ตอนที่ 14 : LOVE on ice & LIFE with you 1/2
LOVE on ice & LIFE with you
เร็วๆมานี้ ยูริจะติดนิสัยอย่างหนึ่งที่เขาเดาว่าคงจะได้รับมาจากยาคอฟ วิคเตอร์สังเกตมาหลายวันแล้ว ยูริดูเหมือนจะไม่รู้ตัว แต่นี่เป็นนิสัยที่เจ้าตัวทำบ่อยเอาเรื่องเลย นั่นคือ ยูริชอบเกาหลังคอเวลามีเรื่องครุ่นคิด ครั้งแรกที่ทำน่าจะเป็น...ตอนที่กำลังออกแบบโปรแกรมของตัวเองอยู่ล่ะมั้ง ยูริอยากออกแบบเองมานานแล้ว และเมื่อย่างเข้าปีที่สามที่อยู่รัสเซียด้วยกัน วิคเตอร์ก็ให้ยูริออกแบบโปรแกรมเอง ช่วงนั้นทั้งคู่ทะเลาะกันหลังจากที่ไม่ได้เป็นมานาน วิคเตอร์เป็นคนเริ่ม มันเป็นเพราะความคิดติดลบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ วิคเตอร์ไม่รู้ว่ามันฝังอยู่ในใจเขามานานจนเรื้อรังแค่ไหน ตอนนั้นถึงได้พูดแบบนั้นออกไป มันเป็นเรื่องธรรมดาที่นักสเกตจะอยากสร้างโปรแกรมของตัวเอง เลือกเพลง เลือกสเตปเอง เขาก็ทำอยู่และไม่เคยขอความช่วยเหลือจากยาคอบมากไปกว่าคอมเม้นท์ และยาคอบก็ไม่เคยน้อยใจ...อย่างที่วิคเตอร์เคยเถียงกับยูริ
ดีแล้วไม่ใช่รึ เพราะนั่นแปลว่า ยูริกล้าที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง มั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้นแล้ว
แต่เขากลับรู้สึกว่ายูริอยู่ไกลห่างจากเขาขึ้นเรื่อยๆ ความขมุกขมัวขมขื่นกำลังค่อยๆกัดกินเนื้อข้างในใจ มันเป็นความรู้สึกน่ารังเกียจที่แม้แต่ตัววิคเตอร์ก็ไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกแบบนี้ได้ โดยเฉพาะคนแบบวิคเตอร์ที่น่าจะเข้าใจยูริที่สุดด้วยซ้ำ
อา…. ช่วงเวลาที่เขาจะเป็นโค้ชให้ยูริน้อยลงเรื่อยๆนี่เอง
ครึ่งปีที่อยู่กับยูริ เขาให้ยูริเลือกเพลงเอง และยูริก็เป็นคนบอกเขาว่าอยากให้เขาอยู่ข้างๆ ไม่ต้องทำอะไร มาตอนนี้ สามปีที่อยู่ด้วยกันในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ยูริต้องการออกแบบโปรแกรมเอง…
วิคเตอร์...นักสเกตวิคเตอร์ แชมเปี้ยนวิคเตอร์ ตำนานมีชีวิตวิคเตอร์ ผู้ที่ขับเคลื่อนโลกสเกต ดีใจที่ยูริได้เติบโตขึ้น ทั้งในฐานะนักสเกตและมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่จมอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองจนไม่กล้ายืนหยัด ราวกับลูกนกที่โตขึ้นพร้อมสยายปีกกว้าง
แต่วิคเตอร์ที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง วิคเตอร์ที่เป็นผู้ชายจุดเล็กๆบนโลก นักสเกตที่หัวใจเคยแตกร้าวกระจายหลายต่อหลายครั้ง นักสเกตนั้นเปราะบาง และเขาก็รู้ข้อนี้ดี มันแตกหลายครั้งจนสุดท้ายก็ค่อยๆกลั่นตัวแข็งเป็นเพชร หรืออีกนัยหนึ่ง..ก็คือชินชา เพชรหุ้มหัวใจของเขาไว้ และยูริก็เป็นคนทำมันแตก เขาไม่อยากอยู่ห่างจากยูริไปมากกว่านี้ อยากจะมีประโยชน์กับยูริยิ่งกว่านี้ ตอนนี้บทบาทของโค้ชแทบจะไม่ได้ทำอีกแล้ว ยังเหลือบทคู่แข่งในสนามซึ่ง...ว่ากันตามตรง เขาไม่มั่นใจว่าจะเล่นบทนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนในวัยที่เลยสามสิบมาแล้ว แต่ไม่ว่าจะมั่นใจหรือไม่ เขาก็ยังทำมันต่อไป
สเกตคือตัวเชื่อมโยงเขาและยูริ จะไม่ยอมให้มันขาดสะบั้นเด็ดขาด
“ โอ๊ย” คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าร้องและสะดุ้งจนไหล่สั่น ตาของวิคเตอร์ที่เหม่อไปเรื่อยเปื่อยเปลี่ยนเป็นจ้องคนข้างหน้าเขม็ง และมองลงมาที่มือตัวเองที่กำลังดึงผมของยูริ พลีเซตสกี้จนแน่น
“ ขอโทษที” วิคเตอร์ผ่อนแรงลงเพื่อปล่อยปอยผม ก่อนจะจ้องมองที่ผมยาวสีทองของชายหนุ่ม (ใช่ มิสเตอร์ ยูริ พลีเซตสกี้) และค่อยๆเปียมันอีกครั้ง
“ นายขอโทษเหรอ?”
