ตอนที่ 15 : LOVE on ice & LIFE with you [END] new
คนที่เสนอว่าพวกเขาควรจะซื้อรถก็คือยูริ เขาไม่แน่ใจว่าอะไรที่ทำให้ยูริคิดแบบนั้น ขนส่งสาธารณะของรัสเซียก็ไม่ได้แย่ ทุกครั้งที่พวกเขาออกไปซื้อของเข้าบ้านก็ไม่ได้เยอะมากนักจนกระทั่งต้องมีรถใช้ แท็กซี่….โอเค ยูริเคยโดนโกงแต่ก็แค่สองสามครั้งและเขาก็จับไต๋ได้เก่งพอที่จะรู้ทัน ความสะดวกสบาย? ก็อาจจะ...แต่พวกเขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่วิ่งไปที่ลานอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นจะใช้รถแต่อย่างใด นอกเสียจากจะไปเที่ยวที่ไกลๆ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เขาพายูริไปเที่ยวคือ หาดเซสโตรเร็ทสกี้ ซึ่งมีรถประจำทางจนไปถึงตัวหาด
พวกเขาไปเที่ยวกันแค่นั้น วันเดียวที่ไม่ได้คุยกันเรื่องสเกต วิคเตอร์ถูลู่ถูกังยูริให้ไปด้วยกัน เขายังจำได้อยู่เลยราวกับเกิดขึ้นเมื่อวานว่ายูริอยากซ้อมมากกว่า เขาไม่ได้ตามใจยูริไปทุกเรื่องถึงจะเชื่อในทุกการตัดสินใจของยูริก็ตาม แต่วิคเตอร์คิดว่าการได้อยู่ห่างจากน้ำแข็งสักพักจะทำให้ยูริร่าเริงขึ้น สดใสขึ้น เขาทดสอบกับตัวเองมาแล้ว หนีจากสเกตแปดเดือนเพื่อที่จะได้เจอยูริ นั่นแหละ ความทรงจำที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเขา
วิคเตอร์นั่งรอในห้องรอผู้โดยสารที่สนามบินปูลโกโว สนามบินนานาชาติของเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก มือกำมือถือไปมา มองที่บอร์ดสีดำซึ่งมีรายชื่อและหมายเลขประจำเครื่องบิน มัคคาชินซึ่งนอนอยู่บนพื้นข้างๆเขากรนเสียงดังฟื่ดๆ หญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างๆถึงกับเหลือบตามอง คุณไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสถานที่ราชการของรัสเซียได้เลย ถ้าไม่ใช่วิคเตอร์ นิกิโฟโรฟ
วิคเตอร์ไล่ดูรายชื่อเบอร์มือถืออย่างเหม่อลอย มันมีไม่มาก แค่หกสิบรายชื่อเท่านั้น เขามีคนเข้าหาเยอะก็จริง แต่ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย ทุกวันนี้หกสิบคนนี่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เขายังติดต่ออยู่ บางชื่อก็จำหน้าตาของเจ้าของไม่ได้แล้ว
วิคเตอร์หยุดค้างที่ชื่อนำหน้าด้วยตัว S กลืนน้ำลายและตัดสินใจกดโทรออก
[โอ้ วิคเตอร์ ซาลู!!] น้ำเสียงร่าเริงหลังจากที่ไม่ได้ยินมาสามปีทำให้วิคเตอร์รู้สึกผ่อนคลาย
“ ซาลู สเตฟาน เป็นยังไงบ้าง?”
[ สบายดีเจ้าหนู แต่ที่นายโทรมาในรอบสิบปีนี่แปลว่านายมีเรื่องไม่สบายใจล่ะสิ] สเตฟานเรียกเขาว่าเจ้าหนูแม้อายุจะห่างกันเพียงแค่สี่ปีเท่านั้น พวกเขาจะเรียกว่าเป็นนักกีฬารุ่นเดียวกันในกีฬาที่อายุขัยสั้นก็ว่าได้ สเตฟานประกาศรีไทร์ตอนอายุยี่สิบห้า ด้วยเหตุผลหลักๆคือเขาหมดแรงบันดาลใจที่จะสเกตต่อแล้วตั้งแต่พ่ายแพ้ให้กับวิคเตอร์ถึงสองปีติดกัน โดยที่ก่อนหน้าที่วิคเตอร์จะมา สเตฟานครองแชมป์เวิลด์สถึงสองสมัย การปราชัยให้กับเด็กหนุ่มหน้าใหม่คงทำให้เขาคิดว่าถึงเวลาที่ตัวเองต้องลาวงการแล้ว
หลังจากนั้น สเตฟานก็กลายเป็นโค้ชและนักออกแบบโปรแกรมให้กับเด็กๆ และยังเป็นคนรายงานข่าวกีฬาอีกด้วย เมื่อสามปีก่อนที่สเตฟานบรรยายการการแข่งกรังด์ปรีด์รอบไฟนอล เป็นการคุยครั้งแรกของพวกเขาหลังจากที่สเตฟานรีไทร์
“ ชีวิตของคุณเป็นยังไงบ้าง สเตฟาน หลังจากรีไทร์”
[นายกำลังจะรีไทร์แล้วเหรอ? หืมม์? ถึงได้ถามแบบนี้]
วิคเตอร์ตอบเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ แม้ตาสีฟ้าที่สะท้อนบอร์ดสายการบินจะไม่ยิ้มตาม “ อย่าเพิ่งเอาไปทำข่าวนะ”
[ฉันเป็นโค้ช ออกแบบโปรแกรมอยู่สองสามปีก็ไปเที่ยวยาวๆ เพิ่งรู้ตัวว่ามีเงินเก็บเยอะก็ตอนนั้นแหละ จากนั้นก็มีแฟนคนหนึ่ง แล้วก็เลิกกัน ฉันกลับไปวงการสเกตอีกครั้ง เป็นผู้ประกาศข่าวบ้าง แสดงละครเวทีบ้าง]
วิคเตอร์พยายามจำทุกคำพูดที่อีกฝ่ายกล่าว ถึงไม่คิดว่าจะได้ใช้ แต่ก็อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้
[ฉันเคยชวนนายว่าให้เลิกแข่งแล้วออกมาทำไอซ์สเตจ นายเป็นตำนาน ไม่ต้องพึ่งพาเหรียญทองแล้ว วิคเตอร์ นายไม่ได้ตามสปอนเซอร์ต้อยๆ กลับกันพวกเขาต่างหากที่ต้องง้อนาย ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงหิวกระหายการแข่งขันขนาดนั้น นึกจะรีไทร์ตอนนี้ก็ขอบอกเลยว่า นายรู้ตัวช้ามาก]
“ นั่นทำให้คุณไม่เคยชนะผม”
[ก็ถูก นายเสพติดชัยชนะซะจนไม่มีใครชนะนาย] เสียงของสเตฟายหายไปช่วงหนึ่ง วิคเตอร์ได้ยินเสียงฟู่จากปลายสาย เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะสูบบุหรี่อยู่ [ตอนที่ฉันได้ยินว่า นายเป็นโค้ชก็เกือบๆจะดีใจออกมาเลย ฉันคงเป็นแค่ไม่กี่คนล่ะมั้ง ที่ไม่อยากให้นายกลับไปแข่ง]
“ แล้วถ้าเป็นคุณจะทำยังไงล่ะ? ถ้าคนที่คุณรักจะรีไทร์ ถ้าทางเดียวที่จะทำให้เขากลับมาคือคุณต้องกลับไปแข่ง--” วิคเตอร์ขัด
[ฉันก็จะคุยกับเขา]
“มีตัวเลือกอื่นนอกจากคุยมั้ย?”
