กรมอุตุนิยมวิทยา - กรมอุตุนิยมวิทยา นิยาย กรมอุตุนิยมวิทยา : Dek-D.com - Writer

    กรมอุตุนิยมวิทยา

    ประวัติของกรมอุตุนิยมวิทยา

    ผู้เข้าชมรวม

    3,607

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.6K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 พ.ย. 49 / 14:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       กรมอุตุนิยมวิทยา (METEOROLOGICAL DEPARTMENT)

                          กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

      ประวัติกรมอุตุนิยมวิทยา

              ถือกำเนิดในกองทัพเรือ โดยพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงนำวิชาการอุตุนิยมวิทยามาสอนในโรงเรียนนายเรือ เมื่อ พ.ศ.2449 เริ่มดำเนินงานในกรมทดน้ำ กระทรวงเกษตราธิการ เมื่อ พ.ศ.2466 และค่อมาปลายปีได้จัดตั้งเป็นแผนกอุตุนิยมศาสตร์และสถิติ กองรักษา กรมทดน้ำ (ปัจจุบันคือ กรมชลประทาน) โอนกิจการเป็นกองอุตุนิยมวิทยา สังกัดกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2479 ยกฐานะเป็นกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2485 สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2505 สังกัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2515 ปัจจุบันสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2545

      หน้าที่และความรับผิดชอบของกรมอุตุนิยมวิทยา

              กรมอุตุนิยมวิทยามีภารกิจเกี่ยวกับบริหารจัดการด้านอุตุนิยมวิทยา โดยการตรวจ เฝ้าระวัง  ติดตามรายงานสภาวะอากาศ และปรากฏการณ์ธรรมชาติ ให้บริการด้านอุตุนิยมวิทยาแก่กิจการต่างๆ ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำ และทันต่อเหตุการณ์ เพื่อประโยชน์สูงสุด ในเชิงเศรษฐกิจ สังคม เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ตลอดจนเป็นการป้องกันการเกิดภัยพิบัติ และความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เอกชนและหน่วยงานของรัฐจากภัยธรรมชาติ

      การแบ่งส่วนราชการของกรมอุตุนิยมวิทยา

             - สำนักงานเลขานุการกรม

             - กองสื่อสารสารสนเทศอุตุนิยมวิทยา

             - กองเครื่องมืออุตุนิยมวิทยา

             - สำนักเฝ้าระวังและเตือนสภาวะอากาศ

             - สำนักพยากรณ์อากาศ

             - สำนักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา

             - สำนักอุตุนิยมวิทยาขนส่ง

             - ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่

             - ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี

             - ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จังหวัดสงขลา

             - ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก จังหวัดภูเก็ต

      สถานีวิทยุกระจายเสียงกรมอุตุนิยมวิทยา

             - กรุงเทพมหานคร          ความถี่  AM.1287  KHz       โทร. 0-2399-4015

             - จังหวัดนครราชสีมา     ความถี่  FM.94.25  MHz       โทร. 0-4425-5841

             - จังหวัดพิษณุโลก          ความถี่  FM.104.25 MHz      โทร. 0-5525-8585

             - จังหวัดระยอง               ความถี่  FM.105.25 MHz      โทร. 0-3865-5075-6

             - จังหวัดชุมพร                ความถี่  FM.94.25 MHz        โทร. 0-7751-1421

             - จังหวัดภูเก็ต                 ความถี่  FM.107.25 MHz       โทร. 0-7621-1494

                                                                        อุตุนิยมวิทยาที่ควรรู้

      ความกดอากาศต่ำ (Low Pressure Area)

             หมายถึง บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำเมื่อเทียบกับบริเวณใกล้เคียงในระดับเดียวกัน กับมีลมพัดเวียนเข้าหาศูนย์กลางคล้ายกับก้นหอยในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ ท้องฟ้ามีเมฆมาก ถ้าหากมีความกดอากาศต่ำมาก จะเป็นพายุดีเปรสชั่น และอาจพัฒนาขึ้นเป็นพายุโซนร้อน หรือพายุใต้ฝุ่น

      ความกดอากาศสูง (High Pressure Area)

             หมายถึง บริเวณที่มีความกดอากาศสูงกว่าบริเวณข้างเคียง ท้องฟ้าแจ่มใสและความหนาวเย็น กระแสลมจะพัดเวียนออกจากศูนย์กลางในทิศทางตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ อิทธิพลของความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว

      ร่องมรสุม (Monsoon Trough)

