คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF:LuMin&EXO] Always with You
-Warning-
เนื้อหา(เกือบ)ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Title : Always with You
Author : ด็อปเปิลแก็งเกอร์
Pairing : Luhan x Xiumin
Always with You
“พม-รัก-คุง-ค้าบ”
“ย่า!! เอามาให้ฉันดูบ้างดิ” พี่ใหญ่สุดของวง EXO ส่ายหน้าน้อยๆให้กลับชานยอลและเซฮุนที่แย่งกันดูแผ่นโน้ตที่เต็มไปด้วยคำสะกดฝึกพูดภาษาไทย
วันนี้วันที่ 12 พวกเขาเดินทางมาถึงประเทศไทยเพราะเตรียมแสดงคอนเสิร์ตในวันที่ 13 และ 14 ทุกคนต่างดีใจกันมากๆที่ได้มาที่เมืองไทยอีกครั้งหลังจากที่มาล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เซฮุนเอาแต่ฝึกภาษาไทยไม่หยุด ทุกคนก็เช่นกัน เย็นวันนี้ก็มีแถลงข่าวที่สยามพารากอน เด็กๆดูตื่นเต้นกันมากที่จะได้เจอแฟนๆในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
เสียดายก็แต่...ลู่หาน ผู้ชายคนนั้นเขามีอาการป่วย ปวดหัวและเหนื่อยล้าจากการทำงานติดๆกันไม่ได้หยุดพักเป็นเวลาหลายวัน บริษัทเลยให้เขาพักฟื้น แฟนๆคงเสียใจไม่น้อยที่ลู่หานไม่ได้มาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้
บางทีก็รู้สึกน้อยใจแทนแฟนๆชาวไทยเหมือนกันนะ ที่ได้เห็นพวกเขายืนอยู่บนเวทีเพียง 10 คนแทนที่จะเป็น 11 เหมือนที่เราไปแสดงที่อื่นๆ
แต่ไม่สิ มันไม่ควรจะเป็น 10 หรือ 11 มันควรจะเป็น 12 มากกว่าไม่ใช่หรอ
เรื่องของคริสจบไปแล้ว ก็ไม่อยากจะพูดถึงอีก เพราะเขาได้ตัดสินใจแล้วกับทางเลือกของเขา ไม่ว่ายังไงคริสก็คือคริสวง EXO ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของพวกเราอยู่ดี ต่อไปก็แค่หวังว่าพวกเราจะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปด้วยกัน อย่าให้เกิดเรื่องอะไรแบบนี้อีกเลย
“มินซอกฮยอง เราโทรหาลู่เกอกันดีมั้ย ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” เลย์เมนเต้นของวงที่ตอนนี้สลัดคราบนักเต้นกลายเป็นเพียงหนุ่มน้อยอี้ชิง เขาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่ามารินน้ำใส่แก้วแล้วยกดื่มรวดเดียวหมด
“อือ เอาสิ เดี๋ยวฉันโทรเอง” พี่ใหญ่ยิ้มใจดี ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก เบอร์ที่เมมไว้ว่า ‘กวางน้อย’
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ ดังอยู่นาน แต่ปลายสายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกดรับ มินซอกกดตัดสายแล้วโทรไปอีกครั้ง ผลก็เป็นเหมือนเดิมเขาเลยถอดใจ
“คงหลับอยู่ล่ะมั้ง” อี้ชิงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเข้าไปสมทบกับพวกน้องๆที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสที่ห้องนั่งเล่น
ทิ้งไว้ก็แต่พี่ใหญ่หน้าเด็กที่จ้องโทรศัพท์ไม่วางตา ทำไมถึงไม่รับสายนะ กำลังทำอะไรอยู่ เป็นอะไรหรือเปล่า ปวดหัวมากมั้ย กินยาหรือยัง ดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า
อยากจะถามเจ้าตัวใจจะขาด เป็นห่วงจะแย่ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
RRRRRRR~
เมื่อเห็นเบอร์ที่ขึ้นแสดงหน้าจอว่าเป็นใครที่โทรมามินซอกก็รีบกดรับสายทันที
“ทำไมเมื่อกี๊ไม่รับสาย”
(ขอโทษนะมินซอกอ่า เมื่อกี๊ไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ) ปลายสายพูดเสียงอู้อี้จนคนฟังรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“แล้วเป็นยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า”
(ก็ปวดนิดหน่อยน่ะ ดีใจจังที่มินซอกเป็นห่วง) มินซอกยิ้มน้อยๆกับประโยคที่ดูเหมือนมันก็ไม่มีอะไร แต่ใครจะรู้ว่าคนพูดก็กำลังยิ้มอยู่ไม่ต่างกัน
“ก็ต้องห่วงอยู่แล้วน่า เมมเบอร์คนอื่นๆก็เหมือนกัน” คนพูดแอบหัวเราะเบาๆ ถ้าให้เดาลู่หานต้องหน้างอไปแล้วแน่ๆ
(แค่นี้ก่อนนะ ต้องขึ้นเครื่องแล้วล่ะ)
