ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงร้ายพ่ายเงารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บ่วงร้ายพ่ายเงารัก ตอน 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 56


     

    บ่วงร้ายพ่ายเงารัก

    ตอนที่ 1

                    กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!!! เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นลั่นห้อง ก่อนที่เสียงนั้นจะสงบลงด้วยมือเรียวเล็กของคนที่นอนอยู่บนเตียงเอื้อมมือมาปิด หญิงสาวนอนหลับตาอยู่ครู่ก่อนจะพยายามดันตัวเองลุกขึ้นบิดขี้เกียจเพื่อสลัดความง่วงออกไป ร่างเล็กบางตั้งหลักพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำ เวลาต่อจากนี้คือความรีบเร่งเพื่อให้ตัวเองจัดแจงธุระส่วนตัวให้เสร็จทันเวลาเพื่อไปเข้าเรียนคาบแรกในตอน 9 โมงเช้า

                    พราวตะวันอยู่ในชุดนักศึกษาเสร็จเรียบร้อย เธอคว้าหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ 2 เล่ม ก่อนจะรีบหันรีหันขวางสำรวจห้องตัวเอง เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว จึงกุลีกุจอคว้ากระเป๋าแล้วอออกจากห้องทันที ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นเธอเอื้อมมือไปควานหาหยิบขึ้นมากดรับสาย

                    "ถึงแล้วเหรอแก รอฉันแป๊บนึงนะ กำลังรีบไป...อย่าบ่นได้มั้ยฉันก็กำลังรีบอยู่นี่ไง โอเคๆ แค่นี้นะ เดี๋ยวเจอกัน" พราวตะวันกดวางสายก่อนจะรีบวิ่งไปกดลิฟท์ที่กำลังมาหยุดอยู่ที่ชั้นของเธอพอดี เพราะด้วยความรีบทำให้หนังสือที่ถือมาดันตกกระจัดกระจายไปกองอยู่กับพื้น หญิงสาวรีบก้มตัวก้มเก็บและช่วงเวลานี้เองที่มีมือของใครอีกคนเอื้อมมาช่วยเธอหยิบหนังสืออีกเล่มยื่นมาให้ พราวตะวันยื่นมือไปรับพร้อมเอ่ยปากขอบคุณผู้มือน้ำใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวสีหน้าตะหนกอยู่ครู่ มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าในความตระหนกยังสะดุดตากับความหล่อเหลาเอาการของชายหนุ่มคนนี้ รูปร่างสูงโปร่งแต่งตัวดี ใบหน้าดูสะอาดสะอ้านของอีกฝ่ายพาให้เธอเสียมารยาทพินิจเขาก่อนจะเอ่ยถาม

                    "เอ่อ คุณขึ้นมาที่นี้ได้ยังไง ที่นี่เป็นหอพักหญิงห้ามผู้ชายขึ้นนะคะ" พราวตะวันถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอเห็นเขาอมยิ้มเล็กๆ พาให้คิ้วข้างหนึ่งของเธอยกสูง

                    "ผมทราบครับว่าที่นี่เป็นหอพักหญิงห้ามผู้ชายขึ้น แต่ที่ขึ้นมาได้เพราะได้รับอนุญาตแล้วครับ " หน้าตาคนถามยังดูไม่คลายความสงสัย ทำไมอยู่ๆ ผู้ชายคนนี้ถึงได้รับการอนุญาตให้ขึ้นมา ทั้งที่ปกติหอนี้จะเข้มงวดเหลือเกินในเรื่องของคนเข้าออก โดยเฉพาะผู้ชายห้ามขึ้นมาโดยเด็ดขาด

                    "ได้รับอนุญาตแล้วอย่างนั้นเหรอค่ะ แปลกแฮะ!! " ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอ

                    "ดูคุณจะยังสงสัยมากเลยนะครับ... ผมเป็นวิศวกรดูแลการก่อสร้างของหอพักบริเวณนี้ทั้งหมด ทางเจ้าของให้ผมข้ามาตรวจเช็คโครงสร้างตึกครับ แต่พอดีเจ้าของเขายุ่งๆ เลยให้ผมขึ้นมาก่อน ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณตกใจมาก"  พราวตะวันพยักหน้าคลายสงสัย ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

