คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter # 18
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จทุกคนก็ออกเดินทางกลับเข้าโซลโดยที่ตกลงกันว่าจะไปที่ร้านของแจจุงก่อน ระหว่างทางก็แวะซื้อของกลับไปกินที่ร้านกันตลอดทาง และพอคนทั้งสองคันแล่นเข้าจอดหน้าร้านฮีชอลที่นั่งทำหน้าเซ็งมาตลอดทางก็ระบายยิ้มก่อนจะรีบลงจากระเมื่อเห็นรถคันคุ้นเคยจอดอยู่ร้านร่างบางรีบเดินลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านทันทีปล่อยให้ฮันเกิงเป็นคนอุ้มลูกชายที่หลับเดินตามเข้าไป
“ นี่มันรถแม่นี่ ” จุนซูหันมาพูดกับพี่ชายทันทีที่เห็นว่าคนใครจอดอยู่หน้าร้าน “ แม่จะมาทำไมไม่บอกก่อนอ่ะ ”
“ นั่นน่ะสิ ” แจจุงขมวดคิ้วมุ่นแต่พอหันไปเห็นยุนโฮที่กำลังอุ้มชางมินลงมาจากรถใบหน้าสวยก็ฉายแววเป็นกังวลขึ้นมาทันที
พ่อกับแม่ยังไม่รู้ว่าเขาคืนดีกับยุนโฮแล้ว !
“ ใครมาเหรอแจจุง ? ” ยุนโฮที่เดินลงมาจากรถเป็นคนสุดท้ายเอ่ยถาม คิ้วหน้าเลิกขึ้นเพื่อรอฟังคำตอบโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะเผชิญกับศึกหนัก
“ แม่น่ะ ” บอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เพียงแค่ประโยคสั้นๆแต่สามารถอธิบายความกังวลที่อยู่บนใบหน้าของแจจุงได้เป็นอย่างดี ยุนโฮเองก็หน้าเครียดขึ้นมาเหมือนกันแต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องกล้ายอมรับและเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และยิ่งเห็นหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของแจจุงยุนโฮยิ่งรู้ว่าตอนนี้เขาต้องเป็นผู้นำมือหนาข้างที่ไม่ได้อุ้มลูกยื่นไปคว้ามือบางมากุมเอาไว้พร้อมกับบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ งั้นก็เข้าไปในบ้านกันเถอะ...ยุนจะได้สวัสดีแม่แจจุงซะที ”
“ แต่ว่า.... ” แจจุงกระตุกมือของยุนโฮเบาไว้
หน้าคมหันมามองก่อนรอยยิ้มอ่อนโยนจะส่งมาให้เมื่อเห็นสายตาที่เป็นกังวลของแจจุง ยุนโฮรู้ว่าแจจุงกำลังกลัวว่าแม่ของตัวเองจะโกรธเขาจนไม่ให้อภัยแล้วจะสั่งให้พวกเขาเลิกติดต่อกัน
“ ไม่ต้องกลัวนะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยุนจะไม่ทิ้งแจจุงกับลูกแน่นอน ” บอกให้มั่นใจว่าไม่ว่าจะมีอุปสรรรคหนักหนาแค่ไหนเขาก็จะไม่มีวันทิ้งให้แจจุงกับลูกต้องอยู่ตามลำพังอีกแน่นอน
และเพียงรอยยิ้มที่จริงใจก็สามารถทำให้แจจุงคลายความเป็นกังวลได้ไปกว่าครึ่ง มือบางบีบตอบกลับก่อนจะเดินตามยุนโฮไป
“ ใครมาเหรอจุนซู ? ” ยูชอนที่เพิ่งขนของลงจากรถเสร็จเดินมาเอ่ยถามข้างๆจุนซู
“ แม่ผมมา ”
ยูชอนพยักหน้ารับเบาๆแต่พอสมองเริ่มประมวลคำตอบของจุนซูได้ก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ “ ห๊ะ ! แม่จุนซูมา....ซวยแล้วไอ้ยุน ! ”
“ ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะว่าตัวช่วยที่พี่ฮีชอลพูดถึงคือใคร ” จุนซูมองตามแผ่นหลังของพี่ชายและพี่เขยด้วยสายตาเป็นห่วง ถึงว่าล่ะพอมาถึงฮีชอลก็รีบเดินเข้าไปในร้าน
“ เจองานใหญ่แล้วยุนโฮ ” ยูชอนอดที่จะคิดหนักแทนเพื่อนไม่ได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนในครอบครัวเขาคงทำได้เพียงเป็นกำลังใจให้เท่านั้น
.
