คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : '♡{Lucky Fanboy}♡’ ×02×
โอเซฮุนผู้ที่ต้องออกเดินทางไปทำงานไกลบ้านไกลเมืองเกิดตัวเอง ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนเครื่องบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สั่นหัวงึกๆกับจังหวะเพลงที่ตัวเองฟังอย่างส่วนตัวด้วยหูฟังสีขาวคู่โปรดสองข้าง โดยตัวเองไม่สนใจคนที่นั่งข้างหน้าต่างของเครื่องบินว่าจะรำคาญหรือไม่แม้แต่นิด
แว่นตาสีดำสนิทที่ขึ้นชื่อผู้นั่งข้างๆโอเซฮุน หันมามองด้วยความที่รำคาญเอามากๆ อยากจะถามว่านั่งเฉยๆแบบชาวบ้านชาวช่องไม่เป็นรึไง ต้องฟิลลิ่งในท่วงทำนองเพลงที่ฟังตลอด ผู้ที่นั่งข้างๆทนไม่ไหวถึงกับยกมือขึ้นสะกิดเพื่อขอคุยด้วย ถ้าเรียกคงไม่ได้ยินใช้การสะกิดนี่แหละดีสุด
"สะกิดผมหรอครับ?"
เซฮุนรับรู้ถึงแรงสะกิดที่แขนตัวเอง ก็จัดการถอดหูฟังออกก่อนจะให้ความสนใจของผู้ที่ขอสนทนาด้วย
"นายช่วยลดฟิลลิ่งในการฟังเพลงสักนิดได้ไหม อายคนอื่นบ้างไหม? สั่นหัวงึกๆไปมาอยู่คนเดียว หัดแคร์คนรอบข้างสะบ้างนะ"
พูดจบพร้อมมองไปหาคนอื่นๆที่มองมาทางที่เซฮุนเป็นตาเดียวกัน แต่เซฮุนก็ไม่ได้แคร์อะไร เพราะปกติเวลาขึ้นเครื่องบินไปทำงานต่างประเทศ เขามักจะมีอาการลักษณะอย่างนี้อยู่แล้ว ถ้าชานยอลมาด้วยก็คงประกาศใส่ไมค์ว่า'กราบเรียนผู้โดยสารทุกท่าน ไม่ต้องวิตกกระหนกตกใจไป เพื่อนผมก็เป็นอย่างงี้แหละครับ ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ และจงชินกับพฤติกรรมของมันตลอดการบินสายตรงเซี่ยงไฮ้ เรียนมาเพื่อทราบทั่วกันครับ'ชานยอลคงชินกับพฤติกรรมของเซฮุนเอามากๆถึงลงทุนประกาศใส่ไมค์ได้ขนาดนี้ มีอยู่เคสนึงที่หนักสุดๆลุกขึ้นเต้นไปมาบนเครื่องบินจนถูกยึดโทรศัพท์จนกว่าล้อเครื่องบินจะลงจอดเทียบสนามบิน เซฮุนก็นั่งนิ่งไปสักแป๊บก่อนจะเริ่มสนทนากับคนข้างๆ ด้วยความที่ว่าถ้าไม่ให้ฟังก็ต้องนั่งคุยด้วยกัน
"นี่คุณ งั้นเรามาคุยกันดีกว่านะถ้าไม่อยากให้ผมฟังเพลง นี่ๆรู้จักคนนี้รึเปล่า ผมชอบคนนี้มากๆเลยแหละ"
มือหนายื่นโทรศัพท์ให้คนข้างๆได้ดูรูปไอดอลโปรดของตัวเอง ทันทีที่ร่างบางหันมองรูปก็เผยยิ้มมุมปากทันที
คนตัวเล็กหันควับที่ได้ยินอีกคนบอกว่าคนในรูปไม่แมน ที่จริงแล้วก็คือตัวเองนั่นแหละ เสี่ยว ลู่หาน แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ให้ฟุ้งซ่านฆ่าเขาตายเข้าสะก่อน