                    "อ๋อ แบบนี้นี่เอง...ฉันก็แค่แปลกใจเท่านั้นล่ะคะถึงต้องถาม ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเก็บหนังสือให้" พราวตะวันส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับวิศวกรหนุ่มหล่อ ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองรีบเพราะเพื่อนรออยู่ หญิงสาวยกมือดูเวลา แล้วต้องรีบร้อนอีกครั้งที่รู้ว่าตัวเองเสียเวลาไปมาก

                    "แย่แล้ว ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ" พูดจบพราวตะวันก็รีบวิ่งเข้าที่ลิฟท์ทันที ปล่อยให้คนมองตามยิ้มให้กับความโก๊ะที่ดูน่ารักของหญิงสาววัยใสที่ดูเหมือนว่าจะเข้าตาต้องใจชลธิศอยู่เหมือนกัน

                    พราวตะวันกึ่งเดินกึ่งวิ่ง แต่จะหนักออกไปทางวิ่งซะมากกว่า เพราะเวลามันเดินไวจนเธออยากจะหยุดมันไว้ก่อนเหลือเกิน ทั้งเหนื่อยทั้งหอบเม็ดเหงื่อไหลจนเธอไม่คิดอยากจะเสียเวลายกมือขึ้นไปเช็ด พอถึงตึกเรียนเห็นเพื่อนยืนโบกไม้โบกมือรออยู่จึงรีบวิ่งตรงเข้าไปหาทันที

                    "อย่าเพิ่งบ่น ฉันเหนื่อยและรีบแล้วจริงๆ ปะๆ ขึ้นไปเรียนก่อนเดี๋ยวไม่ทันอาจารย์" พราวตะวันเห็นเพื่อนกำลังจะอ้าปากพูดก็รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนจอมขี้บ่นของเธอคนนี้จะพูดอะไร

                    "มันน่าให้บ่นมั้ยล่ะ ตั้งแต่ปี 1 ยันปี 4 หอก็อยู่ใกล้มหา'ลัยแค่เนี๊ยะแกก็ยังสายได้เสมอ พอฉันไม่อยู่ด้วยทีไรล่ะแบบนี้ทุกทีเลย"

                    "โอเคๆ ไปเรียนก่อนเถอะนะเพื่อนจ๋า พอเรียนเสร็จปุ๊ปอยากจะบ่นจะว่าอะไร ฉันจะไม่ขัดเลยสักคำ โอเคมั้ยคร่า!!" พราวตะวันพูดพลางลากเพื่อนให้เดินขึ้นบันได ณิชานันท์ได้เพียงแต่ส่ายหน้าไปมาให้กับท่าทีของเพื่อนตัวเอง

                   

                ในห้องทำงาน บนตึกสูงใจกลางเมือง

                    แพรดาวยุ่งอยู่กับการเซ็นเอกสารกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานหลังจากที่ลาพักร้อนไป 3 วัน หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจัดการเซ็นแฟ้มเอกสารทีละแฟ้มๆ จนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงเธอยังคงง่วนอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่พนักงานหญิงอายุอานามมากกว่าเธอไม่กี่ปีจะเดินเข้ามา

                    "คุณแพรจะรับอาหารกลางวันทานที่นี่เลยมั้ยค่ะ ดิฉันจะได้เตรียมให้" แพรดาวเงยหน้าขึ้นมามองคนพูด ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้

                    "ก็ดีเหมือนกันค่ะ แพรยุ่งมากไม่มีเวลาออกไปหาอะไรทานแน่ ยังไงรบกวนคุณรุ้งทองด้วยแล้วกันนะคะ"

                    "ได้ค่ะ เดี๋ยวรุ้งจัดการให้ค่ะ "

                    "ขอบคุณมากนะคะ" เจรจาจบ แพรดาก็กลับมาก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารต่อทันที ระหว่างนี้มีเสียงประตูผลักเข้ามาอีกครั้ง