“ห..เห้ เดี๋ยวก่อนสิ โกรธหรือเปล่าน่ะ ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะ แล้วจะไปไหน”
(ฉันไม่ได้โกรธนะ แล้วก็กำลังจะไปปักกิ่งน่ะ ต้องวางแล้วล่ะไม่งั้นตกเครื่องแน่ๆ)
“ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ” ปลายสายครางอือในลำคอเป็นการรับรู้ที่อีกคนบอกแล้วกดวางไป
น้ำเสียงของคนป่วยยังดี ที่พูดอู้อี้ก็คงเป็นเพราะผ้าปิดปากที่ใส่อยู่ นึกแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ที่จีนมีแฟนคลับมารอเยอะมากจนทำให้เกิดอุบัติเหตุและเจ็บตัวกันอยู่บ่อยครั้ง หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
Always with You
งานแถลงข่าวจบลงด้วยดี แฟนๆชาวไทยต้อนรับอย่างดี ทุกคนมารอกันอย่างหนาแน่นจนสยามแทบแตก ลามไปจนถึงบนบีทีเอส รู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมากที่เห็นแฟนๆให้การตอบรับดีขนาดนี้
หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม เด็กๆยังคงเล่นสนุกตามประสา ล่วงเวลาไปจนดึกดื่นกว่าทุกคนจะเข้านอนกัน
วันที่ 13 คอนเสิร์ตวันแรกที่ประเทศไทย ทุกคนแสดงกันอย่างเต็มที่ไม่แพ้วันที่สองเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเขาเหนื่อยกับการซ้อมเต้นใหม่เพราะขาดลู่หานไป ทำให้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งการเต้น และฝึกภายในเวลาไม่กี่วัน
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ โปรเจคที่แฟนๆชาวไทยทำให้ในคอนเสิร์ตทั้งสองวันทำให้พวกเขาประทับใจมาก แต่การแสดงคงจะดีกว่านี้ถ้ามีลู่หานยืนอยู่บนเวทีด้วย แล้วมันคงจะยิ่งเพอร์เฟคถ้ามีอู๋อี้ฟานอีกคน
พวกเขากลับมาถึงเกาหลีโดยสวัสดิภาพ อีกไม่กี่วันก็จะมีคอนเสิร์ตที่ปักกิ่งต่อ หลังจากที่โทรหาลู่หานวันนั้น มินซอกก็ยังไม่มีโอกาสได้ติดต่อหาลู่หานอีก ได้ข่าวว่าอาการดีขึ้นบ้างแล้วก็ค่อยโล่งใจ
มินซอกทิ้งตัวลงนอน ปล่อยความคิดต่างๆให้ผ่านไป ทั้งเรื่องที่เจอมา ทั้งทุกข์และสุข บางครั้งเขายังนอนผวาเพราะฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องของ EXO ตั้งแต่มีเรื่องของคริสทุกคนก็เสียหลักและเขวไปหมด คนเป็นพี่ใหญ่อย่างเขาได้แค่คอยเป็นหลักและเป็นที่พึ่งพิงให้กับกับน้องๆ วันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขารู้ว่าคำว่าตลอดไปไม่มีอยู่จริง แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะขอ ให้ EXO อยู่ด้วยกันตลอดไป อย่าได้มีใครแยกจากไปอีก
Always with You
เฮือก!!
เป็นอีกครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้ายแบบนี้ มองหาคนข้างกายที่นอนอยู่ด้วยเมื่อคืนก็รู้สึกใจหายแปลกๆ พวกเขาเดินทางมาปักกิ่งเมื่อวานนี้ ลู่หานจึงมาพักที่โรงแรม และพวกเขาก็ได้นอนห้องเดียวกัน ไม่บ่อยนักที่จะได้นอนด้วยกันแบบนี้ แม้ว่าที่เกาหลีมินซอกจะนอนคนเดียวก็เถอะ
มินซอกเดินออกไปจากห้อง มองซ้ายมองขวาที่มีแต่ความวุ่นวายเพราะเหล่าเมมเบอร์ มันเป็นเรื่องปกติที่ในห้องนั่งเล่นจะต้องเสียงดัง โดยเฉพาะแก๊งบีเกิ้ลไลน์ที่คอยสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นอยู่ตลอด
“ตื่นแล้วหรอพี่ใหญ่” จุนมยอนทักทายด้วยใบหน้าสดใส มินซอกพยักหน้าตอบแล้วเดินเข้าครัว
ตามคาด คนที่เขาตามหากำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง ก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่ลู่หานต้องกำลังเตรียมมื้อเช้าให้เขาอยู่แน่ๆ
“อ่ะฮึ่ม ทำอะไรน่ะ” คนแมนหันมามองก่อนจะส่งยิ้มมาให้ มินซอกยิ้มตอบแล้วเดินไปยืนดูอีกคนตักข้าวผัดใส่จานสองจาน ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ ลู่หานชี้ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงบอกให้มินซอกนั่ง เขาก็นั่งลงอย่างไม่ขัดอะไร
ทั้งสองต่างกินข้าว ไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน จนลู่หานต้องเป็นฝ่ายชวนคุย
“นี่มินซอก...”
