ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมสัตว์โลก และสัตว์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #24 : นกแสก (Barn Owl)

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 51




    ..นกแสก..
    (Barn  Owl)

    นักล่ายามราตรี







    นกแสก
    ชื่อสามัญ Barn Owl
    ชื่อวิทยาศาสตร์ Tyto alba
    วงศ์ Tytonidae






    นกแสก บางประเทศเรียกว่านกหน้าลิง เนื่องจากวงหน้าเป็นรูปหัวใจสีขาว ดูคล้ายหน้าลิง







    นกแสกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tyto alba ชื่อสกุลคือ Tyto เพี้ยนมาจากคำว่า tuto ในภาษากรีก ซึ่งหมายถึง นกเค้า ส่วนชื่อชนิดคือ alba มาจากคำว่า albus ในภาษาละติน ซึ่งแปลว่า สีขาว รวมความแล้วจึงแปลว่า นกเค้าสีขาว เพราะขนส่วนใหญ่เป็นสีขาว โดยเฉพาะใต้ปีกซึ่งขาวมาก






    ในเวลาที่นกแสกบินผ่านหน้าเราไปในยามค่ำคืนอันมืดมิด เราจึงเห็นเป็นนกขนาดใหญ่สีขาวๆ บินผ่านหน้าเราไปอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ ใครที่มองไม่ค่อยทัน จึงมักทึกทักเอาว่าได้เห็นภูตผีปีศาจลอยผ่านหน้าไป








    ลักษณะทั่วไป



    นกแสกเป็นนกในวงศ์ Tytonidae คนละวงศ์กับนกเค้าต่างๆ ซึ่งอยู่ในวงศ์ Strigidae แต่รูปร่างหน้าตาโดยทั่วๆ ไปคล้ายคลึงกับนกเค้า ลำตัวตั้งตรง และสอบมาทางด้านท้าย คอสั้นมาก หัวโตและกระหม่อมแบน ใบหน้าก็แบนมากซึ่งเห็นได้ชัดถ้าหากมองทางด้านข้าง ดวงตาเล็กอยู่ทางด้านหน้าของหัว รอบๆ ดวงตามีขนซึ่งเรียงออกไปดูคล้ายกับจานครึ่งวงกลม เรียกกันว่า วงหน้า (facial disc) เมื่อวงหน้าทั้งสองมาชนกันที่กึ่งกลางหน้าจึงทำให้เห็นใบหน้าของมันเป็นรูป หัวใจ  ซึ่ง นกตัวผู้และนกตัวเมียมีสีสันเหมือนกัน แยกความแตกต่างไม่ได้เลย แต่นกตัวเมียมีตัวโตกว่าเล็กน้อย





    (http://partysucks.spaces.live.com/?_c11_BlogPart_BlogPart=blogview&_c=BlogPart&partqs=amonth%3D5%26ayear%3D2007)






    นกแสกมีขนสีขาวขึ้นอยู่เต็มไปหมด ออกแบบมาไว้ป้องกันเสียงที่เกิดจากลมเวลาบิน เพราะหากไม่มีขนแน่น ลมจะผ่านเส้นขนจนเกิดเสียงสะท้อน ทำให้เหยื่อไหวตัวหนีได้ทัน เวลามันหากินจะเกาะนิ่งๆ ในระดับสูง ตากลมดำโตนั้นคอยจ้องมองเหยื่อตามพื้นดิน ทางด้านท้องมีสีขาว และมีจุดมีเทาและสีน้ำตาลทั่วไป ขนปีกและหางมีลายขวางสีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน ปากแหลมงุ้ม ขนตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาล ปนเทา มีจุดสีขาว และสีน้ำตาลทั่วไป เล็บเท้ายาวงุ้มและแหลม เล็บที่นิ้วกลางลักษณะคล้ายฟันเลื่อย เวลาบินร้องเสียง "แสก"  มีสายตาและประสาทหูดีมาก 










