ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : (เริ่มคิด)แผนการอันแสนชั่วร้าย
"หาววววว" ฉันหาวออกมาเสียงดังไม่อายสายตาประชาชีทั้งหลายที่เดินผ่านไปมา ใครสนกันล่ะย่ะ ชีวิตฉันมันรันทดเหลือเกิน ต้องแงะหัวตัวเองออกจากหมอนตั้งแต่ 6 โมงเช้าทั้งๆที่เมื่อก่อนเจ็ดโมงครึ่งฉันยังนอนฝันถึงซุปเปอร์จูเนียร์อยู่เลย
"ชิดในเลยเพ่ ชิดในๆๆ" ชิดกันจนจะได้กันเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วเว้ยยยย
"น้องไปไหน" กระเป๋ารถเมล์ถามฉัน
"โรงเรียนพิชญา ไฮสคูล อินเตอร์" ขอพูดชื่อโรงเรียนเอาโก้ล่ะกัน
"15 บาท" ฉันควักเหรียญให้ไป พร้อมกับตั๋วรถเมล์
"โอ้ยยย ร้อนชิบ" หลังจากที่กระโดดลงจากไอ้รถเมล์เฮงซวยนั่นฉันก็สถบออกมาทันที
ปรี๊ดดดดดดดด
"กรี๊ดดดดดด"
ตุ้บ!!!
"อ๊ายยย ไอ้บ้าอะ" คำพูดที่สรรหามาด่าไอ้คนที่ขับรถมาเกืยบชนฉันหายวับไปทันที
เมื่อฉันได้เห็นเขา
"ยัยบ้าทะเล่อทะล่าเข้ามาได้" นั่นมัน
"บอส" ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆชายผู้มีใบหน้าหวาน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแฝงแววทะเล้นหน่อยๆ ผมสีดำขลับริมฝีปากบางสีสดน่าจุมพิต
"เฮ้ เธอ เธอ ยัยหน้าแป๊ะยิ้ม" ชื่อต้องห้ามของฉันไอ้บ้า มีสิทธิอะไรมาหาว่าหน้าฉันเหมือนแป๊ะยิ้มห๊า เขาเรียกว่าตายิ้ม ตาหยี โว้ยยยย รู้จักมั้ย
"หะ ห๊า"
"ยัยซื่อบื้อเดินยังไงเกือบโดนรถชนแล้วมั้ยล่ะ" เห็นหล่อน่ารักขนาดนี้ไม่ยักรู้ปากเสียน่าถีบ
"อ้ะ ขอโทษ" ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ตื่นเต้นหรือไง
"หึ ฉันไปล่ะถ้าไม่เป็นไร"
"อะ อื้ม" ฉันตอบไป โถ่เว้ย ติดอ่างทำไม หน้าก็ร้อนๆด้วย
"เธอ...หน้าแดงใหญ่แล้ว" อยู่ๆนายนี่ก็ฉกหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกฉันเล่นเอาฉันขนลุกไปหมดทั้งตัว
"ห๊า" หน้าฉัน แดงเหรอ อ๊ากกก หน้าขี้หน้าชะมัด
"หึหึ ฉันไปล่ะ" เขาหัวเราะในลำคอแล้วก็เดินขึ้นรถไป
"ฉันเขินนายเหรอ....บ้าน่า" ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
"เชอร์เบท" พอก้าวเข้ามาในห้องปุ๊บเสียงหลอนของยัยมีมี่ก็ลอยมาเข้าหูฉันเหมือนทุกวัน
"เรียกกันได้ทุกวี่ทุกวันนะ" ฉันพูดพลางวางกระเป๋า
"กินอะไรมาหรือยัง" มีมี่ถามฉัน
"ยังเลย" ฉันตอบพลางเอามือลูบท้องตัวเองพร้อมกับทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
"เลิกทำหน้าแอ๊บแบ๊วสักทีเถอะย่ะ มันไม่ทำให้ตาแกโตขึ้นมาหรอก" อ๊ายยยย นี่แกจะบอกว่าฉันหน้าเหมือนแป๊ะยิ้มอีกคนใช่มั้ย
"ชิ ตกลงแกจะเลี้ยงข้าวฉันมั้ย"
"เลี้ยงสิจ้ะ"
โรงอาหาร
"นี่มี่แกว่าฉันหน้าเหมือนแป๊ะยิ้มมั้ย" ฉันหันไปพูดกับมีมี่ขณะที่กำลังคีบบะหมี่เข้าปาก
"ก็ อืม" ลุ้นๆๆๆ
"___"
"ก็เหมือนอยู่นะ" คำตอบแทบทำเอาฉันสำลักบะหมี่ตาย
"เหมือนเหรอ"
"ก็ตาแกมัน"
