คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter # 15
“ ถ้าอยากได้โอกาสแก้ตัว...ก็บอกเหตุผลที่ทิ้งเราสองคนไปสิ ”
เสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้ยุนโฮสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าแจจุงจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูด หน้าคมหันไปมองที่ห้องน้ำแล้วก็พบว่าแจจุงกำลังยืนมองอยู่ในมือขาวมีกะละมังขนาดเล็กของทสงโรงพยาบาลซึ่งในกะละมังนั้นมีเสื้อผ้าของเขารวมอยู่ด้วย
“ แจจุง.... ” เรียกเสียงแผ่วก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมเสื้อผ้าไว้ในห้องน้ำ ร่างสูงรีบลุกขึ้นเพื่อไปเอาเสื้อผ้ามาตากเอง “ เดี๋ยวยุนเอาไปตากเอง ”
“ ไม่เป็นไร ” เสียงหวานปฏิเสธก่อนจะหยิบไม้แขวนเสื้อในตู้แล้วเดินออกไปที่ระเบียง
เห็นแบบนั้นแล้วยุนโฮจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วนั่งมองดูแจจุงเงียบๆ ภาพที่แจจุงกำลังตากเสื้อผ้าให้เขาเมื่อ 4 ปีก่อนกำลังซ้อนทับภาพของแจจุงในขณะนี้จะแตกต่างกันก็ตรงที่แต่ก่อนเวลาที่แจจุงซักผ้าจะมีเขาคอยกวนอยู่ใกล้ๆ นึกถึงเสียงหวานที่ชอบโวยวายเวลาที่โดนเขาแกล้งแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เพราะมันคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดช่วงหนึ่งเลยล่ะ
“ ผมยังรอฟังเหตุผลของคุณอยู่นะ ”
และเพราะมัวแต่คิดถึงอดีตที่แสนหวานจึงทำให้ยุนโฮไม่ทันได้สังเกตว่าแจจุงตากผ้าเสร็จแล้วและตอนนี้ร่างบางก็กำลังทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มือบางเกลี่ยปอยผมออกจากหน้าผากเล็กของลูกชายก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะหันมาจ้องมองเพื่อรอฟังคำตอบจากร่างสูง
“ ถ้ายุนบอกเหตุผลไปแล้ว...แจจุงจะยอมให้โอกาสยุนได้แก้ตัวใช่ไหม ” เอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ มันก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลของคุณว่ามันจะฟังขึ้นหรือเปล่า ”
ยุนโฮสบสายตากับดวงตาคู่สวยที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ลดละ ในเมื่อโอกาสที่จะได้อธิบายให้แจจุงฟังมันไม่ได้มีมาบ่อยๆดังนั้นยุนโฮจะไม่ปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดมือไปแน่ๆแต่พูดไปแล้วผลจะออกมายังไงมันคงต้องขึ้นอยู่กับแจจุงแล้วล่ะ มือหนาจับมือของลูกชายขึ้นมากดจูบเบาๆเพื่อเรียกกำลังใจ
“ ตอนที่แจจุงท้อง...เราทั้งคู่ยังเด็กมาก ยุนตกใจมากตอนที่แจจุงมาบอกว่าท้อง ”
“ ตกใจจนบอกให้แจจุงไปเอาลูกออก ” เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วแต่คำพูดของยุนโฮในวันนั้นยังคงสร้างความเจ็บปวดให้กับแจจุงจนถึงทุกวันนี้
