ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อ้อมกอดแห่งความคิดถึง
บทนำ    :    อ้อมกอดแห่งความคิดถึง
วันที่    :    29 พฤศจิกายน 2004
โดย    :    เงาจันทร์
    คุณเคยคิดเหมือนผมรึเปล่าครับ ว่าสิ่งที่สำคัญนั้น จะอยู่รอบๆตัวเราเสมอ จนกระทั่งอยู่ๆสิ่งๆนั้นก็ได้หายไป นั่นล่ะครับถึงได้รู้ว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญ มันก็คงจะเหมือนผมล่ะครับเพราะตอนนั้นผมก็ไม่เคยรู้หรอกว่าเวลามันสำคัญขนาดไหน จนกระทั่งผมได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างไม่ทันตั้งตัวเข้าจึงทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความสำคัญของช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับเธอ .....
    ตอนนี้ผมกำลังเดินเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิตอยู่บนทางเดินของอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง จะว่าไปแล้วแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยครับว่าผมมาทำบ้าอะไรที่นี่ ทั้งๆที่ผมก็มีหน้าที่เขียนเรื่องใหม่แถมงานประจำก็ยังมี แต่ว่าถ้าอยู่ๆผมเกิดไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อไหร่ผมก็ต้องถ่อสังขารมาที่นี่ทุกที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เอาล่ะในที่สุดผมก็ต้องมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนี้...
                    ก๊อก          ก๊อก          ก๊อก
    ผมเผลอเคาะประตูด้วยความเคยชิน แต่แล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า เจ้าของห้องไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ผมจึงก้มลงสอดมือเข้าไปใต้ประตูเพื่อหากุญแจสำรอง ใช่ครับ เจ้าของห้องเธอจะเอากุญแจสำรองสอดไว้ใต้พรมด้านหลังของประตู อ่า.... รู้สึกเหมือนผมจะหามันเจอแล้วล่ะครับ ความลับเรื่องกุญแจนี้มีแค่ผมกับเธอเท่านั้นที่รู้
    คลิ๊ก! เสียงปลดล็อคเบาๆของประตูดังขึ้นเมื่อผมไขกุญแจเข้าไป พร้อมกับออกแรงผลักประตูให้เปิดออกอย่างช้าๆแต่แล้วอยู่ๆราวกับว่ากลิ่นคาวเลือดจากด้านในก็ทะลักออกมาจากห้อง จนทำให้ผมผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องมานั่งถอนใจเฮือกใหญ่เพราะว่า เหตุการณ์นั้น มันผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ภาพความทรงจำ มันยังคงฝังตรึงอยู่ในมโนสำนึกของผม จนกระทั่งบัดนี้
    ผมค่อยๆก้าวเข้าไปในห้อง โดยที่เอื้อมมือลูบไปบนผนังอย่างทะนุถนอม ราวกับว่าเธอยังคงอยู่ภายในห้องนี้ และยังไม่ไปไหน ฝ่ามือของผมค่อยๆเลื่อนลงมาบนเตียงนุ่ม พร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งแล้วมองออกไปยังระเบียงนอกห้อง เหมือนกับที่ผมทำประจำเวลามาที่นี่ และทุกครั้งที่ผมมานั่งบนเตียงหลังนี้ ผมก็จะได้ยินเสียงเรียบๆและเจือไปด้วยความเป็นห่วงของเธอดังขึ้นพร้อมกับเสียงของช้อนคนกาแฟในถ้วยที่มือของเจ้าหล่อน
“ไง ลมอะไรหอบมาถึงนี่จ๊ะ”
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจแล้วก็หันไปทางต้นเสียงซึ่งเจ้าของเสียงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหญิงสาวผิวเข้มผมหยักศกในเสื้อแขนกุดกับกางเกงชาวเลสบายๆยืนพิงประตู พร้อมกับคนกาแฟในแก้วก่อนที่จะเดินมานั่งข้างๆผม เมื่อเธอเดินมาถึง ภาพของเธอก็ค่อยๆจางหายไป...
ใช่ครับหายไป มันเป็นเพียงภาพของเธอในความทรงจำของผมเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่ผมหันกลับไปมองนั้น เหลือเพียงแต่ความอ้างว้างและว่างเปล่า ห้องว่างๆไร้คนอาศัย ที่มีแต่โต๊ะไม้เตี้ยๆที่ใช้วางกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คดังเช่นตอนที่เจ้าของยังคงอยู่  ผมเคยถามเธอหลายตั้งหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องโต๊ะทำงานของเธอตัวนี้ แล้วและผมก็ได้คำตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง
“ก็ไม่ชอบนั่งโต๊ะนี่ นั่งบนพื้นมันสบายกว่า”ภาพของหญิงสาวผมหยักศกในเสื้อผ้าแบบเดิมกำลังลดตัวลงนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะตัวนั่งก็ผุดขึ้นแล้วก็ค่อยๆจางหายไป ทำไม ทำไม ผมถึงมีแต่ภาพของเธออยู่เต็มหัวไปหมด ยิ่งผมนึกถึงคำพูดและท่าทีร่าเริงของเธอแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมันยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอราวกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถจะลบเลือนมันออกไปได้เลย ช่วงเวลาเกือบสามเดือนที่เธอกลับมา ราวกับว่าเธอรู้ดีถึงเวลาของเธอที่ร่อยหรอลงไปทุกขณะ
    ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปยังตู้หนังสือใบใหญ่แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบสมุดปกหนาสีดำบุด้วยกำมะหยี่อ่อนนุ่มออกมาสมุดสีดำสองเล่ม สีโปรดของเธอ  มือของผมลูบค่อยๆไล้ไปบนสมุดเล่มนี้ด้วยความทะนุถนอมราวกับว่ามันเป็นตัวแทนเพียงอย่างเดียวที่ผมสามารถติดต่อกับเธอผู้จากไปได้ ก่อนที่จะออกไปนั่งอยู่บนขอบระเบียงด้านนอก โดยปล่อยให้สายลมพัดผ่านเส้นผมที่ปล่อยลงมาจนยาวให้ปลิวไปตามสายลม 
...สายลมแห่งกาลเวลา...