                    "เร็วจังเลยค่ะคุณรุ้ง วางไว้ตรงนั้นก่อนเลยนะคะ แพรขอทำงานต่ออีกนิดหนึ่งเดี๋ยวไปทานค่ะ ขอบคุณนะคะ" ปากพูดแต่หน้าสวยๆ ยังก้มทำงานต่อโดยไม่สนใจว่าใครคือคนที่เข้ามาในห้องทำงานของเธอในเวลานี้กันแน่

                    "ดูท่าทางคุณผู้จัดการจะงานยุ่งมากเลยนะครับ ถึงกับไม่ยอมออกไปทานข้าว แถมยังไม่รับโทรศัพท์อีกต่างหาก" แพรดาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทันที

                    "อ้าว!! คินทร์ มาได้ยังไงค่ะ"  

                    "ก็เจ้าของโทรศัพท์ไม่ยอมรับสาย ผมเลยต้องมาหาถึงที่นี่ยังไงละครับ...ได้เวลาทานข้าวแล้วอย่ามัวแต่ทำงานสิ ไปทานข้าวกับผมก่อนนะครับคุณผู้จัดการ กองทัพต้องเดินด้วยท้องไม่ใช่เหรอ" แพรดาวยิ้มให้กับคนพูด

                    "ขอโทษนะคะที่แพรไม่ได้รับโทรศัพท์ งานแพรยุ่งมากจริงๆ ดูสิค่ะมีเอกสารให้เซ็นเต็มโต๊ะแพรไปหมด เอาเป็นว่าเราทานข้าวกันที่นี่ได้มั้ยค่ะ เดี๋ยวแพรให้คุณรุ้งจัดให้คุณด้วยอีกที่หนึ่ง พอทานเสร็จแพรก็จะได้ทำงานต่อเลย นะคะ" แพรดาวยิ้มและพูดน้ำเสียงเชิงขอร้อง นคินทร์ทำหน้ามุ้ยก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้าคนพูด

                    "ทำไมแฟนผมต้องทำงานเยอะแยะขนาดนี้ ดูสิถึงเวลาพักก็ยังไม่ได้พักเหมือนคนอื่นเขา เฮ้อ! คนเป็นแฟนอย่างเราก็ต้องทำใจใช่มั้ยเนี๊ยะ" แพรดาวยิ้มพลางส่ายหน้าให้กับคำพูดของนักธุรกิจหนุ่มที่พูดราวกับว่าตัวเองว่างงาน มีเวลาเยอะมากไปกว่าเธออย่างนั้น

                    "ยังไงดีค่ะ จะทานที่นี่ด้วยกันกับแพร หรือจะออกไปทานเองคนเดียว" เจ้าของหน้ารูปไข่ถามกลับอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแกมหมั่นไส้ คณาวินหน้างุ้มก่อนจะพยักหน้าให้คนรัก แล้วพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มทะเล้นให้เธอ

                    "ทานกับแพรที่นี่ก็ได้คร๊าบ" เขาลากเสียงยาว แพรดาวยิ้มนิดๆ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ออกไปหาเลขาตัวเองให้จัดอาหารเข้ามาให้อีกชุด

                    "คินทร์นั่งรอสักครู่นะคะ ระหว่างที่รออาหารแพรขอทำงานต่ออีกนิดนะ" พูดจบเธอก็ส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะก้มหน้าลงไปเซ็นเอกสารต่อ ระหว่างนี้นคินท์เดินสำรวจห้องทำงานของแฟนสาวเมื่อทุกอย่างถูกมองโดยรอบแล้ว เขาจึงเดินมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ  แพรดาวชำเลืองสายตามามองอีกฝ่ายเมื่อรู้ตัวว่าถูกเขานั่งจ้องอยู่สักพักแล้ว

                    "คินทร์มานั่งจ้องหน้าแพรทำไมค่ะ " เธอวางปากกา ก่อนจะรวบเอกสารกองหนึ่งบนโต๊ะให้เข้าที่ เขามองตามสิ่งที่เธอทำอยู่จนเสร็จ แล้วจึงยิ้มเล็กๆ ให้เธออีกครั้ง แพรดาวยิ้มตอบ

