ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมสัตว์โลก และสัตว์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #30 : ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง [Huli jing]

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 51





    ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง  
    [Huli jing]







    ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง (九尾の妖狐, คีวบิโนะโยโกะ) ปีศาจในตำนานญี่ปุ่น คำว่า คิว (九) หมายถึง เก้า, บิ (尾) หมายถึง หาง และ (โยโกะ) หมายถึง ปีศาจจิ้งจอก โดยสามารถหมายถึง

    คิทซึเนะ (狐) - จิ้งจอกในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นมีพลังพิเศษต่างๆ 

    ตามตำนาน ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางมีที่มาจากอินเดีย, จีน และญี่ปุ่น ซึ่งนัยว่าเป็นปิศาจตนเดียวกัน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการสืบทอดวัฒนธรรมจากอินเดียไปยังจีนตามเส้นทางสายไหม และไปยังญี่ปุ่นโดยการเผยแพรทางวัฒนธรรม




    เรื่องเล่าของพวกคิทซึเนะหรือปีศาจจิ้งจอก สามารถพบได้ตามแถบตะวันออกของเอเชีย ตามความเชื่อแล้วปีศาจจิ้งจอก เป็นจิ้งจอกที่มีพลังเวทย์ มีทั้งพวกที่จัดว่าศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นข้ารับใช้ของเทพอินาริ ซึ่งเป็นเทพแห่งการเพาะปลูก และพวกที่จัดว่าเป็นผีร้าย ปีศาจจิ้งจอกมีความเชี่ยวชาญในมนต์มายา และวิชาแปลงกาย ซึ่งบ่อยครั้งที่มักจะแปลงกายเป็นมนุษย์ เชื่อกันว่าสุนัขจิ้งจอกที่อายุยืน และมีตบะแก่กล้ามากพอ จะสามารถกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกได้ เมื่อปีศาจจิ้งจอกอยู่จนครบ 100 ปี จะมีหางเพิ่มขึ้นมาหนึ่งหาง และมีพลังแข็งแกร่งขึ้น และหากมีหางครบเก้าหางเมื่อไหร่ จะมีพลังมหาศาลและชาญฉลาดอย่างยิ่ง 





    ปีศาจจิ้งจอกมีสังคมคล้ายคลึงกับมนุษย์ ทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าและยืนสองขา บางครั้งก็เข้ามาปะปนอยู่กับ มนุษย์ธรรมดา ปีศาจจิ้งจอกสามารถแปลงกายได้แนบเนียน จนมนุษย์ธรรมดาจับไม่ได้ ปีศาจจิ้งจอกตนใดถูกมนุษย์จับได้ จะถูกลงโทษอย่างหนักจากสังคมปีศาจจิ้งจอก การที่ปีศาจจิ้งจอกจะสำเร็จ วิชาแปลงกาย สามารทำได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การใช้กะโหลกมนุษย์ช่วยใน การแปลงกาย แต่ปีศาจจิ้งจอกที่ไม่ระมัดระวังอาจจะเหลือหลักฐานบางอย่าง อย่างเช่น ลืมแปลงกายอวัยวะบางส่วนที่อยู่ใต้เสื้อผ้า 


    จิ้งจอกเก้าหางของญี่ปุ่น






    (
    http://youkaiou.exblog.jp/2500107/)






    เมื่อปีศาจจิ้งจอกแปลงร่างเป็นมนุษย์ มันก็มัความรู้สึกหรือความต้องการคล้ายมนุษย์เช่นกัน ปีศาจจิ้งจอกชอบกินของอร่อยๆ โปรดปรานเต้าหู้ทอด ชอบการได้สัมผัสกาย รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ เป็นหนึ่งในปีศาจที่มีเรื่องเล่าถึง สายสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งกับมนุษย์ การที่ปีศาจจิ้งจอกต้องแปลงกายมาปะปนกับมนุษย์ ไม่มีเหตุผลที่แน่นอน บางครั้งเชื่อว่า มันมาเพื่อค้นหาความรัก มีเรื่องเล่าว่า มีปีศาจจิ้งจอกที่แปลงกายเป็นสตรีที่งดงาม และแต่งงานอยู่กินกับมนุษย์ ทั้งยังสามารถสืบทายาทได้ด้วย ทายาทปีศาจจิ้งจอกจะมีความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ รวมไปถึงมีพลังเวทย์ติดตัว และมีเสน่ห์ที่ประหลาด จนมีคำเล่าลือว่า องเมียวที่มีชื่อเสียงที่ชื่อ อาเบะโนเซย์เมย์ (Abe no Seimei) เป็นทายาทของปีศาจจิ้งจอก 






