ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ปราสาทล่องหน
,kปราสาทล่องหน
    แหวนโมนีล่าเป็นแหวนประจำตระกูลของโมนีล่าก็ว่าได้ จะสืบทอดกันต่อมาเรื่อยๆ โดยมีข้อแม้ว่า ผู้ครอบครองจะต้องเหมาะสม และผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น เกณฑ์และความเหมาะสมที่ว่า ก็คือมีสติปัญญาดี ซึ่งหมายรวมถึง ความมีสมาธิด้วย แหวนนี้เป็นแหวนศักดิ์สิทธิ์ เวทย์แสง ที่มีลัการะเฉพาะอีกประการคือ ต้องเป้นคนที่ไม่วุ่มว่าม และผ่านเกณฑ์เท่านั้น จึงจะสามารถใช้พลังศักดิ์สิทย์แห่งแสงจากแหวนวงนี้ได้ และมีย่าก็เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกคนปัจจุบันด้วย
    “นายคิดบ้างไหมว่า จะเป็นยังไง ถ้าไมโอล่ามาเห็นพวกเราเข้า” ทีเมริกระซิบกับนอดอล ขณะที่เดินทางไปตามหาแหวนโมนีล่า และเป็นการปฏิบัติภารกิจไปในตัว “นายก็รู้ ว่าไมเป็นยังไง เธอเข้มแข็งแค่ไหน ไม่ดีแน่ถ้าเธอเห็นว่าพวกเราเห็นเธอที่ร้องไห้อยู่” ทีเมริพูดต่อ ในขณะที่นอดอลทำสีหน้าครุ่นคิดตาม
“เธอไม่เอะใจ ก็ดีแล้ว...”
“นี่! นายๆสองคน กระซิบกระซากอะไรกันนะ” มีย่าหันมาถามทั้งคู่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ มีย่า” ทีเมริพูดปัดๆ พลางยิ้มให้มีย่า
“ว่าแต่ เราจะหาพวกมันเจอได้ที่ไหนล่ะ เราแทบไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ” ไมโอล่าที่เดินนำคู่กับไคตะหันมาถาม
“เราไม่ต้องหามันหรอก มันจะมาหาเราเอง อย่าลืมซิว่า นี่ ป่าอะไร” 
ไคตะตอบ เชิงแฝงปริศนาให้คิดเล่น แต่ไม่ทันขาดคำ  ไคตะก็หยิบดาบออกมา เขาเหยียดแขนไปข้างลำตัว ปลายดาบจรดต้นไม้ข้างๆเขาพอดี เขาไม่มองมันด้วยซ้ำ
“เอื้อ!”  เสียงอะไรอย่างหนึ่งร้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็เงียบหายไป
“ตัวอะไรอีกเนี่ย” นอดอลยังเล่นบทเดิมอยู่ ด้วยสีหน้า งงๆ
“องครักษ์” ไคตะพูดขึ้นลอยๆ
ไมโอล่าหันมามองไคตะอีกครั้ง ด้วยสีหน้างงๆ
“พวกมันจะวิ่งวุ่นรอบฐาน” “ไคตะพูดต่อ    คราวนี้ ไมมองเหล่ตาไปทางไคตะ
“อันที่จริง ฉันก็รู้แค่นี้แหละ” ไคตะใช้มือจับหลังหัวแก้อาย
“และที่จริง ฉันก็ไม่อยากจะบอกว่า มันชื่อพักก้า” ฟีเนล่าพูดขึ้น ทั้งๆที่ยังจ้องมอง ตัวประหลาด ที่นอนกองอยู่บนพื้น
มันมีลำตัวผอม แต่พูดว่าเพรียวลมจะดีกว่า เพราะมันค่อนข้างสูงด้วย รูปร่างของมันโปร่งแสง สลับกับสีน้ำตาลไปมา เหมือนเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ ยังไงยังนั้น และยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น  หัวของมันนั่นเอง
“มันแปลงหน้าได้ มันมีหัว แต่ไม่มีใครเคยเห็นหัวจริงๆของมัน และไม่มีทางที่จะได้เห็นด้วย”  ฟีเนล่าพูดต่อ