“ แน่นอนสิ”
ยูริโอะกุมขมับและเงยหน้าราวกับกำลังเล่นละครอโศก “ ท่าทางวันนี้พายุหิมะเข้าแน่”
“ จากพยากรณ์อากาศก็ว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”
“ ฉันประชดโว้ย”
ทั้งคู่อยู่ในลานที่พวกเขาโตและฝึกกันมาตั้งแต่ยังเป็นมือสมัครเล่น กอร์กีและมิล่ากำลังคุยกันอย่างออกรสกลางลาน แต่วิคเตอร์คิดว่ามิล่าแขวะกอร์กีอยู่มากกว่า ดูจากสีหน้าของชายหนุ่มผมดำที่เหมือนอยากจะวิ่งหนีจากเธอเต็มแก่ ยาคอบในชุดโอเวอร์โค้ทไม่สวมเนกไทกำลังบ่นใส่คนทั้งคู่ ได้ยินเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ เป็นเพลงที่ยูริโอะจะใช้ในการแข่งยูโรเปียนคัพในอีกสองเดือนข้างหน้า เนื้อเพลงสื่อถึงธรรมชาติและกลิ่นหอมของใบไม้ ชนิดที่หลับตาก็นึกภาพคุณอยู่ท่ามกลางป่าและน้ำตก อากาศสะอาดสดชื่นเลยทีเดียว ซึ่งตรงกันข้ามกับเพลงปีที่แล้วที่เกี่ยวกับความตาย (ยูริโอะชอบเพลงปีที่แล้วมาก และยาคอบกับลิเลียต้องพยายามอย่างมากที่จะทำให้ยูริโอะยอมรับเพลงใหม่นี้ได้)
วิคเตอร์เปียผมให้ยูริโอะอย่างละเมียดละไมและพิถีพิถัน ยอมรับก็ได้ว่าเวลาลูบผมยูริโอะ ก็ชวนให้คิดถึงผมตัวเองสมัยที่ยังไว้ยาวอยู่เสมอ นานมากแล้วที่ไม่ได้ทำผมแบบนี้ ปกติลิเลียจะเป็นคนทำผมให้ยูริโอะ แต่เธอไปเป็นโค้ชให้ยูริในขณะที่กำลังแข่งสี่ทวีป โปรแกรมของยูริในปีนี้มีท่าบัลเล่ต์เป็นจำนวนมาก การมีลิเลียไปเป็นโค้ชจะช่วยให้คำแนะนำยูริมากขึ้น
อย่างน้อย นั่นก็เป็นเหตุผลที่ยูริบอกเขา
แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้ไปด้วยน่ะรึ?
วิคเตอร์ควรจะซ้อมเพื่อยุโรเปียนคัพ ยูริว่าอย่างนั้น
อยากได้เหตุผลอีกข้อใช่มั้ย จริงๆแล้วยูริให้เขามาหลายข้อเลยล่ะ ทั้งห่วงเขาและบอกให้วิคเตอร์ดูแลสุขภาพตัวเอง ทั้งบอกว่าให้วิคเตอร์ตั้งใจกับการแข่งของตัวเอง ยูริพูดเยอะกว่าปกติเวลาต้องการหลีกหนีจากอะไรสักอย่างหรือพยายามหาข้อแก้ตัว และวิคเตอร์ก็ไม่เคยขัดใจ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาพยายามคุยภาษาเดียวกับยูริ ถ้ายูริอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองก็ย่อมได้ อยากให้อยู่เงียบๆเฝ้ามองยูริและเคียงข้างเขาก็ทำ บอกว่ามันคือแหวนเครื่องรางเขาก็จะเข้าใจว่ามันคือเครื่องราง บอกว่าไม่ใช่การแต่งงานเขาก็ยอมรับ บอกว่าอยากให้เขากลับไปแข่งเขาก็กลับ
วิคเตอร์ไถลไปตามพื้นน้ำแข็ง สถานที่ที่ใช้เวลาอยู่มาทั้งชีวิตมากกว่าอยู่บ้าน มันเคยเป็นเพื่อนในยามที่เขาโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่งพิง ใช่ วิคเตอร์ไม่มีเพื่อน ไม่ใช่มีน้อยแต่ไม่มี ทุกครั้งก่อนแข่งสิ่งที่เขาจะทำคือหลับ ไม่ใช่การยืดเส้น ทำสมาธิ ดูนักกีฬาคนอื่น แต่เป็นการหลับ การจมดิ่งลึกลงไปในความมืดอันเงียบงันและรอให้ใครมาปลุก กอร์กีเคยล้อว่า ‘จะรอให้เจ้าชายมาจูบแล้วค่อยตื่นเหรอ?’ อืม...ก็ไม่ผิดซะทีเดียว แต่ส่วนใหญ่เจ้าชายที่ว่าถ้าไม่ใช่ยาคอบ ยูริโอะ มิล่า ก็จะเป็นนาฬิกาปลุกในมือถือ ซึ่งเขาคิดว่ามันปลุกได้ดีกว่าจูบเจ้าชายซะอีก ถึงตอนนั้นจะยังไม่รู้ก็เถอะว่าจูบเจ้าชายเป็นยังไง จนกระทั่ง ยูริ คัตสึกิเข้ามาในชีวิตของเขา…
“ วิคเตอร์ เป็นอะไรวะ”
มือที่ถักเปียยูริโอะชะงัก “ อะไร?”
“ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เปียผมฉันไปถอนหายใจไปเนี่ย”
“ ฉันไม่ได้ถอนหายใจเรื่องผมนาย”
“ อย่าบอกนะว่า…......โอ๊ย...บ้าเอ๊ย!! ไม่อยากจะถามเลย” ยูริโอะกัดฟันกรอด สองนิ้วนวดขมับตัวเอง ทำตัวเหมือนเป็นลุงแก่ๆทั้งที่ตัวเองยังไม่ยี่สิบดี วิคเตอร์ไม่แน่ใจว่าเขาติดนิสัยทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยเพราะอาศัยกับปู่มาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า “ ฉันสังหรณ์ใจว่าต้องเป็นเรื่องของไอ้หมูแน่ เกลียดตัวเองชะมัดที่รู้จักพวกนายดีขนาดนี้”
วิคเตอร์หยุดเปีย อันที่จริง เขาหยุดทุกการกระทำยกเว้นหายใจ หยุดแม้กระทั่งกะพริบตา เบ้ปากจนงอเป็นรูปตัวยูคว่ำ ยูริโอะหันมามองอีกฝ่ายเพราะความที่เงียบไปนาน พอเห็นสีหน้านี้ก็เริ่มหน่ายใจ
“ ยูริโอะ”
“ ไม่”
“ ยูริน่ะ--”
“ ฟัค! ไม่ต้องเล่าให้ฟังนะโว้ย อย่า! เล่า! เด็ด! ขาด!”