"เขาเรียกว่าตายิ้ม ตายิ้มน่ะแกรู้จักมั้ย" อยากจะวีนจังเลย น้อยคนนะที่จะมีตายิ้มฉันว่ามันสวยกว่าพวกที่ตาโตยังกะไข่นกกระจอกเทศอีกนะ
"จ้าๆแม่ตายิ้ม ตาสวยที่สุดเลย" ชิ ทำมาประชด
"ชิ"
"อื้ม แล้วเรื่องงานพิเศษจะเอาไง" ใช่ งานพิเศษฉันลืมสนิทเลย
"ฉันยังหาไม่ได้เลย" ได้อดตายแน่ฉันงานนี้
"เฮ้ออ ฉันล่ะก็ไม่รู้จะช่วยแกยังไง เดี๋ยวฉันจะลองถามคุณแม่ดูล่ะกัน"
"ยะ อย่านะ" แค่นี้บุญคุณฉันก็ทดแทนไม่หวั่นไม่ไหวแล้ว
"ทำไมล่ะ"
"ที่แกช่วยฉันแค่นี้ก็เป็นบุญคุณมาแล้ว"
"เฮ้ย บ้าอะไรกันแค่นี้เอง" แค่หรอ
"เรื่องงานฉันจัดการหาเองได้น่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
กริ๊งงงงง
"เข้าเรียนแล้วไปกันเถอะ"
ตกเย็น
"กลับมาแล้วคร้า" ฉันกลับมาถึงบ้านช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพราะมัวแต่ไปหางาน
พาร์ตไทม์ทำซึ่งมันก็สำเร็จ
"เอ๊ะ" ทำไมบ้านฉันมันรกแบบนี้ล่ะ ไม่ใช่สิมันเหมือนถูกรื้อค้นมากกว่าหรือว่า...โจร
"พ่อค่ะ แม่ค่ะ" ฉันตะโกนเรียกพ่อแม่ ฉันวิ่งไปทั่วบ้านอย่างกังวลใจ
"พ่อ!!!!!" จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไงล่ะ พอฉันวิ่งเข้ามาในครัวก็เจอกับพ่อที่หน้าสะบัดสะบอมยังกะไปรบที่ไหนมา
"พ่อค่ะทำไมสภาพพ่อถึงเป็นแบบนี้" ฉันถามพ่อพลางพยุงท่านให้เดินมานั่งที่โซฟา
"โอยยย คือว่า..."
"อะไรนะพ่อกู้เงินนอกระบบ!!!!!" ฉันอยากจะร้องเป็นภาษาเขมร เราจนตรอกถึงขนาดที่ต้องพึ่งสิ่งพวกนี้เลยเหรอเนี่ย
"คือบ้านมันค้างหลายงวดแล้วถ้าไม่รีบเอาเงิน อูยย ไปจ่ายเขา เเล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะลูก ซี๊ดดดด" พ่อเล่าไปพลางร้องโอดโอยกับแผลช้ำในที่ระบมไปทั่วร่างกาย
"ทำไมเรื่องนี้พ่อไม่เคยบอกหนูเลย" ใช่ อาจเป็นเพราะถึงบอกไปฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่ก็ยังดีกว่าที่พ่อ แม่จะมานั่งแบกรับมันไว้คนเดียว
"พ่อ...ไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก"
"ฮึก ไม่ค่ะ ไม่ลำบากเลยพ่อลำบากกว่าหนูมาตั้งเยอะ ฮึก แค่นี้สบายมากเลย" นานแล้วสินะที่ฉันไม่เคยได้รับอ้อมกอดและคำพูดที่แสนจะอบอุ่นจากพ่อเลย ทำเอาฉันแทบบ่อน้ำตาแตก
"ฮึก พ่อค่ะหนูได้งานพาร์ตไทม์แล้วนะค่ะ ต่อไปหนูคงกลับบ้านดึกทุกวัน" ฉันเอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆก่อนจะบอกข่าวดีกับพ่อ
"ลูกไม่จำเป็นต้องช่วยพ่อขนาดนี้"
"ขอให้หนูได้ช่วยเถอะค่ะ ก็ยังดีกว่านั่งอยู่เฉยดูพ่อแม่ลำบาก" ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่ดีก็วันนี้แหละ สมควรได้รับรางวัลลูกกตัญญูแห่งปี
"เอ้า อย่างนั้นก็ได้ อืม พ่อว่าตอนนี้เราช่วยกันเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่เรากลับมาแล้วจะเป็นเรื่อง"
