คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #66 : Special YunJae # 9
แรงยวบของเตียงทำให้เปลือกตาสีเข้มที่ปิดสนิทเปิดขึ้นช้าๆและเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ย้ายศรีษะตัวเองออกจากหมอนไปวางไว้บนตักนิ่มทันทีไม่สนใจว่าเจ้าของเขาจะอนุญาตหรือเปล่า
“ ง่วงเหรอ? ” เสียงหวานเอ่ยถามมือขาวเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากออกให้ร่างสูง
“ เปล่าครับ แค่พักสายตาน่ะ ” ตอบยิ้มๆ มือหนาจับมือบางมาจุมพิตเบาๆการกระทำที่เรียกริ้วแดงๆให้ขึ้นมาพาดอยู่บนแก้มใส “ แต่ถ้าแจจุงลงไปนานกว่านี้ก็ไม่แน่นะ ” บอกกลั้วเสียงหัวเราะ
อันที่จริงจะว่าไปแล้วแจจุงก็ไม่ได้ลงไปนานหรอกแค่สิบห้านาทีเองแต่สำหรับคนรออย่างยุนโฮห้านาทีก็ถือว่านานแล้วล่ะ และระหว่างที่รอแจจุงเอาผ้าลงไปซักยุนโฮก็ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเพราะไม่รู้จะทำอะไรห้องของแจจุงไม่มีอะไรน่าสนใจเลยนอกจากหนังสือเรียน นอนไปนอนมาได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าเปลือกตามันเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆนี่ถ้าแจจุงขึ้นมาช้ากว่านี้อีกนิดสงสัยว่าเขาคงได้หลับสนิทจริงๆแน่
“ พอดีเจอคนรู้จักน่ะก็เลยแวะทักทายนิดหน่อย ” มือบางลูบกลุ่มผมดำไปมา
ซึ่งคนรู้จักที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลหากแต่เป็นจียงแฟนของซึงฮยอนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนั่นเอง ตอนที่แจจุงกำลังเอาผ้าลงถังบังเอิญว่าจียงกำลังจะออกไปเรียนพอดีเลยแวะมาถามแจจุงว่าซึงฮยอนออกไปเรียนหรือยังก็แค่นั้น
และเท่าที่รู้มาแจจุงว่าคู่ของซึงฮยอนกับจียงก็ถือว่าเป็นคู่ที่น่ารักคู่หนึ่งเลยล่ะเพราะทั้งคู่คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ถึงแม้ว่าบางครั้งที่จียงแวะมาหาซึงฮยอนที่ห้องทั้งคู่จะเกิดอาการพ่อแง่แม่งอนกันบ่อยๆก็เถอะแต่มันก็น่ารักไปอีกแบบนะแจจุงว่า
“ คนรู้จักที่ว่านี่ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ ” ถามน้ำเสียงสะลึมสะลือไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้นอนหนุนตักแจจุงหรือเพราะบรรยากาศในห้องมันพาไปถึงทำให้ยุนโฮนึกอยากจะนอนขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
เสียงหวานหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับคำถามของร่างสูงนี่ยุนโฮลืมอะไรไปหรือเปล่าว่านี่มันหอพักชายนะจะมีผู้หญิงได้ยังไงกัน “ ก็ต้องผู้ชายสิ หอพักเราไม่มีผู้หญิงปลอมตัวมาหรอกนะ ”
“ เหรอครับ ผมก็นึกว่ามีซะอีก ”
“ ใครเขาจะทำแบบนั้นได้เล่า ” จะมีผู้หญิงที่ไหนนึกพิเลนปลอมตัวมาอยู่กับผู้ชายเกือบห้าร้อยคนแบบนี้ถ้ามีก็แปลกเต็มทีแล้วล่ะ
คนตัวโตพลิกตัวนอนตะแคงดวงตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าสวยหวานของคนตรง หน้า แล้วจู่ๆความคิดไม่เข้าท่าก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“ ก็แจจุงไงครับ ”
เพี๊ยะ !