“นายเข้าใจถูกเกี่ยวกับมัน แต่อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ถ้านายโดนมันชนเข้า ต้องถึงขั้นใช้อันซาดร้ารักษาเลยหละ”
ไคตะสะดุ้งโหยงทันที โดยลืมสังเกตไปว่า ฟีเนล่าพึ่งหลุดปากพูดกับเขา
(อันซาดร้าเป็นชื่อของการรักษา แขนงหนึ่ง ซึ่งไม่มีแบบแผนที่แน่นอน หรือถ้ามี ก็แทบไม่มีใครรู้จัก เพราะ ผู้ที่ใช้เวทย์มนต์ หรือการรักษาแขนงนี้ได้ มักจะเป็นระดับอาจารย์ทั้งนั้น และผู้ที่ต้องใช้อันซาดร้ารักษา ก็เรียกได้ว่าอาการหนัก เพราะ อันซาดร้า เป็นการรักษาที่ดีเป็นอันดับสามเลยทีเดียว)
    ไมโอล่าหยิบมีดออกมา  จับให้ปลายหันออก ทีเมริก็หยิบไผ่ออกมาจากที่ไหน ซักแห่ง แล้วหนีบไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง นอดอลปัดมือในอากาศ ทุกคนเห็นเขาคว้าอากาศ แต่เมื่อเขาหยุดมือ ก็มีลูกดอกอยู่ในมือของเขาแล้ว มีย่ากับฟีเนล่ายืนใกล้ๆกัน ส่วนไคตะที่พึ่งรู้สึกตัว ก็ยกดาบขนานกับพื้น และแขนของตนข้างที่ถือดาบอยู่(ข้างขวา)
    พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้เพียงแค่สามก้าวเท่านั้น แล้วก็ต้องพบกับ
“พวกอาลิ...!?”
“ผสมปีศาจ” ฟีเนล่าพูดขยายความให้ไมโอล่าเข้าใจ
ด้านหน้าพวกเขา มีคนมากมาย อันที่จริง ไม่เหมือนคนด้วยซ้ำ  พวกมันผิวคล้ำ บึกบึน และอยู่ในชุดเกราะ
“นี่สิ องครักษ์” ฟีเนล่าพูดสีหน้าเฉย
“ลุย!” ไมให้สัญญาณ แล้วเธอก็บุกไปคนแรก พร้อมมีดคู่กาย ตามด้วยคนอื่นๆ  ที่เกาะกลุ่มกันตามมา
ฟับ! ฟับ! ฟับ! ไมโอล่าเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ฟันนายทหารที่ยืนอยู่ นิ่งคาที่
ปัก! ร่างทั้งสามล้มลงพร้อมกัน
“โอ้!อีกแล้ว” นอดอลอุทาน “เอ้า! ไปก็ไป”
และแล้ว การต่อสู้ระหว่างองครักษ์ กับผู้บุกรุก ได้เริ่มขึ้นแล้ว
การต่อสู้เป็นไปอย่างเมามัน(เหลือเกิน) ฝ่ายองครักษ์ ตายไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พวกตัวแทนจากเมลานี่ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    ไมโอล่าต่อสู้ลักษณะเดิมๆหลายครั้ง เวลาที่มีอะไรจะโจมตีจากด้านหลังเธอ ไคตะก็จัดการเรียบ ไม่เหลือ นอดอลกับทีเมริ คอยปกป้องมีย่ากับฟีเนล่า ส่วนฟีเนล่า ก็คอยสนับสนุนพวกเขา
    การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง พวกเขาคนใดคนหนึ่ง ผลักองครักษ์ตัวหนึ่ง ไปชนกับอะไรซักอย่างเข้า ทั้งๆที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย
“นั่นอะไรนะ!?”มีย่าอุทานออกมา องครักษ์ไถลลงมากองกับพื้น แต่เลือดของมัน กลับเป็นรอยเลือดทางยาว ตั้งฉากกับพื้น ราวกับเปื้อนกำแพงอยู่
    ทีเมริกำลังต่อสู้กับองครักษ์ตัวหนึ่ง เขาเหวี่ยงไผ่ ทะลุตัวมันไป
ปัก! ไผ่ของเขาไปปักอยู่กลางอากาศ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
“มันอะไรกัน!?” 