    ผมหันเหความสนใจกลับมาที่สมุดปกกำมะหยี่สีดำที่มืออีกครั้ง ก่อนที่ความคิดของผมมันจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลเสียก่อน
สมุดสองเล่ม ผมเลือกเล่มบนสุดขึ้นมาอ่าน ก่อนที่จะวางอีกเล่มลงไว้ข้างๆตัว
ผมถอนหายใจอีกก่อนที่จะค่อยๆเปิดสมุดเล่มนี้ออกอย่างช้าๆราวกับว่าภาพแห่งอดีตจะไหลวนกลับมาสู่ห้วงแห่งความทรงจำอีกครั้ง แค่เพียงหน้าแรกที่เธอจรดปากกาลงไป มันก็สามารถเรียกน้ำตาของไอ้บ้าคนนี้ให้พรั่งพรูออกมาได้
\'มันเป็นแค่ประโยคเดียวเองนะโว้ย แล้วเธอล่ะเธอคิดว่าเธอเป็นใครห๊า ยัยบ๊อง ที่อยู่ๆก็มาทำให้คนอ่านอย่างชั้นร้องไห้น่ะ\'
ผมได้แค่คิดก่อนที่จะต้องปิดสมุดเล่มนี้แล้วก็ค่อยๆซบหน้าลงกับแขนของตัวเอง มันไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นมีเพียงน้ำตาเท่านั้น ที่ไหลอาบลงมา หากเธอยังคงอยู่สิ่งที่จะซับน้ำของผมไว้คนไม่ใช่ท่อแขนของผมเป็นแน่ แต่ในตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว
    ผมปาดน้ำตาก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อช่วยเรียกสติให้กลับมาสู่ปัจจุบัน
‘อดีตเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับสิ่งที่ผิดพลาด จงอย่าทิ้งมัน แต่ก็อย่าจมอยู่กับวัน เพียงแค่จดจำมันเอาไว้เพื่อเรียนรู้สำหรับปัจจุบัน และสามารถก้าวต่อไปได้ในอนาคต’ นี่คงเป็นแค่เสียงที่ลมที่ผ่านเข้ามา หรือเป็นเสียงของเธอในความทรงจำของผมก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้ก็คือ เธออยากให้ผมลุกขึ้นและก้าวต่อไป
เอาละไอ้บูรพัฒน์ตอนนี้แกต้องมีต้นฉบับเอาไว้ส่งตอนสิ้นเดือนแกจะมานั่งกลุ้มหรือลอยไปลอยมาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ผมบอกกันตัวเองก่อนที่จะหยิบสมุดโน้ตเล่มหนาขึ้นมาอีกครั้ง
\'ยัยตัวแสบ ในเมื่อเธอทำให้ชั้นไว้ใจ ทำให้ชั้นเชื่อใจ แล้วก็มาทิ้งกันไปแบบนี้ ชั้นก็จะเอาเรื่องของเธอนี่ล่ะ มาทำเป็นงานใหม่ของชั้น ให้สมกับที่เธอทิ้งชั้นไว้คนเดียว! แต่รับรอง ว่าชั้นจะเขียนถึงเธอด้วยใจทั้งหมดที่ชั้นมีเลย \' ผมปากเก่งได้แค่นี้ละครับ เพราะอยู่ดีๆ น้ำตาผมมันก็รื้นขึ้นมาอีก
\'ผู้ชายประสาอะไรวะ\' ผมสบถเบาๆพลาดปาดน้ำตาอีกครั้งก่อนที่จะเปิดสมุดโน้ตสีดำขึ้นมาอ่าน
                  เพียงประโยคแรกที่ผมได้สัมผัส ผมก็รับรู้ได้ทันทีว่า สมุดเล่มนี้คงไม่ได้เป็นเพียงแค่ไดอารี่ธรรมดา แต่สมุดเล่มนี้มันคือเรื่องราวของคนสองคนที่เธอบันทึกเอาไว้ภายในเวลาเพียงไม่ถึงสามเดือน ไม่สิ มันเป็นเรื่องราวที่รวบรวมความทรงจำทั้งหมดเอาไว้ต่างหาก
“ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเธอจะอยู่หนใด ขอให้เธอจดจำเอาไว้ ว่ายังคงมีฉันที่คิดถึงเธอเสมอ....”
บูรพัฒน์ รัตนากรณ์    / 22 มกราคม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น