             มีลักษณะเป็นแนวทางพาดขวางทางทิศตะวันตก-ตะวันออก ในร่องมรสุมเป็นบริเวณความกดอากาศต่ำ มีกระแสอากาศไหลขึ้นลงสลับกัน ร่องมรสุมจะอยู่ในเขตร้อนใกล้ๆเส้นศูนย์สูตร โดยมีกระแสลมพัดจากบริเวณความกดอากาศสูงที่อยู่ทางซีกโลกเหนือ และซีกโลกใต้เข้าสู่ร่องนี้ มีการขึ้นลงตามแนวโคจรของดวงอาทิตย์ ความกว้างประมาณ 6-8 องศาละติจูด เป็นบริเวณที่มีเมฆมาก และฝนตกอย่างหนาแน่น

      พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone)

             หมายถึง พายุที่เกิดเหนือทะเลหรือมหาสมุทรในเขตร้อน ลักษณะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างตามแนวทางการเคลื่อนที่ของพายุ มีระบบการหมุนเวียนของลมเข้าหาศูนย์กลางของพายุในทิศทวนเข็มนาฬิกาสำหรับพายุในซีกโลกเหนือ และตามเข็มนาฬิกาสำหรับพายุในซีกโลกใต้ บริเวณศูนย์กลางของพายุจะมีความกดอากาศต่ำ มีลักษณะเป็นวงกลมอากาศ ในบริเวณนี้จะเป็นอากาศอุ่นและมีความชื้นสูง แหล่งพลังงานที่สำคัญของพายุหมุนเขตร้อนคือ ความร้อนและความชื้นจากมหาสมุทร พายุจะก่อตัวขึ้นเฉพาะเหนือทะเลและมหาสมุทรเท่านั้น แต่เมื่อก่อตัวขึ้นแล้วอาจจะเคลื่อนที่เข้าสู่แผ่นดินได้ อุณหภูมิน้ำทะเลที่เหมาะสมสำหรับการเกิดพายุหมุนเขตร้อนคือ ตั้งแต่ 27 องศาเซลเซียส ขึ้นไป แต่การที่จะเกิดพายุได้นั้นต้องมีปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย เช่น อุณหภูมิและความชื้นของบรรยากาศในระดับความสูงต่างๆ เป็นต้น

      การแบ่งกำลังของพายุตามความเร็วของลมใกล้ศูนย์กลาง

             1. พายุดีเปรสชั่น (Tropical Depression) มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางน้อยกว่า 34 นอต หรือ 63 กม/ชม.

             2. พายุโซนร้อน (Tropical Storm) เป็นพายุที่มีกำลังปานกลาง มีความเร็วลมสูงสุด ใกล้ศูนย์กลาง ระหว่าง 34-64 นอต หรือ 63-117 กม/ชม.

             3. พายุใต้ฝุ่น (Tyhoon) เป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุด มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ตั้งแต่ 65 นอต หรือ 118 กม/ชม. ขึ้นไป

      พายุฟ้าคะนอง (Thunder Storm)

             บางครั้งเรียกว่า พายุไฟฟ้า (Electrical Storm) โดยทั่วไปเป็นพายุที่เกิดเฉพาะท้องถิ่น เกิดจากเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) มีฟ้าแลบ (Lighting) กับ ฟ้าร้อง (Thunder) รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้มักจะมีลมกระโชกแรงและฝนตกหนักเกิดขึ้น บางครั้งยังมีลูกเห็บตกลงมาด้วย พายุฟ้าคะนองนี้เป็นพายุที่เกิดช่วงเวลาอันสั้น มีน้อยครั้งที่เกิดขึ้นนานกว่า 2 ชั่วโมง

       

      ฟ้าหลัว

            หมายถึง ลักษณะของอากาศที่ประกอบด้วยอนุภาคของเกลือจากทะเล หรือมหาสมุทร หรือของควันไฟ และละอองฝุ่นจำนวนมากมายล่องลอยอยู่ทั่วไป และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้มองเห็นอากาศเป็นฝ้าขาวในบรรยากาศ บริเวณที่ฟ้าหลัวเกิดขึ้นจะทำให้ทัศนวิสัยลดลงแม้ในอากาศดี ฟ้าหลัวธรรมดาจะทำให้ทัศนวิสัยลดลงไปถึง 2 ใน 3 ของทัศนวิสัยปกติ

      ลมพัดสอบ

            หมายถึง การเบียดตัวเข้าหากันของลม 2 ฝ่ายบริเวณใกล้พื้นโลก ทำให้อากาศบริเวณแนวเบียดตัวลอยขึ้นเบื้องบน ตามแนวนี้มักจะมีเมฆฝนเกิดขึ้น และในที่สุดก็จะตกลงมาเป็นฝน

      การพยากรณ์อากาศ

            การพยากรณ์อากาศ คือ การคาดหมายสภาวะอากาศของลมฟ้าอากาศ รวมทั้งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาข้างหน้า ตัวอย่างเช่น การคาดหมายลมฟ้าอากาศใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าจะมีลักษณะอย่างไร อาทิ จะมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองหรือไม่ ลมจะพัดทิศอะไร ด้วยความเร็วขนาดไหน เป็นต้น การพยากรณ์อากาศแบ่งได้ตามระยะเวลาของการคาดหมาย ดังนี้