ทีเมริก็อุทานออกมาเช่นกัน ลักษณะก็ไม่ได้แตกต่างจากมีย่าเท่าไหร่เลย นอดอลที่เห็นเหตุการณ์ ก็ขว้างลูกดอกของตน ไปบริเวณใกล้ๆกัน และ
ปัก! มันไปปักถูกอะไรอย่างหนึ่งเข้าเหมือนกัน
“ไม่ผิดแน่”  นอดอลพูดออกมาลอยๆ แต่ทุกคนก็เข้าใจตรงกัน ว่าต้องมีอะไรที่มองไม่เห็นอยู่ตรงนั้นแน่ๆ
“ไมโอล่า เธอมีอะไรที่เป็นของเหลวไหม” มีย่าถาม
“ฉันไม่มีเลย” ไมตอบ
“อย่างอื่นที่ใกล้เคียงก็มีไม่มากพอ”
“แต่ฉันมี”ฟีเนล่าหันหน้ามา
วูบ! ครื้น! ครืน!
เสียงเหมือนคลื่นน้ำยักษ์กำลังเคลื่อนที่ดังขึ้น ตาของฟีเนล่าเป็นประกาย ทันใดนั้นน้ำปริมาณมหาศาล ก็ลอยขึ้น เหนือพื้น ปรากฏต่อทุกสายตา ทุกคนหยุดนิ่ง
ฟาบ! ฟีเนล่ายกมือขึ้นเหนือหัว เหยียดแขนตรง เกิดเป็นเสียงแหวกอากาศ
ซ่า! น้ำพวกนั้นลอยสูงขึ้นเป็นทรงกระบอก ตามที่ฟีเนล่าควบคุม ละอองน้ำตกลงสู่เบื้องล่างรอบๆทรงกระบอก
“ปะ ปราสาท” ทีเมริพูดด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ
น้ำทั้งที่ลอยสูง และที่ตกเป็นละอองฝน เผยให้เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นรูปทรง ตามน้ำที่กระทบกับมัน ปราสาทล่องหนนั่นเอง
    แหวนโมนีล่าเป็นแหวนประจำตระกูลของโมนีล่าก็ว่าได้ จะสืบทอดกันต่อมาเรื่อยๆ โดยมีข้อแม้ว่า ผู้ครอบครองจะต้องเหมาะสม และผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น เกณฑ์และความเหมาะสมที่ว่า ก็คือมีสติปัญญาดี ซึ่งหมายรวมถึง ความมีสมาธิด้วย แหวนนี้เป็นแหวนศักดิ์สิทธิ์ เวทย์แสง ที่มีลัการะเฉพาะอีกประการคือ ต้องเป้นคนที่ไม่วุ่มว่าม และผ่านเกณฑ์เท่านั้น จึงจะสามารถใช้พลังศักดิ์สิทย์แห่งแสงจากแหวนวงนี้ได้ และมีย่าก็เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกคนปัจจุบันด้วย
    “นายคิดบ้างไหมว่า จะเป็นยังไง ถ้าไมโอล่ามาเห็นพวกเราเข้า” ทีเมริกระซิบกับนอดอล ขณะที่เดินทางไปตามหาแหวนโมนีล่า และเป็นการปฏิบัติภารกิจไปในตัว “นายก็รู้ ว่าไมเป็นยังไง เธอเข้มแข็งแค่ไหน ไม่ดีแน่ถ้าเธอเห็นว่าพวกเราเห็นเธอที่ร้องไห้อยู่” ทีเมริพูดต่อ ในขณะที่นอดอลทำสีหน้าครุ่นคิดตาม
“เธอไม่เอะใจ ก็ดีแล้ว...”
