ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ห่วงนะ
,kห่วงนะ
    เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง ไมโอล่าก้าวออกมาจากเต็นท์ล่องหน ที่เธอเป็นคนเสก เพื่อทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างปลอดภัย แต่เธอก็พบว่าเธอไม่ใช่คนแรกที่ตื่น แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างเช้า แต่ชายผมสีน้ำเงินเข้มนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว ไคตะนั่นเอง เขานั่งหันหลังอยู่ เธอเดินเข้าไปใกล้ เพื่อจะทักทายเขาเล็กน้อย “สะ...”  “อรุณสวัสดิ์ ไม”  ไคตะพูดขึ้นโดยไม่ได้หันหน้ามามองด้วยซ้ำ ไมยังอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ทำท่าจะพูดต่อ แต่โดนไคตะทักซะก่อน เธอจึงเดินไปนั่งข้างๆเขา    “เธอว่า ฟีเนล่า เขาโกรธอะไรฉันรึเปล่า เขาไม่พูดกับฉันตรงๆเลย” ไคตะพูดขึ้น แต่ก็ยังนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น  “อย่างนาย จะไปทำอะไรให้เขาโกรธเล่า” ไมพูดโดยไม่มองหน้าไคตะเช่นกัน “ก็...อาจมีบ้าง”    “ก่อนหน้านี้ นายเคยไปทักทายเขาหรือไง”    “ก็ทำนองนั้น” ไคตะพูดขึ้นพลางก้มหน้า    “ขอโทษนะ”  “ขอโทษ?”    ไมหันไปมองหน้าไคตะ เพราะสงสัยว่า ขอโทษเธอ เรื่องอะไร    “ก็ ขอโทษ ที่ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย”    “เรื่องนั้น ฉันไม่สนใจหรอก” 
ไมหันหน้ากลัก แต่ไคตะกลับหันหน้ามาหาเธอ เพราะ เสียงของเธอ สั่นคลอน อย่างชัดเจน แล้วก็พบว่า    “เธอร้องไห้” ไคตะพูดด้วยสีหน้าฉงนเล็กน้อย ไมรีบเช็ดน้ำตา แต่ก็ยังเหลือคราบน้ำตาอยู่ดี    ไมลุกขึ้น “ คนบ้า !” ไมพูดเสียงดังกว่าเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับปลุกคนที่เหลือตื่น  “รู้ไหม ว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน” ไมกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไคตะรีบลุกขึ้น ไมทำท่าจะพูดต่อ แต่ “น...” เขาโผเข้ากอดเธอไว้ ทำเอาไมโอล่าถึงกับชะงัก และงงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีท่าทีจะขัดขืน หรือทำอะไร “ฉันรู้ ว่าเธอห่วงฉัน เพราะเธอแทบไม่เคยเสียน้ำตาให้แก่ใคร” ไคตะพูด และยังกอดไมอยู่อย่างนั้น “เธอจะร้องก็ได้ ฉันไม่เห็นหรอกนะ ปล่อยมันออกมาเถอะ ไม่มีใครเห็นทั้งนั้น ขืนเธอเก็บมันไว้มากกว่านี้ มันอาจมีผลต่อความเข้มแข็งของเธอนะ เธอจะยังคงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของพวกเราทุกคน และอย่างน้อย ฉันก็รู้ว่าเธอเป็นห่วง มีความรู้สึก และเป็นหญิงมากกว่าที่ทุกคนคิดไว้  ยังไง เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และมีจิตใจเหมือนกัน ตอนนี้ คิดว่า เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นนะ”
    เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ไมเริ่มหยุดร้องไห้แล้ว เธอยังสะอื้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่เหลือร่องรอยว่าร้องไห้ไว้ให้เห็นเลย ไคตะยังยืนกอดเธออยู่อย่างนั้น  “หะ...!?” นอดอลพึ่งก้าวออกมาจากเต็นท์ กำลังจะบิดขี้เกียจซักหน่อย แล้วเขาก็ต้องหยุดค้าง เพราะทึ่งกับภาพตรงหน้า ... ฟับ!... เงาหนึ่ง กระโดดดึงนอดอลไปอย่างรวดเร็ว จนเขาไม่ทันตั้งตัว 
ไมกับไคตะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
    ยังไม่ทันที่นอดอลจะได้ร้อง เงาๆนั้นก็พาเขามาหยุดอยู่ที่กิ่งต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใกล้ๆเต้นท์ล่องหน  ผู้ชายในชุดขาวคนหนึ่ง นั่งยองๆอยู่หน้าเขา แล้วเขาก็พบว่า เงาที่พาเขามา คือ “ที.......!..”  “ชูวส์” ชายคนนั้นส่งสัญญาณให้เขาพูดเบาๆ เขามองไปทางไคตะกับไม และพบว่าทั้งคู่ยังยืนกอดกันอยู่ โดยไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น “เฮ้อ...”เขาถอนหายใจเบาๆ  “นายคิดจะทำอะไรของนาย  ทีเมริ” นอดอลพูดเบาๆ เหมือนกระซิบ พวกเขาไม่รู้เลยว่า กิ่งไม้ที่พวกเขาอยู่ เริ่มหักแล้ว  “แล้วนายเห็นฉันทำอะไรเล่า” ทีเมริพูดเบาๆตอบ ด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง “เฮ้ย!” “ชูวส์”  “น.......”      โครม!! 