           1. พยากรณ์อากาศระยะปัจจุบัน (Nowcast) พยากรณ์ในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง

           2. พยากรณ์อากาศระยะสั้นมาก (Very short-range Forecast) พยากรณ์ระหว่าง 3-12 ชั่วโมง

           3. พยากรณ์อากาศระยะสั้น (Short-range Forecast) พยากรณ์ระหว่าง 12-72 ชั่วโมง

           4. พยากรณ์อากาศระยะปานกลาง (Medium-range Forecast) พยากรณ์ระหว่าง 3-10 วัน

           5. พยากรณ์อากาศระยะนาน (Long-range Forecast) พยากรณ์ตั้งแต่ 10 วันขึ้นไป

           องค์ประกอบของการพยากรณ์อากาศ

           ในการที่จะพยากรณ์อากาศได้นั้นต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ

            1. การตรวจอากาศ

            2. การสื่อสารข้อมูลข่าวอากาศ

            3. การวิเคราะห์ลักษณะอากาศ

      1. การตรวจอากาศ

            การตรวจอากาศนั้น กระทำเพื่อให้ได้ทราบถึงสภาวะอากาศปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย การตรวจอากาศผิวพื้นและการเฝ้าระวัง การตรวจอากาศซั้นบน การตรวจอากาศทะเล การตรวจอากาศด้วยดาวเทียม การตรวจอากาศด้วยเรดาร์ และการตรวจอากาศด้วยเครื่องมือตรวจอากาศอัตโนมัติ

      2. การสื่อสารข้อมูลข่าวอากาศ

            การสื่อสารข้อมูลข่าวอากาศ เป็นการรับส่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจอากาศ และการสื่อสารข้อมูลนั้นนับว่ามีความสำคัญต่อการพยากรณ์อากาศเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีการตรวจอากาศ แต่ถ้าไม่มีระบบการสื่อสารข้อมูลแล้ว การพยากรณ์อากาศก็ไม่สามารถที่จะกระทำได้ ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาที่ตรวจวัดได้จากสถานีอุตุนิยมวิทยาในส่วนภูมิภาค จะส่งมายังส่วนกลางผ่านระบบโทรคมนาคมอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลและข่าวสารเหล่านี้ จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์ และการพยากรณ์อากาศต่อไป อย่างไรก็ตามข้อมูลอุตุนิยมวิทยาในประเทศนั้นไม่เพียงพอที่จะใช้ในการพยากรณ์อากาศได้ เพราะระบบลมฟ้าอากาศนอกประเทศมีส่วนอย่างมากต่อสภาวะอากาศในประเทศไทยด้วย จึงต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับต่างประเทศ โดยผ่านทางระบบโทรคมนาคมรอบโลก (Global Telecommunication System – GTS) ซึ่งประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางการสื่อสารของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

      3. การวิเคราะห์ลักษณะอากาศ

                สามารถแบ่งขั้นตอนเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้

                ขั้นตอนที่ 1

                การบันทึกผลการตรวจอากาศที่ได้รับทั้งหมดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลงบนแผนที่หรือแผนภูมิทางอุตุนิยมวิทยาชนิดต่างๆ เช่น แผนที่อากาศผิวพื้น แผนที่อากาศชั้นบน แผนภูมิการหยั่งอากาศชั้นบนด้วยสัญลักษณ์มาตรฐานทางอุตุนิยมวิทยา

                ขั้นตอนที่ 2

                การวิเคราะห์ผลการตรวจอากาศที่ได้รับจากขั้นตอนแรก โดยการลากเส้นแสดงค่าองค์ประกอบทางอุตุนิยมวิทยา เช่น เส้นความกดอากาศเท่าที่ระดับน้ำทะเลเฉลี่ย เพื่อแสดงตำแหน่งและความรุนแรงของระบบลมฟ้าอากาศ เส้นทิศทาง และความเร็วลมในระดับความสูงต่างๆ เพื่อแสดงลักษณะอากาศในระดับบน และเส้นแสดงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิตามความสูง เพื่อแสดงเสถียรภาพของบรรยากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดเมฆและฝน

                ขั้นตอนที่ 3

                การคาดหมายการเปลี่ยนแปลง และการเคลื่อนที่ของตัวระบบลมฟ้าอากาศที่วิเคราะห์ได้ในขั้นตอนที่ 2 โดยใช้วิธีการพยากรณ์อากาศแบบต่างๆ

                ขั้นตอนที่ 4

                การออกคำพยากรณ์ ณ ช่วงเวลาและบริเวณที่ต้องการ โดยพิจารณาจากตำแหน่งและความรุนแรงของระบบลมฟ้าอากาศที่ได้ดำเนินการไว้แล้วในขั้นตอนที่ 3