“นี่! นายๆสองคน กระซิบกระซากอะไรกันนะ” มีย่าหันมาถามทั้งคู่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ มีย่า” ทีเมริพูดปัดๆ พลางยิ้มให้มีย่า
“ว่าแต่ เราจะหาพวกมันเจอได้ที่ไหนล่ะ เราแทบไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ” ไมโอล่าที่เดินนำคู่กับไคตะหันมาถาม
“เราไม่ต้องหามันหรอก มันจะมาหาเราเอง อย่าลืมซิว่า นี่ ป่าอะไร” 
ไคตะตอบ เชิงแฝงปริศนาให้คิดเล่น แต่ไม่ทันขาดคำ  ไคตะก็หยิบดาบออกมา เขาเหยียดแขนไปข้างลำตัว ปลายดาบจรดต้นไม้ข้างๆเขาพอดี เขาไม่มองมันด้วยซ้ำ
“เอื้อ!”  เสียงอะไรอย่างหนึ่งร้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็เงียบหายไป
“ตัวอะไรอีกเนี่ย” นอดอลยังเล่นบทเดิมอยู่ ด้วยสีหน้า งงๆ
“องครักษ์” ไคตะพูดขึ้นลอยๆ
ไมโอล่าหันมามองไคตะอีกครั้ง ด้วยสีหน้างงๆ
“พวกมันจะวิ่งวุ่นรอบฐาน” “ไคตะพูดต่อ    คราวนี้ ไมมองเหล่ตาไปทางไคตะ
“อันที่จริง ฉันก็รู้แค่นี้แหละ” ไคตะใช้มือจับหลังหัวแก้อาย
“และที่จริง ฉันก็ไม่อยากจะบอกว่า มันชื่อพักก้า” ฟีเนล่าพูดขึ้น ทั้งๆที่ยังจ้องมอง ตัวประหลาด ที่นอนกองอยู่บนพื้น
มันมีลำตัวผอม แต่พูดว่าเพรียวลมจะดีกว่า เพราะมันค่อนข้างสูงด้วย รูปร่างของมันโปร่งแสง สลับกับสีน้ำตาลไปมา เหมือนเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ ยังไงยังนั้น และยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น  หัวของมันนั่นเอง
“มันแปลงหน้าได้ มันมีหัว แต่ไม่มีใครเคยเห็นหัวจริงๆของมัน และไม่มีทางที่จะได้เห็นด้วย”  ฟีเนล่าพูดต่อ
“นายเข้าใจถูกเกี่ยวกับมัน แต่อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ถ้านายโดนมันชนเข้า ต้องถึงขั้นใช้อันซาดร้ารักษาเลยหละ”
ไคตะสะดุ้งโหยงทันที โดยลืมสังเกตไปว่า ฟีเนล่าพึ่งหลุดปากพูดกับเขา
(อันซาดร้าเป็นชื่อของการรักษา แขนงหนึ่ง ซึ่งไม่มีแบบแผนที่แน่นอน หรือถ้ามี ก็แทบไม่มีใครรู้จัก เพราะ ผู้ที่ใช้เวทย์มนต์ หรือการรักษาแขนงนี้ได้ มักจะเป็นระดับอาจารย์ทั้งนั้น และผู้ที่ต้องใช้อันซาดร้ารักษา ก็เรียกได้ว่าอาการหนัก เพราะ อันซาดร้า เป็นการรักษาที่ดีเป็นอันดับสามเลยทีเดียว)
    ไมโอล่าหยิบมีดออกมา  จับให้ปลายหันออก ทีเมริก็หยิบไผ่ออกมาจากที่ไหน ซักแห่ง แล้วหนีบไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง นอดอลปัดมือในอากาศ ทุกคนเห็นเขาคว้าอากาศ แต่เมื่อเขาหยุดมือ ก็มีลูกดอกอยู่ในมือของเขาแล้ว มีย่ากับฟีเนล่ายืนใกล้ๆกัน ส่วนไคตะที่พึ่งรู้สึกตัว ก็ยกดาบขนานกับพื้น และแขนของตนข้างที่ถือดาบอยู่(ข้างขวา)
    พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้เพียงแค่สามก้าวเท่านั้น แล้วก็ต้องพบกับ
“พวกอาลิ...!?”