[นี่หมายถึง ยูริ คัตสึกิหรือเปล่า?]
วิคเตอร์ไม่ตอบ แต่นั่นก็เป็นคำตอบพอแล้วสำหรับเพื่อนปลายสาย สเตฟานถอนหายใจ ใครๆต่างก็รู้กันทั่วโลกว่าเจ้าของแหวนทองอร่ามที่ทำเอาสายตาของผู้ชมพร่ามัวบนนิ้วนางของวิคเตอร์คือใคร [ฉันพอนึกภาพออกแล้ว นายกลับมาแข่งเพราะผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย ยูริ คัตสึกิมาก่อน แรงบันดาลใจมาทีหลัง]
“ นี่ไม่เชื่อกันเลยรึไงว่าฉันกลับมาเพราะอยากแข่งจริงๆ มีคนทำลายสถิตินายได้ นายจะไม่อยากกลับมาเชียวรึ?” วิคเตอร์หลุดปากถามออกไปโดยที่ไม่รู้ตัวว่าถามผิดคน เขาปิดปากตัวเองทันทีแต่ก็ไม่ทัน
[คนที่ทำลายสถิติฉันก็คือนายนั่นแหละ เห็นฉันกลับมาแข่งรึเปล่าล่ะ? ฟังนะ วิคเตอร์ ใช่ ฉันเคยรู้สึก...พลุ่งพล่าน ตื่นเต้น และยอมรับเลยว่าเจ็บใจตอนที่เห็นนายโลดแล่นในลาน และฉันยืนอยู่ขอบสนามเพื่อสอนเด็กหรือตอนที่ฉันรายงานข่าวของนาย... บางครั้งนายจุดประกายฉันด้วยสเกตของนาย บางครั้งฉันเกิดความรู้สึกอยากชนะนาย ให้ตาย ฉันเคยลองนึกสร้างโปรแกรมมาโค่นนายด้วยซ้ำ….แต่ฉันไม่กลับไป…..ทั้งหมดนั่นไม่ทำให้ฉันทิ้งงาน ทิ้งชีวิตตอนนี้แล้ววิ่งไปสวมรองเท้าเพื่อกลับไปแข่ง]
“ น่าประทับใจมาก คุณควรจะไปเขียนหนังสือสักเล่มนะ” เขาปล่อยมุก โดยที่รู้ดีว่าตัวเองตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ แม้จะพูดราวกับว่าไม่สนใจเรื่องราวชีวิตของสเตฟานก็ตาม
[ ฉันเขียนนะ ต้องรีบทำก่อนที่นายจะออกหนังสือของนาย ไม่งั้นหนังสือฉันคงขายไม่ออก] ทั้งสองหัวเราะ จนกระทั่งความเงียบเริ่มครอบคลุมพวกเขา วิคเตอร์ลูบหัวของมัคคาชินเบาๆ [ฉันไม่คิดกลับไป แม้จะอยากสู้กับนายก็ตาม เพราะที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้ ฉันมีความสุขกับมันแล้ว ฉันออกจากสเกต ลองทำอะไรหลายๆอย่าง แล้วก็...โป๊เชะ! ฉันเจอสิ่งที่ฉันรัก ที่ที่ทำให้ฉันมีความสุข ฉันทำอย่างอื่นแล้วก็ได้สเกตไปด้วย ใช้เวลาสักพัก สเกตของนายก็ไม่ทำให้ฉันอยากกลับไปอีก นายจะขึ้นสู่จุดสูงสุดกี่ครั้งก็ตาม ฉันไม่กลับไป ฉันพอใจกับตัวเองตอนนี้แล้ว]
วิคเตอร์นั่งฟัง ภาพในอดีตที่เขาตัดสินใจกลับมาแข่งวนเวียนอยู่ในหัว ใบหน้ายิ้มแย้มของยูริที่ยิ้มให้เมื่อวิคเตอร์บอกว่าจะกลับไปแข่ง เขาคิดว่าเพื่อให้ยูริได้ยิ้มอีกครั้งบนน้ำแข็ง ได้ต่อสู้อย่างสุดความสามารถ เพื่อสิ่งนั้น จะให้กลับไปแข่งก็ย่อมได้ ยูริคือพลังที่ช่วยให้เขาก้าวข้ามความหนาวเย็นของน้ำแข็งที่กัดร่างกายจนเป็นแผลเหวอะหวะมาหลายปี น้ำแข็งที่ก่อตัวเป็นโซ่รัดคอไม่ให้เขาหนีไปไหน เขาคิดว่าจะแข่งเพื่อยิ้มของยูริ และตอนนี้ก็พบว่าภาพรอยยิ้มนั้นจางหายไปแล้ว
[เฮ้ ได้ยินมั้ย?]
เขาสะดุ้งกับเสียงเรียก “ ผมยังอยู่”
[ Move on, วิคเตอร์]
วิคเตอร์ไม่คิดว่าเขายืนอยู่กับที่ เขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้วตั้งแต่ยูริก้าวเข้ามาในชีวิต แต่ทำไมคนรอบข้างหลายคนถึงคิดแบบเดียวกับสเตฟานกันนะ ทำไมถึงมองว่าเขายังไม่ได้ออกเดินไปไหน ทั้งสเตฟาน มิล่า ยาคอบ ลิเลีย ทุกคนคิดแบบเดียวกันหมด
[รีไทร์เมื่อไหร่ มารวมตัวกินเลี้ยงกันสักครั้งนะ เหลือนายเป็นคนสุดท้ายแล้วในรุ่นเราที่ยังแข่งอยู่]
“ ขอบใจ แล้วเจอกัน สเตฟาน”
เขาเก็บมือถือลงในประเป๋าเสื้อโอเวอร์โค้ทสีครีม ลุกขึ้นเมื่อเห็นหมายเลขสายการบินของยูริและลิเลียโผล่มาบนบอร์ด มัคคาชินลุกตาม วิคเตอร์เดินไปตรงทางเดินสำหรับรอคนออกมาจากด้านในอาคาร มีคนยืนอยู่ประปราย เด็กผู้ชายคนหนึ่งสูงเท่าเอวของเขามองมัคคาชินอย่างกล้าๆกลัวๆ มือข้างหนึ่งจิกกางเกงของผู้ปกครอง แต่กลับจ้องมาที่พุดเดิ้ลตัวใหญ่ไม่วางตา วิคเตอร์หันไปทางเด็กชายและยิ้มให้ เด็กสะดุ้งหันหน้าหนีทันที ท่าทางจะขี้กลัวไม่น้อย แต่เขารู้ว่าคนแม่แอบถ่ายรูปเขาอยู่ ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กค่อนข้างไกลจากฝั่งนี้ เขาจะไม่สนใจเลยหากไม่ได้ยินกลุ่มคนเหล่านั้นพูดชื่อยูริ วิคเตอร์ชะโงกศีรษะขึ้น เห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงถือป้ายต้อนรับยูริ คัตสึกิ บางคนถึงกับแต่งชุดวอร์มแบบเดียวกับยูริมาเลยล่ะ ผ่านมาสองปีที่ยูริอยู่ที่รัสเซีย เขาก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นรัสเซียที่ชื่นชอบนักกีฬาเอเชีย เขายังเป็นนักกีฬาฝั่งตรงข้ามของรัสเซีย แต่คงจะมีแต่พวกอนุรักษ์นิยมหัวโบราณเท่านั้นที่นึกถือแพ้ชนะอย่างเอาเป็นเอาตาย ว่ากันตามตรง ยูริก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ กลับมีสเน่ห์เสียด้วยซ้ำ วิคเตอร์ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนคนนั้นจะยังไม่เคยมีแฟนจนกระทั่งเขาและ---