                     "วันนี้คินทร์ไม่ยุ่งเหรอค่ะ ทุกทีเวลานี้คินทร์ยังต้องนั่งอยู่ในห้องประชุมอยู่เลยนี่ค่ะ" เธอถามเขา สีหน้านคินทร์หม่นลงไปนิด แค่เพียงนิดเดียวก็พอทำให้หญิงสาวตรงหน้าเห็นความผิดปกติบางอย่างในตัวเขาแล้ว แพรดาวลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเขา

                    "มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าค่ะคินทร์ บอกแพรได้มั้ย" มือหนานุ่มของเขาเอื้อมไปจับมือเรียวบางของอีกฝ่ายก่อนเดินพาเธอไปยังโซฟาที่มีอาหารวางไว้ก่อนหน้านี้

                    "มีเรื่องที่บริษัทนิดหน่อยครับ แต่ผมจะจัดการมันได้ในอีกไม่ช้า" แพรดาวยิ้มให้กำลังใจเขา ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปกุมมือที่เขาจับเธอไว้อยู่ก่อนแล้ว "ค่ะ แพรเชื่อว่าคนเก่งอย่างคินทร์จะต้องจัดการกับมันได้อยู่แล้ว ถ้าเราคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ เราก็จะต้องผ่านมันไปได้ค่ะ ไม่เครียดนะคะคนดีของแพร" ได้ยินคำพูดแสนดีจากปากเธอแบบนี้มีหรือที่นคินทร์จะหน้าเครียดอยู่ได้ เขายิ้มตาเป็นประกายให้กับผู้หญิงที่รักสุดหัวใจมาตลอด 5 ปี  แพรดาวเป็นผู้หญิงเก่งในสายตาเขา เธอเก่งทั้งเรื่องงาน และเรื่องปลอบใจคน โดยเฉพาะคนอย่างเขาที่ทุกครั้งเวลาเครียดหรือมีปัญหากับงานมาครั้งใด แพรดาวคือหญิงสาวที่สามารถทำให้เขาหายไปจากความรู้สึกเหล่านั้น และกลับมามีรอบยิ้มได้เสมอ

                    "อาหารมาแล้วค่ะ ทานข้าวกันดีกว่านะคะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องไม่ใช่เหรอค่ะ" แพรดาวหันไปช่วยรับจานอาหารที่รุ้งทองเลาขายกเข้ามาให้ "ขอบคุณมากนะคะคุณรุ้ง" เลขายิ้มพร้อมพยักหน้าให้เธอ

                    "ถ้าคุณแพรอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกดิฉันได้เลยนะคะ"

                    "ไม่แล้วล่ะค่ะแค่นี้ก็พอแล้ว คุณรุ้งตามสบายเลยนะคะ นี่ก็เวลาพักของคุณรุ้งเหมือนกันนะ" เลขาพยักหน้าให้เธออีกรอบ ก่อนจะหันไปยิ้มเล็กๆ ให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอแล้วเดินออกไป

                    เสร็จจากอาหารมือกลางวัน จึงได้เวลาที่นคินทร์จะกลับเข้าบริษัท เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอก่อนจะยกมือนุ่มๆ ขึ้นมาแล้วจ้องมองอยู่ที่มือขาวๆ  อย่างพินิจ  แพรดาวหน้าตาเลิกลักมองไปที่ประตู ที่นี่เป็นที่ทำงานเธอเกรงว่าหากเลขาหรือพนักงานคนอื่นเข้ามาเห็นดูจะเป็นการไม่เหมาะนัก ยังไม่ทันที่ความคิดจะหลุดหายไป ประตูบานใหญ่ถูกผลักเข้ามาเบาๆ พาร่างสูงโปร่งของใครบางคนเดินเข้ามา แพรดาวสะดุ้งเฮือกพร้อมกับชักมือเธอออกจากมือเขาพัลวัน  คนเข้ามาใหม่ชะงักกับภาพที่เห็น