                ขั้นตอนที่ 5

                การส่งคำพยากรณ์อากาศไปยังสื่อมวลชน เพื่อเผยแพร่ต่อไปสู่ประชาชนและส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไปตามความเหมาะสม เช่น การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติที่เกิดจากลมฟ้าอากาศ

      เกณฑ์ที่ใช้ในการพยากรณ์อากาศ

                จำนวนน้ำฝนที่ตกรวมระยะเวลา 24 ชั่วโมง

                ฝนตกวัดจำนวนไม่ได้              ปริมาณน้อยกว่า 0.1 มิลิเมตร

                ฝนตกเล็กน้อย                           ปริมาณ 0.1-10.0 มิลลิเมตร

                ฝนตกปานกลาง                        ปริมาณตั้งแต่ 10.1-35.0 มิลลิเมตร

                ฝนตกหนัก                                 ปริมาณตั้งแต่ 35.1-90.0 มิลิเมตร

                ฝนตกหนักมาก                         ปริมาณตั้งแต่ 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไป

                พยากรณ์อากาศบริเวณที่มีฝนตก

                ฝนบางแห่ง                               มีฝนไม่เกิน 20 % ของพื้นที่

                ฝนเป็นแห่งๆ                            มีฝนเกิน 20 % แต่ไม่เกิน 40 % ของพื้นที่

                ฝนกระจาย                                มีฝนเกิน 40 % แต่ไม่เกิน 60 %ของพื้นที่

                ฝนเกือบทั่วไป                          มีฝนเกิน 60 % ของพื้นที่ แต่ไม่เกิน 80 % ของพื้นที่

                ฝนทั่วไป                                   มีฝนเกิน 80 % ของพื้นที่

                ฝนเป็นบริเวณกว้าง                มีฝนอยู่ในขอบเขตของพายุ

       

                เกณฑ์อุณหภูมิของอากาศ

                อากาศร้อน                               มีอุณหภูมิตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียส แต่ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส

                อากาศร้อนจัด                          มีอุณหภูมิตั้งแต่ 40 องศาเซลเซียส ขึ้นไป

                อากาศเย็น                                มีอุณหภูมิน้อยกว่า 23 องศาเซลเซียส ลงไปถึง 16 องศาเซลเซียส

                อากาศหนาว                            มีอุณหภูมิน้อยกว่า 16 องศาเซลเซียส ลงไปถึง 8 องศาเซลเซียส

                อากาศหนาวจัด                       มีอุณหภูมิน้อยกว่า 8 องศาเซลเซียส ลงไป

                ท้องฟ้าและเมฆ

                ท้องฟ้าแจ่มใส (Fine)                               ไม่มีเมฆ/น้อยกว่า 1 ส่วน

                ท้องฟ้าโปร่ง (Fair)                                   จำนวนเมฆ ตั้งแต่ 1-3 ส่วน

                เมฆบางส่วน (Partly cloudy)                  จำนวนเมฆ ระหว่าง 3-5 ส่วน

                เมฆเป็นส่วนมาก (Cloudy)                     จำนวนเมฆ ระหว่าง 5-8 ส่วน

                เมฆมาก (Very Cloudy)                           จำนวนเมฆ ระหว่าง 8-9 ส่วน

                เมฆเต็มท้องฟ้า (Overcast)                      จำนวนเมฆ                10 ส่วน

                หมายเหตุ คำว่า ส่วน หมายถึง 1/10 ของท้องฟ้า

                ลักษณะทะเล

                ทะเลเรียบ (Smooth)                                                               คลื่นสูง   ไม่เกิน   0.50 เมตร

                ทะเลมีคลื่นเล็กน้อย (Slight)                                                  คลื่นสูง    ตั้งแต่   0.50-1.25 เมตร

                ทะเลมีคลื่นปานกลาง (Moderate)                                        คลื่นสูง    ตั้งแต่   1.25-2.50  เมตร

                ทะเลมีคลื่นจัด (Rough)                                                           คลื่นสูง    ตั้งแต่   2.50-4.00  เมตร

                ทะเลมีคลื่นจัดมาก (Very rough)                                           คลื่นสูง    ตั้งแต่   4.00-6.00  เมตร

                ทะเลมีคลื่นใหญ่  (High)                                                          คลื่นสูง    ตั้งแต่   6.00-9.00  เมตร

                ทะเลมีคลื่นใหญ่มาก (Very high)                                           คลื่นสูง    ตั้งแต่   9.00-14.00 เมตร

                ทะเลมีคลื่นใหญ่และจัดมาก (ทะเลบ้า)  (Phenomenal)      คลื่นสูง   เกินกว่า  14.00 เมตร

      1

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×