มือถือของเขาสั่นในกระเป๋าเสื้อ วิคเตอร์มองใบหน้าคุ้นเคยโชว์บนหน้าจอก่อนจะยกมันขึ้นแนบหู ทุกกระบวนการที่ทำนี้ใช้เวลาเร็วกว่ามัคคาชินที่นั่งเกาหูอยู่ข้างๆเด็กชายอย่างเมามันส์ซะอีก
“ ยูริ อยู่ไหนน่ะ ฉันรออยู่ข้างนอกนานแล้วนะ” วิคเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
[กำลังรอกระเป๋าของลิเลียครับ เฮ้ วิคเตอร์ บอกผมหน่อยว่ามีคนอื่นรอผมข้างนอกรึเปล่า]
“ ก็เพิ่งบอกว่าฉันกำลังรอยูริไม่ใช่รึ?” แต่เขารู้ดีว่ายูริไม่ได้หมายถึงตัวเอง ตอนขาออกนอกรัสเซียวิคเตอร์ก็มาส่งยูริ และยูริก็โดนสาวๆรัสเซียที่เป็นแฟนคลับรุมถ่ายรูป วิคเตอร์ชำเลืองมองกลุ่มแฟนคลับที่ยืนรออย่างใจจดใจจ่อ มีสวมที่คาดหัวเปล่งแสงเป็นชื่อยูริเชียวล่ะ
[ผมหมายถึง แฟนคลับของผมต่างหาก ผมไม่อยากถูกรุมทึ้งเหมือนตอนขามานะ]
“ เอ….” วิคเตอร์ยกนิ้วแตะริมฝีปากที่ยกยิ้ม “ ฉันไม่เห็นนะ”
ได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งอกเป็นคำตอบ [ขอบคุณมาก ผมจะรีบออกไปนะ]
ซึ่งตอนจบของเกมนี้เป็นไปตามที่วิคเตอร์คาด เขาไม่ได้โกหกว่าไม่มีแฟนๆรออยู่สักหน่อย แค่บอกว่าไม่เห็นเท่านั้นเอง ยูริเดินออกมาโดยลากรถเข็นซึ่งเต็มไปด้วยกระเป๋าเดินทาง ของยูริแค่ใบเดียวแต่ลิเลียมีถึงสามใบ วิคเตอร์จำได้ว่าเธอต้องใช้ใบใหญ่ใบหนึ่งในการขนเครื่องสำอางทีเดียว
ชายหนุ่มผมดำถึงกับสะดุ้งกลุ่มแฟนๆส่งเสียงวี้ดว้ายและโบกป้ายผ้าที่เขียนชื่อของเขาที่มีรูปหัวใจกับหมูแปะอยู่ข้างๆ ยูริมองเขา เพราะสวมหน้ากากอยู่ทำให้วิคเตอร์มองเห็นสีหน้าของยูริไม่ชัด รู้แต่ว่าจ้องเขาเขม็งเลยล่ะ ลิเลียกระซิบกับยูริ สักพักชายหนุ่มก็ถอดหน้ากากออก ยิ้มให้แฟนคลับจนพวกเธอเสียงดังกว่าเดิม
ยูริเดินมาที่เขา แฟนคลับวิ่งมาตาม แต่พอเห็นวิคเตอร์ก็ถึงกับหยุดเดิน ทำตัวไม่ถูก ถ้ายิ้มของยูริทำให้แฟนๆวิ่งตาม ยิ้มของวิคเตอร์ก็ทำให้ขาของแฟนๆละลายจนขยับไม่ได้
“ ไหนคุณบอกว่าไม่มีแฟนๆอยู่ไง?” ยูริดึงแขนเขาและรีบเดินออกจากกลุ่มคนให้ห่าง
“ ฉันบอกว่าไม่เห็นพวกเขาต่างหาก”
ยูริรู้ทันว่าเขาแกล้งจึงพยายามจะเถียงแต่ลิเลียก็ขัดขึ้น “ เธอก็หัดเทคแคร์แฟนๆได้แล้วยูริ อย่าเป็นเหมือนยูริโอะอีกคนได้มั้ย” เสียงดุของเธอทำให้ยูริหงอ วิคเตอร์ไม่อยากจะนึกเลยว่าช่วงเวลาที่ทั้งคู่เดินทางด้วยกันยูริจะเป็นยังไง ลิเลียไม่ได้เป็นคนใจดำอะไรมากมายแต่เข้มงวดและค่อนข้างจริงจังเรื่องการวางตัวมากกว่ายาคอบ
ทั้งสามนั่งแท็กซี่และส่งลิเลียที่ลานน้ำแข็ง ก่อนจะเดินทางกลับไปยังบ้านของวิคเตอร์ ตลอดทางมัคคาชินคลอเคลียยูริราวกับไม่ได้เจอกันหลายปี ไม่ใช่ว่าเขาจะอิจฉามันแต่อย่างใด ไม่เลย
ยูริถือกระเป๋าสัมภาระเดินตามเขาจนกระทั่งวิคเตอร์หมุนกุญแจบ้านเปิดเข้าไปในห้อง ยูริล้มตัวลงฟุบไปกับโซฟาทันที มัคคาชินกับเขาก็เลยโดดขึ้นไปทับตาม วิคเตอร์กอดคออีกฝ่าย ถูแก้มกับผมสีดำ
“ ยูริ คิดถึงจัง”
“ ลงไปเลยครับ หนักมาก”
วิคเตอร์ขมวดคิ้ว แต่ก็หยอดคำหวานต่อไป แถมพูดใกล้กับใบหูอีกต่างหาก“ โคอิชี่เดส”
“ ครับๆ ขอผมนอนแป๊บนะ”
วิคเตอร์ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่มัคคาชินแทรกตัวไปอยู่ในอ้อมกอดของยูริได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเขาอิจฉามันนะ ไม่เลย ให้ตายเหอะ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ต้องบอกกับตัวเองแบบนี้
“ งั้นตื่นแล้วไปหาอะไรกินข้างนอกกันนะ” วิคเตอร์พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ อือ..”
“ เอาเป็นแถวไหนดี? ยูริอยากกินอาหารอะไรล่ะ? รัสเซีย จีน ไทย?”
“ อือ..”