    ตาของมันสามารถเห็นเหยื่อชัดในเวลากลางคืน โดยเฉพาะหูของมันถูกออกแบบมาให้เยื้องมาด้านหน้า ตรงกับจานรับเรดาร์ตามโครงหน้าของมัน เพื่อไว้คอยรับเสียงที่แม้เหยื่อจะเดินอย่างแผ่วเบาที่สุดในระยะ 9-10 เมตร มันก็ยังได้ยิน ฉะนั้นยามที่มันบินโฉบตะครุบเหยื่อจะไม่เคยพลาดเลย ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นนักล่าเหยื่อยามราตรีตัวฉกาจอย่างไม่ต้องสงสัย











    นกแสกมีความยาวจากปลายปากถึงปลายหาง 34 ซม.   ขาท่อนบนมีขนปกคลุมด้วย และคลุมลงมาจนถึงขาท่อนล่างตอนบน ส่วนขาท่อนล่างตอนล่าง รวมทั้งนิ้วเท้าและเล็บเป็นสีน้ำตาลแกมดำ นิ้วเท้ามีข้างละ 4 นิ้ว ยื่นไปข้างหน้า 2 นิ้ว และยื่นไปข้างหลัง 2 นิ้ว แต่ในเวลาที่มันใช้กรงเล็บไล่จับเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนู นิ้วเท้าหลังด้านนอกจะหันมาข้างหน้าได้ ทำให้มันจับเหยื่อได้ถนัดและคล่องแคล่วขึ้น








    กลางวันชอบนอนบนเพดานบ้านหรือที่มุมมืดหลังคาโบสถ์ ชอบกินหนูนา ใต้ตรงที่มันเกาะนอนมักพบซากกระดูกและหนังของหนู หรือเหยื่ออื่นๆที่มันสำรอกคายของแข็งๆที่มันย่อยไม่หมดตกลงไปกองอยู่บนพื้น ดิน ก้อนที่มันสำรอกคลายทิ้งนี้ดูคล้ายกับก้อนข้าวเม่าทอด




    (http://www.zyworld.com/NAKARIN/aboutbirdarticle1.htm)




    ออกหากินในเวลากลางคืน ชาวบ้านถือกันว่า หากมันไปเกาะอยู่บนหลังคาบ้านใคร จะทำให้เกิดเรื่องไม่ดี จะมีคนเจ็บคนตาย รุ่งเช้าจะต้องทำบุญตักบาตรเพื่อล้างเคราะห์ เรื่องนี้ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ






    นกแสกนี้ผสมพันธุ์ตลอดปี ยกเว้นฤดูฝน ปกติจะไม่สร้างรัง แต่จะอาศัยอยู่ตามโพรงไม้ ช่องเจดีย์ คาบเอาเศษหญ้ามาปูรองพื้นไว้สำหรับวางไข่ ครั้งละ 4 -7 ฟอง ระยะฟักไข่ประมาณ 30 วันจึงออกเป็นตัว












    ถิ่นที่อยู่อาศัย









    นกแสกสามารถปรับตัวเข้าไปเกาะหลับนอนและทำรังวางไข่ อยู่ได้แทบทุกแห่งที่มีลักษณะเป็นโพรง ช่อง ซอก หรือถ้ำ แม้แต่ในอุโมงค์ลึกใต้ดิน นกแสกก็ยังบินเข้าไปเกาะหลับนอนหรือทำรังวางไข่ได้ และยังพบได้ทั่วไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย และพบได้ทั่วทุกทวีปด้วย ยกเว้นเฉพาะทวีปแอนตาร์คติกที่มีอากาศหนาวเย็นเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตร้อนโลก ไม่ค่อยแพร่กระจายเข้าไปในเขตอบอุ่น  






    อาทิเช่น   อินเดีย, อันดามันส์, ชวา, พม่า, เขมร, เวียดนาม, โคชินไชนา, ลาวและไทย สำหรับ   ประเทศไทย มีอยู่ทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออกเฉียงใต้