น่าแปลกที่รอบนี้วิคเตอร์เงียบตามที่เขาขอ หากเป็นเวลาปกติที่คู่รักสุดชื่นมื่นจนน้ำแข็งจะละลายนี้ทะเลาะหรือมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันและต้องการล่ามแปล ยูริโอะจะถูกยัดเยียดตำแหน่งนั้นให้ทันที ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม และเขาไม่เคยเต็มใจ…
แต่ถ้าเงียบแบบนี้แสดงว่าอาการหนัก คงจะไม่ใช่แค่ทะเลาะธรรมดา
ยูริโอะถอนหายใจให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง “ คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ?”
ทันใดนั้น วิคเตอร์ก็โผเข้ากอดเขาทันที หน้าซุกลงไปตรงหัวไหล่ เส้นผมสีเงินบังใบหน้างาม ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดจากคนตัวใหญ่ที่กอดเขา เหมือนตอนที่วิคเตอร์กอดเขาในการแข่ง GPF เมื่อสามปีก่อน และเป็นสัญญาณว่าหายนะกำลังจะมาเยือนยูริโอะอีกครั้ง
พวกเขานั่งคุยกันในห้องอาหารของลาน โชคดีที่ในห้องไม่มีใครอยู่ สองคนนั่งตรงข้ามกัน ยูริโอะกดน้ำผลไม้กระป๋องจากตู้กด ใส่หลอดเข้าไปและดูดดังซู้ด นั่งมองวิคเตอร์ที่ก้มมองโต๊ะสแตนเลสราวกับมันคือสมบัติที่หายากที่สุดในโลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาดูจับจ้องโต๊ะมากขนาดนั้นเลยล่ะ เส้นผมสีเงินซีดยาวระต้นคอตัดกับเสื้อคอวีสีดำและแจ็คเกตหนัง ยูริโอะแปลกใจทุกครั้งที่เห็นวิคเตอร์เริ่มไว้ผมยาว ทั้งๆที่ก่อนที่จะเจอยูริวิคเตอร์จะพยายามเล็มผมให้มีความยาวเท่าเดิมสม่ำเสมอ
“ ฉัน--” วิคเตอร์อ้าปากจะพูดแต่ก็หุบอีกครั้ง ยูริโอะยักไหล่
“ ฉันรอได้เรื่อยๆ จนกว่านายจะพูดกับโต๊ะเสร็จ”
วิคเตอร์เงยหน้ามองเขา.....แล้วในที่สุด “ ฉันคิดว่าจะรีไทร์หลังจากเวิรล์ดปีนี้”
ถ้าเป็นยูริโอะเมื่อสามปีก่อนคงจะหัวเสียไม่น้อยที่วิคเตอร์จะรีไทร์ แต่ในเวลานี้ ด้วยอายุของวิคเตอร์และวุฒิภาวะของยูริโอะ อะไรๆเปลี่ยนไป และการที่วิคเตอร์ไม่ได้อยู่บนน้ำแข็งก็ไม่ได้ทำให้การแข่งน่าเบื่อเสียทีเดียว ยูริโอะพบเจอกับความท้าทายใหม่ๆและหลากหลายกับผู้คนใหม่ๆ ยูริเป็นต้น และโอตาเบคอีกด้วย เขาเข้าใจแล้วว่าถึงไม่มีวิคเตอร์ โลกสเกตก็ต้องดำเนินต่อไป
“ อ่าฮะ”
“ ฉันยังไม่ได้บอกยูริเรื่องนี้”
มาแล้ว นี่แหละบทบาทของเขาต่อคู่นี้ คนกลาง ล่ามแปล คิวปิด จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ “ นายจะให้ฉันบอกหมูให้ใช่มั้ย? เออ ว่าไงก็ว่างั้น ไว้รอมันกลับมาจากการแข่งก่อนละกัน”
“ ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าเรื่องนี้ฉันจะคุยกับยูริเอง”
“ ถ้านายหมายถึงการคุยแบบสเกตด้วยโปรแกรมยาวห้านาทีเพียงเพื่อจะพูดออกจากทางปาก และขอพูดเลยนะว่าฉันเห็นพวกนายคุยกันด้วยวิธีมาตั้งแต่ปีแรกซึ่งโคตรจะเสียเวลาและเลี่ยนสุดๆ….ไม่ ฉันพูดเองดีกว่า”
วิคเตอร์ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย และกลอกตามองเพดานกับมุขฝืดๆของเขา “ ฉันหมายถึงคุยกันจริงๆ นี่เห็นว่าพวกฉันเป็นยังไง?”
“ แฟนที่คุยกันด้วยรองเท้าสเกตมากกว่าปากล่ะมั้ง ฉันตกใจนะที่พวกนายเล่นเกมนี้กันมาได้ถึงสามปี ไม่เหนื่อยบ้างรึ?”
วิคเตอร์เอียงคอ รอยยิ้มยังคงประดับอยู่ แต่สีหน้าของอีกฝ่ายดูเครียดขึ้งและมีแววของความเหน็ดเหนื่อย มันกลายเป็นยิ้มฝืนๆที่ยูริโอะไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดจากอะไร หรือเขาพูดอะไรผิด
ทันใดนั้น วิคเตอร์ก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะสแตนเลสเสียงดังแก๊ง จนยูริโอะสะดุ้ง “ เฮ้ย เป็น’ไรวะ?!”