เมื่อหันไปก็เห็นคนที่นอนหลับสนิทกรนเบาๆ ใบหน้าฝังอยู่ในกลุ่มก้อนขนสีน้ำตาลหยิกหยอย วิคเตอร์มองภาพนั้น จู่ๆมือก็เลื่อนหา้จอมือถือของตัวเอง เล็งกล้อง หน้าจอมีหน้าของยูริและมัคคาชินหลับสงบเสงี่ยม วิคเตอร์แทบจะกลืนน้ำลายพร้อมกับเสียงกดชัตเตอร์เลย เขามองภาพนั้น มันมืดไปนิดเพราะยังไม่ได้เปิดผ้าม่าน วิคเตอร์เก็บรูปนั้นลงในโฟลเดอร์สำหรับรูปของยูริเท่านั้น มันมีเพียงไม่กี่สิบภาพเพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะต้องจากกันไปไหน เคยคิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป มันเป็นความคิดตื้นๆ วาดฝันสวยหรู เมื่อต้องพบกับความจริงที่ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเลยเมื่อไม่ได้ยืนบนพื้นน้ำแข็ง
สเตฟานพูดเหมือนมันง่าย แค่ยอมรับและเดินออกมา เรื่องของเรื่องก็คือ เขาเดินไปไหนไม่ได้เพราะยูริอยู่บนน้ำแข็ง และยูริ...คือความสุขของเขา คือทุกอย่างที่เขามี อดีต ปัจจุบัน อนาคต ชีวิต ทุกอย่างอยู่บนน้ำแข็ง จะให้เดินออกมาและเริ่มต้นใหม่เนี่ยนะ และหวังว่ายูริจะเข้าใจน่ะหรือ?
วิคเตอร์ก้มลงจูบหน้าผากยูริ และลุกขึ้นไปลากกระเป๋าเดินทางอีกฝ่ายเพื่อเก็บของให้ ของข้างในค่อนข้างรกเพราะผ้าถูกยัดลงไปแบบมั่วๆ ไม่มีการพับเก็บให้เรียบร้อย วิคเตอร์โยนทุกผืนลงถังซัก เปิดซิปตรงกระเป๋าด้านข้างซึ่งเป็นช่องเล็กๆ หยิบเหรียญทองที่ยูริได้รับออกมา ยิ้มให้มัน เขาหวังว่าจะได้จูบมันตอนที่ยูริห้อยไว้ที่คอซะอีก
“ เอาเถอะ” ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนด้านหน้าของเหรียญทองของการแข่งสี่ทวีป
ผ่านไปสองชั่วโมงที่วิคเตอร์ใช้เวลาไปโดยการจัดข้าวของของยูริและเล่นโทรศัพท์ ยูริก็ตื่นพร้อมกับมัคคาชิน เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้น พุดเดิ้ลตัวโตก็ตกจากเบาะ ผมสีดำกระเซอะกระเซิง มือคว้าแว่นจากใต้หมอนขึ้นมาสวมก่อนจะลุกขึ้น
“ ตื่นแล้วรึ?” วิคเตอร์โบกมือให้จากห้องครัว นั่งอยู่บนเก้าอี้เค้านเตอร์ในชุดลายทางสีขาวสลับม่วง และกางเกงสามส่วนสีกรมท่า ยูริขยี้ตาและโบกมือตอบ
ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเขาถึงจะออกมาทานข้าวข้างนอก ยูริทำท่าเหมือนไม่อยากออกมาเดินเท่าไหร่ คงเพราะออกจากบ้านมานานพอแล้ว แต่ก็ตามเขาออกมา อากาศตอนกลางวันช่วงบ่ายโมงไม่หนาวมากนัก วิคเตอร์สวมเสื้อสเวตเตอร์ทับและยูริออกมาในชุดโอเวอร์โค้ทสีดำติดแบรนด์ระดับที่ว่าต้องซักร้านเท่านั้นจนวิคเตอร์นึกสงสัย
“ นายซื้อของแบบนี้ด้วยรึ?” วิคเตอร์ถามพร้อมลากนิ้วไปตามเนื้อผ้าที่ไหล่ของอีกฝ่าย
“ ใช่ เอ่อ...ผมซื้อตอนก่อนจะกลับน่ะ คิดว่าต้องมีไว้สักตัว” ยูริเกาแก้มจนแว่นกระตุก “ คุณมี...อะไรอยากกินเป็นพิเศษมั้ย?”
“ ไม่หรอก จริงๆแล้ว ฉันอยากให้ยูริเลือกมากกว่า” วิคเตอร์ลูบหัวมัคคาชิน “ แต่ขอเป็นร้าน-”
“ ที่มัคคาชินเข้าไปได้ โอเคครับ”
ยูริก้มลง มือสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ท ท่าทางดูไม่เป็นสุขจนวิคเตอร์หวั่นใจว่าเขาอาจจะต้องเป็นคนตัดสินใจเอง แต่ยูริก็จับข้อมือเขาและออกแรงเดินนำ หยิบกุญแจที่ห้อยอยู่ตรงประตู พร้อมกับเรียกมัคคาชินให้เดินตามทั้งสอง ทุกอย่างดูรวดเร็ว กะทันหัน และลนลาน วิคเตอร์ต้องเรียกให้คนข้างหน้าหยุดเดินเพื่อที่จะสวมรองเท้า เขาคิดว่าการที่อีกฝ่ายเป็นผู้นำแบบนี้ก็ไม่เลวเลย ยูริจูงมือเขาออกมาถึงข้างนอก เรียกแท็กซี่ เมื่อเปิดประตูรถ มัคคาชินกระโดดนำขึ้นไปนั่งก่อน
“ ไปเซสโตรเร็ทสกี้ครับ” ยูริเอ่ยด้วยสำเนียงรัสเซียแปร่งๆ วิคเตอร์มองคนพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ดวงตาสีฟ้าส่องแสงประกายเมื่อยูริจำได้ว่าเขาเคยพาอีกฝ่ายมาเที่ยวและเฟล เพราะตอนนั้นทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลแข่งขันเสียจนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ชื่นชมความงามของหาดท่องเที่ยว อย่างน้อยก็ในมุมของยูริ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง มัคคาชินส่งเสียงในลำคอก่อนจะเลียกระจกจนคนขับรถถลึงตาใส่ยูริที่เอ่ยปากขอโทษขอโพย วิคเตอร์อุ้มมันขึ้นมานั่งตัก มัคคาชินมองไปที่วิวสีฟ้าของทะเล และสีขาวอมเทาของท้องฟ้ายามบ่ายอันขุ่นมัว อากาศของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน มีเมฆสีเทาคล้ายเมฆฝนปกคลุมทั่วเมือง แต่มันก็สวยงามสมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สีของวิวเหมือนกับลูกกวาดจนมัคคาชินเห่าอีกรอบ นานมากแล้วที่ทั้งสามไม่ได้มาเที่ยวกันแบบนี้
วิคเตอร์โดดลงจากรถพร้อมกับมัคคาชินในขณะที่ยูริกำลังจ่ายเงินให้แท็กซี่ ลมทะเลและกลิ่นเค็มตบเข้าที่จมูกทำให้รู้สึกสดชื่น ได้ยินเสียงนกนางนวลร้องขณะฝูงของมันบินผ่าน เขาถอดแว่นกันแดด และมองมัคคาชินที่ลงไปนอนคลุกทรายสีขาวละเอียด ก่อนจะถอดรองเท้าหนังวางไว้บนพื้นปูน เท้าเปล่าเปลือยแตะทรายเย็นที่มีกลิ่นไอของอากาศเย็น หาดไม่มีคนเดินเพราะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ใครกันล่ะที่จะมาเดินช่วงอากาศหนาว
พูดถึงผู้ชายที่พาเขามาเดินหาดในฤดูหนาวล่ะก็..