“หือ?” เป็นจังหวะที่มินซอกตักข้าวเข้าปากพอดีเลยคาบช้อนค้างไว้แบบนั้นพรางเลิกคิ้วมองลู่หาน
“ถ้าฉันไม่อยู่นายจะคิดถึงฉันหรือเปล่า”
“ฮืมม..” มินซอกเผลอกัดช้อนอย่างไม่รู้ตัว อยู่ๆก็มาถามอะไรแบบนี้คนฟังก็รู้สึกใจไม่ดีแปลกๆ “ถามอะไรแบบนี้ ทำอย่างกับจะหายไปไหนอย่างนั้นแหละ”
“ตอบหน่อยสิ อยากรู้”
“ก็...” มินซอกเขี่ยข้าวในจานไปมา เจอคำถามแบบนี้ก็คิดหนักเหมือนกันแฮะ
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ถ้าลู่หานไม่อยู่อย่างนั้นหรอ ตั้งแต่เดบิ้วต์พวกเขาก็ไปโปรโมตด้วยกันตลอด เพราะมินซอกเป็นสมาชิกคนเกาหลีที่อยู่ฝั่ง M เลยไม่ค่อยแยกกันเท่าไหร่ จะมีก็แต่ช่วงเทศกาลต่างๆที่ลู่หานกลับจีนไปเยี่ยมพ่อแม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดถึงอะไรขนาดนั้นเพราะไม่กี่วันลู่หานก็กลับมานี่
“...” ลู่หานมองอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ
“ไม่อยู่ของนายนี่กี่วันล่ะ 1 วัน 2 วัน หรือ 1 สัปดาห์หรือ 1 เดือน” มินซอกพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
“อาจจะ...ไม่กลับมา”
เคร้ง!!
“เอ่อ...” มินซอกเก็บช้อนที่หลุดจากมือหล่นลงกระทบจานจนเกิดเสียงดัง ใจเขาเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกตอนนี้มันหน่วงแปลกๆ ลู่หานมาถามอะไรแบบนี้ แค่ถามเล่นๆหรือต้องการจะสื่ออะไร
“ฮ่ะๆ ล้อเล่นน่ะ” ลู่หานหัวเราะจนตีนกาขึ้น ก่อนจะเอาจานไปเก็บที่ซิงค์ ข้าวในจานยังพร่องไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ จานของมินซอกก็ไม่ต่างกัน
ลู่หานเดินออกไปจากห้องครัวแล้ว แต่มินซอกยังคงจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ถ้าคำว่า ‘ไม่อยู่’ ของลู่หานคือการหายไปโดยไม่กลับมา แน่นอนว่าเขาต้องคิดถึงอยู่แล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาจะเป็นยังไง ถ้าลู่หานไม่อยู่กับเขาแล้วจริงๆ
เย็นวันนั้นพวกเขามาสถานที่จัดคอนเสิร์ตเพื่อมาซ้อมการแสดงที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ทุกคนต่างตั้งใจฝึกซ้อมกันอย่างหนักเหมือนกับเป็นวันแสดงจริง ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่ไหน พวกเขาก็ตั้งใจแสดงออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อแฟนๆทุกคนที่ให้การสนับสนุนอยู่ตลอด
“เอาล่ะ ทุกคนทำงานหนักมาก กลับไปพักผ่อนได้ครับ”
“เย้ว!! อยากไปเที่ยวจังเลยอ่ะ” แบคฮยอนเดินไปอ้อนเมเนเจอร์ แต่คำตอบที่ได้คือการส่ายหัวกลับมาทำให้หมาน้อยที่ร่าเริงตลอดเวลาเบะปาก
“โถ่ฮยอง พวกเราขอออกไปข้างนอกไม่ได้หรอ อยากกินหม้อไฟอร่อยๆจัง” ลู่หานก็ช่วยตื๊ออีกคน เมเนเจอร์ถอนหายใจอย่างหนักใจ เขาเห็นใจที่เด็กๆทำงานหนักและอยากเที่ยว แต่ให้ทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ ขืนออกไปแล้วแฟนๆเจอเข้าจะเกิดเรื่องอีก ยิ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ขึ้นแสดงไม่ได้จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“อย่าเซ้าซี๊น่า กลับกันได้แล้ว” ผู้จัดการโบกมือบอกให้เมมเบอร์ทุกคนขึ้นรถกลับที่พัก แต่ลู่หานยังไม่ยอมแพ้ เขาจับแขนของเมเนฮยองเบาๆก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู เมเนเจอร์มีท่าทีที่หนักใจกว่าเดิม พรางถอนหายใจหนักๆอีกที
“อะๆ เห็นว่าลู่หานไม่เคยขออะไร ให้พวกนายไปเที่ยวก็ได้”
“ยะฮู้ววว!!” แบคฮยอนที่ได้ยินคำอนุญาตร้องออกมาอย่างดีใจ แต่ก็ต้องเงียบอีกครั้งเพราะประโยคถัดมา