"ใช่ จริงด้วยแม่ไม่ชอบให้บ้านรก" ถึงมันจะเป็นเพราะฝีมือไอ้พวกนักเลงนั่นก็เถอะ ฮึ่ย นึกแล้วแค้นชะมัด มันบังอาจเอาหนังสือซุปเปอร์จูเนียร์พร้อมลายเซ็นของทั้ง 13 คนไปได้ไง รู้มั้ยฉันอุตส่าห์ดูแลถนุถนอมมาอย่างดี (ไม่ใช่อะไรหรอกก็อุตส่าห์ประมูลแข่งกับยัยแซนดี้กระซู่ประจำห้องได้มาราคาเกือบพันแหนะ ทั้งๆที่หนังสือเล่มนี้ราคาแค่ร้อยกว่าบาทเอง) นึกแล้วแค้นไอ้นักเลงบ้านั่นชะมัด ของมีตั้งเยอะเเยะไม่เอาไปแต่ดันเอาซุปเปอร์จูเนียร์ที่รักของฉันไป ให้ฉันทายมันต้องคอยคิดจะงาบคยูฮยอนน้อยของฉันแน่ๆ (เริ่มคิดไปเรื่อย)
"เชอร์เบทลูกมาช่วยกันเก็บของสิลูกเดี๋ยวแม่เราก็มาหรอก มัวแต่ยืนทำหน้ายังกะจะไปฆ่าใครเขา" ก็ฆ่าไอ้พวกนักเลงนั่นไงจ้ะพ่อจ๋า
"คร้า~~~"
และในที่สุดฉันกับพ่อก็ช่วยกันเก็บข้าวเก็บของที่กระจัดกระจายและก็ปัดกวาดเช็ดถูทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โอยยย เหนื่อยโฮกกก
"แม่มาแล้ว" อ้ะ แม่กลับมาพอดี
"อ้าว แม่ค่ะ วันนี้กลับเร็วกว่าปกตินะค่ะ" ฉันเดินเข้ามาถามพร้อมกับสวมกอดแม่เป็นประจำทุกวัน
"แล้วมันไม่ดีเหรอจ้ะ ทำตัวเเปลกๆไปนะเรา"
"ไม่มีอะไรเลยค่ะ หนูก็เป็นปกตินี่ค่ะ"
"แน่นะ"
"จริงค่ะ"
"งั้นก็แล้วไป"
ห้องนอน
ตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มครึ่ง ฉันที่เอนหัวลงหมอนตั้งแต่หัวค่ำต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการหิวน้ำ
"อ๊า น้ำบนห้องก็หมดแล้วด้วย" ปกติฉันจะมีขวดน้ำตั้งอยู่บนลิ้นชักที่หัวนอนแต่วันนี้กลับมาหมดซะได้ ฉันเลยลากสังขารตัวเองลุกจากเตียงด้วยอาการที่ตายังเปิดไม่เต็มที่
"เฮือก!!!!!!" พอเดินมาถึงโต๊ะเครื่องแป้งมีบางอย่างดลใจให้ฉันหันไปทางนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ฉันตกใจสุดขีด
"อ้าว เฮ้ย หน้าตัวเองนี่หว่า" ให้ตายผู้หญิงแต่งชุดนอนขาว ผมที่ซอยประบ่ากับดูยุ่งเหยิง แถมตายังปรือๆอีกต่างหาก และที่น่าตกใจไปกว่านั้นมันก็คือหน้าของฉันเอง ให้ตายไม่นึกว่าฉันตอนตื่นนอนจะดูทุเรศขนาดนี้ ฉันเลิกสนใจหน้าที่เเสนยับเยินของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องนอนทันที พอฉันเดินลงบันไดไปแค่สามขั้นเท่านั้นแหละฉันจึงหยุดชะงักทันที ด้วยบทสนทนาบางอย่างซึ่งมันดังมาจากด้านล่างซึ่งมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสียงพ่อกับแม่ฉันเอง
"คุณค่ะเงินในธนาคารเหลืออีกไม่มากแล้วนะค่ะ ค่าเทอมลูกเราก็ยังไม่ได้จ่ายทางโรงเรียนเขาส่งจดหมายมาแล้วด้วย" เสียงแม่ฉันนี่ อะไรกันค่าเทอมงั้นเหรอทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เลยล่ะถ้าค้างค่าเทอมจริงทางโรงเรียนน่าจะเรียกฉันเข้าไปพบสิ
"ไม่รู้ว่าเราจะปิดบังยัยเชอร์เบทได้อีกนานเท่าไร ฉันก็ขอร้องกับทางโรงเรียนไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับเชอร์เบทเด็ดขาด"
"ผมว่า...ผมจะไปทำงานที่ต่างประเทศ" อะ อะไรนะ
"อะไรนะค่ะ!!!!!"