“ วิคเตอร์” เขาคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ยูริไม่ใช่ผู้ชายที่สุขุมสมบูรณ์แบบ เขาตื่นตกใจง่าย ร้อนรน และตื่นกลัว ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ถ้าเขาต้องการคนที่สมบูรณ์แบบ เขาคงไม่เลือกยูริตั้งแต่แรกหรอก “ คุณ...เอ่อ….คือ..”
วิคเตอร์ที่นั่งบนพื้นทรายลูบหัวมัคคาชิน กับยูริที่ยืนอยู่
“ คือผม…!!”
มือของวิคเตอร์ยื่นมาข้างหน้า เป็นสัญญาณให้ยูริหยุดพูด คนที่สูงกว่ายืนขึ้น ปัดทรายจากกางเกง
ไม่ว่าสิ่งที่ยูริจะบอกเป็นอะไร มันมีอิทธิพลต่อใจเขามาหลายครั้งเหลือเกิน
เขาต้องเป็นคนพูดก่อน ก่อนที่ยูริจะเปลี่ยนใจเขาไปมากกว่านี้
“ ยูริ”
ฉันรักยูริ
ฉันจะรีไทร์
แต่ฉันรักนายเหลือเกิน และอยากจะอยู่กับนายแม้ในวันที่เราไม่ได้ยืนบนน้ำแข็งแล้วก็ตาม เราไปได้ทุกที่ที่นายต้องการ จะเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กหรือฮาเซ็ตสึ ฉันอยากให้นายพาตัวฉันออกไปจากโลก เพราะยูริคือโลกใหม่ของฉัน และฉันไม่เคยเสียใจที่เลือกนาย อยู่กับฉันนะ พาฉันไปไหนก็ได้ ไปได้ทุกที่ นี่เป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวครั้งสุดท้ายของฉัน อย่าทิ้งฉันนะ ฉันไม่มีอะไรเลยนอกจากสเกต น้ำแข็ง มัคคาชิน และนาย ขอแค่--
“ ฉันจะรีไทร์“
ทุกอย่างเงียบสนิท ไม่ได้ยินทั้งเสียงคลื่นทะเลกระทบกับผืนทราย เสียงรถยนต์ เสียงลมหรือนกนางนวล เวลาของโลกทั้งใบเหมือนหยุดลง วิคเตอร์ก้มหน้าลง หากยังจ้องตากับยูริเขาอาจจะไม่กล้าพูดออกไปก็ได้
…..
ตอนนี้ที่ก้มมองผืนทรายอยู่ เขาก็ยังพูดไม่ออก สิ่งที่คิดเมื่อครู่มลายหายไป อยากจะพูดแต่ก็ได้แค่อ้าปากพะงาบๆ นึกอยากก่นด่าตัวเอง แค่พูดในสิ่งที่คิดมันยากขนาดไหนกันเชียว
“ ฉัน...หมายถึง ไม่ใช่ตอนนี้...แค่หลังจากเวิล์ดน่ะ เพราะงั้นไม่ต้องตกใจหรอก”
ฉับพลัน มือหนากระด้างก็จับไหล่เขาสองข้าง บีบแน่น ทำให้วิคเตอร์ที่ก้มหน้าอยู่เงยมองยูริที่ขมวดคิ้วจนพันยุ่ง สีหน้าดูไม่ดีเลยสักนิด “ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะ!!” และเสียงตะคอกก็ดังเกินไปหน่อย แรงบีบทำให้วิคเตอร์ไม่อาจขยับหนีได้ ใช่ว่าเขาอยากจะหนีหรอกนะ แต่นี่มันต่างจากตอนที่อีกฝ่ายบีบไหล่เขาที่สนามบินเมื่อสามปีก่อน มันผ่านมานานมากจนความทรงจำเรือนลาง แต่วิคเตอร์จำได้ว่าแรงบีบตอนนั้นไม่แน่นเท่าตอนนี้
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีสีหน้ายังไง แต่ยูริมองเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อยและ...ผิดหวังรึ? เรื่องอะไรกัน? ถ้าไม่มีสเกตเป็นสื่อกลาง เขาจะไม่เข้าใจยูริเลย ทั้งคู่ใบ้กินเหมือนคนตาบอดหูหนวกพยายามคลำทาง
คราวนี้เป็นฝ่ายยูริที่ก้มหน้าต่ำกว่าวิคเตอร์ เส้นผมสีดำปิดใบหน้า “ คุณ...พูดจริงรึ?”
“ อืมม์” วิคเตอร์รีบพูดต่อทันที พยายามนึกสิ่งที่สเตฟานพูดกับเขา “ แต่ยูริไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ทิ้งสเกตหรอก ฉันจะโค้ชยูริต่อ แล้วก็อาจจะออกท่องเที่ยวหรือ--”
“ ทำไมล่ะครับ?”
เสียงของยูริทำให้ใจของเขากระตุกสั่นไหว ราวกับเสียงนี้กำลังรัดร่างกายเขาจนหายใจไม่ออก “ อะไรทำไมรึ?”
“ ทำไมถึงจะรีไทร์ล่ะ?”
ประโยคนี้ ทำให้วิคเตอร์คิดคำอธิบายไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ยูริ มันควรจะเป็นคำถามที่คาดว่ายูริต้องถามอยู่แล้ว จะตกใจทำไมกันล่ะ นั่นคือสิ่งที่วิคเตอร์คิด แต่ในใจลึกๆเขาทั้งเศร้าสร้อย เดียวดายและทรมาน พยายามหาคำตอบว่าทำไมยูริถึงไม่รู้ คำตอบมันอยู่ตรงหน้าแล้วไม่ใช่รึ
“ ยูริไม่รู้จริงๆรึว่าทำไม” เสียงของวิคเตอร์เบาโหวง เขามองออกว่ายูริยังมองว่าเขาเป็นพระเจ้า เป็นตำนานไม่มีวันตายอยู่ แต่ไม่นึกว่ากระทั่งตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้น ทั้งที่เขาเปิดเผยจุดอ่อนทุกอย่างให้ยูริเห็นแล้วแท้ๆ “ ฉันอายุเท่าไหร่แล้วยูริ ฉันควรจะเลิกตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะยูริขอ”
“ เพราะผมใช่มั้ย เพราะผมบอกกับคุณว่าให้คุณกลับไปแข่งเมื่อสามปีก่อน คุณถึงได้ยึดติดกับมัน แล้วทำไมคุณไม่บอกผมตรงๆว่าคุณไม่อยากแข่งตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ!? คุณจะโทษว่าที่ต้องมาแข่งเพราะผมของั้นรึ?!”
ถ้าไม่ใช่สเกต ทั้งคู่คุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ วิคเตอร์คิดว่าไม่ไหวแน่นอน ถ้าพูดต่อไปเขาต้องทลายลงมาแน่
“ ฉันแค่อยากให้ยูริสเกต!” เขาโพล่งออกไป
“ งั้นทั้งหมดนี่เป็นความผิดผมงั้นเหรอ!!”