“ เปล่า แค่...เหงานิดๆที่ตัดสินใจจะรีไทร์จริงๆแล้วน่ะ”
ตาสีฟ้าปิดลง ลมหายใจสูดเขาลึก เขาไม่เคยฟุบหน้าลงราวกับต้องการหนีจากสายตาของยูริโอะ ต้องการหนีออกจากโลกมากขนาดนี้
วิคเตอร์ไม่ได้ซ้อมต่อและเดินออกจากลานโดยไม่บอกใครนอกจากยาคอบที่ตะโกนด่าเขาจนเสียงก้องไปทั้งลาน เขาคิดว่ายูริโอะที่มองตามหลังเขา แต่ก็ไม่ได้สนใจมากมายซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิคเตอร์ต้องการ เขาไม่อยากให้ใครมาสนตอนนี้ อยากกลืนหายไปในกลุ่มฝูงคนที่เดินขวักไขว่ในเลนินกราด เขาสวมโอเวอร์โค้ทสีน้ำเงินเข้มและเดินไปเรื่อยเปื่อย แว่นตาดำคอยปิดบังใบหน้า แต่ก็มีคนคอยชะเง้อมองและแอบถ่ายรูปเขา น่าเสียดายที่เลนินกราดหากไม่ใช่เวลากลางคืน ผู้คนก็ริบหรี่บางตา เขายังเป็นตำนานมีชีวิตในสายตาของรัสเซียอยู่ และมันเหลืออดจนบางครั้งก็อยากจะตะโกนออกไปดังๆเลย...กลางเลนินกราดนี่แหละ...ว่าไม่เอาแล้ว
วิคเตอร์หยุดที่ร้านสตูดิโอถ่ายรูปที่มีหุ่นสวมชุดแต่งงาน เป็นชุดเจ้าบ่าวสีขาวคู่กับเจ้าสาวสีเดียวกัน เลนินกราดคือถนนสำหรับวัยรุ่นมาจับจ่ายและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มันคือห้างกลางแจ้งที่สร้างใหม่บนสถาปัตยกรรมเก่าแก่ บรรยากาศเหมาะแก่การถ่ายพรีเวดดิ้งเหลือเกินถ้าไม่นับว่าที่นี่ผ่านประวัติศาสตร์สงครามโลกที่ร้ายแรงมา แต่ใครสนประวัติศาสตร์กันล่ะ วิคเตอร์ยังไม่สนเลย
วิคเตอร์เข้าไปนั่งในร้านกาแฟโดยหันหลังให้กับหน้าต่างซึ่งเห็นวิวข้างนอก การไม่เห็นใครสักพักทำให้เขารู้สึกสงบมากขึ้น ระหว่างที่เดินมาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะกลับไปที่คอนโดดีหรือไม่ แต่เขายังไม่อยากกลับไปเจอพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยูริ อย่างน้อยก็ในตอนนี้
บาร์เค้านเตอร์ห่างจากเครื่องทำกาแฟสามเก้าอี้คือที่นั่งที่วิคเตอร์เลือก ใกล้สุดของเขามีเพียงชายวัยกลางคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ ดูเหมือนจะไม่สนใจเขาเลย ซึ่งเป็นเรื่องดี เขาสั่งกาแฟเอธิโอเปีย เชลบา...ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร มันแปะหราที่เมนูตัวเป้งๆว่าเป็นเมนูยอดฮิตก็สั่งตามนั้น พนักงานวัยรุ่นชายเมื่อเห็นเขาที่ถึงแม้จะสวมแว่นกันแดดก็อ้ำอึ้งเลยทีเดียว ทุกคนจำเขาได้เสมอ วิคเตอร์แกล้งทำท่าจุ๊ปากโดยเอานิ้วชี้แตะที่กลีบปากล่าง พนักงานผงกหัวพัลวันและรีบหันหนี เหลือไว้แต่ปลายหูสีแดงแปร๊ด
วิคเตอร์เกลี่ยนิ้วไปตามหน้าจอโทรศัพท์ สองจิตสองใจว่าจะโทรหายูริดีมั้ย บ่ายโมงของที่นี่คือทุ่มนึงของที่นู่น เขาสูดหายใจเข้าลึก เปลี่ยนไปอ่านข่าวกีฬาแทน
แก้วกาแฟสีน้ำตาลเงาขลับราวกับถูกเช็ดซะเอี่ยมจนสะอาดเกินไปถูกวางตรงหน้า มีกระดาษสีน้ำตาลสำหรับเทคเอ้าท์ห่อแก้ว กระดาษถูกเขียนด้วยปากกาสีดำวาดเป็นรูปสเกตและหัวใจ แซนวิชจานหนึ่งถูกวางตรงหน้า วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นไปเพื่อบอกว่าแซนวิชไม่ใช่ของเขา ก็เห็นบาริสต้าหนุ่มคนเดิม
“ ตามสบายเลยครับ ผมไม่กวน มื้อนี้ผมเลี้ยง”
วิคเตอร์ไม่ทำอะไรอื่นนอกจากพยักหน้า โปรยยิ้มโฆษณาและก้มลงไปอ่านข่าวตามเดิม หากคุณคิดว่าการสวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวาจะทำให้คนหยุดหยอดคุณได้ ก็ถือว่ามองชาวรัสเซียผิดไป
พูดถึงแหวน…
วิคเตอร์ยกแขนเท้าบนโต๊ะ มือกุมขมับ อาจจะมีคนแอบถ่ายรูปเขาทำท่าเคร่งเครียด แต่เขาไม่สน เมื่อทำใจได้สักพักใหญ่ๆก็กดเบอร์โทรไปหายูริโอะ ที่เขาเพิ่งจากมาไม่ถึงชั่วโมง
[อะไรอีกวะ?!] ปลายสายหอบเล็กน้อย คงอยู่ในระหว่างฝึกซ้อม
“ เราไม่ได้คบกัน”
ทั้งคู่เงียบ ได้ยินเสียงเครื่องทำกาแฟคลอไปตามเพลงฟอล์คที่ร้านเปิด
[อะไรนะ?]