"คุณก็รู้ว่าตอนนี้ประเทศไทยเศรษฐกิจไม่ดีขืนมัวแต่หางานที่นี่มีหวังได้อดตายกันแน่
แล้วอีกอย่างเพื่อนผมมันก็ติดต่องานที่ฝรั่งเศษให้ผมแล้วด้วยก็เหลือแต่รอผมตัดสินใจ"
"คุณจะทิ้งให้ฉันอยู่กับลูกสองคนเหรอค่ะ"
"ที่ผมทำไปก็เพื่อคุณกับลูกนะ" พ่อว่าแล้วโอบไหล่แม่ไว้
"อีกอย่าง...ห้ามให้ยัยเชอร์เบทรู้เรื่องนี้เด็ดขาดผมไม่อยากทำให้แกลำบากใจ"
คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะหนูได้ยินชัดเจนเลยค่ะหรือว่าฉันจะเดินเข้าไปหาท่านแล้วบอกว่ารู้
เรื่องหมดแล้ว ไม่สิๆ ยิ่งทำแบบนั่นพ่อกับแม่ก็ยิ่งลำบากใจบางทีการทำเป็นไม่รู้ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่จะให้ฉันนั่งนิ่งดูดายดูพ่อแม่ลำบากเนี่ยนะไม่มีทาง แล้วฉันจะช่วยอะไรท่านได้นอกจากทำงานพาร์ตไทม์ช่วยในส่วนค่าใช้จ่ายของฉันจะได้ไม่ต้องพึ่งเงินท่าน
"แต่ตอนนี้หนี้เราท่วมหัวเลยนะค่ะคุณ มันคงจะดีถ้า...." ถ้าอะไรล่ะค่ะหนูอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
"ถ้าอะไรคุณ" พ่อฉันเร่งแม่
"ถ้ายัยเชอร์เบทหาแฟนรวยๆสักคนจะได้เกื้อหนุนเราทางด้านธุรกิจ"
" ห๊า อุ๊บส์" ฉันตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน แม่คิดจะรวยทางลัดโดยการขายลูกหรือไงกัน
"จะบ้าเหรอคุณ" ใช่ค่ะ หนูเห็นด้วยกับพ่ออย่างแรง
"แหม ฉันก็แค่คิดน่ะค่ะ ยัยเชอร์เบทเรียนที่นี่มาตั้งนานก็น่าจะมีแฟนรวยๆบ้าง" แม่คิดผิดอย่างแรงเลยแหละ ไม่มีใครมาจีบฉันสักคนถึงมาจีบฉันก็ไม่เอาหรอกย่ะพวกผู้ดีตีนแดงน่ะ
"อื้ม เรื่องนี้ผมว่าน่าจะให้เป็นเรื่องของเด็กๆเขานะ" ใช่ค่ะพ่อ
"ก็คุณค่ะหลายคนเลยนะค่ะที่สามารถช่วยธุรกิจเราได้ฉันก็ไม่ได้อยากจะบังคับอะไรลูกหรอกนะค่ะ แต่ถ้ามีก็ดี" แม่ยังจะแอบหวังอยู่อีกเหรอเนี่ยมันจะมีใครล่ะที่จะมาเกื้อหนุนธุรกิจเราได้มีแต่พวกคุณชายจอมยะโสโอหังทั้งนั้นแหละย่ะ ชะ แต่เดี๋ยวนะ
ปรี๊ดดดดด
"ยัยบ้าทะเล่อทะล่าเข้ามาได้"
"เธอ เธอ ยัยหน้าแป๊ะยิ้ม"
อยู่ๆภาพนายนั่นก็ลอยแวบเข้ามาในหัวฉันทันที นายบอสผู้ชายที่ฉันคิดว่าเขาน่าจะเหมาะที่สุด เฮ้ย ไม่นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย บ้าจี้ตามแม่ไปอีกคนหรือไง ผู้ชายเจ้าชู้แบบนั้นอ่ะนะ แต่เขาก็หล่อไม่ใช่เหรอ ใช่หล่อมาก แถมยังรวยด้วย ใช่รวยมากชื่อของเขาติด Top 5 คนที่รวยที่สุดในโรงเรียนแถมครอบครัวเขายังทำธุรกิจอะไรก็ไม่รู้ (ก็ฉันไม่เคยสนใจนี่นา) ที่ดังระดับโลก (รวยไปมั้ยเธอ) แถมวันนั้นที่เขาเกือบขับรถชนฉันก็ยังมีน้ำใจลงมาดูอีก (แต่ก็แอบปล่อยหมาในปากมากัดฉัน) ถ้าเป็นคนอื่นคงขับหนีไปแล้ว
ไม่ๆเธอต้องดูละครมากไปแน่ๆยัยเชอร์เบท เธอด่านางร้ายในทีวีที่จ้องจับพระเอกอยู่ทุกวัน แต่กลับทำมันเองเนี่ยนะ แต่...ฉันก็ทำไปเพื่อครอบครัวไม่ใช่เหรอ เอาล่ะฉันตัดสินใจแล้ว นาย "บอส" ผู้ชายที่หล่อเว่อร์ที่สุดในปฐพี ถ้านายเจอมารยา 8 ล้าน เล่มเกวียนของฉัน นาย! จะต้องตกหลุมรักฉันหัวปักหัวปำ หึหึ ฮ่าฮ่า (นางเอกเรามีความมั่นใจมาก) ถ้านายตกหลุมพรางฉันเมื่อไร ทีนี้ฉันก็จะปลอกลอกนายให้หมดเนื้อหมดตัวเลยล่ะคอยดู
"ชิดในเลยเพ่ ชิดในๆๆ" ชิดกันจนจะได้กันเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วเว้ยยยย
"น้องไปไหน" กระเป๋ารถเมล์ถามฉัน
"โรงเรียนพิชญา ไฮสคูล อินเตอร์" ขอพูดชื่อโรงเรียนเอาโก้ล่ะกัน
"15 บาท" ฉันควักเหรียญให้ไป พร้อมกับตั๋วรถเมล์
"โอ้ยยย ร้อนชิบ" หลังจากที่กระโดดลงจากไอ้รถเมล์เฮงซวยนั่นฉันก็สถบออกมาทันที
ปรี๊ดดดดดดดด
"กรี๊ดดดดดด"
ตุ้บ!!!