“ผสมปีศาจ” ฟีเนล่าพูดขยายความให้ไมโอล่าเข้าใจ
ด้านหน้าพวกเขา มีคนมากมาย อันที่จริง ไม่เหมือนคนด้วยซ้ำ  พวกมันผิวคล้ำ บึกบึน และอยู่ในชุดเกราะ
“นี่สิ องครักษ์” ฟีเนล่าพูดสีหน้าเฉย
“ลุย!” ไมให้สัญญาณ แล้วเธอก็บุกไปคนแรก พร้อมมีดคู่กาย ตามด้วยคนอื่นๆ  ที่เกาะกลุ่มกันตามมา
ฟับ! ฟับ! ฟับ! ไมโอล่าเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ฟันนายทหารที่ยืนอยู่ นิ่งคาที่
ปัก! ร่างทั้งสามล้มลงพร้อมกัน
“โอ้!อีกแล้ว” นอดอลอุทาน “เอ้า! ไปก็ไป”
และแล้ว การต่อสู้ระหว่างองครักษ์ กับผู้บุกรุก ได้เริ่มขึ้นแล้ว
การต่อสู้เป็นไปอย่างเมามัน(เหลือเกิน) ฝ่ายองครักษ์ ตายไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พวกตัวแทนจากเมลานี่ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    ไมโอล่าต่อสู้ลักษณะเดิมๆหลายครั้ง เวลาที่มีอะไรจะโจมตีจากด้านหลังเธอ ไคตะก็จัดการเรียบ ไม่เหลือ นอดอลกับทีเมริ คอยปกป้องมีย่ากับฟีเนล่า ส่วนฟีเนล่า ก็คอยสนับสนุนพวกเขา
    การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง พวกเขาคนใดคนหนึ่ง ผลักองครักษ์ตัวหนึ่ง ไปชนกับอะไรซักอย่างเข้า ทั้งๆที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย
“นั่นอะไรนะ!?”มีย่าอุทานออกมา องครักษ์ไถลลงมากองกับพื้น แต่เลือดของมัน กลับเป็นรอยเลือดทางยาว ตั้งฉากกับพื้น ราวกับเปื้อนกำแพงอยู่
    ทีเมริกำลังต่อสู้กับองครักษ์ตัวหนึ่ง เขาเหวี่ยงไผ่ ทะลุตัวมันไป
ปัก! ไผ่ของเขาไปปักอยู่กลางอากาศ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
“มันอะไรกัน!?” 
ทีเมริก็อุทานออกมาเช่นกัน ลักษณะก็ไม่ได้แตกต่างจากมีย่าเท่าไหร่เลย นอดอลที่เห็นเหตุการณ์ ก็ขว้างลูกดอกของตน ไปบริเวณใกล้ๆกัน และ
ปัก! มันไปปักถูกอะไรอย่างหนึ่งเข้าเหมือนกัน
“ไม่ผิดแน่”  นอดอลพูดออกมาลอยๆ แต่ทุกคนก็เข้าใจตรงกัน ว่าต้องมีอะไรที่มองไม่เห็นอยู่ตรงนั้นแน่ๆ
“ไมโอล่า เธอมีอะไรที่เป็นของเหลวไหม” มีย่าถาม
“ฉันไม่มีเลย” ไมตอบ
“อย่างอื่นที่ใกล้เคียงก็มีไม่มากพอ”
“แต่ฉันมี”ฟีเนล่าหันหน้ามา
วูบ! ครื้น! ครืน!
เสียงเหมือนคลื่นน้ำยักษ์กำลังเคลื่อนที่ดังขึ้น ตาของฟีเนล่าเป็นประกาย ทันใดนั้นน้ำปริมาณมหาศาล ก็ลอยขึ้น เหนือพื้น ปรากฏต่อทุกสายตา ทุกคนหยุดนิ่ง
ฟาบ! ฟีเนล่ายกมือขึ้นเหนือหัว เหยียดแขนตรง เกิดเป็นเสียงแหวกอากาศ
ซ่า! น้ำพวกนั้นลอยสูงขึ้นเป็นทรงกระบอก ตามที่ฟีเนล่าควบคุม ละอองน้ำตกลงสู่เบื้องล่างรอบๆทรงกระบอก
“ปะ ปราสาท” ทีเมริพูดด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ
น้ำทั้งที่ลอยสูง และที่ตกเป็นละอองฝน เผยให้เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นรูปทรง ตามน้ำที่กระทบกับมัน ปราสาทล่องหนนั่นเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น