    ความเชื่อต่างๆที่เกี่ยวกับนกแสก









    ชาวบ้านเชื่อกันว่า      ถ้าหากนกแสกบินไปเกาะที่หลังคาบ้านใครที่มีคนนอนป่วยอยู่เพื่อรอวันตาย จะมีคนตายในบ้านหลังนั้นทันที ด้วยเหตุนี้ในเวลาที่ใครได้เห็นนกแสก มักจะเข้าใจเอาเองว่า ได้เห็นภูตผีปีศาจ หรือ เชื่อว่ามีภูตผีปีศาจอยู่ใกล้ๆ จนเกิดอาการหวาดกลัวเมื่อได้เห็นนกแสก








    บ้างก็เชื่อว่า  นกแสกเป็นพาหนะของ พญายม เทพเจ้าแห่งความตายที่จะพาวิญญาณของคนตายไปสู่ยมโลก ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 เคยมีข่าวว่า พระภิกษุที่วัดเหมืองหม้อ จังหวัดแพร่ ได้จับนกแสกที่ทำรังอยู่ในซอกใต้หลังคาวิหารเอามาขังกรง เพราะชาวบ้านในละแวกนั้นต่างพากันหวาดกลัวว่าเป็นนกปีศาจ จนกลายเป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง









    ในต่างประเทศ นกแสกก็ยังคงเป็นสัญญลักษณ์แห่งความตายเช่นกัน ในอิตาลี บนเกาะซิซิลี (Sicily) ชาวบ้านเชื่อว่า ถ้าหากนกแสกส่งเสียงร้องใกล้ๆ บ้านหลังใดซึ่งมีคนนอนป่วยอยู่ คนนอนป่วยในบ้านหลังนั้นจะตายภายใน 3 วัน แต่ถ้าในบ้านหลังนั้นไม่มีคนนอนป่วยอยู่ คนในบ้านหลังนั้นจะมีอาการเจ็บป่วยเพราะต่อมทอนซิล (tonsil) อักเสบ









    อย่างไรก็ดี ชาวโรมันและชาวกรีกโบราณถือกันว่า นกแสกเป็นนกที่บอกลางร้ายเท่านั้น และความเชื่อเช่นนี้ยังสืบทอดติดต่อกันมาจนถึงชาวอังกฤษและชาวยุโรปชาติ อื่นๆ อีกด้วย








    แต่ในประเทศฝรั่งเศส ตอนใต้ นกแสกกลับกลายเป็นนกที่บอกลางดี เพราะชาวบ้านเชื่อกันว่า ถ้าหากมีนกแสกมาส่งเสียงร้องอยู่ในปล่องไฟของบ้านหลังใดที่มีหญิงกำลังตั้ง ครรภ์ หญิงคนนั้นจะให้กำเนิดทารกเป็นเด็กผู้หญิง แต่ถ้าหากโยนเกลือเข้าไปในกองไฟในเตาผิงแม้เพียงเล็กน้อย หญิงคนนั้นจะให้กำเนิดทารกเป็นเด็กผู้ชาย







    นอกจากนั้นชาวอินเดียเชื่อว่า นกแสกเป็นนกของ พระลักษมี เทวีแห่งโภคทรัพย์และการเกษตร เพราะนกแสกช่วยกินหนูในท้องนาให้ เกษตรกร ชาวฮินดูในแคว้นเบงกอลเองก็เชื่อว่า หากนกนี้ทำรังในบ้านใคร บ้าน นั้นจะมีทรัพย์สินเงินทองที่นกนี้นำโชคดีมาให้ 











    นกแสกในวรรณกรรมของไทย








    รำพันพิลาป


       ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณ
    ให้สุดสิ้นดินฟ้าทุกราศี
    เงียบสงัดวัดวาในราตรี
    เสียงเป็ดผีหวี่หวีดจังหรีดเรียง
    หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอก
    สำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง
    เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียง
    ตีอกเพียงผึงผึงตะลึงฟัง









