นิยายอ่านสนุก ต่อตอน7 - นิยายอ่านสนุก ต่อตอน7 นิยาย นิยายอ่านสนุก ต่อตอน7 : Dek-D.com - Writer

    นิยายอ่านสนุก ต่อตอน7

    แบบเดิมสนุกดี

    ผู้เข้าชมรวม

    383

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    383

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 มี.ค. 50 / 18:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ขุนไตยตะโกนลั่นสนามรบ บรรยากาศโศกเศร้าครอบงำ องค์หญิงน้อยหลับตาพริ้มลงอย่างช้าๆ ขุนไตยกอดร่างองค์หญิงน้อยไว้แน่น ร่ำร้องว่า
      อย่าตายนะ อย่าตาย เจ้าเคยสัญญาว่าจะมีบุตรกับข้า เจ้าเคยบอกว่าจะตามกวนใจข้า เจ้าเคยบอกว่าจะมีลูกสักโหลให้ข้า อย่าตายนะ ฟื้นขึ้นมาสิ เจ้าเลือกเสียสละตัวเองเพื่อแผ่นดิน แต่ทำไมเจ้าไม่คิดถึงหัวอกข้าบ้าง ฟื้นขึ้นมาสิ ฮือๆ ฟื้นขึ้นมา

      องค์หญิงน้อยใบหน้าซีดขาว นอนสงบนิ่ง ลูกธนูปักอยู่กลางอก โลหิตไหลหลั่งเป็นเส้นสาย รอยยิ้มที่ริมฝีปากยังไม่จางหายราวกับยินดีกับสงครามที่ยาวนานได้จบลงเสียที ขุนไตยเหม่อมองเบื้องหน้า อุ้มองค์หญิงรัชต์วิภาที่ไร้ลมหายใจแนบอก วางพาดบนหลังม้า พญาฟ้าคร้ามกล่าวว่า
      เจ้าจะพานางไปไหน
      นางเคยขอร้องข้า หลังจากศึกสงครามแล้วนางอยากจะใช้ชีวิตกับข้าที่หน้าน้ำตกตาดเหมย มองดูดอกนางพญาเสือโคร่งทุกๆวัน ไม่ว่านางตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็จะรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับนางและลูก.....
      ขุนไตยขึ้นม้า กอดองค์หญิงน้อยไว้แนบอก
      ควบขับม้าจากไป พญาฟ้าคร้าม พญาขอมและขุนเจือง ขึ้นม้าติดตามไป เสียงม้าเหยาะย่าง ตลอดทางไม่มีเสียงผู้คนสนทนากันเลย ขุนไตยเหม่อมมองเบื้องหน้าราวกับไร้ชีวิต ควบม้าให้เดินไปตามทางยาวไกล ใบไม้ในฤดูหนาวร่วงโรยไม่ขาดระยะลาดเส้นทางให้ย้อมไปด้วยสีแดงและน้ำตาล ขุนไตยควบม้ามาถึงน้ำตกตาดเหมย อุ้มองค์หญิงน้อยลงไปที่ริมลำธาร ชักดาบตัดกิ่งดอกนางพญาเสือโคร่งออกมาเป็นพรมปูรองเบื้องล่างแล้วอุ้มนางวางไว้บนพรม
      ดอกไม้ จ้องมององค์หญิงน้อยแล้วกล่าวว่า
      ท่านพ่อ ขอให้ท่านเลิกแค้นนพบุรีเสียเถิด อย่าได้ก่อศึกสงครามอีกเลย ข้าเบื่อกับสงครามเต็มทนแล้ว ท่านพี่ขุนเจืองต่อจากนี้ท่านต้องดูแลพญาฟ้าคร้ามและองค์หญิงสุวรรณวิภาให้ดีด้วย
      แล้วเจ้าล่ะ
      ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนองค์หญิงน้อย ข้าเคยให้สัญญาว่าจะดูแลนางเจ็ดแปดร้อยปี ข้าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ พวกท่านกลับเมืองไปเถอะ