    มนต์มายาของปีศาจจิ้งจอกลึกล้ำมาก ถึงแม้ว่ามนุษย์จะรู้ว่าต้องมนต์ของปีศาจจิ้งจอก แต่สัมผัสของมนต์มายาก็เหมือนจริง จนแทบแยกความจริงกับภาพมายาไม่ออก ปีศาจจิ้งจอกที่มีตบะมากจะรู้จิตใจของมนุษย์ ทำให้สามารถสร้างภาพมายาที่มนุษย์คนนั้นต้องการเห็นได้ ทำให้แม้มนุษย์อยากปฎิเสธ ก็ยากที่จะทำได้ 






    ในบางครั้งมีการกล่าวไว้ว่าคิทซึเนะจะดูดกลืนพลังชีวิตจากวิญญาณมนุษย์เพื่อเพิ่มกำลังวังชาผ่านการปั่มป๊ามกับมนุษย์ จึงไม่แปลกที่ในตำนานจีนจะมีเรื่องของจิ้งจอกจำแลงตัวเป็นนางสนมเอกของฮ่องเต้ ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการพลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่และควบอำนาจยึดครองประเทศในคราวเดียวกันนั่นเอง ดังนี้เองประเทศจีนจึงมองคิทซึเนะเป็นปีศาจร้ายเช่นเดียวกับ Kumiho จิ้งจอกเก้าหางของทางเกาหลีที่ชอบเดินดุ่มๆไปตามหลุมศพควักหัวใจจากศพมนุษย์มากินเป็นมื้อดึก 





    บางตำนานเล่าว่าคิทซึเนะแต่ละตัวจะมีลูกกลมๆที่เรียกว่า hoshi no tama หรือลูกบอลดวงดาวติดตัว ความเชื่อว่าเจ้าลูกบอลนี่เป็นแหล่งพลังงานเวทมนต์ของคิทซึเนะ ถือเป็นของรักของหวงและจุดอ่อนสำคัญ หากมนุษย์คนไหนสะสมครบเจ็ดลูกแล้วก็จะขอพรต่อเทพเจ้ามังกรได้... ล้อเล่นน่ะ หากมนุษย์คนไหนเอา hoshi no tama ของคิทซึเนะตัวใดๆมาได้ ก็จะสามารถบังคับให้จิ้งจอกตัวนั้นทำสัญญาอะไรก็ได้เพื่อที่มันจะได้เอาลูกแก้วกลับคืนมาเป็นของตน 







    พูดถึงจุดอ่อนแล้ว พวกอินุหรือสุนัขจัดเป็นศัตรูตัวฉกาจของจิ้งจอกคิทซึเนะเลยทีเดียว ทันทีที่จิ้งจอกน้อยเห็นสุนัขเมื่อไหร่จะตกใจกลัว หากมันกำลังแปลงกายเป็นใครก็ตามก็จะกลับคืนสู่ร่างจิ้งจอกและรีบหนีไปทันที และเช่นเดียวกับปีศาจญี่ปุ่นทั่วไป คิทซึเนะจำต้องรักษา 'ชื่อจริง' ของมันเอาไว้ มิเช่นนั้นอาจจะถูกพวกนักปราบปีศาจหรือพวกองเมียวจินำชื่อไปใช้เพื่อบริกรรมคาถากักตัวไม่ให้คิทซึเนะเคลื่อนไหวหรือเพื่อกำจัด


    (
    http://www.bestiarium.com.ar/2008/03/kitsune.html)




    ชาวญี่ปุ่นโบราณมักมีความเชื่อเสมอว่าสุนัขจิ้งจอกตนใดที่มีอายุเกิน100ปีขึ้นไปสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นจะกลายเป็นปิศาจจิ้งจอก และปิศาจจิ้งจอกมักจะแปลงกายมาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านอยู่เสมอ ปิศาจจิ้งจอกนั้นสามารถสร้างภาพที่เคลื่อนไหวต่างๆให้เป็นภาพลวงตาไว้คอยกลั่นแกล้งคนที่เดินทางผ่านป่าตอนกลางคืนได้ 