"ไหนบอกมาสิว่า ชะ! ว่าคนในภาพไม่แมนตรงไหน"
เซฮุนเลือกภาพขึ้นมาใหม่ ให้อีกคนดูพร้อมอธิบายให้ฟังเสร็จสรรพ เพราะที่รักของตนไม่แมนสักนิด
"แมนตรงไหนห๊า! นี่ดูๆ หน้าออกจะหวานปานน้ำตาลขนาดนี้ เอวเล็กร่างบางอีก แมนตรงไหน แฟนคลับเขาใครก็บอกว่าไม่แมนสักนิด ด่ะ เดี๋ยว นี่คุณทำไมบอกว่าเขาแมนล่ะ เอ๊ะ! หน้าคุ้นๆนะ ช่วยถอดแว่นออกหน่อยสิ"
แว่นสีดำถูกมือหนาพยายามจะถอดออก แต่อีกคนไม่ยอมก็เกิดการแย่งขึ้น จนขาแว่นหัก จึงทำให้อีกคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก สุดท้ายก็ยอมถอดแว่นออกมาเผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียนใสที่คุ้นเคยกันดี แต่ก็ทำให้ใครอีกคนถึงกับกึ่งเป็นลมได้เลย
"รู้ไหม?ราคาแว่นฉันแพงกว่าชุดที่นายใส่อีกนะ เอ้ย จริงๆเลย"
"คุ..คุณ...ลู่หานหรอ? ตายแล้ว เราจะทำไงดีเนี่ย ตายแน่ไอ้ฮุน"
ไม่ทันที่ทั้งสองจะคุยกันต่อ เครื่องบินก็ได้ลงจอดเทียบสนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กก็เตรียมลงทันทีไม่อยากอยู่นานกว่านี้ ขี้เกียจที่จะมานั่งเถียงด้วยไรด้วย แค่ระยะทางที่เดินทางมาก็คุยกันมากพอแล้ว เขาก็ไม่ติดใจอะไรกับเซฮุน เพราะก็แค่แฟนคลับเพียงคนนึง
กริ่ง..กริ่ง...
"ฮัลโล ฉันถึงแล้วออกมารับด้วย"
"คุณลู่หานครับ!!!! คุณลู่หาน เฮ่อๆๆ เอ้า หายไปไหนแล้วเนี่ย"
ที่จริงจะวิ่งเอาของมาคืนให้แต่ไม่เห็นเจ้าตัวสะแล้ว สิ่งที่อยู่ในมือผมตอนนี้คือหนังสือแบบพกพา ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวความรักล้วนๆ รักโรแมนติกหวานๆ หนังสือเล่มนี้บอกวิธีการบอกรักหวานจนเลี่ยน ผมอ่านเพียงหน้าปกรอยยิ้มผมก็เผยแล้ว
"ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก ต้องศึกษาสักหน่อยแหละ"
กริ๊งๆๆๆๆๆ
ไอโฟนเครื่องสีดำถูกมือหนาหยิบออกจากกระเป๋ากางเกงและเลื่อนรับสายปลายทางทันที โดยไม่รอช้าที่จะให้ปลายสายพูดก่อนจึงพูดแทรกขึ้น
"ถึงแล้ว ตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปคอนโด แล้วคุณเป็นไงบ้าง ฮื้ม..."
ผมโบกรถแท็กซี่ทันทีแล้วขึ้นไปไม่รอช้า เพราะกระเป๋าเดินทางของผมมีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวเท่านั้น ผมทำงานต่างประเทศออกจะบ่อยเลยมีเสื้อผ้าไว้ที่คอนโดเยอะพอไม่ต้องขนมาเยอะแยะ
"[สบายดี ทำไมลงจากเครื่องแล้วไม่โทรหาเราล่ะ?]"