“แต่...ต้องกลับถึงหอพักก่อน 2 ทุ่ม แล้วก็ระวังตัวด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาทั้งพวกนายทั้งฉันจบเห่กันหมดแน่” ทุกคนโห่ร้องอยู่ในใจ 2 ทุ่มงั้นหรอ ตอนนี้มันก็ 6 โมงครึ่งแล้ว ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ไปไหน
“เข้าใจแล้วคร้าบบบ” ทุกคนประสานเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย นี่สินะ we are one ผู้จัดการส่ายหน้าเบาๆ
หลังจากนั้นทุกคนก็กลับมาที่ห้องพัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและหาพร็อพปิดบังใบหน้า ถึงแม้แฟนๆจะยังจำได้แต่ก็ยังดีกว่าทำตัวโดดเด่นเกินไป บางคนที่เลือกที่จะไม่ไหนก็แค่นั่งเล่นและนอนเปิดทีวีดู แม้จะไม่เข้าใจภาษาจีนซักนิดเลยก็เถอะ
Always with You
“นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย” มินซอกบ่นอุบ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยและอยากนอนมากกว่าที่จะออกมาเดินเที่ยวเล่นแบบนี้ เขาบอกลู่หานแล้วว่าไม่ไปอยากนอนพักแต่ก็โดนลู่หานลากออกมาข้างนอกจนได้ โดยให้เหตุผลว่าจะพามากินหม้อไฟเจ้าอร่อย
เขาไม่ได้เห็นแก่กินเลยจริงๆ แต่เห็นสีหน้าอ้อนวอนของลู่หานก็อดสงสารไม่ได้ เขาล่ะอยากจะบ่นจริงๆเลย อาการป่วยก็ใช่ว่าจะหายดีแล้ว ก็ไม่ยอมพักผ่อน ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย
“โอ๊ะ นั่นถุงเท้านี่” ลู่หานชี้ถุงเท้าหลากหลายลายที่วางเรียงรายกันอยู่ แววตาใสดั่งกวางมองถุงเท้าเหล่านั้นเป็นประกาย “ใน EXO’s Showtime ฉันจับได้ของขวัญของนายนี่นา”
“ก็นั่นน่ะสิ นายจะซื้อถุงเท้าไปทำไมนักหนา” ลู่หานไม่สนใจคำท้วงของอีกคนเท่าไหร่ เขาเดินไปเลือกถุงเท้าแล้วจ่ายเงินก่อนจะยื่นมันให้มินซอก
“ฉันให้” มินซอกมองลู่หานงงๆ นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองแล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย ให้เขาอย่างงั้นหรอ ลู่หานหัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้า “เอาไปสิ”
“จะซื้อทำไมเนี่ย นายนี่บ๊องจริงๆ” มินซอกรับมาถือไว้ ก่อนจะเดินนำไปข้างหน้าอย่างไว จนลู่หานต้องรีบก้าวตาม
“จะรีบไปไหนเนี่ย”
“จะ 2 ทุ่มแล้ว จะไปไหนก็รีบๆเข้าสิ”
“ไม่ต้องรีบหรอกน่า วันนี้ฉันได้รับสิทธิพิเศษ” มินซอกหยุดเดินก่อนจะหันมามองลู่หานที่ยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่ตลอดทั้งวัน
“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่านายพูดอะไรกับเมเนฮยอง” ดวงตาหรี่เล็กลงอย่างจับผิด วูบหนึ่งที่แววตาของลู่หานไหวระริก แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีมันก็กลับมามั่นคงเหมือนเดิม บางทีเขาอาจจะแค่ตาฝาดไป
“เดี๋ยวก็ได้รู้แล้วน่า” มินซอกฟังไม่ผิดนะ น้ำเสียงนั้นออกจะสั่นเครือนิดๆ
มือหนาที่ไม่ได้ใหญ่มากแต่แสนอบอุ่นกุมมือของเขาเอาไว้ มือเล็กบีบกระชับราวกลับว่าลู่หานจะหายไปไหน กลัว... กลัวว่าจะไม่ได้จับมือนี้อีก ลู่หานกระชับมือเล็กตอบเป็นการบอกให้อีกคนมั่นใจ ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่เคียงข้างคนตัวเล็กไม่ไปไหน
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ลู่หานส่งยิ้มอบอุ่นมาให้อย่างเคย แต่ทำไมครั้งนี้มันเหมือนกับฝืนยังไงก็ไม่รู้
ลู่หานพาเดินเข้าร้านอาหารจีนที่เจ้าตัวอยากนำเสนอมาก ว่าร้านนี้อาหารอร่อยขนาดไหน เขาสั่งหม้อไฟที่มินซอกชอบ วันนี้ลู่หานดูแลเขาดีจากที่ปกติก็ดูแลดีอยู่แล้วจนรู้สึกประหลาดใจ
“ผีเข้าหรือไง เอาใจฉันอยู่หรอ” มินซอกแกล้งถามลองใจอีกคน
“อื้อ กำลังเอาใจมินซอกอยู่” ดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดา แต่ภายในใจของมินซอกกลับวูบโหวงแปลกๆ
“มีอะไรหรือเปล่า....”