“ ต้องพูดอีกรอบจริงๆเหรอ?” วิคเตอร์ถอนหายใจ “ ฉันกับยูริไม่ได้เป็นแฟนกัน”
[ห๊ะ!!?? อำกันใช่มั้ย? นายคิดถึงไอ้หมูมากจนสติเลอะเลือนคิดว่ามันจะทิ้งนายอีกแล้วใช่มั้ย อาการนี้กำเริบครั้งสุดท้ายก็คือตอนมันกลับญี่ปุ่นไปตั้งสิบวันติดต่อกัน ฉันคิดว่านายหายแล้วซะอีก]
วิคเตอร์กลอกตา และกัดฟันพูด “ ขอบคุณที่เตือนความจำนะ ยูริโอะ”
เขาไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้มากกว่านี้ เขาชอบพูดจาอ้อมค้อมบางครั้งก็แหลสดบ้างเพื่อความสนุก แต่พอต้องสารภาพความจริงออกมาทุกอย่างก็หนักอึ้งไปหมด เขาไม่มั่นใจว่าต้องร้องไห้ออกมาหรือเปล่ายูริโอะถึงจะเชื่อ ขณะที่กำลังจะทำท่าสะอึกสะอื้น(ก็ไม่ใช่การแอคติ้งซะทีเดียว เพราะน้ำตาก็เริ่มคลอเหมือนกัน) ยูริโอะก็เอ่ยถามเสียงเรียบอย่างผิดปกติสำหรับคนอย่างยูริโอะ [เรื่องจริงรึ?]
วิคเตอร์พยักหน้า ลืมไปว่าพวกเขาโทรศัพท์กันอยู่ จึงออกเสียงตอบรับเพียงเล็กน้อย“ อือ..”
[ ใครเป็นคนผิด ฉันจะ-- อา ไม่ๆ ไม่ต้องพูด นายไม่มีทางโทษไอ้หมูอยู่แล้ว ฉันจะต่อยมันให้ปลิวกลับญี่ปุ่นเอง]
“ อย่าพูดไม่รู้เรื่องน่า ยูริอยู่ในช่วงแข่งนะ”
[ ถ้าชกหลังแข่งนายจะยอมใช่มั้ย?]
“ ไม่มีทาง”
[ก็เป็นซะแบบนี้ทุกที] ยูริโอะกระชากเสียง [ฟังนะ ไอ้หมอนั่นมันหัวช้า ไม่รู้ใจตัวเอง โง่ดักดานเรื่องความรัก ฉันคนนี้เป็นคนพูดเชียวนะ Damn it! แล้วนายก็ไม่ทำอะไรสักทีตลอดสามปี! เออ นายมันก็โง่พอกัน!]
ภาพสะท้อนของตัวเองในถ้วยกาแฟสีน้ำตาลอ่อนสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย ภาพวิคเตอร์ในนั้นช่างบิดเบี้ยวและดำทะมึน แม้ว่าเขาจะยิ้มอยู่ก็ตาม
น่าขำจริงๆที่เพิ่งมารู้ตัวในเวลาที่ตัดสินใจจะรีไทร์ ว่าพวกเขายึดติดความสัมพันธ์ของทั้งสองกับการสเกตมากเกินไป เมื่อใกล้จะลาวงการ หลุมดำในใจก็แผ่ขยายกว้างขึ้น เด่นชัดขึ้น มันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้ว เป็นรูเหวอะหวะคอยกัดกินใจของเขา แต่เพราะสเกต...วิคเตอร์จึงพยายามทำเป็นมองไม่เห็นมัน
“ รู้อะไรมั้ย ยูริโอะ ฉันว่ามันก็ไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมดหรอกนะ ถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่ายูริรู้สึกยังไงกับฉัน แต่ เฮ้...เขาก็ยังอยู่กับฉันตลอด”
[ นี่พูดให้ฉันหรือตัวเองฟังวะ]
อูย
“ ทำไมต้องพูดเหมือนตัวเองโตแล้วด้วย” วิคเตอร์แกล้งทำเสียงตัดพ้อ แต่ก้อนขมๆในลำคอทำให้ยากที่จะพูดออกมา
[ ฉันก็โตแล้วโว้ย!]
“ อา นั่นสิ ลืมไปเลย” เขาไม่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะปลอบใจหรือชี้ทางแก้ปัญหา โดยเฉพาะข้อหลังที่เขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร แต่พอคิดจะทำก็เกิดกลัวขึ้นมาดื้อๆ กลัวสูญเสีย กลัวอีกฝ่ายตีจาก
[เดี๋ยว งั้นพวกนายก็ยังไม่ได้มีเซ็กซ์กันเลยน่ะสิ]
“ ขอบใจที่รับฟังนะ ยูริโอะ”
ปลายสายพูดอะไรสักอย่าง แต่เขายกหูออกและกดปิดการโทร สวมแว่นกันแดด ลุกขึ้นยืนเดินออกไปจากร้านโดยไม่แตะกาแฟเลย สองจิตสองใจระหว่างเดินเล่นต่อ กลับบ้าน หรือกลับไปซ้อม สุดท้ายก็เลือกบ้าน มันไม่ใช่ที่ที่น่าอภิรมย์ที่สุด แต่เขาก็อยู่กับมันมาได้สองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่ยูริออกเดินสายและที่นั่นมัคคาชินก็รออยู่ ช่วงนี้เขาใช้เวลาอยู่ในบ้านนานกว่าปกติ และรู้สึกว่าทุกอย่างดูกว้างขึ้นตั้งแต่คนสำคัญหายไป วิคเตอร์นอนไม่ค่อยหลับในเวลากลางคืน จ้องเพดานสีขาว มือลูบมัคคาชินไปพลาง ทำแบบนี้มาสิบกว่าวัน ครุ่นคิด ตรึกตรอง ลังเล
การถามยูริออกไปตรงๆนั่นแหละคือวิธีที่ดีที่สุด ไม่ต้องคลางแคลงใจแบบนี้ นั่นคือสิ่งที่สมองวิคเตอร์บอก แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ เขาลองพยายามจะถามหลายรอบแล้ว แต่ปากไม่เคยขยับในสิ่งที่ต้องการจะเอ่ย และสุดท้ายก็ต้องยกเลิกทุกครั้ง ท่าทางจะใช้สเกตในการสื่อสารนานเกินไป กี่ปีมาแล้วนะ ยี่สิบสองปีล่ะมั้ง?
