ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ความเป็นไปได้ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
,kความเป็นไปได้ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
    ที่โขดหิน ริมแม่น้ำ “อะไรกัน! เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”  มีย่าพูดเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย” “อืม”มีย่าเสริมคำพูดของไม “ไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังเลย ว่านายมีลูกพี่ลูกน้องเป็นนักดาบเวทย์”มีย่าถามด้วยความสงสัยและตกตะลึง “เออ จริงสิ ฉันสงสัยตั้งแต่เจอกันแล้ว ว่าทำไมเธอต้องทำท่าตะลึง ขนาดนั้นด้วย เป็นนักดาบเวทย์ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่น่า”ไมโอล่าถามปัญหาที่ค้างคาใจมานานกับมีย่า “ไม่รู้เลยเหรอ ว่ามีข่าวว่า ในป่านี้นะ ยังเหลือผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ออกมาจากป่าซักที ชาวบ้านหลายคนก็สงสัยว่าตายแล้ว แต่พวกเขามักจะได้ยินเสียปีศาจร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าโดนแทงหรือฟันด้วยดาบอยู่บ่อยๆ และเพราะชายหนุ่มคนนั้นเป็นนักดาบเวทย์เพียงคนเดียวที่อยู่ในป่า ชาวบ้านจึงมั่นใจว่าเขายังไม่ตายนะสิ เข้าใจยัง”มีย่าอธิบายด้วยความรอบรู้ของเธอ “จริงสิ เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนี่นา ใช่เปล่าไม”  “เออ ใช่ จริงด้วย นี่ คุณลอร์ดนอดอล ใจคอไม่คิดจะแนะนำน้องชายสุดที่รักเลยหรอ”      “ไม่จำเป็นหรอกครับ คุณไมโอล่า เรารู้จักกันแล้ว”นักดาบเวทย์พูดประโยคแรกของเขาออกมา “หมายความว่ายังไงค่ะ  ฉันเคยรู้จักคุณมาก่อนหรอค่ะ”ไมโอล่าพูดด้วยท่าทางสงสัยเช่นเดิม ชายคนนั้นยิ้มด้วยท่าทางเรียบๆและอ่อนโยน แฝงด้วยความเข้าใจ อย่างน่าแปลก ไมโอล่ารู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้น มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เหมือนกับว่าเคยเห็นมาก่อน แต่นานมาแล้ว “ผมชื่อ...ไคตะ กาล”          “คะๆๆไคตะ กาล”ไมโอล่าพูดด้วยความตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้หรอก จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อ...”  “ในเมื่อผมโดนฆ่าไปแล้ว ใช่ไหม”    “เออ คือ...”
“ไมโอล่า เธอก็ไม่เคยบอกเหมือนกันนะว่ารู้จักน้องชายฉัน”นอดอลย้อน “เออ คือ...” 
“เออ คือ ๆอยู่นั้นแหละ”นอดอลย้อนอีก ไมโอล่าจึงยิ้มหยอกๆ “ปกติเธอไม่เป็นแบบนี้นี่ ไม”นอดอลพูดอีกครั้ง “เออ ๆ”ไมตัดสินใจเล่าให้ฟัง
    “ว่าไงนะ! แฟนเก่างั้นเหรอ”ทีเมริพูดขึ้น เสียงดัง  “บอกว่าไม่ใช่ๆไง เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เข้าใจไหม”ไมแย้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ใจเย็นครับ ใจเย็น แค่หยอกนิด หยอกหน่อยเอง อย่าคิดมากสิครับ” ทีเมริยิ้มหน้าระรื่น แกมหยอก ไคตะก็หัวเราะ “นายหัวเราะอะไรมิทราบ”ไมถาม “ก็ขนาดคนที่นี่ ก็ยังคิดว่าพวกเราเป็นแฟนกันเลย”พูดจบแล้วไคตะก็ยิ้ม ไมโอล่าหันกลับมามองพื้นหน้าเศร้า “แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีข่าวคราวของนายอีกเลย” ไมพูดเบาๆ ไคตะตบบ่าไมเบาๆ “ถ้าฉันติดต่อได้ ก็ต้องมีข่าวสิ
”ไคตะพูดแล้วยิ้มอีก ไมก็ยิ้มตอบเช่นกัน ขณะเดียวกัน นอดอลก็หน้าบึ้ง “แล้วทำไมถึงติดต่อกันไม่ได้หละ” ทีเมริสะกดความสงสัยไว้ไม่ได้ จึงถามต่อไป “ไคตะย้ายไปอายก้อนหนะ”(เป็นชื่อเมือง) “ฮือๆๆ ฮือๆๆ”เสียงร้องไห้ดังขึ้น “เอ๋”มีย่าอุทาน “เธอเข้าใจไม่ผิดหรอก มันมาแล้ว”ไคตะพูดขึ้น มีย่ามองไคตะ  “ครึก ฮือ”  เสียงฝีเท้าด้วขึ้นเรื่อย และใกล้เข้ามามากขึ้น เร็วขึ้น เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีใครสนใจสิ่งที่มีย่าและไคตะหมายถึงเลย แม้แต่ไมโอล่าเองก็ไม่คิดจะมาสงสัยเอาตอนนี้ ถึงแม้เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหมายถึงอะไรกัน
    ทุกคนจับจ้องอยู่ที่ๆเดียว ที่ๆคาดว่าเป็นต้นกำเนิดของเสียง ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันยังดังต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดจบ และแล้ว “กรีดดดดดดดดดดดด”มีย่ากรีดออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ ไมโอล่าสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน เธอคงไม่รู้ตัวเลยว่าเธออ้าปากค้างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คงมีแต่ไคตะเท่านั้น ที่สีหน้านิ่งเฉย แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและจดจ่อ น้ำสีใสๆเริ่มไหลนองมาที่พวกเขา นาทีต่อมาทุกคนได้สติ แต่น้ำนั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทุกคน(เกือบทุกคน)ตกตะลึง คนๆหนึ่ง ก้าวออกมาจากป่าที่มีแต่ต้นไม้ แต่... เขาเหมือนไม่ใช่ เหมือน ไม่ใช่คน เขามีสองขา แต่ขานั้นใหญ่โตอย่างคาดไม่ถึง ลำตัวกว้างเป็นทรงกระบอก แขนดูแข็งแรง และดำราวกับฆ้อน  แต่สิ่งๆหนึ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นมนุษย์ คือ ใบหน้า ใบหน้าที่สมประกอบทุกอย่าง ผมสีดำส่องเงา เป็นประกาย ผิวขาวและเนียนอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาสีฟ้าส่องเป็นประกาย และข้อสำคัญ ดวงตาคู่นั้นกำลังร้องไห้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ยิ่งสร้างความแปลกใจให้ทุกคน  “ผ.ผ.ผู้...หญิง”ไมเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองอย่างที่สุด แม้แต่ไคตะเองยังต้องยอมจำนนให้ความแปลกใจอย่างคาดไม่ถึง“ปะ...เป็น...ไป...ไม่ได้”
    ที่โขดหิน ริมแม่น้ำ “อะไรกัน! เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”  มีย่าพูดเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย” “อืม”มีย่าเสริมคำพูดของไม “ไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังเลย ว่านายมีลูกพี่ลูกน้องเป็นนักดาบเวทย์”มีย่าถามด้วยความสงสัยและตกตะลึง “เออ จริงสิ ฉันสงสัยตั้งแต่เจอกันแล้ว ว่าทำไมเธอต้องทำท่าตะลึง ขนาดนั้นด้วย เป็นนักดาบเวทย์ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่น่า”ไมโอล่าถามปัญหาที่ค้างคาใจมานานกับมีย่า “ไม่รู้เลยเหรอ ว่ามีข่าวว่า ในป่านี้นะ ยังเหลือผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ออกมาจากป่าซักที ชาวบ้านหลายคนก็สงสัยว่าตายแล้ว แต่พวกเขามักจะได้ยินเสียปีศาจร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าโดนแทงหรือฟันด้วยดาบอยู่บ่อยๆ และเพราะชายหนุ่มคนนั้นเป็นนักดาบเวทย์เพียงคนเดียวที่อยู่ในป่า ชาวบ้านจึงมั่นใจว่าเขายังไม่ตายนะสิ เข้าใจยัง”มีย่าอธิบายด้วยความรอบรู้ของเธอ “จริงสิ เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนี่นา ใช่เปล่าไม”  “เออ ใช่ จริงด้วย นี่ คุณลอร์ดนอดอล ใจคอไม่คิดจะแนะนำน้องชายสุดที่รักเลยหรอ”      “ไม่จำเป็นหรอกครับ คุณไมโอล่า เรารู้จักกันแล้ว”นักดาบเวทย์พูดประโยคแรกของเขาออกมา “หมายความว่ายังไงค่ะ  ฉันเคยรู้จักคุณมาก่อนหรอค่ะ”ไมโอล่าพูดด้วยท่าทางสงสัยเช่นเดิม ชายคนนั้นยิ้มด้วยท่าทางเรียบๆและอ่อนโยน แฝงด้วยความเข้าใจ อย่างน่าแปลก ไมโอล่ารู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้น มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เหมือนกับว่าเคยเห็นมาก่อน แต่นานมาแล้ว “ผมชื่อ...ไคตะ กาล”          “คะๆๆไคตะ กาล”ไมโอล่าพูดด้วยความตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้หรอก จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อ...”  “ในเมื่อผมโดนฆ่าไปแล้ว ใช่ไหม”    “เออ คือ...”