“...”
“ลู่หาน” มินซอกยังคงรอคำตอบจากลู่หาน สายตาไม่ละไปไหน ลู่หานไม่เคยเป็นแบบนี้ ดวงตาที่แฝงอะไรบางอย่างไว้ เหมือนเขากำลังหนักใจกับอะไรบางอย่าง ไม่บ่อยนักที่จะเห็นลู่หานเป็นแบบนี้นอกจากเวลาที่เขาเครียด
แต่ครั้งนี้มันดูแตกต่าง เหมือนเขากำลังแบกรับภาระที่หนักหน่วงไว้แล้วพูดมันออกมาไม่ได้
“กินกันดีกว่านะ” หม้อไฟเดือดได้ที่พร้อมรับประทาน แต่คนตัวเล็กไม่ได้รู้สึกอยากกินเลยสักนิด เขาไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากลู่หาน แค่นั่งกิน ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมไปทั่วอย่างนี้
“มีอะไรบอกฉันนะ ลู่หาน” ลู่หานเงยหน้ามองพรางยิ้มน้อยๆ
“อื้อ ต้องบอกอยู่แล้ว” ลู่หานหยิบถุงกระดาษขึ้นมา แล้วยื่นให้มินซอก เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าลู่หานถือมันตั้งแต่เมื่อไหร่
มินซอกรับมาแล้วเปิดดู ของข้างในคือกล่องบางอย่างที่เหมือนกล่องใส่สร้อย เขาหยิบขึ้นมาเปิดดูแล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ในนั้นมีสร้อยอยู่ เขาเหลือบมองลู่หานแวบหนึ่ง นี่มันอะไร ของแทนใจหรอ สายตาเลื่อนลงมาที่คอของลู่หานก็มีสร้อยแบบนี้เหมือนกัน
นิ้วเรียวเกี่ยวแหวนที่คล้องอยู่กับสร้อยขึ้นมา ด้านในของแหวนถูกสลักไว้ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘Always With You’
“นี่...อะไรหรอ”
“ก็สร้อยไง” ลู่หานตอบพรางหัวเราะไปด้วย เขารู้ว่าคำถามที่มินซอกถามนั้นหมายถึงอะไร แต่เขาก็เลี่ยงที่จะตอบตามตรง ก็ใช่แหละ มันคือของแทนใจจากเขา
“ก็รู้...” ลู่หานไม่พูดอะไรอีก แค่หยิบสร้อยในกล่องขึ้นมาแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของมินซอกก่อนจะสวมสร้อยให้
“ว๊า จะ 2 ทุ่มแล้ว กลับกันเถอะ” ลู่หานจ่ายเงินและจับมือมินซอกออกจากร้าน มินซอกไม่ใช่คนโง่ เขาดูออกว่าลู่หานมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังเขาอยู่ แต่จะให้ซักไซ้ถามไปมันก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ถ้าลู่หานอยากจะพูดก็คงพูดออกมาเอง
สองมือกระชับกันแน่น แม้บางครั้งที่คนตัวเล็กจะรู้สึกเจ็บเพราะลู่หานจับมือเขาแน่นเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่อยากให้ลู่หานจับมือเขาหลวมขึ้น เพราะมันอาจจะหลุด มินซอกไม่อยากให้ลู่หานปล่อยมือ อยากให้อยู่แบบนี้นานๆ ไม่อยากห่างเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะลางสังหรณ์มันเกิดขึ้นมาในใจ รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ
ตอนนี้เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ลู่หานและมินซอกกลับมาถึงห้อง เด็กๆต่างนั่งพูดคุยและเล่นสนุกกันอย่างเคย แบคฮยอนเอ่ยแซวเล็กๆที่ทั้งคู่กลับมาช้ากว่าที่เมเนฮยองบอกไว้ครึ่งชั่วโมง
ลู่หานถูกเมเนเจอร์เรียกไปคุย ดูจากตรงนี้ พวกเขาคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาก ลู่หานยกมือขึ้นเสยผมก่อนจะกุมกลุ่มผมนุ่มของตัวเองไว้อย่างคิดไม่ตก นานหลายนาทีลู่หานก็แยกตัวออกไปที่ห้องพักตัวเอง ส่วนเมเนเจอร์แค่ออกมาบอกว่าอีก 10 นาทีให้มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพราะจะมีประชุม
Always with You
ทุกคนพร้อมหน้า เด็กๆยังคงเล่นสนุก จะมีก็แต่ลู่หานที่สีหน้ายังกังวลไม่น้อย
“คือว่าทุกคน...” ลู่หานเอ่ยประโยคปลายเปิด
“เห้ ทำไมซีเรียสนักล่ะลู่เกอ” อี้ชิงที่นั่งข้างๆตีหน้าตักของลู่หานเบาๆ
“EXO น่ะ มีความหมายสำหรับฉันมากเลยนะ” ลู่หานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไรกันเนี่ย ทำไมอยู่ๆก็พูดแบบนี้” จงแดแย้งขึ้นมา อยู่ๆจุนมยอนก็ดูซีเรียสไปด้วย มินซอกก็ไม่ต่างกัน
“EXO คือทุกอย่างของฉัน ฉันรู้สึกโชคดีมาก ที่ได้รู้จักกับพวกนาย ได้ทำงาน ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้จนถึงทุกวันนี้” สีหน้าของทุกคนเริ่มอ่อนลง เซฮุนหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่อยากจะฟัง ประโยคพวกนี้มันก็ซึ้งอยู่หรอกนะ แต่มันเหมือนกันประโยคสั่งลาซะมากกว่า
“พวกเราทุกข์มาด้วยกัน สุขมาด้วยกัน ฉันไม่รู้จะเป็นยังไง ถ้าวันข้างหน้าฉัน... ไม่ได้อยู่กับพวกนายแล้ว”
“ลู่หาน พูดอะไรน่ะ!!” เทาที่ทนฟังมานานตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด คยองซูที่นั่งอยู่ข้างๆลูบหลังเทาเบาๆ ที่น้ำตาคลอตั้งนานแล้ว
“ฉันรักทุกคน ฉันไม่อยากไปไหนเลย แต่พวกเขาบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้” ลู่หานก้มหน้า สิ่งที่เก็บไว้ในใจมานานกำลังพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ
“พูดมาเถอะ...” อี้ชิงที่ตอนนี้บรรยายความรู้สึกไม่ถูก จะว่ายังไงดี มันเจ็บจี๊ดข้างในหัวใจล่ะมั้ง
“ฉัน..จะยื่นฟ้องเอสเอ็ม และยกเลิกสัญญา” พูดจบลู่หานหันไปมองมินซอก สายตาอีกคนที่มองมามันทำให้เขารู้ว่ามินซอกกำลังผิดหวังในตัวเขา และทุกคนก็คงไม่ต่างกัน
พวกเขาเคยสัญญา ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปด้วยกัน แต่เขากลับทำไม่ได้ เรื่องของคริสทำให้ทุกคนช็อคในการตัดสินใจของเขา เหมือนหัวใจของพวกเขาแตกสลาย สมาชิกคนหนึ่งของวงหายไปทำให้พวกเขาเขว แต่ไม่นานพวกเขาก็พยายามเข้มแข็ง และต่อสู้ต่อไป
และนี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่เขาทำให้น้องๆในวงใจเสีย เขาไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลย EXO คือทุกอย่างของเขา เมมเบอร์ทุกคนคือพี่น้อง และเขาก็อยากจะเป็นคนพูดกับพี่น้องของเขาเองกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ดีกว่าการที่เขาหายไปเฉยๆโดยไม่พูดอะไรเลย
ลู่หานมีอาการปวดหัวจนถึงช่วงคอ ด้วยความเครียดจากการทำงานหนัก เขาไม่ได้หยุดพักและทำงานตามตารางงานที่เอสเอ็มจัดไว้ให้ ยิ่งทำให้อาการเขาแย่ลงเรื่อยๆ เขาพยายามร้องขอเวลาหยุดพักอยู่หลายครั้ง แต่เอสเอ็มกลับไม่สนใจและให้เขาทำงานต่อไป จนอาการแย่มากขึ้น เขาไม่สามารถขึ้นเครื่องมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยได้
ด้วยความเพิกเฉยจากทางค่ายทำให้เขาต้องตัดสินใจแบบนี้ เขารู้ว่าเมมเบอร์ทุกคนเสียใจที่เค้าตัดสินใจแบบนี้ เขาเองก็ไม่ต่างกัน
“เกอตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ย” อี้ชิงเป็นคนแรกที่พูดขึ้นหลังจากที่ความเงียบโรยตัวมานาน ลู่หานพยักหน้าตอบเบาๆ