.
.
และทันทีที่เดินเข้ามาในร้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะของแม่และฮีชอลดังแว่วมาแต่ไกล แต่ทันทีที่เห็นว่าลูกชายคนโตเดินเข้ามาพร้อมกับใครคุณนายคิมก็หยุดหัวเราะทันที ดวงตาผ่านโลกบอกดูร่างสูงที่เดินเข้ามาก่อนที่จะหยุดอยู่ที่มือทั้งสองข้างที่กุมกันอยู่
“ แม่มาได้ยังไงฮะ ” เพราะสถานการณ์ตรงหน้ามันช่างอึดอัดซะเหลือเกินแจจุงจึงเอ่ยถามมารดาเพื่อทำลายบรรยากาศนั้น
“ แม่คิดถึงหลานก็เลยแวะมาหาน่ะ ” ยิ้มบอกลูกชายหากแต่สายตาก็ยังไม่ละจากร่างสูงตรงหน้า “ แล้วนี่ใคร..ทำไมต้องจับมือกันด้วย ”
“ เอ่อ... ”
“ ผมชอง ยุนโฮ สวัสดีครับคุณแม่ ” แจจุงกำลังจะดึงมืออกจากการกอบกุมของยุนโฮหากแต่มือหนากลับบีบแน่นไม่ยอมปล่อยก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับโค้งทำความเคารพ
คุณนายคิมบอกชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร คนๆนี้เหรอคือคนที่ทำให้ลูกชายคนโตของเธอเดินมาบอกว่าท้องทั้งน้ำตาเมื่อสี่ปีก่อน ผู้ชายคนนี้คือคนที่ทำให้ลูกชายของเธอต้องหมดอนาคตไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ผู้ชายคนนี้คือคนที่ทำให้ลูกชายแอบร้องไห้ทุกครั้งเวลาที่ชางมินบอกว่าอยากมีพ่อเหมือนคนอื่น
“ อ๋อ...ชอง ยุนโฮ ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบคนนั้นน่ะเหรอ ” เอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหยัน
“ แม่... ” เสียงหวานเรียกแม่ตัวเองเบาๆ แจจุงรู้ว่าแม่ไม่ชอบหรืออาจจะถึงขั้นเกลียดยุนโฮเลยล่ะแต่ร่างบางไม่คิดว่ามารดาจะเอ่ยทักทายด้วยประโยคแบบนี้
“ ฉันอยากเห็นหน้ามานานแล้วว่าผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง ” นอกจากจะไม่สนใจเสียงของลูกชายแล้วคุณนายคิมยังหันไปจ้องหน้ายุนโฮที่ยืนสงบอยู่
ทันทีที่ฮีชอลโทรมาเล่าให้ฟังว่าพ่อของชางมินกลับมาแล้วและตอนนี้ก็คืนดีกลับแจจุงเรียบร้อยแล้วเธอก็อยากจะมาเห็นหน้าคนที่เป็นลูกเขยของตัวเองจนต้องมานั่งรอที่ร้านนี้
“ ผมยอมรับครับว่าผมเห็นแก่ตัว...แต่ตอนนี้ผมกลับมารับผิดชอบกลับสิ่งที่ผมทำแล้วครับ ” ยุนโฮพยายามเอาความนิ่งเข้าสู้ เพราะเขาเป็นคนผิดเพราะฉะนั้นก็ต้องน้อมรับความผิดที่ตัวเองได้ทำ
“ รับผิดชอบงั้นเหรอ ? หึ ” คุณนายคิมกระตุกยิ้ม “ ไหนบอกมาซิว่าเธอจะรับผิดชอบยังไง ? ”
“ ผมจะดูแลแจจุงกับลูกให้ดีที่สุดครับ ” บอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นพร้อมกับแสดงความจริงใจให้คุณแม่ยายเห็น
“ ไม่จำเป็น..ลูกกับหลานฉันฉันดูแลได้และฉันก็ดูแลมาตลอดสี่ปี ” เน้นชัดตรงท้ายประโยคเพื่อย้ำให้ยุนโฮรู้ว่ามันคือสี่ปีที่ยุนโฮทิ้งให้พวกเขาดูแลตัวเอง
“ พรุ่งนี้ผมจะพาแจจุงกับลูกไปพบพ่อกับแม่ของผมครับ...ผมจะไปอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ท่านทราบและหลังจากนั้นผมจะพาแจจุงไปจดทะเบียนสมรสและพาชางมินไปจดทะเบียนรับรองบุตรครับ ”
“ ยุนโฮ.... ” แจจุงมองคนรักอึ้งๆเพราะร่างบางไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ดวงตาคู่สวยมีน้ำมาคลอการที่ยุนโฮทำแบบนี้มันแสดงถึงว่ายุนโฮต้องการที่จะรับผิดชอบจริงๆ
หน้าคมหันมาคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ “ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแจจุง...ยุนตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าแจจุงยอมยกโทษให้ยุน ยุนจะไปทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ”
“ ขอบคุณนะ ”