“ไมโอล่า เธอก็ไม่เคยบอกเหมือนกันนะว่ารู้จักน้องชายฉัน”นอดอลย้อน “เออ คือ...” 
“เออ คือ ๆอยู่นั้นแหละ”นอดอลย้อนอีก ไมโอล่าจึงยิ้มหยอกๆ “ปกติเธอไม่เป็นแบบนี้นี่ ไม”นอดอลพูดอีกครั้ง “เออ ๆ”ไมตัดสินใจเล่าให้ฟัง
    “ว่าไงนะ! แฟนเก่างั้นเหรอ”ทีเมริพูดขึ้น เสียงดัง  “บอกว่าไม่ใช่ๆไง เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เข้าใจไหม”ไมแย้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ใจเย็นครับ ใจเย็น แค่หยอกนิด หยอกหน่อยเอง อย่าคิดมากสิครับ” ทีเมริยิ้มหน้าระรื่น แกมหยอก ไคตะก็หัวเราะ “นายหัวเราะอะไรมิทราบ”ไมถาม “ก็ขนาดคนที่นี่ ก็ยังคิดว่าพวกเราเป็นแฟนกันเลย”พูดจบแล้วไคตะก็ยิ้ม ไมโอล่าหันกลับมามองพื้นหน้าเศร้า “แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีข่าวคราวของนายอีกเลย” ไมพูดเบาๆ ไคตะตบบ่าไมเบาๆ “ถ้าฉันติดต่อได้ ก็ต้องมีข่าวสิ
”ไคตะพูดแล้วยิ้มอีก ไมก็ยิ้มตอบเช่นกัน ขณะเดียวกัน นอดอลก็หน้าบึ้ง “แล้วทำไมถึงติดต่อกันไม่ได้หละ” ทีเมริสะกดความสงสัยไว้ไม่ได้ จึงถามต่อไป “ไคตะย้ายไปอายก้อนหนะ”(เป็นชื่อเมือง) “ฮือๆๆ ฮือๆๆ”เสียงร้องไห้ดังขึ้น “เอ๋”มีย่าอุทาน “เธอเข้าใจไม่ผิดหรอก มันมาแล้ว”ไคตะพูดขึ้น มีย่ามองไคตะ  “ครึก ฮือ”  เสียงฝีเท้าด้วขึ้นเรื่อย และใกล้เข้ามามากขึ้น เร็วขึ้น เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีใครสนใจสิ่งที่มีย่าและไคตะหมายถึงเลย แม้แต่ไมโอล่าเองก็ไม่คิดจะมาสงสัยเอาตอนนี้ ถึงแม้เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหมายถึงอะไรกัน
    ทุกคนจับจ้องอยู่ที่ๆเดียว ที่ๆคาดว่าเป็นต้นกำเนิดของเสียง ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันยังดังต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดจบ และแล้ว “กรีดดดดดดดดดดดด”มีย่ากรีดออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ ไมโอล่าสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน เธอคงไม่รู้ตัวเลยว่าเธออ้าปากค้างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คงมีแต่ไคตะเท่านั้น ที่สีหน้านิ่งเฉย แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและจดจ่อ น้ำสีใสๆเริ่มไหลนองมาที่พวกเขา นาทีต่อมาทุกคนได้สติ แต่น้ำนั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทุกคน(เกือบทุกคน)ตกตะลึง คนๆหนึ่ง ก้าวออกมาจากป่าที่มีแต่ต้นไม้ แต่... เขาเหมือนไม่ใช่ เหมือน ไม่ใช่คน เขามีสองขา แต่ขานั้นใหญ่โตอย่างคาดไม่ถึง ลำตัวกว้างเป็นทรงกระบอก แขนดูแข็งแรง และดำราวกับฆ้อน  แต่สิ่งๆหนึ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นมนุษย์ คือ ใบหน้า ใบหน้าที่สมประกอบทุกอย่าง ผมสีดำส่องเงา เป็นประกาย ผิวขาวและเนียนอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาสีฟ้าส่องเป็นประกาย และข้อสำคัญ ดวงตาคู่นั้นกำลังร้องไห้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ยิ่งสร้างความแปลกใจให้ทุกคน  “ผ.ผ.ผู้...หญิง”ไมเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองอย่างที่สุด แม้แต่ไคตะเองยังต้องยอมจำนนให้ความแปลกใจอย่างคาดไม่ถึง“ปะ...เป็น...ไป...ไม่ได้”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น