“ ยุนขอโทษ” บอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เขารู้ว่าเขามันเห็นแก่ตัวที่บอกแจจุงออกไปแบบนั้น “ แต่ตอนนั้นยุนไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงตอนนั้นยุนคิดว่าเราสองคนยังเด็กเกินไปที่จะเป็นพ่อแม่คน ”
“ ก็เลยเห็นแก่ตัวทิ้งเราสองคนไป ” เสียงหวานตัดพ้อพร้อมกับหยาดน้ำตา “ ยุนรู้ไหมว่าแจจุงกลัวมากแค่ไหนที่ต้องเผชิญปัญหาทุกอย่างเพียงลำพังมันทั้งเหนื่อยและทรมานมากนะ ยุนมันเห็นแก่ตัวที่สุด ”
ยุนโฮรีบเดินอ้อมเตียงมาโอบกอดกายบางที่เริ่มสั่นเทาจากการร้องไห้ ความเจ็บปวดที่แจจุงระบายออกมาผ่านหยาดน้ำตานั้นมันยิ่งตรอกย้ำให้ยุนโฮรู้สึกผิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าที่ผ่านมาแจจุงต้องเผชิญกับอะไรบ้างเขารับรู้มาโดยตลอดผ่านการบอกเล่าของยูชอน
“ ยุนรู้หรือเปล่า ฮึก ว่า อยู่ในห้องผ่าตัดคนเดียว ฮึก มันน่ากลัวมากแค่ไหน ”
“ ยุนรู้ ยุนขอโทษนะครับ ยุนมันเห็นแก่ตัวในเวลาที่แจจุงต้องการกำลังใจแต่ยุนกลับหายหัวไปอยู่ที่อื่น ...แต่แจจุงรู้ไหมว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นู้นยุนเองก็ทรมานไม่แพ้แจจุง ยุนอยากกลับมาดูแลกลับมาขอโทษใจจะขาด ” บอกเสียงสั่น
“ แล้วทำไมถึงไม่กลับมา ”
“ แจจุงก็รู้ว่ายุนเป็นลูกคนเดียวดังนั้นความหวังทุกอย่างของพ่อกับแม่จึงอยู่ที่ยุน ยุนไม่อยากทำให้พ่อกับแม่เสียใจ”
“ ก็เลยเลือกให้แจจุงกับลูกเสียใจแทนสินะ ” เสียงหวานตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“ ไม่ใช่อย่างนั้น...แต่ตอนนั้นยุนเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรมั่นคงเลยแล้วคนแบบนี้พ่อกับแม่ที่ไหนเขาจะยอมให้ยุนดูแลลูกกับหลานเขาล่ะ ”
“ หมายความว่ายังไง ? ” ใบหน้าสวยผละออกจากอกแกร่งแล้วเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความไม่เข้าใจ
“ ยุนต้องการให้ตัวเองมั่นคงมากพอเพื่อที่จะทำให้พ่อกับแม่ของยุนเชื่อว่ายุนโตและมีความรับผิดชอบมากพอที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้และสามารถดูแลสิ่งที่พ่อกับแม่สร้างมากับมือให้เจริญก้าวหน้าต่อไป และที่สำคัญเพื่อให้พ่อกับแม่แจจุงมั่นใจว่ายุนสามารถดูแลแจจุงกับลูกได้อยู่กับยุนแจจุงกับลูกจะไม่มีวันลำบากแน่นอน ” บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหากแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
หลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมามันทำให้ยุนโฮรู้ว่าใครคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แต่เพราะคำว่าลูกคนเดียวที่แบกความหวังของพ่อกับแม่มันค้ำคออยู่และไหนจะวุฒิภาวะในขณะนั้นจึงทำให้ยุนโฮตัดสินใจเรียนต่อจนจบเพราะอย่างน้อยเขาก็เรียนต่อจนจบและกลับมาสานต่อกิจการของครอบครัวได้ตามที่พ่อกับแม่หวัง ถึงแม้จะคิดถึงและอยากกลับมาขอโทษมากแค่ไหนแต่เพื่ออนาคตครอบครัวที่มั่นคงยุนโฮจึงทำได้เพียงดูแลอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาพร้อมแล้วเขาจึงกลับมาชดใช้ความผิดที่ได้ก่อเอาไว้
