยังจะลงไปทำร้ายยายแกอีก ฉันทนเห็นไม่ได้ ก็เลยรีบเข้าไปห้าม เขาก็ขับรถหนีไปเลย” นัทธนมตอบอย่างเซ็งๆ
สิรตามองนัทธมนอย่างรู้ใจ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย นัทธมนเป็นผู้หญิงเก่ง เธอไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ หากใครดีด้วยเธอก็ดีตอบ แต่หากใครร้ายมาเธอก็สู้ไม่ถอย ส่วนสิรตาเอง แม้ใครจะมองว่าเธอสวยเด่น แต่เพราะความหัวอ่อน เธอจึงต้องมีนัทธมนอยู่เคียงข้างคอยเป็นเพื่อนอยู่เสมอ
“เอาล่ะ อย่าคิดมาก ไม่มีใครเป็นอะไรแล้ว รีบเข้าเอางานไปส่งให้พี่วัฒน์เถอะ”
“ค่ะ คุณนาย สิ” เธอตอบแกมหยอก
นัทธมนเดินไปถึงหน้าห้องภัควัฒน์ หล่อนได้ยินเสียงเจ้านายพูดโทรศัพท์กับลูกค้าคนสำคัญ และดูเหมือนว่าวันนี้ลูกค้าคนนั้นไม่สามารถมาพบตามที่นัดหมายได้ คงเลื่อนนัดเป็นวันพรุ่งนี้แทน เพราะฟังจากน้ำเสียงของเจ้านาย เดาได้ว่าคนที่ปลายสายอาจได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้ก็กำลังทำแผลอยู่ที่โรงพยาบาล
หญิงสาวจึงเคาะประตูห้อง เมื่อภัควัฒน์หันมาพยักหน้าส่งสัญญาณ เธอจึงเดินเข้าไปส่งมอบงานให้แก่เจ้านายของเธอ ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทยิ้มอย่างภูมิใจ เขารู้ว่านัทธมนไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง
ห้องพักวีไอพีชั้นบนสุดของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร โรเบิร์ต นอฟแมนเจ้าของสถานที่พักแห่งนี้ เขาค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล ชายหนุ่มรู้สึกปวดระบมไปทั่วร่างกาย และมากกว่านั้นเขารู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่มือของเขา ยิ่งเจ็บมันก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงหน้าหญิงสาว และเธอคงทำงานอยู่ละแวกนั้น วันนี้หากรีบไปถึงที่นั่นเร็วหน่อยอาจจะได้เจอกันอีก เขาจะได้อธิบายให้เธอเข้าใจอย่างถูกต้อง และเธอจะได้ขอโทษที่กล่าวหาเขาเช่นนั้น
แต่มือเจ้ากรรม เมื่อวานยังไม่ปวดเท่านี้เลย อาจเป็นเพราะหมอฉีดยาแก้ปวดให้เขา ตอนนี้มันคงหมดฤทธิ์ยาไปแล้ว เวลานี้ชายหนุ่มจะทำอะไรมันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เขาอาบน้ำอย่างระมัดระวัง แล้วจึงค่อยๆ สวมเสื้อยึดกับกางเกงยีนส์สีสุภาพ และคลุมด้วยแจ็คเก็ตสูท วันนี้ไม่ต้องแต่งตัวอย่างเป็นทางการเท่าไหร่ ก็ขอแต่งแบบสบายๆ แต่สุภาพละกัน พอแต่งตัวเสร็จเขาก็เงยหน้าขึ้นมอง แล้วเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก เขาต้องตกใจมาก นี่เขาปล่อยตัวขนาดนี้เลยเหรอ การใช้ชีวิตที่ผ่านมาเกือบเดือนที่เขาได้รู้สึกถึงอิสระ ได้ปลดปล่อยความทุกข์ผ่านต้นไม้ ผ่านสายน้ำมันก็คุ้มกันนะ เอาละต้องกลับมาเป็นโรเบิร์ต นอฟแมนคนเดิมแล้ว คิดได้ดังนั้นเขาจึงยิ้มเหยๆ ให้ผู้ชายในกระจก คงต้องทำผมหน่อยแล้วเรา เขาสั่งเรียกช่างทำผมขึ้นมาตัดผมในห้อง หากต้องตัดผมทิ้งตอนนี้เขาก็รู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาไม่เคยปล่อยให้ผมยาวขนาดนี้เลย ขอเก็บไว้ดูอีกซักวันละกัน ให้ช่างรวบผมไว้ดีๆ ก็พอ แค่นี้ก็หล่อเหมือนเดิมละ แต่อาจจะหล่อไปอีกแบบ เขาคิดอย่างอารมณ์ดี จากนั้นเขาจึงเตรียมตัวไปพบกับภัควัฒน์ แต่วันนี้คงขับรถไปเองไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมเลยสั่งให้พนักงานขับรถพาเขาไปส่งที่บริษัทภัควัฒน์แทน
หน้าบริษัทภัควัฒน์ รถตู้คันหรูจอดเทียบอยู่ริมทาง พนักงานขับรถสงสัยว่าทำไมเจ้านายของเขาไม่ให้ไปจอดหน้าอาคารเลย แต่ก็ต้องทิ้งความฉงนไว้ตรงนั้น เพราะชายหนุ่มลงไปจากรถ พร้อมกับแฟ้มเอกสาร 2-3 เล่ม หันกลับมาบอกให้พลขับเอารถออก ส่วนเขาจะเข้าไปคนเดียว ถ้าจะกลับเขาจะเรียกเอง