“ ยุนบอกแล้วไงว่าต่อไปนี้ยุนจะเป็นคนรับผิดชอบชีวิตของแจจุงกับลูกเอง ”
ต่างคนต่างสบตากันพร้อมกับรอยยิ้มที่คงจะมีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้นที่จะเข้าใจความหมายของรอยยิ้มที่มีให้แก่กัน แต่บรรยากาศคงจะซึ้งกว่านี้ถ้าหากว่าไม่มีเสียงของคุณนายคิมขัดขึ้นมาซะก่อน
“ จะพาลูกชายเขาไปจดทะเบียนถามแม่เขาหรือยังว่าอนุญาตหรือเปล่า....และต้องขอโทษด้วยที่ฉันจะบอกว่าฉันไม่อนุญาตให้แจจุงแต่งงานกับเธอ ! ”
“ แม่ ! ”
“ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแจจุง...พาชางมินขึ้นไปนอนบนห้องดีๆ ฮีชอลขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนแจจุง
ด้วย ”
“ ฮะคุณน้า ”
“ แต่ว่าแม่ฮะ.... ”
“ ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นคือคำสั่งของแม่ ”
แจจุงกำลังจะอ้าปากคัดค้านหากแต่น้ำเสียงดังประกาศิตของคนเป็นแม่ก็ทำให้ร่างบางไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง ร่างบางหันไปมองยุนโฮด้วยความเป็นห่วงก่อนจะได้รับรอยยิ้มอบอุ่นตอบกลับมา แต่ดูเหมือนว่าแค่เพียงรอยยิ้มจะไม่สามารถทำให้แจจุงสบายใจขึ้นได้เลย
“ พาลูกขึ้นไปนอนเถอะ...เดี๋ยวถ้าคุยธุระเสร็จแล้วเดี๋ยวยุนจะตามขึ้นไป ”
“ ยุนจะตามขึ้นไปจริงๆนะ ” แจจุงกลัวว่ายุนโฮจะยอมแพ้แม่เขาแล้วหนีกลับไป
“ ครับ....ตามไปแน่นอนแจจุงเองก็พักผ่อนนะเดินทางมาเหนื่อยๆ ”
เพราะยุนโฮยืนยันแบบนั้นแจจุงจึงยอมยื่นมือมารับชางมินจากยุนโฮก่อนที่จะเดินตามฮีชอลไปยังชั้นบน หากแต่ระหว่างทางก็มองยุนโฮเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงจนกระทั่งเดินขึ้นไปถึงชั้นบน และพอเหลือกันแค่สองคนมันก็ถึงเวลาแล้วที่ยุนโฮจะต้องยืดอกยอมรับผิดแบบลูกผู้ชาย
“ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณแม่ด้วยครับที่ผมทำให้แจจุงและคนในครอบครัวต้องเสียใจ ” ร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ยายเขาอยากจะขอขมาในสิ่งที่เขาได้ทำ
“ คำพูดแค่ลมปากมันจะเชื่อถือได้เท่าไหร่กัน ? ” ปรายตามองร่างสูงที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทาง “ คิดว่าขอโทษแล้วฉันจะยอมยกแจจุงให้แต่งงานกับเธองั้นเหรอ ? ”
“ ผมรู้ครับว่าความผิดที่ผมทำมันร้ายแรงแค่ไหน...แต่ผมรักและอยากดูแลแจจุงกับลูกจริงๆ ”
“ ไม่คิดบ้างเหรอว่าเธอพูดประโยคนี้ในวันที่สายไปแล้ว ”
“ ผม..... ” ก้มหน้าสำนึกผิดยุนโฮไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปเพราะสิ่งที่แม่ยายพูดมานั้นถูกทุกอย่างคำว่า ‘รักและอยากดูแล’ เขาสมควรพูดมันตั้งแต่เมื่อสี่ปีที่แล้วแล้ว “ ผมยอมรับผิดทุกอย่างครับแต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผม...ขอแค่ได้ดูแลแจจุงกับลูกคุณแม่จะให้ผมทำอะไรผมยอมทั้งนั้น ”
“ งั้นก็พิสูจน์สิ ”
“ คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ? ” เงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่เข้าใจ น้ำเสียงของคุณแม่ยายเรียบนิ่งจนยุนโฮไม่สามารถรู้ได้ว่าคุณแม่ยายต้องการอะไร หากแต่ประโยคต่อมาที่ได้ยินสามารถทำให้ยุนโฮยิ้มได้
“ ฉันไม่ชอบตัดสินคนที่คำพูด เพราะฉะนั้นพิสูจน์ให้ฉันเห็นสิว่าเธอจะเป็นพ่อและสามีที่ดีได้ และฉันจะเป็นคนตัดสินเองว่าเธอมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลชีวิตที่เหลืออยู่ของลูกกับหลานฉันหรือเปล่า ”
.................................................................