เสียงฝ่ามือกระทบกับท่อนแขนแข็งแรงโทษฐานที่พูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา เขาไม่ได้เป็นผู้หญิงปลอมตัวมาซะหน่อย
“ แจจุงตีผมทำไมครับ ” มือกร้านลูบแขนตัวเองป้อยๆพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสารสุดฤทธิ์แฟนใครเนี่ยนับวันยิ่งโหดขึ้นเรื่อยๆ
“ ก็ใครใช้ให้พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ล่ะ ” เสียงหวานว่างอนๆ
ยุนโฮหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นคนรักหน้ามุ่ยเห็นแบบนี้แล้วมันทำให้นึกอยากจะแกล้งต่ออีกสักหน่อย“ แล้วทำไมผมจะพูดไม่ได้ล่ะก็หลักฐานมันฟ้องซะขนาดนี้ ”
ตากลมหรี่ลงด้วยความไม่เข้าใจ“ หลักฐานอะไรอ่ะ ”
ยุนโฮยิ้มน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปไล้ตามโครงหน้าสวยด้วยความหลงใหล “ ก็แจจุงสวยซะขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ผมคิดว่าแจจุงเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาได้ยังไงล่ะครับ ”
แจจุงสวยซะจนบางทียุนโฮยังเคยคิดกับตัวเองว่าแท้ที่จริงแล้วแจจุงนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ผู้ชายอะไรจะหน้าหวานขนาดนี้ เห็นทีว่าเขาต้องหาวิธีพิสูจน์แล้วล่ะว่าแต่วิธีไหนน๊าที่มันจะทำให้เขาทั้งได้รู้ความจริงและได้เปรียบแจจุง
“ ก็แม่ให้มาแบบนี้อ่ะ ” บ่นเหมือนเด็กๆใบหน้าหวานมุ่ยหนักแล้วตอนนี้ถ้าเลือกได้แจจุงก็อยากเกิดมาหน้าหล่อเหมือนยุนโฮนั่นแหละแต่จะทำยังไงได้ล่ะพ่อกับแม่ให้มาแบบนี้นี่นา
ตั้งแต่เด็กๆแล้วที่แจจุงมักจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงเพราะใบหน้าที่หวานสวยเกินชายแล้วไหนจะผิวสีน้ำนมที่สวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก พอโตขึ้นมาหน่อยก็มีคนหาว่าเป็นทอมบอยเพราะดันโตมามีร่างกายที่ผอมบางเกินกว่าที่ผู้ชายจะเป็น แรกๆแจจุงก็หงุดหวิดอยู่เหมือนกันที่โดนเข้าใจผิดแบบนั้นแต่ตอนนี้เขาชินซะแล้วล่ะ
“ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวเราเอาบัตรประชาชนให้ดู ” ร่างบางหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหน้ากระเป๋าเงินของตัวเอง
“ ไม่ต้องหรอกครับ ” เสียงทุ้มเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าแขนขาวกำลังเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเงิน “ ผมมีวิธิพิสูจน์ที่ดีกว่านั้น ” แววตาเจ้าเล่ห์อยู่ในตาคมอย่างปิดไม่มิด
“ วิธีอะไรอ่ะ ” ร่างบางเอียงคอถามด้วยความสงสัย ยุนโฮจะมาไม้ไหนอีกเนี่ยแต่แจจุงชักสังหรณ์ใจแล้วสิว่ามันต้องไม่เป็นผลดีกับเขาแน่ๆ
“ ไม่บอก ถึงเวลาเดี๋ยวแจจุงก็รู้เอง ” รอยยิ้มกรุ่มกริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อ ปากหยักประทับจูบลงบนข้อมือขาวติดๆกัน