ขนาดผมขึ้นรถไม่มีวินาทีไหนที่จะไม่ฟังเสียงปลายทางที่คุยด้วยเพราะเขาคนนั้นคือคนสำคัญของผม สำคัญมากต่อผม เขาคือคนที่ทำให้ผมมาถึงจุดๆนี้ได้ คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดไม่ว่าเวลาผมเหนื่อย ผมท้อ ผมผิดหวังต่างๆนาๆ ก็ได้เขาคนนี้แหละมาพยุงผมขึ้น ใช่ครับ เขาคือแฟนผม เราคบกันตั้งแต่ตอนผมอายุ21ปีซึ่งตอนนี้ผมอายุ28แล้วครับ 7ปีแล้วที่รักกัน ผู้หญิงที่ผมรักเป็นคนจีน ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆเขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากจีน วันแรกที่ได้เจอเธอเหมือนรักครั้งแรกเลยแหละ ผมแอบมองเธอบ่อยๆจนรู้ได้ว่าเธอติ่งลู่หาน ผมก็เริ่มศึกษาว่าลู่หานเป็นคนอย่างไงและเขาคือใคร วันที่ผมจะบอกว่าชอบเธอแต่อยู่ๆนั่นเธอเดินตรงมาหาผมและบอกว่าชอบผมก่อน จนเราเริ่มคุยกันไปเรื่อยๆจนเหมือนติ่งกับติ่งคุยกันมากกว่าแต่ถึงอย่างไรผมก็รักเธอ แต่หลังๆมานี้ความรู้สึกของผมเริ่มแปลกๆ เพราะดูเหมือนว่าไอดอลคนโปรดของผมเองจะมามีอิทธิพลต่อผมมากขึ้น
"โอะ! งอนหรอ? ไม่งอนนะ เดี๋ยวผมขอตัวขึ้นคอนโดก่อน พรุ่งนี้เจอกันนะ จุ๊บๆ"
"[ไอ้คนบ้า นายนี่มันจริงๆเลย]"
แสงสีที่สาดส่องสว่างอยู่นอกรถก็สวยไม่เปลี่ยนเหมือนเคย ไม่ว่าจะมาอีกกี่ครั้งก็ยังมีกลิ่นไอความทรงจำต่างๆพุ่งแล่นในหัวเต็มไปหมด มันเป็นความทรงจำที่ดีทั้งที่ผมกับหนี่เหวิ่น ได้สร้างความทรงจำดีๆไว้ด้วยกัน มองไปร้านขายของตลอดข้างทางผมก็ได้ไปซื้อมาหมดแล้วเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ก็มันเป็นความจำที่ดีนี่หน่า ผมต้องหยุดคิดต่างๆเพราะตอนนี้ล้อรถได้หยุดหมุนบ่งบอกว่าควรลงและจ่ายเงินมาโดยดี ไม่รอช้าก็รีบจ่ายเงินที่มีค่าเป็นหยวนให้ทันที อ่าวันนี้ผมต้องรีบพักแล้วแหละพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปทำงานต่ออีก ทุกคนคงจะรู้อาชีพผมแล้วนะครับ ใช่ครับช่างภาพที่เกือบจะตกงานแล้วเพราะมัวแต่ไปวิ่งตามถ่ายภาพไอดอลโปรดของผมเอง ดีนะที่มีคนที่จีนจ้างมาถ่ายภาพไม่งั้นคงตกงานแน่ๆได้ข่าวว่าถ่ายคนมีชื่อเสียงด้วยคงได้เงินไม่น้อย ที่ผมเคยบอกว่ามาทำงานต่างประเทศบ่อยๆคือไม่ได้มาทำงานหรอกครับมาหา หนี่เหวิ่น เธอกับผมห่างกันนานไปทางครอบครัวเขาจะให้เราสองคนเลิกกันและเคยถามผมว่าเมื่อไร่จะแต่งงานกันสักทีนี่คบกันมานานแล้ว ผมก็ได้แต่ตอบว่าไม่พร้อมและต้องการวางรากฐานอาชีพให้มั่นคงกว่านี้ เธอก็เคยพูดกับผมว่าไม่ต้องลำบากมาบ่อยๆหรอก เรื่องอะไรที่ผมจะยอมเลิกเพราะระยะห่างล่ะครับ ผมจึงโกหกเธอว่ามีงานที่จีนบ่อยๆ แต่แท้จริงแล้วที่เกาหลีนี่เกือบจะโดนไล่ออกจากสตูดิโอเอาให้ได้ หนี่เหวิ่นรอผมก่อนนะถ้าเสร็งงานครั้งนี้ผมจะขอคุณแต่งงานอย่างที่เราทั้งคู่วาดฝันไว้
แดดจ้าสาดส่องเข้าหน้าต่างบานใสๆจนกระทบถึงตัวคนนอนขี้เซาที่จะเบี้ยวนัดถ่ายรูปในวันนี้ ไม่ว่าแดดจะเพิ่มอุณหภูมิเพียงใดก็ไม่สะทบสะท้านอะไรเลย นาฬิกาที่เดินไม่รอใครมันก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆถ้าถ่านไม่หมดมันก็ยังคงเดินเหมือนเดิม ไม่นานนักคนตัวสูงสะดุงตื่นเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่ามีนัด
"เหี้ยแล้วไง! ไอ้ฮุน"
คนตัวสูงรีบลุกออกจากที่นอนทันที ไม่สนสิ่งใดทั้งนั้นเพราะวันนี้เริ่มงานวันแรกจะไปสายไม่ได้
ในที่สุดเซฮุนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสตูดิโอแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาก็รีบวิ่งเขาไปเพราะตัวเองสายไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
ก๊อกๆๆๆ!!!