"อ๊ายยย ไอ้บ้าอะ" คำพูดที่สรรหามาด่าไอ้คนที่ขับรถมาเกืยบชนฉันหายวับไปทันที
เมื่อฉันได้เห็นเขา
"ยัยบ้าทะเล่อทะล่าเข้ามาได้" นั่นมัน
"บอส" ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆชายผู้มีใบหน้าหวาน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแฝงแววทะเล้นหน่อยๆ ผมสีดำขลับริมฝีปากบางสีสดน่าจุมพิต
"เฮ้ เธอ เธอ ยัยหน้าแป๊ะยิ้ม" ชื่อต้องห้ามของฉันไอ้บ้า มีสิทธิอะไรมาหาว่าหน้าฉันเหมือนแป๊ะยิ้มห๊า เขาเรียกว่าตายิ้ม ตาหยี โว้ยยยย รู้จักมั้ย
"หะ ห๊า"
"ยัยซื่อบื้อเดินยังไงเกือบโดนรถชนแล้วมั้ยล่ะ" เห็นหล่อน่ารักขนาดนี้ไม่ยักรู้ปากเสียน่าถีบ
"อ้ะ ขอโทษ" ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ตื่นเต้นหรือไง
"หึ ฉันไปล่ะถ้าไม่เป็นไร"
"อะ อื้ม" ฉันตอบไป โถ่เว้ย ติดอ่างทำไม หน้าก็ร้อนๆด้วย
"เธอ...หน้าแดงใหญ่แล้ว" อยู่ๆนายนี่ก็ฉกหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกฉันเล่นเอาฉันขนลุกไปหมดทั้งตัว
"ห๊า" หน้าฉัน แดงเหรอ อ๊ากกก หน้าขี้หน้าชะมัด
"หึหึ ฉันไปล่ะ" เขาหัวเราะในลำคอแล้วก็เดินขึ้นรถไป
"ฉันเขินนายเหรอ....บ้าน่า" ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
"เชอร์เบท" พอก้าวเข้ามาในห้องปุ๊บเสียงหลอนของยัยมีมี่ก็ลอยมาเข้าหูฉันเหมือนทุกวัน
"เรียกกันได้ทุกวี่ทุกวันนะ" ฉันพูดพลางวางกระเป๋า
"กินอะไรมาหรือยัง" มีมี่ถามฉัน
"ยังเลย" ฉันตอบพลางเอามือลูบท้องตัวเองพร้อมกับทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
"เลิกทำหน้าแอ๊บแบ๊วสักทีเถอะย่ะ มันไม่ทำให้ตาแกโตขึ้นมาหรอก" อ๊ายยยย นี่แกจะบอกว่าฉันหน้าเหมือนแป๊ะยิ้มอีกคนใช่มั้ย
"ชิ ตกลงแกจะเลี้ยงข้าวฉันมั้ย"
"เลี้ยงสิจ้ะ"
โรงอาหาร
"นี่มี่แกว่าฉันหน้าเหมือนแป๊ะยิ้มมั้ย" ฉันหันไปพูดกับมีมี่ขณะที่กำลังคีบบะหมี่เข้าปาก
"ก็ อืม" ลุ้นๆๆๆ
"___"
"ก็เหมือนอยู่นะ" คำตอบแทบทำเอาฉันสำลักบะหมี่ตาย
"เหมือนเหรอ"
"ก็ตาแกมัน"
"เขาเรียกว่าตายิ้ม ตายิ้มน่ะแกรู้จักมั้ย" อยากจะวีนจังเลย น้อยคนนะที่จะมีตายิ้มฉันว่ามันสวยกว่าพวกที่ตาโตยังกะไข่นกกระจอกเทศอีกนะ
"จ้าๆแม่ตายิ้ม ตาสวยที่สุดเลย" ชิ ทำมาประชด
"ชิ"
"อื้ม แล้วเรื่องงานพิเศษจะเอาไง" ใช่ งานพิเศษฉันลืมสนิทเลย
"ฉันยังหาไม่ได้เลย" ได้อดตายแน่ฉันงานนี้
"เฮ้ออ ฉันล่ะก็ไม่รู้จะช่วยแกยังไง เดี๋ยวฉันจะลองถามคุณแม่ดูล่ะกัน"
"ยะ อย่านะ" แค่นี้บุญคุณฉันก็ทดแทนไม่หวั่นไม่ไหวแล้ว
"ทำไมล่ะ"
"ที่แกช่วยฉันแค่นี้ก็เป็นบุญคุณมาแล้ว"
"เฮ้ย บ้าอะไรกันแค่นี้เอง" แค่หรอ