    นิราศเรื่องนี้มีความยาว 424 คำกลอน แต่งเมื่อปี พ.ศ. 2385 ขณะที่สุนทรภู่มีอายุได้ 56 ปีและบวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ซึ่ง กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ อุปถัมภ์อยู่






    นิราศเรื่องนี้เป็นการหวนรำลึกและรำพันถึงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าในชีวิต ที่ผ่านมาของสุนทรภู่ ซึ่งท่านได้เล่าเรื่องของท่าน นับตั้งแต่ออกจากราชการ จนกระทั่งมาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม หลังจากนั้นได้รำพันถึงความไม่สบายใจของท่านนับตั้งแต่เดินทางกลับมาจาก สุพรรณบุรี เพราะเกิดขัดสนขึ้นมา เนื่องจาก พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ซึ่งเคยให้ความอุปการะมาห่างเหินไป และ เจ้าอาวาสซึ่งเคยมีไมตรีต่อกัน ก็มามีเรื่องขัดใจกัน







    สุนทรภู่ได้เอ่ยถึงนกแสกไว้ในตอนต้นเรื่อง ซึ่งสุนทรภู่ได้บรรยายถึงบรรยากาศในเวลากลางคืนอันเงียบสงัดที่วัดเทพธิดา ราม ที่มีแมลงต่างๆ ส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ และมีเสียงร้องของนกแสกแทรกอยู่เป็นระยะๆ เพราะนกแสกเป็นนกที่ออกหากินในเวลากลางคืนอันเงียบสงัด และชอบอาศัยอยู่ตามวัดวาอาราม รวมทั้งป่าช้าด้วย ช่วยทำให้บรรยากาศใน รำพันพิลาป ดูหดหู่ เงียบเหงาและน่าเศร้ายิ่งขึ้น










    กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า
    ของ พระยาอุปกิตศิลปสาร










    นกเอ๋ยนกแสก
    จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
    อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์
    มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา
    เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู
    คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา
    ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา
    ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมันเอย








    กลอนดอกสร้อยบทนี้ สะท้อนให้เห็นชีวิตของนกแสกได้เป็นอย่างดีว่า ผูกพันอยู่กับวัดวาอารามและป่าช้าเพียงใด จนทำให้เรื่องราวของนกแสกมักจะเกี่ยวข้องกับภูตผีปีศาจและความตายอยู่เสมอๆ







    นกแสกที่มีอยู่ในประเทศไทย  


    มีชนิดย่อยดังนี





    1.T.a.stertens หน้าสีขาว ขอบหน้าไม่เข้มมาก สีเทาอมฟ้าค่อนข้างจาง สีส้มหรือสีทองค่อนข้างจางท้องขาว หรือบ้างครั้งมีสีขาวอมสีน้ำตาลนิดๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว จุดกลมส่วนใหญ่จะอยู่บนหน้าอก สีเทาหรือน้ำตาลอมเทา ใต้ปีกเวลาบินโดยรวมทั้งหมดเห็นเป็นสีขาว เพราะลายที่ปีกสีเทาจางมากทั้งที่ข้อมือและปลายปีก.







    2.T.a.deroepstorffi หน้าค่อนข้างขาว แต่สีขาวจะเหลือบสีม่วงน้ำเงินอ่อนจางๆ ขอบหน้าสีน้ำตาลเข้ม สีเทาและสีน้ำตาลอมแดง บนหลังและแถบลายที่ปีกและปลายปีกเข้ม (ใกล้เคียงกับสีบนหลังของ Grass owl แต่ไม่เหมือน )ท้องขาวบริเวณหน้าอกสีน้ำตาลอ่อน จุดหน้าอกเป็นรูปหางปลาสีน้ำตาลอ่อน