                    "เอ่อ...ผมคิดว่าคุณแพรไม่มีแขก ขอโทษทีครับ" เขากำลังจะหันหลังกลับ แพรดาวร้องทักไว้ก่อน

                    "เพื่อนแพรกำลังจะกลับแล้วค่ะ" คนจะเดินออกชะงักเท้า ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามองเธอกลับด้วยความอึ้ง แพรดาวรู้ดีว่าเขาคงไม่พอใจแน่ๆ ที่เธอบอกคนมาใหม่ออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีเวลาอธิบายเขาได้ คงต้องปล่อยไปเลยตามเลยเสียก่อน แล้วค่อยไปอธิบายกันอีกที

                    "ถ้าอย่างนั้นเห็นทีผมคงจะต้องกลับก่อน เชิญตามสบายครับ" นคินทร์หันหลังเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้าที่มาถึง และตลอดเวลาที่ทานกลางวันด้วยกันเขารู้สึกดีในหัวใจตลอดเวลา แต่ตอนออกมาเขากลับรู้สึกว่าความรู้สึกดีในช่วงเวลาเมื่อครู่มันหายไปหมด ซ้ำร้ายหัวใจดวงนี้มันยังหม่นหนักกว่าตอนมาถึงเสียด้วยซ้ำ ทำไมแพรดาวถึงบอกกับผู้ชายคนนั้นว่าเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนทั้งที่ความจริงเธอและเขาคบหากันแบบเปิดเผยมาโดยตลอด ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งคิดไปไกลหัวใจเขากลับเต็มไปด้วยสีเทาหม่นหนักขึ้นทุกที

                    "คุณดลมีอะไรรึเปล่าค่ะ" แพรดาวปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ดลวัฒน์เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ "ครับ พอดีวันพรุ่งนี้ผมต้องไปพบลูกค้ารายหนึ่งเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัทเรา ผมอยากให้คุณแพรไปด้วยกันครับ" แพรดาวยิ้มนิดๆ ให้เขา

                     "ได้สิค่ะ กี่โมงค่ะ แล้วแพรต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง"

                    "11 โมงครับ คุณแพรไม่ต้องเตรียมอะไรไป แค่เตรียมตัวกับหัวใจไปก็พอ" เขาพูดทิ้งท้ายให้ขัน แพรดาวจึงยิ้มให้กับคำพูดที่ฟังดูออกจะเชยอยู่นิด แต่ก็ยังเป็นคำพูดที่เขามักพูดกับเธอทุกครั้งที่ทำงานร่วมกัน และนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออกไปแทบทุกทีที่เขาพูด

                    ร้านอาหารหรูหราบนห้างใหญ่ใจกลางเมือง แพรดาวและดลวัฒน์นั่งรอลูกค้าคนสำคัญอยู่ก่อนแล้ว ไม่นานจากนั้นลูกค้าคนที่ว่ามาถึงตามเวลานัดหมาย หญิงวัยกลางคนที่หน้าตายังสะสวยมีออร่าแต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าต่างเป็นของแบรนด์หรูชั้นนำที่บรรดาคนรวยมักใช้ประดับความไฮโซ แพรดาวมองหญิงคนที่เดินตรงมาที่โต๊ะด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนจะถูกดลวัฒน์สะกิดเรียกให้เธอรู้ตัวว่า เวลานี้ลูกค้าคนสำคัญของบริษัทมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

                    "สวัสดีครับคุณนลิน" เขายกมือไหว้ลูกค้าคนสำคัญ ก่อนจะหันมาแนะนำเธอให้คนมาใหม่รู้จัก

                    "คุณนลินครับ นี่คือคุณแพรดาว เธอเป็น manager อีกคนหนึ่งของบริษัทเราครับ" แพรดาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้าที่เวลานี้จ้องเขม่งมาที่เธออย่างไม่ยอมละสายตาไปไหน

                    "คุณแพรครับ นี่คือคุณนลิน อัศววาณิช ลูกค้าคนสำคัญของเรา" แพรดาวเอียงหน้าไปมองคนพูดนิดๆ หัวใจเธอเวลานี้เต้นไหวรัวราวกับกองเพล