หลังจากที่โรเบิร์ตเดินลงมาจากรถ เขาเดินสำรวจอยู่ที่หน้าบริษัทเป็นเวลานาน เมื่อแน่ใจว่าคงไม่พบสิ่งที่อยากเจอแล้ว เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปในตึก พอมาถึงหน้าลิฟท์ โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ ไม่มีคนรอขึ้นลิฟท์ชายหนุ่มไม่ต้องแย่งหรือยืนเบียดใคร แต่โชคร้ายคือ โรเบิร์ตเอื้อมมือไปกดปุ่ม แต่เขาถือแฟ้มเอกสารจนเต็มมือ พอขยับแขนนิดเดียวแฟ้มก็หล่นร่วงมากองที่พื้น หากเขาให้บอดี้การ์ดตามมาด้วย เขาคงไม่ต้องถือแฟ้มเอง และแฟ้มคงไม่ต้องหล่นพื้นจนเขาต้องพยายามก้มเก็บมัน นึกได้ว่าเขายกเลิกบอดี้การ์ดให้ติดตามเขามาเกือบเดือนแล้วเพราะเขาอยากใช้ชีวิตอย่างสงบคนเดียว แต่ตอนนี้เขารู้สึกปวดเกรงๆ ทั้งที่มือ และตามเนื้อตัวสาเหตุเพราะอุบัติเหตุเมื่อวาน ชายหนุ่มพยายามก้มเก็บแฟ้มเอกสารที่ตกอยู่ แต่ทว่าอยู่ๆ ก็มีมือของหญิงสาวเอื้อมข้ามหน้าเขาไป และหยิบฉวยแฟ้มเอกสารทั้งหมดขึ้นมาไว้วงแขนของหล่อน
ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับขยับแว่นกันแดดให้กระชับ อยู่ๆ จังหวะหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น เพราะภาพที่อยู่ตรงหน้า คือหญิงสาวคนเมื่อวาน หล่อนกล่าวโทษและปรักปรำเขา ดีแล้วที่เจอกันอีกครั้ง เขาจะได้หยุดความรู้สึกที่จะตามหาหล่อน แต่...
นัทธมนมาทำงานตามปกติ ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปที่ลิฟท์ เธอเห็นชายคนหนึ่งกำลังพยายามก้มเก็บแฟ้มเอกสาร เขาได้รับบาดเจ็บ เธอจึงรีบเข้าไปช่วยเก็บของและถือไว้ให้
“ให้ฉันช่วยนะคะ ดูท่าทางคุณไม่ค่อยสบาย คุณจะไปชั้นไหนคะ”
ภายใต้แว่นกันแดดสีดำ หญิงสาวไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขามีท่าทีนิ่งเงียบ จนหญิงสาวต้องเรียกเขาอีกครั้ง
“คุณคะ คุณได้ยินฉันไหม คุณจะไปชั้นไหนคะ”
ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย พอตั้งสติได้ เขาจึงบอกที่หมายแก่หญิงสาว
“อ๋อ ชั้นเดียวกันค่ะ ดิฉันทำงานอยู่ที่นั่น คุณมาพบคุณภัควัฒน์หรือคะ”
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ อย่างสุภาพ
นี่หล่อนจำเขาไม่ได้เหรอ เมื่อวานหล่อนยังพูดจากล่าวหาเขาอยู่เลย หรือว่าหล่อนจะจำไม่ได้จริงๆ วันนี้พอเจอกันอีกครั้งทำไมหล่อนถึงทำดีและช่วยเหลือเขา หรือเธอจะซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ นี่เธอเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ แต่ถ้ายังจำกันไม่ได้ก็ดี เขาเริ่มอยากรู้จักผู้หญิงแบบเธอให้มากกว่านี้
บรรยากาศในลิฟท์เงียบสงบ ไร้เสียงพูดคุย หญิงสาวสังเกตท่าทางชายหนุ่มอยู่ซักระยะ เขาคงเพิ่งจะได้รับบาดแผล ท่าทางเขาดูเหมือนคนไม่ค่อยสบาย เขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่เธอก็ไม่ทราบ อาจถูกเจ้านายบังคับให้มาทำงานในวันนี้ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บ และสมควรได้รับสิทธิ์ลาป่วย อยากรู้จังเจ้านายของเขาเป็นใครกันถึงได้ไม่เห็นใจลูกน้องบ้างเลย เมื่ออดสงสัยไม่ได้เธอจึงถาม
“คุณคะ ไม่ค่อยสบายหรือเปล่า ทำไมไม่ลาป่วยล่ะคะ หรือว่าเจ้านายบังคับให้คุณมาทำงาน ทั้งๆ ที่ก็เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ค่อยสบายจริงๆ” หญิงสาวสงสัย
“ผมไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณ แล้วเจ้านายของผม เขาไม่ได้บังคับให้มาทำงานหรอก” นี่สิหญิงสาวคนเมื่อวานที่เขาเคยเจอ เธอช่างคิดไปเองเก่งจริงๆ แต่ชายหนุ่มก็อดขำในความเป็นเธอไม่ได้ เขาจึงยิ้มออกมานิดนึง
เธอไม่รู้เลยว่า ชายหนุ่มที่อยู่ในลิฟท์กับเธอตอนนี้เป็นคนเดียวกับที่เธอมีเรื่องด้วยเมื่อวาน ก็เธอเจอเขาเพียงเสี้ยวนาที ใครจะไปจำได้ แต่วันนี้สิเขาดูแตกต่าง เสื้อผ้าก็ดูสุภาพ ผมเผ้าไม่ยุ่งเหยิง แถมยังรวบซะเรียบร้อยไปหมด แต่ก็ยังสวมแว่นกันแดด เพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง
แต่ทว่าโรเบิร์ตจำหญิงสาวได้ขึ้นใจ
ผลงานอื่นๆ ของ เบ็ญจา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เบ็ญจา
ความคิดเห็น