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกแต่คนที่เปิดกลับไม่ใช่เจ้าของห้อง ยุนโฮกำลังจะเปิดเอาไปในห้องแต่ฮีชอลก็ยืนกอดอกขวางประตูเอาไว้ซะก่อน ตาคมมองเลยเข้าไปภายในห้องก็เห็นแจจุงกำลังมองมาที่เขาเช่นเดียวกัน
“ มาทำไม ? ” เอ่ยถามเสียงหาเรื่อง
เห็นหน้าไม่รับแขกของฮีชอลแล้วยุนโฮนึกอยากจะให้ชางมินตื่นขึ้นมาตอนนี้จริงๆ เพราะยุนโฮมั่นใจว่าถ้าลูกชายเขาตื่นมาแล้วเห็นเขายืนอยู่หน้าประตูเจ้าตัวเล็กต้องรีบวิ่งมาลากเขาให้เข้าไปในห้องแน่ๆ และแน่นอนว่าถ้าเป็นอย่างนั้นฮีชอลต้องอารมณ์เสียแน่ๆ
“ คุณแม่ให้ขึ้นมาตามไปทานข้าวเที่ยงครับ ” ยุนโฮบอกด้วยน้ำเสียงติดจะกวนๆ เขาคิดว่าเขากับพี่เมียคนนี้ต้องสู้รบกันไปอีกนานแสนนานเลยล่ะ
“ รู้แล้ว...หมดธุระแล้วก็ลงไปซะสิ ” ตอบกลับส่งๆก่อนจะรีบไล่ให้ลงไป ร่างบางจิ๊ปากด้วยความขัดใจเมื่อเห้นว่ายุนโฮยังยืนอยู่ที่เดิม “ เอ๊ะ ! ยังจะยืนเฉยอยู่อีกเขาไล่แล้วก็ลงไปสิ ”
“ ผมยังพูดไม่จบครับ ”
“ อะไรอีก ? ” ถามเสียงรำคาญ
“ คิบอมตื่นแล้วครับ ”
“ แล้วไง ? ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความไม่เข้าใจลูกเขาตื่นแล้วไงอ่ะ
“ พี่ฮันเกิงฝากมาบอกว่าให้พี่ฮีชอลเลิกยุ่งเลือกครอบครัวคนอื่นแล้วกลับมาเลี้ยงลูกได้แล้ว ” เสียงทุ้มบอกกลั้นยิ้ม ยุนโฮรู้ว่าฮีชอลต้องไม่พอใจแน่ๆที่เขาพูดแบบนี้และก็เป็นจริงเพราะตาโตนั้นเบิกกว้างทันทีที่เขาพูดจบ
“ นี่นายด่าว่าฉันยุ่งเรื่องครอบครัวนายเหรอ ! ” นิ้วเรียวชี้หน้าด้วยความไม่พอใจก่อนที่ยุนโฮจะรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นโบกเป็นการปฏิเสธ
“ ผมไม่ได้ด่านะครับ..พี่ฮันเกิงฝากมาจริงๆถ้าพี่ไม่เชื่อลงไปถามสามีพี่ดูก็ได้ ”
“ ฉันถามแน่ ! และถ้าฮันเกิงไม่ได้พูดนะนายเจอดีแน่ชอง ยุนโฮ ! ” ชี้หน้าคาดโทษก่อนจะเดินฮึดฮัดลงไปชั้นล่างเพื่อถามความจริง
ยุนโฮยิ้มขำให้กับท่าทางของฮีชอลก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเมื่อเห็นแจจุงมองมา แจจุงคงอยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง กายหน้าเดินไปนั่งบนเตียงข้างๆแจจุงก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ เมื่อสักครู่หลังจากอนุญาตให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วยุนโฮก็โดนแม่ของแจจุงต่อว่าไปอีกชุดใหญ่ตามประสาของคนที่รักลูกและพึ่งได้มีโอกาสสะสางกับคนที่ทำให้ลูกเสียใจมาตลอดสี่ปีโชคดีหน่อยที่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ แถมก่อนขึ้นมาแม่ของแจจุงยังขู่เขาอีกด้วยว่าห้ามเขาทำให้แจจุงกับชางมินเสียใจอีกเด็ดขาด
ถ้าเธอทำให้แจจุงเสียใจอีก...ฉันสาบานว่าฉันจะหาพ่อใหม่ให้ชางมินแน่นอน!