วิคเตอร์เปิดประตูเข้าบ้าน เปิดไฟ มัคคาชินกระดิกหางพุ่งมาหา วิคเตอร์นั่งยองๆกอดมัน ปล่อยให้มันเลียหน้าและมือ เขายิ้มให้มันและเดินไปที่ตะกร้าตรงมุมทางเดิน เติมอาหารเม็ดให้มัคคาชิน ปกติจะต้องนั่งอยู่ข้างๆมันจนกว่าจะกินเสร็จ แต่วันนี้เขารู้สึกเพลียจึงมุ่งหน้าไปนอนที่โซฟาแทน มัคคาชินที่เห็นท่าทีของเจ้านายแปลกไปจึงเดินมาดมที่มือและกระโดดขึ้นมานอนด้วย
วิคเตอร์ที่นอนคว่ำอยู่ยกมือปัดหน้าของสัตว์เลี้ยง “ ไปกินก่อนไป มัคคาชิน อย่าเพิ่งเล่น” รอสักพัก น้ำหนักบนตัวหายไป มัคคาชินคงจะยอมเดินไปกินแล้ว วิคเตอร์กดหัวตัวเองลงไปในหมอนมากขึ้น
อะไรควรบอกยูริก่อนดีนะ? เรื่องที่เขาจะรีไทร์ หรือความรู้สึกของตัวเอง มีแต่หัวข้อที่ไม่อยากคุยกับยูริทั้งนั้น แล้วมันก็ผ่านไปแค่สามปี ถ้ายูริรู้ว่าเขาจะรีไทร์ก็อาจไม่อยากแข่งต่ออีกแล้วก็ได้ ยูริปรารถนาอยากให้เขากลับลงลานซึ่งเขาก็ทำแล้ว ความฝันที่จะได้รีไทร์ด้วยกันก็เป็นสิ่งที่วิคเตอร์ต้องการ ซึ่งตอนนี้สุดท้ายมันก็คือความฝัน
ถ้าบอกเรื่องรีไทร์ ยูริอาจจะไม่แข่งสเกตอีกเพราะไม่มีวิคเตอร์เป็นตัวกระตุ้น พวกเขาเคยชินกับความสัมพันธ์คลุมเครือ จะเป็นคู่แข่งกันก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิงมานานมากเหลือเกิน
ถ้าเขาบอกความรู้สึกกับยูริ….ใบหน้าขึ้นสีของวิคเตอร์ถูแรงๆกับหมอน เขาไม่เคยเป็นตัวนำความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลย จริงอยู่ว่าเขาชอบล่วงเกิน จับตัวยูริ อ้อล้อออดอ้อนอีกฝ่าย และมันก็ไม่ใช่ว่ายูริจะไม่ชอบ แต่หากถามว่าใครคนผลักดันความสัมพันธ์ นั่นคือยูริ และเป็นยูริเสมอ ยูริเป็นคนดึงทั้งสองก้าวต่อไป พวกเขาจับมือเดินไปด้วยแต่ยูริก้าวยาวกว่า ยูริมองไปข้างหน้า ส่วนวิคเตอร์มองที่ยูริ
จะยืนที่ปลายทาง รอให้ยูริมาหา
ตอนที่คิดวิธีนี้เพราะได้ยินยูริเล่าให้ฟังเรื่องที่เคยผลักหญิงที่มากอดตอนอยู่ดีทรอยต์ และวิคเตอร์จำได้ว่าตอนนั้นเขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้หญิงคนนั้น จึงเปลี่ยนตัวเองชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่ก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของยูริมากจะเกินไปอีก พยายามคุยภาษาเดียวกับยูริ และดูผลลัพธ์ของมันตอนนี้สิ สามปีที่อยู่แบบนี้ ทำให้เขาไม่อาจเดินหน้าได้อีก
ต้องเปลี่ยนตัวเอง ต้องรุกเต็มที่ รุกไล่เหมือนมัคคาชินที่โดดเลียหน้ายูริเลย ทำไมมัคคาชินทำได้แต่เขาไม่กล้าล่ะ นี่เขาเจ้านายมันนะ ต้องกล้า ต้องเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง
ถ้าถูกปฏิเสธล่ะ?
โอเค นั่น...เป็นผลลัพธ์ที่อยู่ในความคาดหมายแต่ไม่อยากให้เกิดก็เลยไม่อยากคิดถึงมัน แต่พอตั้งใจว่าจะสารภาพ ภาพที่ยูริผลักเขาออกเหมือนสาวดีทรอยต์ก็ผุดขึ้นมา เขาไม่เคยเห็นหรอกว่าเธอคนนั้นหน้าตาอย่างไร เธอกอดยูริอย่างไร ยูริผลักเธอออกแรงแค่ไหน เธอล้มหรือเปล่า หรือยูริวิ่งหนีมั้ยหลังจากนั้น แต่ภาพในหัวกลับผุดขึ้นมาเอง เขาคือคนที่ถูกผลัก ขณะนั่งบนพื้นก็เงยหน้ามองยูริที่ยืนอยู่ ยูริไม่ได้วิ่ง แต่หันหลังเดินห่างออกไป เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเจ็บกว่ากันระหว่างยูริวิ่งหรือเดินจากไป แต่เอาเป็นว่าแผ่นหลังของยูริคือภาพที่เขาไม่อยากเจอ
“ มัคคาชิน” วิคเตอร์ลุกตัวนั่ง มัคคาชินได้ยินเสียงจึงเดินมาหา วิคเตอร์กอดมันแรงๆ ซุกหน้าลงไปในไรขนหยิกสีน้ำตาล “ คิดถึงยูริจัง” เขาอยากรู้ว่ามัคคาชินเบื่อบ้างหรือไม่ที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ทุกวัน แต่หากเขาคิดอะไร ส่วนใหญ่มันก็จะคิดแบบนั้น ถ้าเขารักใคร มัคคาชินก็จะรักคนคนนั้น
เขาไม่อยากสูญเสียยูริ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพราะงั้น..