    ไคตะกับไมโอล่ารีบดีดตัวออกจากกันทันที พวกเขารีบวิ่งไปที่ต้นกำเนิดเสียง มีย่าออกมาจากเต็นท์ วิ่งตามหลังไป
    “โอ๊ย!” นอดอลร้องเสียงหลง พลางลูบก้นตัวเอง  ปัก! โครม! กิ่งไม้ขนาดใหญ่เอาการ หล่นลงที่นอดอลพอดี หลังจากกิ่งไม้ที่พวกเขาอยู่ตกลงมา  พวกไมวิ่งมาทันเห็นเหตุการณ์พอดี  “เฮอะๆๆ” ทีเมริตั้งใจทำปากเบี้ยว หัวเราะนอดอล “ฮึๆๆๆๆ”มีย่า กับไม หัวเราะ มีย่าใช้มือข้างหนึ่งกุมท้อง อีกมือชี้มาที่พวกเขา ส่วนไม ใช้มือข้างหนึ่งปิดปาก เล็กน้อย “หมดกัน คุณชายทีเมริ ผู้กล่าวขาน” มีย่าพูดทั้งหัวเราะ “กับท่านลอร์ดนอดอลผู้เก่งกล้า”ไมพูดต่อด้วยท่าทีเช่นเดียวกันกับมีย่า “กลายเป็นผู้ซุ่มซ่าม กับผู้เซ่อซ่าไปได้” ไคตะพูดต่อประโยคของทั้งคู่ ทำเอาทั้งคู่หัวเราะจนท้องแข็ง แล้วหันหลังเดินกลับเต็นท์ แม้แต่ฟีเนล่าที่อยู่หลังทุกคนยังยิ้มน้อยๆ ไคตะก็ยิ้มที่มุมปาก พลางรักษามาดตัวเองให้มากที่สุด
    “อ๊าก!  เบาๆหน่อยสิ” ทีเมริร้อง ขณะที่ไคตะดึงเขาขึ้นมา ท่าทางเขาก็เจ็บเหมือนกัน นอดอลรีบลุกขึ้นก่อนที่จะมีใครมาพยุงเขา แต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามา ทำท่าจะช่วยเขาเลย “เป็นอะไรมากหรือเปล่า พี่...เอ้ย นอดอล” ไคตะถามนอดอล “นึกว่าจะไม่ถามแล้ว เออ ไม่ต้องมาประชดอายุหรอก แค่สี่เดือนเอง” นอดอลลูบๆปัดๆก้นกับหัวของตนเอง แล้วเดินตามมีย่ากับไมไป ตามไปด้วยทีเมริ “ท่าทาง เขาจะอิจฉานาย” ฟีเนล่าพูดขึ้น ทำเอาไคตะถึงกับตะลึง “เธอพูดกับฉันหรอ “ไคตะพูดงงๆ ฟีเนล่าสะดุ้ง! รีบ เอามือปิดปาก  “เป็นอะไรของเขา” ไคตะพึมพำพลางเดินตามหลังฟีเนล่า
    เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง ไมโอล่าก้าวออกมาจากเต็นท์ล่องหน ที่เธอเป็นคนเสก เพื่อทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างปลอดภัย แต่เธอก็พบว่าเธอไม่ใช่คนแรกที่ตื่น แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างเช้า แต่ชายผมสีน้ำเงินเข้มนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว ไคตะนั่นเอง เขานั่งหันหลังอยู่ เธอเดินเข้าไปใกล้ เพื่อจะทักทายเขาเล็กน้อย “สะ...”  “อรุณสวัสดิ์ ไม”  ไคตะพูดขึ้นโดยไม่ได้หันหน้ามามองด้วยซ้ำ ไมยังอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ทำท่าจะพูดต่อ แต่โดนไคตะทักซะก่อน เธอจึงเดินไปนั่งข้างๆเขา    “เธอว่า ฟีเนล่า เขาโกรธอะไรฉันรึเปล่า เขาไม่พูดกับฉันตรงๆเลย” ไคตะพูดขึ้น แต่ก็ยังนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น  “อย่างนาย จะไปทำอะไรให้เขาโกรธเล่า” ไมพูดโดยไม่มองหน้าไคตะเช่นกัน “ก็...อาจมีบ้าง”    “ก่อนหน้านี้ นายเคยไปทักทายเขาหรือไง”    “ก็ทำนองนั้น” ไคตะพูดขึ้นพลางก้มหน้า    “ขอโทษนะ”  “ขอโทษ?”    ไมหันไปมองหน้าไคตะ เพราะสงสัยว่า ขอโทษเธอ เรื่องอะไร    “ก็ ขอโทษ ที่ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย”    “เรื่องนั้น ฉันไม่สนใจหรอก” 