“ ยูริลองคิดเองมั้ยล่ะ นายพูดเหมือนกับการตัดสินใจที่จะรีไทร์มันเด็ดขาดแล้ว แล้วจะให้ฉันตอแยยูริให้กลับมาแข่งอีกงั้นเหรอ? ฉันแค่ยังไม่อยากให้ยูริรีไทร์ตอนนั้นเพราะรู้ว่าทุกอย่างจะเป็นแบบวันนี้ไง”
“ เพราะคุณไม่บอกความรู้สึกของคุณให้ผมรู้ตั้งแต่วันนั้น มันถึงได้เกิดวันนี้ขึ้นต่างหากล่ะ!”
วิคเตอร์เม้มปากจนเป็นเส้นตรง ถ้าแขนไม่ถูกบีบอยู่อย่างนี้ก็คงหนีไปแล้ว เขาหลีกหนีการเผชิญหน้ากับยูริเรื่องนี้มาตลอด แค่ตัวเองคิดเรื่องรีไทร์ก็รู้สึกเหมือนในใจมีเข็มเป็นพันเล่มแทงแล้ว เขาไม่ต้องการการปฏิเสธจากยูริตอกเข็มเหล่านั้นให้ทิ่มเข้าไปลึกกว่าเดิมอีก
“ ทำไมคุณต้องทรมานอยู่คนเดียวด้วย”
ตาสีน้ำตาลเอ่อล้นไปด้วยน้ำใส คิ้วขมวดยุ่ง ได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอดแต่คำพูดที่พรั่งพรูออกมานั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว วิคเตอร์ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้แบบนี้ อีกฝ่ายควรจะโกรธสิที่วิคเตอร์ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ตัวเองเป็นคนตั้งเองได้ ควรจะโกรธที่เขาขอหนีเป็นคนแรก ทิ้งยูริให้ยืนบนลานน้ำแข็งเพียงลำพัง
“ ขอโทษนะ ยูริคงจะโกรธมากเลย”
“ ผมไม่โกรธหรือเกลียดคุณทั้งนั้นแหละ ที่รู้สึกตอนนี้คงจะมีแต่ความเศร้า”
เขาแปลกใจกับคำตอบของยูริ ปากที่เม้มเป็นเส้นตรงเริ่มบิดเบี้ยวงอลง เมื่อเห็นยูริร้องไห้ ขอบตาก็เริ่มรื้นตาม หยดน้ำร่วงเผาะลงที่เสื้อ น้ำตาที่เขาพยายามไม่ให้ยูริเห็นมานาน บัดนี้ ได้เผยต่อหน้าอีกฝ่าย มัคคาชินเบียดตัวเองเข้ากับเจ้าของทันที มันมองคนทั้งคู่ราวกับเป็นลูกชายที่ไม่เข้าใจว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกัน
ยูริปล่อยมือจากแขนเสื้อที่ถูกบีบจนยับยู่ยี่ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าเขา ทรายกระจายดังปุ สูทสีดำที่ใส่มาดูขัดๆกับที่อีกฝ่ายต้องมานั่งพื้นทรายจนสูทเปรอะเปื้อน ยูริจับมือข้างขวาที่สวมแหวนของเขาขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง
“ ผมขอโทษ” คำพูดนี้ถูกเอ่ยทั้งน้ำตา และมันไม่ได้ช่วยอะไรวิคเตอร์เลยนอกจากทำให้ร้องไห้หนักมากกว่าเดิม
มัคคาชินมองพวกเขาสลับกันไปมา และไม่รู้ทำไมถึงเลือกดันตัวใส่ยูริอย่างกับจะดันตัวเขาให้ออกห่างจากวิคเตอร์ยังงั้นแหละ จะเพราะมันจับได้ว่าวิคเตอร์เสียใจมากกว่าหรือมันสนิทกับวิคเตอร์มากกว่าเขาก็ตาม ยูริลูบหัวมันเบาๆราวกับขออนุญาตคุยกับวิคเตอร์
เมื่อมองลงไปที่มือเปล่าเปลือย ผิวสีชมพูอ่อน กับแหวนสีทองอร่ามที่สะท้อนอยู่ในสายตา เขาก็จำได้ว่าวิคเตอร์ไม่เคยใส่ถุงมือเลยตั้งแต่ได้รับแหวนจากเขา
“ ผมคิดว่ารู้จักคุณดีที่สุด แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย” ก่อนจะยกมือของวิคเตอร์ขึ้นและฝังจมูกลงไป มันเป็นจูบเบาๆแต่ภาพภาพนี้จะถูกจดจำลงไปในใจของวิคเตอร์ตลอดกาล มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้
“ วิคเตอร์ ถ้าคุณจะให้โอกาสผมอีกครั้ง...ถ้าคุณ...คือ...คราวหน้า ถ้าคุณอยากมีคราวหน้าหรืออยู่กับผมต่อ ผมหมายถึง ถ้าผมทำอะไรโง่ๆออกมาอีก คราวหน้าคุณตบผมได้เลยนะ ผมจะไม่โกรธคุณเลย...ถ้ามันทำให้ผมหายหน้ามืดตามัว”
เขาจะปฏิเสธยูริได้ยังไงถ้าอีกฝ่ายกุมมือเขาไว้แบบนี้ล่ะ การกระทำเล็กๆของยูริทำให้เขาหลงรักหัวปักหัวปำทุกครั้ง ราวกับรักนี้สดใหม่ทุกวัน อยู่กับยูริไม่มีคำว่าเบื่อ และเขาก็ให้ตัวตนของยูริเข้ามาในชีวิตมากเกินกว่าที่จะผลักไสออกไปแล้ว
“ ยูริเป็นคนหัวแข็ง หัวทื่อ คิดว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจถูกแล้วโดยไม่สนใจความรู้สึกฉันเลย”
“ ครับ”
“ แถมยังทำร้ายจิตใจฉันเยอะมากๆด้วย รู้ตัวบ้างมั้ยน่ะ? คงไม่ล่ะสิ คิดว่าตัวเองถูกเสมอนี่”
“ ครับ”
“ ยูริคิดว่าทำเพื่อฉัน โดยที่ไม่เคยถามความต้องการของฉัน ไม่รู้จริงๆว่าทำไมตัวเองถึงรักคนแบบนี้ไปได้ แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจที่เลือกยูริ”
ยังไม่ทันที่ยูริจะเอ่ยอะไร คนตัวสูงกว่าก็โอบมือสองข้างรอบใบหน้าอ่อนวัยเกินอายุ มือนั้นนุ่มและเต็มไปด้วยเม็ดทราย แต่ไม่มีอะไรอบอุ่นและนุ่มนิ่มไปกว่าริมฝีปากที่ประกบเข้ากัน วิคเตอร์จูบเขาอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนและลึกซึ้ง เป็นจูบที่รวดเร็วแต่ก็เนิ่นนาน ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองถึงได้ผละกัน วิคเตอร์หน้าแดงเล็กน้อย มองยูริที่นั่งอึ้งอยู่บนทราย
สักพักยูริก็ยิ้มกลับ “ มาเริ่มกันใหม่นะครับ”
พวกเขามีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกมาก มันคือความอ่อนแอที่ทั้งสองพยายามเก็บซ่อนไม่ให้ต่างฟ่ายเห็น เพียงเพราะเพื่อความสุขของอีกฝ่าย เพียงเพื่อไม่อยากให้คิดมาก เครียดขึ้ง ทรมาน ทั้งคู่ไม่เคยรู้เลยว่าความลับที่เก็บซ่อนมันจะแทงเข้าข้างหลังจนกระทั่งวันนี้ แต่เมื่อได้ระบายออก ก็ว่างโล่งเหมือนขยะที่ถูกขุดขึ้น
ขณะที่จ้องหน้ากัน วิคเตอร์ก็ถูกมัคคาชินงับเข้าที่แขนเสื้อและดึงออกไป เขายืนขึ้นและยอมวิ่งตามพุดเดิ้ลคู่ใจที่ลงไปต้านคลื่นทะเลเรียบๆ ชั่งใจสักพักจึงยอมเดินเข้าไปในน้ำทะเลสูงถึงแค่หน้าแข้ง ทะเลเย็นพอสมควรซึ่งตัดกับทรายที่ค่อนข้างอุ่น เขาสาดน้ำใส่มัคคาชิน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อแผ่นหลังเหมือนถูกกระแทกด้วยของเหลวเย็นยะเยียบ เมื่อหันไปก็พบว่ายูริ...ซึ่งถอดสูทออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตขาวและเท้าเปล่าเปลือย วิคเตอร์หันไปเล่นงานยูริด้วยการสาดน้ำใส่ ก่อนจะโถมตัวพุ่งเข้ากอด พอดีกับที่มัคคาชินก็กระโดดเข้าหายูริเช่นกัน สองคู่หูทับตัวยูริจนคนด้านล่างเกือบจะจมน้ำทะเลอยู่รอมร่อ ทั้งที่น้ำตื้นสุดๆ
“ ย-หยุดสาดก่อน ผมยังไม่ได้พูดของผมเลย” ยูริจับข้อมือของเขาไว้ทั้งสองข้าง หลับตาปี๋เพราะน้ำทะเลเข้าตาจน วิคเตอร์หยุดสาดแต่เมื่อคนตรงหน้ายังจับข้อมือทั้งสองของเขา มือที่ถูกจับจึงเลื่อนไปเลิกเส้นผมที่ปรกไปหน้าของยูริและลูบหน้าให้น้ำทะเลออก
ยูริที่รวบผมขึ้นแบบนี้ ยังทำให้เขาใจเต้นอยู่เสมอแม้จะเห็นภาพนี้มาหลายครั้งแล้วก็ตาม
ยูริสูดลมหายใจเข้าเสียงดัง ก้มหน้าลงอีกครั้งและโพล่งออกมา “ ผมอยากจะบอกมาตลอดว่าผมรักคุณ แต่ผมก็เพิ่งรู้นี่เองว่าตัวเองโง่แค่ไหนที่ทำร้ายคุณมานาน ผมอยากขอคุณแต่งงานแต่ก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้นเพราะเรายังมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจกันอยู่มาก ผมก็เลยคิดว่าจะพูดอะไรดีที่จะทำให้คุณเซอร์ไพรส์ แต่ก็คิดไม่ออกนอกจากผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะครับ ถึงผมจะทำร้ายคุณหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังขอคุณแต่งงาน ผมรู้ว่าผมโคตรเห็นแก่ตัว แต่ผมหยุดความรู้สึกนี้ไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าคุณอยากให้เราคบกันไปก่อนก็ได้ครับ ผมไม่อยากบังคับคุณ ก็อย่างที่เพิ่งบอกไป ถ้าผมล่วงเกินหรือไม่ฟังคุณ วิคเตอร์ฟาดผมด้วยรองเท้าสเกตได้เลยครับ ผมไม่อยากเป็นไอ้โง่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำร้ายคนที่ผมรัก”
“ ยูริ ค่อยๆพูดนะ ชัดๆ ช้าๆ”
วิคเตอร์ยอมรับว่าตอนนี้หน้าของเขาคงแดงตั้งแต่คำว่าแต่งงานคำแรกแล้ว ยูริที่เงยหน้าที่แดงราวกับถูกซอสมะเขือเทศราดหน้ากัดฟันและเปลื่ยนจากกำข้อมืออีกฝ่ายมือเป็นกุม
“ วิเทนก้า”
โอ้ว
โอ้ ยูริเรียกเขาด้วยชื่อนี้
ชื่อที่ไม่มีใครเคยเรียก ชื่อที่ลึกซึ้ง มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์พูดชื่อนี้ได้
“ แต่งงานกับ--”
“ I do!!!” และกอดคอยูริทันที มัคคาชินเห็นเจ้านายทำก็โดดทับตามจนยูริที่ถูกทับอยู่ชั้นล่างสุดถึงกับจุก
“ ผะ...ผมยังพูดไม่จบเลย!!”
“ ไม่แคร์ ฉันรอยูริพูดคำนี้มาตั้งสามปีนี่นา”
ยูริหน้าแดงก่ำ “ ม---มะ หมายความว่าตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน…..”
“ ใช่ ที่จริงฉันรักยูริตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ ยูรินี่ไม่รู้อะไรเลย”
ยูริก้มหน้ากลิ้งไปกับพื้น กว่าจะรู้ตัวว่ามันเป็นพื้นทะเลก็สำลักน้ำไปหลายอึก ส่วนวิคเตอร์หันไปกอดมัคคาชินและบิดตัวไปมา ทั้งคู่หนาวจนสั่นและเป็นยูริที่ดึงตัวคนรักขึ้นมาจากทะเล นั่งกันที่โขดหินมองมัคคาชินสะบัดน้ำออกจากขนหยิกหย็อย แสงแดดยามบ่ายไม่จัดจ้านมาก แต่ก็ช่วยให้อุ่นขึ้น พวกเขาต้องรอจนกว่าเสื้อผ้าจะแห้งจึงจะขึ้นแท็กซี่กลับได้
“ ผมว่าเราน่าจะมีรถสักคันนะ” ยูริเอ่ยขึ้นลอยๆ
“ ได้เลย ฉันออกเอง”
“ เราควรจะแบ่งกันครึ่งๆนะครับ”
“ ฉันว่าจะถอยคาร์ดิแลคสักคัน”
เมื่อพูดชื่อยี่ห้อ ยูริถึงกับเหงื่อตก เขายังไม่มีปัญญาออกเงินครึ่งของครึ่งของค่ารถยี่ห้อนี้ด้วยซ้ำ วิคเตอร์หัวเราะออกมา ตบไหล่คนรักเบาๆ “ ฉันว่าจะซื้อไว้เผื่อเรากลับมาเที่ยวที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ยูริก็ซื้ออีกคันที่ฮาเซ็ตสึสิ เป็นค่าสินสอดของฉันไง”
“ กลับ? คุณจะไปอยู่ที่ฮาเซ็ตสึเหรอครับ!?”
วิคเตอร์บีบน้ำจากชายเสื้อ “ เรามาคุยกันหลังจากแข่งจบแล้วดีกว่า ฉันเชื่อว่าเรามีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะเลย”
“ ครับ...”