----------------
วิคเตอร์เปิดตู้เย็นโดยเอาโทรศัพท์แนบหู ก่อนจะดันไหล่ปิด ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วแต่เขายังนอนไม่หลับ เพราะเมื่อครู่การแข่งสเกตสี่ทวีปเพิ่งจบรอบโปรแกรมยาวไป เขาดูผ่านสตีมและรอเวลาที่นักกีฬายูริจะขึ้นมา ยูริเป็นคนสุดท้ายที่จะสเกต นั่นแปลว่าเขาเป็นอันดับหนึ่งของโปรแกรมสั้น วิเศษเหมือนเคย เว้นเสียแต่เครื่องแบบสีขาวที่อีกฝ่ายสวมในโปรแกรมยาว มันดูเฉิ่มสุดๆเสียจนวิคเตอร์อยากจะโดดเข้าไปในจอเพื่อถลกมันออก
เมื่อต่อติดก็ได้ยินเสียงยูริ [วิคเตอร์!! เห็นที่ผมสเกตมั้ย!?] ยูริพูดเร็วสลับกับเสียงหอบ
“ ฉันละอยากทึ้งชุดนายจริงๆ แต่อย่างอื่นสวยมาก นายงดงามมาก ยูริ ถึงจะอยู่ในชุดอวกาศนั่นก็ตาม” วิคเตอร์นั่งลงบนโต๊ะเค้านเตอร์ แกะโยเกิร์ตรสผลไม้รวมทาน
[มันตรงกับธีมของผมนะ] ยูริบ่นอุบอิบ [แล้วมันก็ไม่ใช่ชุดอวกาศด้วย คุณเคยเห็นชุดอวกาศของจริงซะที่ไหน]
“ ก็ไม่ ดีจริงๆที่นายแข่งเป็นครั้งสุดท้าย เสร็จแล้วจะได้มาเผาชุดนั้นกัน”
[ผมไม่แปลกใจเลยที่หาเนกไทสีฟ้าผืนเก่าไม่เจอ] ยูริว่ากลับ แต่ก็หัวเราะในลำคอ วิคเตอร์ก็เช่นกัน รัสเซียช่วงนี้หนาวเป็นพิเศษแต่ไม่ใช่กับเวลานี้สำหรับเขา [กินข้าวรึยัง?]
“ อ่าหะ”
[รดน้ำต้นไม้แล้วใช่มั้ย]
“ ครับแม่” วิคเตอร์แกล้งพูด ถึงกับได้ยินเสียงยูริชะงักไป โยเกิร์ตในถ้วยหมด วิคเตอร์เลียช้อนจะสะอาดเกลี้ยง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอน มัคคาชินเดินตาม ร่างสูงเพรียวล้มนอนลงบนเตียงดังตุบ มัคคาชินกระโดดขึ้นมานอนข้างๆ
น่าแปลกที่เมื่อตอนบ่ายเขายังหนักใจเรื่องของยูริแท้ๆ แต่พอได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็เหมือนเวลาถูกหยุดพร้อมกับความเจ็บปวด
[ผมเห็นรูปคุณในแทบลอยด์ วันนี้คุณโดดซ้อมเหรอ?] หม่าม๊ายูริถาม ซึ่งวิคเตอร์ก็ได้แต่กัดฟันสีไปมา พยายามหาข้ออ้าง
[คุณมองชุดแต่งงานอยู่รึ?]
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของยูริทำให้ใจวิคเตอร์เต้นระรัว เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าฉี่รดที่นอนหรือแมวที่รู้ตัวว่าทำแจกันแตก มันไม่ใช่ความตื่นเต้นที่รู้สึกเบิกบานเท่าไหร่ “ นั่น...ฉันก็แค่ไปเดินเล่นแถวเลนินกราดเอง” เขาคงต้องรู้จักหัดปลอมตัวด้วยวิธีอื่นนอกจากใส่แว่นซะแล้ว
“ กลับมาเมื่อไหร่ไปซื้อสูทแถวนั้นให้นายกัน ตัวที่ใส่ในกาล่าน่ะเห่ยสุดๆ” วิคเตอร์กล่าว และยูริเงียบไป...นานพอสมควรทีเดียว “ ยูริ?”
[ผมอยากเห็นวิคเตอร์ใส่ชุดแต่งงานจัง]
“ อ้อ งั้นนายลองไปดูโปรแกรมเก่าของฉันสิ สักหกปีก่อน ฉันใส่ชุดแต่งงานสเกตล่ะ” ยูริเงียบไป คราวนี้นานจะวิคเตอร์เริ่มแปลกใจ “ ยูริ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
[ เปล่าครับ เปล่า] เขาได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย [วิคเตอร์ ตอนที่ผมกลับไป ผมมีเรื่องจะต้องพูดกับคุณให้ได้ เอ่อ...ช่วยรอ..ผม..]
เสียงของยูริแน่วแน่ ถึงจะสั่นไหวอยู่บ้าง จริงจังแต่ไม่มั่นคงเท่าไหร่ ถ้าเป็นเวลาปกติ วิคเตอร์คงจะหน้าแดงตื่นเต้นคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายพูดแล้ว ตอนนี้เขาก็ยังหน้าแดง แต่ด้วยความรู้สึกตรงกันข้าม
“ น่าแปลกใจจริงๆ เพราะฉันก็มีเรื่องที่จะพูดกับนายเหมือนกัน”
[จริงเหรอ?!]
มุมปากยกขึ้นเป็นร้อยยิ้มบางๆ คิ้วขมวดเล็กน้อย วิคเตอร์หลับตา “ ไว้เจอกันนะ”
[วิคเตอร์ ผมไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ค...คราวนี้ ผมจะพูดออกไปให้ได้!]