“เราเชื่อว่าที่พี่ทำแบบนี้เพราะพี่คิดดีแล้ว เราเชื่อมั่นในตัวพี่เสมอ” จุนมยอนเอ่ยพรางส่งยิ้มให้ลู่หาน
“งั้นคอนเสิร์ตวันพรุ่งนี้พวกเรามาทำให้ดีไปด้วยกันเถอะ” แบคฮยอนว่าก่อนจะยื่นมือมาข้างหน้า
“ไม่ว่ายังไงพี่ก็คือลู่หาน EXO กวางน้อยของพวกเขา” เซฮุนวางมือทับมือแบคฮยอน
“พวกเราต้องได้ขึ้นเวทีเดียวกันอีก เราต้องมาซ้อมเต้นด้วยกันอีกนะฮยอง” จงอินวางมือทับมือเซฮุนต่อ
“ยังไงใจของพวกเขาก็เป็นหนึ่งเดียวกัน” จงแด อี้ชิง จุนมยอน และคยองซูวางมือทับกันต่อๆมา
“ถ้าหิวก็มาหาพวกเรานะฮยอง ผมจะทำกับข้าวให้กินเอง” ชานยอลวางมือต่อ ตามด้วยเทา
“ถ้าไม่มีลู่หานใครจะคอยดุผมล่ะ” เทาน้ำตาคลอจนลู่หานต้องเอื้อมมือไปลูบผมเด็กน้อยเบาๆ
“ฉันเคารพในการตัดสินใจของนาย ฉันเชื่อในตัวนายนะ” มินซอกยิ้มและวางมือไปข้างหน้า ลู่หานมองทุกคนทั้งดีใจและเสียใจ ดีใจที่มีพี่น้องที่รักเขามากมายขนาดนี้ เสียใจที่ต้องตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง
“คอนเสิร์ตอีกสองวัน เวทีสุดท้ายของฉันที่จะได้ยืนร่วมกับพวกนาย มาทำให้ดีที่สุดเถอะนะ ฉันขอโทษ และขอบคุณพวกนายที่เข้าใจ ฉันรักพวกนายนะ รักมากจริงๆ” ลู่หานวางมือเป็นคนสุดท้าย
“We are ONE!!! EXO ซารางฮาจา!!!” 11 เสียงประสานกันเป็น 1
ลู่หานดีใจที่ทุกคนเข้าใจเขา ในการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงแม้ทุกคนจะเสียใจไม่น้อย เขาเองก็เจ็บปวดที่ไม่สามารถอยู่กับ EXO ได้ไปจนถึงตอนจบ EXO จะอยู่ในใจเขาเสมอ และจะอยู่ตลอดไป
Always with You
“โกรธหรือเปล่า” ลู่หานสวมกอดมินซอกจากด้านหลัง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองกันหมดแล้ว สองแขนกระชับกอดแน่น กลิ่นกายอ่อนๆจากคนตัวเล็กที่คุ้นเคยยิ่งทำให้เขาเจ็บลึกในใจ
“ฉันไม่โกรธหรอก นายตัดสินใจแล้ว” มินซอกพลิกตัวหันหน้าเข้าหาลู่หาน หัวทุยซบอกอุ่นพรางกระชับกอดลู่หานแน่น “เหนื่อยมากใช่มั้ย”
“ขอโทษ ไม่อยากทำแบบนี้เลย ไม่อยากจากไปเลย”
“ถ้าเหนื่อยก็พักนะ ฉันอยู่ตรงนี้ ตลอดเวลานายแบกรับภาระไว้มากมายและคงเหนื่อยมากสินะ” มือเล็กเลื่อนขึ้นมาจับแหวนที่สร้อยคอของลู่หาน ความเย็นของแหวนเงินเย็นเฉียบเข้าไปถึงหัวใจที่บอบช้ำของเขา
นี่สินะคือความหมายของคำถามของลู่หานเมื่อช่วงเช้า คำว่า ‘ไม่อยู่’ ของลู่หานน่ะ มันคือแบบนี้สินะ
“ถ้านายไม่อยู่น่ะ ฉันคงคิดถึงนายมากๆแน่ๆ”
“ใครบอกว่าฉันไม่อยู่ ฉันยังอยู่ข้างนายเสมอ อยู่ตลอดเวลา ที่นี่ไง” ลู่หานเลื่อนมือมาทาบที่อกข้างซ้ายของมินซอก ก่อนจะจับมือมินซอกมาทาบที่อกข้างซ้ายของตัวเอง “นายก็อยู่ที่ตรงนี้ของฉันเหมือนกัน”
มินซอกพยักหน้าเบาๆ ต่อไปเมื่อลู่หานไม่อยู่แล้วเขาคงต้องสะดุ้งเพราะฝันร้ายหนักกว่าเดิมแน่ๆ แต่เขาจะเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้ วันข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่มีใครรู้ แต่ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ถึงลู่หานจะไม่ได้อยู่ข้างกายเหมือนทุกวัน แต่เขายังอยู่ในใจของพวกเราทุกคนเสมอ และตลอดไป...