                    "เชิญนั่ง" ทั้งสองคนนั่งลงเมื่อได้ยินคนพูดเชื้อเชิญและนั่งลงแล้วเรียบร้อย

                    ตลอดเวลาที่พูดคุย แพรดาวพยายามสะกดตัวเองไม่ให้สติกระเจิง เธอพยายามข่มใจให้มีสมาธิในระหว่างที่ฟังทั้งสองคนสนทนาเรื่องการซื้อขาย เมื่อทุกอย่างถูกพูดคุยเสร็จเรียบร้อย ผู้ใหญ่ที่สุดของโต๊ะบอกให้ทั้งคู่อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกัน ดลวัฒน์ที่มีศักดิ์เป็นหัวหน้าของแพรดาวรับคำอย่างเกรงใจ ระหว่างที่รออาหารแพรดาวขอตัวไปห้องน้ำ และนั่นจึงได้ทีที่นลินขอไปพร้อมเธอด้วย  หญิงสาวต่างวัยสองคนซึ่งถ้าจะให้มองก็ไม่ดูเหมือนราววัยแม่กับลูก เดินมาห้องน้ำด้วยกัน แพรดาวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องหนักไปกว่าเดิม

                    "เก่งนะ ไต่เต่าจากพนักงานตัวเล็กๆ จนได้เป็น manager" คนมาด้วยพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ น้ำเสียงฟังดูไม่รื่นหูคนได้ยินนัก  เสียงลมหายใจแพรดาวถูกปล่อยออกมาเบาๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ๆ ก็หยุดเอาซะดื้อๆ

                    "เธอคงยังไม่ลืมเรื่องที่ฉันเคยพูดกับเธอไว้หรอกนะแพรดาว" หญิงสาวนึกถึงวันนั้นขึ้นมาในหัวสมองทันที

                    "ไม่ลืมค่ะ ยังจำได้ดี" หญิงสาวตอบเสียงเรียบแต่ยังมีความรู้สึกนอบน้อมอยู่ในนั้น

                    "จำได้ก็ดี จำแล้วก็ต้องทำด้วย...เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปพบฉันที่ร้านนี้ ฉันมีข้อเสนอบางอย่างจะให้เธอ รับรองว่าเธอจะได้สิ่งดีๆ จากสิ่งที่ฉันจะหยิบยื่นให้ มันจะทำให้ชีวิตการทำงานของเธอก้าวกระโดดไปไกลกว่านี้แน่นอน" นลินยื่นนามบัตรร้านที่นัดให้กับหญิงสาวคราวลูก แพรดาวเอื้อมมือไปหยิบมาไว้ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

                    "นั่งลงสิ" นลินบอกให้หญิงสาวที่เดินเข้ามาหยุดที่โต๊ะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามหลังจากที่รับไหว้เสร็จ แพรดาวเขยิบตัวเข้ามานั่งตามคำเชื้อเชิญ

                    "เธอจะทานอะไรก่อนมั้ยล่ะ หรือจะให้ฉันพูดข้อเสนอของฉันก่อนเลย"

                    "พูดเรื่องของคุณนลินก่อนเถอะค่ะ ดิฉันยังไม่หิว" เขาพยักหน้า

                    "เธอรู้ใช่มั้ยว่าบริษัทของฉันเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเธอ"

                    "ทราบค่ะ"

                    "อื้ม!! บริษัท อัศววาณิช กรุ๊ป ของฉันจะยังคงเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ สยาม ซินดิเคท แน่นอน และจะเพิ่มกำลังซื้อมากกว่าเดิมอีกเท่าตัวหากเธอรับข้อเสนอของฉัน" แพรดาวนิ่งฟัง แต่หัวใจดวงน้อยของเธอเวลานี้มันบีบสั่นจนจะหลุดออกมาให้ได้