"เรื่องงานฉันจัดการหาเองได้น่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
กริ๊งงงงง
"เข้าเรียนแล้วไปกันเถอะ"
ตกเย็น
"กลับมาแล้วคร้า" ฉันกลับมาถึงบ้านช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพราะมัวแต่ไปหางาน
พาร์ตไทม์ทำซึ่งมันก็สำเร็จ
"เอ๊ะ" ทำไมบ้านฉันมันรกแบบนี้ล่ะ ไม่ใช่สิมันเหมือนถูกรื้อค้นมากกว่าหรือว่า...โจร
"พ่อค่ะ แม่ค่ะ" ฉันตะโกนเรียกพ่อแม่ ฉันวิ่งไปทั่วบ้านอย่างกังวลใจ
"พ่อ!!!!!" จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไงล่ะ พอฉันวิ่งเข้ามาในครัวก็เจอกับพ่อที่หน้าสะบัดสะบอมยังกะไปรบที่ไหนมา
"พ่อค่ะทำไมสภาพพ่อถึงเป็นแบบนี้" ฉันถามพ่อพลางพยุงท่านให้เดินมานั่งที่โซฟา
"โอยยย คือว่า..."
"อะไรนะพ่อกู้เงินนอกระบบ!!!!!" ฉันอยากจะร้องเป็นภาษาเขมร เราจนตรอกถึงขนาดที่ต้องพึ่งสิ่งพวกนี้เลยเหรอเนี่ย
"คือบ้านมันค้างหลายงวดแล้วถ้าไม่รีบเอาเงิน อูยย ไปจ่ายเขา เเล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะลูก ซี๊ดดดด" พ่อเล่าไปพลางร้องโอดโอยกับแผลช้ำในที่ระบมไปทั่วร่างกาย
"ทำไมเรื่องนี้พ่อไม่เคยบอกหนูเลย" ใช่ อาจเป็นเพราะถึงบอกไปฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่ก็ยังดีกว่าที่พ่อ แม่จะมานั่งแบกรับมันไว้คนเดียว
"พ่อ...ไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก"
"ฮึก ไม่ค่ะ ไม่ลำบากเลยพ่อลำบากกว่าหนูมาตั้งเยอะ ฮึก แค่นี้สบายมากเลย" นานแล้วสินะที่ฉันไม่เคยได้รับอ้อมกอดและคำพูดที่แสนจะอบอุ่นจากพ่อเลย ทำเอาฉันแทบบ่อน้ำตาแตก
"ฮึก พ่อค่ะหนูได้งานพาร์ตไทม์แล้วนะค่ะ ต่อไปหนูคงกลับบ้านดึกทุกวัน" ฉันเอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆก่อนจะบอกข่าวดีกับพ่อ
"ลูกไม่จำเป็นต้องช่วยพ่อขนาดนี้"
"ขอให้หนูได้ช่วยเถอะค่ะ ก็ยังดีกว่านั่งอยู่เฉยดูพ่อแม่ลำบาก" ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่ดีก็วันนี้แหละ สมควรได้รับรางวัลลูกกตัญญูแห่งปี
"เอ้า อย่างนั้นก็ได้ อืม พ่อว่าตอนนี้เราช่วยกันเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่เรากลับมาแล้วจะเป็นเรื่อง"
"ใช่ จริงด้วยแม่ไม่ชอบให้บ้านรก" ถึงมันจะเป็นเพราะฝีมือไอ้พวกนักเลงนั่นก็เถอะ ฮึ่ย นึกแล้วแค้นชะมัด มันบังอาจเอาหนังสือซุปเปอร์จูเนียร์พร้อมลายเซ็นของทั้ง 13 คนไปได้ไง รู้มั้ยฉันอุตส่าห์ดูแลถนุถนอมมาอย่างดี (ไม่ใช่อะไรหรอกก็อุตส่าห์ประมูลแข่งกับยัยแซนดี้กระซู่ประจำห้องได้มาราคาเกือบพันแหนะ ทั้งๆที่หนังสือเล่มนี้ราคาแค่ร้อยกว่าบาทเอง) นึกแล้วแค้นไอ้นักเลงบ้านั่นชะมัด ของมีตั้งเยอะเเยะไม่เอาไปแต่ดันเอาซุปเปอร์จูเนียร์ที่รักของฉันไป ให้ฉันทายมันต้องคอยคิดจะงาบคยูฮยอนน้อยของฉันแน่ๆ (เริ่มคิดไปเรื่อย)