    3.T.a.javanica ในหน้าขอบรอบตา รอบโคนจมูกและปากสีน้ำตาลเข้ม ขอบหน้าสีน้ำตาลเข้มหลังสีเทาและสีน้ำตาลอมแดงหรือเกือบจะเป็นสีเทาดำเข้ม ใกล้เคียงกับชนิดที่ 2 ใต้ปีกเวลาบินเหมือนกันกับชนิดที่ 2
    สำหรับ Short-eared owl และ Eastern grass owl เวลาบินใต้ปีกในตัวเต็มวัยเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่หน้าอกมีลายขีดเข้มกับลายจุดเล็ก สีบนหลังคล้าย Grass owl แต่สีน้ำตาลอมแดงยังไม่เข้มเป็นสีดำหรือชอกโกแลตมากพอ หน้าอกพอจะมองเห็นเป็นสีน้ำตาลจางๆ แต่ทีสำคัญใต้ปีกบนข้อมือและปลายปีกเห็นเป็นสีเทา แถบลายบนขนปลายปีกจางแทบมองไม่เห็นหรือมองไม่เห็นเลย5 ซึ่งจะมีในใต้ปีกของ Barn owl ส่วน ใน Grass owl และ Short-eared owl จะมองเห็นข้อมือแถบลายขนปีกและปลายปีกเป็นสีเข้มหรือสีดำชัดเจน











    นกแสกแดง







    นกแสกแดง  ( Oriental Bay Owl )  อยู่ในสกุลนกแสกแดง Genus  Phodilus  ชื่อสกุลมาจากคำในภาษากรีกคือ  phos  แปลว่าแสงสว่าง และ deilos  แปลว่าขี้อายหรือกลัว ความหมายคือ  " หากินในเวลากลางคืน ( กลัวแสงสว่าง ) " 




       นกแสกแดง ( Oriental Bay Owl )  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phodilus badius  ชื่อชนิดเป็นคำในภาษาละตินคือ badius แปลว่าสีน้ำตาลแดง  ความหมายคือ " นกที่มีสีน้ำตาลแดง "  พบและจำแนกชนิดได้ครั้งแรกที่ เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย  ทั่วโลกมีนกแสกแดง 5 ชนิดย่อย  ประเทศไทยพบ 1 ชนิดย่อย



       รูปร่างลักษณะ  เป็นนกขนาดเล็ก ความยาวจากปลายปากจดหาง 28 - 29 ซม.  รูปร่างโดยทั่วไปคล้ายนกแสก แต่นกแสกแดงลำตัวด้านบน เป็นสี น้ำตาลแดงถึงน้ำตาลเหลือง  มีลายจุดสีน้ำตาลเหลือง ถึงสีเนื้อ  ใบหน้าสีเนื้อแกมชมพู   ตาสีน้ำตาลเข้ม  ข้างหูมีขนสีน้ำตาล  งอกเป็นพุ่มขนเล็กน้อย  ลำตัวด้านล่างสีเนื้อแกมชมพูมีลายจุดสีออกม่วง ขณะบินจะเห็นปีกค่อนข้างสั้น  ชนิดย่อยที่เป็นชนิด อ้างอิง หลักคือ  P . b . badius  มีรูปร่างลักษณะดังนี้





       นกที่เต็มวัย   คล้ายนกแสก แต่มีขนาดตัวเล็กกว่า  ตามลำตัวมีแต้มเป็นรูปสามเหลี่ยมสีชมพู ปนขาวอมเหลือง  ขนรอบวงหน้าสีค่อนข้างขาว หรือ ขาวอมเหลือง  บริเวณหูมีขนยาวนูนขึ้นมา และระหว่างตามีเจือสีค่อนข้างดำ  ลำตัวด้านบนสีส้มอมแดงปนลายขีดหรือจุดสีดำ  และ สีขาวกระจาย ประปราย ทั่วลำตัว  ยกเว้นที่กระหม่อม , มีสร้อยรอบวงหน้าเป็นเส้นเล็กๆสีดำ   มีแถบกว้าง สีเหลืองทองปนขาวอมเหลือง เป็นขนฟูรอบคอ และ แต้มที่ขนคลุมปีกด้านชิดลำตัว  ลำตัวด้านล่างมีสีชมพูจางๆแบบสีซึม  อกและบริเวณรอบๆอก   มีจุดประเล็กๆสีดำกระจายทั่วไป