Always with You
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2016 เป็นอีกครั้งที่พวกเขา EXO กลับมาจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ประเทศไทยเป็นครั้ง 3 แฟนๆยังคงหนาแน่นและให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม ในช่วงพูดคุยกับแฟนๆ เมมเบอร์ทุกคนต่างแย่งกันพูดภาษาไทยเซอร์วิสแฟนๆ
สายตาของมินซอกมองไปที่ป้ายไฟที่เขียนชื่อของลู่หานไว้ก่อนยิ้มออกมาบางๆ สองปีแล้วที่ EXO โปรโมตและทำกิจกรรมต่างๆเพียง 10 คน แต่ลู่หานและอี้ฟานยังคงอยู่กับพวกเราเสมอ พวกเขายังติดต่อพูดคุยกันอยู่เรื่อยๆ ลู่หานกลายเป็นแฟนบอยของ EXO เขาติดตามการทำงาน และคอยเป็นกำลังใจให้สมาชิกทั้ง 10 คนเสมอ
“วันนี้พวกเรามีเซอร์ไพรส์ให้แฟนๆด้วยนะครับ” ชานยอลพูดขึ้น ล่ามก็แปลเป็นภาษาไทย แฟนๆต่างกรี๊ดกันระงม
อยู่ๆไฟทั้งฮอลก็ดับลง ก่อนจะมีแสงเทียนเพียงลิบหลี่ที่ส่องสว่างมาจากหลังเวที
“แซงงีชุกคาฮัมนีดา แซงงีชุกคาฮัมนีดา ซารังฮานึน มินซอกฮยอง แซงงีชุกคาฮัมนีดา ฮู้วววว” เมมเบอร์ทุกคนต่างช่วยกันร้องเพลง รวมทั้งแฟนๆด้วย เค้กมาอยู่ตรงหน้าของมินซอกแล้ว เจ้าของวันเกิดยกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ เขาไม่คิดว่าน้องๆจะเซอร์ไพรส์วันเกิดเขากลางเวที เปลวไฟจากเทียนไม่สว่างพอเขาจึงไม่รู้ว่าใครถือเค้กอยู่
ตาคู่สวยปิดลง สองมือประสานขอพรเพียงไม่นาน เขาเป่าเทียนดับจนหมด จากนั้นไฟก็เปิดขึ้น เสียงกรี๊ดของแฟนๆดังลั่นจนเขาแอบตกใจ แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ คนตรงหน้าที่ถือเค้กอยู่ คือ... ลู่หาน
“เย้ ลู่หานฮยองงงง~” แบคฮยอนพูดใส่ไมค์เสียงดัง ยิ่งทำให้แฟนๆกรี๊ดหนักกว่าเดิม
ลู่หานวางเค้กลงแล้วกอดมินซอกไว้ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเขาแผ่วเบา
“สุขวันต์วันเกิด คิดถึงนายจัง” พูดจบก็ผละออก เพราะขืนกอดนานกว่านี้แฟนๆจะฟินตายกันไปก่อน ลู่หานไล่กอดเมมเบอร์ทีละคน
2 ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ทุกคนยังคงเหมือนเดิม มักเน่ไลน์ดูโตขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขารู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมายืนบนเวทีเดียวกับสมาชิกอีกครั้ง
“วันนี้ผมไม่ได้มาคนเดียวนะครับ” ลู่หานพูดใส่ไมค์ แฟนๆก็กรี๊ดขึ้นมาอีกจนลู่หานต้องยกมือบอกให้ทุกคนเงียบๆ พอเสียงเริ่มเบาลงลู่หานจึงพูดต่อ “เห้ เพื่อนออกมาได้แล้ว คริส!!!”
ทันทีที่พูดชื่อของคริสแฟนๆทุกคนต่างกรี๊ดกันอย่างไม่กลัวว่าจะเจ็บคอขนาดไหน ชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาจากหลังเวที ใบหน้าคมยังคงหล่อและมีออร่าเหมือนเดิม
“ซา-หวัด-ดี-ค้าบ ยา-ดื้อ-น่ะ-คั่บ” อี้ฟานเคยทักทายเป็นประโยคภาษาไทย เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆทั้งฮอลได้เป็นอย่างดี
สมาชิกทั้ง 12 คนต่างมองหน้ากันและยิ้มอย่างมีความสุข ทุกคนกอดคอกันล้อมเป็นวงกลมราวกลับกำลังนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ราวกับจะบอกว่าพวกเขาคิดถึงกันและกันมากขนาดไหน เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขายังอยู่ด้วยกันตลอด ถึงที่ผ่านมาตัวอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ แต่ใจของพวกเขาไม่เคยห่าง ยังคงเป็น 1 เดียวกันเสมอ
2 ปีที่ไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันครบ 12 คนแบบนี้ วันนี้เขาได้มีโอกาสแล้ว จึงไม่พลาดที่จะรับโอกาสนั้นไว้ ที่กลับมาเพื่อย้ำเตือน ว่าพวกเขายังอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน...
“We are ONE!!! EXO ซารังฮาจา!!!” 12 เสียงประสานเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าที่ผ่านมาบนเวทีจะยืนอยู่กี่คน จะ10คน 11คน หรือ 12 คน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พวกเขายังคงเป็น 1
หัวใจของคนทั้ง 12 คนยังเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ
-END-
Talk : EXO Fan เป็นยังไงกันบ้าง ได้ข่าวแบบนี้อีกครั้งก็สะเทือนใจเนอะ แต่พวกเราอย่าดราม่ามากเลยนะ เราต้องเคารพในการตัดสินใจของพี่ลู่เนอะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ยังจะติดตามและซัพพอร์ต EXO ทั้ง 12 คนเสมอ เข้าใจไรต์บางคนที่เลิกแต่งคู่นี้หรือไม่ว่าจะคู่ไหนเพราะมันเฟลจริงๆ เขียนฟิคไม่ออก คิดอะไรไม่ออกเลย แต่ยังไงเราก็จะแต่งฟิคลู่หมินต่อไป ถึงจะไม่มีโมเม้นให้เห็นแล้ว T.T ยังไงก็รักพี่ลู่เหมือนเดิม <3
ความคิดเห็น