"เชอร์เบทลูกมาช่วยกันเก็บของสิลูกเดี๋ยวแม่เราก็มาหรอก มัวแต่ยืนทำหน้ายังกะจะไปฆ่าใครเขา" ก็ฆ่าไอ้พวกนักเลงนั่นไงจ้ะพ่อจ๋า
"คร้า~~~"
และในที่สุดฉันกับพ่อก็ช่วยกันเก็บข้าวเก็บของที่กระจัดกระจายและก็ปัดกวาดเช็ดถูทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โอยยย เหนื่อยโฮกกก
"แม่มาแล้ว" อ้ะ แม่กลับมาพอดี
"อ้าว แม่ค่ะ วันนี้กลับเร็วกว่าปกตินะค่ะ" ฉันเดินเข้ามาถามพร้อมกับสวมกอดแม่เป็นประจำทุกวัน
"แล้วมันไม่ดีเหรอจ้ะ ทำตัวเเปลกๆไปนะเรา"
"ไม่มีอะไรเลยค่ะ หนูก็เป็นปกตินี่ค่ะ"
"แน่นะ"
"จริงค่ะ"
"งั้นก็แล้วไป"
ห้องนอน
ตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มครึ่ง ฉันที่เอนหัวลงหมอนตั้งแต่หัวค่ำต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการหิวน้ำ
"อ๊า น้ำบนห้องก็หมดแล้วด้วย" ปกติฉันจะมีขวดน้ำตั้งอยู่บนลิ้นชักที่หัวนอนแต่วันนี้กลับมาหมดซะได้ ฉันเลยลากสังขารตัวเองลุกจากเตียงด้วยอาการที่ตายังเปิดไม่เต็มที่
"เฮือก!!!!!!" พอเดินมาถึงโต๊ะเครื่องแป้งมีบางอย่างดลใจให้ฉันหันไปทางนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ฉันตกใจสุดขีด
"อ้าว เฮ้ย หน้าตัวเองนี่หว่า" ให้ตายผู้หญิงแต่งชุดนอนขาว ผมที่ซอยประบ่ากับดูยุ่งเหยิง แถมตายังปรือๆอีกต่างหาก และที่น่าตกใจไปกว่านั้นมันก็คือหน้าของฉันเอง ให้ตายไม่นึกว่าฉันตอนตื่นนอนจะดูทุเรศขนาดนี้ ฉันเลิกสนใจหน้าที่เเสนยับเยินของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องนอนทันที พอฉันเดินลงบันไดไปแค่สามขั้นเท่านั้นแหละฉันจึงหยุดชะงักทันที ด้วยบทสนทนาบางอย่างซึ่งมันดังมาจากด้านล่างซึ่งมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสียงพ่อกับแม่ฉันเอง
"คุณค่ะเงินในธนาคารเหลืออีกไม่มากแล้วนะค่ะ ค่าเทอมลูกเราก็ยังไม่ได้จ่ายทางโรงเรียนเขาส่งจดหมายมาแล้วด้วย" เสียงแม่ฉันนี่ อะไรกันค่าเทอมงั้นเหรอทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เลยล่ะถ้าค้างค่าเทอมจริงทางโรงเรียนน่าจะเรียกฉันเข้าไปพบสิ
"ไม่รู้ว่าเราจะปิดบังยัยเชอร์เบทได้อีกนานเท่าไร ฉันก็ขอร้องกับทางโรงเรียนไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับเชอร์เบทเด็ดขาด"
"ผมว่า...ผมจะไปทำงานที่ต่างประเทศ" อะ อะไรนะ
"อะไรนะค่ะ!!!!!"