       ชนิดย่อย  P . b. saturatus พบทางภาคตะวันตก ภาคเหนือของเมียนม่าห์  ลำตัวบางส่วนมีสีน้ำตาลเข้ม 

      

       นิสัยประจำชนิด  หากินในเวลากลางคืน  ในเวลากลางวันส่วนใหญ่มันหลบซ่อนในโพรงต้นไม้  ทำให้เห็นตัวค่อนข้างยาก  นกแสกแดงบินได้ดี แต่มักเห็นบินเฉพาะช่วงหาอาหารเท่านั้น นอกจากนี้มันยังเกาะต้นไม้ได้ดี สามารถเกาะได้ทั้งแนวนอนอย่างนกเกาะคอน และเกาะทางด้านข้าง ของกิ่งไม้ ใหญ่ หรือลำต้นอย่างนกหัวขวาน โดยใช้กรงเล็บที่แข็งแรงช่วยจิกเนื้อไม้ 





    นกแสกแดงเป็นนกล่าเหยื่อ   มีพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนนกแสกคือ   เมื่อเห็นศัตรูหรือเมื่อตื่นกลัวมันจะส่ายตัวไปมา  โดยการขยับหัวไหล่ขึ้นลงทีละข้าง  ทำให้ร่างกายพลิกไปมา ซ้ายทีขวาทีอย่างช้าๆ  เหมือนใบไม้ใบใหญ่ สีน้ำตาลแห้งๆถูกลมพัดพลิกไปมา  พรางตาศัตรูว่ามันคือใบไม้แห้งๆใบหนึ่งได้ดีมาก  นอกจากนี้นักปักษีวิทยาบางท่านกล่าวว่า อุปนิสัยส่วนใหญ่ของ นกแสกแดงไม่เหมือนกับนกในวงศ์นกแสก  แต่เหมือนกับพวกนกเค้าในวงศ์ Strigidae  มากกว่า




       แหล่งอาศัยหากิน      พบตามป่าดงดิบ ป่าพรุ ป่าเบญจพรรณ พื้นที่เกษตรกรรม  พื้นที่ต่อเนื่องกับป่าโกงกาง  ตั้งแต่ระดับพื้นราบจนกระทั่งระดับ ความสูง 1, 220 เมตร จากระดับน้ำทะเล  พบน้อยที่จะขึ้นไปถึงระดับ 2,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล  ในป่าชายฝั่งทะเล  มักพบเกาะในระดับต่ำตาม ส่วนโค้ง หักศอก ของรากโกงกาง




       อาหาร      ได้แก่ กิ้งก่า กบ ด้วงปีกแข็ง แมลงขนาดใหญ่ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนูป่า   มีพฤติกรรมการหาอาหาร โดยการบินโฉบ และจับด้วยกรงเล็บ  นกแสกแดงมีขนคลุมปีก และลำตัวที่อ่อนนุ่ม การบินจึงเงียบไม่มีเสียง  เหยื่อจะไม่รู้ตัวก่อนถูกโจมตี   หากเหยื่อเป็นชิ้นเล็กมันจะ กลืนกินทั้งตัว  ถ้าเหยื่อมีขนาดใหญ่จึงจะใช้ปากฉีกกินทีละชิ้น  ส่วนที่ย่อยไม่ได้ เช่น ขน เกล็ด กระดูก  มันจะสำรอกออกมาเป็นก้อนเล็กๆทิ้งทางปาก 