ไมหันหน้ากลัก แต่ไคตะกลับหันหน้ามาหาเธอ เพราะ เสียงของเธอ สั่นคลอน อย่างชัดเจน แล้วก็พบว่า    “เธอร้องไห้” ไคตะพูดด้วยสีหน้าฉงนเล็กน้อย ไมรีบเช็ดน้ำตา แต่ก็ยังเหลือคราบน้ำตาอยู่ดี    ไมลุกขึ้น “ คนบ้า !” ไมพูดเสียงดังกว่าเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับปลุกคนที่เหลือตื่น  “รู้ไหม ว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน” ไมกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไคตะรีบลุกขึ้น ไมทำท่าจะพูดต่อ แต่ “น...” เขาโผเข้ากอดเธอไว้ ทำเอาไมโอล่าถึงกับชะงัก และงงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีท่าทีจะขัดขืน หรือทำอะไร “ฉันรู้ ว่าเธอห่วงฉัน เพราะเธอแทบไม่เคยเสียน้ำตาให้แก่ใคร” ไคตะพูด และยังกอดไมอยู่อย่างนั้น “เธอจะร้องก็ได้ ฉันไม่เห็นหรอกนะ ปล่อยมันออกมาเถอะ ไม่มีใครเห็นทั้งนั้น ขืนเธอเก็บมันไว้มากกว่านี้ มันอาจมีผลต่อความเข้มแข็งของเธอนะ เธอจะยังคงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของพวกเราทุกคน และอย่างน้อย ฉันก็รู้ว่าเธอเป็นห่วง มีความรู้สึก และเป็นหญิงมากกว่าที่ทุกคนคิดไว้  ยังไง เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และมีจิตใจเหมือนกัน ตอนนี้ คิดว่า เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นนะ”
    เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ไมเริ่มหยุดร้องไห้แล้ว เธอยังสะอื้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่เหลือร่องรอยว่าร้องไห้ไว้ให้เห็นเลย ไคตะยังยืนกอดเธออยู่อย่างนั้น  “หะ...!?” นอดอลพึ่งก้าวออกมาจากเต็นท์ กำลังจะบิดขี้เกียจซักหน่อย แล้วเขาก็ต้องหยุดค้าง เพราะทึ่งกับภาพตรงหน้า ... ฟับ!... เงาหนึ่ง กระโดดดึงนอดอลไปอย่างรวดเร็ว จนเขาไม่ทันตั้งตัว 
ไมกับไคตะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
    ยังไม่ทันที่นอดอลจะได้ร้อง เงาๆนั้นก็พาเขามาหยุดอยู่ที่กิ่งต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใกล้ๆเต้นท์ล่องหน  ผู้ชายในชุดขาวคนหนึ่ง นั่งยองๆอยู่หน้าเขา แล้วเขาก็พบว่า เงาที่พาเขามา คือ “ที.......!..”  “ชูวส์” ชายคนนั้นส่งสัญญาณให้เขาพูดเบาๆ เขามองไปทางไคตะกับไม และพบว่าทั้งคู่ยังยืนกอดกันอยู่ โดยไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น “เฮ้อ...”เขาถอนหายใจเบาๆ  “นายคิดจะทำอะไรของนาย  ทีเมริ” นอดอลพูดเบาๆ เหมือนกระซิบ พวกเขาไม่รู้เลยว่า กิ่งไม้ที่พวกเขาอยู่ เริ่มหักแล้ว  “แล้วนายเห็นฉันทำอะไรเล่า” ทีเมริพูดเบาๆตอบ ด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง “เฮ้ย!” “ชูวส์”  “น.......”      โครม!! 