“ แล้วยุนไม่เป็นห่วงแจจุงกับลูกเลยเหรอ ” แจจุงจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มเพื่อจับผิดว่ายุนโฮกำลังโกหกเขาอยู่หรือเปล่าหากแต่สิ่งที่แจจุงพบในดวงตาคู่นั้นมีเพียงความมุ่งมั่นเท่านั้น
“ ห่วงสิ...เพราะห่วงนี่ไงถึงได้ฝากให้ยูชอนดูแลแทน ” นิ้วยาวเกลี่ยคราบน้ำตาออกจากแก้มเนียน “ แต่ตอนนี้ยุนพร้อมที่จะดูแลแจจุงกับลูกด้วยตัวเองแล้ว ”
“ แล้วไม่กลัวพ่อกับแม่ยุนเสียใจเหรอ ? ”
“ ไม่กลัวแล้วล่ะเพราะยุนได้ทำหน้าที่ลูกแล้ว ...ต่อไปนี้ยุนจะขอทำหน้าที่สามีและพ่อบ้าง ”
“ แจจุงจะเชื่อได้ยังไงว่ายุนจะไม่ทำให้แจจุงกับลูกต้องเจ็บปวดเหมือนในอดีต ” ถามเสียงเครียด
แจจุงมั่นใจว่าครั้งนี้มันจะหนักกว่าในอดีตแน่นอนเพราะครั้งที่แล้วชางมินยังไม่รู้ว่าใครคือพ่อ แล้วถ้าหัวใจดวงน้อยๆของลูกชายต้องถูกทำร้ายเหมือนกับเขาในอดีตลูกชายตัวน้อยของเขาจะทนรับมันได้ยังไง
“ แจจุงยังไม่ต้องเชื่อยุนตอนนี้ก็ได้....ยุนขอแค่โอกาสให้ยุนได้พิสูจน์ให้แจจุงเห็นว่ายุนรักและอยากดูแลแจจุงกับลูกจริงๆ ”
“ บอกตรงๆนะยุนเรื่องราวในอดีตมันทำให้แจจุงกลัว ” เสียงหวานหยุดเอาไว้แค่นั้น คำพูดที่ทำให้ยุนโฮคิดไปเองว่าแจจุงคงไม่ให้อภัยเขา แต่มันก็สมควรอยู่หรอกคนเห็นแก่ตัวที่เพิ่งจะกลับมาแสดงความความรับผิดชอบในวันที่สายไปมันก็สมควรที่จะไม่ได้รับการให้อภัย
“ ยุนเข้าใจ...ยุนทำผิดกับแจจุงและ... ”
“ แต่แจจุงจะลองเชื่อใจยุนอีกสักครั้งก็แล้วกัน ”
“ ดวงตาเรียวเล็กที่ฉายแววเศร้าเมื่อสักครู่เบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคที่แจจุงพูดแทรกขึ้นมา ยุนโฮแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าเขาจะมีโอกาสได้ยินประโยคนี้จากปากของแจจุง
“ แจจุงยอมให้โอกาสยุนแก้ตัวจริงๆเหรอ ” ถามซ้ำพร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเมื่อแจจุงพยักหน้าเบาๆบอกว่าเขาไม่ได้หูฝาด
“ แต่โอกาสมีให้แค่ครั้งเดียวนะ ”
“ ยุนไม่ทำพลาดเป็นครั้งที่สองแน่นอน...ขอบคุณมากนะแจจุง ”
ร่างกายบอบบางถูกรั้งเข้ามากอดด้วยความดีใจซึ่งแจจุงเองก็กอดตอบเช่นกันปากอิ่มยกยิ้มบางๆอยู่กับยกแกร่ง เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้แจจุงรู้ว่าเขายังไม่เข้มแข็งพอที่จะเป็นทั้งพ่อและแม้ให้ชางมินเพราะในเสี้ยววินาทีแห่งชีวิตเขาไม่มีสติมากพอที่จะเป็นที่พึ่งให้กับลูกชาย และอีกอย่างยุนโฮก็พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่ายุนโฮตั้งใจที่จะกลับมาแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดเอาไว้จริงๆ