"ใคร?"
"ผมเองครับ เลขาฮั่ว"
"เข้ามา มีไร"
"ช่างภาพ คนที่คุณลู่หานจ้างมาจากเกาหลีน่ะครับ เขามาถึงแล้ว เอ่อจะให้เข้ามาพบเลยรึเปล่าครับ"
"ให้เขาเข้ามา"
ก้าวแรกที่เข้ามาผมเกรงไปทั้งตัวเลยแหละ ไม่รู้จะเผชิญหน้าอย่างไรดี เพราะผมสายตั้งครึ่งชั่วโมง
"มาแล้วเหรอ?"
"คือครับ ผมขอโทษที่มาสายครับ คือรถติดนิดหน่อย"
ผมก็โกหกไปเรื่อยเพื่อปัดๆความผิดออกจากตัว โดยการไปโทษสถานการณ์รถติดบนถนนแทน ผมนี่เลวไหม? ไม่หรอก แหมก็ต้องเอาตัวรอดกันบ้างน่า ไม่งั้นงานคงไม่ได้ทำแน่ ถ้าผมเกิดถูกไล่จริงๆล่ะ เฮ่อจะเอาไงดีล่ะ เซฮุน นี่ผมคิดเองเออเองทั้งนั้นเลย แล้วทำไมเขาต้องนั่งหันหลังด้วยอ่ะ เดินเขามานี่ก็เห็นแต่โต๊ะอย่างเดียว
"รถติดหรือตื่นสาย? เอาล่ะฉันไม่ไล่นายหรอก ไปเตรียมตัวอีกไม่นานก็จะเริ่มงานแล้ว"
ผมนี่ตอนแรกสะดุงเหือกเลยแหละ เอ๊ะ ทำไมเขาคนนั้นเหมือนรู้ชีวิตเราดีจัง เสียงก็คุ้นๆ ช่วยหันมาหน่อยได้ไหมเอ่ย คิดไม่ตกฟาก คนที่เซฮุนต้องการเห็นหน้าก็หันมามองพอดี
"คุณลู่หาน!"
"ใช่ แล้วจะทำไม"
{Lucky Fanboy} 60%
“เมื่อกล้องพร้อม งั้นเราก็เริ่มงานกันเลย”
เสียงลู่หานพูดขึ้นหลังจากตัวเองไปอยู่จุดถ่ายรูปแล้ว สายตาของเขาก็ยังมองมาที่เซฮุน ทำเอาเซฮุนทำตัวไม่ถูก แต่อย่างไรได้ล่ะตอนนี้ก็เริ่มจะถ่ายแล้วมัวมานั่งเขินไม่ได้ เสียการเสียงานหมด การถ่ายภาพเซตนี้เป็นเซตที่พูดได้เต็มปากได้เลยว่าเซ็กซี่มาก คอนเซปนี้เป็นแนวผู้ชายเย็นชาแต่โดดเดี่ยว ภาพแรกก็ถูกถ่ายโดยเซฮุน แต่ละท่วงท่าที่ลู่หานโพสท่านั้น มันทำให้เซฮุนเหงื่อออกเยอะมาก ร้อนพราวไปทั้งตัวพร้อมกับกลืนน้ำลายฟืดๆลงคอ เมื่อคนตัวเล็กอยู่ในท่าที่พร้อมสำหรับการถ่ายรูปแล้วเซฮุนเริ่มหามุมจับภาพ ทำให้ภาพออกมาให้สวยเหมือนคนโพส เวลาก็เริ่มเดินไปเรื่อยๆเซฮุนก็เช่นกันอาการอายก็หายไป ตอนนี้เขาสนุกกับการถ่ายภาพแล้ว
“โอเคครับ งานเสร็จแล้วครับ”
พนักงานคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมงานก็ได้ประกาศว่าเป็นอันถ่ายเสร็จสมบูรณ์ แล้วผมก็ทำการเก็บกล้องราคาเป็นแสนลงกระเป๋าเก็บของมันทัน ก่อนที่พร้อมจะรูดซิปกระเป๋า ปรากฏขาของใครบางคนหยุดตรงหน้าผม
“คุณลู่หาน เอ่อมีอะไรรึเปล่าครับ”
“เสร็จตรงนี้ไปหาฉันที่ห้องด้วย”
พูดเสร็จร่างบางก็ไปในทันทีโดยไม่เอ่ยต่อเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่ใบหน้าเซฮุนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของตน
“เยส!!!! กูไม่นกแล้วเว้ย!”