“ มีความลับเหรอ ”เอ่ยถามเสียงดุตากลมมองอย่างคาดโทษเมื่อคิดว่าคนรักกำลังมีความลับกับตนเสียงหวานจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอเมื่อไม่ได้ดั่งใจ “ ชิส์ ไม่รู้ก็ได้ ”
ใบหน้าสวยสะบัดหนีงอนๆ ไหนบอกว่าคนเป็นแฟนกันต้องไม่มีความลับต่อกันไงแต่นี่อะไรอ่ะเรื่องแค่นี้ก็ไม่ยอมบอกกันทีเขายังยอมเปิดเผยนิสัยจริงๆให้ยุนโฮรู้เลยนะ
“ อ่า แจจุงงอนผมเหรอ ผมไม่มีความลับกับแจจุงจริงๆนะ ” นิ้วยาวไต่ไปมาบนลำแขนขาวปากหยักอมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า “ มันแค่ยังไม่ถึงเวลา ”
“ นั่นแหละเขาเรียกว่ามีความลับ อ๊ะ ยุนโฮทำอะไรน่ะ ”
เสียงหวานอุทานด้วยความตกใจที่จู่ๆร่างสูงก็เด้งตัวขึ้นมาจากตักแต่นั่นก็ไม่ตกใจเท่ากับพบว่าตอนนี้ตัวเองลงไปนอนราบอยู่บนเตียงโดยมีร่างหนาของอีกคนคร่อมอยู่นี่ยุนโฮจะเล่นอะไรอีกเนี่ย
“ ก็จะพิสูจน์ไงครับ แจจุงอยากรู้ไม่ใช่เหรอ ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า อยากรู้นักเดียวชองยุนโฮคนนี้จัดให้จะได้เลิกงอนซะที
“ ตอนนี้ไม่อยากรู้แล้ว ” บอกด้วยน้ำเสียงหวาดๆร่างบางคิดว่าพอจะเดาออกแล้วล่ะว่าวิธีพิสูจน์ของยุนโฮมันเป็นยังไง เจ้าเล่ห์จริงๆนะพ่อคุณมีโอกาสเป็นไม่ได้หากำไรกับเขาตลอดเวลาเลย
“ แต่ผมอยากพิสูจน์แล้วอ่ะ ” ลอบยิ้มสมใจเมื่อเห็นอีกคนชักสีหน้าไม่พอใจ เป็นไงล่ะอยากงอนดีนักแบบนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด
อันที่จริงแล้วยุนโฮไม่ได้คิดที่จะทำจริงๆหรอกเพราะรู้ดีว่าแจจุงยังไม่พร้อม แต่พอเห็นอาการงอนของคนรักแล้วมันก็อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆก็เวลางอนแจจุงน่ารักน้อยซะที่ไหนล่ะ
“ แต่เราไม่ให้พิสูจน์ ” บอกเสียงดังฟังชัดก่อนจะย่นคอใบหน้าแสนสวยเบี่ยงหลบจมูกโด่งที่กำลังจะซุกลงบนซอกคอขาว
“ ไม่พิสูจน์จริงเหรอ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามน้ำเสียงติดจะเสียดายอยู่นิดๆ จะไม่พิสูจน์จริงอ่ะแต่ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าผมไม่มีความลับกับแจจุงจริงๆนะ
“ จริง ลุกขึ้นไปได้แล้วมันหนัก ” บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้หรอกกับยุนโฮน่ะถ้ายอมให้แล้วมักจะได้ใจต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“ เฮ้อ...... ” ถอนหายใจด้วยความเสียดายก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆร่างบาง แต่แจจุงยังไม่ทันจะได้ขยับตัวไปไหนลำแขนแข็งแรงก็ตวัดมากอดเอาไว้เสียก่อน
ตอนแรกแจจุงก็ขัดขืนอยู่หรอกเพราะคิดว่ายุนโฮยังไม่เลิกแกล้ง แต่เมื่อเห็นว่ายุนโฮไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านอนกอดแจจุงจึงยอมอยู่นิ่งๆเป็นหมอนข้างชั่วคราวให้กับคนรัก