ทั้งคู่กอดกันอยู่เนิ่นนานต่างคนต่างโหยหาอ้อมกอดของกันและกันและเพราะกำลังดีใจจึงทำให้ยุนโฮไม่ทันได้สังเกตว่าเจ้าตัวเล็กบนเตียงเริ่มขยับตัวแล้วจนกระทั่งเสียงเล็กๆที่สั่นเครือเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่นั่นแหละทั้งคู่ถึงได้รู้ว่าชางมินรู้สึกตัวแล้ว
“ ออมม่า ... ”
“ ชางมิน...ลูกฟื้นแล้ว ” ผละออกจากอกแกร่งทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยแขนเรียวโอบกอดร่างเล็กๆที่โผเข้ากอดทันทีที่ผู้เป็นแม่หันไปหาก่อนจะปล่อยโฮอยู่กับอกอุ่นที่คุ้นเคย
“ ออมม่า...ฮึก ลูกกลัว ”
“ ไม่ต้องกลัวนะครับ...ลูกปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะลูก ” ลูบหลังปลอบเจ้าตัวเล็กที่กำลังเสียขวัญชางมินคงจะกลัวมากและแจจุงก็เชื่อว่าเจ้าตัวแสบคงไม่กล้าเข้าใกล้น้ำทะเลอีกนาน
“ ฮึก เจ็บ ฮึก ออมม่าลูกเจ็บ ” เอ่ยฟ้องทั้งน้ำตา น้ำทะเลมันฟัดเข้ามาแรงมากชางมินเจ็บหมดเลย
“ เดี๋ยวออมม่าเป่าเพี้ยงให้นะคนเก่ง...เดี๋ยวลูกก็จะไม่เจ็บแล้ว” บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะเป่าลงไปทั่วผิวกายบอบบางทำเหมือนกับทุกครั้งเวลาที่ชางมินบอกว่าเจ็บ “ เพี้ยง ! เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะลูก ”
“ ฮึก ฮึก ”
ชางมินยังคงจะสะอื้นเบาๆอยู่ที่อกของผู้เป็นแม่หลังจากที่ผ่านวินาทีเฉียดตายและฟื้นขึ้นมาชางมินก็ดุซึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจ้าตัวแสบของออมม่าคงจะยังตกใจไม่หาย แจจุงลูบหลังสลับกับจูบเบาๆที่ขมับเล็กเพื่อเรียกขวัญให้เจ้าตัวเล็กหายหวาดกลัวแต่มันคงจะไม่ง่ายเท่าไหร่นักเพราะชางมินกอดเอวของออมม่าเอาไว้ซะแน่นเลย
“ ชางมินครับ ” น้ำเสียงอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่เอ่ยเรียกออกมานั้นทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมองตามเสียงก่อนจะพบว่าลุงยุนโฮกำลังยืนส่งยิ้มมาให้
“ ลุงยุนโฮ... ”
“ ไม่ต้องกลัวแล้วนะลูก...ต่อไปพ่อจะปกป้องชางมินกับออมม่าเอง ” ยื่นมือไปลูบหัวเล็กเบาๆเพื่อปลอบโยน หากแต่สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ชางมินหยุดสะอื้นแล้วมองลุงยุนโฮด้วยความไม่เข้าใจ
“ พ่อ ? ”
แจจุงหันมาสบตากันก่อนที่แจจุงจะส่งสัญญาณบอกว่าเดี๋ยวเขาจะเป็นคนบอกเอง แจจุงขึ้นไปนั่งบนเตียงก่อนจะอุ้มลูกชายที่ยังคงมีสีหน้าสงสัยขึ้นมานั่งบนตัก แจจุงเงียบไปสักพักเพราะไม่รู้ว่าเขาควรจะเริ่มบอกชางมินยังไงดีว่าพ่อของชางมินยังไม่ได้ตายเหมือนกับที่เขาเคยบอก
“ ลูกเคยถามออมม่าใช่ไหมว่าทำไมลูกถึงไม่มีอัปป้าเหมือนกับคิบอม ”