“ ลูกนอนนานแล้วปลุกขึ้นไปทานข้าวได้แล้วล่ะ ” เกลี่ยผมเจ้าตัวแสบที่นอนหมดฤทธิ์อยู่บนเตียงก่อนจะหันมามองแจจุงที่จ้องเขาไม่วางตา
“ เป็นยังไงบ้าง...คุณแม่ว่ายังไงบ้าง ” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล
ยุนโฮยังคงยิ้มนิ้วยาวยื่นไปคลึงคิ้วเรียวให้คลายออกจากกันก่อนที่จะรวบกายบางเข้ามากอด การกระทำของยุนโฮยิ่งทำให้แจจุงรู้สึกกลัว ร่างบางกลัวว่าแม่จะโกรธจนไม่ยอมยกโทษให้ยุนโฮยิ่งยุนโฮเงียบเท่าไหร่แจจุงก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น
“ คุณแม่ไม่ยกโทษให้ยุนเหรอ ? ” เอ่ยถามเสียงสั่น
“ ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ..หืม ” เสียงทุ้มเอ่ยถามและเพราะกอดกันอยู่จึงทำให้แจจุงไม่เห็นว่ายุนโฮกำลังยิ้มอยู่มันเป็นรอยยิ้มของคนช่างแกล้ง
“ ก็คุณแม่โกรธยุนมาก ”
“ ใช่คุณแม่โกรธยุนมาก ” ยุนโฮเก็บรอยยิ้มไว้ก่อนจะแกล้งตีหน้านิ่งแล้วรั้งกายบางให้มาเผชิญหน้ากัน พอได้ยินประโยคนี้จากยุนโฮแจจุงก็หน้าเสียไปเรียบร้อยแล้ว
“ งั้นก็แสดงว่า.... ”
และก่อนที่แจจุงจะใจเสียจนร้องไห้ยุนโฮจึงเลิกแกล้งกลีบปากหยักค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาทีละนิดก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเฉลยให้แจจุงฟัง
“ แต่คุณแม่ท่านก็รักแจจุงมาก...มากพอที่จะให้โอกาสยุนได้ทำให้แจจุงมีความสุขอีกครั้ง ”
Note :: ผิดคำพูดอีกแล้ว ว ว ตอนแรกบอกจะอัพเมื่อคืนแต่ก็ไม่ได้อัพขอโทษด้วยน๊า วันนี้เลยอัพให้แต่เช้าเลย อิอิ
สำหรับใครที่แจ้งโอนเงินฟิคมาแล้วเดี๋ยววันนี้เย็นๆจะอัพเดทสถานะให้นะคะ อีกสี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว
ฝากติดตามกันด้วยน๊า
ป.ล. ฝากนิดถึงจ้า เนื่องจากวันครบรอบ 10 ของ TVXQ เราเลยคิดว่าจะซื้อหนังสือไปบริจาคให้กับเด็กๆที่
ขาดแคลนในนามของทงบังชินกิทั้งห้าคนแต่ยังไม่รู้เลยว่าจะบริจาคที่ไหนใครมีที่แนะนำบ้างคะ และถ้าใคร
สนใจจะทำบุญด้วยกันก็ไปด้วยกันได้นะคะ ถ้ามีคนร่วมบุญกันเยอะเราอาจจะทำเป็นโปรเจคค่ะ ^_^
ใครสนใจติดต่อได้ที่ทวิตเตอร์ด้านบนเลยนะคะ
ความคิดเห็น