                    "ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ....ฉันอยากให้เธอออกไปจากชีวิตของลูกชายฉัน เธอก็รู้นี่แพรดาวว่านคินทร์เขาเป็นถึงลูกชายของตระกูลดังในแวดวงสังคม ฉะนั้นผู้หญิงที่ควรจะอยู่เคียงข้างนคินทร์จะต้องเสมอเขา หรือไม่ก็ต้องสูงกว่า ฉันจะไม่ยอมให้เขาไปคว้าผู้หญิงที่ไม่มีหัวน้อยปลายเท้าแน่ๆ เธอเองคงไม่อยากฉุดให้เขาต่ำลงไปใช่มั้ยแพรดาว " ประโยคสุดท้ายคนพูดเน้นเสียงหนัก ทำให้แพรดาวถึงกับอึ้งในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เธอจ้องผู้ใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาแข็ง

                    "ดิฉันทราบดีค่ะว่าตระกูล อัศววาณิช ของคุณเป็นที่รู้จักขนาดไหน ต้องเรียนว่าทราบดี และถึงแม้ดิฉันจะเป็นแค่ลูกชาวสวนชาวไร่ ตระกูลไม่ได้มีเกียรติจนใครๆ รู้จัก แต่ดิฉันคิดว่าแค่ชาติตระกูลมันคงไม่สามารถนำมาวัดค่าความสูงต่ำของคนคนนั้นได้หรอกนะคะคุณนลิน " แพรดาวปลดลมหายใจแห่งความอัดอั้นใจออกมาอีกระลอก เวลานี้ผู้ใหญ่ตรงหน้ามองเธอมาด้วยสายตาดุดันไม่น้อย

                    "ส่วนเรื่องงาน ถ้าดิฉันจะก้าวหน้าขึ้นไปกว่านี้ดิฉันก็จะขอทำด้วยความสามารถของตัวเองค่ะ คุณนลินไม่จำเป็นต้องยื่นข้อเสนออะไรให้ยุ่งยากหรอกนะคะ" แพรดาวพูดออกมาอย่างหนักแน่น ท่าทีของเธอทำให้อีกฝ่ายยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจมากไปกว่าเดิม

                    "เธอพูดออกมาแบบนี้หมายความว่ายังไงแพรดาว เธอจะไม่รับขอเสนอของฉันอย่างนั้นเหรอ...ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่าข้อเสนอของฉันมันจะสามารถทำให้ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรอย่างเธอ สามารถโลดแล่นในหน้าที่การงานได้ชนิดที่เธอคาดไม่ถึงเชียวล่ะ...แต่ถ้าเธออยากจะลองดี เธอจะได่รู้ว่าสิ่งที่เธอเคยมี หน้าที่การงานที่เธอได้มา เธออาจจะไม่มีมันอีกเลยก็ได้ เธอจะเลือกอย่างไหนแพรดาวอย่างแรกหรืออย่างหลัง"

                    แพรดาวนิ่ง แต่เป็นความนิ่งที่ข้างในเต็มไปด้วยไฟอยากจะปะทุ  นี่เธอกำลังถูกเขาขู่ เป็นคำขู่ที่เธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้สามารถทำได้ทุกอย่างอย่างที่เขาบอกมา ปากได้รูปถูกเม้มเข้าหากันแน่น ม่านตาสองข้างถูกปรับให้ปิดลงก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นมามองอีกฝ่าย

                     "ไม่ว่าอย่างแรกหรืออย่างหลังดิฉันก็ไม่ขอเลือกค่ะ" แพรดาวกัดฟันพูด ทำให้คนตรงหน้าถลึงตาใส่เธอด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่อารมณ์โกรธดังไฟจะปะทุออกมาจนสุดจะต้านทาน

                    "แพรดาว!! เธอจะลองดีกับฉันใช่มั้ย ได้!! แล้วเธอกับฉันจะได้เห็นดีกัน...เธอมันโง่ ผู้หญิงโง่ๆ ไร้สกุลอย่างเธอกำลังจะไม่มีที่ยืนที่อยู่อย่างสง่าผ่าเผยอีกต่อไป ในเมื่อฉันมีข้อเสนอดีๆ มาให้แล้วยังไม่รับ เธอก็เตรียมตัวยอมรับกับสิ่งโง่ๆ ที่เธอเป็นคนเลือกให้ฉันหยิบยื่นมันให้กับเธอละกันแพรดาว!!" พูดจบแม่ของคนรักก็สะบัดหน้าเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่พร้อมจะไประเบิดต่อใส่ใครได้อีกแน่นอน