    และมีตำนานที่เล่าถึง อนเมียวโคคุบงคิวบิ หรือ ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง หนึ่งในผีๆชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย ตำนานมีอยู่ว่า ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางได้จำแลงร่างเป็นหญิงงามนามว่า ทามาโมะ มาเอะ และได้ลอบเข้าไปในวังจักรพรรดิ์ในฐานะสนมเอกซึ่งท่านโชกุนเองก้ได้ถูกมนต์เสน่ห์ของนางจนลุ่มหลงมัวเมา นางปิศาจคอยยุยงให้จักรพรรดิ์ก่อสงครามทำลายมนุษย์ด้วยกันเองมากมาย แต่ในที่สุดโชกุนได้พบกับนักบวชผู้หนึ่ง 




    นักบวชบอกว่าแท้จริงแล้วสนมเอกเป็นนางผีจิ้งจอกแปลงกายมา เมื่อรู้ความจริงแล้วนางปิศาจจิ้งจอกก็ได้เผยร่างจริงออกมาเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่ทองอร่าม สูงเท่ากำแพงวังจักรพรรดิ์ และมีเก้าหาง จิ้งจอกเก้าหางได้หนีไป ทางโชกุนเองก้ได้ส่งกองทหาร 15000 คน ตามไปต่อสู้กับนาง มาจนถึงหุบเขาเมียวโค นางจิ้งจอกเก้าหางได้สู้กับกองทหาร ท้ายสุดนางก้พ่ายแพ้ไปและร่างกายสลายกลายเป็นหินก้อนหนึ่งเรียกว่าหินฟุโยเคอิ(หินชีวีสังหาร) ซึ่งวันดีคืนดีหินนั้นจะปล่อยแก๊ซพิษออกมาคร่าชีวิตชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งสถานที่ๆกล่าวมานั้นในปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดนิงาตะ และหินฟุโยเคอินั้นก็ยังคงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้






    รูปร่างลักษณะ เป็นสุนัขจิ้งจอกขนทองอร่ามทั้งตัว ตัวใหญ่ และมีหางถึงเก้าหาง.

    สถานที่ปรากฏตัว แต่เดิมนางอยู่ที่หุบเขาใดไม่มีใครทราบ แต่เริ่มเข้ามาก่อกวนในราชสำนักเมื่อประมาณ คศ.1200 -ถูกปราบในปี คศ.1203

    สิ่งที่ชอบ พลังวิญญาณของมนุษย์

    สิ่งที่เกลียด เครื่องลาง ของขลัง และยันต์ (สิ่งของพวกนี้อาจทำลายนางไม่ได้แต่ก้ปกป้องตนเองให้รอดพ้นจากนางได้)

    อนึ่งมักเกิดความสับสนในผู้ที่เริ่มต้นศึกษาซึ่งเอาตำนานของปีศาจจอกเก้าหางมารวมกับตำนานของเทพเจ้าแห่งจิ้งจอก อินาริ (稲荷, Inari หรือ Oinari) ซึ่งแท้จริงเป็นคนละอย่างกัน อินารินั้นเป็น คามิ (神, Kami) หรือเทพเจ้าองค์หนึ่งตามตำนานของศาสนาชินโตซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่น








    จิ้งจอกเก้าหางของจีน



    เรื่องจิ้งจอกเก้าหางของจีน มีปรากฏอยู่ในตำนานเรื่อง ฮ่องสิน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และภูตผีปิศาจ โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า พระเจ้าโจ้วหวาง (ติวอ๋อง) แห่งราชวงศ์ซางได้ไปสักการะเจ้าแม่หนวี่วา (หนึงว่าสี) ในวิหารของเจ้าแม่ ตามปกติ รูปเคารพเจ้าแม่จะมีห้าแพรบางๆ กั้นใบหน้าอยู่ บังเอิญขณะนั้นมีลมพัดผ่านมา ทำให้ผ้าแพรเปิดออก โจ้วหวางได้เห็นใบหน้ารูปเคารพของเจ้าแม่หนวี่วางดงามยิ่งนัก จึงออกปากมาว่า เจ้าแม่งดงามขนาดนี้ หากได้มาเป็นมเหสีน่าจะดี