“ แค่กอดเฉยๆสัญญาว่าจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ” ร่างสูงให้สัญญา
“ อืม... ” แจจุงตอบรับในลำคอก่อนจะขยับตัวให้เข้าที่เข้าทางและเพราะบนเตียงมีหมอนเพียงใบเดียวทั้งคู่จึงต้องหนุนหมอนใบเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้
ต่างคนต่างเงียบมีเพียงสายตาของคนทั้งคู่เท่านั้นที่ใช้สื่อถึงกัน แต่พอโดนมองนานๆเข้าแจจุงก็ชักจะเริ่มเขินใบหน้าสวยก้มหลบเพื่อปกปิดใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจางๆให้พ้นจากสายตาของอีกคน
“ แจจุงรู้มั๊ยว่าผมน่ะอิจฉารูมเมทของแจจุงมากๆเลยล่ะ ” เสียงทุ้มเอ่ยกับคนรักทำลายความเงียบ
มันอดที่อิจฉาไม่ได้จริงๆนี่นาเมื่อเผลอนึกไปว่ารูมเมทของแจจุงได้อยู่กับแจจุงในเวลาส่วนตัวมากกว่าตัวเอง เอาเข้าจริงๆแล้วเรียกได้ว่าในหนึ่งวันนายซึงฮยอนอะไรนั่นน่ะมีเวลาอยู่กับแจจุง มากกว่าเขาที่แฟนซะอีกคิดแล้วน่าอิจฉาชะมัด
“หืม.... ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรัก “ ทำไมคุณต้องอิจฉาท็อปด้วยล่ะ ”
“ ก็เขาได้อยู่ห้องเดียวกันกับแจจุง ได้นอนเตียงข้างแจจุง ก่อนนอนก็เห็นหน้าแจจุงเป็นคนสุดท้ายพอตื่นขึ้นมาก็ยังได้เห็นหน้าแจจุงเป็นคนแรก แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมอิจฉาได้ยังไง ” พูดไปก็ทำหน้าไม่ชอบใจไปยิ่งพูดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดนึกอยากจะให้แจจุงย้ายออกไปอยู่กับเขาเสียตั้งแต่วันนี้เลย
เสียงหวานหัวเราะเบาๆกับความคิดของร่างสูงคุณนี่มันขี้อิจฉาเหมือนเด็กไม่มีผิดเลยนะยุนโฮ นิ้วเรียวหนีบจมูกโด่งแล้วบิดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ คุณคิดมากไปแล้ว ”
“ แจจุงน่ะสิคิดน้อยเกินไป ไม่รู้ว่านายท็อปอะไรนั่นแอบคิดอะไรกับแจจุงรึเปล่าก็ไม่รู้ ” นิ้วยาวคลึงข้อมือขาวเล่นเพลินๆเขาเชื่อใจแจจุงนะแต่กับนายท็อปน่ะเข้าไม่อยากไว้ใจเอาซะเลย
แจจุงส่ายหน้าให้กับความคิดของร่างสูง“ นี่ยุนโฮเราจะบอกอะไรให้นะ ท็อปน่ะเขามีแฟนแล้วแล้วแฟนเขาก็น่ารักมากด้วยเขาไม่มาสนใจเราหรอกเพราะฉะนั้นคุณเลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ” บอกให้คนรักได้สบายใจ
เพราะขืนปล่อยให้ยุนโฮเข้าใจผิดอยู่แบบนี้มีหวังความรักของเขาทั้งคู่ต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดระแวงแน่ๆแล้วถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ชีวิตรักของพวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไร
“ แจจุงรู้ได้ไงครับ ” ยุนโฮยังไม่เลิกสงสัย บางนี้นายนั่นอาจจะโกหกว่ามีแฟนเพื่อให้แจจุงตายใจก็ได้
“ ก็ท็อปเขาชอบพาแฟนมาเล่นที่ห้องนี้บ่อยๆน่ะสิ ”
“ ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ” ปากหยักฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่ง อกเสียงทุ้มหัวเราะให้ตัวเองเบาๆนี่เขากลายเป็นคนขี้หึงแบบไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กันแต่ก่อนเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะกับแจจุงเป็นคนแรกเลยนะจะบอกให้
“ รู้แบบนี้แล้วเลิกคิดมากได้หรือยัง? ” เสียงหวานเอ่ยถามยิ้มๆ
“ เลิกแล้วครับ” ตอบพร้อมกับส่งยิ้มสื่อความหมายไปให้ รอยยิ้มที่เป็นดั่งคำสัญญาว่าต่อไปนี้เขาจะมีเหตุผลมากกว่านี้
“ แล้วอีกอย่างนะคุณไม่ต้องอิจฉาท็อปหรอก”
“ หืม.... ” คิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยความอยากรู้ว่าแจจุงจะพูดอะไรต่อ
ฟันขาวกัดริมฝีปากล่างเบาๆอย่างคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า “ คุณจะอิจฉาทำไมในเมื่อ ท็อปเขาเป็นแค่เพื่อน....ส่วนคุณน่ะเป็นแฟน ”
พูดจบก็ซุกหน้าลงกับอกแกร่งซ่อนพวงแก้มสีชมพูที่ก่อตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ ต่างกับอีกคนที่ตอนนี้หัวใจพองโตจนแทบจะหลุดออกมาจากอกแล้วหน้าที่เคยเรียวเล็กตอนนี้บานยิ่งกว่ากระด้งเมืองไทยซะอีก นั่นสิเขาจะไปอิจฉาซึงฮยอนทำไมในเมื่อตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่พิเศษกว่าใครๆตำแหน่งที่หลายๆคนอิจฉา แขนแกร่งกระชับร่างบอบบางให้แน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยบอกคำว่ารักซ้ำๆ
“ ผมรักแจจุงนะครับ รัก รัก รักมากที่สุด ” ไม่รู้ว่าแจจุงเบื่อที่ได้ยินคำนี้แล้วหรือยังแต่เขาไม่เคยเบื่อที่จะพูดคำนี้ให้แจจุงฟังเลยสักครั้ง
“ อืม...รู้แล้ว ” ตอบรับน้ำเสียงอู้อี้เพราะหน้าหวานยังซุกอยู่กับอกแกร่ง
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่คนทั้งสองนอนกอดกันอยู่บนเตียงอย่างนั้นรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขามีความสุขเหลือเกินสุขที่ได้รักใครสักคนและสุขที่รู้ว่ามีใครอีกคนรักเราเช่นกันทั้งสองยังคงกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงนาฬิกาที่แจจุงตั้งปลุกเอาไว้ดังขึ้น
แจจุงขืนตัวออกจากอ้อมกอดเพื่อลุกขึ้นไปปิดนาฬิกาปลุกปากอิ่มวาดยิ้มให้คนที่นอนทำหน้าเซ็งใส่เจ้านาฬิกาปลุก ยุนโฮนึกโมโหนาฬิกาปลุกอยู่ในใจที่ดังขัดจังหวะไม่รู้ว่าจะมาดังอะไรตอนนี้ขอเขานอนกอดแจจุงอีกนิดก็ไม่ได้
“ ข้างหอมีร้านอาหารเดี๋ยวสั่งขึ้นมาทานแล้วค่อยออกไปเรียนก็แล้วกันหรือยุนโฮว่าไง? ” ร่างบางหันมาถามความเห็นจากคนรักหลังจากจัดการกับเจ้านาฬิกาปลุกเรียบร้อยแล้ว
“ แต่ผมอยากทานอาหารฝีมือแจจุงมากกว่า”
“ เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะ วันนี้ในตู้เย็นไม่เหลือของสดเลย ” แจจุงขอพลัดไปเป็นคราวหน้าเพราะเขาไม่ได้ซื้อของสดมาไว้เลย ร่างบางแอบดีใจลึกๆที่ยุนโฮชอบอาหารฝีมือเขา