ก๊อกๆๆๆ
“ผมเซฮุนครับ”
“เข้ามา”
ตอนนี้ผมก็เข้ามาอยู่ในห้องสืบสวน เพื่อรอการสอบสวน ไม่ใช่ล่ะ แต่บรรยากาศมันให้อ่ะ ให้คิดอย่างอื่นไม่ได้หรอก
“นั่งสิ”
ลู่หานก็ยังคงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนผมไม่รู้จะทำตัวอย่างไงเพื่อไม่ให้ไปขัดใจของเขา
“ครับ คุณลู่หานมีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
“มี ชื่อจริงนายชื่อนี้จริงๆหรอ”
ทำไมจู่ๆเขาถึงถาม รึว่าเรื่องบนเครื่องบิน บรรยากาศก็ยิ่งเหมือนห้องสืบสวนไปใหญ่
“ครับ ผมชื่อ โอ เซฮุน”
“นายมีพี่น้องไหม๊”
“มีครับ”
“ชื่ออะไร”
“เอ่อ.....โอ คยองซู เอ่อ คุณลู่หานทำไมถึงถามผมอย่างงี้ล่ะครับ”
“งั้นขอดูหน้า”
ผมว่าง่ายควักโทรศัพท์ออกมาและเลื่อนหาภาพน้องชายตัวเองแล้วยื่นให้ทันที
“น้องนายไม่เห็นเหมือนนายเลย”
“เอ่อ ผมไม่มีพ่อแม่ครับ ผมเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยง”
ลู่หานได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ถามต่อเพราะตนเองถามระราบระล้วงเกินไป
“ขอโทษนะที่ถาม ฉันไม่ปิดบังนายก็ได้ นายเหมือนแฟนฉัน”
“ก็ผมเป็นแฟนคุณลู่หานนี่ครับ”
“นายว่าไงนะ”
“ผมหมายถึงแฟนคลับ”
“อยากกลับเกาหลีแบบไม่ได้เงินจ้างใช่ไหม๊”
“ผมจะแฟนคุณได้ไงล่ะ ครั้งนี้ครั้งแรกที่ผมได้คุยกับคุณลู่หานเลยแหละ ผมอ่ะนกมาตลอด”
ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองด้วยความเขินอาย วันนี้ถูกเข้าผิดว่าเป็นแฟนเขาด้วยอ่ะแก เมื่อก่อนเลี้ยงนกตอนนี้เลี้ยงกวางแหละ
“ฉันมีข้อเสนอให้นาย นายมาเป็นบอดี้การ์ดฉันเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันจ้างนายสิบล้าน”
“สิบล้าน ไม่มากไปหรอครับ”
“นายตกลงหรือไม่ก็แล้วแต่นาย ฉันให้เวลานาย นี่นามบัตรฉันแล้วติดต่อมาล่ะ”
มือเรียวยื่นนามบัตรกรอบทองให้ผม เขาจ้างผมให้ผมเป็นบอดี้การ์ดผมจะปกป้องอะไรเขาได้เนี่ย ถ้าให้เป็นช่างถ่ายรูปประจำตัวยังโอเคกว่าเยอะ ผมต้องทำอะไรบ้างยังไม่รู้เลย เงินเดือนตั้งสิบล้านมากกว่าเงินเดือนที่ผมได้อีก พอผมรับบัตรเสร็จผมก็ลากลับเลย ผมเดินออกมาจากสตูดิโอ เดินไปเรื่อยๆตามทางฟุตบาท มีความคิดหนึ่งพุ่งแล่นเข้าหัวผมคือ คนที่ควรปรึกษาไอ้ชานเพื่อนรัก ไม่ทันได้โทรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีพร้อมโชว์ชื่อผู้โทรว่าคือเพื่อนรักไอ้สัดชาน
“[ว่าไงไอ้ฮุนเพื่อนรัก อยู่นั่นไม่โทรหาเพื่อนเลยนะ]”
“กูกะจะโทร มึงโทรมาพอดี ดีแล้วแหละกูจะได้ไม่เสียตังค์”