    ไคตะกับไมโอล่ารีบดีดตัวออกจากกันทันที พวกเขารีบวิ่งไปที่ต้นกำเนิดเสียง มีย่าออกมาจากเต็นท์ วิ่งตามหลังไป
    “โอ๊ย!” นอดอลร้องเสียงหลง พลางลูบก้นตัวเอง  ปัก! โครม! กิ่งไม้ขนาดใหญ่เอาการ หล่นลงที่นอดอลพอดี หลังจากกิ่งไม้ที่พวกเขาอยู่ตกลงมา  พวกไมวิ่งมาทันเห็นเหตุการณ์พอดี  “เฮอะๆๆ” ทีเมริตั้งใจทำปากเบี้ยว หัวเราะนอดอล “ฮึๆๆๆๆ”มีย่า กับไม หัวเราะ มีย่าใช้มือข้างหนึ่งกุมท้อง อีกมือชี้มาที่พวกเขา ส่วนไม ใช้มือข้างหนึ่งปิดปาก เล็กน้อย “หมดกัน คุณชายทีเมริ ผู้กล่าวขาน” มีย่าพูดทั้งหัวเราะ “กับท่านลอร์ดนอดอลผู้เก่งกล้า”ไมพูดต่อด้วยท่าทีเช่นเดียวกันกับมีย่า “กลายเป็นผู้ซุ่มซ่าม กับผู้เซ่อซ่าไปได้” ไคตะพูดต่อประโยคของทั้งคู่ ทำเอาทั้งคู่หัวเราะจนท้องแข็ง แล้วหันหลังเดินกลับเต็นท์ แม้แต่ฟีเนล่าที่อยู่หลังทุกคนยังยิ้มน้อยๆ ไคตะก็ยิ้มที่มุมปาก พลางรักษามาดตัวเองให้มากที่สุด
    “อ๊าก!  เบาๆหน่อยสิ” ทีเมริร้อง ขณะที่ไคตะดึงเขาขึ้นมา ท่าทางเขาก็เจ็บเหมือนกัน นอดอลรีบลุกขึ้นก่อนที่จะมีใครมาพยุงเขา แต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามา ทำท่าจะช่วยเขาเลย “เป็นอะไรมากหรือเปล่า พี่...เอ้ย นอดอล” ไคตะถามนอดอล “นึกว่าจะไม่ถามแล้ว เออ ไม่ต้องมาประชดอายุหรอก แค่สี่เดือนเอง” นอดอลลูบๆปัดๆก้นกับหัวของตนเอง แล้วเดินตามมีย่ากับไมไป ตามไปด้วยทีเมริ “ท่าทาง เขาจะอิจฉานาย” ฟีเนล่าพูดขึ้น ทำเอาไคตะถึงกับตะลึง “เธอพูดกับฉันหรอ “ไคตะพูดงงๆ ฟีเนล่าสะดุ้ง! รีบ เอามือปิดปาก  “เป็นอะไรของเขา” ไคตะพึมพำพลางเดินตามหลังฟีเนล่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น