      พญาขอมหน้าสลด เข้าใจอาการของคนหัวใจตาย พระองค์ก็เคยเป็นในยามที่สูญเสียมเหสี แต่อาการที่โกรธแค้นแต่ระบายไม่ได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานเหลือเกิน เพราะพระองค์เลือกความแค้นทำให้อนาคตของบุตรต้องจมกับความทุกข์ ได้แต่หันหลังเดินไปขึ้นม้า ขุนเจืองและพญาฟ้าคร้ามเหม่อมอง ขุนไตยอุ้มองค์หญิงน้อยแนบอก กล่าวว่า
      น้องหญิง ข้าเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าไม่มีเจ้าข้าก็อยู่ไม่ได้
      ขุนไตย เจ้าอย่าทำบ้าๆนะ
      ขุนเจืองตะโกนลั่นแต่ช้าไปแล้ว ขุนไตยถอนลูกศรแล้วแทงเข้ากลางอกตัวเอง แม้เจ็บปวดแต่ก็ไม่ยอมปล่อยองค์หญิงที่ตนรักจากอ้อมอก โลหิตสดๆไหลรินจากปาก ขุนไตยยิ้มกล่าวว่า
      รอข้าด้วย ข้ากำลังจะตามเจ้าไป ยอดรักของข้า
      ดอกนางพญาเสือโคร่งร่วงโรงทับถมบนร่างไร้วิญญาณของหนุ่มสาวผู้สูญเสีย พยานรักที่เกิดท่ามกลางสงคราม ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ สงครามก็ให้แต่ความสูญเสียแก่ทุกๆคน ขุนเจืองวิ่งเข้าไปหาน้องชาย แต่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว บรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงช่วยขับเน้นบรรยากาศให้เศร้าสลด เพราะเหตุไรคู่รักจึงนิยมพลีชีพเพื่อติดตามคนรัก พระลอกับพระเพื่อนพระแพง ผานางคอยกับหัวหน้าฝีพาย นางอั้วกับเจ้าชาย โรมิโอกับจูเลียต หรือความรักจะมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น.
      ........................................................................................
      หลังจากนั้นพญาฟ้าคร้ามได้ยกธิดาให้ขุนเจือง ส่วนพญาขอมสละราชบัลลังก์ให้ขุนเจืองปกครอง ส่วนตนเองหลีกเร้นไปปฏิบัติธรรมตามป่าเขา หาความวิเวก ละทิ้งเกียรติยศ ศักดิศรี และความแค้นไว้เบื้องหลัง จนภายหลังได้เป็นฤษีผู้มีอภิญญา ปรากฏการช่วยเหลือชาวโลกจนถึงปัจจุบัน ส่วนน้ำตกตาดเหมยที่ฝังศพของเจ้าขุนไตยและองค์หญิงรัชต์วิภา พญาเจืองได้สลักศิลาเป็นอนุสรณ์ไว้ แล้วทั้งสองเมืองก็กลายเป็นพันธมิตรกันตราบจนนพบุรีได้ครอบครองเจ็ดลิน สองแคว้นเลยกลายเป็นหนึ่งเดียวกันตราบแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ทั้งหมดคงจะไม่ลืมว่าเพราะการเสียสละของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
      ........................................................................
      แปดร้อยปีผ่านไป ธารน้ำตกยังคงไหลหลั่ง น้ำตกตาดเหมยยังคงงดงามในขุนเขา ผิดแต่ว่าดอกนางพญาเสือโคร่งไม่มีอีกแล้ว เบื้องหน้าน้ำตก แก้มในชุดเสื้อกันหนาวสีขาว เหม่อมองน้ำตกรินไหล นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใด ตนเองถึงมีซิกเซนส์ นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตนเองถึงต้องพบเจอวิญญาณ แต่เรื่องราวแต่หนหลัง กับบุรุษที่รักษาสัญญาตลอดแปดร้อยปี ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาเสียจริงๆ
      ขุนไตย ทำไมท่านโง่แบบนี้
      น้ำตาที่สะกดกลั้นไว้ค่อยๆไหลทะลักออกมา ความรู้สึกที่คุ้นเคยและเสียงที่คุ้นเคยล่องลอยมา ผิดแต่ว่าคราวนี้แก้มไม่ได้กลัวอีก
      ถ้าข้าไม่โง่แล้ว ข้าจะพบเจ้าอีกครั้งได้อย่างไร
      ขุนไตย
      แก้มโผกอดขุนไตย บุรุษหนุ่มที่เฝ้ารอมานานแปดร้อยปี สะอึกสะอื้นร่ำไห้ในอ้อมอก กล่าวว่า
      ท่านโง่ๆจริงๆ เพื่อคำสัญญาบ้าๆของข้า ท่านต้องรอตั้งแปดร้อยปีกระนั้นหรือ
      เพื่อรักแล้ว ต่อให้นานกว่านี้ข้าก็รอได้ ข้ารอเพื่อบอกเจ้าอีกครั้งว่า ข้ารักเจ้า
      ทำแบบนี้แล้วท่านจะได้อะไร เพราะข้า เพราะข้าเองที่เป็นต้นเหตุให้ท่านต้องทุกข์ทรมาน เพราะข้า ฮือๆๆๆ
      ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก น้องหญิง บัดนี้ข้าได้ปลงภาระแล้ว การมาพบเจ้าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย
      อะไรนะ ไม่นะ ไม่ พี่รอเพื่อพบข้ามาแปดร้อยปี พอพบแล้วก็จะจากไปอย่างนั้นเหรอ พี่จะไปไหน อย่าไปเลยนะ อย่าไป ฮือๆๆ
      หมดเวลาของพี่แล้ว น้องหญิง เมื่อพี่หมดบุญ พี่ก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่เจ้าไม่ต้องเสียใจไปหรอก สักวันหนึ่งเจ้าจะได้พบพี่อีกครั้ง
      ไม่ ไม่เอา ข้าอยากอยู่กับพี่ที่นี่
      สักวันหนึ่งเจ้าจะลืมพี่ได้เอง รักษาตัวด้วยน้องหญิง
      ขุนไตยยยยย
      ร่างของขุนไตยค่อยๆโปร่งแสงและกลายเป็นดวงแสงล่องลอยขึ้นไปบนฟ้า แก้มใจ๋ทรุดลงร้องไห้ กับรักที่ได้หวนคืนมาเจออีกครั้ง แต่ก็ต้องจากกันนิรันดร์กาล หยกเดินมาตบบ่าเพื่อน แก้มใจ๋เช็ดน้ำตาแล้วเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ น้ำตกยังคงไหลหลั่ง ดอกไม้ยังคงเบ่งบาน แต่ชีวิตของคนเราเล่า จะเบ่งบานได้เหมือนดอกไม้หรือเปล่า คำตอบนี้คงมีแต่นางที่รู้
      ..............................................................................................................
      จบบริบูรณ์

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×