“[ไหนเล่ามาสิ ว่าเป็นไงเจอไรมา เสียงคุณเพื่อนดูเครียดๆ]”
ผมก็เล่าให้ไอ้ชานฟังอย่างละเอียดเรื่องของลู่หาน ผมเป็นติ่งที่หวังจะได้แค่คุยและเจอหน้าไม่คิดว่าศิลปินคนนั้นยื่นโอกาสทองให้ผมขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าเรื่องมันแปลกๆ ผมจะไปหน้าเหมือนแฟนคุณลู่หานยังไงได้ทั้งๆที่ผมอยู่แต่ประเทศเกาหลีใต้ ย้ำว่าเกาหลีใต้นะครับ หรือว่าโอกาสที่เขาหยิบยื่นให้เพียงเพื่อให้ผมไปทำหน้าที่แฟนคนนั้นของเขา ให้ผมไปเป็นตัวแทนด้วยเงินจ้างผมสิบล้านบาท แค่เดือนเดียวเองไม่ได้ตลอดชีวิตสักหน่อย พอทำหน้าที่เสร็จก็กลับ เงินสิบล้านนี้ผมก็เอาไปแต่งหนี่เหวิ่นอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ผมเคยบอกล่วงหน้าไปแล้วว่าผมเสร็จธุระตรงนี้ผมจะไปแต่งทันที แต่คงต้องเลื่อนเวลาออกไปอีกแล้วแหละเพราะผมต้องทำงานหนึ่งเดือนเพื่อเงินสิบล้าน
“คุณแบคฮยอนครับ รถมารอหน้าบ้านแล้วนะครับ เสร็จรึยังครับ”
“บอกรถคันนั้นว่าฉันยังไม่ไปให้ไปก่อนเลย”
“เดี๋ยวมันสายนะครับ
“ฉันจะให้นายไปส่ง มีปัญหาไหม๊ล่ะ”
ผมได้ยินปุ๊บก็เดินไปบอกรถตู้คันสีขาวว่าให้ไปก่อน เดี๋ยวคุณแบคฮยอนไปทีหลัง
“คุณแบคฮยอนมันจะสายเอานะครับ”
มือเรียวบางตบเข้าที่ไหล่ข้างขวาชานยอล พร้อมส่งสายตาออดอ้อน
“ดาลิ่ง อย่าพูดว่าคุณสิ มันดูห่างเหินกันอ่ะ เรียกเราว่า ตาบี๋นะ”
ผมได้แต่คิดว่าตาบี๋ของผมเนี่ยจะมาไม้ไหน เมื่อวานก็ยังเหวี่ยงผมอยู่เลย เมื่อวานสงสัยหึงมั้ง ผมออกจะหล่อราวเทพบุตรส่งมาเกิด
“นี่ชานยอล จะขึ้นรถรึยังเดี๋ยวฉันก็ไปทำงานสายหรอก”
คิดยังไม่ตกฟาก มาไม้ใหม่อีกแหละตอนนี้คงเรียกตาบี๋ไม่ได้ล่ะ คงต้องเรียกนายหญิง บ่าวกำลังจะไปขอรับ
“ดาลิ่ง ตอนเย็นทานอะไรดีอ่ะ”
“ก็คุณตาบี๋ทานอะไรครับ”
“ตาบี๋คิดไม่ออกอ่ะ อย่าเรียกคุณจิ ให้เรียกตาบี๋”
“งั้นเย็นนี้กินเพดดีกรีกับนมดัชมิลล์แล้วกันนะครับคุณตาบี๋”
“นั่นมันหมา!!!!”
“ก็อาหารหมาไงคุณ”
“ไม่ใช่หมาข้างหน้า”
ผมเห็นสุนัขตัวหนึ่งอยู่ข้างทางมีท่าทีจะวิ่งข้ามถนนมันอาจจะตัดหน้ารถของผมได้ ผมเลยตัดสินใจเบรกกระทันในทันที
“คุณแบคฮยอนไม่เป็นไรนะครับ”
Talk:วันนี้มีฟิคมาแนะนำด้วย บอกเลยว่าสนุก ใครที่ชอบอ่านแนวอีโรติกต้องฟิคเรื่องนี้ ฟิคนายหญิงcb เรื่องนี้เพื่อนเราแต่งเอง แบบแบคเปย์พี่ชานอ่ะ แบคควีนมาก แบคเป็นนายหญิงอ่ะ ลองไปอ่านอินโทรนะ พออ่านจบแล้วแบบ โอ้ยไปอ่านๆ
#ฟิคนายหญิงcb
คลิก!! <=ลิงค์ฟิค คลิกๆ
ความคิดเห็น