    เมื่อเจ้าแม่หนวี่วาได้ยินดังนั้น จึงกริ้วมาก รับสั่งให้ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง, ปิศาจพิณ และปิศาจไก่ มาทำให้โจ้วหวางเกิดความลุ่มหลงจนบ้านเมืองล่มสลายเพื่อเป็นการลงโทษ แต่อย่าให้ราษฎรต้องเป็นอันตราย




    ในขณะนั้น มีนางงามนางหนึ่ง นามว่า ต๋าจี ลูกสาวของเจ้าเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งถูกส่งตัวเข้าวังเพื่อเป็นพระสนมของโจ้วหวาง ต๋าจี เป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมโนมพรรณงดงามมาก แต่หญิงงามมักอาภัพนัก จิ้งจอกเก้าหางได้แอบลอบฆ่าต๋าจี และสวมรอยเป็นต๋าจีเสียเองเพื่อลักลอบเข้าวัง





    เมื่อโจ้วหวางได้พบต๋าจีก็รู้สึกพึงพอใจในตัวต๋าจีเป็นอย่างมาก เนื่องจากต๋าจีมีรูปโฉมงดงามราวกับเจ้าแม่หนวี่วา กิริยาวาจาไพเราะอ่อนหวานราวกับเทพธิดามาแต่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ยากที่จะหาหญิงใดในแผ่นดินเสมอเหมือน จิ้งจอกเก้าหางจึงได้เริ่มการทำให้โจ้วหวางลุ่มหลงในตัวนาง ซึ่งไม่ได้เป็นการยากเย็นกระไรเลย เพราะนอกจากมีความงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังสามารถร้องเพลง และเล่นดนตรีได้ไพเราะ อีกทั้งร่ายรำได้งดงาม ทำให้โจ้วหวางนานวันก็ยิ่งลุ่มหลงนางจนถอนตัวไม่ขึ้น และนางก็ได้ส่งเสริมให้โจ้วหวางทำแต่เรื่องชั่วร้าย ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาอยู่เสมอมา





    ในที่สุด ต๋าจี หรือจิ้งจอกเก้าหางก็ได้ยุให้โจ้วหวางสร้างหอสอยดาวขึ้น ยังความทุกข์ยาก และนำมาซึ่งความตายแก่ราษฎรจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานมาสร้างหอสอยดาวนี้




    แต่ในที่สุด ปิศาจทั้งสามก็ถูกผู้มีวิชาปราบลง คือ เจียงจื่อหยา ซึ่งได้ฝึกวิชาบนภูเขาจนกลายเป็นผู้วิเศษ ได้รับบัญชา เทียนมิ่ง จากสวรรค์ให้มาปราบทุกข์เข็ญของเหล่าราษฎร พร้อมทั้งนาจาศิษย์เอก ปิศาจทั้งสามถูกจับตัวไปให้เจ้าแม่หนวี่วาตัดสินโทษ จิ้งจอกเก้าหางเห็นว่าตนสามารถทำงานที่เจ้าแม่มอบหมายให้ ทำไมจึงยังมีโทษอีก เจ้าแม่หนวี่วากล่าวว่าได้ใช้ให้ไปทำลายแต่เพียงโจ้วหวางเท่านั้น หาได้สั่งให้ไปเข่นฆ่าผู้คนมากมายเช่นนี้ไม่ การทำเกินกว่าคำสั่งแบบนี้จำต้องถูกลงโทษ ทั้งปิศาจพิณ และปิศาจไก่จึงถูกลงโทษให้ตายตกไปตามกัน ส่วนจิ้งจอกเก้าหางนั้นหลบหนีการลงโทษไปได้ โจ้วหวางนั้น เมื่อสูญเสียเมียรักไปจึงเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก เผาหอสอยดาวทิ้ง และตายในกองเพลิงนั้นเอง



    (
    http://flickr.com/photos/84104729@N00/886310340/)




    ที่มาขอข้อมูล

    http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=331134&eid=1
    : Forte  @ http://www.thaicomic.com/forum/viewtopic.php?p=164152&highlight=&sid=d268daa9e166f8fe1ca4e8845448ac5e
    :[~Dekcomz~] @ http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=30904
    : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87


     


    (
    http://kitsune-corp.blogspot.com/2007_03_01_archive.html)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×