บางครั้ง เขาก็อยากให้ยูริแบ่งความกล้าแบบนั้นออกมาบ้าง หากคนนอกมองพวกเขาสองคนจากที่ไกลๆ ก็คงจะคิดว่าวิคเตอร์เป็นฝ่ายควบคุมความสัมพันธ์ ซึ่ง….ว่ากันตรงๆ เขาปล่อยให้ยูริเดินนำและเขาตามต่างหาก เขาไปได้ทุกที่ที่ยูริพาไป และวิคเตอร์รอได้ เขาไม่ได้เก่งเรื่องรอใคร แต่นี่คือยูริ คนที่กุมใจได้อยู่หมัดตั้งแต่แรกพบ
เขาเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคง มองผนังห้องที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือ
“ ฉันก็จะพูดเหมือนกัน”
วิคเตอร์กล่าวเบาๆ
[คุณต้องตกใจแน่ว่าผมจะพูดอะไร]
ตรงกันข้าม เขากลัวที่จะมองปฏิกิริยาของยูริหลังจากพูดสิ่งที่กำเงียบไว้ในใจออกไป
“ งั้นเราก็ต้องมาดูกันสินะ ว่าใครจะทำให้ใครเซอร์ไพรส์ได้มากกว่ากัน” เสียงหัวเราะในลำคอดังจากปลายสาย ยูริหัวเราะแบบนี้ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบ “นายไปนอนเถอะ ที่โน่นใกล้จะตีสองแล้วไม่ใช่รึ?” ถึงจะรู้ดีว่ายูริเป็นคนนอนเช้าก็ตาม แต่ตีสองในขณะที่วันต่อไปจะต้องขึ้นเครื่องบินนั้นเหนื่อยไม่น้อยเลย
[ครับ คุณแม่] ไม่บ่อยนักที่ยูริจะพูดล้อเลียนแบบนี้ วิคเตอร์ยิ้มตรงมุมปาก ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ก็ทำให้เขาหน้าแดงได้ [ฝันดี วิคเตอร์]
“ เหมือนกัน”
วิคเตอร์วางมือถือลงข้างหมอน กลับท่ามานอนหงาย มองเพดานที่มืดทึบและเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ได้เปิดไฟตอนเข้าห้องมา ตาสีปิดลง คิ้วขมวดกันจนยุ่ง มัคคาชินเขยิบตัวเข้ามาใกล้เขาราวกับรู้สึกได้ว่าเขาต้องการความอบอุ่นตอนนี้ วิคเตอร์กอดมันและซุกหน้าลงไป
“ ไม่เป็นไร มัคคาชิน ฉันทำได้...ฉันพูดมันออกไปได้ ไม่เป็นไร”
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นน้ำแข็ง เราเรียกว่าความรัก
แต่เมื่อออกมายืนบนผืนดินแข็งกระด้าง ฉันอยากรู้มากพอๆกับที่กลัวคำตอบ ว่าความรักจะยังคงอยู่หรือไม่
TBC
------------------------
ผมรู้สึกว่าวิคเตอร์กับยูริคุยกันด้วยภาษาสเกตตลอดตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก น่ารักด้วยซ้ำ แต่ตอน 12 คือจุดเปลี่ยนมุมมองของผมต่อคู่นี้ เราไม่เห็นทั้งสองคนเคลียร์กันด้วยภาษาคนรักหรือคนสองคนที่มีปัญหากัน เห็นแต่ตอนแข่งซึ่งก็คุยด้วยสเกตเหมือนเดิม ผมไม่รู้สึกว่าพวกเขาคุยเรื่องสเกตในเชิงอุปมาอุปไมยความสัมพันธ์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหมือนประโยคขอแต่งงานเลยเนอะแก//นั่งคุยกับเพื่อนตอนเรียนพิเศษ----
อืม เหมือนเห็นอะไรสักอย่างในประโยคนี้ หวังว่าจะจริงนะคะ
แต่ปฏิกิริยาวิคมันช่าง....เฉยเหลือเกิน😂 ไปหาดูสิอะไรกันคะวิค นี่คือยูริพูดแค่เป็นนัย ไม่พูดตรงๆบ่อยไปจนชินชาไปแล้วเหรอ(ก็ดู"เครื่องราง"รูปแหวนแต่งงานสีทองวิบวับทิ่มตานั่นสิ...)
-รักยูริโอะจังเลย
-แปลกใจนิดหน่อยที่กอร์กียังอยู่ที่ลาน นางก็อยู่อึดอยู่ยาวพอๆกันกับวิคเลย มัคคาชินด้วย แต่อยู่เถอะมัค เดี๋ยววิคพังหนักกว่านี้
ต้องให้ยูริเมาถึงจะได้ยิน ต้องให้วิคเตอร์บอกคนอื่นแล้วถ่ายทอดมสถึงจะเห็น
ยูริดูเป็นผู้ชายญี่ปุ่น ที่มีปัญหาเรื่องการบอกรัก ส่วนวิคเตอร์เอาจริงเป็นคนใสใส หวาดกลัวความรัก หนักพอกัน
ขอให้ยูริไม่คิดเอาเองอีก เห็นแล้วคิดว่าวิคเตอร์อยากแต่งงานกับคนอื่นไม่เอานะ มึนเกิน
ยูริโอะผู้เป็นทุกอย่าง โธ่ /กอด/ หวังว่าหนูจะไม่หมานะคะ T_T ถ้าสองคนนี้ได้แต่งงานจริงๆ ไปขอบคุณยูริโอะซะด้วย!!!
ยูริจะพูดเรื่องอะไรคะ ลุ้น ตื่นเต้นนนนน
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้คลุมเครือจริงๆ เหมือนจะใช่แต่ก็เฟหมือนไม่ใช่ ดูไม่ชัดเจน คนบางคนเขาก็ไม่ได้คุยกันผ่านสเก็ตเพื่อความยื้ดเยื้อเหมือนเธอสองคนไหมเนี่ย(ฉันก็หนึ่งในนั้น) แต่วิคยิ่งแก่แล้วดูมีความน้อยใจ มีความคิดมากหนักกว่าเดิม ประมาณสาว 30 ที่มีแฟนแต่แฟนไม่ขอแต่งงานสักที แต่เพราะวิคไหลตามยูริตลอด ซึ่งความสัมพันธ์มีพื้นที่ระหว่างกันมาก มากเกินจนทำให้อีกฝ่ายไม่แน่ใจ ตอนหน้ายูริก็ขอวิคแต่งสักทีเถอะ... นางแก่แล้ว-- //โดนวิคตบ
รอตอนต่อไปอย่างมั่นคงค่ะ! 5555555