       ฤดูผสมพันธุ์ทำรังวางไข่  อยู่ในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม   ทำรังตามโพรงต้นไม้ทื่เกิดตามธรรมชาติ หรือโพรงที่สัตว์อื่น ทำไว้   รังอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 2 - 5  เมตรหรือสูงกว่า มักใช้โพรงเดิมเป็นประจำทุกปี นอกจากโพรงนั้นจะถูกสัตว์อื่นแย่งใช้และ มันไม่สามารถ ขับไล่ได้  ปกติไม่มีวัสดุรองพื้นรัง  ไข่มีรูปร่างค่อนข้างกลม  สีขาว ผิวเรียบ ขนาดเฉลี่ย 30.0 X 34.5  มม.  วางไข่ครอกละ 3 - 4   ฟอง   บางรังมี  5  ฟอง  ตัวเมียฟักไข่เพียงตัวเดียว โดยเริ่มฟักตั้งแต่ออกไข่ฟองแรก  ใช้เวลาฟักไข่ 28 - 30 วัน นกทั้งสองเพศช่วยกันเลี้ยงลูกนก





    ลูกนกเมื่อแรกเกิด มีขนอุย สีขาว  คลุมลำตัวห่างๆ   ขาและนิ้วยังไม่แข็งแรง  พ่อแม่นก จะช่วยกันกกและหาอาหารมาป้อนลูกนก ในระยะแรกพ่อแม่จะฉีกอาหารเป็นชิ้นๆ  เมื่อลูกนกโตพอประมาณ และแข็งแรงบ้างแล้ว   พวกมันจะนำเหยื่อทั้งตัวมาให้ บางครั้งเป็นเหยื่อที่ยังมีชีวิต เพื่อฝึกให้ลูกนกได้เรียนรู้วิธีการจับเหยื่อ ตั้งแต่ยังเล็ก 




    ลูกนกออกจากไข่ไม่พร้อมกัน  ทำให้มีขนาดตัวแตกต่างกัน เล็กน้อย  ลูกจะเจริญเติบโตและพัฒนาขนปกคลุมลำตัวอย่างรวดเร็ว   เมื่ออายุได้  2   สัปดาห์มันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก  มีขนอุยสีขาวคลุมทั่วตัว   อายุ 3 สัปดาห์เริ่มแข็งแรงพอจะเดินภายในรังได้   อายุ 4 สัปดาห์จะมี ขนแข็งปกคลุมลำตัวแทนขนอุยและเริ่มหัดบิน   อายุ  5  สัปดาห์ขึ้นไป  มันจะบินได้แข็งแรงและหากินเองได้ แต่จะยังใช้รังเป็นที่อาศัยต่อไป




       แหล่งแพร่กระจายพันธุ์   เป็นนกประจำถิ่น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของอินเดีย , ศรีลังกา , ภาคใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของจีน , หมู่เกาะซุนดาใหญ่ , ฟิลิปปินส์  ( โดยเฉพาะที่เกาะ Samar )  , เป็นนกแสกชนิดที่พบในเนปาล  สำหรับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้  เป็นนกประจำถิ่นที่พบไม่บ่อยของเมียนม่าห์ ( ยกเว้นภาคตะวันตก และ ภาคกลาง ) , ทั่วทุกภาคของไทย , สิงคโปร์  , ภาคตะวันตกของตังเกี๋ย  ,  ภาคกลาง ภาคใต้ของอันนัม ,



       สำหรับประเทศไทย   นกแสกแดงเป็นนกประจำถิ่น  พบบ่อย  ปริมาณปานกลางทั่วทุกภาคของประเทศ  ชนิดย่อยที่พบในประเทศไทยคือ  P . b . badius  ชื่อชนิดย่อยมีที่มาและความหมาย เช่นเดียวกับชื่อชนิด





    ที่มาของข้อมูล 

    " นกในเมืองไทย "  โดย รศ. โอภาส ขอบเขตต์ 

    :  http://www.zyworld.com/NAKARIN/HTMLorientalbayowl.htm

    นกตะวัน  @  http://board.dserver.org/n/noktawan/00000033.html

    :  http://www.tu.ac.th/usr/bird/barn_owl.htm


    :   http://www.komchadluek.net/news/2005/09-04/farm-18494080.html


    มงคล  @  http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=pidjalew&topic=1006&page=3

    :   โลกมหัศจรรย์  ของ เครือวัลย์  อัยลา เรียบเรียง





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×