“ ออมม่าบอกว่าอัปป้าตายแล้ว ” เสียงซื่อๆบอกตามที่ออมม่าคนสวยเคยบอกเอาไว้เมื่อครั้งงที่เจ้าตัวสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่มีพ่อเหมือนกับคนอื่นๆ
“ ที่จริงอัปป้ายังไม่ตายหรอกลูกแต่ว่าอัปป้าต้องไปอยู่ที่ไกลแสนไกล ” แจจุงเลือกที่จะบอกลูกออกไปแบบนั้นแทนการบอกว่ายุนโฮทิ้งเขากับลูกไปเพราะแจจุงไม่อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดีกับผู้เป็นพ่อ “ แต่ตอนนี้อัปป้ากลับมาหาเราแล้วนะ” ยิ้มอ่อนโยนบอกลูกชาย
“ ออมม่าพูดจริงเหรอ ? ลูกมีอัปป้าเหมือนกับคิบอมจริงเหรอ ? แล้วอัปป้าอยู่ไหนอ่ะ ? ” ใบหน้าน่ารักหันไปมองทั่วห้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีพ่อเหมือนกับคนอื่นๆ แต่หันไปกี่รอบๆก็ไม่เห็นเจอใครนอกจากลุงยุนโฮที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
แจจุงยิ้มขำให้กับท่าทางของลูกชายก่อนจะจับหน้าชางมินให้หยุดหันก่อนหันใบหน้าน่ารักไปยังตำแหน่งที่ยุนโฮยืนอยู่ก่อนจะเฉลยให้ชางมินรู้ว่าอัปป้าของเจ้าตัวคือใคร
“ อัปป้ายืนอยู่ตรงหน้าลูกนี่ไงครับ ”
ชางมินตาโตเมื่อกี๊ว่าอัปป้าของตัวเองเป็นใครเจ้าตัวเล็กหันไปมองผู้เป็นแม่เพื่อขอคำยืนยันว่าออมม่าไม่ได้โกหกลูกใช่มั๊ย ดวงตาลูกกวางมองออมม่ากับลุงยุนโฮสลับกันไปมาก่อนจะถามย้ำอีกครั้งเมื่อความแน่ใจ
“ ลุงยุนโฮเป็นอัปป้าของลูกจริงๆเหรอออมม่า ? ”
“ จริงสิครับ... ”
พอได้ฟังคำตอบของผู้เป็นแม่เท่านั้นแหละชางมินก็ปล่อยโฮออกมาทันทีสร้างความตกใจให้กับผู้ใหญ่ทั้งสอง ยิ่งกับยุนโฮแล้วร่างสูงถึงกับใจเสียเพราะคิดว่าชางมินคงเสียใจที่รู้ว่าเขาเป็นพ่อ และก่อนที่ยุนโฮจะได้ทำหน้าหงอยไปมากกว่านี้แจจุงจึงรีบถามลูกชายว่าร้องไห้ทำไม
“ ลูกร้องไห้ทำไมครับ ? ” ถามไปในใจก็แอบหวั่นไม่ได้ว่าชางมินจะรับไม่ได้ที่อยู่ๆก็มีพ่อปรากฏตัวขึ้นมา
“ ลูก ฮึก ฮือ ”
“ ลูกทำไมครับ ? ” โยกตัวไปมาเพื่อปลอบเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนตัก แจจุงเหลือบมองยุนโฮที่ยืนซึมอยู่ใกล้ๆและถ้าแจจุงตาไม่ฝาดแจจุงคิดว่าเขาเห็นยุนโฮตาแดงด้วยแหละ “ ลูกไม่อยากให้ลุงยุนโฮเป็นอัปป้าเหรอ ? ” เพราะชางมินเอาแต่ร้องไห้แจจุงเลยลองถามหยั่งเชิง
อาการส่ายหัวแรงๆกับหน้าอกของผู้เป็นแม่ทำให้ผู้ใหญ่คิดได้ทั้งสองด้าน ยุนโฮยิ้มฝืนๆให้กับแจจุงที่มองมาเขาเกือบร้องไห้อยู่แล้วเชียวถ้าชางมินไม่พูดขึ้นมาซะก่อน
“ ลูกดีใจ ”
“ หืม...ลูกดีใจอะไรครับ ” ปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆขณะถาม คำพูดของชางมินเรียกให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวของยุนโฮกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง
“ ลูกดีใจ ฮึก ดีใจที่ลูกมีอัปป้าเหมือนคิบอม ” คำตอบไร้เดียงสาของชางมินทำให้ยุนโฮกับแจจุงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ใจหนึ่งก็อยากจะหัวเราะด้วยความเอ็นดูที่ร้องไห้ใหญ่โตก็เพราะดีใจที่ตัวเองมีพ่อเหมือนกับคนอื่นนี่เองแต่ดีใจแบบนี้พ่อกับแม่ตกใจแทบแย่เลยรู้ไหมชางมิน แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารเพราะคำพูดที่ใสซื่อของเจ้าตัวเล็กทำให้แจจุงกับยุนโฮรู้ว่าชางมินรู้สึกอิจฉาเพื่อนที่พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้าไม่รู้ว่าลูกชายของเขาต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่
“ ถ้าดีใจ...งั้นขออัปป้ากอดลูกให้ชื่นใจหน่อยได้ไหม ? ” เอ่ยขอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับกางแขนออกรอรับร่างป้อมๆที่คงจะโผเข้าหาอีกในไม่ช้า
ชางมินค่อยๆผละออกจากอกอุ่นของผู้เป็นแม่และไม่ต้องเสียเวลาคิดเมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่รออยู่ร่างป้อมๆก็โผเข้าหาอ้อมกอดที่แข็งแรงทันที
“ อัปป้า !! ”
“ อัปป้ารักลูกนะครับ...ไม่ร้องนะครับ เงียบซะนะคนเก่ง ” กระชับร่างที่กอดคอเขาเอาไว้แน่นปากหยักเพียรจูบซ้ำๆที่ขมับเล็กพร้อมกับพร่ำบอกคำว่ารักที่อยากบอกมาแสนนาน
“ อัปป้าอย่าทิ้งลูกไปไหนอีกนะ ”
“ ไม่ไปแล้วครับ...ลูกชายอัปป้าทั้งน่ารักและก็ซนขนาดนี้อัปป้าไม่กล้าทิ้งไปไหนหรอก ” บอกให้มั่นใจหากแต่ท้ายประโยคก็ไม่ลืมแซวเจ้าตัวเล็กที่ซนซะเหลือเกิน
“ อัปป้าอ่า ” เจ้าตัวเล็กตวัดสายตามองค้อนผู้เป็นพ่องอนๆ แต่ถึงสายตาจะบอกว่างอนแต่กลับซุกหน้าลงบนลาดไหล่แกร่งของผู้เป็นพ่อพร้อมๆกับโอบกอดรอบคอแกร่งให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าถ้ากอดหลวมกว่านี้อัปป้าจะหายไปไหนอีก
“ ต่อไปนี้ครอบครัวเราก็จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันซะที ”
ยุนโฮคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กับแจจุงที่นั่งมองด้วยน้ำตาคลอมืออีกข้างที่ว่างรั้งกายบางเข้ามากอดเอาไว้เสียงทุ้มกระซิบเบาๆที่หูของเจ้าตัวเล็ก
“ ลูกครับกอดออมม่าด้วยสิเดี๋ยวออมม่าน้อยใจนะ ”
ชางมินรีบทำตาที่อัปป้าบอกทันทีตอนนี้ภาพที่เห็นคือสามคนพ่อแม่ลูกกำลังกอดกันกลมโดยที่เจ้าตัวแสบกอดคอพ่อกับแม่เอาไว้คนละข้างใบหน้าน่ารักนั้นเต็มไปด้วยความสุขเพราะการมีพ่อเหมือนกับคนอื่นคือสิ่งที่ชางมินฝันมาตลอดและตอนนี้ฝันของชางมินก็เป็นจริงแล้ว
“ ลูกมีความสุขจัง ”
Note :: ครอบครัวสุขสันต์ อิอิ ตอนนี้สามคนพ่อแม่ลูกก้เข้าใจกันดีแล้ว ชางมินน้อยของพวกเราจะมีได้มี
ความสุขซะทีคนในครอบครัวเข้าจกันแต่ไม่รู้ว่าคนนอกจะเข้าใจด้วยรึเปล่า หุหุ ตอนนี้ไม่ได้ตรวจคำผิดเลย
ถ้าอ่านแล้วสะดุดตรงไหนต้องขอโทษด้วยน๊า ตอนนี้ชอบไม่ชอบบอกกันได้น๊า ^_^
ความคิดเห็น