เขารู้ว่าทำไมจู่ๆยูริก็ซึมลงกะทันหันจึงเดินมาหยุดตรงหน้า ก้มลงจูบหน้าผากคนที่นั่งอยู่บนหิน “ ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้สู้กันแล้วนะ”
ความคิดนั้นทำให้วิคเตอร์ทั้งเหงาและโล่งอกในเวลาเดียวกัน การแข่งสเกตที่เขาหมกมุ่นมาตลอดยี่สิบกว่าปี บัดนี้ เขาพร้อมที่ลาจากมันแล้ว
ยูริจับมือเขาเดินนำออกจากชายหาด โดยที่สูทสีดำเข้มสวมทับเสื้อที่เปียกชื้นของวิคเตอร์ เมื่อออกจากพื้นที่ทราย พวกเขาก็วางร้องเท้าเพื่อสวมมัน วิคเตอร์ชอบเวลาที่เห็นเท้าของทั้งคู่เปลือยเปล่า เลอะไปด้วยทราย ราวกับพวกเขาอยู่ด้วยกันแม้จะไม่ได้อยู่บนน้ำแข็เง เปรอะเปื้อนไปด้วยกัน ใช้ชีวิตบนผืนดินเคียงข้างกัน
-----------------
วิคเตอร์เงยหน้ามองคนที่อยู่สูงกว่า ยูริเองก็ก้มมองเขาเช่นกัน มือข้างซ้ายถือเหรียญทองที่คล้องคอ แต่สำหรับทั้งคู่ จะเหรียญไหนก็ไม่สำคัญเลย
ช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าบัลลังก์ของวิคเตอร์ นิกิโฟโรฟถูกโค่นลงแล้ว วิคเตอร์คิดว่าตนได้ยินเสียงร่ำไห้กรีดร้องสุดเสียงของแฟนคลับอย่างแผ่วเบา มันเบาจริงๆเมื่อเทียบกับสิ่งที่ยูริพูดกับเขา...สั้นๆ เบาบาง แต่กลับก้องกังวานอยู่ในโสตประสาท
“ ผมรักคุณ”
ยูริโอะที่ได้ที่สามถึงกับแลบลิ้นออกมาและทำท่าเหมือนกำลังอาเจียน วิคเตอร์โอบคอของคนรักด้านบน ยูริโค้งตัวลงต่ำ และเสียงของผู้ชมในอาคารก็ดังกระหน่ำขึ้นจนกลบเสียงแฟนๆของวิคเตอร์ที่ก่นด่ายูริเลยทีเดียวเมื่อทั้งสองจูบกัน วิคเตอร์คิดว่าตอนนี้ยาคอบคงระเบิดลงเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ข้างสนามแน่ แต่ใครสนล่ะ เขาดื่มด่ำกับรสจูบของคนตรงหน้ามากพอที่รอบข้างจะถูกกลืนกิน เหลือเพียงแค่สองเราเท่านั้น ยูริล้วงมือเข้าไปใต้วงแขนของเขาและดึงตัววิคเตอร์ขึ้นมายืนอยู่บนแท่นบนสุดด้วยกัน เขาคิดว่าโฆษกกำลังประกาศอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจฟังเลย
“ ไอ้คู่งี่เง่า” ยูริโอะเอ่ย ก่อนจะเดินลงจากโพเดียมอย่างฉุนเฉียว แต่ก็หยิบดอกไม้ที่คนดูโยนลงมาให้ทั้งคู่ ปาไปที่ยูริซึ่งโอบเอววิคเตอร์อยู่ ยูริรับมันไว้และมองไปที่ผู้ชม ทั้งลานกระพือไปด้วยเสียงปรบมือ เสียงกรี๊ด และแสงแฟลช
“ นี่คือทุกอย่างที่ฉันให้นาย”
ยูริหันมาที่คนรัก “ อะไรนะครับ”
“ ตัวฉัน มัคคาชิน และนี่” วิคเตอร์ก้มมองรองเท้าสเกตใบมีดทองของตัวเอง “ คือทุกอย่างที่ฉันมี และพร้อมจะให้นาย”
ยูริหน้าแดง “ งั้นขออนุญาต...รับไว้นะครับ”
วิคเตอร์หัวเราะและฝังจมูกลงในกลุ่มผมสีดำ เมื่อลงมาจากโพเดียม พวกเขาต้องตอบคำถามนักข่าวมากกว่าปกติเป็นสองเท่า ข่าวที่วิคเตอร์รีไทร์นั้นสร้างปฏิกิริยาเดียวกับวิคเตอร์หมั้นกับยูริอย่างเป็นทางการ ส่วนยาคอบถูกยูริโอะลากไปสงบสติอยู่ด้านในอาคารแล้ว ส่วนยูริยังยืนยันที่จะแข่งต่ออีกสักสองฤดูกาล หรือเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย ซึ่งวิคเตอร์พร้อมสนับสนุนในฐานะโค้ชและแฟนเต็มที่ เขาเป็นโค้ชยูริมาก่อนที่จะเป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว
“ ดาสวิดาเนีย” เขาพูดกับตากล้อง ซึมซับเขาสู่โสตประสาทและสมองของนักข่าว ผู้ชม แฟนๆ ทั่วทั้งโลกตัวชาทันทีที่ได้ยินเขาพูดคำนี้
พวกเขาใช้เวลาทั้งงานกาล่าหลังการแข่งจบไปกับการขอบคุณและรับน้ำใจของผู้คนและนักกีฬาหลากหลายประเภทที่กรูกันเข้ามาแสดงความยิน พิชิตถึงกับแซวว่าเปลี่ยนงานกาล่าเป็นงานแต่งเลยดีมั้ย ซึ่งคริส(เป็นโค้ชของซึงกิล)และวิคเตอร์เห็นด้วย แต่ยูริส่ายหน้าดิกเมื่อต้องรับมือกับสายตาของคณะกรรมการและผู้ร่วมงานอื่นๆที่ไม่ยินดีชมชอบเท่าไหร่ที่วิคเตอร์รีไทร์
คืนนี้ ฝ่ายที่เมาเละเทะคือวิคเตอร์ซึ่งแฮปปี้อย่างสุดขีด เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างนอกจากเต้นรำกับยูริและเลื้อยไปมาตามตัวคู่หมั้น เต้นบนตักอีกฝ่าย และยังถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้น…..เขามั่นใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ถึงจะนึกไม่ออกก็ตาม เพราะเมื่อตื่นขึ้นมา วิคเตอร์พบว่าตัวเองนอนเปลือยบนเตียง โดยที่ศีรษะหนุนแขนของยูริซึ่งนอนอยู่ข้างๆกันอีก ใบหน้าของยูริเต็มไปด้วยรอยปากกาเมจิควาดรูปและเขียนแสดงความยินดี เขายกมือของตัวเองขึ้นมาก็พบว่ามีคนขีดเขียนไว้เช่นกัน วิคเตอร์ซุกตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น ไม่อยากจะเดินไปส่องกระจกเพื่อดูหน้าตัวเองเลย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ยูริ ถึงยูริจะงี่เง่าแค่ไหน แต่ไม่รู้ทำไมก็เลิกเมนยูริไม่ได้สักที ฟิคนี้อาจจะเป็นคำตอบก็ได้ค่ะแง้
สงสารวิคเตอร์จังเลยค่ะ อารมณ์แบบ...ตื่นเต้นและกังวลตลอดเวลาอยู่กับยูริ Orz'
ปล.ฉากจบมันดีย์ฟสกาดสฟกห โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
ปลล.สงสารยูริโอะ 5555555555555555555555555555