“ แจจุงสัญญาแล้วนะ ”
“ อืม...เดี๋ยวจะทำให้ทานจนเบื่อเลย ” เสียงหวานบอกขำๆแล้วอย่ามาบ่นว่าเบื่อที่หลังก็แล้วกันนะ
แจจุงเป็นคนชอบทำอาหารมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วตอนเด็กๆแจจุงมักจะเข้าครัวไปช่วยมารดาทำอาหารอยู่บ่อยๆ แจจุงจะมีความสุขทุกครั้งเวลาที่มีคนชมว่าอาหารที่เขาทำนั้นมันอร่อย
“ งั้นแจจุงคงต้องทำตลอดชีวิตแล้วล่ะ เพราะผมไม่มีทางเบื่ออาหารฝีมือแจจุงแน่นอน” หยอดคำหวานให้อีกคนได้ชื่นใจแต่ยุนโฮคิดแบบนั้นจริงๆนะอาหารฝีมืออร่อยจะตายยิ่งถ้าได้ทานไปมองหน้าแจจุงไปยิ่งอร่อยกว่าเดิมสิบเท่าแล้วแบบนี้เขาจะเบื่อลงได้ยังไงล่ะ
“ ปากหวาน ” นิ้วเรียวจิ้มเบาๆตรงปากหยักที่มันช่างหยอดเหลือเกินตากลมหันไปมองนาฬิกาอีกครั้งและพบว่ามันได้เวลาที่ต้องลงไปเอาผ้าแล้ว “แล้วเที่ยงนี้จะทานอะไรเดี๋ยวตอนลงไปเอาผ้าจะได้แวะไปสั่ง ”
“ ไม่ต้องหรอกครับ ” ยุนโฮบอกยิ้มๆก่อนจะจับมือขาวที่จิ้มอยู่บนปากตัวเองมากดจูบหนักๆด้วยความหมั้นเขี้ยวคนอะไรก็ไม่รู้นุ่มไปทั้งตัวเลย
“ คุณไม่หิวเหรอ เดี๋ยวก็ได้เป็นโรคกระเพาะหรอก ”เอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย
“ แจจุงลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้เรามีนัดกับยูชอนแล้วก็จุนซูไงล่ะ ” ร่างสูงช่วยเตือนความจำให้คนรัก
“ จริงด้วยเราเกือบลืมแน่ะ ”
ตาโตเบิกกว้างหลังจากที่นึกขึ้นมาได้ เกือบลืมไปแล้วไหมล่ะว่าวันนี้มีนัดทานข้าวเที่ยงกับยูชอนและจุนซูเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งเพราะวันนี้ยูชอนกับจุนซูก็จะกลับแล้ว
จะว่าไปแล้วก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ยูชอนน่าจะอยู่ต่ออีกสักวันสองวันจะได้สนิทกันมากกว่านี้ แจจุงชอบจุนซูมากเลยล่ะดูสดใสแล้วก็น่ารักมากๆด้วยในสายตาของแจจุงแล้วจุนซูยังเหมือนเด็กอยู่เลยไร้เดียงสามากๆเลยล่ะ ขนาดยุนโฮยังแปลกใจเลยว่าคนซื่อๆอย่างจุนซูปราบคนเจ้าชู้อย่างยูชอนได้อย่างไรกัน
แจจุงคิดว่ายุนโฮเองก็คงอยากจะให้ยูชอนอยู่ต่อเช่นกันเพราะเท่าที่สังเกตเวลาที่อยู่กับยูชอนแล้วยุนโฮดูเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด นั่นอาจจะเป็นเพราะทั้งคู่รู้จักกันมานานเลยทำให้ไม่ต้องเกรงใจกลัวว่าจะทำให้อีกคนไม่พอใจและดูเหมือนว่ายุนโฮจะรักและไว้ใจเพื่อนสนิทคนนี้มากๆเลยแหละ
“ อะไรกันยังไม่แก่ก็ขี้ลืมซะแล้ว ” ร่างสูงเย้าคนรักเล่น
ร่างบางย่นจมูกใส่คนรักมือบางประครองใบหน้าหล่อเอาไว้ทั้งสองข้างก่อนจะโยกไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว“ ตัวเองก็เหมือนกันแหละ ยังไม่แก่ก็คิดมากซะแล้ว ”
***** ฝากฟิคอีกเรื่องด้วยนะค่ะ^^
ความคิดเห็น