                    แพรดาวนั่งนิ่งมือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมากุมขมับไว้ เธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาพบเจอกับอุปสรรคความรักที่หนักหนาขนาดนี้ แม้ที่ผ่านมาเธอจะรู้ดีว่าแม่ของนคินทร์ไม่ได้ชอบหน้าเธอนัก แต่เธอคิดว่าวันหนึ่งผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาและมีหน้าที่การงานที่ถือว่าดีอย่างเธอจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวเขาบ้าง แต่ถึงเวลานี้ทุกอย่างได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวันยอมรับเธอ มิหนำซ้ำยังพร้อมที่จะกำจัดเธอให้ออกไปให้พ้นทางชีวิตลูกชายเขาเสียอีกด้วย

                   

                    เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของแพรดาวดังขึ้นสลายความกังวลใจให้เธอควานหาแล้วหยิบมันขึ้นมารับสาย

                    "สวัสดีค่ะ ...จากไหนนะคะ"  เป็นเบอร์ที่แพรดาวไม่คุ้น "อ๋อค่ะ...ไม่ลืมค่ะ เรานัดกันไว้ตอนบ่ายโมงครึ่ง ได้ค่ะแล้วเดี๋ยวเจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ" แพรดาวกดวางสายลูกค้าที่เธอนัดไว้ ก่อนจะเรียกบริกรให้คิดเงิน เธอหยิบแบงค์ออกมาวางไว้สำหรับค่าน้ำ ก่อนจะรีบลุกออกไปทันที  แพรดาวเดินมาที่รถตัวเอง และก็ต้องพบว่ารถที่เธอซื้อหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเวลานี้มีรอยขีดข่วนรอยใหญ่ไปทั่วทั้งคัน แพรดาวตกตะลึงแล้วรีบเดินตรงไปที่รถ

                    "นี่มันอะไรกัน ทำไมรถถึงเป็นแบบนี้" แพรดาวพูดออกมาด้วยความตกใจ  ก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้นเพราะยังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเห็น เมื่อเสียงโทรศัพท์ยังดังไม่ยอมหยุด เธอจึงต้องควานไปหยิบมารับ

                    "เป็นยังไง ลายรถลายใหม่ของเธอชอบมั้ยจ๊ะแพรดาว" หญิงสาวตาเบิกโพลง เธอจำน้ำเสียงแบบนี้ได้ดี "คุณนลิน"

                    "จ๊ะ...ฉันเองแม่สาวน้อย ฉันหวังว่าเธอคงจะชอบสิ่งที่ฉันมอบให้ นี่คงยืนชื่นชมมันอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ...นี่แค่เบาะๆ นะ ในเมื่อเธออยากลองของฉันก็จะให้เธอลองจนหนำใจ เอาเป็นว่าวันนี้เป็นออเดิร์ฟก่อน สำหรับอาหารจานหลักฉันจัดเต็มให้เธอแน่ถ้าเธอต้องการ"

                    แพรดาวมือไม้อ่อนโทรศัพท์ในมือหลุดร่วงไปกองอยู่กับพื้น พอๆ กับร่างที่ดูเหมือนไร้วิญญาณของเธอเวลานี้ก็กองตามไปนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงเช่นกัน แพรดาวพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกได้ว่าสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว สงครามที่เธอไม่ได้อยากให้เกิด ไม่ได้อยากโต้ตอบ หากเป็นไปได้เธอไม่ได้อยากให้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเจ็บปวด แต่สำหรับตอนนี้เหมือนเธอกำลังเริ่มได้รับกับความเจ็บปวด เป็นความเจ็บปวดของการเป็นเหยื่อที่ถูกโจมตีอย่างไร้การต่อสู้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×