"คุณก็รู้ว่าตอนนี้ประเทศไทยเศรษฐกิจไม่ดีขืนมัวแต่หางานที่นี่มีหวังได้อดตายกันแน่
แล้วอีกอย่างเพื่อนผมมันก็ติดต่องานที่ฝรั่งเศษให้ผมแล้วด้วยก็เหลือแต่รอผมตัดสินใจ"
"คุณจะทิ้งให้ฉันอยู่กับลูกสองคนเหรอค่ะ"
"ที่ผมทำไปก็เพื่อคุณกับลูกนะ" พ่อว่าแล้วโอบไหล่แม่ไว้
"อีกอย่าง...ห้ามให้ยัยเชอร์เบทรู้เรื่องนี้เด็ดขาดผมไม่อยากทำให้แกลำบากใจ"
คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะหนูได้ยินชัดเจนเลยค่ะหรือว่าฉันจะเดินเข้าไปหาท่านแล้วบอกว่ารู้
เรื่องหมดแล้ว ไม่สิๆ ยิ่งทำแบบนั่นพ่อกับแม่ก็ยิ่งลำบากใจบางทีการทำเป็นไม่รู้ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่จะให้ฉันนั่งนิ่งดูดายดูพ่อแม่ลำบากเนี่ยนะไม่มีทาง แล้วฉันจะช่วยอะไรท่านได้นอกจากทำงานพาร์ตไทม์ช่วยในส่วนค่าใช้จ่ายของฉันจะได้ไม่ต้องพึ่งเงินท่าน
"แต่ตอนนี้หนี้เราท่วมหัวเลยนะค่ะคุณ มันคงจะดีถ้า...." ถ้าอะไรล่ะค่ะหนูอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
"ถ้าอะไรคุณ" พ่อฉันเร่งแม่
"ถ้ายัยเชอร์เบทหาแฟนรวยๆสักคนจะได้เกื้อหนุนเราทางด้านธุรกิจ"
" ห๊า อุ๊บส์" ฉันตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน แม่คิดจะรวยทางลัดโดยการขายลูกหรือไงกัน
"จะบ้าเหรอคุณ" ใช่ค่ะ หนูเห็นด้วยกับพ่ออย่างแรง
"แหม ฉันก็แค่คิดน่ะค่ะ ยัยเชอร์เบทเรียนที่นี่มาตั้งนานก็น่าจะมีแฟนรวยๆบ้าง" แม่คิดผิดอย่างแรงเลยแหละ ไม่มีใครมาจีบฉันสักคนถึงมาจีบฉันก็ไม่เอาหรอกย่ะพวกผู้ดีตีนแดงน่ะ
"อื้ม เรื่องนี้ผมว่าน่าจะให้เป็นเรื่องของเด็กๆเขานะ" ใช่ค่ะพ่อ
"ก็คุณค่ะหลายคนเลยนะค่ะที่สามารถช่วยธุรกิจเราได้ฉันก็ไม่ได้อยากจะบังคับอะไรลูกหรอกนะค่ะ แต่ถ้ามีก็ดี" แม่ยังจะแอบหวังอยู่อีกเหรอเนี่ยมันจะมีใครล่ะที่จะมาเกื้อหนุนธุรกิจเราได้มีแต่พวกคุณชายจอมยะโสโอหังทั้งนั้นแหละย่ะ ชะ แต่เดี๋ยวนะ
ปรี๊ดดดดด
"ยัยบ้าทะเล่อทะล่าเข้ามาได้"
"เธอ เธอ ยัยหน้าแป๊ะยิ้ม"
อยู่ๆภาพนายนั่นก็ลอยแวบเข้ามาในหัวฉันทันที นายบอสผู้ชายที่ฉันคิดว่าเขาน่าจะเหมาะที่สุด เฮ้ย ไม่นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย บ้าจี้ตามแม่ไปอีกคนหรือไง ผู้ชายเจ้าชู้แบบนั้นอ่ะนะ แต่เขาก็หล่อไม่ใช่เหรอ ใช่หล่อมาก แถมยังรวยด้วย ใช่รวยมากชื่อของเขาติด Top 5 คนที่รวยที่สุดในโรงเรียนแถมครอบครัวเขายังทำธุรกิจอะไรก็ไม่รู้ (ก็ฉันไม่เคยสนใจนี่นา) ที่ดังระดับโลก (รวยไปมั้ยเธอ) แถมวันนั้นที่เขาเกือบขับรถชนฉันก็ยังมีน้ำใจลงมาดูอีก (แต่ก็แอบปล่อยหมาในปากมากัดฉัน) ถ้าเป็นคนอื่นคงขับหนีไปแล้ว
ไม่ๆเธอต้องดูละครมากไปแน่ๆยัยเชอร์เบท เธอด่านางร้ายในทีวีที่จ้องจับพระเอกอยู่ทุกวัน แต่กลับทำมันเองเนี่ยนะ แต่...ฉันก็ทำไปเพื่อครอบครัวไม่ใช่เหรอ เอาล่ะฉันตัดสินใจแล้ว นาย "บอส" ผู้ชายที่หล่อเว่อร์ที่สุดในปฐพี ถ้านายเจอมารยา 8 ล้าน เล่มเกวียนของฉัน นาย! จะต้องตกหลุมรักฉันหัวปักหัวปำ หึหึ ฮ่าฮ่า (นางเอกเรามีความมั่นใจมาก) ถ้านายตกหลุมพรางฉันเมื่อไร ทีนี้ฉันก็จะปลอกลอกนายให้หมดเนื้อหมดตัวเลยล่ะคอยดู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น